คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ข้อเสนอที่ต้องสนอง
น้องหวานให้ผมนอนหงายแล้วเธอก็พลิกตัวขึ้นมานอนทับอย่างรวดเร็ว เนื้อแนบเนื้อ หน้าอกหน้าใจของเธอสัมผัสกับอกสามศอกของผมอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่เกิดเรื่องบ้าๆนี่ขึ้น น้องหวานกับผมคงได้เหนียวแน่นหนึบกันยิ่งกว่านี้
“แล้วไงต่อ”
“อ้าว” ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับคุณเมีย เล่นวางแผนเองเสียทุกอย่าง ใครมันจะไปตรัสรู้ได้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ
“เวลามีอะไรกัน ผู้หญิงต้องทำยังไงบ้าง”
“พี่ไม่รู้ พี่เป็นผู้ชายนะหวาน”
“แล้วพี่วีทำอะไรบ้าง”
“ก็...จูบ ไซร้ ไล้ จบด้วย...เฮ้ย แล้วจะถามไปทำไมเนี่ย”
เสียงน้องเปรี้ยวใกล้เข้ามาทุกทีทำให้น้องหวานและผมไม่ได้มีโอกาสพูดจาปราศรัยใดๆต่อกันอีก น้องหวานมองหน้าผมอย่างถามความพร้อม ผมพยักหน้าเป็นคำตอบกลับไป และนั่นก็เป็นสัญญาณแสดงความยินยอมให้คุณเมียเริ่มไซร้ซอกคอ
แต่ยังไม่ทันที่ปลายจมูกของน้องหวานจะชนเนื้อหนังมังสาบริเวณต้นคอขาวๆของผม ประตูก็เปิดผลัวะซะก่อน เสียดายอย่างสุดใจเลยครับ สรุปงานนี้ผมเสียน้องเปรี้ยวไปแถมยังไม่ได้กำไรอะไรเลยจากน้องหวาน ขาดทุนย่อยยับที่สุดจนพูดแทบจะไม่ออก
น้องเปรี้ยวเข้ามาเห็นฉากอย่างว่าอย่างที่น้องหวานต้องการพอดี ป้าตะเพียนตามมาด้วยอีกคน แอบยักคิ้วให้ผมอีกต่างหาก แต่คุณคู่ขาคนดีของผมดูท่าทางจะช็อคหนัก เธอยืนอ้าปากค้างราวกับเห็นผี นี่ถ้าน้องเปรี้ยวเธอกรีดร้องโหยหวนอย่างนางร้ายในละครซะหน่อย เรื่องของผมคงเอาไปทำหนังหลังข่าวได้
“แก แกแย่งผัวฉัน” น้องเปรี้ยวเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมจาก ‘แฟน’ มาเป็น ‘ผัว’ แทน ฟังดูไม่น่ารักเท่าไหร่ครับ ผมชอบสรรพนามว่า ‘ที่รัก’ ที่เธอเรียกผมตอนอยู่บนเตียงมากกว่า
น้องหวานลุกขึ้นจากตัวผม เธอเดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวม ก่อนจะเริ่มเปิดศึกสงครามน้ำลายกับน้องเปรี้ยว
“แน่ใจเหรอว่าฉันไปแย่งของเธอมา”
“แก แก อีบ้า” น้องเปรี้ยวอดรนทนไม่ไหวโผเข้ามาหมายว่าจะตบหน้าสวยๆของน้องหวานให้ได้ แต่อย่างคุณเมียผมนั่นน่ะหรือครับจะยอมโดนตบง่ายๆ เธอฉวยแจกันดอกไม้แถวนั้นเงื้อขึ้นมาเป็นเชิงขู่
“ถ้าเข้ามา หัวเธอแตกแน่”
ผมมองน้องหวานทีน้องเปรี้ยวทีแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ไม่มีใครยอมใคร มีแต่ผมที่ยอมแพ้ไปตั้งแต่เริ่มแผนแล้ว
