ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ★rhyme lies ทำนองที่ไม่ได้ยิน★

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter VII :: dandelion lost

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 60




    -7-


    ...แย่ที่สุดเลย...


    เป็นวันที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เมื่อแพตตี้ถูกส่งตัวกลับมาพักอยู่ที่บ้าน หาก

    แต่ต้องเก็บตัวอยู่ในห้องแคบๆที่แสนจะอึดอัด มีเพียงถาดอาหารที่ถูกส่งมา

    ให้ทางช่องระหว่างประตูทุกเช้าและเย็น นี่เห็นเธอเป็นนักโทษที่ถูกกุมขังกันอยู่

    หรือไง



    แม่ขอโทษนะจ๊ะลูก ที่แม่ทำไปก็เพราะลูกน่ะเสียงของแม่สั่นเครือที่อยู่อีกฝั่ง

    ของประตูกั้นเอ่ยพึมพำๆลอดผ่านมาแทบทุกวัน เมื่อเห็นอาการของลูกสาวยิ่ง

    นับวันจะแย่ลงทุกวัน ทั้งที่ความจริงแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เห็นกันแท้ๆ

     

    เสียงสายเรียกเข้าดังครืดคราดอยู่บนเตียงแต่เช้าตรู่ เธอนอนคว่ำหน้าแต่มือ

    ตะเกียกตะกายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างงัวเงีย ปรากฎภาพของผู้ชายผิวสี

    แทนที่มาอ้างตัวว่าเป็นแฟนเธอแบบเนียนๆ


    อืม ...รัสตี้?”


    (เพิ่งตื่นเหรอ? จริงๆเลยน่ะ ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย)


    หืม? ห่วงเหรอ


    (ก็เล่นชอบเหม่ออยู่เรื่อย และยังมาสลบไม่ได้สติมาเกือบวันนึงเต็มๆเลย รู้

    ป่ะเนี่ย ไม่ให้ห่วงได้ไงล่ะ)


    เหรอ(หลับวันนึงเต็มๆเลยเหรอ) ก็แค่ครุ่นคิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากเกินไป

     ก็เลยเพลียน่ะ แต่แค่นี้ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้น่ะ รัสตี้


    (.... แล้วจะคิดมากไปถึงเมื่อไหร่กันล่ะ เธอก็เป็นอยู่แบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร

    แล้ว เราก็เลยรู้สึกว่า เธอกำลังปิดกั้นตัวเองอยู่สิน่ะ)


    “...”


    (การปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงมากเกินไปน่ะ ก็จะทำให้ไม่อาจรับรู้ความรู้สึก

    ของตัวเองและคนอื่นด้วย ท้ายที่สุดก็เป็นการกักขังตัวเองไว้กับความโดด

    เดี่ยวน่ะ แพตตี้ ...เธอทำแบบนี้น่ะไม่เหงาบ้างเหรอ)


    “...” น้ำตาพรั่งพรูในขณะที่ฟังที่รัสตี้พูด


    (แพตตี้ ...ได้ยินเราไหม)


    อืม ...ฉันไม่เหงาหรอก ถึงจะมีคนอยู่ด้วยหรือไม่ก็เหมือนกันแหละ ฉันชินซ่ะ

    แล้วล่ะ ฮ่ะๆๆ ๆ (ไม่จริงหรอก ความจริงเหงามากต่างหาก) กับการอยู่คนเดีย

    วน่ะ ฮึกถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่น้ำตาก็ไหลไม่หยุดเลย    


    เป็นความรู้สึกที่แย่จริงๆ กับการจมปลักอยู่ในโลกสีเทานี้ แล้วอะไรกันล่ะที่

    เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมาวนเวียนกับความเหงาที่มาเยี่ยมเยียนแทบทุกวัน

