คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เรื่องบนเตียง
ผมได้ยินเสียงกุกกักในห้องน้ำสักสามนาทีแล้วเสียงน้ำจากฝักบัวก็เข้ามาแทนที่ เดาว่าเธอคงจัดการกับชุดเจ้าปัญหานั่นได้เรียบร้อยแล้ว
น้องหวานใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็ออกมา ผมได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที ภาพที่ผมเห็นทำให้ผ้าขนหนูผืนใหญ่แทบจะหลุดร่วงจากมือ อยากจะหักคอผู้หญิงคนนี้จริงๆ
เมียผู้แสนน่ารักของผมนุ่งผ้าเช็ดตัวสีชมพูลายการ์ตูนผืนเล็กเพียงผืนเดียว ไร้เสื้อคลุมและเสื้อใน หยดน้ำเกาะพราวไปทั้งตัว ผมเปียกลู่ตามรูปศีรษะเพราะเพิ่งสระ นี่เธอจะทรมานใจผมไปจนถึงเมื่อไหร่
“รีบๆอาบนะ จะได้แกะของขวัญกัน”
ผมรับคำก่อนจะเข้าไปจัดการตัวเองในห้องแคบๆนั่น จัดการตัวเองที่ว่านี่หมายถึงแค่อาบน้ำชำระล้างคราบเหงื่อไคลอย่างเดียวนะครับ ไม่ได้ทำอย่างอื่นด้วยจริงจริ๊ง
พอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ต้องผงะอีกรอบครับ น้องหวานเธอทำร้ายผมอีกแล้ว ทำร้ายด้วยชุดนอนสายเดี่ยวบางๆ ก้มทีขยับทีเห็นไปถึงตับไตไส้พุง นี่เธอไม่อยากให้ผมทำอะไรเธอจริงๆหรือเปล่าเนี่ย ดูคำพูดกับการกระทำมันตรงกันข้ามยังไงชอบกล
“มาแกะของขวัญเร็ว”
คุณนายอินทรีย์เธอขนกล่องของขวัญนับยี่สิบกล่องขึ้นไปบนเตียงพลางนั่งแกะกระดาษห่อหลากสีนั่นอย่างน่าสนุก ก็ดีเหมือนกันครับ นั่งแกะของขวัญคงทำให้ใจผมสงบขึ้นมาบ้าง
แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้น้องหวาน กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่และแชมพูก็ยิ่งชัดขึ้น ปฏิกิริยาตอบสนองในร่างกายทำให้ผมกลั้นหายใจทันที ไม่ดม ไม่มอง ไม่ลอง ไม่แตะ ไม่เด็ดขาด!
“นี่เพื่อนพี่วีให้มา พี่วีแกะสิ” เธอยื่นกล่องเล็กจิ๋วมาให้ ผมยื่นมือไปรับ ตาจดจ้องเพียงแต่กล่องเท่านั้น
แต่เนื่องจากสติสัมปชัญญะยังครบถ้วนแม้หัวใจจะกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหน ทำให้ผมเริ่มเอะใจว่ากล่องเล็กแค่นี้ข้างในมันจะเป็นอะไร นั่นสินะ มันควรจะเป็นอะไร...หึหึ
“น้องหวานแกะเถอะ” ผมยื่นมันกลับคืนไปให้ เธอรับอย่างไม่ทันได้คิดอะไรมาก เสร็จผมล่ะน้องหวาน อยากทำให้ผมทรมานใจดีนัก
“อี๋” เธอลากเสียงยาวก่อนจะใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบบางอย่างขึ้นมาอย่างรังเกียจ
“พี่วีรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ ถึงได้ให้หวานแกะ”
“พี่จะไปรู้ได้ไง ไหนเพื่อนพี่ให้อะไร”
เมียสุดที่รักคีบเจ้าสิ่งนั้นก่อนปล่อยลงตรงหน้าผม ไม่บอกก็รู้ครับว่ามันคือ...ถุงยางอนามัย ผมหัวเราะคิกเมื่อเห็นเธอทำหน้ามุ่ย
“ให้มาตั้งสามกล่อง จะใช้หมดมั้ยเนี่ยคืนนี้”
“พี่วีบ้า”
ผมโดนลงโทษด้วยหมอนสามใบที่ถูกปาอย่างระรัวเร็วมาที่หน้าหล่อๆ แต่ผมไม่ยอมถูกรังแกฝ่ายเดียวหรอก ผมใช้หมอนข้างตีหัวเธอสามทีเป็นการแก้แค้น หน้าน้องหวานยิ่งบึ้งกว่าเดิมร้อยเท่า เธอคว้ากล่องถุงยางขึ้นมาปาใส่หัวผม ได้เรื่องเลยครับ...ด้วยความแรงและระยะที่ห่างกันเพียงไม่ถึงสองเมตร ทำให้มุมกล่องเจาะหน้าผากผมเต็มที่ สรุปคือ ผมเลือดออกเพราะกล่องถุงยาง!