“หยุดทะเลาะกันซักทีเถอะค่ะ ป้าขอร้อง แล้วคุณน่ะก็กลับบ้านไปซะ อย่ามายุ่งกับคุณรัชอีกเลย คุณรัชน่ะมีลูกมีเมียแล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อก็ตามป้ามานี่”
น้องเปรี้ยวหันไปมองหน้าป้าตะเพียนอย่างไม่เชื่อถือในคำพูด
“ทีกับฉัน เขาป้องกันแทบทุกครั้ง แล้วเขาจะปล่อยให้นังนี่มันท้องได้ไง” น้องเปรี้ยวเธอก็พูดถูกของเธอนะครับ
“แต่กับฉัน บางทีเราก็เปลี่ยนบรรยากาศด้วยการไม่ป้องกันบ้าง สนุกดี” น้องหวานพูดในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงอีกแล้ว
“ไม่จริง” น้องเปรี้ยวก้าวเข้ามาหวังจะทำร้ายน้องหวาน แต่โดนป้าตะเพียนรวบตัวไว้ซะก่อน
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ตามป้ามา”
ป้าตะเพียนกึ่งลากกึ่งจูงน้องเปรี้ยวไปที่ห้องเจ้าตัวเล็ก ผมและคุณเมียตามไปอย่างไปรอช้า เห็นทีครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้คุณป้าแม่บ้านแทน แผนน้องหวานดูจืดสนิทไม่ได้เรื่องสักนิดเลยให้ตาย
“นี่คือลูกคุณรัช”
น้องเปรี้ยวหน้าซีดปากสั่น แววตาอาฆาตมาดร้ายส่งผ่านดวงตามาให้น้องหวาน ผมเองก็ไม่เว้น
“ไหนคุณบอกเปรี้ยวว่าไม่มีใครไง”
“เขาก็แค่จะเล่นๆกับเธอ แต่เธอคิดจริงจังเองนี่” น้องหวานเอ่ยขึ้นอย่างสะใจ ผมแยกไม่ออกครับว่าเธอสะใจจริงๆหรือว่าเล่นไปตามบทเมียหลวงกันแน่ แต่คงจะเล่นตามบทนั่นแหละครับ เพราะคุณเมียเธอยังไม่ได้รักผม เมื่อไม่ได้รักก็ไม่หึง เมื่อไม่หึงก็ย่อมไม่สะใจที่ได้ฉะคู่ขาผมเช่นนี้
“คุณหลอกเปรี้ยว”
“ผมขอโทษเปรี้ยว คือเมียผมไม่มีเวลา ผมเองก็เหงา แล้วก็มาเจอคุณ” ผมปดออกไปเพื่อให้เรื่องดูสมจริงมากขึ้น
“คุณเห็นเปรี้ยวเป็นตัวสำรองเหรอคะ อยากก็มา พอหายอยากก็จากไป เปรี้ยวไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นนะ”
“ผมขอโทษ แต่...”
ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ น้องเปรี้ยวก็เดินเข้ามาตบผมฉาดใหญ่จนหน้าหันไปอีกข้าง ผมเกิดอาการมึนขึ้นมาทันตาเห็น แล้วก็เริ่มชาตรงบริเวณที่โดนลงทัณฑ์ ไหนว่ารับรองผลร้อยเปอร์เซ็นต์ไงน้องหวาน ควรจะเปลี่ยนเป็นรับรองว่าพี่ตายแน่ๆมากกว่า
“ถือว่าเราขาดกัน แล้วเงินที่เปรี้ยวยืมไป ขอบอกว่าไม่คืน”
เหอะ! ก็ไม่ต่างกันหรอกครับระหว่างผมกับน้องเปรี้ยว หญิงร้ายชายเลวด้วยกันทั้งคู่ เธอก็มีคนอื่นในขณะที่คบกับผม เพียงแต่ผมไม่อยากพูดด้วยกลัวเธอจะถูกมองในแง่ไม่ดีมากไปกว่านี้ เงินสามหมื่นที่เธอยืมไปก็ถือว่าเป็นค่าทำขวัญที่ต้องมาเห็นฉากรักของผมกับน้องหวาน ส่วนที่โดนตบก็ถือว่าเป็นการกระตุ้นให้แก้มมีเลือดฝาดก็แล้วกัน
