ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    JongKey.} Fiction {.BY airinz, LiTAz, mno9

    ลำดับตอนที่ #6 : [SF] MA.BF by LiTAz

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 56


    Title: MA.BF

    Author: LiTAz

    Rate: หวานแหวว ใสใส

    Author's Note:  ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตใหม่ที่ใกล้จะเป็นบัณฑิตในอีกไม่กี่วันข้างหน้านะคะ ฟิคเรื่องนี้ตั้งใจแต่งเป็นของขวัญให้น้องสาวคนนึง เนื่องจากไม่รู้จะให้อะไร เลยตกลงว่า... งั้นแต่งฟิคให้แล้วกัน เป็นของขวัญที่ถูกที่สุดในโลกเลยค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า  (น้องรีเควสมาว่าขอหวานๆและใสๆ โอเค จัดไปตามคำขอ!)

     

     

    *******************

     

     

    Don't Say You Love Me.

     

    “มาเร็วทันใจเชียวนะมึง”

    มินโฮเอ่ยทักคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของประตู ชายหนุ่มยกนิ้วโป้งชี้เข้าไปในห้อง แจ้งตำแหน่งให้คนที่เพิ่งมาถึงรู้ว่าควรจะไปทางไหน

    จงฮยอนส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ จัดการถอดรองเท้าผ้าใบแล้วเดินสวนเข้าไปด้านใน ตรงไปยังเตียงสองชั้นขนาดกลางที่ตอนนี้มีใครอีกคนกำลังนอนกอดหมอนข้างหันหน้าเข้ากำแพง

    ฝ่ามือกว้างแตะเบาๆลงบนกลุ่มผมสีดำหลังจากนั่งลงบนขอบเตียงเรียบร้อย และแทบจะในทันทีที่ทำแบบนั้น คนที่เอาแต่นอนอยู่ท่าเดิมมาร่วมชั่วโมงก็ลุกขึ้นนั่ง หันตัวเข้าหาจงฮยอน เขยิบเข้าใกล้โดยไม่รั้งรอ สองแขนโอบรอบเอวหนาพร้อมทั้งซบหน้าลงบนไหล่กว้าง ความเปียกชื้นบริเวณหัวไหล่บ่งบอกว่าคนในอ้อมแขนของจงฮยอนตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่...

    “ไอ้อูฮยอน ไอ้หัวกระสุน ไอ้หน้าปลากระโห้ ไอ้... ไอ้... ฮ ฮึ่ก...”

    จงฮยอนเหลือบสายตาขึ้นมองเพื่อนอีกคนที่ยืนกอดอกอยู่ไม่ห่าง สบตากันอย่างเข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาให้มากความ

    “ขอให้บ้านมันบึ้ม”

    คิบอมเค้นเสียงรอดไรฟัน ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย น้ำตาเม็ดหนาไหลผ่านแก้มสีซีดแล้วค่อยๆซึมเข้าสู่เสื้อเชิ้ตของจงฮยอน หยดแล้วหยดเล่า...

     

     

    “อีกแล้วเหรอวะ?”

    จงฮยอนเอ่ยถามมินโฮพลางเอนตัวพิงกับขอบหน้าต่าง มือข้างหนึ่งถือแก้วกาแฟเอาไว้ขณะที่อีกข้างซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง สายตาทอดมองคนที่เอาแต่ร้องไห้จนเพลียและตอนนี้ก็หลับไปแล้วเรียบร้อย

    คิบอมนอนตะแคงหันหน้ามาทางพวกเขาสองคน จมูกรั้นๆยังคงแดงเรื่อ เช่นเดียวกับเปลือกตาที่ดูบวมกว่าปกติ ลบภาพคิบอมจอมเฮี้ยวตัวแสบประจำคณะไปจนเกลี้ยง

    “มึงนี่ถามเหมือนไม่รู้จักนิสัยเพื่อนตัวเอง ใครที่ไหนจะไปทนมันได้วะ พูดก็พูดเฮอะ กูยังประทับใจอูฮยอนเลยที่มันทนมาได้ตั้งเกือบห้าเดือน เป็นกูนะ เปิดแน่บตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว”

    มินโฮยกแก้วกาแฟตัวเองขึ้นแตะริมฝีปาก ละสายตาจากใบหน้าของคิบอมมายังจงฮยอน ถอนหายใจเบาๆเมื่อพบว่าสายตาของคนตรงหน้าเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของคิบอมไม่เลิก

    “กูบอกแล้วว่าไม่มีใครทนมันได้หรอก นอกจากมึง

    คำพูดของมินโฮเรียกรอยยิ้มให้จุดตรงมุมปากของจงฮยอนอย่างง่ายดาย ถึงอย่างนั้นคนถูกพาดพิงถึงก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกมา ดวงตาสีสนิมยังคงจ้องมองวงหน้าเปื้อนคราบน้ำตานั้นต่อไป ก่อนจะรีบร้อนวางแก้วกาแฟสีเบจลงบนหลังตู้เย็นแล้วก้าวเข้าไปหาคนบนเตียง ฝ่ามือลูบไล้กลุ่มผมยุ่งๆเมื่อคิบอมส่งเสียงครางฮือออกมาราวกับเจ้าตัวกำลังฝันร้าย ทำซ้ำไปซ้ำมาจนกระทั่งเสียงที่ว่านั้นเงียบลง

    จากมุมห้อง มินโฮลอบมองการกระทำนั้นอยู่ห่างๆ ร่างสูงส่ายหน้าไปมาเมื่อเห็นริมฝีปากได้รูปของเพื่อนยังคงคลี่ยิ้มจาง

     

    มินโฮกับจงฮยอนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนหนังสือด้วยกันมาตลอด จนกระทั่งขึ้นม.ปลายคิบอมก็ย้ายโรงเรียนมา เด็กหน้าตาเหนียมๆที่ดูท่าจะเข้ากับใครไม่ได้ ไม่รู้อะไรดลใจให้จงฮยอนเข้าไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่คนนั้น ใช้เวลาไม่นาน จากคู่หูก็กลายเป็นกลุ่ม จากสองเป็นสาม ภาพเหนียมๆที่เห็นตอนแรกถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขากลายเป็นเพื่อนกัน นอกจากคิบอมจะไม่เด๋อด๋าอย่างที่คิดแล้ว โดยไม่รู้ตัวก็กลายเป็นหัวหน้ากลุ่มที่คอยบงการจงฮยอนกับมินโฮให้ทำนู่นทำนี่ เป็นตัวแสบ ตัวป่วน ตัวเฮ้ว ตัวจริงเสียงจริงแบบที่คิดไม่ถึงมาก่อน

    ครั้นพอสอบเข้ามหาลัย เส้นทางของแต่ละคนก็ต่างออกไป มินโฮกับคิบอมเลือกเรียนศิลปะอย่างที่ชอบ ผิดจากจงฮยอนซึ่งเลือกเดินตามเส้นที่ทางบ้านขีดไว้ให้ กลายเป็นหนุ่มบริหารอย่างเต็มตัว

    ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังประคับประคองความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนเอาไว้ได้อย่างดี

    เสียแต่ว่า... เพราะประคับประคองมากเกินไป จึงทำให้ใครบางคนไม่กล้าทำลายกรอบนั้น เก็บซ่อนความรู้สึกไว้ภายใต้รอยยิ้ม และเลือกพูดคำว่าขอให้โชคดี แทนที่คำว่า อย่าไป

     

    ********************

     

    “ฉันพยายามแล้วนะ พยายามอย่างที่สุดแล้วด้วย แต่คิบอมเองต่างหากที่ไม่พยายามจะเข้าใจอะไรเลย”

    อูฮยอนกำลังระบายอย่างมีอารมณ์ ใบหน้าหล่อเหลาของเดือนคณะเภสัชฯสลดลงทันทีเมื่อถูกดวงตาคมๆสองคู่จ้องตรงมาพร้อมกัน

    หลังจากเดินออกจากห้องเรียน แขนสองข้างก็ถูกล๊อกโดยชายหนุ่มต่างคณะที่จำได้ดีว่าเป็นเพื่อนสนิทของอดีตแฟนเก่า ถูกหิ้วปีกลงบันไดมา อับอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

    “แต่ในเมื่อคบกันแล้ว นายก็ต้องยอมรับให้ได้ คิบอมอาจจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ฉันคิดว่ามันไม่น่าจะมากเกินจนนายทนรับไม่ได้”

    จงฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มีมินโฮซึ่งนั่งอยู่ข้างๆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “ถูกต้อง ถึงมันจะดื้อ จะรั้น จะตรงไปหน่อย แต่มันไม่ใช่ตัวเลือกของใคร และฉันก็จะไม่ยอมให้เพื่อนตัวเองกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของนาย”

    “ไม่มากเกิน? นิดหน่อย? พวกนายกล้าพูดคำนั้นออกมาได้ยังไง คิบอมเนี่ยนะเอาแต่ใจไปบ้างและก็ตรงไปหน่อย? เฮ้ย! คิดงั้นจริงดิ่?”

    พอถูกย้อนถามด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง จงฮยอนกับมินโฮก็เหลือบสายตามองหน้ากันก่อนจะค่อยๆฉีกยิ้มเจื่อน เพราะรู้ดีว่ากิตติศักดิ์ความเอาแต่ใจและความตรงของคิบอมนั้นสูงทะลุปรอท

    “ฉันมีควิซทุกเช้าวันจันทร์ แต่ทุกวันอาทิตย์ต้องถูกคิบอมลากไปนู่นมานี่ตลอด ไม่เคยได้อ่านหนังสือ ต้องมางกๆอ่านเอาตอนกลางคืน พอฉันอธิบายความจำเป็นก็ถูกงอน ต้องคอยตามง้อ และพวกนายรู้บ้างมั้ย ครั้งนึงที่ฉันได้คะแนนไม่ถึงครึ่ง เพื่อนพวกนายบอกฉันว่ายังไง เค้าหาว่าฉันอ่านหนังสือน้อยเกินไป ไม่ตั้งใจเรียน และยิ่งกว่านั้นนะ เค้าหาว่าสมองฉันมันเล็ก! มันฟ่อ! พื้นที่ไม่พอให้ยัดความรู้ เนี่ยนะที่พวกนายว่ามันนิดหน่อย ห๊า?!

    อูฮยอนตีมือสองข้างลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งถลึงตาใส่จงฮยอนกับมินโฮสลับกันไปมา ทำเอาชายหนุ่มสองคนที่เพิ่งได้ยินเรื่องราวทั้งหมดถึงกับอ้าปากค้าง และโดยไม่รอให้แก้ตัวอะไรแทนคิบอม อูฮยอนก็คว้าหนังสือเรียนของตัวเองแล้วลุกหนีออกจากโต๊ะไปทันที

    ทิ้งสองคู่หูให้นั่งมองหน้ากันไปมาอยู่อย่างนั้น

    “ทำไมมึงไม่ศึกษาก่อนมาหาเรื่องเค้าวะ” มินโฮตั้งคำถาม

    “แล้วกูจะรู้มั้ยล่ะ ว่าคิบอมจะด่าแฟนตัวเองว่าสมองฟ่อ” จงฮยอนพูดพึมพำ เริ่มรู้สึกเห็นใจอูฮยอนขึ้นมาตงิดๆ

     

     

    “ก็มันสมองฟ่อจริงๆนิ่ มีอย่างที่ไหน ตัวเองทำข้อสอบไม่ได้เองแล้วมาโทษว่าเป็นความผิดฉัน โธ่เอ้ย ไอ้สมองหัวคว...”

    “คิบอม”

    เสียงทุ้มเอ่ยปรามไว้ทันก่อนที่คนตรงหน้าจะสบถคำด่าออกมา คิบอมหันหน้าหนี หลบสายตาดุๆของจงฮยอนที่กำลังมองตรงมาแล้วแกล้งหยิบขนมขบเคี้ยวในมือเข้าปาก ทำเป็นมองไม่เห็น

    “ถ้างั้นก็สมควรแล้วที่เขาจะทนไม่ไหว”

    ใบหน้าตูมๆของคนบนเตียงหันขวับกลับมาจ้องหน้าเจ้าของคำพูด ก่อนที่หมอนหนุนจะปลิวข้ามห้องมาหาจงฮยอน คนโดนขว้างรับไว้ด้วยสองมือ ชายหนุ่มหันไปมองมินโฮที่นั่งกรอกตาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ยกมือสองข้างขึ้นมาทำท่ากากบาทส่งให้เป็นเชิงบอกปัดว่าขออยู่ห่างๆแบบนี้ดีกว่า แล้วจึงลุกเข้าไปนั่งลงบนเตียง สบตาคิบอมที่จ้องมาอย่างฉุนเฉียว

    “ว่าอีกสิ ว่าฉันอีกสิ! ฉันมันแย่นิ่ ไม่ได้เรื่อง ใครๆก็ทนฉันไม่ไหวทั้งนั้น!

