ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★rhyme lies ทำนองที่ไม่ได้ยิน★

    ลำดับตอนที่ #9 : Chapter VIII : A guy in fairytale

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6
      0
      14 ต.ค. 60

    ....ความรู้สึกที่ถูกปิดตาย คือหัวใจที่คอยถวิลหา บานหน้าต่างในห้องที่ไร้ซึ่งทางออก หาพินิจให้ดี มันคือประตู....



    หากนี้คือภาพฝันก็คงเป็นฝันร้าย ที่อยากจะตื่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นแล้วเห็นทีก็คงต้องวิ่งหนีไปให้ไกลจากภาพบาดตานั้นที่สุด หรือไม่ก็คงต้อง shut down คอมพิวเตอร์ ณ ตอนนี้ ! 


    ความจริงเป็นสิ่งที่หวาดกลัว หากไม่ยอมรับมัน ก็ต้องรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น


    เธอจะรักกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนนี้ !!!! 


    เสียงกรีดร้องครางไร้ซึ่งสุรเสียง หวั่นเกรงใครเข้าจะมาได้ยิน มีดที่เสียบคากลางอก สองมือกุมที่ขั้วหัวใจแน่นเพื่อทุเลาการบีบแน่นของหัวใจจากไซยาไนด์ที่กำลังออกฤทธิ์ช้าๆ จนผละตัวเองล้มลงจากเก้าอี้ นอนแน่นิ่งทั้งหยาดน้ำตาที่ไหลมาเป็นสายไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคนแปลกหน้าอย่างฉันเลย หึ หึ 


    ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าช่วงเวลานี้ต้องมาถึง เขาที่เป็นคนเดียวที่สำคัญที่เหลืออยู่ กับใครคนนั้นที่ฉันไม่อยากรู้จัก กำลังมีช่วงเวลาที่น่าจดจำตลอดไป ช่างน่ายินดีจริงๆ (?) 
      

    ขณะเดียวกันนั้นเอง ภาพพรีเวดดิ้งยังคงฉายชัดในหน้าจอ laptop อย่างหวานแหววเหมือนในนิยายรักดราม่า ที่ตัวเอกต้องตายตอนจบ และนั้นไม่ใช่เขาก็คงเป็นฉัน









    ..... 

    เงาลางๆที่สะท้อนผ่านทางหน้าต่างห้องครัว เผยให้เห็นภาพของหญิงชราผมสีขาวโพลน ในมือคีบบุหรี่ พ่นควันออกมาจนเหมือนอยู่ในม่านหมอกจางๆในช่วงเช้าตรู่


    ทำนองเพลงรักลอยละล่องปลุกจิตกายให้ดี สองเท้าก้าวช้าๆ เดินไปตามทางที่มืด มีเพียงแสงไฟสลัวๆพอให้ไม่สะดุด 

    กาแฟร้อนๆเคียงคู่กับขนมปังปิ้งหลังตื่นนอนเป็นกิจวัตรอันเคยชิน บทเพลงรักยังคงขับคลอพอให้บรรยากาศมาคุไม่วังเวงจนเกินไป 


    พอได้ลิ้มละเลียดมื้อเช้าสุดเรียบง่ายแล้ว ก็ถึงเวลาเตรียมตัวออกเดินทางโดยไร้จุดหมาย 

    สัมภาระไม่มีอะไรมากเพราะเจ้าตัวคงไม่อยากให้มีภาระอะไรไปมากกว่านี้ ก็แค่กระเป๋าเดินทางใบเขื่องกับเป้แบ็คแพ็กอีกใบ 

    สิ่งที่จำเป็นจริงๆ ก็มี ค่าเงินที่ใช้ในยุคนี้

    ปฏิเสธได้เสียที่ไหนล่ะ 
    ไอ้เศษกระดาษนี้จะทำให้มีชีวิตดีขึ้น 
    ช่วงเวลาที่ผ่านมาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อมีชีวิตเพื่อสิ่งนี้ 


    ((เงาสะท้อนของตัวเอง))
    ภาพเบื้องหน้าที่สะท้อนเงาในกระจกของภาพเหมือนตัวเอง เคลื่อนไหวลางๆ เหมือนมีใครควบคุมอยู่ ในเปลวเพลิงเศษเสี้ยวในความทรงจำที่หลงเหลืออยู่ 


    เสียงคลื่นทะเลที่กลบเสียงร้องเรียกในจิตวิญญาณที่ไร้ตัวตน เกลียวคลื่นม้วนตัวหอบตัวตนนี้หายไปในทะเล เหลือไว้เพียงแผ่นหลังเดินจากไปอย่างแน่วแน่ 

    "นี่!" 