หลังจากที่น้องเปรี้ยวกลับไป ป้าตะเพียนก็ลงไปนอนที่ห้องของตัวเอง ส่วนผมกับน้องหวานก็กลับเข้าห้องมาจัดการกับเสื้อผ้าที่โปรยไว้จนทั่วบริเวณ
“เจ็บหรือเปล่าพี่วี”
“นิดหน่อย”
“หวานทายาให้เอามั้ย” ผมเพิ่งจะมาเห็นประโยชน์ของการโดนตบก็ตอนนี้แหละครับ ถ้ารู้ว่าน้องหวานจะเป็นห่วงเป็นใยถึงขนาดนี้ ยอมโดนตบอีกสักสองสามทีก็ยังไหว
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ทาเอง” ต้องเล่นตัวหน่อยครับ เดี๋ยวไก่ตื่น
“ตามใจ” อ้าว นี่จะไม่ง้อขอทาให้อีกสักนิดเลยเหรอคุณเมีย ผมจะใจอ่อนอยู่แล้วนะ
“คือพี่...” กำลังจะบอกเชียวครับว่าเปลี่ยนใจแล้ว ช่วยสงเคราะห์ทายาให้พี่ทีเถอะน้องหวาน แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เพราะเธอชิงพูดขึ้นมาก่อน
“งั้นหวานนอนแล้วนะ” จบกัน!
ผมเลยต้องจำใจนอนโดยปราศจากการหลับนอนอีกแล้ว...
เช้าวันต่อมาเป็นวันจันทร์ครับ แต่เนื่องจากท่านหัวหน้าซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่จบมหาลัยเดียวกันกับผมเขาใจดีเป็นพิเศษ แกเห็นว่าผมอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามันจึงอนุญาตให้หยุดฮันนีมูนได้สามวัน เริ่มทำงานอีกทีก็วันพฤหัสบดีนู่น แต่ท่านผู้อ่านก็คงทราบใช่มั้ยครับว่าผมไม่ปรารถนาไปเที่ยวสองต่อสองกับคุณเมียแน่นอน ตราบใดที่ยังมิได้รับสิทธิ์ให้กุ๊กกิ๊กกับเธอได้ จะให้ไปเล่นไพ่กันตอนกลางคืนแทนทำอย่างว่า...ผมไม่เอาดีกว่า
ในเมื่อไม่ได้ไปไหนผมเลยว่าจะกลับไปหอบงานมาทำที่บ้าน เพราะขืนทำที่ทำงาน ตกเย็นไอ้เจ้าเพื่อนตัวดีทั้งหลายคงได้ชวนกันไปสำมะเลเทเมาฉลองสละโสดอีกเป็นแน่ เลี่ยงดีกว่าครับ เผื่อฟลุ๊คน้องหวานอาจจะเห็นใจ ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนให้ผมทำอะไรต่อมิอะไรได้บ้าง
“พี่วี จะไปทำงานเหรอ”
“อื้อ ไปเอามาทำที่บ้านน่ะ ไม่มีอะไรทำมันเบื่อๆ” น้องหวานทำหน้าเซ็งไปเล็กน้อย
“มีอะไรหรือเปล่าหวาน ทำหน้าอย่างกะท้องผูก”
“หวานอยากไปช็อปปิ้ง ว่าจะชวนพี่วีไปด้วยกัน”
ผมเลยทำหน้าอย่างกะไม่ได้ถ่ายมาสามวันอีกคน การช็อปปิ้งกับผู้หญิงเป็นสิ่งที่ผมเบื่อที่สุดในโลก จะไม่ให้รู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะครับ เจ้าหล่อนทั้งหลายมักจะมีความพยายามสูงส่งเหลือเกินที่จะเดินวนรอบห้าง จับเสื้อตัวนู้นตัวนี้แต่ก็ไม่ซื้อ เดินไปอีกร้านคุณเธอชอบใจแต่ก็ยังไม่ซื้ออยู่ดี จนกว่าจะดูหมดทุกร้านนั่นแหละครับถึงจะตัดสินใจได้ว่าควรจะเสียเงินให้กับร้านไหน ไม่รู้พวกเธอจะคิดอะไรนักหนากะอีแค่เสื้อตัวเดียว คิดอย่างกับทำโจทย์เลขแคลคูลัสอยู่อย่างนั้น
