ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คายะจัง
บทที่ 3
หลายวันถัดมา หลังจากอากิระและฮายาม่าช่วยกันอธิบายถึงเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าคายะจังจะเข้าใจได้ดี
เธอยังทำตัวเป็นปกติ ยิ้มแย้มและรื่นเริง สดใส อบอุ่นกับทั้งรุ่นน้องและเพื่อนๆ ทุกคน
อากิระไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด เขายังคงโผงผางเฮฮาเป็นหนุ่มเซอร์ คนเดิม ที่สำคัญคือมีสาวๆ ตามขอความรักอยู่เหมือนเดิม
มีแต่ฮายาม่าเท่านั้นที่ขรึมลงไป แววตาที่มองมายังคายะจังหรืออากิระ ถูกเคลือบแฝงด้วยความในใจอะไรหลายอย่าง ที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
ฮายาม่าไม่แน่ใจว่าอากิระพยายามให้ตัวเองเข้ามาอยู่ในสายตามากขึ้น หรือว่าเขาหันมองหาหนุ่มรุ่นน้องคนนี้บ่อยขึ้นกันแน่
“รุ่นพี่ฮายาม่า ช่วยติวภาษาญี่ปุ่นให้ผมได้ไหมครับ”
ท่าทางของอากิระเป็นปกติที่สุด ตอนมาเอ่ยขอให้เขาช่วยเรื่องนี้
“อยากให้คายะจังช่วยไหม รุ่นพี่คายะเขาเชี่ยวชาญภาษาญี่ปุ่นกว่าผม”
“ป่านนี้รุ่นพี่คายะจังคงเกลียดผมไปแล้วมั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่อง รุ่นพี่ไม่สังเกตหรือครับ ดูเหมือนรุ่นพี่คายะจังจะพยายามหลบหน้าพวกเรา”
“ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยนะ อากิระมากกว่าที่คิดมาก แต่ไม่เป็นไร ถ้าอยากให้ผมช่วยก็ได้ การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว หากอากิระสอบไม่ผ่านแล้วต้องลงทะเบียนซ้ำ เทอมหน้าจะเป็นภาระมาก ไม่แน่อาจต้องหยุดการทำกิจกรรมเลยก็ได้”
ฮายาม่าไม่รู้ตัวเลยว่า เหตุผลธรรมดาๆ ที่ตนเองพูดออกไปทำให้หัวใจของอากิระพองโตขนาดไหน
แต่อากิระก็ใจเย็นพอที่จะไม่กระโตกกระตากออกมาว่า เขาดีใจแค่ไหนที่รุ่นพี่ฮายาม่าพูดราวกับว่าเป็นห่วงอนาคตตนจริงๆ
“อย่างนั้นตอนเย็น ผมขอเวลารุ่นพี่สักวันละสองชั่วโมงได้ไหมครับ เห็นผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีขนาดนี้ หรือพออ่านได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ผมไปตอบข้อสอบแบบเป็นข้อเขียนละก็ ผมต้องได้ศูนย์คะแนนแน่ๆ”
“ผมไม่ว่างทุกวันหรอกนะอากิระ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็ผมต้องจัดการเรื่องชมรม เตรียมการจัดทริปถ่ายภาพหลังจากปิดเทอม”
หางตาเหลือบไปเห็นคายะจังกำลังจะเดินผ่านพวกเขาไปทีล็อกเกอร์ อากิระจึงรีบลุกไปดักทางไว้ เชิญเธอมาร่วมวงสนทนา
“รุ่นพี่คายะจังครับ ผมมีเรื่องขอร้อง”
พออากิระพูดจบ ฮายาม่าก็รู้สึกโล่งอก คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องจะเข้าใจความจำเป็นของตน แล้วขอร้องให้คายะจังช่วยติวให้อย่างที่ตัวเองแนะนำ
“คือ...รุ่นพี่ฮายาม่ารับปากจะช่วยติวภาษาญี่ปุ่นให้ผม แต่ติดตรงที่ว่าต้องดูแลงานกิจกรรมชมรมด้วย”
“เฮ่ย...อากิระ...”
