คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บ ท ที่ ๓ | ปลอกคอหนังราคาแพง
๑
" ฉันชอบเธอจัง~ "
เสียงหวานๆของรุ่นพี่สาวสวยกระซิบกระซาบอยู่ข้างหู ผมซุกหน้าลงที่ผิวไหล่นุ่มๆของเธอ กลิ่นหอมของผิวสาวนี่มันกระตุ้นให้รู้สึกอบอุ่นได้ดีจริงๆ ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มนิดๆเมื่อนิ้วมือเรียวเล็กของเธอขยุ้มปุยขนบนใบหูของผม
" วันนี้เธอจะกลับบ้านรึเปล่า "
รุ่นพี่ถาม ผมเหยียดแขนยืดไปจนสุดตัวและขยับบิดร่างกายไล่ความเมื่อยล้าออกไป มือของเธอละออกจากหูของผมแล้ว ในขณะเดียวกันเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงพลางดึงผ้าห่มนุ่มๆคลุมปิดร่างกายเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้
ผมเหลือบสายตามองเธอและหาวออกมาวอดใหญ่
" กลับสิ่ "
ผมตอบและลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ เมื่อมองนาฬิกาบนกำแพงก็เห็นว่าใกล้เวลาเลิกเรียนเต็มทีแล้ว ป่านนี้ไอ้ป๊อกมันคงจะอิจฉาผมจนหูสั่นแน่ๆ เป็นเรื่องแปลกที่สาวๆมักจะชื่นชอบในตัวผมเป็นพิเศษ และมันง่ายเหลือเกินที่จะใช้หูแมวที่ผมมีออดอ้อนให้เธอยอมเปิดประตูห้องให้ หรือแม้แต่พาพวกเธอไปไหนต่อไหนตามที่ผมต้องการ
ผมก้มลงเก็บกางเกงที่ถอดทิ้งไว้บนพื้นห้องพลางคิดว่าคราวนี้ผมอาจจะต้องไปดรอปวิชาของอาจารย์วิจริงๆก็ได้ ในขณะที่ใส่กางเกงนักศึกษาอยู่นั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาดู ไอ้ป๊อกส่งไลน์มาตามอย่างกับมีใครตายหรือบ้านไฟไหม้งั้นแหละ...
" นี่.. จะไปแล้วเหรอ ? "
เสียงรุ่นพี่คนสวยไล่หลังมา ผมหันไปมองยังเธอ และเธอทำหน้าเศร้าออดอ้อนเสียเหลือเกิน
" ผมมีนัดติวหนังสือกับเพื่อนต่อครับ การบ้านก็ยังไม่ได้ส่งเลย "
ผมตอบเธอไปอย่างนั้นทั้งที่จริงๆแล้วผมไม่ได้นัดใครไว้ทั้งนั้น มิหนำซ้ำผมคงไม่ต้องส่งการบ้านวิชานี้อีกแล้ว เพราะผมคงจะต้องไปดรอปมันในเร็วๆนี้
" ไหนว่าจะใส่ปลอกคอให้ดูไง~ "
เธอพูดขึ้น หลังจากนั้นเสียงกรุ้งกริ้งก็ดังอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา ผมล่ะสงสัยเหลือเกินว่าเธอเอามันไปซุกไว้ตรงไหนกันนะ ปลอกคอหนังสีน้ำตาลหลุดเกี่ยวติดนิ้วเรียวของเธอออกมาจากใต้ผ้าห่ม กระดิ่งสีเงินเงาวับรับกับแสงไฟบนเพดาน และเธอส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมาที่ผม
เอาจริงๆนะ มันน่ารำคาญนิดหน่อยเวลาที่ใครๆคิดว่าผมควรใส่ปลอกคอ...
โดยเฉพาะผู้หญิง
" เอาไว้คราวหน้านะครับ "
ผมตอบอย่างเลี่ยงๆ คุณไม่รู้หรอกว่าปลอดคอมันเป็นเรื่องน่ารำคาญแค่ไหน...
" น้าาา~ .... "
เธอร้องด้วยเสียงเล็กหวานและลากยาว ดวงตาหยีลงและคิ้วยุ่งหน่อยๆ มิหนำซ้ำเธอยังขยับร่างกายเล็กๆของเธอดีดดิ้นไปมาใต้ผ้าห่มผืนนั้น ผมมองเธอพลางถอนหายใจออกมาด้วยความชั่งใจ
ท่าไม้ตายของเธอช่างเด็ดดวงดีจริงๆ...
