ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : part vii: homeless girl
สองปีแล้ว...(2016)
ค่าแรงขึ้นต่ำในนิวซีแลนด์ได้ปรับเพิ่มขึ้นจาก $14.75 --> $15.75 (จะหักออกอีกหลั
จากภาษีตามกฎหมาย) ในขณะที่ฉันได้ทำงานเป็นพนักงานหน้าร้านของร้านที่มีแบรนด์ทั่วในนิวซีแลนด์ ระหว่างเรียนบริหารธุรกิจ
ชีวิตหน้าที่การงานก็กำลังลงตัว แม้ฉันจะจำต้องรับงานร้านอาหารไทยเพิ่ม เพื่อเป็นเบี้ยเลี้ยงในการยังชีพให้รอด ไม่มีทางที่จะมีชีวิตดีดีได้ ถ้าทำงานแค่ยี่สิบชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือแค่สามวันตามกฎหมายกำหนดในฐานะวีซ่านักเรียน ขอขอบคุณที่มีเครือข่ายสังคมไทยในโอ๊คแลนด์
Reverse Culture Shock ! ! !
ฉันได้ค้นพบตัวเองระหว่างใช้ชีวิตอยู่ไกลบ้าน ความอิสระที่ได้เป็นตัวเอง แม้จะไม่ค่อยมีความสุขกับการใช้ชีวิตอยู่มากนัก ด้วยเงื่อนไขที่ฉันมี ความอ่อนแอที่มีให้เห็น มันทำให้ฉันพ่ายแพ้ให้กับความเป็นตัวเองอย่างแท้จริง จนในวันหนึ่งฉันได้ขาดการติดต่อกับทางบ้านไปโดยปริยาย เมื่อฉันได้ทำไลน์หายไป พร้อมๆกับคนที่ฉันรักสุดหัวใจได้เลิกรากับฉันไป แล้วฉันจะอยู่ได้อย่างไรล่ะ ?
ฉันนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ว่าจะกลับบ้านไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร วิถีชีวิตที่เป็นอยู่มันไม่เหมาะกับอัตภาพตัวตนที่แท้จริงของฉันเลย ฉันมีความสุขดีที่ที่ฉันได้ใช้ชีวิตของตัวเอง ถึงแม้จะมีรูปแบบชีวิตที่แสนเรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่ได้ตามแฟชั่น ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งตัวเท่าไหร่นัก ไม่ได้บ้าแบรนเนมด์ มียูนิฟอร์มทำงานก็ได้แล้ว แต่ชีวิตต้องมีความสมดุลระหว่างเส้น ที่ทำให้ฉันลำบากใจในตัวเองสุดๆ
ณ ที่แห่งนี้ โอ๊คแลนด์
ฉันมีความสุขดีในที่ที่เป็นอยู่ มีงานที่ลงตัว มีเพื่อนที่แสนดีและชีวิตมีความหมายเมื่อครั้งหนึ่ง
เลยกลัวเหลือเกินว่าหากกลับไปแล้ว จะเกิดอะไรบ้างกับชีวิต ที่ต้องตกเป็นเหยื่อให้คนอื่นมากระทำ
ช่วงนี้ไม่รู้ฉันเป็นอะไร แต่เท่าที่รู้คือเหนื่อยจับใจจริง ๆ
ในทุกวันที่ฉันได้ลืมตาตื่นขึ้นมา ไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลย ไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากไปเรียนหนังสือ ไม่อยากจะลุกไปทำงานแต่ก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดในเมื่อยังไม่ถึงคราวตาย ช่วงเวลาที่ลืมตาขึ้นมาบอกให้ฉันรู้ว่าชีวิตยังไม่สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ อดทนต่อไปอีกนิดนึงนะ ฉันที่ได้แต่บอกตัวเองทั้งที่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