“ถ้ารุ่นพี่คายะจังจะกรุณา ระยะนี้ช่วยดูแลประสานงานเรื่องทริปถ่ายภาพตอนปิดเทอมแทนรุ่นพี่ฮายาม่าจนกว่าจะผ่านช่วงสอบไปได้ไหมครับ”
“อากิระ...ไม่ใช่....คายะจัง....ผม...เอ่อ......อากิระทำไมนายพูดเองเออเองอย่างนี้ ผมยังไม่รับปาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องชมรมคายะจังจะช่วยดูแลแทนให้เอง คุณฮายาม่าไม่ต้องห่วง มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว”
คายะจังยิ้มใส สีหน้าบ่งบอกเต็มที่ว่ายินดีช่วยเหลือ จึงป่วยการที่ฮายาม่าจะหาทางบ่ายเบี่ยงอะไรอีก เขาพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่อากิระท่าทางดีใจสุดๆ
“งั้นต้องไปฉลองกันหน่อย ไปร้านคุณป้าจีจี้ก็ได้ครับ ผมขอเลี้ยงสักมื้อเป็นการมัดจำไว้ก่อน”
“พี่มีเรียนอีกสองคาบ วันนี้เลิกเกือบค่ำ คุณฮายาม่าไปกับคุณอากิระเถอะค่ะ”
“ไม่ได้นะครับ ถ้ารุ่นพี่คายะจังไม่ไป รุ่นพี่ฮายาม่าจะยอมไปกับผมได้ยังไง”
คายะจังหันมามองด้วยสีหน้าฉงน ถามว่า
“ทำไมคุณฮายาม่าถึงจะไม่ยอมไปกับคุณอากิระล่ะคะ ในเมื่อ....ช่างเถอะ เอาเป็นว่าวันนี้พี่ขอตัว ไว้วันหน้าละกัน ถือว่าวันนี้คุณอากิระติดพี่ไว้หนึ่งมื้อดีไหม”
สองหนุ่มไม่รู้ว่าสิ่งที่คายะจังขยักไว้ไม่พูดออกมาคืออะไร แต่ฮายาม่ายังเกรงใจคายะจังอยู่ดี
“ไว้ไปกันวันหลังก็ได้นี่ วันไหนที่มีเวลาพร้อมกัน”
ฮายาม่ายื่นข้อเสนอ ในใจลุ้นอยู่ว่าอากิระจะไม่ยอม
“อย่างนั้นก็ได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจค่ะ พี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะคุณอากิระ ไว้พบกันที่เดิมนะคะคุณฮายาม่า”
พอคายะจังคล้อยหลังไป ฮายาม่าก็โวยขึ้นทันที
“อากิระ คายะจังเขาเรียนหนักอยู่แล้วนะ”
“ระดับรุ่นพี่คายะจัง รุ่นพี่ฮายาม่าก็รู้ว่า แค่เพิ่มเรื่องในชมรมอีกนิดหน่อย ก็ยังสบายๆ แต่ผมสิถ้าไม่ได้รุ่นพี่ช่วยติวต้องแย่แน่ๆ...รุ่นพี่ฮายาม่าครับ”
“อะไร”
“รุ่นพี่ไม่มีเรียนแล้วนี่ครับ งั้นเริ่มติวให้ผมวันนี้เลยนะ เราไปหาที่เงียบๆ ติวกันดีกว่า”
“ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมพร้อมอยู่แล้ว”
ฮายาม่าเห็นความกระตือรือร้นของอากิระแล้ว ตัดสินใจอยู่อึดใจหนึ่ง
“งั้นไปที่ห้องสมุด”
“โธ่!...รุ่นพี่ฮายาม่า เมื่อวานผมเพิ่งไปยืมหนังสือ คุณครูบรรณารักษ์ยังมองตาเขียวอยู่เลย ถ้าเราไปนั่งคุยกันในนั้น มีหวังโดนหนังสือเล่มหนาๆ ปาหัวเอาแน่ๆ”
ฮายาม่านึกตาม คุณครูบรรณารักษ์คงจำเขาสองคนได้อีกนาน คงอึดอัดพิลึกหากตัวการความวุ่นวายกลับไปนั่งติวหนังสือกันสองต่อสอง ในที่ที่มีคุณบรรณารักษ์คอยจับตามองลอดแว่น
“ไปที่อพาร์ตเม้นต์ผมไหมครับรุ่นพี่”
“ไม่!”
