ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิราศเด็กเลี้ยงแกะ

    ลำดับตอนที่ #7 : part V: เป้าหมายคือการอยู่รอดให้ได้

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 61


    ป้าหมายในการทำงานพิเศษ
    เริ่มเข้าปีที่สองของการใช้ชีวิตอยู่ในโอ๊คแลนด์ ฉันได้ตัดขาดการติดต่อจากคนในครอบครัวแล้ว เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตในเมืองที่มีค่าครองชีพสูง จำต้องหาทางอยู่รอดให้ได้ด้วยตัวเอง เก็บเงินเพื่อเรียนวิชาชีพด้านบริหารธุรกิจต่อ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละที่ที่ทำงาน ได้พบปะเพื่อนใหม่ และเรียนรู้เพื่อนำไปพัฒนาตัวเองต่อไป
     


    ฉันทำงานเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ เพราะสิ่งที่ฉันต้องการที่สุดในตอนนี้ คือ ความว่างเปล่า เพียงแต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ยอมหมดหวังกับชีวิตนี้สักที 


    ....ฉันอยากออกไปจากที่แห่งนี้ ที่ๆฉันอยู่นี้....


    การมีคอนเนกชั่นดีๆ หรือมีคนรู้จักเยอะๆทำให้สบโอกาสในการหางานทำได้มากขึ้น และง่ายขึ้น ช่วงแรกก็ลองเดินร่อนใบสมัครไปตามร้านต่างๆทั่วเมือง แต่ก็ไม่ค่อยจะโดนเรียกตัวสักเท่าไหร่ จนได้เพื่อนที่เรียนภาษานี่แหละช่วยแนะนำงานร้านอาหารไทยร้านหนึ่งให้ อยู่แถวๆชานเมือง ถนน Dominion นั่งรถบัสสาย 258, 267 ขึ้นรถที่ civic threatre กลางเมือง เจ้าของร้านเป็นฝรั่ง ส่วนเพื่อนร่วมงานก็เยอะและนิสัยดีเป็นกันเองเอามากๆ เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ฉันได้ทำงานร้านนี้จนหมดวีซ่าตัวที่สองเลยล่ะ เป็นเวลาหนึ่งปีครึ่ง ส่วนอีกงานหนึ่งเป็นร้านอาหารเจแบบไทย จีน ที่เพื่อนในวัยมัธยมชวนมา เพื่อนคนนี้เป็นคนเดียวที่รู้จักกันก่อนมานิวซีแลนด์ และเป็นคนที่แนะนำวีซ่านี้มาให้ แม้จะไม่ใช่เพื่อนร่วมทางกันในนิวซีแลนด์ แต่เราก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ งานร้านอาหารเจ เจ้าของร้านเป็นสองคนวัยเกษียณ มีพนักงานไม่มาก อย่างน้อยสองคน ป้าแกเป็นคนพูดแรง และดัง ส่วนลุงแกเป็นคนเงียบขรึม ขี้เหนียว ต่างกันสุดขั้ว แต่มีจิตใจดี ถือศีลกินเจตลอดชีพ ที่บ้านเป็นสถานธรรม นับถือพุทธลักธิเต๋า แนวจีนๆ ครั้งหนึ่งฉันเคยโดนเรียกตัวให้เข้ารับธรรมะด้วย


    งานที่ได้ทำระหว่างอยู่เมืองโอ๊คแลนด์ ภายในระยะเวลาหนึ่งปีครึ่ง (รวมสองวีซ่า)

    1) งานร้านอาหารไทย TUSK Thai cuisine restaurant เปิดเฉพาะช่วง 5.30 - 10.00 pm แต่เข้างานตั้งแต่สี่โมงครึ่งถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ทำไมถึงเลิกดึกขนาดนั้นนะเหรอ? จริงๆแล้วปิดร้านประมาณสี่ทุ่ม แล้วหลังจากนั้นรอพี่ๆเขาเล่นไพ่กัน หลังเลิกงาน ค่าจ้างแบบเหมารวมรายวัน อยู่ประมาณ $50-60 

    2) งานร้านอาหารเจ Sunflower Thai cuisine restaurant เป็นร้านกึ่ง take away มีพนักงานเสิร์ฟปกติคนเดียว ทำทุกหน้าที่ ตั้งแต่ รับออเดอร์ เสิร์ฟ ตักข้าว ล้างแก้ว คั้นน้ำผลไม้ บางทีต้องไปช่วยงานในครัวด้วย ถ้าร้านยุ่งมากๆ จะมีผู้ช่วยมาไม่เกินสองคน ช่วงเวลางานตั้งแต่ 11 am - 10 pm มีเวลาพัก สองชั่วโมง มีข้าวกินสองมื้อ คือกลางวันกับหลังเลิกงาน ห่อกลับบ้าน 