แม้จะเฝ้ารอวันหยุดที่จะไม่ต้องทำอะไร แต่การเปิดโลกออนไลน์เข้าสู่โหมดโลกโซเชียลทั้งวันก็แสนเบื่อ ฉันไม่รู้ว่าจะดูอะไร ดูผู้คนโพสข้อความและรูปแห่งความสุขทั้งที่ฉันหาความสุขให้ตัวเองไม่ได้ ฉันไม่มีใครอยู่ข้างกายนอกจากความทรงจำที่ผ่านมาครั้งหนึ่ง ฉันเข้าสู่โลกแห่งความฝัน พร่ำเพ้อดูซีรี่ย์เกาหลี ฟังเพลงที่เข้ากับอารมณ์ในตอนนี้ นอนเอื่อยๆไปเรื่อยๆบนที่นอน ไม่คิดจะลุกอยากทำความสะอาด จัดห้อง เก็บของเผื่อว่าสักวันหนึ่งฉันไม่มีที่ไปแล้ว ฉันต้องเตรียมตัวไปที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
ฉันไม่คิดที่กลับบ้านอีกแล้ว
สังคมไทยไม่ใช่ที่ฉันควรจะอยู่อีกต่อไป ฉันไม่ใช่คนที่นอบน้อมถ่อมตัว ไม่ใช่คนที่พูดจาสุภาพไพเราะ กลับพูดจาห้วนๆ ไม่มี ค่ะ ขา ไม่ใช่คนที่ขี้ประจบประแจง เลียแข้งเลียขาใครไม่ค่อยเป็น เพราะอย่างนี้สิฉันถึงอยู่กับใครไม่ได้ ฉันเป็นตัวเองที่ไม่ใช่ตัวตนที่คนอื่นต้องการ กลับผลักไสให้ฉันไปไกลๆ โดยไม่ได้พูดอะไร แต่ฉันรู้ตัวว่าเธอไล่ฉัน เมื่อฉันเป็นพิษภัยต่อสังคมด้วยตัวตนที่แท้จริงที่สังคมรับไม่ได้ ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงคอขาดบาดตาย แค่การที่ฉันหายใจรดหน้าคนอื่น นั่นคือมลพิษทำร้ายคนรอบข้างตลอดมา เหมือนกับไม่ยืนบนบ่าเขาให้เป็นภาระหนัก บางทีก็คิดอยากฆ่าตัวตายหนีปัญหาไปให้พ้นๆ แต่ก็สงสารตัวเองจับใจที่อุตส่าห์ทนมาขนาดนี้เพื่อความสูญเปล่า
สิ่งที่ต้องการที่สุดในชีวิต คือ อำลาจากโลกนี้ไปอย่างสงบ ก็ในเมื่อหาทางที่จะทำร้ายตัวเองไม่ได้เลยจำต้องทนมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ต้องตามหาฉัน เพราะนี่คือสิ่งที่ฉันกำลังตามหา....ความสุขที่แท้จริงที่ไม่เคยหาได้ในโลกนี้ ฉันจะไปตามหาในโลกอีกใบหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
.....
จุดเริ่มต้นของชีวิตมันเพิ่งเกิดขึ้นเอง ณ ที่แห่งนี้
การใช้ชีวิตเมืองนอก ไม่ได้สวยหรูอย่างที่วาดฝัน เพราะเราไม่ได้มาท่องเที่ยว แต่เรามาใช้ชีวิตเพื่อความอยู่รอด ดูแลตัวเองและรับผิดชอบตัวเองให้ดีที่สุดในเวลาที่ไม่มีใคร ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่ต้องดิ้นรนเอาตัวให้รอด อดทนอดกลั้นเอาให้มากๆ แล้วจะเข้าใจความเป็นตัวเองมากขึ้น เพราะเราได้อยู่กับตัวเอง ได้เป็นตัวเองอย่างแท้จริง
ต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ก็ทำได้แต่ดิ้นรนต่อไป
เฝ้าถามตัวเองว่า "สิ่งที่อยากได้ที่สุดในชีวิตคืออะไร?" ความเงียบงันเข้ามาปกคลุมสถานการณ์ ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า เพราะฉันไม่ได้อยากอะไรแล้วจริงๆ ไม่มีอะไรที่ฉันต้องการจริงๆเลยหรือไง
อารมณ์ซึมเศร้าเมื่อครั้นอยู่ไกลบ้านเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เราเรียกกันว่า อาการคิดถึงบ้าน (homesick) แต่การเดินทางครั้งนี้เป็นจุดมุ่งหมายของฉัน เดินทางเพื่อหนีตัวเอง ละทิ้งทุกอย่างแล้วออกมาตามหาอะไรบางอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ หนีความวุ่นวายชีวิตในเมืองกรุง มาเติมเต็มความว่างเปล่าในชีวิต หรือต้องการแค่ความสงบสุข หรือเพราะหาทางฆ่าตัวตาย ทำร้ายชีวิตตัวเองไม่ลงกันแน่นะ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...