    แบบนี้ ตลอดมาต้องฝืนเก็บอาการเศร้าและโวยวายออกมาโพล่งพล่าง ไม่รู้ว่า

    ทำถูกไหม แล้วถ้าไม่ตกลงเธอต้องทำอย่างไรกันแน่ ....กุญแจซอล



    ทั้งที่พยายามหนีมาตลอด หากความรู้สึกผิดยังคงติดตามเป็นเหงาตามตัว 



    ฉันคิดถึงนายจัง กี่วันแล้วเนี่ยที่ฉันไม่ได้ไปหานายเลยเด็กสาวเหม่อลอย

    มองเมฆที่เคลื่อนตัวช้าๆผ่านไปก้อนแล้วก้อนเล่า เหมือนกับเวลาที่เดินไปข้าง

    หน้าไม่มีถอยหลัง เสียงกระดิ่งลมที่แขวนไว้ริมหน้าต่างดังกังวาน ราวกับเป็น

    คำตอบของบุคคลที่เธอเฝ้าโหยหามาตลอดสามวันสามคืน




    “...” ภาพเบื้องหน้าทำให้เธอต้องขยี้ตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเห็นกุญแจซอลมายืน

    โบกมือให้อยู่ตรงหน้าประตูบ้าน


    เฮ้!” เสียงนั้นเรียกกระตุ้นให้ตื่นจากภวังค์อีกครั้ง  


    คะ?” เธอโบกมือหยอยๆให้กับคนตรงหน้าที่มาไม่ได้กล่าวตรงหน้าต่างที่มี

    เพียงส่วนเดียวที่ไม่ได้ล็อคเอาไว้ ถึงคิดจะหลบหนีเหมือนนักโทษแหกคุกก็คง

    ทำไม่ได้หรอก กับหน้าต่างที่ไม่มีอะไรมากั้นไว้อย่างนี้นะ หล่นลงไปแข้งขาอาจ

    จะเดี้ยงจนพิการไปจริงๆก็ได้ ใครจะไปเสี่ยงกันล่ะ


    เอ๊ะ ...? หายไปไหนแล้วล่ะ


    ก๊อก ก๊อก


    เสียงเคาะประตูมาเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอมองหากุญแจซอลที่อยู่ๆก็หายตัว

    ไปจากริมรั้วกระถิน ตรงทางเข้าบ้านพอดี พอหันกลับไปมองที่ประตูที่ถูกล็อค

    จากด้านนอก และตอนนี้มันกำลังค่อยๆเปิดออกช้า ปรากฏร่างของชายหนุ่ม

    ผมสีเงินยวงยืนยิ้ม ก่นจะเดินเข้ามาหาช้าๆ


    ไง ไม่ได้เจอกันตั้งนานกุญแจซอลยิ้มให้ซึ่งนานๆทีจะได้เห็นสักครั้ง พลาง

    ยื่นมือมาลูบไล้เส้นผมยาวปะบ่าของเด็กสาวแผ่วเบาๆ


    “...”


    ตกใจเหรอ พอได้ข่าวว่าคุณไม่สบายก็เลยแวะมาเยี่ยมหน่อยนะกุญแจซอล

    ชอบที่จะทำอะไรให้ประหลาดใจตลอด พอเขาพูดจบก็หยิบของออกมาจากใน

    กระเป๋ากางเกง เขายกข้อมือเธอขึ้นมาแล้วสวมกำไลให้


    “...” เธอยืนนิ่งมองข้อมือที่ตอนนี้มีกำไลผีเสื้อสีชมพูเล็กๆห้อยติดอยู่ด้วย ด้วย

    ความรู้สึกที่แย่อย่างบอกไม่ถูก น้ำตาซึมที่ขอบตาก่อนค่อยๆไหลรินลงมาช้าๆ


    มันเหมาะกับคุณจริงๆด้วย รู้ไหมทำไมฉันถึงให้กำไลนี้กับเธอกุญแจซอลเงย

    หน้าจากกำไลที่ข้อมือเธอ หันมาสบตากันพอดี เขาตกใจจนทำหน้าไม่ถูก เมื่อ

    เห็นเธอร้องไห้ออกมา เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนมาใจดีกับเธอแบบนี้

      

    “...”


    มะ ไม่ชอบเหรอ


    เอ่อ ...ไม่ใช่อย่างนั้น ก็แค่ดีใจน่ะ เคยคิดว่าไม่มีใครรักฉันเลย แม้แต่...” 

