คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เกมสยิว
ผมเกือบจะหยุดหายใจรอฟังต่อว่าเธอจะละเมออะไรออกมาอีก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะเผลอพูดอะไรให้ได้ตื่นอกตื่นใจกันอีก มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของน้องหวานที่หลับสนิทชนิดไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ผมพลิกตัวนอนลงท่าเดิมหลังจากที่นอนตะแคงเท้าศีรษะจดๆจ้องๆปากน้องหวานอยู่เป็นนานสองนาน ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยครับคุณผู้อ่าน...เธอบอกว่ารักผม
น้องหวานรักผม!
ความจริงหน้าตาผมก็หล่อเหลาเอาการอยู่เหมือนกัน น้องหวานจะหลงเสน่ห์ของผมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าคิดอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง คนที่เพิ่งเจอหน้ากันได้ไม่ถึงห้าวัน แต่งงานกันเพราะเหตุผลบ้าบอ จะรักกันได้ยังไง
หรือว่าน้องหวานเธอจะแอบหลงรักผมมาตั้งแต่สมัยประถมสี่ ก็ไม่น่าจะใช่อีกเหมือนกันเพราะเท่าที่คิดตรึกตรองดูแล้วผมฟันธงได้เลยว่าเพิ่งเคยเจอเธอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่มีการเจอกันก่อนหน้านั้นแน่นอน
หรือจะเป็นรักแรกพบ ประมาณว่าเธอเห็นหน้าผมครั้งแรกก็เกิดปิ๊งปั๊ง ประกอบกับเพิ่งเลิกกับแฟนมา ผมก็เลยกลายเป็นคนดามใจให้น้องหวานโดยไม่รู้ตัว
หรือว่า...โอ๊ย ผมคิดไม่ออกแล้วครับ
แล้วผมก็หลับไปทั้งที่ยังมีเรื่องคาใจอยู่อย่างนั้น เอาไว้พรุ่งนี้ก่อนแล้วกัน ถ้าผมกล้าพอ...ผมจะลองถามน้องหวานดู
รุ่งเช้าผมและน้องหวานก็ไปรับน้องเอิญออกจากโรงพยาบาล แม้จะอยู่กันสองต่อสองผมก็ยังไม่มีความกล้าแม้แต่เพียงนิดที่จะเอ่ยปากถามเรื่องที่เธอละเมอออกมา แถมยังเริ่มลังเลอีกด้วยว่าผมอาจจะหูฝาดไปเอง
แต่จะว่าไป เมื่อวานตอนเราประกบปากกันน้องหวานก็มิได้ขัดขืนแต่อย่างใด ที่สำคัญยังชวนผมปั๊มลูกถ้าถึงวันที่เรารักกันอีกด้วย เอาเป็นว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแล้วกันครับว่าเธอติดตาตรึงใจผมแล้ว
หรือว่า...งานนี้จะต้องมีการพิสูจน์?!
“หวาน มีอะไรจะบอกพี่หรือเปล่า” ต้องหยั่งเชิงก่อนครับ
“พูดอย่างนี้แสดงว่าพี่วีมีอะไรจะถามล่ะสิ” แสนรู้เหลือเกินนะคุณเมีย
“คือ...คือพี่ไม่รู้จะเริ่มยังไง”
“งั้นก็ไม่ต้องถาม”
“เฮ้ย ไม่ได้ ยังไงก็ต้องถาม แต่ขอคิดคำถามก่อน”
ผมขับรถไปคิดไปด้วยว่าจะเริ่มถามอะไรดี คำถามแบบไหนที่มันจะดูไม่โจ่งแจ้งเกินไป และมันควรจะทำให้ผมได้คำตอบที่น่าพอใจด้วย แต่คิดไปคิดมาก็เริ่มขี้เกียจคิด คำถามเดียวที่พอจะคิดออกจึงเป็น...
