คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เรื่องเสียว(ไส้)
พอพูดจบน้องหวานก็กดตัดสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ยังที่เดิมแล้วนอนต่อ ผมได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจึงแน่ใจว่าเธอหลับสนิทอีกครั้ง ครั้นหันไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงก็พบว่าเพิ่งตีสีกว่าๆจึงล้มตัวลงนอนเข้าสู่นิทรารมย์ตามเธอไปติดๆ
ผมตื่นขึ้นในตอนเช้าเพราะมีคนเปิดม่านปล่อยให้แสงอาทิตย์เข้ามาแยงตาราวกับจะแกล้งกัน พอขยี้ตาและเพ่งมองก็พบว่าเป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาจัดว่าสวยคนหนึ่งกำลังจัดการกับม่านให้เข้าที่ ผมตกใจรีบลุกขึ้นพลางขยี้ตาอีกครั้งเพื่อปรับสายตาให้ชัดขึ้น
“ทำไมน้องหวานถึงมาอยู่ในห้องพี่ได้”
น้องหวานทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ผมผิดหรือครับที่ถามแบบนี้
“ก็เราแต่งงานกันเมื่อวาน”
“เอ้อ พี่ลืมไป” ผมยิ้มแหยกลับไปให้เธอ อารามคนเพิ่งตื่นนอนสมองมันเลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง อย่าถือสาหาความกันเลยนะครับ
“เอ่อ น้องหวานมีอีกเรื่องนึงจ้ะ”
น้องหวานหันมาหาผม เอียงคอรอฟังอย่างตั้งใจ ผมหายใจเข้าลึกที่สุดเท่าที่เคยทำมาก่อนจะตัดสินใจพูดเรื่องที่คงจะทำให้เธอโมโหอยู่ไม่น้อย
“เรื่องโทรศัพท์เมื่อคืน คือ...พี่ขอโทษนะ”
“โทรศัพท์?” เธอเอียงคอไปอีกข้างเหลือบตาไปมาแล้วสักพักก็ร้องอ๋อ
“โทรศัพท์ผู้หญิงคนนั้น?”
“จ้ะ นั่นแหละ พี่จะไม่ให้เขาทำแบบนั้นอีก พี่สัญญา” สัญญาแค่ไม่ให้แม่คู่ขาของผมทำแบบนั้นอีก แต่มิได้สัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับหล่อนหรอกนะครับ โปรดเป็นพยานในความสัตย์ซื่อของผมด้วย
“หวานไม่ได้ติดใจอะไรหรอก จะโทรมาอีกหวานก็ไม่ว่า แต่อย่าโทรมาตอนกลางคืนก็พอ หวานขี้เกียจตื่นมารับ”
ผมมองหน้าน้องหวานอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เกิดมายังไม่เคยเห็นคนในใจกว้างเท่าแม่น้ำขนาดนี้มาก่อน เธอช่างเป็นเมียที่ประเสริฐจริงๆ
“อีกเรื่องจ้ะ”
“ว่ามา”
“คือที่หวานบอกเขาไปว่าใช้ถุงยางหมดไปสามกล่องน่ะ พี่คิดว่าโอกาสหน้าบอกเขาว่าสามครั้งจะดีกว่า เพราะถุงยางปกติมันกล่องละสามชิ้น ใช้สามกล่องก็ปาไปตั้งเก้าครั้ง ถึงพี่จะอึดพอแต่พี่ไม่มักมากขนาดนั้นนะจ๊ะ”
ผมทันได้เห็นแก้มนิ่มของน้องหวานระเรื่อขึ้นก่อนที่เธอจะปิดประตูใส่หน้าผมดังโครม ตามมาด้วยคำด่าที่ผมคิดว่าน่ารักที่สุด
“พี่วีบ้า!”