    คิบอมตะโกนใส่ สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง มือกำห่อขนมไว้แน่น

    “ไม่ได้บอกว่าแย่”

    “แต่คิดอยู่! คิดอยู่ในหัว”

    “รู้ได้ไง”

    “ต้องรู้สิ จงฮยอนคิดอะไรอยู่ทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันรู้ทุกเรื่อง!

    “คิบอมไม่รู้หรอก ถึงรู้ก็รู้ไม่จริง”

    “จริง! รู้จริง!

    “ไม่จริง”

    “บอกว่าจริงไง!

    “ไม่จริง ไม่รู้”

    “รู้! ฉันรู้!

    “งั้นตอนนี้ฉันคิดอะไรอยู่”

    “คิดว่าฉันไม่มีเหตุผล สมควรแล้วที่ถูกบอกเลิก!

    “...ทำไมรู้”

    “เอ๊ะ!

    คนที่นึกว่าจะได้ยินคำปฏิเสธส่งเสียงออกมา ขัดใจจนไม่รู้จะทำยังไง พออีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ก็ยิ่งโมโห ชูห่อขนมขึ้น พอทำท่าจะปาใส่ก็ถูกจงฮยอนยึดข้อมือเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

    “ปล่อย!

    “ไม่ปล่อย ขืนปล่อยคิบอมก็โยนใส่หน้า”

    “ก็จะทำให้โดนไง ปล่อย!

    “ไม่”

    “ปล่อย!

    “ไม่ปล่อย”

    “คิมจงฮยอน!

    “คิมคิบอม”

    “หยุด ทั้งคู่!มินโฮตะโกนมาจากอีกฝากห้อง สองขาก้าวยาวๆมาหยุดอยู่ขอบเตียงแล้วจัดการงัดเอาห่อขนมในมือคิบอมออกมาจนได้

    “รุมกันแบบนี้ไม่แน่จริงนี่หว่า”

    คนเอาแต่ใจในสายตาเพื่อนเริ่มโวยวาย ยกมือขึ้นผลักคนนู้นทีคนนี้ทีอย่างหงุดหงิดเนื่องจากทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะถอยไปนั่งกอดเข่าอยู่มุมเตียงพร้อมทั้งหายใจหอบ ไม่วายส่งค้อนให้มินโฮและตวัดกลับมามองจงฮยอนตาเขียวปั๊ด

    “ไปง้อเค้าสิ” จู่ๆจงฮยอนก็พูดขึ้นมา

    “ฝันไปเถอะ” และคิบอมก็ตอบกลับโดยไม่หยุดคิด “ทำไมต้องง้อ ตัวเองก็ใช่ว่าจะเป็นแฟนที่ดี เวลาก็ไม่มีให้ พอชวนไปเที่ยวนิดหน่อยก็ทำบ่น น่าเบื่อ น่ารำคาญ ได้ยินมั้ย!

    ไม่รู้ว่าสรุปแล้วคนที่น่ารำคาญคือแฟนเก่าที่เป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนา หรือคือคนที่นั่งรับฟังอย่างใจเย็นอยู่ข้างๆกันแน่... จงฮยอนหันหามินโฮราวกับต้องการแรงหนุน ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากันเมื่อพบว่าเจ้าเพื่อนตัวดีจัดการหนีปัญหาด้วยการเสียบหูฟังเพลงนั่งจิ้มมือถือ ตัดตัวเองออกจากโลกภายนอกไปแล้วเรียบร้อย

    “กลับไปได้แล้ว ไม่อยากเห็นหน้า” คิบอมลอยหน้าลอยตาพูด เขยิบมาผลักจงฮยอนจนอีกฝ่ายยอมลุกออกจากเตียงแต่โดยดี แล้วจัดการทิ้งตัวลงนอน พร้อมทั้งคว้าผ้าห่มขึ้นคลุมจนมิด

    “...ดีเหมือนกัน อาทิตย์หน้ามีงานต้องส่งอาจารย์ มาคอยแต่ยุ่งเรื่องคนอื่น งานตัวเองเลยยังไม่ถึงไหน” จงฮยอนว่าแล้วหันมาหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองขึ้นสะพายบ่า ยังไม่ทันจะขยับเท้าไปทางประตู คราวนี้ผ้าห่มทั้งผืนก็ลอยละลิ่วมาคลุมหัว ตามมาด้วยแรงฉุดกระชากจากคนที่เอ่ยปากไล่ ดึงให้กลับไปนั่งอยู่บนเตียงตามเดิม

    “ใครเป็นคนอื่น ฉันหรอเป็นคนอื่น?! ก็ดี งั้นไม่ต้องไปแล้ว จงฮยอนต้องอยู่นี่! คืนนี้ต้องนอนที่นี่ ห้ามไปไหน เพราะฉันไม่อนุญาต!

    สั่งกำชับพร้อมกับยกนิ้วขึ้นชี้หน้า ริมฝีปากยู่เข้าหากัน คิบอมลุกขึ้นมาหยิบหมอนกับผ้าห่มตัวเองที่ตกหล่นอยู่บนพื้น ในขณะที่สายตาก็ยังจ้องจงฮยอนนิ่งชนิดไม่ยอมกระพริบแม้แต่ทีเดียว คนถูกจ้องกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ขยับไปนั่งปลายเตียงเมื่อเจ้าของที่เดินย้อนกลับมา

    มินโฮเลื่อนสายตาจากหน้าจอมือถือขึ้นมองเพื่อนสนิททั้งสองคนเมื่อรู้สึกว่าเสียงทะเลาะนั้นเงียบไป ไม่ดังแทรกมารบกวนเสียงเพลงเขาแม้แต่น้อย ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มกับภาพที่เห็น ก่อนชายหนุ่มจะหันกลับมาให้ความสนใจเครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์ในมือตามเดิม

    ณ มุมห้องซึ่งมีเตียงสองชั้นตั้งอยู่ คิบอมกำลังเอนตัวพิงกับหัวเตียง นั่งเล่นมือถือตัวเองเงียบๆ ปล่อยให้จงฮยอนยึดโน๊ตบุคส่วนตัวมาใช้หาข้อมูลและทำรายงานส่งอาจารย์

     

    “แก้วนี้แก้วสุดท้ายแล้วนะ” จงฮยอนพูดพร้อมกับยื่นแก้วเบียร์ส่งให้คิบอม

    หลังจากถูกบังคับให้นอนค้างที่หอ มินโฮก็ชวนจงฮยอนลงไปหาซื้ออาหารสำหรับมื้อค่ำ และในเมื่อคิบอมซึ่งยืนยันอย่างหนักแน่นว่ายังไงคืนนี้ก็จะฉลองให้ตัวเองที่กลับมาโสดอีกครั้งให้จงได้ รายการที่ลิสต์เอาไว้จึงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มแอลกฮอลรวมทั้งของทานเล่นต่างๆนาๆ

    ทั้งสามคมล้อมวงอยู่หน้าจอโทรทัศน์ ดูการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญทางช่องเคเบิ้ล สนุกก็ตรงที่นัดนี้ทีมในดวงใจของคิบอมกับมินโฮดันเข้ารอบมาชิงตัดเชือกกันเอง ต่างฝ่ายต้องส่งเสียงเชียร์ทีมโปรดจนลั่นห้อง

    จงฮยอนที่ไม่รู้จะส่งเสียงเชียร์ทีมไหนดีได้แต่นั่งดูไปเงียบๆ ก่อนจะจำยอมแปลงกายเป็นหนุ่มเชียร์เบียร์อย่างช่วยไม่ได้

     

    “ไอ้เชี้ยยยย”

    คิบอมสบถอย่างหัวเสียเมื่อผลการแข่งขันจบลงด้วยสกอร์ 2-0 โอดครวญพร้อมกับทึ้งผมตัวเองไปมา ผิดกับมินโฮที่ลุกขึ้นยืนชูกำปั้นอยู่กลางห้องราวกับซุปเปอร์ฮีโร่ จงฮยอนหัวเราะเบาๆ มองปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสองคนซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    “เดี๋ยวกูมานะ ไปหาไอ้มินซูแป๊บ พนันกับมันไว้สามหมื่น”

    มินโฮพูดแล้วรีบวิ่งออกจากไป เป้าหมายอยู่ที่ห้องตรงกันชั้นล่าง และทันทีที่แผ่นหลังของเพื่อนตัวสูงโผล่พ้นขอบประตูเรียบร้อย คิบอมก็ลุกตรงไปยังประตู จัดการล๊อคห้องเสร็จสรรพ

    “คืนนี้เชิญนอนนอกห้องเถอะมึง!

    จงฮยอนมองการกระทำเหมือนเด็กนั้นอย่างนึกหน่ายใจ จัดการหยิบจานรวมทั้งแก้วน้ำขึ้นจากพื้นแล้วเดินเอาไปกองรวมกันไว้ในอ่างซิงค์ ชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าเมื่อเดินกลับมาแล้วพบว่าคิบอมกำลังถือขวดเบียร์ที่ดื่มค้างไว้ในมือ สองตาจ้องมองหน้าจอโทรทัศน์ ผ่านไปซักพักก็ยกขวดเบียร์ขึ้นกระดกอึกๆ

    “ดื่มมากๆเดี๋ยวก็เมา พรุ่งนี้ก็บ่นปวดหัวอีก” ว่าเข้าให้ขณะเดินมานั่งลงบนพื้นข้างกัน

    “พรุ่งนี้ไม่มีเรียน”

    “...ตามใจ” จงฮยอนว่า ทำท่าจะลุกขึ้นอีกหน ตั้งใจว่าจะไปอาบน้ำแล้วจะได้เตรียมตัวเข้านอน เพราะถึงแม้ว่าพรุ่งนี้คิบอมจะไม่มีเรียน แต่เขามี และก็มีทั้งเช้าและบ่ายเสียด้วย

    “ทำไมไม่ห้ามต่อ?” คนขี้สงสัยถามพร้อมกับดึงชายเสื้อจงฮยอนเอาไว้ บังคับให้กลับมานั่งลงตามเดิม

    “ถึงห้ามก็ไม่ฟัง ขี้เกียจพูดแล้ว”

    “ยังไม่ได้ลองเลยแล้วรู้ได้ไงว่าจะไม่ฟัง”

    “ไม่ต้องลองก็รู้”

    “ก็ลองดูก่อนสิ”

    จงฮยอนสบตาคนข้างกายที่มองมาอย่างท้าทายแล้วพยักหน้าอย่างยอมแพ้

    “โอเค... เลิกกินได้แล้ว แล้วก็ไปอาบน้ำเข้านอนซะ”

    “คิก...” คิบอมหัวเราะออกมา ก่อนจะยกขวดเบียร์ขึ้นกระดก ขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องมองจงฮยอนไปด้วย ไม่วายยักคิ้วให้ตบท้าย

    “คิบอม...”

    “เฮ้อ... นายนี่หลอกง่ายดีจัง แบบนี้ขืนมีแฟน ต้องโดนแฟนหลอกเช้ากลางวันเย็นแหงๆ”

    ขวดเบียร์ถูกวางลงบนพื้น ร่างสมส่วนตะแคงตัวหันมาหาจงฮยอน ใช้แขนขวายันโซฟาด้านหลังเอาไว้ มองใบหน้าด้านข้างของเพื่อนสนิทพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

    “จงฮยอน”

    “ว่าไงครับคุณคิบอม”

    พอถูกขานรับด้วยคำพูดเพราะๆกึ่งประชดก็ทำเอาคนฟังหัวเราะคิกคักออกมายิ่งกว่าเดิม คิบอมเขยิบตัวเข้าใกล้ มองจงฮยอนที่เอาแต่นั่งมองโทรทัศน์แล้วค่อยๆซบหน้าลงบนบ่าของอีกฝ่าย

    “ฉันมันแย่มากเลยหรอ”

    คนที่นั่งเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ชะงักปลายนิ้วของตัวเอง ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วไปยังปุ่มสีแดงบทรีโมทคอนโทรลแล้วจัดการกดปิดหน้าจอ

    “คิดถึงเค้า?”

    “คิดถึง... คิดว่าทำไมถึงคบใครไม่เคยรอด”

    “.....”

    “ตอนปีหนึ่งคิดว่าตัวเองอาจจะยังเด็กไป พอปีสองก็นึกว่าเป็นเพราะกิจกรรมมันเยอะ แต่นี่ปีสามแล้วก็ยังเหมือนเดิม”

    “เค้าอาจจะไม่ใช่...”