“หวานขอโทษ”
น้องหวานเสียงอ่อย หน้าซีดลงทันที ผมยิ้มให้เธอเป็นการปลอบใจ ปากก็บอกว่าไม่เป็นไรๆกลัวเธอจะไม่เชื่อว่าไม่เป็นไรจริงๆ แค่เลือดไหลซิบๆน่ะจิ๊บจ๊อยครับ
เธอรีบพาผมไปล้างแผล ทั้งที่ของเหลวสีแดงนั่นออกมาไม่ถึงหยด ก่อนจะยื่นกระดาษทิชชู่ให้ผมห้ามเลือดไว้ก่อน ส่วนตัวเธอเองรีบเก็บกล่องของขวัญไปไว้ยังมุมห้อง แล้วเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลอันเล็กที่ผมเก็บไว้ในลิ้นชักอย่างรีบเร่ง
คุณเมียผู้แสนดีจัดแจงให้ผมนั่งพิงหัวเตียงเพื่อรอทำแผล เธอใช้สำลีชุบทิงเจอร์ทาให้อย่างเบามือ แสบน่ะแสบครับ แต่สมาธิของผมมันเตลิดเปิดเปิงไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ก็น้องหวานเล่นเอาหน้าเข้ามาใกล้จนห่างกันแค่คืบ กลิ่นหอมหวานนั่นโชยมาเตะจมูกทุกเสี้ยววินาที อย่างนี้ใครจะอดใจไหว
“หอมจัง”
ผมพูดอย่างที่ใจคิด เค้นเอาสายตาอย่างที่จะทำให้หญิงละลายมาใช้ หวังว่ามันจะได้ผลนะครับ แต่ผมลืมคิดไปว่าน้องหวานไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วๆไป เธอแกร่งยิ่งกว่าหินผาบนยอดเขาเหลียงซาน!
“หอมทิงเจอร์เหรอคะ”
“จ้ะ หอมทิงเจอร์ก็หอมทิงเจอร์” หมดอารมณ์เลยครับโดนตอบกลับมาแบบนี้
“เสร็จแล้ว”
น้องหวานแปะพลาสเตอร์ให้ผมเรียบร้อย เก็บเครื่องไม้เครื่องมือทำแผลใส่กล่อง ก่อนจะเดินไปเก็บมันไว้ในที่เดิม จังหวะนั้นผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของเธอ เปิดหาเสื้อคลุมนอนสักตัวเผื่อมันจะช่วยให้บางสิ่งบางอย่างไม่โผล่ออกมาล่อตาล่อใจผมยามค่ำคืน
“ใส่เสื่อคลุมซะ จะได้ไม่หนาว แอร์มันเย็นนะตอนดึก”
ผมส่งเสื้อคลุมนอนให้เธอ น้องหวานรับไว้อย่างงงๆ แต่เธอกลับเอาไปพาดบ่าแทน
“หวานร้อน เมืองไทยร้อนจะตาย อยู่เท็กซัสไม่ร้อนเท่านี้”
เวรกรรม...ดันมีเมียเคยอยู่เมืองนอกเป็นปีๆ เธอเลยชินกับอากาศหนาว เห็นทีงานนี้จะต้องบังคับ
“ใส่เถอะ มาพี่ช่วยใส่”
ผมถือวิสาสะจับแขนเธอยัดเข้าไปในแขนเสื้อ และทำกับแขนอีกข้างเช่นเดียวกัน น้องหวานมองตาปริบๆแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“เป็นห่วงหวานขนาดนั้นเชียว”
“พี่เป็นห่วงตัวเองมากกว่า”
พูดจบผมก็หันหลังกำลังจะเดินไปที่เตียงแต่มือเล็กๆนั่นกลับคว้าชายเสื้อผมไว้ ผมหันหลังกลับตามสัญชาตญาณเพราะคิดว่าน้องหวานคงมีเรื่องจะคุยกับผมต่อ แต่เปล่าเลย...เธอกลับ..