“โห...ไม่ต้องปฏิเสธเสียงแข็งอย่างนั้นก็ได้ งั้นไปที่ไหนล่ะครับ”
“ในชมรมนี่ก็ได้”
“ไม่เอา ถ้ารุ่นพี่ฮิโนเอะเข้ามาล่ะ...ผมว่าไปที่ร้านคุณป้าจีจี้ก็ดีนะครับ บรรยากาศกำลังดี ไม่พลุกพล่าน"
แม้อากิระทำเป็นพูดไปเรื่อยๆ แต่ฮายาม่ายังจับได้
“ผมไม่หลงกลคุณหรอกนะอากิระ บอกแล้วไงว่าไว้วันหลัง ให้คายะจังว่างแล้วค่อยเลี้ยงขอบใจ”
“แต่ผมจองโต๊ะกับสั่งอาหารไปแล้ว สี่โมงครึ่งเขาจะเสิร์ฟ”
“งั้นคุณอากิระควรรีบไปตั้งแต่ตอนนี้ นั่นไง หรือไม่ก็ชวนคุณฮิโนเอะไปด้วยก็ได้”
ฮายาม่าแกล้งประชด ถึงปากจะเอ่ยถึงคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในชมรม แต่เสียงนั้นก็ไม่ดังเกินกว่ากระซิบ
“โธ่! รุ่นพี่ครับ...จะคิดอะไรมากมาย เราก็แค่ไปหาข้าวกิน”
เสียงของอากิระก็เบาลงไม่แพ้กัน เพราะเห็นอยู่ว่าฮิโนเอะตั้งใจเดินเฉียดมาทางนี้
“หรือว่ารุ่นพี่ฮายาม่าคิดอะไรกับผมเป็นพิเศษ”
อากิระอมยิ้ม รู้สึกขำสีหน้าบอกบุญไม่รับของฮายาม่า เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
“นั่งด้วยคนได้ไหมคะ”
ในที่สุดฮิโนเอะก็พูดขึ้นหลังจากตะแคงหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง
“เชิญครับรุ่นพี่ฮิโนเอะ”
อากิระเชื้อเชิญอย่างเป็นสุภาพบุรุษเต็มที่ ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาว พร้อมลอบพยักหน้าส่งสายตาให้ฮายาม่า
พอฮิโนเอะนั่งลงเรียบร้อยแล้ว อากิระก็ขยับตัวมาทางฮายาม่า ทางหนึ่งแอบสะกิดให้รุ่นพี่ลุกขึ้น ทางหนึ่งเอ่ยอย่างมีเลศนัยกับรุ่นพี่ที่ตามจีบตน
“เชิญตามสบายเลยครับคุณผู้หญิง”
อากิระโค้งให้ฮิโนเอะ คล้ายบริกรกำลังทำหน้าที่ เมื่อเชิญลูกค้านั่งเรียบร้อย ก็เดินออกไปทางประตู ไม่รู้ไม่ชี้กับหญิงสาวที่นั่งงุนงง ฮายาม่าเกือบตามความคิดหนุ่มรุ่นน้องไม่ทัน รู้แต่เพียงว่าเวลานี้คงต้องลุกตามอากิระไปสถานเดียว
เสียงกรี๊ดๆ ดังไล่หลังมาแว่วๆ พอฮายาม่าเร่งฝีเท้ามาทันหนุ่มลูกครึ่งรุ่นน้อง คนเดินออกมาก่อนยังมีหน้ามาเร่ง
“ต้องรีบแล้ว...เย็นๆ ร้านคุณป้าจีจี้คนเยอะไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่ แล้วทำไมต้องรีบ”
“อ้าว! ถ้าไปไม่ทันเวลา คุณป้าเอาโต๊ะให้คู่...เอ๊ย...คนอื่นเราก็อดได้ที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านน่ะสิครับ”
