ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ม นุ ษ ย์ แ ม ว | มินิวรรณกรรมโลกหลุดของแมวหนึ่งตัว

    ลำดับตอนที่ #4 : บ ท ที่ ๓ | ปลอกคอหนังราคาแพง

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 59









    บ ท ที่ ๓


    ปลอกคอหนังราคาแพง











     


     

    ฉันชอบเธอจัง~ " 

    เสียงหวานๆของรุ่นพี่สาวสวยกระซิบกระซาบอยู่ข้างหู ผมซุกหน้าลงที่ผิวไหล่นุ่มๆของเธอ กลิ่นหอมของผิวสาวนี่มันกระตุ้นให้รู้สึกอบอุ่นได้ดีจริงๆ ผมรู้สึกเคลิบเคลิ้มนิดๆเมื่อนิ้วมือเรียวเล็กของเธอขยุ้มปุยขนบนใบหูของผม 

     

    " วันนี้เธอจะกลับบ้านรึเปล่า " 

    รุ่นพี่ถาม ผมเหยียดแขนยืดไปจนสุดตัวและขยับบิดร่างกายไล่ความเมื่อยล้าออกไป มือของเธอละออกจากหูของผมแล้ว ในขณะเดียวกันเธอก็ลุกขึ้นจากเตียงพลางดึงผ้าห่มนุ่มๆคลุมปิดร่างกายเปลือยเปล่าของเธอเอาไว้ 

     

    ผมเหลือบสายตามองเธอและหาวออกมาวอดใหญ่ 


    " กลับสิ่ " 

    ผมตอบและลุกขึ้นจากเตียงอย่างขี้เกียจ เมื่อมองนาฬิกาบนกำแพงก็เห็นว่าใกล้เวลาเลิกเรียนเต็มทีแล้ว ป่านนี้ไอ้ป๊อกมันคงจะอิจฉาผมจนหูสั่นแน่ๆ เป็นเรื่องแปลกที่สาวๆมักจะชื่นชอบในตัวผมเป็นพิเศษ และมันง่ายเหลือเกินที่จะใช้หูแมวที่ผมมีออดอ้อนให้เธอยอมเปิดประตูห้องให้ หรือแม้แต่พาพวกเธอไปไหนต่อไหนตามที่ผมต้องการ 

    ผมก้มลงเก็บกางเกงที่ถอดทิ้งไว้บนพื้นห้องพลางคิดว่าคราวนี้ผมอาจจะต้องไปดรอปวิชาของอาจารย์วิจริงๆก็ได้ ในขณะที่ใส่กางเกงนักศึกษาอยู่นั้นก็หยิบโทรศัพท์ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาดู ไอ้ป๊อกส่งไลน์มาตามอย่างกับมีใครตายหรือบ้านไฟไหม้งั้นแหละ... 


    " นี่.. จะไปแล้วเหรอ ? " 

    เสียงรุ่นพี่คนสวยไล่หลังมา ผมหันไปมองยังเธอ และเธอทำหน้าเศร้าออดอ้อนเสียเหลือเกิน 


    " ผมมีนัดติวหนังสือกับเพื่อนต่อครับ การบ้านก็ยังไม่ได้ส่งเลย " 

    ผมตอบเธอไปอย่างนั้นทั้งที่จริงๆแล้วผมไม่ได้นัดใครไว้ทั้งนั้น มิหนำซ้ำผมคงไม่ต้องส่งการบ้านวิชานี้อีกแล้ว เพราะผมคงจะต้องไปดรอปมันในเร็วๆนี้ 


    " ไหนว่าจะใส่ปลอกคอให้ดูไง~ " 

    เธอพูดขึ้น หลังจากนั้นเสียงกรุ้งกริ้งก็ดังอยู่ใต้ผ้าห่มสีขาวสะอาดตา ผมล่ะสงสัยเหลือเกินว่าเธอเอามันไปซุกไว้ตรงไหนกันนะ ปลอกคอหนังสีน้ำตาลหลุดเกี่ยวติดนิ้วเรียวของเธอออกมาจากใต้ผ้าห่ม กระดิ่งสีเงินเงาวับรับกับแสงไฟบนเพดาน และเธอส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมาที่ผม 


    เอาจริงๆนะ มันน่ารำคาญนิดหน่อยเวลาที่ใครๆคิดว่าผมควรใส่ปลอกคอ... 


    โดยเฉพาะผู้หญิง 

     

     

    " เอาไว้คราวหน้านะครับ " 

    ผมตอบอย่างเลี่ยงๆ คุณไม่รู้หรอกว่าปลอดคอมันเป็นเรื่องน่ารำคาญแค่ไหน... 

     

    " น้าาา~ .... " 

    เธอร้องด้วยเสียงเล็กหวานและลากยาว ดวงตาหยีลงและคิ้วยุ่งหน่อยๆ มิหนำซ้ำเธอยังขยับร่างกายเล็กๆของเธอดีดดิ้นไปมาใต้ผ้าห่มผืนนั้น ผมมองเธอพลางถอนหายใจออกมาด้วยความชั่งใจ 


    ท่าไม้ตายของเธอช่างเด็ดดวงดีจริงๆ... 

