คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นิทานปรัมปรา
กาลครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานเท่าไหร่ มีเด็กสาวเมืองกรุงคนหนึ่ง ปลีกหนีความวุ่นวายจากคนรอบข้าง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่มีใครต้องการเธอเลย เธอจึงหันเข้าหาธรรมชาติ ด้วยอุดมการณ์ ความเพ้อฝันที่ดูเหมือนจะไกลตัวและไม่มีทางเป็นไปได้ ที่เราจะเป็นมิตรกับธรรมชาติ ให้เหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งเดียวกัน
ถ้าเพียงแค่นี้ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แต่ถ้ามันออกขอบเขตแห่งความเป็นจริง เข้าสู่ดินแดนแห่งเทพนิยายล่ะ
เป็นโลกแห่งความฝัน ที่คุณอาจจะมองว่าเพี้ยน คุณยังจะเชื่อเธออีกมั้ย??
เธอเพียงแค่อยากให้พวกคุณรับรู้ สัมผัสถึงอีกแง่มุมหนึ่งของธรรมชาติในมุมมองที่คุณหลายๆคนไม่เคยสัมผัส หรือไม่เชื่อถือเลยก็ตาม
แต่สิ่งดีีๆอยู่ใกล้ตัวเพียงแค่เอื่อม.....
มาร่วมสัมผัสไปกับการผจญภัยในโลกแห่งแฟนตาซีของเธอกันเถอะ
++เกริ่นเรื่อง++
แสงแดดอบอุ่นสาดส่องมาทางระเบียง ส่องแยงตาฉันที่กำลังฟุบหลับคากองหนังสือค้นคว้าในห้องสมุด ซึ่งเป็นสถานที่มีบนบรรยากาศเงียบสงบ เพราะฉันไม่มีเพื่อนสนิทเลยจึงมักจะมานั่งคิดเพลินๆอยู่ที่นี่ที่ๆทำให้จิตใจฉันที่พวักพะวงอยู่เสมอสงบลงได้ ฉันหรี่ตาลง ปรัีบตาให้ชินกับแสงที่แยงลงมาที่ฉันพอดี ก่อนจะเดินออกไปที่ระเบียงสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นของผืนป่า ก็ไม่เชิงป่าหรอก เป็นเพียงบริเวณที่มีต้นไม้นานาพันธุ์ข้างห้องสมุดของโรงเรียนที่มีชื่อแห่งหนึ่ง ฉันสูดกลิ่นอายธรรมชาติเข้ามาเต็มปอด พร้อมๆกับขับไล่ความกังวลออกไปเป็นจังหวะเดียวกับลมหายใจออก ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางคิดอยากมี่จะตะโกนออกมาดังๆให้คลายจากความเศร้าและความเหงาเปล่าเปลี่ยวเช่นนี้
ฉันเกลียดตัวเองและทุกๆคนที่เป็นคนทำให้ฉันต้องเป็นอย่างนี้!!
ฉับพลัน น้ำใสๆค่อยๆพรั่งพรูมากจากดวงตาไหลรินอาบแก้มฉัน พลางรีบเอามือปาดคราบน้ำตาโดยเร็วไม่ให้มีใครเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะฉันแคร์สายตาคนทั่วๆำไปที่เดินผ่านไปมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่สนใจฉันก็ตาม ฉันใช้มือเท้าคางกับระเบียงพลางเหลือบสายตาไปเจอเจ้ากระรอกตัวน้อยสีน้ำตาลแดง มีหางเป็นพวงดูน่ารัก จนฉันอดยิ้มเล็กๆที่มุมปากไม่ได้กับท่าทางที่แสนซุกซน
พลุบเข้าพลุบออกระหว่างโพลงไม้และใบไม้ โผตัวจากกิ่งนั้นทีไปต้นโน้นที มันขยับเข้ามาใกล้ฉันทุกที จ้องมองมาที่ฉันนิ่ง และแล้วฉันก็เหมือนจะคิดอะไรออก
"อ่ะจริงสิ! รอฉันแปบนึงนะ" แ้ล้วฉันก็วิ่งไปหยิบบิสกิตจากกระเป๋าที่กินเหลือจากมื้อกลางวัน มาหักเป็นชิ้นเล็กๆแล้วยื่นมือไปทางเจ้าตัวน้อยที่ยังคงคอยฉันอยู่ไม่หนีไปไหน ในทางกลับกัน มันค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้ กัดกินบิสกิตในมือของฉันอย่างไม่เกรงกลัว ในไม่ช้า เพื่อนๆในผืนป่าแห่งนี้ก็ทยอยกันมากินขนมในมือฉันบ้าง ฉันแบ่งขนมให้เพื่อนตัวน้อยกินจนขนมหมด แต่แทนที่พวกมันกินเสร็จแล้วจะหนีำไป มันกลับอยู่เป็นเพื่อนฉัน ฉันพูดคุยเล่นกับพวกมันอย่างสนุกสนานไม่สนสายตาของใครที่อาจจะมองฉันเป็นตัวประหลาด เพราะมันทำให้ฉันไม่เหงานี่ ฉันเล่นกับพวกมันจนฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีจึงร่ำลาเหล่าเพื่อนๆตัวน้อย แล้วสัญญาว่าจะเอาขนมมาให้พวกมันกินอีก ขอเพียงมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน แค่นี้ฉันก็พอใจ พอเลิกเรียน ฉันก็กลับบ้านไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉันมาก่อน
ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันเดินผ่านริมคลอง สายลมพลิ้วไหวริ้วรายหญ้าให้ไหวไปตามสายลมเอื่อยๆ ดูเหมือนพรมนิ่มๆ ฉันอดใจไม่ไหวที่จะวิ่งลงไปตามเนินไปพร้อมๆกับเอนกายลง เหม่อมองท้องฟ้าอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยๆยันกายลุกขึ้น ขณะเดียวกันนั้นเอง ฉันเห็นหญ้ามีใบเป็นแฉก ฉันคิดถึงความเชื่อในโชคลางว่า ถ้าพบใบที่มีสี่แฉกจะโชคดี จึงค่อยๆใช้นิ้วเขี่ยใบไม้ไล่ดูทีละใบๆ จนตะวันลัีบขอบฟ้า ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่าดึกมากแล้วฉันละมือจากต้นหญ้า แล้วจึงรีบกลับบ้านโดยเร็ว
"ทำไมป่านนี้แล้วเพิ่งกลับหา...?" เสียงเหมือนเคยเรียกเสียงดัง ก่อนที่ฉันจะก้าวเท้าเข้าบ้านเสียอีก
"แหะๆ ไปอ่านหนังสือกับเพื่อนเพลินไปหน่อย" อีกเช่นเคยที่ฉันต้องบ่ายเบี่ยงโกหกกับแม่ เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วงและรู้สึกอายที่ตัวเองไม่มีเพื่อนสนิทกับเขาเลย
"อืม แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะแต่อย่ากลับให้มันดึกมากนักล่ะมันอันตราย"
"ไม่เป็นไรหรอก เอยกลับกับเพื่อนนะ"
"อืมดี แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก"
แม่ เอยขอโทษนะที่ต้องโกหกแม่อย่างนี้ แต่ที่ทำให้มันก็มีเหตุผลส่วนหนึ่ง เฮ้อ!
"เอย กินข้าวได้แล้วนะ"
"อืม เดี๋ยวขอไปเก็บของก่อนนะ" ฉันวิ่งรี่ขึ้นห้องไป ล้มตัวลงกับที่นอนอันอ่อนนุ่ม เป็นที่ที่รู้สึกปลอดโปร่งอีกที่หนึ่ง หลับตาพริ้มพลางคิดไปว่า ทำไมฉันต้องอยู่คนเดียวมาตลอดเวลาด้วยนะ แต่ทุกทีที่ฉันจะพูดกับเพื่อนๆ เสียงของฉันมันจะกลืนหายลงคอไปเสียทุกครั้ง ฉันจึงกลายเป็นคนไม่ค่อยพูด เลยไม่มีเพื่อนกับใครเขาเลย และอีกเหตุผลหนึ่ง เพราะพวกเพื่อนๆเขาคงเบื่อแหละที่อยู่กับคนเงียบๆอย่างฉันเี่นี่ย ฉันเลยต้องอยู่คนเดียวมาตลอด ยกเว้นกับเพื่อนที่แสนสนิทและเข้าใจฉันมากที่สุดคนนึง นั่นก็คือ แม่นี่แหละ แต่ํฉันก็ทำพลาดเสียไปอย่างหนึ่ง ที่ต้องโกหกแม่อยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วงด้วยเหตุผลแค่นี้จริงๆ ฉันทำให้คนที่ฉันรักและรักฉันต้องผิดหวังที่ฉันทำอย่างนี้ แต่ก็ยังรักและไปไหนมาไหนกับแม่ตลอด จนดูเหมือนเป็นลูกแหง่ไม่ยอมห่างแม่เสียทีจวนจนเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเนี่ยอีกไม่กี่ปี คิดอีกก็ถูกน่ะ เพื่อนไม่มีแล้วคนที่รักล่ะจะเหลือเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฝันก็แล้วกัน ใช่ฉํนฝันเอาทุกครั้งแหละ เพื่อทำให้ฝันเป็นจริงก็นำมาแต่งเป็นนิยายซ่ะเลย อย่างน้อยก็เป็นจริงส่วนหนึ่งล่ะ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ฉันเหม่อบ่อยๆ จุดจบในนิยายของฉัน คือการจบอย่างแฮปปี้เอนดิ้งกับคนที่เรารัก ส่วนจุดจบในความเป็นจริง คือ เป็นโสดตลอดกาล ฮ่า ฮ่า ฮ่า
"เอย! แม่ไม่เรียกอีกแล้วนะ กับข้าวจะหมดแล้ว หาิกินเองนะ" ฉันเด้งตัวจากที่นอน รีบวิ่งลงทันที เมื่อได้ยินแม่เรียกชื่อ เสมือนกับสมองสั่งการรู้ทันที โดยไม่ต้องรีรอฟังแม่พูดจนจบ นี่ก็เป็นละครชีวิตจริง เดิมๆที่แสนน่าเบื่อหน่าย เป็นเกมชีวิตที่ฉันไม่อยากจะเล่นต่อเลยจริงๆ
ความคิดเห็น