หลังจัดการธุระส่วนตัวภายในห้านาทีผมก็เดินไปสมทบกับน้องหวานที่โต๊ะอาหาร วันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า แม้แต่น้องเอิญก็ยังมาร่วมโต๊ะ ลูกสาวตัวเล็กของผมอ้าแขนรอให้อุ้มทันทีเมื่อเห็นหน้า
“ว่าไงคนเก่ง”
“งัมงัม” ภาษาเด็กครับ โปรดอย่าคิดมากและโปรดอย่าคิดที่จะแปล ผมเคยลองแล้ว ไม่สามารถจริงๆครับ คล้ายกับเอาภาษาฝรั่งเศสรวมเข้ากับภาษาเขมร
“กินข้าวหรือยังลูก” แน่นอนครับ น้องเอิญยังยืนยันคำตอบเดิม...‘งัมงัม’
“ทำไมลงมาช้านักล่ะตารัช”
ผมมองหน้าน้องหวานที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนจะหันกลับไปตอบคำถามแม่บังเกิดเกล้าด้วยท่าทียียวนกวนบาทาเมียยิ่งนัก
“ก็น้องหวานน่ะสิครับ เมื่อคืนเล่นเอาผมไม่ได้นอน”
น้องหวานหันขวับมาทางผมทันที ผมก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปากทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ในใจกลับลิงโลดเต็มที่ที่ได้เอาคืนเมียตัวเองบ้าง
“สงสัยแม่จะได้หลานอีกคนซะแล้วมั้ง” คุณแม่พูดอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่คุณพ่อหัวเราะอยู่ในลำคอ ป้าตะเพียนอมยิ้มเอ็นดู ขนาดน้องเอิญยังส่งเสียง ‘งัมงัม’ เห็นด้วย เห็นทีงานนี้คงจะต้องรีบทำให้ทุกคนสมหวังซะแล้ว
“ว่าไงล่ะหวาน คุณแม่อยากมีหลานแน่ะ”
เมียหมาดๆของผมส่งยิ้มเอียงอายไปให้แม่สามี แต่ไม่วายยังหันมาจิกตาใส่ผมจนได้
“ป้าต้องทำไข่ลวกให้คุณรัชทานทุกเช้าหรือเปล่าคะเนี่ย” ป้าตะเพียนเออออด้วยอีกคน เอาเป็นว่ายกที่หนึ่งสำหรับวันนี้พี่ชนะขาดนะจ๊ะน้องหวานที่รัก
หลังมื้อเช้าของวันน้องหวานกับผมตกลงกันว่าจะเปิดคอร์สสอนเลี้ยงน้องเอิญ เจ้าตัวเล็กดูจะชอบใจน้องหวานอยู่ไม่น้อยจึงไม่มีท่าทีโยเยเลยเมื่อเธอเข้ามาเล่นด้วย
“สอนอุ้มก่อนแล้วกัน”
คุณเมียผมนี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนต้องคิดว่าเธอเคยมีลูกมาเป็นโขยงแน่ๆ เพราะแค่อธิบายไม่กี่คำ เธอก็ทำได้ดีเสียจนอยากจะมอบโล่คุณแม่ตัวอย่างให้ ก็ดีครับ เธอจะช่วยแบ่งเบาภาระป้าตะเพียนและพ่อกำมะลออย่างผมบ้าง
เล่นกันไปเล่นกันมา ผมเองก็เริ่มเคลิ้มๆ ผลสุดท้ายก็เลยหลับไปบนที่นอนของลูกจนได้ กำลังจะฝันดีเชียวครับน้องเอิญก็ดันร้องไห้จ้าขึ้นมาเสียก่อน
“ลูกเป็นอะไรน่ะหวาน” ผมฝืนใจลืมตาตื่นทั้งที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม
“กินไม่ได้ อันนี้กินไม่ได้”