     




     

     

     


     

    " ไอ้ป๊อก อยู่ไหนวะ " 

    เสียงไอ้ป๊อกขาดๆหายๆ หรืออันที่จริงคงเป็นเพราะโทรศัพท์มือถือมันถูกออกแบบมาสำหรับหูของมนุษย์ ไม่ใช่สำหรับแมวก็ไม่ใช่คนก็ไม่ปานแบบผมก็เป็นได้ 


    มึงอ่ะอยู่ไหน กูกลับบ้านแล้ว " 

     

    " กูเพิ่งออกมาได้อ่ะดิ่... เดี๋ยวกูไปหาที่บ้านนะ " 

    ผมตอบพลางเกาผิวคอตัวเองไปด้วย เกามันจนแสบไปหมด... 

     

    " เออ " 

    หลังจากมันรับคำผมก็กดวางสายไป

    ผมเดินไปตามทางเท้าที่อยู่ติดกับถนนดำ ระยะทางหลายสิบเมตรเลยทีเดียวที่ผมเดินไกลออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ของรุ่นพี่คนสวย ตลอดเวลาที่ผมเดินไปอย่างเงียบๆบนทางเท้าก็มักจะมีสายตามจากหลายทิศพุ่งมายังผม พวกเขาให้ความสนใจกับหูและหางที่กวัดแกว่งไปมาของผมเป็นอย่างมาก แต่มันเป็นสิ่งที่ผมเคยชินเสียจนไม่รู้สึกสะทกสะท้ายแก่สายตาเหล่านั้นอีกแล้ว

    แน่นอน ตราบใดที่พวกเขาไม่เดินเข้ามาจับหางหรือหูของผมนะ 


    ครั้งหนึ่งผมเคยเดินเล่นอยู่แถวสยาม มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุคงราวๆแปดขวบ ขออนุญาตเรียกน้องคนนี้ว่า ไอ้เด็กเปรตก็แล้วกัน มันเป็นเด็กขี้สงสัยใคร่รู้ ผมได้เสียงแผดแหลมของมันตะโกนมาแต่ไกลว่า 

    ' แม่ๆ ดูนั่นดิ่ คนแมวๆ ' 

    ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะมันก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น และผมก็เป็นจุดสนใจจนชินแล้ว 

    ในขณะที่ผมเดินกวัดแกว่งหางไปเรื่อย ผมก็ได้ยินเสียง ตุ้บๆๆ ปรี่เข้ามา เมื่อหันหลังไปมองก็เห็นไอ้เด็กเปรตมันวิ่งมาคว้าหางของผมแน่น แล้วมันก็กระชากเสียสุดแรงเกิดเลยกระมัง ผมไม่รู้ว่ามันจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
    แต่เพราะมันเจ็บมากผมเลยโบกกระบานมันไปทีหนึ่งและรีบชักหางกลับมากอดไว้พลางแยกเขี้ยวใส่มันไปด้วย

    ที่จริงอยากจะขย้ำคอมันซ้ำอีกสักทีด้วยซ้ำไป ! 

    ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงชอบดึงหางกันนัก  


    แต่แล้วผมกลับพบว่า...

    ทุกสายตาบนถนนและทางเท้าจ้องมายังผม ราวกับว่าผมเป็นสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์หน้าตาอัปลักษณ์... แม่ของไอ้เด็กเปรตรีบวิ่งเข้ามาอุ้มมันเอาไว้พลางกอดแน่นและจ้องผมด้วยตาเขม็ง... 

    ผมยังเจ็บที่โคนหางอยู่มาก รู้สึกเคล็ดจนน้ำตาแทบเล็ด แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมกลับรู้สึกเหมือนมีบางอยากติดอยู่ข้างในคอจนเจ็บไปหมด ทั้งที่ผมถูกดึงที่หาง และมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคอเลยแท้ๆ แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆติดอยที่ลูกกระเดือก กลืนไม่ลงและมันทำให้ผมปวดคออย่างมาก ในท้องเหมือนมีลมพายุคลั่งไม่ยอมหยุดเสียที แต่ถึงอย่างนั้น.. เนื้อตัวผมกลับรู้สึกร้อนฉ่า... 


    " ไอ้ตัวประหลาด " 

    แม่ของเด็กคนนั้นพูด 

     

    ผมรู้ตัวเองดีว่าเป็นตัวประหลาด... แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่รู้เลย... 

    ว่าตัวประหลาดก็เจ็บเป็นเหมือนกัน... 