“แย่จัง พี่ต้องทำงาน หวานไปคนเดียวเถอะ”
“งานพี่วีด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ด่วนมากเลยล่ะ” ผมโกหกหน้าตาย หวังจะให้เธอเลิกล้มความตั้งใจที่จะชวนผมไปซื้อของด้วย
“เหรอ งั้นไม่เป็นไร หวานไปคนเดียวก็ได้ เฮ้อ แต่ก็น่าเสียดายนะ”
“เสียดายอะไร” นั่นสิครับ มันน่าเสียดายอะไร
“ช่างมันเถอะ พี่วีไม่ไป ก็ไม่ต้องสนใจหรอก” พูดให้อยากแล้วจากไปแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยนะครับคุณเมีย
“ก็บอกหน่อยไม่ได้หรือไง เผื่อพี่เปลี่ยนใจจะไปด้วย”
“หวานแค่คิดเล่นๆว่า ถ้าพี่วียอมไป หวานจะมีรางวัลให้”
ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ หรือน้องหวานจะใจอ่อนยอมให้ผมปั๊มลูกกับเธอ แต่มันก็ไม่น่าจะง่ายขนาดนั้นนะครับ
“รางวัลที่ว่าเนี่ยอะไร”
“อะไรก็ได้ที่พี่วีอยากได้” อย่างนี้ก็เข้าทาง
“พี่ไม่ใช่เด็กนะที่จะเอารางวัลมาล่อ” ต้องทำเป็นไม่สนใจครับ เพราะตอนนี้ผมถือไพ่เหนือกว่า
“ในเมื่อพี่วีไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไร งั้นหวานไปก่อนนะ”
เธอทำท่าจะไปจริงๆครับ เดินออกจากบ้านแซงหน้าผมไปเลย ผมชั่งใจอยู่ประมาณสามนาทีเห็นจะได้ว่าควรจะทำอย่างไรกับข้อเสนอของเธอดี ความจริงเธอก็น่าจะรู้ว่าผมอยากได้อะไร คิดไปคิดมาอย่างไม่เข้าข้างตัวเองก็พบว่า ข้อเสนอของเธอมันดูแปลกๆชอบกล แต่...กำขี้ดีกว่ากำตดครับ ได้นิดได้หน่อยก็ดีกว่าไม่ได้เลย
“ตกลง พี่จะไปกับหวาน แต่เราต้องคุยเรื่องรางวัลกันก่อน”
“ก็บอกแล้วไงว่าอะไรก็ได้”
“งั้นเรามีอะไรกัน” พูดกันโต้งๆอย่างนั้นเลยครับ เพื่อความบริสุทธิ์ใจจะได้ไม่อ้อมค้อมเสียเวลา
“อุ๊ย ตายจริง หวานยังไม่ได้บอกเหรอว่าอันนี้ถือเป็นข้อยกเว้น ขอไม่ได้” นั่นไงครับ ผมว่าแล้วว่ามันต้องมีข้อห้ามข้อยกเว้น
“งั้นพี่ไม่ไปแล้ว” พูดจบผมก็เดินเข้าบ้านไม่หันมาสนใจน้องหวานอีก ไม่แน่ใจครับว่าเธอยังยืนอยู่ที่เดิมหรือว่าเดินออกไปหน้าปากซอยแล้ว จนได้ยินเสียงใสๆนั่นอีกครั้งถึงได้รู้ว่าเธอยังอยู่
“เปลี่ยนเป็นจูบแทนได้มั้ย” ผมหันไปมองเธอ ข้อเสนอนี้น่าสนแฮะ
===========================================
คอมเม้นท์มีพลีสสสสสสสสส!
ความคิดเห็น