ฉันหมกมุ่น คิดไม่ตกกับเรื่องฆ๋าตัวตายมาหลายครั้ง พยายามคิดหาทางวางแผนปลดระวางตัวเองอย่างสงบ ไม่ให้เหลือร่องรอยอะไรทิ้งไว้ ฉันไม่อยากให้ใครรับรู้เรื่องนี้แม้แต่ตัวเองก็ไม่อยากที่จะรับรู้ อยากให้มันเป็นไปโดยธรรมชาติ
การตายของฉัน ต้องเกิดขึ้นอยู่สองวิธี คือ
๑. โดยอุบัติเหตุ
๒. โดยเจตนาที่เป็นไปอย่างไร้ร่องรอย
ความเศร้าเกิดขึ้นได้กับทุกคน มีผลกระทบไม่มากก็น้อยขึ้นอยู่กับการหาทางจัดการในชีวิตตัวเองของแต่ละคน แต่เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกหดหู่กับชีวิต สิ่งที่คนเราต้องการที่สุด คือ ความเข้าใจจากสิ่งรอบข้างในสถานการณ์ที่เราได้เผชิญอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ต้องอดกลั้นที่จะเข้าใจสถานการณ์ให้ได้ด้วยตัวเอง เข้าใจว่ามันเป็นไปแบบนี้นะ แล้วสักวันมันจะผ่านไป
ฉันเฝ้ารอให้วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ไม่มีความรู้สึกที่อยากทำอะไรให้ชีวิตได้ดีอีก ไม่ได้คาดหวังให้ต้องเป็นไปอย่างที่ต้องการ เพียงแค่ปลดระวางชีวิตตัวเองไม่ได้เท่านั้นเอง เหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่ เหนื่อยที่ต้องพบเจอกับผู้คน ไม่ได้อยากออกไปไหน แต่ก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานเพื่อมีชีวิตรอดไปวันวัน ไหนเมื่อหักดิบชีวิตตัวเองไม่ได้ ก็ต้องอดทนต่อไป
ตอนนี้ฉันไม่เหลือใครให้พร่ำบ่นได้อีกแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครต้องการรับฟังเรื่องราวที่ไม่มีประโยชน์ และเต็มไปด้วยความคิดในแง่ลบ คิดร้ายกับตัวเองและมีผลกระทบต่อคนรอบข้าง เขาเรียกคนพวกนี้ว่า Toxic people พวกอสรพิษมีแต่ทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไม่คิดที่แม้แต่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นแล้วยังทำให้คนรอบข้างที่เกี่ยวข้องเสื่อมเสียลงไปด้วย ฉันถึงได้แต่เลือกที่จะอยู่เงียบๆ รอให้วันเวลาผ่านไป
ชีวิตมันสั้น เวลาเดี๋ยวนี้ก็ผ่านไปเร็วนะ แล้วสักวันมันจะผ่านไป
ชีวิตตัวเองก็ต้องหาทางรับผิดชอบให้ได้ มองหาอะไรทำจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านมากนัก ทำชีวิตให้ยุ่งๆ หมกมุ่นกับการทำงานไป ไม่อย่างนั้นก็นอนหลับตาเฉยๆ ปิดตาไม่ต้องรับรู้กับโลกภายนอก คิดถึงในสิ่งที่เคยมีความสุข ออกเดินตะลอนไปตามที่ต่างๆพลางจับโปเกม่อนไปด้วย จิบไวน์เบาๆ แต่หนักหน่วงให้รู้สึกมีนหัวนิดๆ จะได้ไม่ต้องรับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
ปกติแล้วฉันชอบใช้เวลาอยู่กับโซเชียลมีเดียทั้งที่ตัวเองเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน แต่ก็ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่รู้ทำไม นับวันจะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับเฟสบุค ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย บางทีฉันก็หากิจกรรมอย่างอื่นทำ เช่น ดูซีรี่ย์เกาหลี ฟังเพลงเบาๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไปข้าๆ แต่โดยเร็ว
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่คนๆหนึ่งต้องการที่สุด คือ ความเข้าใจและความยอมรับในสถานะที่เป็นอยู่ โดยที่ไม่ต้องสนใจกันมากก็ได้ เพราะในเวลานั้นหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้จริงๆ การมีใครสักคนนั่งเงียบๆอยู่ด้วย ยังดีกว่านั่งร้องไห้เพียงลำพัง
คิดอย่างไรกับการปรึกษาจิตแพทย์
ความรู้สึกส่วนตัวแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย เสียความรู้สึก เสียเงินเปล่าๆ เพราะเหมือนเราเอาเงินไปให้เขาแล้วทำให้เขามานั่งฟังเรื่องราวของเรา เขาได้ประโยชน์คือ ตัวเงิน ส่วนเราก็ได้ความสบายใจ เพียงแค่ได้ยาโง่ๆมาระงับประสาท ให้หยุดคิดฟุ้งซ่านสักพักหนึ่ง นี่แหละคือชีวิต ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆและง่ายๆ ทุกอย่างต้องแลกด้วยอะไรบางอย่าง และก็ต้องเสียอะไรบางอย่าง อยู่ด้วยความเข้าใจคือสิ่งที่พอประคับประคองได้ในตอนนี้
การที่คนๆหนึ่งพยายามทำเพื่อเราโดยที่ไม่ได้อะไร คือความรู้สึกที่ดีที่สุดแล้ว เหมือนที่ครั้งหนึ่งฉันได้พบกับคนๆนั้น
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น