    “ก็แล้วมันอยู่ไหนล่ะไอ้คนที่ใช่น่ะ เกิดรึยัง หรือว่ายังชดใช้กรรมไม่เสร็จ”

    คำพูดและน้ำเสียงตัดพ้อของคนข้างกายทำเอาจงฮยอนเผลอหัวเราะออกมา ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบเส้นผมนุ่มอย่างเบามือ

    “ถ้าเจอหน้านะ จะถามเลยว่าไปเดินหลงอยู่แถวไหนมา”

    “ก็อาจจะเดินหลงไปหลงมาเหมือนกับคิบอมตอนนี้ล่ะมั้ง”

    “แย่ชะมัด”

    พึมพำพร้อมกับเบียดตัวเข้าใกล้จงฮยอนให้มากกว่าเดิม หลับตาลงกับสัมผัสที่ชวนให้สบายใจยามที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายลูบไปมาบริเวณหลังหัวของตัวเอง

    “แล้วจงฮยอนล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟน”

    “อีกนาน” จงฮยอนตอบปัดสั้นๆ ระบายยิ้มออกมาเมื่อแมวตัวโตข้างๆทำจมูกฟุดฟิดอยู่แถวๆต้นคอเขา

    “ดี”

    “หืมม์?”

    “จะได้อยู่กับฉันไปนานๆ เวลาฉันถูกบอกเลิกจะได้มีคนให้กอดแบบนี้”

    “งั้นไว้รอคิบอมมีแฟนเมื่อไหร่ ฉันค่อยหาแฟนให้ตัวเองก็แล้วกัน”

    “สัญญานะ ต้องเป็นจงฮยอนของฉันคนเดียว และก็ห้ามเป็นของใครจนกว่าฉันจะอนุญาต”

    เงยหน้าขึ้นมาพร้อมทั้งสบตาสีเข้ม ระยะห่างถูกย่นลงจนปลายจมูกชนกัน

    “สัญญา”

    “อย่าลืมนะว่าฉันรู้ทุกอย่างที่จงฮยอนคิด ถ้าจงฮยอนโกหกฉันก็จะรู้เหมือนกัน”

    คิบอมพูดขณะจ้องลึกลงไปในดวงตาของคนตรงหน้า ใกล้ชิดเสียจนแทบจะใช้ลมหายใจเดียวกัน และในเสี้ยววินาทีที่เลื่อนสายตามายังริมฝีปากหนานั่นเอง อีกฝ่ายก็หันหน้าหนีไป แขนซ้ายของจงฮยอนยังคงโอบรอบไหล่ของคิบอม เช่นเดียวกับฝ่ามือที่เริ่มต้นลูบหัวคิบอมอีกครั้ง

    ราวกับถูกกล่อมอย่างไรอย่างนั้น เปลือกตาบางปิดลงช้าๆ หูแว่วได้ยินเสียงทุ้มของเพื่อนสนิทบอกฝันดีอยู่ไม่ห่าง

    จงฮยอนเอียงคอมองเสี้ยวหน้าของคนที่หลับซบไหล่เขา ชายหนุ่มระบายยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ชวนให้ใจเต้นแรงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า... ถ้าเพียงแกล้งเผลอตัวไปซักหน่อย คิบอมก็คงจะว่าอะไรเขาไม่ได้ แต่ถึงจะว่าหรือไม่ เขาก็เตือนตัวเองตลอดอยู่แล้วว่าจะไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น เพราะเป็นเพื่อนกัน ฉะนั้น... จะไม่มีวันเอาเปรียบเพื่อน ในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังอ่อนแอเด็ดขาด

    สำหรับจงฮยอนแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการได้เห็นคิบอมยิ้มทุกๆวัน... ก็แค่นั้นเอง

     

    ********************

     

    “เดินเร็วๆสิมินโฮ จงฮยอนรอนานแล้วนะ”

    คิบอมหันไปตะโกนเรียกเพื่อนสนิทที่กำลังเดินทอดน่องอย่างอารมณ์ดีอยู่ด้านหลัง คิ้วขมวดเข้ากันอย่างขัดใจเมื่ออีกฝ่ายหันไปโบกมือให้สาวๆ โชว์ยิ้มสวยเรียกเรทติ้งสุดๆ ทนไม่ไหวจนต้องเดินกลับมาลากคอเพื่อนให้รีบๆเดินตามมา

    “รีบไปไหน จงฮยอนมันไม่หายไปไหนหรอกน่า”

    “ต้องรีบสิ เลยเวลานัดมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว แกนี่มัน...ฮึ้ย!” คิบอมสะบัดหน้าแล้วรีบจ้ำเท้าไปทางตึกบริหาร สอดส่ายตามองหาร่างคุ้นตา ริมฝีปากฉีกยิ้มทันทีเพียงแค่มองหาคนที่อยากเจอพบ

    คนที่ยืนรอเพื่อนอยู่หน้าป้ายคณะยิ้มออกมาเมื่อเงยหน้าขึ้นจากพื้นแล้วเห็นคิบอมกำลังวิ่งตรงมาหา มีมินโฮเดินตามหลังมาอยู่ห่างๆ

    “รอนานป่ะ”

    คนถูกถามส่ายหน้า ยื่นมือรับกระดานรองเขียนที่คิบอมถือติดมือมาไว้กับตัวเองแทน

    “ไรวะ ถือให้คิบอมคนเดียว สนใจเอาของกูไปถือด้วยม่ะ” มินโฮพูดขึ้นเมื่อเดินมาหยุดยืนข้างจงฮยอน แกล้งยื่นกระดานรองเขียนของตัวเองไปให้เพื่อน แต่กลับกลายเป็นคิบอมที่ยื่นมือมารับไปแทน กำลังงงว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน คนตัวสูงก็ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อคิบอมเดินถืออุปกรณ์ส่วนตัวของเขาไปโยนทิ้งลงถังขยะ

    “เฮ้ยยยยยย”

    “แค่นี้ก็ไม่ต้องถือแล้วไง”

    “ไม่ได้ถือไม่พอ ไม่ได้ใช้ด้วยนะเว้ย” มินโฮล้วงมือลงไปหยิบกระดานรองเขียนของตัวเองกลับขึ้นมา อยากจะหันไปด่าไอ้เพื่อนตัวแสบซักทีสองที แต่พอเห็นอีกฝ่ายยืนกอดอกลอยหน้าลอยตาแล้วก็ได้แต่สบถกับตัวเองแทน อ่อนใจกับนิสัยเหลือจะรับของคิบอมจนไม่รู้ว่าควรด่าอะไรดี

     

    “ใครจะไปทนมันได้วะ” มินโฮพึมพำอยู่ข้างจงฮยอน มีคิบอมเดินนำอยู่ด้านหน้าของพวกเขา

    “กูไง”

    “กูก็เห็นว่ามีแค่มึง ขนาดกูยังจะทนมันไม่ไหวแล้วเนี่ย”

    จงฮยอนหัวเราะในคอ ยกมือตบบ่าเพื่อนแล้วเดินขึ้นไปอยู่ข้างๆคิบอม

     

    บะหมี่เย็นเจ้าอร่อยหมดไปครึ่งชามขณะที่เสียงโทรศัพท์ของมินโฮดังขึ้น

    “อะไร” กรอกเสียงลงไปหลังจากมองชื่อบนหน้าจอและกดรับสายเรียบร้อย “กูกินอยู่... เออ เดี๋ยวกูถามให้... เออน่า... แค่นี้นะ” มินโฮกดตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์ของตัวเองลงกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหันไปหาคิบอม

    “ดงอูฝากบอกว่าเพื่อนมันจะจีบ ขอเบอร์ด้วย”

    คนที่กำลังคีบเส้นบะหมี่เข้าปากเลิกคิ้วขึ้นสูง เอื้อมมือไปคีบเนื้อหมูชาชูในชามของจงฮยอน และแทนที่จะต่อว่า เจ้าของชามกลับเลื่อนชามตัวเองเข้ามาใกล้คิบอมมากกว่าเดิม ทำเอาคนถูกตามใจอมยิ้มจนแก้มที่ตุ่ยอยู่แล้วยิ่งกลมมากกว่าเดิม

    “ให้ไม่ให้ จะได้บอกมันเลย”

    “ไม่”

    คิบอมตอบเต็มปากเต็มคำหลังจากกลืนบะหมี่ลงคอ

    “แน่ใจ? เด็กเครื่องกลนะเว้ย”

    “ไม่! เด็กเครื่องกลตัวเหม็น วันๆคลุกอยู่กับเครื่องอะไรก็ไม่รู้ ตัวมีแต่กลิ่นน้ำมัน... พอพูดถึงหน้าพี่คยูฮยอนก็ลอยมาเลยอ่ะ พูดทำไมวะ” คิบอมเอ่ยถึงแฟนคนเก่าที่เคยคบด้วยสมัยอยู่ปีสอง ทำเอาบะหมี่เย็นเจ้าอร่อยหมดความอร่อยทันทีทันใด

    “เอ้า! กูผิดซะงั้น”

    มินโฮหันมามองหน้าจงฮยอน อีกฝ่ายเพียงแค่ไหวไหล่ให้พร้อมกับอมยิ้มมุมปาก ถือเป็นการปิดฉากบทสนทนาว่าด้วยเรื่องการหาแฟนใหม่ให้คิบอมโดยปริยาย

     

    “จงฮยอน? จงฮยอน!

    เสียงเรียกชื่อเพื่อนในกลุ่มดังขึ้นเมื่อทั้งสามคนก้าวออกจากร้านบะหมี่เย็น เจ้าของชื่อหันไปมองตามต้นเสียงแล้วส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมคณะ สองขาก้าวเข้าไปหากลุ่มเพื่อนผู้หญิงกลุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าร้านอาหารใกล้ๆกัน

    “บะหมี่เย็นร้านนี้อร่อยหรอ?” หญิงสาวคนเดียวกับที่เอ่ยเรียกชื่อเขาถามพร้อมกับเงยหน้ามองป้ายร้าน

    “น้ำซุปเค้าอร่อยดี ไม่เคยลองเหรอ? ต้องลองดูนะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง”

    “คราวนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ เพื่อนตกลงกันแล้วว่าจะเข้าร้านนี้... ไว้คราวหน้าจงฮยอนพาฉันมาหน่อยสิ มากับลูกค้าประจำ เผื่อพ่อครัวจะเพิ่มให้เป็นกรณีพิเศษ”

    “เอาสิ อยากกินวันไหนก็บอกได้เลย”

    “จริงๆนะ ฉันจะถือว่าจงฮยอนสัญญาแล้วนะ”

    “ครับผม”

    ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า และใบหน้าหวานก็ส่งยิ้มคืนกลับมาให้เช่นกัน ดวงตาเรียวสวยโค้งแบบที่ผู้ชายหลายๆคนชอบนักหนา

    “งั้นไว้ค่อยนัดกันอีกทีนะว่าวันไหนดี เดี๋ยว... ฉันไปกับเพื่อนก่อน”

    ซึงฮยอนโบกมือให้จงฮยอนแล้วเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ไม่วายหันมาส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง

    จงฮยอนเดินกลับมาหาเพื่อนทั้งสองคน รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้าเลือนหายไปเมื่อเห็นสายตาของคิบอมที่จ้องตรงมา กระดานรองเขียนถูกเจ้าของกระชากกลับคืน พอตั้งท่าจะพูดอะไรคนถูกปล่อยให้รอก็เดินหนีไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

    “มึงตามไปเฮอะ กูว่าจะแวะไปเดินเล่นแถวซัมซองดงซะหน่อย หาแรงบันดาลใจทำงานส่งอาจารย์”

     มินโฮบอกลาจงฮยอนแล้วเดินแยกไปอีกทาง

     

    คนที่รู้ตัวว่าถูกโกรธเข้าให้แล้วรีบเดินตามคิบอมไป ฝ่ามือหนาช้อนเข้ากุมมือของคนขี้โมโหแสนเอาแต่ใจไว้เมื่อเดินตามมาจนทัน ไม่สนใจว่าเจ้าของมือจะพยายามสะบัดออกแค่ไหน

    “ร้อน ไม่ต้องจับ รำคาญ!

    ทั้งที่ถูกพูดจาร้ายกาจใส่แต่จงฮยอนก็ยังกุมมือคิบอมไว้ไม่ยอมปล่อย พออีกฝ่ายทำท่าทีฮึดฮัดก็ส่งยิ้มกลับไปให้

    “คิบอมไม่รำคาญฉันหรอก”

    “ก็รำคาญอยู่นี่ไง”

    “โกหก”

    “ใครกันแน่ที่โกหก”

    “... หื้ม? ฉันโกหก? เรื่องอะไร?”