“หวานรักพี่หรือเปล่า”
น้องหวานเสมองกระจกไม่ตอบ ผมจึงถามย้ำอีกครั้งเผื่อเธอจะไม่ได้ยิน
“หวาน ได้ยินมั้ย หวาน”
“ได้ยินแล้ว อยู่ใกล้กันแค่นี้พูดซะดัง”
“ก็ได้ยินแล้วทำไมไม่ตอบ”
“หวานคิดคำตอบอยู่”
เธอเงียบไปอีกหนึ่งอึดใจ อย่างนี้มันมีพิรุธครับ เห็นทีคงจะเชื่อได้พอสนิทใจอยู่บ้างว่าเรื่องเธอรักผมนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะถ้าเธอไม่มีใจ คงจะปฏิเสธออกมาแล้ว
“ว่าไง จะตอบได้หรือยัง”
ผมเร่งเมื่อเห็นว่ารถเลี้ยวเข้าเขตโรงพยาบาลแล้ว พอเข้าไปในตัวตึกคงไม่ได้คุยอะไรกันอีก เพราะไหนจะต้องทำเรื่องเอาน้องเอิญออก จ่ายค่ายาอีก บรรยากาศไม่เป็นใจเลยครับ
“ถ้าหวานตอบว่ารัก พี่วีจะดีใจมั้ย”
ผมนิ่ง นิ่งสงบสยบทุกความเคลื่อนไหวครับ แต่ในระหว่างที่ไม่กระดิกกระเดี้ยวตัวนี่ก็ยังเฝ้าถามตัวเองซ้ำๆอยู่นะครับ ยังไงก็ต้องหาคำตอบให้ได้ ถึงแม้น้องหวานจะไม่ต้องการคำตอบของผมอย่างจริงจัง ผมก็ยังต้องการคำตอบให้ตัวเองอยู่ดี
“พี่วีไม่ดีใจหรอก เพราะพี่วีไม่ได้รักหวาน” เธอพูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่เดาไม่ออก
ผมอยากจะบอกเธอเหลือเกินว่าไม่ใช่ผมไม่ดีใจหรอกนะถ้าสมมติว่าเธอเกิดรักผมขึ้นมาจริงๆ ใครก็ดีใจกันทั้งนั้นล่ะครับถ้ามีคนมารักมาชอบ แต่มันจะรักจะชอบตอบเขาไปหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง และสำหรับในกรณีของผม หลังจากเฝ้าถามตัวเองอยู่หลายสิบครั้ง คำตอบยังคงเป็นเช่นเดิมคือ...
ผมไม่ได้รักน้องหวาน!
แต่ไม่ได้รัก ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ชอบหรือไม่รู้สึกพึงใจในตัวเธอเลยนะครับ ผมยอมรับว่ารูปร่างหน้าตาเธอตรงเสป็คแบบว่าถูกใจใช่เลย นิสัยใจคอเธอก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปล่ะครับ ส่วนเรื่องรสรักจะเผ็ดร้อนหรือหวานเลี่ยน ผมเองก็เพิ่งได้แค่ประกบปาก ยังไม่สามารถตัดสินอะไรได้ เพราะความจริงแล้วผู้หญิงก็เหมือนกันหมดในความรู้สึกผม พวกเธอหวานหยดเหลือเกินเวลาผมได้ลองลิ้มชิมรส สำหรับน้องหวานอาจจะพิเศษหน่อยตรงที่เกิดความอิ่มใจด้วยตอนปากแนบปาก แต่มันก็เป็นความอิ่มใจที่ได้ลองเพราะเธอมักจะปฏิเสธผมเสมอ หาใช่ความปีติอิ่มเอมเพราะรสรักที่เกิดจากความรักจริงๆแต่อย่างใด
แม้รถจะจอดเทียบสนิทที่ลานจอดหน้าโรงพยาบาลแล้ว ผมก็ยังไม่ได้ตอบอะไรออกไป น้องหวานก็ดูเหมือนจะรู้คำตอบดี เธอจึงไม่ใคร่ที่จะเร่งให้ผมพูดอะไรมากนัก
เราลงรถโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ น้องหวานปิดปากเงียบไม่แม้แต่จะมองหน้าผม แต่จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมา พูดในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงอีกแล้ว
“หวานไม่ได้รักพี่วีหรอก” อ้าว!
คราวนี้อึ้งยิ่งกว่าครั้งใดที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าหัวใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม แต่ถึงจะรู้สึกเสียใจที่เธอพูดแบบนั้นผมก็ยังนั่งยันนอนยันกับตัวเองว่า...ผมไม่ได้รักน้องหวาน
“ก็นั่นน่ะสิ คนเพิ่งเจอกันจะรักกันได้ไง” ผมแกล้งยิ้มแย้มตอบกลับไป น้องหวานยิ้มแกนๆตอบกลับมา
“นั่นสินะ” เธอพูดเบาเหมือนอยากให้แค่ตัวเองได้ยินคนเดียว แต่ผมก็ยังอุตส่าห์ได้ยินอีกแน่ะ
จากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยเพราะกว่าจะเอาน้องเอิญออกจากโรงพยาบาลได้ก็ต้องเซ็นนู่นเซ็นนี่ กว่าจะรับยาอีก เกือบชั่วโมงครับ
น้องเอิญดูสดชื่นขึ้นมาก พูด ‘งัมงัม’ มาตลอดทาง ส่วนผมกับน้องหวานก็ยังคงมีแต่ความเงียบให้แก่กัน ในเมื่อเธอไม่พูด ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ในใจได้แต่สับสน ตกลงเธอรักหรือไม่รักผมกันแน่
