ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter VIII : A guy in fairytale
....ความรู้สึกที่ถูกปิดตาย คือหัวใจที่คอยถวิลหา บานหน้าต่างในห้องที่ไร้ซึ่งทางออก หาพินิจให้ดี มันคือประตู....
หากนี้คือภาพฝันก็คงเป็นฝันร้าย ที่อยากจะตื่นขึ้นมาให้เร็วที่สุด มิฉะนั้นแล้วเห็นทีก็คงต้องวิ่งหนีไปให้ไกลจากภาพบาดตานั้นที่สุด หรือไม่ก็คงต้อง shut down คอมพิวเตอร์ ณ ตอนนี้ !
ความจริงเป็นสิ่งที่หวาดกลัว หากไม่ยอมรับมัน ก็ต้องรับชะตากรรมที่เกิดขึ้น
เธอจะรักกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนนี้ !!!!
เสียงกรีดร้องครางไร้ซึ่งสุรเสียง หวั่นเกรงใครเข้าจะมาได้ยิน มีดที่เสียบคากลางอก สองมือกุมที่ขั้วหัวใจแน่นเพื่อทุเลาการบีบแน่นของหัวใจจากไซยาไนด์ที่กำลังออกฤทธิ์ช้าๆ จนผละตัวเองล้มลงจากเก้าอี้ นอนแน่นิ่งทั้งหยาดน้ำตาที่ไหลมาเป็นสายไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับคนแปลกหน้าอย่างฉันเลย หึ หึ
ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าช่วงเวลานี้ต้องมาถึง เขาที่เป็นคนเดียวที่สำคัญที่เหลืออยู่ กับใครคนนั้นที่ฉันไม่อยากรู้จัก กำลังมีช่วงเวลาที่น่าจดจำตลอดไป ช่างน่ายินดีจริงๆ (?)
ขณะเดียวกันนั้นเอง ภาพพรีเวดดิ้งยังคงฉายชัดในหน้าจอ laptop อย่างหวานแหววเหมือนในนิยายรักดราม่า ที่ตัวเอกต้องตายตอนจบ และนั้นไม่ใช่เขาก็คงเป็นฉัน
.....
เงาลางๆที่สะท้อนผ่านทางหน้าต่างห้องครัว เผยให้เห็นภาพของหญิงชราผมสีขาวโพลน ในมือคีบบุหรี่ พ่นควันออกมาจนเหมือนอยู่ในม่านหมอกจางๆในช่วงเช้าตรู่
ทำนองเพลงรักลอยละล่องปลุกจิตกายให้ดี สองเท้าก้าวช้าๆ เดินไปตามทางที่มืด มีเพียงแสงไฟสลัวๆพอให้ไม่สะดุด
กาแฟร้อนๆเคียงคู่กับขนมปังปิ้งหลังตื่นนอนเป็นกิจวัตรอันเคยชิน บทเพลงรักยังคงขับคลอพอให้บรรยากาศมาคุไม่วังเวงจนเกินไป
พอได้ลิ้มละเลียดมื้อเช้าสุดเรียบง่ายแล้ว ก็ถึงเวลาเตรียมตัวออกเดินทางโดยไร้จุดหมาย
สัมภาระไม่มีอะไรมากเพราะเจ้าตัวคงไม่อยากให้มีภาระอะไรไปมากกว่านี้ ก็แค่กระเป๋าเดินทางใบเขื่องกับเป้แบ็คแพ็กอีกใบ
สิ่งที่จำเป็นจริงๆ ก็มี ค่าเงินที่ใช้ในยุคนี้
ปฏิเสธได้เสียที่ไหนล่ะ
ไอ้เศษกระดาษนี้จะทำให้มีชีวิตดีขึ้น
ช่วงเวลาที่ผ่านมาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อมีชีวิตเพื่อสิ่งนี้
((เงาสะท้อนของตัวเอง))
ภาพเบื้องหน้าที่สะท้อนเงาในกระจกของภาพเหมือนตัวเอง เคลื่อนไหวลางๆ เหมือนมีใครควบคุมอยู่ ในเปลวเพลิงเศษเสี้ยวในความทรงจำที่หลงเหลืออยู่
เสียงคลื่นทะเลที่กลบเสียงร้องเรียกในจิตวิญญาณที่ไร้ตัวตน เกลียวคลื่นม้วนตัวหอบตัวตนนี้หายไปในทะเล เหลือไว้เพียงแผ่นหลังเดินจากไปอย่างแน่วแน่
"นี่!"