    “รู้อยู่แก่ใจ” อาศัยช่วงที่อีกฝ่ายเผลอดึงมือตัวเองออกมาจนได้

    จงฮยอนมองคิบอมที่เดินหนีแล้วก้าวขาตาม ยื่นมือออกไปรั้งข้อศอกของอีกฝ่ายไว้

    “ฉันไม่รู้”

    “ต้องรู้ โกหกอะไรไว้ก็ต้องรู้”

    “ไม่รู้ จะรู้ได้ยังไงในเมื่อไม่ได้โกหก”

    “โกหก! โกหกว่ายังไม่มีแฟน”

    “ก็ยังไม่มี”

    “แต่กำลังจะมี อย่ามาใสซื่อ นายดูไม่ออกจริงๆหรอว่าผู้หญิงคนนั้นชอบนาย”

    “ผู้หญิงคนนั้น?... ซึงฮยอน?” จงฮยอนถามกลับอย่างตกใจ

    “ซึงอะไรก็ไม่รู้ทั้งนั้นแหละ รู้แต่ว่าเค้าชอบนาย! ฉันเห็นเค้ามองนายฉันก็รู้แล้ว”

    “เฮ้ย! เพื่อนกัน คิดอะไรน่ะเรา” จงฮยอนว่าพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่ม หากแต่เจ้าของกลับปัดมือเขาออก ไม่ยอมให้กันเหมือนทุกที

    “โอเค ถ้าสมมุติว่าซึงฮยอนชอบฉันจริงๆ แล้วยังไง ฉันไม่ได้ชอบเค้าซักหน่อย”

    “โกหก!

    “โกหกอะไรอีก” จงฮยอนถาม ทั้งขำทั้งอ่อนใจ ไม่รู้จะต้องหาอะไรมาแก้ตัวให้ตัวเองอีกฝ่ายถึงจะยอมเชื่อ

    “ไหนบอกว่ารู้ทุกเรื่องที่ฉันคิด แล้วทำไมถึงไม่รู้ว่าฉันพูดความจริงรึเปล่า”

    คิบอมหันมามองเจ้าของคำพูด มองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลเข้มของจงฮยอนราวกับจะพิสูจน์คำพูดท้าทายนั่น...

    เด็กดื้อในความคิดของจงฮยอนหันหน้ากลับไป ริมฝีปากที่เบะคว่ำมาแต่แรกเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเส้นตรงตามปกติ และไม่ต้องรอให้อนุญาต ชายหนุ่มก็คว้ามือของคิบอมมากุมไว้อีกหน ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเจ้าของมือไม่ได้มีทีท่าจะสะบัดหนีเหมือนตอนแรก

    “จริงๆที่พูดนี่ เบื่อฉันแล้วก็เลยจะยกให้คนอื่น บอกมาเถอะน่า”

    “ใครว่า! ไหนสัญญาแล้วไง จงฮยอนเป็นของฉันคนเดียว ไม่มีทางยกให้คนอื่น!

    หัวใจเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา... จงฮยอนยิ้มกับตัวเองขณะก้าวต่อไปทั้งที่ยังคงกุมมือคิบอมเอาไว้

     

     

    มินโฮมองรูมเมทเจ้าอารมณ์ที่กำลังนั่งจิ้มโทรศัพท์พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างแปลกใจ ร่างสูงยืนใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมเปียกน้ำของตัวเองอยู่หน้าห้องน้ำ เอ่ยปากถามอย่างอดไม่ได้

    “คุยกับใครวะ แฟนใหม่?”

    “ใจคอแกจะนี่จะยัดเยียดให้ฉันมีแฟนตลอดเวลาเลยรึไง”

    “จะรู้ได้ไง เห็นยิ้มจนปากจะถึงหูอยู่แล้ว... ตกลงว่าแฟนใหม่?”

    “แฟนใหม่กับผี คุยกับจงฮยอนอยู่”

    “อ่อ...”

    พอชื่อของเพื่อนสนิทอีกคนหลุดออกมา ความสงสัยที่มีก็จางหายไปทันที ร่างสูงเดินไปนั่งบนเก้าอี้หน้าพัดลม ขณะที่สายตาก็ยังคงจ้องมองอิริยาบถของคิบอมไม่เลิก นานจนคนถูกมองรู้สึกได้

    “จะถามอะไรก็ถามมา”

    “ถามได้จริงอ่ะ?”

    “เออ ถามได้ แต่จะตอบมั้ยอีกเรื่อง”

    “โอเค! งั้นถาม... ถามจริงๆ รู้รึเปล่าว่าจงฮยอนมันคิดอะไรอยู่”

    “คิด? คิดว่า?”

    “ก็ถามอยู่นี่ไงว่ารู้มั้ย”

    “รู้สิ”

    “ห๊ะ?”

    “บอกกี่รอบแล้วว่ารู้ทุกเรื่องที่จงฮยอนคิด... ว่าแต่จะถามถึงเรื่องไหนล่ะ”

    “อะไรวะ”

    มินโฮยกมือขึ้นเกาหัว ไม่รู้ว่าคำถามของเขามันเข้าใจยากหรืออีกคนแค่ตีเนียนทำมึนกันแน่

    “งั้น... ถ้าฉันมีแฟน แกจะหวงฉันป่ะ”

    คิบอมเงยหน้ามองมินโฮ ก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมา

    “หวงแกเนี่ยนะ? หวงไว้ทำซากอะไร นี่ก็รอคนใจบุญมีเคราะห์มารับแกไปอุปถัมภ์อยู่ทุกวันเนี่ย”

    “มึงนี่เพื่อนแท้จริงๆ” มินโฮพูดพร้อมกับโยนผ้าขนหนูผืนเล็กใส่คิบอม ลุกไปเปิดตู้เย็น หยิบขวดน้ำอัดลมออกมาเทใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เอ่ยถามข้อสงสัยของตัวเองขณะปิดฝาขวดและวางกลับลงไปในตู้เย็น

    “แล้วทำไมทีจงฮยอนมึงถึงหวงจังวะ... คิบอม?”

    หันกลับมาถาม และพบว่าเจ้าของชื่อจัดการสวมหูฟังแล้วเรียบร้อย เป็นอันว่า คำถามของเขา...เป็นหมันสินะ

     

    ********************

     

    “หมายความว่าไงที่ว่าไปด้วยไม่ได้?” คิบอมถามเสียงเขียวใส่โทรศัพท์ ดูเหมือนว่าอาการหิวข้าวจะทำให้คนอารมณ์ร้อนยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

    มินโฮที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องเรียนหยุดชะงัก ขยับเข้าไปใกล้พร้อมกับเอียงหน้าเข้าหา ได้ยินเสียงจงฮยอนเอ่ยขอโทษขอโพยมาจากปลายสาย

    “ฉันไม่สนว่านายรับปากใครไว้ แต่นายต้องไปกินข้าวกับฉัน!

    “ไหววันหลังนะ วันนี้ไม่ได้จริงๆ”

    “วันไหนก็ไม่เอา จะเอาวันนี้”

    “คิบอมอ่า อย่าโกรธสิ เดี๋ยวตอนเย็นฉันพาไปหาอะไรอร่อยๆทานนะ”

    “ไม่”

    “แต่ฉันรับปากไว้แล้ว ถ้าไม่ไปเดี๋ยวจะเสียคำพูด คิบอมคงไม่อยากให้ฉันมีปัญหากับเพื่อนในคณะใช่มั้ยล่ะ”

    “.....”

    “แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น นะ?”

    “...ก็ได้ แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นนะ! บอกเพื่อนนายด้วยว่าฉันสำคัญกว่า เป็นเพื่อนพิเศษ เพื่อนธรรมดาๆเจอกันแค่เวลาเรียนก็พอแล้ว”

    คำพูดแสนเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจทำเอามินโฮถึงกับกรอกตาไปมาอย่างอดไม่ได้

    “อืม แค่นี้นะ”

    คิบอมพ่นลมหายใจแรง จัดการเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ริมฝีปากยู่เข้ากันหากัน นึกขึ้นได้ว่าลืมถามจงฮยอนว่าเพื่อนที่เจ้าตัวต้องไปกินข้าวด้วยนั้นเป็นใคร

    “แล้วตกลงเอาไง” มินโฮถามขึ้น

    “แกอยากกินไรมั้ยล่ะ”

    “ไม่อ่ะ”

    “งั้นไปร้านเดิม”

    “อีกและ?” พอจะเอ่ยปฏิเสธและชวนไปหาร้านใหม่สำหรับมื้อเที่ยง คิบอมก็เดินหนีไปซะก่อน สุดท้ายก็เลยต้องจำใจเดินตามคิบอมไปยังร้านบะหมี่เย็นข้างมหาลัยต้อยๆ

     

    “ฉันว่าเปลี่ยนไปกินบุลโกกิร้านข้างๆดีกว่า เอามะ”

    มินโฮพูดเสียงอ่อยอยู่ข้างคิบอม ร่างสูงยกมือขึ้นเกาหัว มองตรงไปยังจงฮยอนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่กับเพื่อนร่วมคณะในมุมหนึ่งของร้าน... สาวสวยที่พวกเขาบังเอิญเจอเมื่ออาทิตย์ก่อน

    อาจจะเป็นความโชคดีของจงฮยอนที่นั่งหันหลังให้ทางเข้าร้าน เพราะถ้าเจ้าตัวรู้ว่าคิบอมยืนมองตาเขียวปั๊ดอยู่ตรงนี้ มินโฮก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาหารตรงหน้าจงฮยอนจะยังคงอร่อยอยู่รึเปล่า

    คิบอมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ทำท่าจะพูดอะไรออกมาแต่สุดท้ายก็ปิดมันกลับไปตามเดิม สองขาก้าวไปยังโต๊ะอีกมุมหนึ่งของร้าน ใบหน้าหวานงอง้ำจนมินโฮที่เดินตามมานั่งบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร... แน่ล่ะว่าเขาไม่เก่งเหมือนจงฮยอนที่จะได้เข้าใจและรู้วิธีเอาใจคิบอมไปซะทุกเรื่อง

    บะหมี่เย็นชามโตวางลงตรงหน้า ถึงอย่างนั้นคิบอมก็ยังเอาแต่มองไปยังโต๊ะของจงฮยอน

    “คิบอม”

    มินโฮเรียกชื่อเพื่อนพร้อมกับตะครุบข้อมือบางไว้ทันเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะลุกจากเก้าอี้

    “ปล่อยจงฮยอนมันบ้างเฮอะ”

    เจ้าของข้อมือบางตวัดสายตามามองมินโฮ อีกครั้งที่ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน...

    “ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ่”

    พูดพร้อมกระชากข้อมือของตัวเองคืน คิบอมหันมาคว้ากระเป๋าบนเก้าอี้ตัวที่ว่างแล้วเดินออกจากร้านไปทันที

     

    ปล่อยจงฮยอนมันบ้างเฮอะ

    มินโฮหัวโตตาโปนสมองเน่า! จงฮยอนเป็นของเขา! สัญญาแล้วด้วยว่าจะเป็นของเขาแค่คนเดียว อยู่ๆจะมาบอกให้ปล่อย... ใครจะไปยอม!

    ปลายเท้าเตะก้อนหินข้างทางอย่างระบายอารมณ์ หงุดหงิดจนไม่รู้จะทำยังไง พอคิดถึงภาพที่จงฮยอนหัวเราะกับผู้หญิงคนนั้นก็ยิ่งหงุดหงิด

    “เชี่ยแม่ง!

    พอสบถออกมาแรงๆ ดูเหมือนจะช่วยทำให้อารมณ์โกรธลดลงได้ในระดับหนึ่ง

    อดคิดถึงตอนสมัยที่พูดคำหยาบคำเว้นคำตอนเป็นเด็กม.ปลายไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆจงฮยอนถึงได้สั่งห้ามเขาพูดมึงพูดกูกับเจ้าตัว ให้เปลี่ยนมาใช้สรรพนามเรียกแทนตัวเองว่าฉันและให้เรียกเพื่อนอีกสองคนว่านายแทน ตอนแรกที่ได้ยินถึงกับขำจนปวดกราม... ตุ๊ดเฮอะ! พอจี้ถามว่าทำไมต้องพูด จงฮยอนก็ตอบมาว่า

    มันไม่น่ารัก

    แค่เนี้ย?

    มันไม่เข้ากับหน้านาย ออกจะน่ารัก พูดจาให้มันน่ารักหน่อยสิ

    ตามนั้น...

    คิบอมเริ่มก้าวเท้าอีกครั้ง ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตัวเองตอนนี้ยังไงดี และระหว่างที่เดินไปตามถนนนั้นเอง ก็เผลอตั้งคำถามกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว... ถ้าเขาไม่น่ารัก จงฮยอนจะไม่รักเขาหรือไงนะ

     

    มันจะเป็นความรักรึเปล่า? เธอกับฉัน
    จะใช่ความรักรึเปล่า? เธอกับฉัน

    เราจะพูดได้รึเปล่า ว่าเรารักกัน?
    พูดได้รึเปล่า...

