ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ม นุ ษ ย์ แ ม ว | มินิวรรณกรรมโลกหลุดของแมวหนึ่งตัว

    ลำดับตอนที่ #9 : บ ท ที่ ๘ | เรื่องที่ตาแก่เล่าให้หมาลาบาดอร์ฟัง

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 59










    บ ท ที่ ๘


    เรื่องที่ตาแก่เล่าให้หมาลาบาดอร์ฟัง

     







    ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

    เสียงโทรศัพท์ดังอยู่ใกล้ๆตัว ผมจึงตื่น หลังจากกดปิดเวลาที่ตั้งปลุกเอาไว้แล้ว ผมก็ยังรู้สึกขี้เกียจและยังคงฝังตัวอยู่ในผ้าห่มหน้าๆ ไอ้จุ่นนอนอยู่ใกล้ๆ มันขยับเหยียดแข้งเหยียดขาอย่างแมวขี้เกียจ


    " เป็นแมวนี่ก็ดีเหมือนกันนะ "

    ผมพูดพลางลุกขึ้นจากเตียง ไอ้จุ่นยังสามารถนอนเกลือกอยู่บนเตียงของผมได้ ในขณะที่ผมต้องตื่นขึ้นเพื่อไปเรียน... แมวมันดีก็แบบนี้ล่ะนะ

    ผมใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ หลังเช็คของในกระเป๋าว่าไม่ได้ลืมอะไร ผมก็ย่องออกจากห้องปล่อยให้ไอ้จุ่นมันนอนบิดขี้เกียจต่อไป ผมค่อยๆย่องลงบันไดไปยังครัวชั้นล่าง คุ้ยหาขนมปังในตู้ และปาดมันด้วยมาการีนรสเค็ม กินคู่กับนมแพะหนึ่งแก้ว ในขณะที่ผมกำลังกระดกนมแพะเกรดดีจากแก้วอยู่นั้นเอง ผมได้ยินเสียงกอกแกกดังมาจากอ่างล้างจาน


    " ร้องเรียกเหมียวๆเดี๋ยวก็มา~ "

    ไอ้จุ่นนั่งร้องเพลงอยู่ที่ขอบอ่างล้างจาน มิหนำซ้ำยังทำหนวดกระดึกไปมา ผมกลืนนมแพะลงคอ รู้สึกถึงกลิ่นสาบที่ตีขึ้นมาในโพรงจมูก หลังจากนั้นผมก็พยายามกลืนนมที่เกือบพุ่งออกจากปากตัวเองรอมร่อ

    " ส่งนมแก้วนั้นมา นี่คือการปล้น~ "

    ไอ้จุ่นว่า


    " ค๊อก !... "

    ผมตบหน้าอกตัวเองหลายป้าบเลยทีเดียว นี่ไอ้จุ่นมันกะฆ่าผมเลยล่ะครับ แน่นอน มันกะให้ผมสำลักนมแพะตาย ช่างเป็นแผนการฆ่าตกรรมที่แยบยลยิ่งนัก

    " เห็นมั้ยล่ะ ถ้าส่งให้ฉันแต่แรกก็ไม่ต้องมาสำลักหน้าดำหน้าแดงแบบนี้หรอก~ "


    " เอ็งลงมาได้ไงฟะ !! "

    ผมตะโกนถามหลังจากกลืนนมแพะลงคอสำเร็จ เล่นเอาปวดคอเลยทีเดียว


    " ใช้นวัตกรรมใหม่ในการเคลื่อนย้าย เรียกว่า เทเลพอร์ต... "

    มันพูดหน้าตาเฉย แล้วมันก็ทำหนวดกระดิกไปมาอีกแล้ว !

    เอาจริงดิ่ ! เทเลพอร์ตเนี่ยนะ ผมรู้ว่ามันเทเลพอร์ตตัวเองมาไม่ได้ แต่ผมแปลกใจว่ามันรู้ความหมายของคำพวกนี้จริงๆเรอะ ? มันจะเกินแมวไปแล้วนะเฮ้ย ไอ้จุ่น !


    " เอ็งไปเอาไอ้คำนี้มาจากไหนฟะ! แล้วแมวมันทำท่าหนวดกระดึกแบบนั้นได้ด้วยเรอะ ! "

    ผม(กะโกน)ถาม ในขณะเดียวกันก็ชี้หน้ามันไปด้วย


    " มนุษย์หน้าโง่อย่างนายจะไปเข้าใจอะไร๊ เพราะแบบนั้นถึงต้องไปโรงเรียนใช่มั้ยล่ะ เอ้า~ มาได้แล้วไอ้หนู เดี๋ยวจะไปโรงเรียนสายนะ "

    มันพูดจบก็โดดลงจากอ่างล้างจานแล้วเดินชูหางออกไปที่หน้าประตูบ้าน แต่ผมรู้สึกสังหรใจแปลกๆ


    " เฮ้ย จะไปไหนน่ะ "

    ?