ห้อมแก้มผมพร้อมกระซิบข้างหูว่า
“ราตรีสวัสดิ์” โอ๊ย! จะยั่วกันไปถึงไหน เดี๋ยวพ่อก็ปล้ำซะหรอก
เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยั่วกันถึงขนาดนี้ มันก็ต้องคุยกันหน่อย
“เดี๋ยวหวาน ในเมื่อหวานมีเรื่องขอร้องได้ พี่ก็อยากขอร้องเหมือนกัน”
“ว่ามาสิ”
“ห้ามนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ห้ามใส่ชุดนอนโป๊ๆแบบนี้ และที่สำคัญห้ามแตะเนื้อต้องตัวพี่ อย่างเมื่อกี้นี่ ห้ามเด็ดขาด แค่นี้แหละที่พี่อยากจะขอ”
น้องหวานไม่รับปากผม แต่กลับหัวเราะอย่างชนิดที่เรียกว่าท้องแข็งท้องงอเลยครับ ไอ้คำขอร้องแกมบังคับของผมนี่มันน่าขันตรงไหนเหรอ
“พี่วีนี่หวงตัวจังเลย อย่างนี้ยิ่งน่าแกล้ง” หวานยังคงหัวเราะคิกคักตอนพูดประโยคนี้กับผม
“นี่แปลว่าที่ผ่านมาหวานแกล้งพี่” ผมหรี่ตาจับพิรุธ
“ใช่” ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำเสียด้วย
“อย่าล้อเล่นกับผู้ชายแบบนี้อีกนะหวาน กับพี่น่ะไม่เป็นไรหรอก แต่กับคนอื่นน่ะไม่ได้”
“รู้แล้วน่า”
สรุปว่าคืนนั้นเราต่างแยกย้ายกันหลับอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะเหนื่อยกันมาทั้งวัน จะให้ทนทะเลาะกันถึงเช้าก็เห็นจะไม่ไหว หลับอย่างเดียวครับ...ไม่ได้หลับนอนแต่อย่างใด
บางคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสับสนมึนงงว่า เฮ้ย! อะไรเนี่ย เริ่มเรื่องก็มีเด็กมาโผล่อยู่หน้าบ้าน พอมาตอนสองแต่งงานซะแล้ว พอตอนสามสนิทกับเมียซึ่งเจอกันได้แค่สองวัน ตอนสี่เมียผมไม่ท้องเลยเหรอ ดีใจครับที่อ่านแล้วงง เพราะผมก็งงกับชีวิตและความรู้สึกของตัวเองอยู่เหมือนกัน
จริงอยู่ที่ผมกับน้องหวานเราเพิ่งเจอกันเมื่อวาน แต่เรื่องการสานสัมพันธ์(สวาท)กับผู้หญิงไม่เป็นปัญหาสำหรับผมอยู่แล้วครับ น้องหวานเองเธอก็เป็นคนขี้เล่นขี้แกล้งอย่างที่เห็น และคงจะเห็นว่าควรจะเริ่มทำความคุ้นเคยกับผมเสียแต่เนิ่นๆเพราะต้องอยู่กันไปอีกนาน ผมไม่เถียงครับว่าเราเริ่มสนิทกันเร็วมากจนเธอถึงขั้นยั่วผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าเล่นเอาเกือบตบะแตก แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วครับ...สนิทยิ่งกว่านี้ได้ยิ่งดี ขอแบบ ‘แนบแน่น เนื้อแนบเนื้อ’ ยิ่งเข้าท่า!