๒
" ไอ้ป๊อก อยู่ไหนวะ "
เสียงไอ้ป๊อกขาดๆหายๆ หรืออันที่จริงคงเป็นเพราะโทรศัพท์มือถือมันถูกออกแบบมาสำหรับหูของมนุษย์ ไม่ใช่สำหรับแมวก็ไม่ใช่คนก็ไม่ปานแบบผมก็เป็นได้
" มึงอ่ะอยู่ไหน กูกลับบ้านแล้ว "
" กูเพิ่งออกมาได้อ่ะดิ่... เดี๋ยวกูไปหาที่บ้านนะ "
ผมตอบพลางเกาผิวคอตัวเองไปด้วย เกามันจนแสบไปหมด...
" เออ "
หลังจากมันรับคำผมก็กดวางสายไป
ผมเดินไปตามทางเท้าที่อยู่ติดกับถนนดำ ระยะทางหลายสิบเมตรเลยทีเดียวที่ผมเดินไกลออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของรุ่นพี่คนสวย ตลอดเวลาที่ผมเดินไปอย่างเงียบๆบนทางเท้าก็มักจะมีสายตามจากหลายทิศพุ่งมายังผม พวกเขาให้ความสนใจกับหูและหางที่กวัดแกว่งไปมาของผมเป็นอย่างมาก แต่มันเป็นสิ่งที่ผมเคยชินเสียจนไม่รู้สึกสะทกสะท้ายแก่สายตาเหล่านั้นอีกแล้ว
แน่นอน ตราบใดที่พวกเขาไม่เดินเข้ามาจับหางหรือหูของผมนะ
ครั้งหนึ่งผมเคยเดินเล่นอยู่แถวสยาม มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุคงราวๆแปดขวบ ขออนุญาตเรียกน้องคนนี้ว่า ไอ้เด็กเปรตก็แล้วกัน มันเป็นเด็กขี้สงสัยใคร่รู้ ผมได้เสียงแผดแหลมของมันตะโกนมาแต่ไกลว่า
' แม่ๆ ดูนั่นดิ่ คนแมวๆ '
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น และผมก็เป็นจุดสนใจจนชินแล้ว
ในขณะที่ผมเดินกวัดแกว่งหางไปเรื่อย ผมก็ได้ยินเสียง ตุ้บๆๆ ปรี่เข้ามา เมื่อหันหลังไปมองก็เห็นไอ้เด็กเปรตมันวิ่งมาคว้าหางของผมแน่น แล้วมันก็กระชากเสียสุดแรงเกิดเลยกระมัง ผมไม่รู้ว่ามันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
แต่เพราะมันเจ็บมากผมเลยโบกกระบานมันไปทีหนึ่งและรีบชักหางกลับมากอดไว้พลางแยกเขี้ยวใส่มันไปด้วย
ที่จริงอยากจะขย้ำคอมันซ้ำอีกสักทีด้วยซ้ำไป !
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงชอบดึงหางกันนัก !
แต่แล้วผมกลับพบว่า...
ทุกสายตาบนถนนและทางเท้าจ้องมายังผม ราวกับว่าผมเป็นสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์หน้าตาอัปลักษณ์... แม่ของไอ้เด็กเปรตรีบวิ่งเข้ามาอุ้มมันเอาไว้พลางกอดแน่นและจ้องผมด้วยตาเขม็ง...
ผมยังเจ็บที่โคนหางอยู่มาก รู้สึกเคล็ดจนน้ำตาแทบเล็ด แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับรู้สึกเหมือนมีบางอยากติดอยู่ข้างในคอจนเจ็บไปหมด ทั้งที่ผมถูกดึงที่หาง และมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคอเลยแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆติดอยู่ที่ลูกกระเดือก กลืนไม่ลงและมันทำให้ผมปวดคออย่างมาก ในท้องเหมือนมีลมพายุคลั่งไม่ยอมหยุดเสียที แต่ถึงอย่างนั้น.. เนื้อตัวผมกลับรู้สึกร้อนฉ่า...
" ไอ้ตัวประหลาด "
แม่ของเด็กคนนั้นพูด
ผมรู้ตัวเองดีว่าเป็นตัวประหลาด... แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่รู้เลย...
ว่าตัวประหลาดก็เจ็บเป็นเหมือนกัน...