    " เอาหัวลงไปสิ่ "

    ผมบอกไอ้จุ้นด้วยความรำคาญ น้ำหนักตัวของมันมากทีเดียว ผมเริ่มกังวลว่าสายกระเป๋าของผมจะขาดรึเปล่า ตอนที่เลือกซื้อมา ผมก็แค่กะจะเอามาใส่หนังสือกับปากกาสองสามแท่งเท่านั้น ไม่ได้คิดเผื่อว่าจะต้องเอามายัดแมวอ้วนแบบนี้

    " มันหายใจไม่ออก "

    ไอ้จุ่นว่า ผมเขกกบาลมันไปหนึ่งที ในขณะเดียวกันก็ดึงฝากระเป๋าปิดลง ในขณะที่แทรกตัวลงจากรถเมล์ผมบังเอิญเบียดเข้ากับชายอ้วนคนหนึ่ง ดูท่าทางไอ้จุ่นคงแบนแต้ดอยู่ในกระเป๋าของผมเป็นแน่

    สมน้ำหน้ามันจริงๆ


    " ตายรึยัง "

    ผมถามหลังลงจากรถเมลล์ทีแน่นเป็นนรกแตก ไอ้จุ่นโผล่หัวออกมาจากกระเป๋าสะพายของผม ในขณะเดียวกันมันก็ยืดแข้งยืดขาไปด้วย

    " อึดอัดเป็นบ้าเลย "

    มันว่า


    " แล้วใครใช้ให้ตามมา ฉันแบกแกอยู่แท้ๆยังไม่บ่นเลย "


    " แกบ่นมาตั้งแต่บ้านแล้วต่างหากล่ะ "

    ไอ้จุ่นเถียงคำไม่ตกฟาก !@#$%^

    ผมไม่รู้เลยว่าทำไมผมถึงยอมใจอ่อนพามันมา จริงๆนะ มันมีวิธีพูดหลากหลาย หลอกล่อจนกระทั่งผมใจอ่อนหลงกลมันจนได้ มันบอกกับผมว่าอยากจะมาเรียนหนังสือ ถึงผมจะตะขิดตะขวงใจว่า มันเป็นแมว แล้วจะต้องเรียนหนังสือไปทำไม ผมเสียเวลาทะเลาะกับมันอยู่นานทีเดียว จนกระทั่งผมตัดสินใจวิ่งหนีมันออกมา ถึงแม้ในใจจะเกิดนึงสงสารแมวแก่ๆที่โดนทิ้งไว้ข้างหลังก็เถอะ...

    ในตอนที่ผมวิ่งจนหอบ ผมได้ยินเสียงไอ้จุ่นตะโกนไล่หลังมาว่า ขอเวลาแค่ห้านาที ให้ผมหยุดฟังมันพูด แล้วหลังจากนั้นจะเลิกวิ่งตามผม ผมไม่ได้อยากหยุด แต่เห็นมันวิ่งตาลีตาเหลือกแล้วอดสงสารไม่ได้ ผมรู้สึกว่าถ้าผมวิ่งต่อไปไอ้จุ่นต้องขาดใจตายแน่ๆ ผมเลยหยุดฟังมันแบบโคตรไม่เต็มใจ

    ไอ้จุ่นหอบแฮกจนลิ้นห้อย มันทิ้งตัวลงนั่น และอีกครู่หนึ่งก็หมอบลงกับพื้น ในตอนแรกผมนึกว่ามันจะตาย ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นผมคงต้องรู้สึกผิดมากแน่ๆ

    " แฮก.... แฮก... ฮ... กา ... กาลครั้งหนึ่ง... "

    ไอ้จุ่นเริ่มเล่า








    ครั้งนึง... ฉันเคยได้ยินตาแก่นั่งคุยกับหมาพันธ์ลาบาดอร์ ไอ้หมานั่นมันก็แก่พอๆกับตาแก่นั่นแหละ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ประเด็นมันอยู่ที่ ตาแก่คนนั้นพูดอะไรต่างหาก

    ตาแก่พูดว่า มีสองพี่น้องเกิดในประเทศยากจน อดมื้อกินมื้อ ไร้การศึกษา และแสนแร้นแค้น วันหนึ่งเด็กคนพี่ได้ยินมาว่า ถ้าได้เรียนหนังสือที่ยุโรปแล้วชีวิตจะดีขึ้น เขาจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกกับน้องชาย สองพี่น้องอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น เขาโหยหาการศึกษาและเชื่อว่ามันจะสามารถช่วยเขาได้

    ดังนั้นพวกเขาเก็บกระเป๋า ทั้งสองคนเดินทางไปยังสนามบินด้วยเท้าเปล่า ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง แต่แน่นอนว่า พวกเขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อตั๋วเครื่องบิน

    พวกเขาจึงตัดสินใจทำในบางสิ่ง

    เมื่อมาถึงสนามบิน เด็กทั้งสองแอบรออยู่ที่พุ่มไม้ใกล้กับรันเวย์ เมื่อเครื่องบินลงจอดและกำลังจะเทคออฟ ทั้งสองคนจูงมือกันวิ่งตรงไปยังเครื่องบิน คนพี่ส่งคนน้องขึ้นไปที่ใต้ล้อ จากนั้นคนพี่ก็ปีนตามขึ้นไป ทั้งสองแอบอยู่ที่ใต้ช่องเก็บล้อของเครื่องบิน

    เมื่อเครื่องบินขึ้น...

    แน่นอน... พวกเขาถูกล้อเครื่องบินนั้นบดทับจนกระดูกแตกละเอียด ความร้อนจากล้อที่เสียดสีพื้นเผาไหม้พวกเขา คนน้องขาดใจตายจากการบาดเจ็บ และคนพี่ตายตามไปจากอากาษหนาวติดลบบนท้องฟ้า...

    เมื่อเครื่องบินลงจอดที่สนามบินปลายทาง ซากศพเด็กทั้งสองตกลงบนรันเวย์ในตอนที่ล้อกางออก มันตกลงมาพร้อมๆกับกระเป๋าเดินทาง และสมุดจดบันทึก จดหมาย... 

    และความใฝ่ฝัน ของพวกเขาทั้งสอง....





     
          CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×