คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : LUCY: หญิงสาวสวยพิฆาต และการเดินทางข้ามเวลา
"ลูซี่"
เป็นภาพยนตร์ทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ว่าด้วยการทำงานของสมอง
เธอเป็นหญิงสาวโชคร้ายที่ถูกแก๊งค้ายาจับไปเป็น
"ภาชนะ" สำหรับขนส่งยาเสพติด พวกเขาผ่าท้องเธอ
และยัดยาเสพติดชนิดหนึ่งเข้าไปไว้ในนั้น
และบังคับให้ลูซี่เดินทางไปส่งยาตามสถานที่ต่างๆ
แต่กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง ลูซี่ถูกชายคนหนึ่งทุบตีอย่างหนักจนทำให้ถุงเก็บยาในท้องแตกออก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง
สสารนั้นทำปฏิกิริยาที่น่าทึ่งกับสมองของลูซี่
มันทำให้เธอควบคุมการทำงานของสมองได้มากขึ้นจาก 10% เป็น 20% เป็น 30% และสุดท้าย
ลูซี่สามารถควบคุมการทำงานของสมองได้ถึง 100%
เมื่อสมองทำงาน 100%
ลูซี่จึงเข้าใจตรรกะเหนือมนุษย์ เธอกลายเป็น "ตัวแทน" ของความรู้ทุกๆ
แขนงในจักรวาล เธอกลายเป็นอนัตตา เป็นความสมบูรณ์ชนิดที่ไม่สามารถพัฒนาได้อีก
ลูซี่เป็นสรรพสิ่ง ขณะเดียวกัน เธอก็เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่มีเอกภาพ
ตัวตนของเธออยู่ “เหนือ” กฎของเวลาในจักรวาล
ความเป็นอนัตตาอยู่เหนือกฏของเวลาได้อย่างไร?
เราทุกคนต่างรู้ว่าสรรพสิ่งล้วนอยู่ภายใต้กฎของเวลา
ที่เดินไปข้างหน้าในอัตราที่เท่ากัน โดยไม่มีสถานะหยุดนิ่ง ช้าลง หรือเร็วขึ้นได้
แต่ลูซี่กลับอธิบายกลไกในการเดินทางข้ามเวลาด้วยทฤษฎีที่ขัดต่อสามัญสำนึกอย่างมาก
เธอกล่าวว่า “หากเราเร็วขึ้น เวลาก็จะช้าลงจนถึงหยุดนิ่ง” หรือก็คือ
ถ้าอยากเดินทางข้ามเวลา คุณจำเป็นต้อง “เร่งความเร็ว”
ต้องเร่งความเร็วแค่ไหนจึงมากพอจะเดินทางข้ามเวลาได้?
คำตอบของคำถามนี้อยู่ในทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ (Special
Relativity) ของนายอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขามีสมมติฐานเกี่ยวกับหลักการเคลื่อนที่ที่น่าสนใจ
และขัดกับสามัญสำนึกทั่วไป
ทฤษฎีนี้กล่าวว่า “อัตราเร็วของแสงในสุญญากาศเป็นค่าคงที่สากล (c) ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนที่ของแหล่งกำเนิดแสงนั้น”
แสงเดินทางด้วยความเร็วคงที่เท่ากับ C (300,000 กม. /วินาที โดยประมาณ) ขณะที่เส้นรอบวงของโลกมีความยาว 40,000
กม. ดังนั้น แสงจึงเดินทางรอบโลกได้ถึง 7.5 รอบ ใน 1 วินาที
ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเองไปทางทิศตะวันออก
(ทวนเข็มนาฬิกา) ด้วยความเร็ว 0.5 ม./วินาที แต่ไม่ว่าอย่างไร
แสงก็ยังคงเดินทางด้วยความเร็วเท่าเดิม และไม่ถูกหักล้างจากการหมุน
ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษมีกฏที่ชื่อ
"ความไม่แปรเปลี่ยน (Invariance)" ที่มีไว้ใช้อธิบายเอกภาพของแสงเท่านั้น
มันหมายถึง
ไม่ว่าโลกจะหมุนเร็วขึ้นหรือช้าลงเพื่อหักล้างกับความเร็วแสงมากน้อยเพียงใด
ผู้สังเกตก็จะเห็นความเร็วของแสงในอัตราเร่งเท่าเดิม
นั่นคือคำตอบของคำถาม
สิ่งที่เป็นอนัตตา
และมีเอกภาพเหนือเวลาก็คือแสงนั่นเอง หากเราต้องการเดินทางข้ามเวลา
เราจำเป็นต้องมีอัตราเร่งเท่ากับแสง C (ประมาณ 300,000 กม. /วินาที)
หรือต้องมีพาหนะที่สามารถเร่งความเร็วได้เท่ากับอัตราเร่งข้างต้น
หากเราสามารถเดินทางด้วยอัตราเร่งนั้น เวลาจะเดินช้าลง จนถึงขั้นหยุดนิ่ง
สมมติให้คุณนั่งอยู่บนจรวดที่เร่งความเร็วเท่ากับ
C
ไปรอบโลกเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
เวลาของเราในจรวดอาจจะเดินช้ากว่าเวลาของโลกที่อาจเคลื่อนที่ผ่านเวลาไปเป็นร้อยปีแล้วก็ได้
เพราะจากทฤษฎีและการทดลอง ทำให้เชื่อได้ว่าจักรวาลใช้ความเร็วแสงเป็นหลักในการก้าวผ่านเวลา ไม่ว่าจะเป็นในเชิงกราวิตอนหรือโฟตอน และเพื่อให้เราได้สังเกตปรากฏการณ์หนึ่งๆ ในกรอบอ้างอิงเฉื่อยเหมือนกันอย่างถูกต้อง ให้ระลึกไว้เสมอว่า ความเร็วแสงในสุญญากาศจะต้องเท่ากัน
ถึงแม้มันจะฟังดูขัดต่อสามัญสำนึกแค่ไหนก็ตาม
ความคิดเห็น