หวานไม่ตอบผมครับ เธอคงไม่ได้สนใจที่ผมถามเพราะมัวแต่แกะมือน้องเอิญที่คอยล้วงเข้าไปในเสื้อคอลึกนั่นแทน ผมพอเข้าใจสถานการณ์แล้วครับ...น้องเอิญหิวนม เฮ้อ! พ่อก็หิวเหมือนกันลูก
“มาหาพ่อมา” ผมรับน้องเอิญเข้ามาปลอบ เจ้าตัวเล็กยังไม่เลิกทำหน้าเบะแถมยังคอยแต่จะเอื้อมมือไปจับอวัยวะให้นมของน้องหวานที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก อย่าจับลูก...เก็บไว้ให้พ่อจับบ้าง
“เดี๋ยวหวานไปชงนมให้”
ไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมขวดนมที่มีน้ำสีขาวอยู่เกินครึ่ง แปลกใจอยู่เหมือนกันที่ยังไม่ได้สอนแต่เธอกลับชงนมเป็น แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาได้สนใจอะไรมากนักเพราะน้องเอิญเริ่มร้องไห้หนักขึ้น ผมทดลองหยดน้ำนมลงบนหลังมือก็พบว่ามันอุ่นได้ที่ ครั้นพอลองชิมก็ต้องยอมรับว่าอร่อยดีเหมือนกัน แหม! อยากจะมอบเกียรติบัตรคุณแม่ดีเด่นให้เธอด้วยอีกสักใบ
น้องเอิญนอนกินนมอย่างเอร็ดอร่อยบนฟูกนิ่ม ผมนอนข้างๆคอยดูลูกก็เพลินดีเหมือนกันครับ ส่วนน้องหวานนอนอยู่อีกด้านหนึ่งมองดูเจ้าตัวน้อยอย่างสนอกสนใจ
“กินอย่างนี้ไปก่อนนะ แม่หวานของหนูเขาไม่มีน้ำนม เราเลยอดกินทั้งพ่อทั้งลูก” ผมพูดกับลูกพลางไล้แก้มแกอย่างเบามือ อยู่ดีๆน้องหวานก็เอื้อมมือมาตีแขนผมเสียเฉยๆ
“พี่เจ็บนะ ทำไมหวานซาดิสม์จัง”
“ก็พี่วีทะลึ่ง”
“พี่แค่พูดความจริง ผิดด้วยเหรอ” ผมเบะปากเลียนแบบลูก
“หวานไม่คุยด้วยแล้ว พี่วีเอาแต่พูดอะไรก็ไม่รู้”
น้องหวานลุกขึ้นเดินออกไป จะรั้งเอาไว้ก็ไม่ทันเพราะก้าวฉับๆเดินออกจากห้องไปนู่นแล้ว
“ดูสิน้องเอิญ แม่หวานงอนตุ๊บป่องไปนู่นแล้ว” ผมพยักเพยิดให้ลูกดูทั้งที่รู้ว่าแกยังไม่รู้ความ น้องเอิญหัวเราะคิกก่อนจะคายจุกขวดนมแล้วพูดกับผมว่า ‘งัมงัม’
ตกกลางคืนหลังรับประทานอาหารมื้อเย็นและอาบน้ำเสร็จ ผมก็เข้าไปช่วยน้องหวานกล่อมเจ้าตัวเล็กนอน แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเพราะพอไปถึงน้องเอิญก็หลับปุ๋ยไปแล้ว
“หวาน” ผมเรียกเธอเสียงอ่อน ตั้งแต่เมื่อตอนสายถึงตอนนี้เรายังไม่ได้คุยกันสักคำ เดินเฉียดตัวเธอนิดๆหน่อยๆก็ทำท่าปั้นปึ่งใส่ ผมทำอะไรผิดหรือครับ
“อะไร”
“โกรธพี่เหรอ”
“เปล่า”
“โกรธพี่เรื่องอะไร”
“เอ๊ะ ก็บอกว่าไม่ได้โกรธ” น้องหวานเริ่มทำท่าจะเอาเรื่อง
“งั้นทำแผลให้พี่หน่อย” ผมชี้ไปที่ศีรษะตัวเอง แผลจากกล่องถุงยางนั่นแหละครับ หวังว่าคุณผู้อ่านคงจำกันได้
“ทำเอง หวานจะนอน”
“ใจร้าย ตัวเองทำหัวเขาเจ็บแท้ๆยังจะไม่รับผิดชอบ” ได้ผลครับ...น้องหวานเดินปึงปังไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลทันที
“อย่าเพิ่งดีใจ ไม่ทำให้หรอก พี่วีพูดเอง ห้ามหวานแตะตัวพี่วีเด็ดขาด” น้องหวานยกริมฝีปากขึ้นข้างหนึ่งยิ้มเยาะอย่างเป็นต่อ ผมได้แต่อึ้งคิดหาทางแก้เกมอยู่ในใจ
“ทำแผลถือเป็นข้อยกเว้น”
“ไม่ ไม่ ไม่” คุณเมียปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่ก็ไม่ ปล่อยให้แผลมันเน่า ให้พี่เป็นบาดทะยักตายไปเลย”
ผมแกล้งทำเป็นเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บในลิ้นชักตามเดิม แต่ยังไม่ทันที่จะได้ดึงลิ้นชักออกมา น้องหวานก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ทำให้ก็ได้”
เหมือนหนังเวียนมาฉายซ้ำอีกรอบ น้องหวานและผมนั่งในตำแหน่งเดิม เธอหยดทิงเจอร์ไอโอดีนลงบนสำลีก่อนจะทาลงบนแผลอย่างเบามือ ปิดท้ายด้วยการแปะพลาสเตอร์ก็เป็นอันเรียบร้อย
ความรู้สึกของผมก็ไม่ต่างกับเมื่อวานเท่าไรนัก กลิ่นแชมพูและสบู่หอมอ่อนๆจากตัวน้องหวานเป็นตัวทำลายทั้งสติและสมาธิให้กระเจิดกระเจิง แต่ความใกล้ชิดอย่างชนิดที่หน้าห่างกันแค่คืบไม่ได้ทำให้น้องหวานรู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย เธอยังคงตีหน้านิ่ง บอกแล้วครับว่าเธอเป็นหญิงแกร่ง ไม่ว่าจะแทะโลมอย่างไรไม่เคยสะดุ้งสะเทือนและ...ไม่หวั่นแม้วันมามาก
“มองอะไร”
“มองเมียตัวเอง มองไม่ได้เหรอ”
“ไปมองคนอื่นดีกว่ามั้ง คนที่โทรมาน่ะ”
“หึงล่ะซี้”
น้องหวานไม่ตอบ แต่ผมก็ทราบดีครับว่าเธอคงไม่ได้รู้สึกหึงหวงอะไร คนเพิ่งรู้จักกันแค่สามวัน อย่าว่าแต่หึงเลยครับ แค่ชอบก็คงยากอยู่เหมือนกัน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของเราสองคน น้องหวานอยู่ใกล้กว่าจึงเอื้อมมือไปหยิบมาให้ผม แต่...บังเอิญเธอคงเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอพอดี มือที่ยื่นมาจึงหดกลับไปและนิ้วเรียวก็กดรับสายแทน
“ฮัลโหล” น้องหวานทำหน้าเครียดอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันจะไม่เครียดได้อย่างไรล่ะครับ ก็คนที่โทรมาน่ะคือ...น้องเปรี้ยว...ผู้หญิงที่เพิ่งโทรมาตอนตีสี่กว่าๆของวันนี้
“นี่แกอีกแล้ว” น้องหวานเธอคิดอย่างไรไม่ทราบกดเปิดลำโพงให้ผมฟังด้วย
“ใช่”
“นี่แปลว่าแกอยู่ในบ้านกับแฟนฉัน”
“ใช่” น้องหวานมุ่นคิ้วตอบกลับไป ไม่กี่อึดใจต่อมาเธอก็เดินไปที่หน้าต่าง แง้มผ้าม่านพอให้มีช่องมองเห็นได้ ผมเดินตามน้องหวานไป มองทะลุไปตามช่องนั้นแล้วก็พบว่า...
น้องเปรี้ยวยืนอยู่หน้าประตูบ้าน!
=====================================
คอมเม้นท์กันหน่อยเร้ววว
ความคิดเห็น