ส่วนเรื่องที่ว่าเราแต่งงานกันได้อย่างไร เธอตอบตกลงเพราะอะไร ทำไมนักเรียนนอกที่ดูเหมือนจะมีอนาคตที่สดใสรออยู่ถึงมาแต่งงานกับผม ผมก็ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีครับ...เพราะผมเองก็ไม่ทราบ แต่เอาไว้จะแอบสืบมาเล่าให้ฟังครับ
ส่วนที่สงสัยว่าทำไมไอ้เจ้าชู้ไก่แจ้อย่างผมถึงได้ยอมแต่งงานอย่างง่ายดายเพราะเด็กคนเดียว ทั้งที่ก็ไม่ใช่ลูกของตัว พิจารณาตามหลักความเป็นจริงก็ไม่น่าจะมีผู้ชายอย่างผมอยู่บนโลก แต่อย่าลืมครับว่าเหตุผลตัดสินไม่ได้ทุกเรื่อง ความรู้สึกต่างหากที่มีผลกับทุกเหตุการณ์
และเรื่องแต่งงานกับเรื่องน้องเอิญ ผมใช้หัวใจตัดสิน...ไม่ใช่เหตุผล
แต่จะเป็นเพราะรู้สึกอย่างไรถึงได้ทำไปแบบนั้น อ่านไปเรื่อยๆสิครับ แล้วจะทราบ...
เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผมดังขึ้นขัดจังหวะการนอนหลับของเราสอง ตอนนั้นผมยังงัวเงียอยู่ครับ ความรู้สึกมันคล้ายกำลังฝันอยู่ ครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่น้องหวานเธอคงรู้สึกตัวก่อนผมจึงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์และกดรับแทน
“ฮัลโหล” ด้วยความที่ในห้องมันเงียบมาก ผมจึงได้ยินปลายสายอย่างชัดเจนราวกับถือหูโทรศัพท์คุยเสียเอง
“ฮัลโหล” น้องหวานส่งเสียงกลับไปอย่างงัวเงีย
“นี่แกเป็นใคร กล้าดียังไงมารับโทรศัพท์แฟนฉัน” ได้ยินอย่างนี้ตามันก็เบิกกว้างขึ้นทันทีครับ ให้ตาย! คู่ขาปาท่องโก๋คนไหนบังอาจโทรมากวนใจตอนนี้นะ
“แล้วแกเป็นใคร กล้าดียังไงโทรมาหาแฟนฉัน” เอากับเธอสิครับ ผมลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าน้องหวาน แต่เพราะห้องมันมืดมากเลยไม่อาจทราบได้ว่าเธอกำลังแยกเขี้ยวใส่ผมอยู่หรือเปล่า
“ฉันก็เป็นเมียเขาน่ะสิ” แม่คุณ ตอบอย่างนี้เอามีดมาแทงผมเลยดีกว่า น้องหวานฆ่าผมตายแน่ๆ
“ฉันก็เป็นเมียเขาเหมือนกัน” หวานตอบหนักแน่น ฟังจากเสียงเธอคงโมโหอยู่ไม่น้อย
“อีบ้า อี...” สารพัดคำด่าหยาบคายส่งตรงมายังเจ้าสาวหมาดๆของผม เธอยังนิ่งครับ รอจนอีกฝ่ายเงียบไป เธอจึงพูดในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึง
“จะบอกให้เอาบุญ วันนี้ฉันกับเขาเราอยู่ด้วยกันทั้งคืน ลีลาเขาเด็ดมาก อ่อ ถุงยางหมดไปแล้วสามกล่อง มีที่อยู่มั้ยล่ะ จะได้ส่งหลักฐานไปให้ดูทางไปรษณีย์” อุ๊แม่เจ้า!
===================================
คอมเม้นท์เถอะค่ะ
ความคิดเห็น