๓
เมื่อรถเมล์จอดตรงป้ายแถวหน้าปากซอยบ้านของไอ้ป๊อกผมก็กระโดดลงจากรถ ข้างหลังผมมีสายตามากมายจับจ้องตามมาจนกระทั่งรถคันนั้นวิ่งออกไปจนสุดสายตา
โชคยังดีที่ระหว่างทางเข้าซอยบ้านของไอ้ป๊อกนั้นไม่ค่อยจะมีคนเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าผมจะชินกับการถูกจ้องมอง แต่บางครั้งมันก็รู้สึกอึดอัดอยู่่บ้าง จากถนนทางเท้าที่กว้างสองเลน ลัดเลาะจนเป็นเพียงทางเท้าแคบๆ ไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่หน้ารั้วบ้านซึ่งทำจากไม้เฌอร่าเก่าๆ บ้านหลังไม่่โตมีเนื้อที่ราวๆ 25 ตารางวาเห็นจะได้ ไฟจากบานหน้าต่างที่ชั้นสองถูกเปิดทิ้งเอาไว้ แต่ไฟหน้าบ้านกลับปิดสนิท
ผมกดกริ่งเพื่อเรียกให้ไอ้ป๊อกลงมาเปิดประตู หลังจากที่ยืนรอมันประมาณสามนาทีได้ ผมก็ได้ยินเสียงกอกแกกภายหลังประตูรั้ว ไอ้ป๊อกเปิดประตูรั้วเลื่อนออก
" แม่ง... มาซะป่านนี้เลยนะมึง "
มันว่า
" เออน่า... "
ผมพูดส่งๆอย่างรำคาญและเดินแทรกตัวเข้าประตูบ้านไป กลิ่นเหม็นอับจากพรมเช็ดเท้าลอยขึ้นมากระแทกจมูกของผม บนโซฟาสีเขียวขี้ม้ามีกางเกงยีนส์เก่าๆขาดๆพาดอยู่ ผมจำได้ว่ามันพาดอยู่ตรงนั้นมาสองสัปดาห์แล้ว
" แล้วคอมึงไปโดนไรมา "
เสียงไอ้ป๊อกถามไล่หลัง เมื่อผมนึกขึ้นได้ก็รู้สึกคันขึ้นมาในทันที
" ปลอกคออ่ะดิ่ "
พอพูดจบไอ้ป๊อกก็หัวเราะพรวดออกมาเสียลั่น... ผมไม่เข้าใจว่ามันตลกตรงไหน การที่เราถูกบังคับให้ใส่ปลอกคอ มันรู้สึกเหมือนกับเรากำลังถูกตัดขาดออกจากอิสรภาพอย่างแท้จริง...
มันรู้สึกขึ้นมาเองโดยกมลสันดาร
การมีหนังเส้นหนาราคาแพงโอบรัดคอเอาไว้มันทำให้ผมหายใจได้ลำบากขึ้น เวลาจะเอี้ยวคอหรือก้ม หรือแม้แต่เงยหน้ามันก็สร้างความรำคาญอย่างถึงที่สุด แถมมันยังทำให้ผมคันจนขึ้นผื่นอีกด้วย
ผมหาข้อดีของมันไม่เจอ...
ผมเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมมนุษย์ถึงชอบผูกพันธ์นัก พวกเขาชอบแสดงความเป็นเจ้าของกับทุกๆสิ่งที่พวกเขาสามารถเอื้อมมือไปถึงได้ และถึงแม้ว่าผมจะมีร่างกายเป็นมนุษย์ พูดภาษามนุษย์และมีสังคมเหมือนมนุษย์ แต่ผมก็ไม่อาจเข้าใจความคิดของมนุษย์ได้ทั้งหมด
พวกเขาซับซ้อน และมันทำให้ผมรู้สึกแปลกแยก
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสกปรกและเอนหลังพิงพนักด้วยความเบื่อหน่าย ในขณะที่กำลังจะหลับตาลงก็เหลือบเห็นไอ้ป๊อกวิ่งหายเข้าไปในครัว
ผมนั่งหลับตานิ่งๆกระดิกหางอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟา...
....ผ่อนคลาย... หายใจแผ่วเบา...
" เห้ยมึง ! "
ตุ้บ !
เสียงเรียกของไอ้ป๊อกทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย และรู้สึกว่ามีบางอย่างหล่นใส่ตักของผม เมื่อลืมตามองก็เห็นแตงกวาสีเขียวแก่ลูกใหญ่กำลังดีวางนิ่งอยู่บนตัก ...
ตอนนั้นผมก็คิดนะว่า ...
มึงเล่นเชี่ยไรเนี่ย ?
" อ้าว มึงไม่กลัวแตงกวาเหรอวะ ? "
....
" ..... ห๊ะ ? "
โอเค... ตอนนี้ผมงงเป็นแมวตาแตกเลย...
ความคิดเห็น