    กุญแจซอลที่ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ที่เขาทำท่าเหมือนกับจะชอบเธอเช่นกัน 

    แต่จริงๆแล้วเป็นใครบางคนที่เป็นเงาทับเธออยู่ต่างหาก ก็แค่รู้สึกอย่างนั้น ถึง

    เขาจะไม่ชอบเธอด้วยตัวเธอเอง แต่ก็อยากเป็นคนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆเขาน่ะ ขอ

    แค่นั้นก็พอ


    ...ความทรงจำครั้งที่เราไปพิพิธภัณฑ์ในวันนั้นก็ย้อนกลับมาทันที กับความ

    รู้สึกบางอย่างที่เข้ามาแทรก ...


    มีใครบางคนที่พาเธอมาเหรอ’ แพตตี้พึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่คิดว่าเขาจะ

    ได้ยินแล้วตอบกลับมา


    อืม เป็นผู้หญิงที่เหมือนกับเธอนี่แหละ งดงามราวกับภาพวาดดอกแดนดิ

    ไลออนนั่น คิดๆดูแล้วเหมือนโชคชะตาจริงๆ’ หลังจากนั้นเขาก็เดินนำหน้าไป 

    ทิ้งให้เธอยืนกัดฟันกรอดๆ ทั้งโมโหทั้งใจเสียที่คิดไปเองข้างเดียวอีกแล้ว


    เธอยืนมองแผ่นหลังที่ค่อยๆเดินจากไป พลางถอนหายใจออกมาในที่สุด 

    สุดท้ายเรื่องมันก็ลงแบบเดิม เหมือนกับความรู้สึกครั้งหนึ่งที่เคยคิดกับ รัสตี้

    เลย ...


    ...เลิกคิดแบบนี้สักที่เถอะ แพตตี้!...

     

    แล้วคุณรักตัวเองไหมล่ะเสียงกุญแจซอลสะกิดให้ตื่นจากความทรงจำอันเลว

    ร้ายนั้น สายตาเย็นชามองมานิ่ง ไม่หลงเหลือรอยยิ้มที่อบอุ่นอีกแล้ว


    “...”


    ทำไมไม่รักตัวเองล่ะครับ ขนาดตัวคุณเองยังไม่รัก แล้วจะให้ใครเขามารัก

    คุณ ....จริงไหมครับ


    “...”


    ลองเปิดใจรักตัวเองก่อน แล้วในไม่ช้าคุณจะมองเห็นความรักที่บางทีคุณเอง

    ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันกุญแจซอลเอื้อมมือมาจับข้อมือฉันไว้ตรงกำไลพอดี 

    เขาชายตามองผีเสื้อสีชมพูที่ห้อยต่องแต่ง ยิ้มบางๆที่ส่งผลให้หัวใจสั่นไหว


    “...”


    “...ผีเสื้อเป็นสัญลักษณ์ของความสวยงามและอิสระ เมื่อใดที่คุณพันธนาการ

    ตัวเองออกจากรังดักแด้ได้ เมื่อนั้นคุณก็ไม่ต่างอะไรจากผีเสื้อที่โบยบินมอง

    โลกจากท้องฟ้า... ผมเชื่อว่าคุณทำได้น่ะกุญแจซอลยิ้มให้อย่างอ่อนโยน 

    สองมือที่ประคองแก้มเปื้อนน้ำตา เธอสลัดความคิดเพ้อฝันออกไป ดึงมือจาก

    การเกาะกุมของชายหนุ่มอย่างไม่ได้ตั้งใจ พลางถอยหลังห่างออกมาหนึ่งก้าว



    ขะ ขอโทษค่ะแล้วก็ขอบคุณจริงๆแต่ตอนนี้แพตตี้เริ่มเข้าใจสิ่งที่อยู่ระหว่าง

    ความจริงและความฝัน ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นแค่เพื่อนใน

    จินตนาการของเธอก็ตามที เธอฝืนยิ้มเศร้าๆเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับตัวเอง 

