คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บ ท ที่ ๙ | จักรวาลอยู่ในหัวของดาวินชี
บ ท ที่ ๙
" ไอ้หน้าแมว ! "
เสียงไอ้ป๊อกตะโกนมาแต่ไกล ผมหันไปมองก็เห็นมันวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
" เฮ่ย มึงเลี้ยงแมวด้วยเหรอวะ "
มันถามทั้งที่ยังหอบแฮก ในมือของมันถือชีทกับหนังสือเรียนอยู่ด้วย แต่ไม่ยักเห็นกระเป๋าสักใบ ผมเดาว่ามันคงลืมหยิบมาหรืออะไรทำนองนั้น แล้วหนังสือกับชีทในมือมันก็คงเอามาจากล็อกเกอร์ที่ ม.นี่แหละ ไอ้ป็อกเป็นคนที่ไม่ชอบถืออะไรกลับบ้าน และมันก็มักจะลืมถืออะไรต่อมิอะไรออกมาจากบ้านตลอด
" ไม่ใช่ "
ผมตอบ
" อ้าว แล้วนี่ไรอ่ะ "
มันถามพลางลูบหัวไอ้จุ่นไปด้วย นี่ก็เป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง ไอ้ป็อกดูจะชอบสัตว์ ทั้งหมาทั้งแมว ที่บ้านมันก็เลี้ยงปลากระดี่นางฟ้าอยู่ในห้องนอนสองตัวเสียด้วยสิ่ มันบอกว่ากระดี่นางฟ้าเป็นปลาที่อดทน ไม่ตายง่ายๆ แถมยังไม่ต้องเปลี่ยนน้ำให้บ่อยๆเหมือนปลาทองอีกด้วย
" เรื่องมันยาวน่ะ "
ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ผมหมายถึงเรื่องไอ้จุ่นนี่แหละ
ผมนั่งลงที่โต๊ะเรียน ไอ้ป็อกดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆ ทั้งห้องระงมไปด้วยเสียงพูดคุยของนักศึกษามากมาย ที่นี่ผมไม่ค่อยรู้สึกประหลาด เพราะเพื่อนร่วมคลาสของผมชินกับหูและหางของผมแล้ว
" เอาแมวเข้าห้องเรียนได้ด้วยเหรอ "
เพื่อนนักศึกษาหญิงเดินมาถามในขณะที่ผมวางกระเป๋าหนังลงบนโต๊ะ ไอ้จุ่นโผล่หัวออกมาจากระเป๋าและเริ่มยืดตัวบิดขี้เกียจ เธอดูจะสนใจไอ้จุ่นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
" ฮ่าๆ เดี๋ยวก่อนนะเจน ถ้าไม่ได้ งั้นคงต้องหิ้วไอ้หน้าแมวนี่ออกไปจากห้องเรียนด้วยป่ะเนี่ย ดูดิ่ มันมีหู แถมมีหางด้วยนะ "
ไอ้ป๊อกพูดพลางหัวเราะ มันตบไหล่ผมดังป้าบมิหนำซ้ำยังดึงไปกอดคอเสียแน่น ผมผลักหัวมันออกไปเพราะรำคาญ ผมรำคาญมันมากจริงๆนะ ไอ้ป็อกชอบเล่นอะไรแรงๆ เช่น ตบบ่าผมแรงๆ ตบหัวผมบ้างบางที หรือบางครั้งมันก็วิ่ง 4x100 แล้วกระโดดขี่คอผม ทำเอาหลังแทบหัก มีครั้งหนึ่งมันกระโดดลงมาจากแสตนเชียร์ มันคงคิดว่าตัวมันเล็กมากเลยมั้ง ทั้งผมทั้งมัน เรากลิ้งโคโร่ไม่เป็นท่า สักวันไม่ผมก็มันคงต้องช้ำใน ไม่ก็คอหักตายเป็นแน่
มันอุ้มไอ้จุ่นออกจากกระเป๋าหนังของผมไปวางบนตัก ไอ้จุ่นซุกหัวกับฝ่ามือทันควัน
รู้งานจริงๆเลยนะไอ้จุ่น
