คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ประกบปาก
ผมหรี่ตาจับพิรุธน้องหวานแต่ก็ไม่พบอะไรผิดสังเกต ไม่แน่ใจว่าเธอเคยประกบปากกับใครมาก่อนหรือเปล่า เพราะถ้านี่เป็นจูบแรกเธอคงรู้สึกเสียดายจนไม่อยากจะเสียมันไปให้กับใครแม้แต่สามีทางนิตินัยอย่างผม แต่มองดูแล้วเธอก็มิได้รู้สึกอะไรนัก ในเมื่อเธอยื่นมันมาเป็นข้อเสนอ แสดงว่าเธอเองก็คงเคย...น่าจะเคยกับแฟนเก่า เพราะเท่าที่จำได้เธอบอกว่าเธอแต่งงานกับผมเพราะประชดอดีตคนรัก เฮ้ย! นอกจากจูบแล้วมันทำอะไรน้องหวานของผมอีกหรือเปล่าเนี่ย
“จูบปากนะ” ต้องพูดกันไว้ก่อนครับ เพราะผู้หญิงอย่างคุณเมียผมนี่เจ้าเล่ห์เหลือร้าย ขืนเธอกลับคำให้จูบแค่แก้ม ผมก็เสียเปรียบแย่
“ได้”
“แบบเฟรนช์คิสนะ”
“อื้อ จะไปกันได้หรือยัง”
ระหว่างทางที่ผมขับรถไปห้างสรรพสินค้าที่ใกล้บ้านที่สุด น้องหวานก็ถามปัญหาชวนโลกแตกอีกแล้ว
“พี่วี เวลาจูบกัน เขาทำยังไงเหรอ”
“ก็จูบน่ะหวาน จูบก็คือจูบ” ผมพยายามแล้วนะครับ แต่มันอธิบายได้แค่นี้จริงๆ
“หวานต้องทำยังไงบ้าง”
“อยู่เฉยๆแล้วจะดีเอง” ผมพูดตัดบทก่อนที่น้องหวานจะถามอะไรที่มันล่อแหลมต่อจิตใจของผมและของคุณผู้อ่านไปมากกว่านี้ ก็อย่างว่าแหละครับได้เมียแต่ยังไม่เคยได้เสีย น้องหวานเธอเลยยังไม่ค่อยมีประสบการณ์
เอ๊ะ! แต่ถ้าถามอย่างนี้ ก็แสดงว่าเธอยังไม่เคย ไอ้แฟนเก่ามันปล่อยน้องหวานให้ลอยนวลมาขนาดนี้ได้ยังไงกัน เป็นผมนะ...เรียบร้อยโรงเรียนพี่วีไปแล้ว
“พี่วี ผู้ชายนี่คิดแต่เรื่องอย่างว่าตลอดเลยเหรอ” ถูกต้องนะคร๊าบ!
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ” ต้องตอบแบบสุภาพบุรุษหน่อยครับ เรียกคะแนนนิยมจากน้องหวานสักนิด เผื่อเธอจะยอมมากกว่าแค่ให้จูบ
“ถ้าไม่ใช่ งั้นทำไมพี่วีถึงอยากมีอะไรกับหวานจัง” ผมอึ้ง ไม่รู้จะตอบเธออย่างไรดีเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“คือพี่...”
“หรือหวานมีดีแค่เป็นผู้หญิง ทำเรื่องอย่างว่ากับพี่วีได้ แค่นั้นเองเหรอ”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียดครับ ผมเองก็ไม่รู้จะแก้สถานการณ์อย่างไรดี เห็นทีงานนี้คงต้องจอดรถข้างทางคุยกันให้เข้าใจเสียหน่อย
“พี่วีจอดรถทำไม”
“พี่อยากคุยกับหวานให้เข้าใจ เรื่อง...มีอะไรกัน”
น้องหวานเสไปมองกระจกด้านข้างไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆ ผมปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองและของน้องหวานก่อนจะจับบ่าเธอทั้งสองข้างให้หันมาหาผม