    คลื่นกระทบสาดเข้าฝั่งเหมือน พยายามร้องเรียก หญิงสาวเนื้อตัวมอมแมม เปียกปอนจากการตะเกียกตะกายให้รอดจากการจมน้ำ หันกลับไปมองตามเสียงร้อง มีเพียงความเวิ้งว้างในปลายขอบฟ้า แสงสีทองอร่าม บอกคำอำลา 



    เหม่อมองทะเลในยามสายันห์ เปลี่ยนท้องทะเลให้เป็นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงชัชวาล สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก 


    ครั้นสองเราพบประสบตากันที่มิอาจเห็นกันสักครา แต่ราวกลับได้สัมผัสถึงกัน ด้วยเสียงริงโทนจากไอโฟนที่ตกอยู่ข้างตัวดังกังวาน ผละให้เราละสายตาจากกันและกัน 


    ทว่าน่าแปลก 
    สัญญาณที่น่าจะดับถาวรเพราะตกน้ำ กลับมีสัญญาณมาเสียอย่างนั้น มันมาจากไหนกัน 


    เสียงนั่นมันถูกฝังอยู่ในทรายแค่ปลายเท้าช่องว่างระหว่างเรา สายตาเหลือบไปเห็นที่ไม่ใช่สายเรียกเข้าแต่เป็น...ข้อความ!?! 

    ...ใครฝากไว้กันนะ...


    ก่อนที่เกลียวคลื่นจะพัดพาโทรศัพท์หายไปในท้องทะเล มือน้อยก็คว้าไปเสียก่อน หลังจากเพ่งพินิจดูสักพัก หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน ตามมาด้วยเสียงท้องร้องโครกคราก 

    "ไปหาอะไรใส่ท้องก่อนแก้ปมปริศนานี่ล่ะกัน" หญิงสาวพึมพำพรางลูบท้องเบาๆ 

    ปริศนาเหรอ? 

    "เฮ้ๆๆๆ รอด้วยสิเธอ" ร่างบางโปร่งใสติดตามหญิงสาวไปอย่างไม่ลดละ 

    ผู้หญิงแปลกหน้าหยุดชะงัก หันไปมองรอบตัวที่มีแต่ทะเลโอบล้อม แต่ก็หาได้ใส่ใจอะไรไม่ เพราะตอนนี้ปากท้องสำคัญกว่า

    วิญญาณสาวเฝ้าติดตามคนที่สวมร่างของเธอครั้นก่อนที่เธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย หญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างตะกละตะกาม ไร้ความเป็นผู้หญิง 


    "เธอเป็นใครกันนะ" นอกจากตายแล้วไม่มีที่ไป ยังต้องมานั่งมองคนข้างหน้ากินข้าวอยู่ตรงหน้าด้วยนี่ พูดไปก็กลืนน้ำลายเอือกๆ 


    "ดูเหมือนเจ้าเครื่องนี้ทำอะไรได้หลายอย่างนะเนี่ย" หญิงสาวเริ่มยิ้มออกหลังจากท้องอิ่ม ครุ่นคิดถึงตอนที่เข้าร้านชิกเก้นนี้ พอสั่งไก่ทอดมาชุดใหญ่แล้ว กลับทำตัวเลิ่กลั่กเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร พนักงานร้านเองก็วิตก แล้งกำลังกดปุ่มยกเลิกรายการ ในขณะเดียวกัน เธอร้อนรุ่มจนเผลอวางมือถือไว้บนเคาน์เตอร์ ระบบจึงทำการตัดเงินอัตโนมัติ ทำให้พนักงานไม่ต้องยกเลิกรายการอาหาร 

    เธอพลิกมือถือไปมา แล้วกลับไปตรวจสอบข้อความแปลกๆนั่นอีกครั้ง 


    .....

    "ไม่นะ..." เสียงกรีดร้องลั่นโรงพยาบาลแผนกประสาท ที่แพตตี้ถูกหามมาส่งทั้งที่ยังใส่ชุดนอนสีหวาน 

    "แค่มาคุยกับหมอดูนะลูก" คุณแม่พยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวที่ไม่เชื่อว่าตัวเองป่วยทางจิตจริงๆ 

    "หนูไม่ได้ป่วย !!! พี่เค้าก็บอกแบบนั้น" เสียงเธอหมองลงตอนท้าย คุณแม่ก็เข้ามาโอบกอดลูกสาวให้สงบสติอารมณ์ นานวันเข้าอาการยิ่งไม่ดีและน่าเป็นห่วงนักแล

    เฮ้อ....คุณแม่ผู้ที่ยังคงทำตัววัยรุ่น แม้จะมีรอยตีนกาที่จะกลบเกลื่อนไม่มิดก็ตาม ได้แต่ลอบถอนหายใจหนักหน่วง หวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมานับแต่เกิดอุบัติเหตุหลังเรียนจบนั้น เธอก็เอาแต่เก็บตัวในห้อง งานการไม่ไปหาทำ ไม่ยอมทำอะไรเลย และยังโกหกเรื่องหนีออกไปไหนคนเดียวอีก


    "หนูไปเอสพลานาตกับรัสตี้นะแม่" 

    "อืมจ๊ะ กลับดีมาดีนะลูก" คุณแม่ยังสาวมองคล้อยหลังไปด้วยความเป็นห่วงกับภาพที่เห็น แพตจี้นั่งเล่นในร้านกาแฟเพียงลำพัง ไม่เห็นนัดกับใครเลย จนตะวันลับฟ้า 


    "สนุกไหมลูก" 

    "ค่ะ" สาวน้อยยิ้มเรียบๆ ก่อนขึ้นห้องของตัวเองไป 



















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×