คลื่นกระทบสาดเข้าฝั่งเหมือน พยายามร้องเรียก หญิงสาวเนื้อตัวมอมแมม เปียกปอนจากการตะเกียกตะกายให้รอดจากการจมน้ำ หันกลับไปมองตามเสียงร้อง มีเพียงความเวิ้งว้างในปลายขอบฟ้า แสงสีทองอร่าม บอกคำอำลา
เหม่อมองทะเลในยามสายันห์ เปลี่ยนท้องทะเลให้เป็นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงชัชวาล สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก
ครั้นสองเราพบประสบตากันที่มิอาจเห็นกันสักครา แต่ราวกลับได้สัมผัสถึงกัน ด้วยเสียงริงโทนจากไอโฟนที่ตกอยู่ข้างตัวดังกังวาน ผละให้เราละสายตาจากกันและกัน
ทว่าน่าแปลก
สัญญาณที่น่าจะดับถาวรเพราะตกน้ำ กลับมีสัญญาณมาเสียอย่างนั้น มันมาจากไหนกัน
เสียงนั่นมันถูกฝังอยู่ในทรายแค่ปลายเท้าช่องว่างระหว่างเรา สายตาเหลือบไปเห็นที่ไม่ใช่สายเรียกเข้าแต่เป็น...ข้อความ!?!
...ใครฝากไว้กันนะ...
ก่อนที่เกลียวคลื่นจะพัดพาโทรศัพท์หายไปในท้องทะเล มือน้อยก็คว้าไปเสียก่อน หลังจากเพ่งพินิจดูสักพัก หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน ตามมาด้วยเสียงท้องร้องโครกคราก
"ไปหาอะไรใส่ท้องก่อนแก้ปมปริศนานี่ล่ะกัน" หญิงสาวพึมพำพรางลูบท้องเบาๆ
ปริศนาเหรอ?
"เฮ้ๆๆๆ รอด้วยสิเธอ" ร่างบางโปร่งใสติดตามหญิงสาวไปอย่างไม่ลดละ
ผู้หญิงแปลกหน้าหยุดชะงัก หันไปมองรอบตัวที่มีแต่ทะเลโอบล้อม แต่ก็หาได้ใส่ใจอะไรไม่ เพราะตอนนี้ปากท้องสำคัญกว่า
วิญญาณสาวเฝ้าติดตามคนที่สวมร่างของเธอครั้นก่อนที่เธอจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย หญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตากินอย่างตะกละตะกาม ไร้ความเป็นผู้หญิง
"เธอเป็นใครกันนะ" นอกจากตายแล้วไม่มีที่ไป ยังต้องมานั่งมองคนข้างหน้ากินข้าวอยู่ตรงหน้าด้วยนี่ พูดไปก็กลืนน้ำลายเอือกๆ
"ดูเหมือนเจ้าเครื่องนี้ทำอะไรได้หลายอย่างนะเนี่ย" หญิงสาวเริ่มยิ้มออกหลังจากท้องอิ่ม ครุ่นคิดถึงตอนที่เข้าร้านชิกเก้นนี้ พอสั่งไก่ทอดมาชุดใหญ่แล้ว กลับทำตัวเลิ่กลั่กเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหาร พนักงานร้านเองก็วิตก แล้งกำลังกดปุ่มยกเลิกรายการ ในขณะเดียวกัน เธอร้อนรุ่มจนเผลอวางมือถือไว้บนเคาน์เตอร์ ระบบจึงทำการตัดเงินอัตโนมัติ ทำให้พนักงานไม่ต้องยกเลิกรายการอาหาร
เธอพลิกมือถือไปมา แล้วกลับไปตรวจสอบข้อความแปลกๆนั่นอีกครั้ง
.....
"ไม่นะ..." เสียงกรีดร้องลั่นโรงพยาบาลแผนกประสาท ที่แพตตี้ถูกหามมาส่งทั้งที่ยังใส่ชุดนอนสีหวาน
"แค่มาคุยกับหมอดูนะลูก" คุณแม่พยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวที่ไม่เชื่อว่าตัวเองป่วยทางจิตจริงๆ
"หนูไม่ได้ป่วย !!! พี่เค้าก็บอกแบบนั้น" เสียงเธอหมองลงตอนท้าย คุณแม่ก็เข้ามาโอบกอดลูกสาวให้สงบสติอารมณ์ นานวันเข้าอาการยิ่งไม่ดีและน่าเป็นห่วงนักแล
เฮ้อ....คุณแม่ผู้ที่ยังคงทำตัววัยรุ่น แม้จะมีรอยตีนกาที่จะกลบเกลื่อนไม่มิดก็ตาม ได้แต่ลอบถอนหายใจหนักหน่วง หวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมานับแต่เกิดอุบัติเหตุหลังเรียนจบนั้น เธอก็เอาแต่เก็บตัวในห้อง งานการไม่ไปหาทำ ไม่ยอมทำอะไรเลย และยังโกหกเรื่องหนีออกไปไหนคนเดียวอีก
"หนูไปเอสพลานาตกับรัสตี้นะแม่"
"อืมจ๊ะ กลับดีมาดีนะลูก" คุณแม่ยังสาวมองคล้อยหลังไปด้วยความเป็นห่วงกับภาพที่เห็น แพตจี้นั่งเล่นในร้านกาแฟเพียงลำพัง ไม่เห็นนัดกับใครเลย จนตะวันลับฟ้า
"สนุกไหมลูก"
"ค่ะ" สาวน้อยยิ้มเรียบๆ ก่อนขึ้นห้องของตัวเองไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น