     

    เสียงเพลงหยุดไปดื้อๆ...

    คิบอมลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงเงาที่ทาบทับลงมา ใบหน้าของจงฮยอนลอยห่างไม่ถึงคืบ กำลังสบตาเขาพร้อมทั้งส่งยิ้มมาให้เหมือนทุกที

    “ปิดเพลงทำไม” เอ่ยถามพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงแทงค์น้ำขนาดใหญ่

    ไม่รู้ตัวเลยว่าขึ้นมานอนเล่นอยู่บนดาดฟ้าของหอพักนานขนาดนี้ จำได้ว่าหลังจากแยกกับมินโฮตอนพักเที่ยง เขาก็มารอเรียนวิชาช่วงบ่ายที่ตึก มินโฮมาถึงก่อนหน้าอาจารย์เข้าสอนแค่ไม่กี่นาที พอเรียนเสร็จ เขาสองคนก็แยกย้ายกัน มินโฮมีธุระ ส่วนเขาที่ไม่รู้จะไปไหนก็เลือกจะกลับห้อง และเพราะเบื่อ ไม่รู้จะหาอะไรทำก็เลยคว้าไอพอดประจำตัวพร้อมกับหูฟังขึ้นมาข้างบนนี้และก็นอนฟังเพลงไปเรื่อยๆ

    “กี่โมงแล้ว” คิบอมถามจงฮยอนที่ขยับมานั่งพิงแทงค์น้ำอยู่ข้างกัน

    “หกโมงครึ่งแล้ว หิวรึยัง?”

    “หิวมาก”

    “งั้นไปหาอะไรกินกัน” จงฮยอนที่ทำท่าจะลุกขึ้นยืนทิ้งตัวลงนั่งอีกหนเมื่อคิบอมดึงแขนเขาเอาไว้พร้อมกับส่ายหน้า

    “เดี๋ยวค่อยกิน ตอนนี้มีเรื่องอยากพูดด้วย”

    ถูกจับให้นั่งหันหน้าเข้าหากันไม่พอ คิบอมยังยื่นมือทั้งสองข้างให้จงฮยอน และอีกฝ่ายก็เอื้อมมาจับไว้อย่างงงๆ

    ดวงตาเรียวจ้องลึกลงไปในดวงตาสีเข้มของจงฮยอนราวกับต้องการยืนยันสิ่งที่ตัวเองคิด

    “มีอะไรรึเปล่า?”

    “ฉันจะพูดล่ะนะ จงฮยอนอยากฟังมั้ย”

    “อยากฟัง? เรื่องอะไร” ถามพร้อมทั้งหัวเราะขำกับท่าทีที่ดูผิดแปลกไปจากปกติ

    “ฉันคิดว่า...”

    “หืมม์?”

    “ฉันคิดว่าฉันชอบจงฮยอน”

    “.....”

    “อย่าถามนะว่าเมื่อไหร่ เพราะฉันก็ไม่รู้ รู้อีกทีก็ชอบไปแล้ว”

    ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกว่าจงฮยอนกระชับมือเขาเข้าหากัน แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นอีกฝ่ายก็คลายมันออก รวดเร็วเสียจนไม่แน่ใจว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า

    “ทำไมทำหน้าแบบนั้น? จะบอกว่าจงฮยอนไม่ได้ชอบฉันหรอ หรือว่าฉันคิดไปเองคนเดียว?”

    “...แล้วทำไมถึงคิดว่าฉันชอบคิบอมล่ะ”

    “ก็สายตาจงฮยอนบอก! ฉันเป็นคนถูกมองนะ ทำไมฉันจะไม่รู้ ลืมแล้วหรอที่ฉันพูดว่าฉันรู้ทุกเรื่องที่จงฮยอนคิด จงฮยอนมองฉันแบบไหน คิดกับฉันยังไง ฉันรู้หมดนั่นแหละ รู้มาตั้งนานแล้วด้วย”

    จงฮยอนมองคนที่เริ่มขึ้นเสียงแล้วเสไปมองอย่างอื่นแทน... คิบอมทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงอีกแล้ว

    “มัน... ไม่ใช่หรอ” คนที่มั่นใจในตัวเองนักหนาถามเสียงแผ่ว เริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทางของคนตรงหน้า

    จงฮยอนละสายตาจากตึกสูงซึ่งอยู่ไกลลิบมายังวงหน้าของคิบอม ถอนใจยาวแล้วพยักหน้าช้าๆ

    “ใช่สิ ฉันรักคิบอม ไม่ใช่แบบเพื่อน แต่มันมากกว่านั้น”

    “ถ้าอย่างนั้น...”

    “แต่คนที่อยากถามว่าใช่รึเปล่า มันควรจะเป็นฉันมากกว่า”

    คิบอมขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อจงฮยอนเอ่ยคำพูดชวนเข้าใจยากออกมา สองมือที่ถูกฝ่ามือหนากอบกุมถูกกระชับแน่นขึ้น ริมฝีปากค่อยๆคลี่ยิ้มส่งมาให้ เช่นเดียวกับแววตาที่อีกฝ่ายมองมาก็นั้นยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเหมือนเช่นเคย

    “ไม่เข้าใจ นี่ฉันรับรักนายอยู่นะ ทำไมมันไม่โรแมนติคเหมือนเวลาฉันตกลงคบกับแฟนคนอื่นเลยล่ะ”

    พอบ่นออกไปแบบนั้น อีกฝ่ายก็หัวเราะออกมา

    “แน่ใจแล้วหรอที่บอกว่าชอบฉัน? ถามตัวเองดีแล้วรึยังว่าชอบฉันจริงๆ หรือแค่หวั่นไหวเท่านั้น”

    “.....”

    “บางที...คิบอมอาจจะแค่อยากให้ฉันไปแทนที่แฟนเก่าก็ได้”

    จงฮยอนมองคนที่เริ่มทำหน้าสับสน ไม่รู้ว่าสับสนกับคำพูดของเขาหรือเป็นเพราะสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอยู่ ชายหนุ่มหลุบสายตาลงมองสองมือของคิบอม

    “อย่าเพิ่งบอกว่าชอบฉันถ้ายังไม่แน่ใจ นายอาจจะแค่เหงา พอมีฉันคอยดูแลก็เลยทำให้สับสน ความจริงแล้ว... คิบอมอาจจะแค่ต้องการใครซักคน และมันก็บังเอิญว่าฉันคือคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี”

    คิบอมมองมือของจงฮยอนที่ยังคงกุมมือของเขาเอาไว้ อยากจะพูดอะไรออกมาบ้างแต่ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ดูเหมือนทุกคำพูดของจงฮยอนจะปิดประตูใส่หน้าเขาหมดทุกบาน

    “ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ไม่อยากให้คิบอมทำร้ายตัวเอง เพราะที่สุดแล้วถ้ามันไม่ใช่ คนที่ต้องเสียใจอาจจะเป็นฉัน แต่คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคิบอมใช่มั้ยล่ะ”

    “แต่... แต่ว่า....” พอเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก จงฮยอนก็ยิ้มขำ

    “แต่ฉันอยากให้จงฮยอนเป็นของฉันนิ่ เป็นของฉันคนเดียว และฉันก็ไม่ชอบเวลาที่จงฮยอนไปยุ่งกับคนอื่น ฉันหวง ฉันไม่ชอบ จงฮยอนต้องคอยอยู่ข้างๆฉันสิ”

    “ฉันก็อยู่ข้างๆนี่ไง ไม่ได้ไปไหนเลย”

    “แต่วันนึงก็จะไปอยู่ข้างคนอื่น ใช่มั้ยล่ะ?!

    “วันนึงคิบอมก็ต้องไปอยู่ข้างคนอื่นเหมือนกัน”

    “.....”

    ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน พอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกไป จงฮยอนก็เอื้อมมือมาประคองแก้มของเขาไว้

    “รู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงดูแลคิบอมมาแบบนี้โดยไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย เพราะแค่ได้อยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อนคนสำคัญที่นายคอยมองหา แค่นั้นก็มากพอสำหรับฉันแล้ว”

    “แต่ฉันชอบจงฮยอนนิ่ ทำไมไม่เชื่อกันล่ะ”

    “ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่แค่อยากให้คิบอมแน่ใจกับความรู้สึกของตัวเองมากกว่านี้ ไว้วันไหนแน่ใจแล้วจริงๆค่อยมาบอกฉันก็ได้”

    “...จงฮยอนจะรอมั้ย”

    “ต้องรออยู่แล้ว”

    “จะไม่หนีไปชอบใคร”

    “ไม่”

    “อยู่ข้างๆฉันเหมือนเดิม และก็ต้องดูแลฉันเหมือนเดิม สัญญานะ”

    “สัญญา”

    “ถ้าวันไหนที่ฉันมั่นใจ... ไม่สิไม่ ถ้าวันไหนที่ฉันทำให้จงฮยอนมั่นใจได้ จงฮยอนจะ...”

    “เราจะรักกัน”

    “.....”

    ทั้งที่ไม่ว่าจะพูดอะไร จะบอกยังไง จะขออะไร ก็จะคอยตามใจเขาทุกอย่างแท้ๆ ทำไมพอเป็นเรื่องนี้ถึงไม่ยอมตามใจง่ายๆเลยน้า...

    คิบอมค่อยๆยิ้มออกมาเมื่อจงฮยอนขยับตัวเข้ามาใกล้ ใช้หน้าผากของตัวเองแตะหน้าผากของเขาไว้ เสียงหัวใจเต้นแรงที่ได้ยินอยู่ตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นของใคร และดูท่าว่าจงฮยอนเองก็คงจะคิดเช่นเดียวกัน เพราะหลังจากเงียบไปซักพัก ต่างฝ่ายต่างก็พากันหัวเราะออกมา

     

    จงฮยอน... ถ้าวันไหนที่ฉันมั่นใจ ฉันจะบอกนาย จะบอกนายเป็นคนแรกเลย

     

    ********************

     

    Do you love me?

     

    “ทำไมถึงมีรูปคู่กันด้วยล่ะ” คิบอมถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้จงฮยอนที่ยังนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

    เจ้าของโทรศัพท์เครื่องเล็กยื่นมือมารับไปดูรูปถ่ายบนหน้าจอแล้วส่งกลับคืนอย่างไม่ใส่ใจ

    “เมื่อวานอยู่ทำงานหน้าภาค เพื่อนก็เลยหยิบเอาไปถ่ายเล่นกัน”

    ตอบเสียงงัวเงีย ดันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงในสภาพผมเผ้าชี้ไปคนละทิศละทาง จงฮยอนหรี่ตามองคิบอมที่ยังคงมองรูปถ่ายของเขากับซึงฮยอนบนหน้าจอสลับกับมองเขาตัวจริงเสียงจริงไปมาไม่เลิก

    “จริงๆ” ยืนยันพลางพยักหน้าหงึกหงัก จงฮยอนยกมือขยี้ตาตัวเองแล้วกวาดสายตาไปรอบๆห้อง ก่อนจะพบว่ามินโฮไม่ได้ตามคิบอมมาด้วยเหมือนทุกครั้ง

    “งั้นลบ”

    ลบแน่นอน... ลงว่าเป็นคิบอมพูด คำไหนคำนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย จงฮยอนมองคนด้านหน้าที่กำลังจดจออยู่กับโทรศัพท์ของเขาแล้วเผลอยิ้มออกมา ชายหนุ่มลุกจากเตียง เดินไปหยิบผ้าขนหนูซึ่งแขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป กลับออกมาอีกที แขกประจำห้องก็ถือวิสาสะขึ้นไปนอนเล่นอยู่บนเตียงของเขาแล้วเรียบร้อย ของเล่นในมือก็คือโทรศัพท์ของเขานั่นแหละ

    “จงฮยอน”

    “ว่าไง?”

    “ไปตัดผมกัน”

    “แต่คิบอมผมทรงนี้ก็ดีแล้วนี่ ฉันว่ากำลังพอดี ถ้าอยากทำไปทำสีผมแทนไม่ดีกว่าเหรอ”

    “ไม่ใช่ฉัน หมายถึงจงฮยอนต่างหากที่ต้องไปตัดผม”

    “หืมม์?” คนที่กำลังเลือกเสื้อผ้าชะโงกหน้าออกมาจากตู้ มองคนบนเตียงที่ทำสีหน้าจริงจังแล้วได้แต่แปลกใจ

    “ฉัน?”