" จริงด้วย งั้นก็ได้แหละเนอะ ฮะๆ "
เธอพูด ในตอนนั้นเธอย่อตัวลงและเริ่มใช้มือของเธอเคล้าเคลียใบหูของไอ้จุ่น ผมได้ยินเสียงครางฟืดๆของไอ้จุ่นแผ่วมา ทั้งไอ้ป๊อกและเจน ทั้งสองคนดูให้ความสนใจไอ้จุ่นมากทีเดียว
หางของผมสะบัดไม่เป็นจังหวะ ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังไม่พอใจอะไรรึเปล่า แต่หางของผมมักจะเป็นแบบนี้เวลาที่ผมไม่สบอารมณ์กับบางอย่าง
" นั่งที่ได้แล้ว "
เสียงอาจารย์ดังมาจากหน้าห้อง นักศึกษาทุกคนเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองเมื่ออาจารย์เข้ามา ไอ้ป็อกขยับเก้าอี้เข้าหาโต๊ะและอุ้มไอ้จุ่นหย่อนลงในกระเป๋าหนังของผม ผมจึงเอากระเป๋าวางลงที่ใต้โต๊ะเพื่อไม้ให้เกะกะระหว่างเรียน
" อยู่ไปเงียบๆล่ะ เข้าใจมั้ย "
ผมก้มลงบอกไอ้จุ่น มันไม่ยอมตอบแถมทิ้งตัวนอนหงายท้องนอนโชว์พุงให้ผมดูอีกต่างหาก
" The painter has the universe in his mind and hands. "
เสียงอาจารย์ธนงค์สอนอยู่ที่หน้าชั้นเรียน ผมกำลังจดประโยคและข้อความต่างๆลงในสมุดของผม ในขณะเดียวกันไอ้ป็อกก็เอาแต่แหย่ไอ้จุ่นไม่เลิก
" เพื่อนนายนี่น่ารำคาญจังเลย บอกเขาสิ่ว่าฉันจะข่วนหน้าเขา ถ้ายังไม่เลิกทำแบบนี้ "
ไอ้จุ่นกระซิบบอกผม เพราะไอ้ป็อกเอาแต่เขี่ยพุงมันอยู่นั่นแหละ
" เงียบๆน่า ฉันกำลังเรียนอยู่ "
ผมบอกปัด
" ฉันรำคาญนี่.. "
ไอ้จุ่นยังคงบ่น ผมดันแขนไอ้ป็อกออกไปเพื่อออกให้มันหยุดแหย่ไอ้จุ่นเสียที ผมจะได้เรียนต่ออย่างสงบ ไอ้ป๊อกหัวเราะคิกคักอย่างเก็บเสียงเมื่อไอ้จุ่นเริ่มตะปบไปทั่วแต่ไม่โดน มันคงคิดว่าไอ้จุ่นกำลังเล่นผมเชื่ออย่างนั้นผมเดาออก ไอ้ป๊อกไม่เคยรู้เลยว่าใครกำลังโมโห แม้กระทั่งถ้าคุณตะโกนใส่หน้ามันว่า ' แม่งเอ๊ย น่ารำคาญว่ะ !!! ' มันก็จะคิดว่า นั่นเป็นมุขตลกล้อเล่นของคุณ ช่างโง่บัดซบเสียจริง
" พ่อหูแมว คุณจะยุกยิกตรงนั้นอีกนานไหม ? "
ผมสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว เพราะมัวแต่รำคาญไอ้สองตัวนี่จนลืมไปเลยว่าอาจารย์อาจกำลังมองมาก็ได้ ผมรีบหันกลับไปยังหน้าห้อง อาจารย์ธนงค์ยืนกอดอกมองผมผ่านกรอบแว่นตาสี่เหลี่ยมใสแจ๋ว เขาดูจะไม่พอใจเอามาก
" คุณช่วยตีความข้อความที่อ้างถึงดาวินชีให้ผมหน่อยได้ไหม ? "
อาจารย์ธนงค์พูด
" The painter has the universe in his mind and hands... เอ่อ ผมเดาว่าน่าจะหมายถึง.. จิตรกรคือผู้มีจักรวาลอยู่ในสมองและสองมือ ... "