แต่รู้ไปก็ไร้ประโยชน์ในเมื่อผมยังไม่ได้รักเธอ และที่สำคัญก็ไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไหร่ถึงจะรัก
เลิกเครียดดีกว่าครับ โดยสันดานแล้วผมไม่ชอบจะมานั่งคิดเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้หัวใจคิดแทนสมองด้วยแล้ว ผมขอยอมแพ้ดีกว่า
คงต้องหาอะไรทำแก้กลุ้ม และคงต้องชวนน้องหวานมาทำด้วยเพราะรายนั้นน่ะนั่งหน้าเป็นตูดอยู่ไม่ไกลกันนี่แหละ ไม่รู้จะคิดอะไรของเขานักหนา
“หวาน เล่นเกมกันมั้ย”
“ไม่เล่นหรอก พี่วีเล่นเก่งจะตาย”
เฮ้ย! มารู้ได้ยังไงว่าผมเล่นเก่ง สงสัยคุณแม่คงจะเล่าให้ฟัง
“เอางี้ ถ้าเล่นชนะดี๋ยวพี่ให้รางวัล”
“ไม่ต้องเอารางวัลมาล่อ หวานไม่หลงกลหรอก”
“เล่นเป็นเพื่อนพี่หน่อยน่า”
น้องหวานทำท่าคิด คิดอีกแล้วครับ วันๆเอาแต่คิดๆๆๆ ผู้หญิงนี่เป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่าครับเนี่ย ดูเหมือนผมจะถามคำถามนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ
“เอางี้ เล่นเป่ายิงฉุบถอดเสื้อผ้าทีละชิ้น”
ผมตาลุกวาว ใครหนอช่างดลจิตดลใจให้น้องหวานคิดขึ้นมาได้ว่าควรจะเล่นเกมนี้กับผม เอาวะ! ถึงจะโป๊จนเรื่องนี้ต้องเซ็นเซอร์ ยังไงมันก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย ถ้าผมต้องถอดจนไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้น ผมก็ไม่เสียใจครับ เพราะบางทีเมื่อน้องหวานเห็นอะไรๆที่มันใหญ่มหึมาของผมเธออาจจะติดใจก็ได้ ผมหมายถึงต้นขาครับ ต้นขาที่ขาวจนเธออาจจะติดใจอยากรู้เคล็ดลับความขาวของผมก็ได้ คิดกันเลยเถิดไปไหนหรือเปล่าครับคุณผู้อ่าน
“ตกลง” ผมรับคำหนักแน่น
“งั้นเราไปเล่นบนห้อง เดี๋ยวพี่วีเกิดฉุบแพ้ คนแถวนี้ได้เป็นตากุ้งยิงกันหมด”
“แล้วตัวเองไม่กลัวเป็นตากุ้งยิงหรือไง”
“ไม่กลัวหรอก คิดซะว่าเห็นหนอนชาเขียว” นี่คุณเมีย มันจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ เดี๋ยวได้เห็นจริงๆจะจะแล้วจะร้องไม่ออก
เราสองคนเข้ามาในห้อง ต่างฝ่ายต่างมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องปราชัยในที่สุด ผมเองไม่ได้ไม่เสียอยู่แล้วครับ อย่างมากก็เสมอตัวต้องโชว์อะไรๆให้น้องหวานเห็น แต่ถ้าดีหน่อยก็คงจะได้เห็นอะไรๆที่น้องหวานโชว์...หึหึ
“ยำยิงเยาปั๊กกะเป่ายิงฉุบ”
ยกแรกออกมาเสมอครับ น้องหวานและผมออกค้อนทั้งคู่ นอกจากเกมเป่ายิงฉุบนี่ไม่ค่อยได้สาระอะไรแล้วยังจะชนะยากอีกนะครับ
“ยำยิงเยาปั๊กกะเป่ายิงฉุบ ยิงฉุบ ยิงฉุบ” ออกซ้ำกันอีกสองรอบครับ แต่รอบสุดท้ายนี่...ไม่ซ้ำ
น้องหวานออกกระดาษ ผมออกกรรไกร
ผมชนะ!
“หวานแพ้แล้ว ถอดเลยหนึ่งชิ้น” ผมย้ำกลัวเธอจะไม่ทำตามกติกา
“รู้แล้วน่า”
วันนี้น้องหวานใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสียีนส์สีซีดครับ ไม่มีเสื้อคลุม ไม่มีถุงเท้า ไม่มีถุงมือ มีแต่เสื้อและกางเกงเท่านั้นที่เป็นตัวเลือก ถอดอะไรก็ได้จ้ะน้องหวาน พี่อยากเห็นทั้งข้างล่างข้างบนนั่นแหละ
น้องหวานบรรจงถอดเสื้อยืดออกไปช้าๆ เล่นเอาผมหายใจหายคอติดขัด และยิ่งหายใจเกือบไม่ออกเมื่อเห็นว่าเธอใส่เสื้อสายเดี่ยวไว้ข้างในอีกตัว จบกัน...นึกว่าจะได้เห็นอะไรๆที่มันอยู่ข้างในยิ่งกว่านั้นแล้วเชียว
แล้วเราก็เริ่มเกมกันใหม่อีกครั้งด้วยความหวังเดิมๆว่าฝ่ายตรงข้ามต้องแพ้
“ยำยิงเยาปั๊กกะเป่ายิงฉุบ” คราวนี้ไม่ซ้ำครับ
ผมออกค้อน น้องหวานออก...กรรไกร
ผมชนะอีกแล้วสิเนี่ย!
==================================
comment me please!
ความคิดเห็น