     

     

     


     

     


     

     

     

    เมื่อรถเมล์จอดตรงป้ายแถวหน้าปากซอยบ้านของไอ้ป๊อกผมก็กระโดดลงจากรถ ข้างหลังผมมีสายตามากมายจับจ้องตามมาจนกระทั่งรถคันนั้นวิ่งออกไปจนสุดสายตา 

    โชคยังดีที่ระหว่างทางเข้าซอยบ้านของไอ้ป๊อกนั้นไม่ค่อยจะมีคนเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าผมจะชินกับการถูกจ้องมอง แต่บางครั้งมันก็รู้สึกอึดอัดอยู่่บ้าง จากถนนทางเท้าที่กว้างสองเลน ลัดเลาะจนเป็นเพียงทางเท้าแคบๆ ไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่หน้ารั้วบ้านซึ่งทำจากไม้เฌอร่าเก่าๆ บ้านหลังไม่่โตมีเนื้อที่ราวๆ 25 ตารางวาเห็นจะได้ ไฟจากบานหน้าต่างที่ชั้นสองถูกเปิดทิ้งเอาไว้ แต่ไฟหน้าบ้านกลับปิดสนิท 

    ผมกดกริ่งเพื่อเรียกให้ไอ้ป๊อกลงมาเปิดประตู หลังจากที่ยืนรอมันประมาณสามนาทีได้ ผมก็ได้ยินเสียงกอกแกกภายหลังประตูรั้ว ไอ้ป๊อกเปิดประตูรั้วเลื่อนออก 

    " แม่ง... มาซะป่านนี้เลยนะมึง " 

    มันว่า 

     

    " เออน่า... " 

    ผมพูดส่งๆอย่างรำคาญและเดินแทรกตัวเข้าประตูบ้านไป กลิ่นเหม็นอับจากพรมเช็ดเท้าลอยขึ้นมากระแทกจมูกของผม บนโซฟาสีเขียวขี้ม้ามีกางเกงยีนส์เก่าๆขาดๆพาดอยู่ ผมจำได้ว่ามันพาดอยู่ตรงนั้นมาสองสัปดาห์แล้ว 


    " แล้วคอมึงไปโดนไรมา " 

    เสียงไอ้ป๊อกถามไล่หลัง เมื่อผมนึกขึ้นได้ก็รู้สึกคันขึ้นมาในทันที 

     

    " ปลอกคออ่ะดิ่ " 

    พอพูดจบไอ้ป๊อกก็หัวเราะพรวดออกมาเสียลั่น... ผมไม่เข้าใจว่ามันตลกตรงไหน การที่เราถูกบังคับให้ใส่ปลอกคอ มันรู้สึกเหมือนกับเรากำลังถูกตัดขาดออกจากอิสรภาพอย่างแท้จริง...  

    มันรู้สึกขึ้นมาเองโดยกมลสันดาร

    การมีหนังเส้นหนาราคาแพงโอบรัดคอเอาไว้มันทำให้ผมหายใจได้ลำบากขึ้น เวลาจะเอี้ยวคอหรือก้ม หรือแม้แต่เงยหน้ามันก็สร้างความรำคาญอย่างถึงที่สุด แถมมันยังทำให้ผมคันจนขึ้นผื่นอีกด้วย

    ผมหาข้อดีของมันไม่เจอ...

    ผมเฝ้าถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมมนุษย์ถึงชอบผูกพันธ์นัก พวกเขาชอบแสดงความเป็นเจ้าของกับทุกๆสิ่งที่พวกเขาสามารถเอื้อมมือไปถึงได้  และถึงแม้ว่าผมจะมีร่างกายเป็นมนุษย์ พูดภาษามนุษย์และมีสังคมเหมือนมนุษย์ แต่ผมก็ไม่อาจเข้าใจความคิดของมนุษย์ได้ทั้งหมด

    พวกเขาซับซ้อน และมันทำให้ผมรู้สึกแปลกแยก


    ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสกปรกและเอนหลังพิงพนักด้วยความเบื่อหน่าย ในขณะที่กำลังจะหลับตาลงก็เหลือบเห็นไอ้ป๊อกวิ่งหายเข้าไปในครัว 

    ผมนั่งหลับตานิ่งๆกระดิกหางอย่างสบายอารมณ์อยู่บนโซฟา... 


    ....ผ่อนคลาย... หายใจแผ่วเบา... 


     

    " เห้ยมึง ! "


    ตุ้บ ! 

    เสียงเรียกของไอ้ป๊อกทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย และรู้สึกว่ามีบางอย่างหล่นใส่ตักของผม เมื่อลืมตามองก็เห็นแตงกวาสีเขียวแก่ลูกใหญ่กำลังดีวางนิ่งอยู่บนตัก ... 

    ตอนนั้นผมก็คิดนะว่า ...

    มึงเล่นเชี่ยไรเนี่ย ? 

     

    " อ้าว มึงไม่กลัวแตงกวาเหรอวะ ? " 

     


    ....


    " ..... ห๊ะ ? " 


    โอเค... ตอนนี้ผมงงเป็นแมวตาแตกเลย... 

     

     

     

     


     


          CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×