    “ใช่ ตัดผม ตัดให้สั้นๆเลย แล้วไอ้ผมสีเงินสีทองอะไรนี่ก็ไม่ต้องทำแล้วด้วย”

    “เดี๋ยวสิ... ทำไมฉันต้องตัดผมด้วยล่ะ” จงฮยอนถามขณะเดินลากเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียง มองคิบอมที่ตอนนี้กำลังนั่งเม้มริมฝีปากตัวเอง ส่งสายตามาหาเขาแบบที่เจ้าตัวชอบทำเวลาไม่พอใจอะไรบางอย่าง

    “ถามได้ ก็ตัดให้มันน่าเกลียดไง แบบนี้ไม่ชอบ! หมั่นไส้!

    ไม่พูดเปล่า ยังขยับเข้ามาใกล้ ใช้สองมือขยี้ผมที่เพิ่งจะเซตไปเมื่อครู่ให้ยุ่งจนชี้ฟู จงฮยอนที่ยังคงงงในตอนแรกค่อยๆหัวเราะออกมาเมื่อทำความเข้าใจกับคำพูดของคิบอมได้ ชายหนุ่มคว้าสองมือของคิบอมเอาไว้ ออกแรงดึงเบาๆจนคนที่กึ่งนั่งกึ่งลุกอยู่บนเตียงเสียการทรงตัว ทิ้งตัวลงมานั่งแบ็บอยู่บนตักเขา

    “ห่วงเหรอ ไม่อยากให้เพื่อนมีสาวมาจีบหรือไง” พอยื่นหน้าเข้าไปถามใกล้ๆอีกฝ่ายก็รีบหันหน้ามาตอบ

    “ห่วง? ใครห่วง ทำความเข้าใจใหม่ด้วยนะจงฮยอน ฉันไม่ได้ห่วง ฉันหวง!

    ตะโกนออกไปพร้อมกับดันตัวเองออกมายืนอยู่บนพื้น สองแขนยกกอดอก ตวัดสายตามองคนที่เอาแต่นั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้

    “แล้วก็อย่าทำแบบนี้อีก เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เพื่อนที่ไหนเขานั่งตักกันแบบนั้น ตลก!

    “ก็ขำสิ”

    “...ฮึ้ย!!

    จงฮยอนมองคนที่กระฟัดกระเฟี้ยดกลับไปนั่งบนเตียงตามเดิมแล้วส่ายหน้าขำ... ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคิมคิบอมถึงน่ารักได้ขนาดนี้

     

    ********************

     

    “ทำไมเราต้องมานั่งรอจงฮยอนมันด้วยวะ กลับไปรอมันที่หอไม่ได้อ๋อ?”

    มินโฮถาม ตอนนี้เขาทั้งคู่กำลังเดินอยู่ใต้ตึกคณะบริหาร

    “ไม่ ฉันจะรอที่นี่ และแกก็ต้องรอเป็นเพื่อนฉันด้วย”

    “แล้วนึกยังไงถึงจะมารอมัน ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะเหยียบเข้ามาเลยไอ้ตึกเนี่ย”

    “ก็นี่ไง ครั้งแรกเกิดขึ้นได้ทุกวัน แกไม่เคยได้ยินหรอ”

    คิบอมตอบหน้าตาย มือขวายกขึ้นดึงชายเสื้อเพื่อนสนิทให้รีบเดินตามเมื่อเห็นคนที่ตั้งใจมาหานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง

    จงฮยอนกำลังถกเนื้อหาที่ต้องใช้ทำรายงานกับเพื่อนในกลุ่ม โต๊ะข้างๆกันสองโต๊ะดูเหมือนจะเป็นเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างกลุ่มกัน ดูได้จากหนังสือที่เปิดกางอยู่บนโต๊ะแต่ละตัวนั้นเป็นเนื้อหาคล้ายๆกันไปหมด

    เสียงตะโกนเรียกชื่อที่ดังขึ้น นอกจากจะดึงความสนใจจากเจ้าของชื่อแล้ว แม้แต่เพื่อนคนอื่นๆก็ยังอดที่จะเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ คิบอมกับมินโฮส่งยิ้มให้เพื่อนๆของจงฮยอน บางคนพอจำหน้าได้เพราะเคยเห็นเดินกับจงฮยอนบ้าง ขณะที่อีกหลายๆคนนั้นถึงขั้นต้องเรียกว่าคนแปลกหน้าอย่างจริงจัง

    “มีอะไรรึเปล่า มาหาถึงนี่” จงฮยอนถามหลังลุกจากโต๊ะเดินมาหา

    “ก็ไอ้นี่...”

    “มินโฮกับฉันกำลังหามุมวาดรูปส่งอาจารย์น่ะ เลยชวนกันมาคณะนาย เผื่อจะได้มุมสวยๆ”

    โกหกหน้าตาเฉย จนคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับหันขวับมามอง

    “งั้นลองเดินไปด้านหลังตึกดูสิ มีสวนเล็กๆอยู่ อาจจะได้ไอเดีย”

    “โอเค! ว่าแต่จงฮยอน... ทำงานอยู่?”

    “อื้ม รายงานน่ะ ต้องส่งอาทิตย์หน้า ก็เลยชวนกันมานั่งทำใต้ตึก”

    “อ่อ...” คิบอมพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ กวาดสายตามองนักศึกษาคณะบริหารที่หันกลับไปสนใจงานของตัวเองต่อตามเดิม ยกเว้น...

    ใบหน้าเรียบตึงทันทีที่หันไปสบตากับฮันซึงฮยอน หญิงสาวที่ตอนนี้เริ่มจะคุ้นหน้าคุ้นตาคิบอมมากขึ้นทุกวัน ริมฝีปากฉีกยิ้มพร้อมกับเสสายตากลับมาหาจงฮยอน

    “งั้นจงฮยอนทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวฉันกับมินโฮคงเดินอยู่รอบๆนี่แหละ”

    พูดพร้อมกับดันหลังอีกฝ่ายให้กลับไปประจำที่ คิบอมวางสัมภาระของตัวเองลงบนโต๊ะว่างอีกตัวซึ่งห่างออกมา พยักเผยิบให้มินโฮทำตาม แล้วจัดการลากเพื่อนตรงไปยังด้านหลังตึกคณะตามที่จงฮยอนว่า แต่เพียงแค่เลี้ยวหัวมุมตึกเท่านั้น สองขาก็หยุดชะงัก แผ่นหลังบางแนบกับตัวตึก หันหน้ากลับมา ใช้สายตาจับจ้องไปยังจงฮยอน

    มินโฮถึงกับยืนอ้าปากค้าง ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง

    “เฮ้ย!!

    “เงียบๆ” คิบอมยกนิ้วแตะริมฝีปาก ใช้สองตาจ้องเพื่อนเขม็งแล้วหันกลับไปมองจงฮยอนตามเดิม

     

    มินโฮทิ้งตัวนั่งบนพื้นคอนกรีตหลังจากยืนซุ่มหลบมุมเป็นเพื่อนคิบอมมาร่วมสิบนาที ก่อนที่มือขวาจะออกแรงดึงคิบอมลงให้ลงมานั่งข้างๆกัน สายตาคมมองคนที่เอาแต่จ้องไปทางใต้ตึก

    “อย่าบอกนะว่าที่มาทำตัวลับๆล่อๆอยู่แบบนี้เพราะผู้หญิงคนนั้น” ถามออกไปตรงๆอย่างอดไม่ได้

    “ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับมัน และก็กลัวว่ามันจะไปชอบคนอื่น ใช่ม่ะ”

    “แสนรู้นะ”

    คิบอมหันมาตอบ แต่ครั้นเห็นสีหน้าจริงจังของเพื่อนสนิท คนอวดเก่งก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะก้มหน้ามองมือตัวเองบนตัก

    “ชอบมันเหรอ?”

    “ชอบ”

    “เอาจริงๆ นี่ถามตรงๆ”

    “ก็ตอบตรงๆแล้วไง!” คิบอมขึ้นเสียงใส่เล็กน้อย

    “ปะไร... กูว่าแล้วมั้ยล่ะ” มินโฮพึมพำ ตบเขาตัวเองดังฉาด “เมื่อไหร่วะ?”

    “เมื่อไหร่อะไร”

    “ก็ชอบมันไง ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วรู้ตัวตอนไหนว่าชอบมัน”

    “ไม่รู้”

    “เอาดีๆดิ่ อยากรู้”

    “ไม่รู้เว้ย!

    “...ฮันแน่...”

    คิบอมเหล่เพื่อนที่ส่งเสียงล้อเลียนชวนถีบ อดไม่ได้ที่จะปล่อยกำปั้นลงบนหัวไหล่คนข้างกายไปซักทีสองที

    “ห้ามแกพูดเรื่องนี้ให้จงฮยอนได้ยินเด็ดขาด เพราะฉันกับเค้ากำลังทำข้อตกลงกันอยู่”

    “ข้อตกลง?”

    “ข้อตกลงของฉันกับจงฮยอนที่ไม่เกี่ยวกับแก ฉะนั้น อย่าสอดรู้สอดเห็น”

    “ไรอ่า ฉันเป็นพ่อสื่อได้นะเว้ย”

    “หุบปากไป”

    “คิบอมอ่า...”

    “อย่ามาเรียก ขนลุก”

    “ใช่ซี ไม่ใช่จงฮยอนนิ่”

    “หุบปาก เหม็น!

    “ใช่ซี...”

    “ตุ๊ด หุบปาก”

    “โห แรง ใช่ซี๊!...”

    คิบอมหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อมินโฮยังทำเสียงเล็กเสียงน้อยไม่เลิก จังหวะนั้นเองเสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้นเหนือหัว

    “ไหนว่าจะไปหามุมวาดรูปส่งอาจารย์” จงฮยอนถามพลางก้มหน้ามองเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังนั่งหัวเราะขัติสมาธิอยู่บนพื้น ข้างๆกันคือซึงฮยอน

    คิบอมกับมินโฮลุกขึ้นยืน คนตัวสูงส่งยิ้มเจื่อน ผิดจากอีกคนที่เอาแต่ยืนสบตากับหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม คิบอมมองซึงฮยอนที่ส่งยิ้มหวานมาให้ ไล่สายตาลงมายังมือของเจ้าหล่อนที่ค่อยๆเอื้อมมาจับแขนจงฮยอน

    “ตรงนี้ลมพัดเย็นดี เรายังเคยมานั่งเล่นบ่อยๆเลย สงสัยเพื่อนจงฮยอนจะติดใจ” พูดจบก็หันมายิ้มให้คิบอมอีกหน

    “ใช่ ลมพัดเย็น....ดีออกกก”

    คิบอมพูดพลางมองมือซึงฮยอนที่ตอนนี้เลื่อนลงมาจับมือจงฮยอนไว้แล้วเรียบร้อย แต่ดูเหมือนคนถูกจับจะไม่ทันรู้สึกตัว เพราะเจ้าตัวกำลังเพ่งความสนใจมายังคิบอมแทน

    “ว่าจะแวะมาดูว่าหาได้รึยัง ถ้ายังจะได้แนะนำให้ไปอีกตึก สวนที่ตึกนู้นจะใหญ่กว่า”

    “จงฮยอนก็พาฉันไปสิ บอกว่าตึกนู้นตึกนี้ แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าตึกไหน”

    คิบอมเอ่ยถาม ก้าวเข้าไปแทรกกลางระหว่างจงฮยอนกับซึงฮยอน สองแขนยกขึ้นเกาะแขนเพื่อนไว้

    “จริงด้วย จงฮยอนพาไปสิ แอบทิ้งงานไว้ให้เพื่อนทำ ไม่มีใครว่าหรอก”

    ซึงฮยอนเดินอ้อมมาอีกข้าง เงยหน้ายิ้มให้จงฮยอนที่ทำหน้าไม่ถูกกับคำพูดของเธอ แล้วมองผ่านไปยังคิบอม สบตาที่จ้องตรงมาเขม็งโดยไม่ลืมส่งยิ้มหวานให้เหมือนเดิม

    มินโฮที่ถูกกันให้กลายเป็นคนนอกเลื่อนสายตาไปทางซ้ายที ทางขวาที เริ่มเห็นเค้าลางความยุ่งยากมาแต่ไกล

    “จะ จริงสิ! เจอกันสองรอบแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าเพื่อนมึงชื่ออะไร” มินโฮหัวเราะแห้งๆ และแทบจะในทันทีที่พูดออกไป ซึงฮยอนก็หันมาฉีกยิ้มหวานให้ เอ่ยแนะนำตัวเองจนสามหนุ่มที่ยืนรอฟังได้แต่อ้าปากค้าง...

    “ฮันซึงฮยอนค่ะ ตอนนี้กำลังเล็งตำแหน่งแฟนของจงฮยอนอยู่ ฝากตัวด้วยนะคะ”

     

     

    “คิมจงฮยอน!!!