    ก่อนมายืนส่งเขาที่ประตูให้เขาเดินออกไปเอง เพราะเธอโดนกักขังบริเวณอยู่

    น่ะสิ ก่อนที่เขาจะก้าวขาออกประตูไป หันมายิ้มกรุ่มกริ้มกับเธออีกครั้ง



    ถึงคุณจะถูกขังด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แต่อย่าลืมที่ผมได้บอกกับคุณไว้น่ะ

     ...ประตูนี้มันขังคุณได้ก็จริง แต่มันขังหัวใจคุณไม่ได้น่ะกุญแจซอลชี้ไปที่

    กำไลข้อมือผีเสื้อสีชมพูหวานที่ข้อมือเธอ เธอก้มลงไปมองตามสัญชาติญาณ

    ขณะที่ประตูถูกปิดตายลงอีกครั้ง




    เธอไม่ทางรู้หรอกว่า เบื้องหลังประตูที่ถูกปิดลงนั้น ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยได้

    ช่วยปลดความทุกข์ให้กับเด็กสาว แต่กลับตัวเองที่ตอนนี้ยิ่งปล่อยให้ความ

    ทุกข์มารุมเร้าแทนที่เธอทั้งที่ทำอะไรไม่ได้ ซึ่งเขาได้ภาวนาให้เธอเข้มแข็งไวๆ 

    เพื่อชดเชยในสิ่งที่เขาได้ทำพลาดลงไป
     

     

    ...ทั้งๆที่รอบตัวเรามีผู้คนอยู่มากมาย แต่ไฉนเรากลับรู้สึกเดียวดายเหมือน

    ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนใครบางคนกำลังหลอกเราอยู่เลย หรือเรากำลังหลอก

    ตัวเองอยู่กันแน่ แล้วตกลงใครล่ะที่เป็นฝ่ายโกหก...



    เธออยากรู้เหลือเกิน ...



    นี่ตัวเธอยังคงไม่เข้าใจความรักสิน่ะ....จึงไม่เคยได้เข้าใกล้กับเขาจริงๆสักที

    แต่ทำไมหัวใจมันยังสั่นไหวอยู่แบบนี้

     

    กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็เป็น ...เวลานี้ ...และอาจ

    หลายเวลา ที่ทำให้เธอต้องอ้างว้างและเดียวดายมาตลอด ไม่รู้จักจบสิ้นสักที



    ป่านนี้กุญแจซอลจะเป็นอย่างไรบ้างน่ะ เขาจะเอะใจบ้างไหมที่รู้ว่าฉันหายไป

    น่ะแพตตี้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างโดยมองไปทางทิศที่โรงพยาบาลนั้น

    ตั้งอยู่ คิดถึงสะพานสีขาว คิดถึงเปียโนสีขาว คิดถึงทำนองเพลงบรรเลงช้าๆ 

    และคิดถึงแผ่นหลังสง่าที่เธอได้แอบอิงไออุ่นที่แผ่ออกมา



    สายลมโชยมาเบาๆ พัดพากลีบดอกแดนดิไลออนมาด้วย มีอยู่ดอกหนึ่งได้

    พลัดหลงเข้ามาในห้องของฉันด้วย แล้วมันก็ร่วงลงมาที่กระถางต้นเมเปิ้ลที่

    เลี้ยงไว้ริมหน้าต่าง


    ดอกแดนดิไลออน ...ดอกไม้แห่งความหวังเธอพึมพำออกมาเบาๆ มองดอก

    แดนดิไลออนที่ยึดติดกับดินในกระถางแน่น แล้วก็มองไปบนฟ้าด้วยแววตามุ่ง

    มั่น


    ...ความหวังอย่างนั้นเหรอ แล้วเธอจะขอหวังจากเขาได้ไหมเนี่ย ก็แค่หวังคงไม่

    ผิดใช่ไหม ...ไขว่คว้า ความหวัง ความตั้งใจ ความใฝ่ฝัน เหมือนดั่งคว้า

    สายลมที่ไร้ตัวตน ....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×