    3) งานร้าน TANK เป็นร้านกีวี่ร้านแรกที่หางานได้เองจากการสมัครทางออนไลน์ และเป็นร้านที่ใฝ่ฝันอยากทำมานาน หน้าที่ที่ได้ทำ คือ ขายน้ำปั่น คั้นน้ำผลไม้สด และทำสลัด ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ ของประเทศนิวซีแลนด์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นบริษัทของกีวี่ที่มีชื่อเสียง มีหลายสาขากระจายตัว โลโก้เป็นสีส้ม

    4. ร้านอาหารไทยแองเจิ้ล หลังจากชีวิตมีความรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการ ทั้งที่เราก็ทำเต็มที่สุดความสามารถของเราแล้ว ในระยะเวลาหนึ่งปึครึ่งที่ผ่านมา ถึงอย่างไรก็ตามฉันก็รักที่จะพัฒนาตัวเอง และเรียนรู้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นในการมองหางานร้านใหม่เพิ่มสร้างศักยภาพในตัวเองให้มากขึ้น แม้จะเรียนรู้แบบเดิมแต่เพิ่มเติมคือความท้าทายใหม่ๆ ในตัวเอง ค่าจ้างต่อกะอยู่เริ่มต้นที่ประมาณ $60-65 สำหรับพนักงานเสิร์ฟ ฉันทำได้สักเดือนก็ได้เพิ่มค่าแรงเป็น $70 ถือว่าพี่เจ้าของร้านให้ค่าแรงสูงกว่าเท่าที่เคยทำมา 


    ความฝันสูงสุดที่อยากทำคือ งานร้านกาแฟ แต่ได้มาทำงานแนวใกล้ๆเคียงกัน ก็ถือว่าใกล้ความฝันไปนิดนึง ฉันหลงรักกาแแฟนับแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกลิ่นหอมๆของกาแฟคั่วบด ยามที่ได้เห็นน้ำกาแฟสีทองที่ถูกกลั่นออกมายิ่งดูตื่นเต้น พอได้เห็นลวดลายบนหน้ากาแฟหรือที่เรียกว่า ลาเต้อาร์ตยิ่งชวนหลงใหลยิ่งนัก พอได้ลองจิบทำให้ตกหลุมรักจนใจสั่นไหว ซึ่งก็ได้ติดใจมาจนถึงทุกวันนี้ ฉันได้มีโอกาสฝึกพิเศษการทำกาแฟจากร้านอาหารไทยร้านแรก เพราะ สวัสดิการพนักงานให้ทำกาแฟดื่มเองได้ก่อนเข้างาน ฉันเลยขออาสาสมัครทำกาแฟให้เพื่อนๆร่วมงาน วันละแก้ว ก็เพียงพอต่อการฝึกฝนแล้ว 


    ใครว่าได้ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแล้วจะสบาย นั่งเล่นชิลๆจิบกาแฟตามคาเฟ่ เซลฟี่ตามสถานที่ต่างๆโพสลงโซเชียล ช้อปปิ้งได้ทุกวัน มีของแบรนด์เนมใช้ไม่ขาดมือ กว่าจะถึงวันนั้นคงต้องดิ้นรน ทุ่มเท อดทนอดกลั้นกับค่าครองชีพที่สูงกว่าประเทศไทยเท่าตัว ในแต่ละวันฉันต้องทำงานเพื่อส่งเสียตัวเองในเมืองนี้ จะกินจะใช้แต่ละทีก็ต้องคิดแล้วคิดอีก ไม่อยากจะรบกวนภาระของที่บ้าน เนื่องจากฐานะของทางบ้านก็ปานกลาง พอมีกินมีใช้ ไม่อดยาก และนี่คือถึงเป้าหมายในการเดินทางของฉัน ออกมาใช้ชีวิตของตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร และมีมากพอจะช่วยภาระที่บ้านด้วย ครั้งหนึ่งหรือหลายครั้งแล้วก็ไม่รู้ที่คิดถึงความตาย แต่ไม่อาจลงมือทำได้จริงๆ ความที่ตัวเองเป็นคนรักสันโดษ โลกส่วนตัวค่อนข้างสูงมาก ดูขวางโลกด้วยซ้ำ มองโลกในแง่ร้ายสุดๆ เห็นตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล จนทำให้ตัวเองไม่มีความสุข จมอยู่กับสิ่งเหล่านี้ที่แก้ไขไม่ได้ พยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมแต่ก็ไม่อาจลบล้างสันดานความเป็นตัวเองได้ ดีที่คนต่างชาติไม่ค่อยมีใครสนใจใครมากนัก ต่างคนต่างอยู่ ทำให้ชอบชีวิตต่างประเทศก็แบบนี้ ต่อให้ไม่มีความสุขก็ตาม 


    ชีวิตยังดำเนินต่อไปตราบที่ลมหายใจยังไม่หยุด ....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×