“พี่อาจจะเป็นผู้ชายเลวๆในสายตาเราที่คิดแต่เรื่องบนเตียงตลอดเวลา แต่ก็เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาพี่เจอแต่ผู้หญิงที่ต้องการแค่นั้น ไม่มีการผูกพัน ไม่มีการแต่งงาน แต่พวกเขาไม่เหมือนกับหวาน หวานเป็นเมีย หวานจดทะเบียนกับพี่ แต่จะให้พี่เลิกสันดานเดิม รอจนกว่าเราจะรักกันแล้วค่อยทำเรื่องอย่างนั้น มันก็ทรมานเกินไป พี่อาจจะแหย่หวานวันละนิดวันละหน่อย แต่พี่ก็ยังยืนยันสัญญาเดิมว่าถ้าหวานไม่ยอม พี่ก็จะรอจนกว่าเราจะรักกัน แต่ถ้าหวานยอม พี่ก็พร้อมเสมอนะจ๊ะ”
คุณเมียทำท่าเหมือนน้ำตาจะคลอเบ้าตอนที่ผมร่ายยาวความรู้สึกของตัวเอง แค่เหมือนนะครับ เพราะคำพูดของผมคงไม่ซาบซึ้งใจขนาดนั้น โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายเนี่ยทำเอาผมโดนน้องหวานหยิกที่ต้นแขนแบบปราศจากซึ่งความสงสารแม้เพียงนิด
“พี่วียังมีผู้หญิงคนอื่นอีกมั้ยนอกจากเปรี้ยว”
“ไม่มีแล้ว พี่คบทีละคน”
“พี่วีไม่เคยรักใครเลยเหรอ”
“ไม่เคยหรอก” ผมมองน้องหวานยิ้มๆ ก่อนหยอดประโยคเด็ด
“อยากเป็นคนแรกที่พี่รักมั้ยล่ะ”
“บ้า!” คุณเมียด่าผมแบบน่ารักๆอีกแล้ว
ไม่นานนักเราก็เดินทางไปถึงศูนย์การค้าใจกลางเมือง น้องหวานดูตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างตรงหน้าเสียเหลือเกิน เธอเดินดูนู่นดูนี่ตามประสาผู้หญิง ดีหน่อยที่ชอบใจอะไรเธอก็ตัดสินใจซื้อเลยไม่ต้องรอให้เดินจนทั่วทุกร้านอย่างที่ผู้หญิงหลายคนของผมเขาทำกัน แต่มันก็ยังน่าเบื่อมากอยู่ดีสำหรับผม
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปถุงกระดาษนับสิบถุงก็อยู่ในมือผมอย่างพะรุงพะรัง นี่ถ้าได้น้ำเปล่าอีกสักขวด บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกสักซอง เธอเดินทางไปต่างจังหวัดได้เลยนะครับนี่ ค้างอีกสองคืนก็ยังไหว เล่นซื้อเสื้อผ้าซะอย่างกะจะเปลี่ยนยกตู้ ไอ้ที่มีอยู่น่ะผมก็ว่าไม่น้อยแล้วนะ ปกติผู้หญิงเขาเป็นอย่างนี้กันทุกคนหรือครับ
“หวาน พอหรือยัง พี่เมื่อยแล้วนะ”
“อีกนิดนึง ใกล้ครบแล้ว”
“จะซื้ออะไรอีก”
“หวานอยากซื้อเสื้อให้น้องเอิญ”
ผมทำหน้าเมื่อยทันที ที่ซื้อๆไปนี่ผมก็ไม่มีมือจะถือแล้วนะครับคุณเมีย ขืนซื้อเยอะกว่านี้ คงต้องเอาถุงแขวนคอแล้วล่ะครับ
“พี่ไม่ไหวแล้วหวาน เมื่อยก็เมื่อย หนักก็หนัก”
“หวานช่วยถือ” น้องหวานแบ่งถุงไปถือครึ่งหนึ่ง ไม่หนักแล้วครับ แต่ก็เมื่อยอยู่ดี
คุณเมียเดินจ้ำอ้าวไปนู่นไม่สนใจผมที่ได้แต่ยืนถอนหายใจ นี่ถ้าไม่ได้จุมพิตแบบเฟรนช์คิสนะ ผมไม่มีวันยอมตกเป็นเบี้ยล่างของเธอแน่
“เดินเร็วๆหน่อยสิพี่วี”
น้องหวานตีหน้ายักษ์ใส่เมื่อผมทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจเธอสักอย่าง ก็คนมันเหนื่อยนี่ครับ เหนื่อยยิ่งกว่าตอนเล่นบนเตียงกับแม่พวกสาวๆตั้งแต่เที่ยงคืนยันเช้าอีกนะผมว่า
แต่ผมก็เพิ่งรู้ว่าความเหนื่อยมันมีประโยชน์!