    คิบอมตะโกนเรียกชื่อคนตรงหน้า หลังออกแรงลากอีกฝ่ายออกมาจากวงสนทนา

    “ซึงฮยอนก็พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง” จงฮยอนว่า ยื่นมือออกไปขยี้กลุ่มผมนุ่ม และอย่างที่คาด คิบอมปัดมือเขาออกแบบไม่ต้องสงสัย

    “ใครเขาพูดเล่นกันแบบนั้นบ้างเล่า!

    “ซึงฮยอนไง”

    “นายมันบ้า ประสาท!

    “ไม่มีอะไรหรอกน่า” จงฮยอนยิ้มให้คนที่ยังมีท่าทีฮึดฮัด เดินตามอีกฝ่ายไปนั่งลงบนม้าหินข้างๆกัน ถึงจะถูกผลักให้ถอยห่างแต่ก็ยังทู่ซี้ขยับตัวเข้าใกล้ จนอีกฝ่ายถูกดันไปนั่งอยู่ริมขอบเก้าอี้

    “คิบอมอ่า...”

    “ฉันไม่ยอมจริงๆด้วย บอกไว้ก่อนเลย” คิบอมพูดเสียงแผ่ว หันกลับมามองหน้าจงฮยอน

    “อย่าคิดมากสิ”

    “ก็ดูเพื่อนนายพูด”

    “เค้าแค่แหย่เล่น”

    “เค้าชอบนาย! ต้องให้พูดกี่รอบว่าเค้าชอบนาย!

    “ก็แค่ล้อกันเล่นเฉยๆเท่านั้นแหละ”

    “นายนี่มัน...” คิบอมถอนหายใจอย่างหงุดหงิด มองจงฮยอนที่ยังเอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

    “เค้าน่ารัก! น่ารักจะตาย ดูเวลาเค้ายิ้มสิ ตัวก็เล็ก แล้วไหนยังจะ...”

    “คิบอม”

    “.....”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า นะ?”

    คิบอมมองจงฮยอนที่เอื้อมมากุมมือของเขาไว้ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นจ้องดวงตาคมของอีกฝ่าย ราวกับต้องการคำยืนยันว่าแววตาของจงฮยอนยังคงมองมาที่ตัวเองเหมือนเดิม

    เพราะเป็นจงฮยอนที่ใจดีและอ่อนโยนแบบนี้ไง เขาถึงได้ห่วง...

    “...อื้ม ไม่ห่วง”

     

     

    “ไหนบอกว่าไม่ห่วงไงวะ”

    มินโฮถามอย่างหน่ายใจ หลังจากที่หลายวันก่อนมีการประกาศสงครามย่อยๆเกิดขึ้น คิบอมดูเหมือนจะตัดปัญหาด้วยการไม่ไปเจอจงฮยอนที่คณะให้หงุดหงิดอีก แต่พอผ่านไปได้ไม่กี่วัน เจ้าตัวแสบก็เดินลากเขามาตึกคณะบริหารอีกจนได้

    “ก็ไม่ได้ห่วง”

    “แล้ว?”

    “แค่กันไว้ก่อน” คิบอมพูดขณะดึงมินโฮมาหลบอยู่หลังเสา สายตาจับจ้องไปยังโต๊ะของจงฮยอนที่วันนี้ก็ยังมีเพื่อนๆนั่งทำงานกันอยู่เต็มโต๊ะเช่นเคย

    “แกนี่เป็นเอามาก รู้ตัวรึเปล่าว่าหวงจงฮยอนมันมากกว่าแฟนแต่ละคนที่เคยคบมาซะอีก”

    “รู้!” ตอบพร้อมกับทำหน้าบึ้ง เมื่อเห็นซึงฮยอนลุกจากโต๊ะตัวเองมานั่งลงข้างจงฮยอน ดูเหมือนมีเรื่องจะถามเพราะเจ้าหล่อนถือหนังสือเล่มหนาติดมาด้วย

    “มินโฮ...”

    “อะไรอีก?”

    “แกว่าฉันกำลังทำเกินไปรึเปล่า” คิบอมถาม ทอดสายตามองซึงฮยอนกับจงฮยอนที่นั่งหัวเราะกันอยู่ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโมโห ไม่พอใจ รำคาญ หงุดหงิด รวมถึง...น้อยใจ

    “ฉันคิดว่าฉันชอบจงฮยอนจริงๆ ฉันคิดว่าตัวเองรู้สึกแบบนั้น... แต่ทำไม...”

    ทำไมถึงไม่เชื่อ...

    ซึงฮยอนเอียงหน้าเข้าใกล้จงฮยอน

    “นี่ดราม่าป่ะเนี่ย?... ไม่เอาน่า จงฮยอนมันก็บอกแล้วนิ่ว่าไม่มีอะไร”

    ใช่ จงฮยอนบอกเขาว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องคิดมาก อย่าสนใจ บอกด้วยว่า...ไม่ต้องห่วง บอกเขาแบบนั้นแต่กลับไปหัวเราะกับคนอื่น แล้วแบบนี้จะให้เชื่อได้ยังไง

    เอาสิ...

    “ในเมื่อจงฮยอนไม่ยอมชื่อฉัน ฉันก็จะไม่เชื่อเค้าเหมือนกัน”

    คิบอมพูดกับตัวเอง สาวเท้าตรงไปยังโต๊ะไม้ เร็วเกินกว่ามินโฮจะรั้งไว้ทัน คนตัวสูงยกมือขึ้นทึ้งผม ปวดกระหม่อมจนอยากจะเดินหนีไปให้พ้น

     

    มือเรียววางทาบลงบนไหล่ของซึงฮยอน...

    “...เอ๊ะ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอุทาน

    “คิบอม?” จงฮยอนเรียกชื่อเพื่อน ตกใจที่จู่ๆอีกฝ่ายก็โผล่มาแบบไม่ตั้งตัว

    “เธอน่ะ...”

    “ฉัน?”

    “อย่ามายุ่งกับจงฮยอนได้มั้ย!

    ตะโกนออกไปเสียงดังลั่นจนคนอื่นๆพากันหันมามอง คิบอมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ไม่กล้าหันไปมองหน้าจงฮยอนแม้แต่น้อย

    “....ไม่มากเกินไปหน่อยหรอ?” ซึงฮยอนถามกลับ สายตาจับจ้องอยู่ที่คิบอม น้ำเสียงเย็นชาแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

    มากเกินไปหน่อยรึเปล่างั้นเหรอ? เกินสิ ถึงไม่พูดก็รู้ตัวดีเลยล่ะว่าทำเกินไป... คิบอมกำมือแน่น ใบหน้าเห่อร้อน เริ่มรู้สึกอับอายกับการกระทำของตัวเอง

    “ขะ ขอโทษ”

    พูดเพียงแค่นั้นแล้วหันหลังวิ่งหนีออกมา

    “คิบอม!” จงฮยอนตะโกนเรียก ลุกจากเก้าอี้จะวิ่งตามไป แต่ข้อมือกลับถูกมือบางรั้งเอาไว้

    “จะทิ้งงานไว้ให้เพื่อนทำหรือไง”

    จงฮยอนชะงัก หันกลับมามองเพื่อนในกลุ่มที่ยังเงยหน้ามองเขาเป็นตาเดียว

    “ไปเฮอะ แกทำส่วนของแกเสร็จแล้วนิ่” เพื่อนที่นั่งอยู่มุมโต๊ะพูดขึ้น จงฮยอนพยักหน้าให้โดยไม่ลืมเอ่ยขอบใจ ถึงอย่างนั้นซึงฮยอนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเช่นเดิม

    “คิบอมนี่ไม่น่ารักเอาซะเลย”

    “ซึงฮยอน...”

    “เอาแต่ใจ ทำตัวเป็นเด็กไปได้”

    “คิบอมเป็นเพื่อนฉัน”

    จงฮยอนตอบหน้านิ่ง ปราศจากรอยยิ้มใจดีแบบที่เจ้าตัวมักหยิบยื่นให้คนรอบข้างเสมอ ชายหนุ่มมองข้อมือตัวเอง ส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายปล่อย

    “...แหม แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง” ซึงฮยอนเอ่ยเสียงอ่อย คลายมือตัวเองออก ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อจงฮยอนก็วิ่งตามคิบอมตรงไปทางหน้าตึกซะแล้ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่มองตามไปจนลับตา

    “ฉันไม่ชอบเพื่อนจงฮยอนคนนี้เลย นิสัยไม่ดี” ซึงฮยอนพูดหลังจากหันหน้ากลับมาตามเดิม

    “หมอนั่นไม่ใช่แค่เพื่อนจงฮยอนหรอกนะ”

    “รู้แล้วน่า อย่าย้ำเชียวนะจินกิ”

    คนที่เป็นฝ่ายบอกให้จงฮยอนรีบตามคิบอมไปถอนหายใจเบาๆ “ก็แค่บอกให้ฟัง เผื่อว่ายังไม่รู้ไง”

    “ฉันรู้ตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้วย่ะ”

    รู้ตั้งแต่เจอกันที่หน้าร้านบะหมี่เย็นเมื่อเดือนก่อนแล้วด้วยซ้ำ...

    “สายตาจงฮยอนไม่ปิดบังเลยนิ่”

    “เห็นใช่มั้ยล่ะ สายตาที่มันมองคิบอมน่ะ ตั้งแต่ฉันรู้จักกับมันมาฉันก็เห็นมันมองคิบอมแบบนี้มาตลอด”

    ซึงฮยอนรับฟังถ้อยคำจากปากของเพื่อนโดยไม่ตอบอะไรกลับไปอีก... ทั้งที่ตั้งใจจะลองเสี่ยงดูซักตั้ง กลับกลายเป็นว่าเธอแพ้ตั้งแต่เพิ่งเริ่มออกตัวเท่านั้น น่าอายจริงๆ

     

     

    “คิบอม!” จงฮยอนตะโกนเรียกคนที่เดินจำอ้าวอยู่ข้างหน้า พอจะตะโกนเรียกอีกหนอีกฝ่ายก็หยุดเดินเอาเสียดื้อๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมหันหน้ามาคุยกัน

    “รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป” จงฮยอนเอ่ยถาม มองด้านหลังของคิบอมแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้

    “อย่าเข้ามาใกล้นะ!

    ปลายเท้าหยุดชะงักเมื่อคิบอมตะโกนพร้อมกับหันตัวกลับมา ดวงตาเรียวรีของคนตรงหน้าจ้องตรงมาที่เขานิ่ง ริมฝีปากงองุ้ม ดูเหมือนจะกำลังโกรธเขาอยู่

    “ฉันขอโทษ”

    “ขอโทษทำไม จงฮยอนทำอะไรผิดล่ะถึงต้องขอโทษ”

    “ก็ฉันทำให้คิบอมโกรธไง”

    อีกแล้ว... ยิ้มแบบนี้อีกแล้ว ไม่ชอบเลย ทำไมจงฮยอนต้องยิ้มให้เขาแบบนี้ทุกที

    “จงฮยอนไม่ได้ทำ เพื่อนจงฮยอนต่างหากที่ทำ”

    “มันไม่เกี่ยวนิ่ว่าใครทำ ยังไงคิบอมก็โกรธอยู่ดี”

    “จะบอกว่าฉันไม่มีเหตุผลใช่มั้ยล่ะ!

    “ไม่ใช่”

    “ใช่! ต้องใช่! จงฮยอนคิดแบบนั้นอยู่ฉันรู้”

    “ฉันไม่ได้คิด”

    “คิดสิ! คิดได้นิ่ ทำไมไม่คิดล่ะ”

    “ก็คิบอมมีเหตุผล แล้วจะให้บอกว่าไม่มีได้ยังไง” จงฮยอนพูดพลางขยับตัวเข้าใกล้คิบอมโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว ดูเหมือนจะกำลังหงุดหงิดเขามากจนลืมคิดไป

    “บอกว่าอย่าเข้ามาใกล้!

    ว้า...ไม่ได้ลืมแฮะ จงฮยอนยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ ไม่ขยับเข้าไปใกล้แต่ก็ไม่ยอมถอยกลับไปอยู่ที่เดิม

    คิบอมเม้มริมฝีปากเข้าหากัน สบตาเพื่อนสนิทตรงหน้าที่อยู่ห่างออกไปเพียงแค่หนึ่งช่วงแขน ทั้งที่เขาไม่พอใจอยู่แบบนี้แต่จงฮยอนก็ยังเอาแต่ยิ้มให้เขาอยู่นั่น ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเอง

    “ทำไมถึงมีแต่ฉันที่โมโหอยู่คนเดียวล่ะ”

    “.....”