โชคยังดีที่หูของผมโต ผมเลยฟังสิ่งที่อาจารย์พูดก่อนหน้านี้ได้ทัน ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณหูโตๆนี่ ให้ตายเถอะ ทำไมถึงมีผมแต่คนเดียวที่โดนตั้งคำถามนะ
" ถูก.. แล้วความเห็นของคุณว่ายังไงล่ะ "
อาจารย์ถามอีก
" เอ่อ.. "
... ไอ้ความเห็นว่ายังไงนี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะ
มันก็หมายความตามที่ผมตอบไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมควรตอบว่า ใช่ผมเห็นด้วยตามนั้น ใช่มั้ย? หรือความเห็นที่ว่านั้นหมายถึงการต้องอธิบายอะไรยาวๆจึงจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง
มีครั้งหนึ่งตอนผมเรียนมัธยมปลาย
ผมกำลังจดสิ่งที่ครูสอนลงในสมุดและทันใดนั้นเอง ปากกาถูกๆของผมก็ตูดแตก ผมหมายถึงตูดด้านบนของมันทะลุออก และใส้ปากกาก็กระเด็นแทรกหน้าผมหายไปไหนไม่รู้ มันไม่พุ่งเข้าตาผมก็บุญเท่าไหร่แล้ว และนั่นทำให้ผมต้องหันไปขอยืมปากกาจากเพื่อนโต๊ะข้างๆ ผมถูกอาจารย์เรียกชื่อเพราะคุยกับเพื่อนในตอนที่เขากำลังสอน และหลังจากนั้นเขาบอกผมว่า
" อธิบายเกี่ยวกับสงครามอ่าวเพอร์ฮาเบอร์ให้ผมฟังหน่อยสิ่ "
ให้ตายเถอะ ผมสาบานได้ เรายังเรียนไม่ถึงเรื่องนี้ เราเพิ่งเริ่มเรียนเรื่องสงครามโลกครั้งที่สองได้แค่ไม่กี่ย่อหน้าเท่านั้นเอง
" ผมไม่รู้ครับ "
แน่นอน ผมจะตอบอย่างอื่นได้เหรอ หลังจากนั้นอาจารย์ก็อธิอบายอะไรยาวๆ ยามมากๆซึ่งเกี่ยวกับสงครามอ่าวให้ผมฟัง และบอกผมว่าผมควรตั้งใจฟังในสิ่งที่เขาพูดตั้งแต่แรก ผมนึกแปลกใจนะว่าคำตอบยาวๆนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้ผมตอบจริงรึเปล่า และในเมื่อเขาก็รู้อยู่แล้ว และแน่นอนผมรู้ว่าเขารู้ ว่าผมไม่สามารถตอบคำถามได้ แล้วเขาจะยังอยากถามในสิ่งที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้วไปทำไม
ผมสงสัยว่าทำไมอาจารย์ชอบตั้งคำถามในสิ่งที่พวกเขารู้อยู่แล้ว
และผมคิดว่าเขาควรบอกผมในสิ่งที่เขารู้ ไม่ใช่ถามผมในสิ่งที่ผมไม่รู้
ไม่สิ่ สิ่งที่ผมต้องการให้เขาทำจริงๆคือ ถามผมว่าเกิดอะไรขึ้นตั้งแต่แรก รับฟังผม ไม่ใช่แค่ตั้งคำถามที่อยากจะถาม ไม่ใช่แค่เอาแต่ฟังในสิ่ที่เขาอยากจะฟังเพียงอย่างเดียว
" อาจารย์ครับ "
ผมพูดพลางมองไปยังอาจารย์ธนงค์ คิ้วสีเทาๆคู่นั้นขมวดเข้มเหมือนจะรอคอยคำตอบของผม เวลาที่เขาทำหน้าแบบนั้นเขาจะดูแก่ลงมากเลยทีเดียว
" อะไรอยู่ในหัวของดาวินชีเหรอครับ "
ผมถาม...
ความคิดเห็น