น้องหวานเดินมาหาผม มือน้อยๆนั่นเอื้อมมาฉวยมือผมก่อนที่เธอจะถูลู่ถูกังผมไปตามทางที่ใจเธอต้องการ สารภาพว่ามีกำลังใจขึ้นมานิดนึงครับหลังจากที่ได้สัมผัสกับมือนิ่มๆของน้องหวาน ถ้ามือยังนิ่มขนาดนี้แล้วอย่างอื่นมันจะนิ่มขนาดไหนนะ...หึหึ
ตลอดทางเราก็ยังจับมือกันอยู่อย่างนั้น หลายครั้งที่เธอดึงมือออกเพื่อหยิบจับสินค้ามาดูใกล้ๆ แต่พอมือเธอว่าง ผมก็จับมือเธอต่อครับ เรื่องอะไรจะพลาดโอกาส ในเมื่อน้องหวานเองเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร อย่างนี้ก็เสร็จผมน่ะสิ
จนบ่ายคล้อยนั่นล่ะครับเราถึงจะได้กลับบ้านกัน หมดเงินไปหลายพันอยู่ครับ และด้วยความเป็นสุภาพบุรุษมาดแมนแฮนซั่มอย่างผมก็ต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่แล้ว รูดการ์ดกันจนเหงื่อตก นี่ถ้ารางวัลมันไม่ล่อใจขนาดนี้ ผมคงเผ่นแน่บไปตั้งนานแล้ว
“เดี๋ยวพี่วี แวะร้านขายยาก่อน”
ผมจอดรถตามความต้องการของเธอ หวังว่าคงจะไม่ชวนผมไปช็อปปิ้งในร้านขายยาอีกหรอกนะ
“จะซื้ออะไรน่ะหวาน”
“ซื้อยาทาหน้าให้พี่วีไง เนี่ยรอยแดงๆที่โดนตบยังอยู่เลย หวานดูที่บ้านแล้วไม่เห็นมียาทาแก้ฟกช้ำ”
แล้วน้องหวานเธอก็เดินลงจากรถไป ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งอึ้งกิมกี่อยู่ตรงนั้น เกิดมานอกจากแม่และป้าตะเพียนแล้ว ยังไม่เคยมีใครใส่ใจผมถึงขนาดนี้
อย่าน่ารักนักสิจ๊ะน้องหวาน เดี๋ยวพี่ก็รักซะหรอก!
พอมาถึงบ้านก็ได้รับข่าวที่ไม่ค่อยจะดีนัก คุณแม่บอกว่าน้องเอิญโยเยตลอดทั้งวัน ทำอย่างไรก็ไม่หยุดร้องไห้ซักที จนเมื่อครู่เพิ่งให้กินนมแล้วก็หลับไป แถมยังถ่ายท้องเยอะกว่าปกติจนน่าเป็นห่วง
“พาไปหาหมอดีกว่าค่ะคุณแม่” น้องหวานออกความเห็น
“เอาไว้ตื่นก่อนแล้วกัน”
เมื่อตกลงกันได้ผมกับน้องหวานจึงพากันขึ้นไปเก็บของข้างบน พอถึงห้องน้องหวานก็หยิบเสื้อผ้าชุดนั้นชุดนี้มาลองอย่างสนุก ผมเองก็นอนบนเตียงดูเธอหมุนตัวไปมาหน้ากระจกเพลินๆ สักพักก็นึกขึ้นมาได้ ผมยังไม่ได้รางวัลเลยนี่
“หวาน รางวัลพี่ล่ะ” แก้มสีกุหลาบนั้นระเรื่อขึ้นอย่างน่ามอง
“เดี๋ยวก่อน หวานยังลองเสื้อไม่ครบเลย”
“ก็ให้รางวัลพี่ก่อน แล้วค่อยไปลองก็ได้”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ มานั่งนี่”
ผมตบฟูกที่นอนข้างตัวเบาๆเป็นเชิงบอกให้เธอมานั่งข้างๆ น้องหวานนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะเดินมานั่งแหมะตรงตำแหน่งที่ผมต้องการ
ผมเชยคางเธอเบาๆก่อนจะดึงให้ใบหน้าสวยๆนั้นใกล้เข้ามายิ่งขึ้น...ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน น้องหวานดูท่าจะตื่นเต้นเพราะตัวเธอเริ่มสั่นน้อยๆอย่างคนไม่เคย ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่วีจะสอนให้แบบไม่หวงวิชาเลย
ริมฝีปากบางของน้องหวานอยู่ใกล้เพียงไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ แต่กระนั้นความตื่นเต้นและความปรารถนาที่ท่วมท้นก็เป็นตัวผลักดันให้ผมได้ลิ้มรสความหวานที่เฝ้าฝันหามานาน มันดื่มด่ำยิ่งกว่าครั้งใดๆ จนผมไม่อยากถอนริมฝีปากจากความหวานนั้นเลยแม้เพียงเศษเสี้ยวของวินาที
“หวาน รู้ตัวมั้ยว่าตัวเองน่ะหวานสมชื่อ” ผมพร่ำบอกเสียงแหบพร่าอย่างคนไร้สติ
ความหลงใหลทำให้ผมกลับไปครอบครองเรียวปากตรงหน้าอีกครั้ง มือไม้เริ่มไม่อยู่กับที่ มันปัดป่ายไปทั่วอย่างอยากจะสัมผัสทุกสัดส่วน
แต่สติที่กระเจิดกระเจิงกระจัดกระจายของเราทั้งสองก็กลับมาที่เดิมเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
ใครมาขัดจังหวะอีกวะเนี่ย!
==============================
คอมเม้นท์มีพลีส!
ความคิดเห็น