    “ทั้งที่เมื่อก่อน ฉันไม่เคยรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้เลย ถ้ารู้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้...ฉันไม่บอกชอบจงฮยอนแต่แรกซะก็ดี

    “...พูดอะไรออกมา” คนที่เอาแต่ยิ้มในตอนแรกถามกลับด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง

    “เป็นแค่เพื่อนกันแต่ดันทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นลงไป ไม่คิดเหรอว่ามันทุเรศ”

    “คิบอม...”

    “ไม่เอาแล้ว ไอ้เรื่องที่ชอบจงฮยอนอะไรเนี่ย จะลดเวลลงมาให้เหลือนิดเดียวพอ จะไม่ชอบจงฮยอนมากๆแล้ว!

    “.....”

    “ฉันจะกลับหอ ไม่ต้องตามมานะ! ห้ามตามมาเด็ดขาด ไม่ต้องมากอดและก็พูดขอโทษอะไรทั้งนั้นด้วย ไม่อยากฟัง!!

    คิบอมสั่ง ส่งค้อนให้จงฮยอนแล้วหันตัวก้าวตรงไปทางหน้ามหาลัย ซ้ายขวา-ซ้ายขวา ไม่สนใจหน้าจริงหน้าศัลฯอะไรทั้งนั้น โมโหจงฮยอนก็โมโห โมโหตัวเองก็โมโห โมโหซึงฮยอนก็โมโห โมโหๆๆ

    เชี่ย-แม่ง!!!

     

    ไม่เอาแล้ว ไอ้เรื่องที่ชอบจงฮยอนอะไรเนี่ย จะลดเวลลงมาให้เหลือนิดเดียวพอ จะไม่ชอบจงฮยอนมากๆแล้ว!’

    กว่าห้านาทีที่จงฮยอนเอาแต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มีแต่คำพูดของคิบอมวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว รอบแล้วรอบเล่า

    “ไอ้ตัวแสบไปแล้วเหรอวะ?” มินโฮที่เพิ่งตามมาถึงเอ่ยถาม หันซ้ายหันขวาไปมองรอบๆแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

    “คิบอมแม่งบ้า กูจำได้ว่ามันเคยเอาน้ำสาดหน้าไอ้จองฮุนตอนรู้ว่าไอ้ห่านั่นแอบมีกิ๊ก แต่ไม่เคยเห็นมันไปอะไรๆกับผู้หญิงสักที แล้วดูมันทำกับเพื่อนมึงดิ โคตรไม่แมนอ่ะ กูไม่ปลื้ม!” มินโฮยกแขนกอดอก ตีหน้าขึงขังเมื่อแน่ใจว่าไอ้ตัวแสบที่ถามหาไม่ได้อยู่ใกล้ๆแล้ว

    “มินโฮ” จงฮยอนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน สีหน้าจริงจังเสียจนคนถูกมองเริ่มร้อนๆหนาวๆ

    “กูแค่ใส่ฟีลลิ่งมากไปนี๊ด กูไม่ได้ว่าอะไรคิบอมเลยนะ”

    “คิบอมชอบกูว่ะ”

    “...ห๊ะ?”

    “เค้าชอบกู ชอบจริงๆนะเว้ย! กูไม่ได้เข้าข้างตัวเอง”

    มินโฮมองเพื่อนที่เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มกว้างอย่างงงๆ จงฮยอนยังคงยิ้มค้าง ยกมือเกาหัวตัวเองไปด้วย ไม่รู้ว่าระหว่างเขากับมันใครกำลังงงมากกว่ากัน

    “มึง...ยังไม่รู้เหรอ?”

    “กูรู้แล้ว... ไม่ใช่ดิ่ กูรู้ว่าเค้าชอบกู แต่เค้าไม่ได้ชอบกูไง กูคิดว่าเค้าคิดว่าเค้าชอบกู แต่จริงๆเค้าไมได้ชอบกูหรอก มึงเข้าใจป่ะ”

    “ไม่อ่ะ”

    “เข้าใจดิ่ มึงต้องเข้าใจกูดิ่ คิบอมเค้าชอบกูใช่ป่ะ แต่กูคิดว่าเค้าไม่ได้ชอบกู แต่เค้าบอกกูไงว่าเค้าชอบกู กูก็ไม่รู้ว่าเค้าชอบกู มึงนึกออกป่ะ แต่เมื่อกี้เค้าบอกว่าเค้าชอบกู แต่จะชอบแค่นิดเดียว จะไม่ชอบกูเยอะๆแล้ว ก็แปลว่าเค้าต้องชอบกูแล้วจริงๆ ก็เท่ากับว่าตอนนี้เค้าชอบกู เค้าชอบกู คิบอมชอบกู มึงเข้าใจยัง”

    มินโฮขมวดคิ้วเข้าหากัน ค่อยๆคิดตามคำพูดของเพื่อนที่ละประโยค... คิบอมชอบจงฮยอน แต่จงฮยอนคิดว่าคิบอมไม่ได้ชอบ คิบอมบอกชอบจงฮยอน จงฮยอนรู้แล้ว จงฮยอนก็เลยจะไม่ชอบจงฮยอนเยอะๆ...

    “อะไรของมึงวะ... อ่าวเฮ้ย จงฮยอน!!” มินโฮตะโกนเรียกเพื่อนที่กำลังวิ่งกลับไปคณะ

    “กูจะไปเอากระเป๋า แล้วก็จะไปตัดผมด้วย!

    อีกฝ่ายหันกลับมาตะโกนตอบก่อนจะหันหน้ากลับไป

    “ตัดผม? พวกมึงชอบกันแล้วต้องตัดผมด้วยหรอวะ?... เหี้ยไรของพวกมึงเนี่ยยย กูงง” มินโฮยืนคว้างอยู่กลางถนน รู้สึกเหมือนจะปวดกระหม่อมยิ่งกว่าเดิม

     

    ********************

     

    จงฮยอนเคาะประตูไม้สีขาวอย่างใจเย็น ไม่นานบานประตูตรงหน้าก็เปิดออก ตามมาด้วยใบหน้าของเจ้าของห้องที่โผล่ออกมา

    “คิบอมอยู่ในห้องรึเปล่า”

    มินซูหันกลับเข้าไปมองในห้องตัวเอง แล้วหันกลับมาทำสีหน้าปั้นยากใส่เขา

    “ฉันบอกไม่ได้ว่าอยู่รึเปล่า โดนสั่งไว้” ท้ายประโยคเจ้าตัวยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ

    “ขอเข้าไปได้มั้ย”

    จงฮยอนเอ่ยโดยไม่รีรอ พอเห็นเจ้าของห้องอย่างมินซูทำหน้าลำบากใจก็เอ่ยขอร้องอีกหน เข้าใจว่าไม่มีใครหน้าไหนอยากมีปัญหากับคิมคิบอมจอมซ่าส์ เพราะบทลงโทษที่ต้องเจอคือการโดนกวนตีนใส่ไม่หยุด...น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าใดๆในสากลโลก

    หน้าตาน่ารักยังกะผู้หญิง เสียอยู่สองอย่าง ปากแม่งหมา กับหมัดแม่งหนัก

    คำจำกัดความที่เพื่อนๆในคณะตั้งให้ ตอนแรกที่ได้ยินจงฮยอนคิดว่ามันออกจะเกินไปซักหน่อย แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะเอ่ยปฏิเสธแทน ในเมื่อความจริงแล้ว ระดับความดื้อของคิบอมก็ไม่เคยลดลงเลย

    “มันจะต่อยฉันป่ะ”

    มินซูถามกล้าๆกลัวๆ หลังจากสลับตำแหน่งยืนกับจงฮยอนเรียบร้อย

    “เอาไว้ถ้าต่อย ฉันจะบอกให้ต่อยแค่ทีเดียวแล้วกัน”

    จงฮยอนยักคิ้วให้มินซูที่ยืนหน้าซีดอยู่นอกห้องแล้วจัดการปิดประตู จัดการล๊อคกลอนให้เรียบร้อยแล้วหันกลับมามองรอบๆห้อง กวาดสายตามองหาคิบอม

    ดวงตาคมหยุดนิ่งเมื่อมองหาคนที่อยากเจอพบ ชายหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆขณะสาวเท้าไปยังระเบียงห้อง

    “บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าขึ้นไปนั่งบนนั้น”

    คนถูกทักสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจเมื่อรู้แน่ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังตอนนี้คือใคร ไม่ทันพ้นนาที แขนแข็งแรงก็โอบรอบเอวเขาแล้วลากกลับไปยืนอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว

    “จงฮยอน! ทำบ้าอะไร เกิดฉันดิ้นตกลงไปตายแล้วทำไง”

    “ไม่ตายหรอก เพราะคิบอมจะไม่ดิ้น”

    “แหงสิ! ยังไม่อยากตายนะเว้ย!

    คนถูกดักทางสะบัดหน้าหนี กอดอกตัวเองพลางส่งเสียงฮึดฮัด... คิบอมหันขวับกลับมามองจงฮยอน ดวงตาเรียวเบิกขึ้นเมื่อเห็นคนตรงหน้าชัดๆเต็มตา

    “จงฮยอน ผมนาย...”

    “ผมฉัน? อ๋อ...” จงฮยอนขยี้เส้นผมตัวเองที่ตอนนี้สั้นลงไปกว่าครึ่ง นอกจากนั้น จากสีเงินในตอนแรกยังเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มแทนอีกด้วย

    แบบนี้ใช้ได้มั๊ย?”

    ใช้อะไร?”

    คิบอมจะได้เลิกไม่สบายใจซะทีไง

    “.....”

     

    ตัดผม ตัดให้สั้นๆเลย แล้วไอ้ผมสีเงินสีทองอะไรนี่ก็ไม่ต้องทำแล้วด้วย

    ตัดให้มันน่าเกลียด แบบนี้ไม่ชอบ!’

    ฉันไม่ได้ห่วง ฉันหวง!’

     

    “จงฮยอน ฉัน... เรื่องเมื่อตอนเที่ยง... ฉันไม่ได้...”

    “ฉันจะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากคิบอมแน่นอน เพราะฉะนั้น อย่าชอบฉันน้อยลงเลยนะ ขอร้องล่ะ”

    คิบอมพูดอะไรต่อไม่ออก ดูเหมือนคำพูดทุกคำของจงฮยอนจะดูดเอาสิ่งที่เขาคิดจะพูดออกไปจนหมด ทำได้เพียงมองหน้าอีกฝ่ายเท่านั้นจริงๆ

    จงฮยอนค่อยๆเอื้อมไปกุมมือคิบอม รู้สึกโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายไม่สะบัดมือหนี

    “คิบอมอ่า... เป็นแฟนกันนะ”

    “นายนี่มันประหลาดคนจริงๆเลย” คิบอมว่าเข้าให้ มองมือตัวเองที่ถูกจงฮยอนกุมไว้แล้วเลื่อนสายตากลับมามองใบหน้าของอีกฝ่าย

    “ยอมเชื่อแล้วเหรอ”

    “เชื่อสิ คิบอมพูดอะไรก็เชื่อหมดนั่นแหละ”

    “ที่นี้ล่ะมาทำเป็นพูดดี”

    “แล้วคิบอมจะโอเคมั้ยล่ะ”

    “ก็แล้วฉันเปลี่ยนใจทันมั้ยล่ะ”

    “ไม่”

    “งั้นก็...โอเค!

    จงฮยอนหัวเราะออกมาเมื่อคิบอมกระโดดกอดเขาแน่น แว่วได้ยินคนในอ้อมแขนงึมงำบางอย่างอยู่ข้างๆหู

    “คุณแฟนหล่ออ่ะ ตอนพูดขอร้องอย่างเท่เลยอ่ะ”

    “แล้วชอบมั้ยล่ะครับ”

    “สุดๆเลย!

    คิบอมกดจมูกลงบนแก้มสาก เรียกเสียงหัวเราะของจงฮยอนให้ดังยิ่งกว่าเดิม

     

    นี่ จงฮยอน จะมาเป็นแฟนฉัน รู้กฎข้อสำคัญรึยัง

    กฎ? อะไรล่ะ

    ง่ายๆ จงฮยอนก็แค่ห้ามเห็นใครสำคัญกว่าฉัน เด็ดขาด!’

    คิบอมหวงเหรอ

    หวง? ใครหวง ทำความเข้าใจใหม่ด้วยนะจงฮยอน ฉันไม่ได้หวง ฉันหึง!’

     

     

    END.

     


     

     

    หย่อนรูปพี่จงฮยอนผมสั้นไว้ให้รูปนึงค่ะ แต่...จะสั้นหรือจะยาวก็หล่ออยู่ดีนั่นล่ะ ฮรี่... โหล่วววว TvT


     

    ยินดีด้วยนะแคทซี่!!!!!
     

    Thank  Beautiful theme... nuenghae

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×