“ทำไมต้องเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านด้วยล่ะ...ตรงไหนที่คุณว่าดีที่สุด”
“ก็ตรงที่ที่จะต้องไม่มีเดินผ่านไปผ่านมารบกวนเราสองคน...เอ่อ...เวลาที่เรากำลังติวหนังสือกันไงครับ”
อากิระรูปร่างสูงใหญ่ ก้าวยาวๆ ของเขาเกือบเป็นสองก้าวของฮายาม่า พอลงจากตึกเรียนมา หนุ่มรุ่นน้องทำท่าจะคว้ามือรุ่นพี่มาจูงด้วยซ้ำ แต่ฮายาม่าไหวทันไม่หลงกลง่ายๆ
กระนั้นก็แทบจะต้องวิ่งตาม กว่าจะถึงร้านคุณป้าจีจี้ได้ ก็เล่นเอาถึงกับหอบ ไม่ทันได้สนใจกลุ่มนักศึกษาที่ตนเองผ่านพวกนั้นมา ว่ามองเขากับอากิระแบบไหน
คุณป้าเจ้าของร้านออกมาเปิดประตูรับด้วยตนเอง ร้านนี้เป็นร้านเบเกอรี่ขนาดสี่สิบที่นั่ง มีไอศกรีมทำเองที่ขึ้นชื่อ รวมทั้งเค้กและพันช์ชนิดไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นพิเศษ
โต๊ะที่ดีที่สุด เป็นโต๊ะที่อยู่ในสุดตรงมุมร้าน เป็นโต๊ะเข้ามุม ด้านหนึ่งคือกระจกหน้าร้านบานใหญ่ อีกด้านคือแปลงดอกไม้หลากสี เพราะเป็นโต๊ะที่ตั้งไว้แบบเข้ามุม เก้าอี้จึงถูกจัดไว้เพียงสองตัว หันหลังให้กับผู้คนในร้าน สร้างมุมมองให้ทอดสายตาออกไปภายนอกได้อย่างเต็มที่
โต๊ะนี้เป็นโต๊ะที่เหมาะที่สุดสำหรับคู่รักที่จะมานั่งทำหวาน หว่านความรักใส่กันโดยไม่ต้องสนใจใคร
“ขอเอิร์ลเกรย์และจัสมินทีอย่างละที่นะครับ ส่วนอาหารสักห้านาทีค่อยเสิร์ฟก็ได้”
อากิระสั่งจัสมินทีให้ฮายาม่า พร้อมสั่งอาหารโดยไม่ถามคนถูกชวนมากิน
แสดงว่าหนุ่มรุ่นน้องโทรมาจองโต๊ะและสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าจริงๆ
ฮายาม่าอดคิดไม่ได้ว่า หากเขาปฏิเสธไม่ยอมมาด้วย แล้วอากิระจะทำอย่างไร
รุ่นพี่ชำเลืองมองกระเป๋าสะพายของหนุ่มรุ่นน้อง เป็นเชิงให้เริ่มติวได้เลย
อากิระทำท่าว่าเข้าใจ รีบจัดการค้นสิ่งของในกระเป๋าตนเอง
ขยุกขยิกอยู่สักพัก ก็เงยหน้ายิ้มแห้งให้ฮายาม่า
“ผมคงลืมไว้ในล็อกเกอร์ ตอนรุ่นพี่ฮิโนเอะเข้ามานั่นไง”
“งั้นก็เอาสมุดจดขึ้นมา”
“รุ่นพี่ฮายาม่าครับ ที่ผมขอร้องให้ช่วยติววิชาภาษาญี่ปุ่นให้นี่ผมพูดจริงนะครับ เพียงแต่ว่า...ขอเวลาผมสักวันหนึ่งได้ไหม”
“ก็ไหนอากิระบอกว่าให้เริ่มเลย”
“ตอนแรกผมก็คิดไว้อย่างนั้น แต่วันนี้ออกมาถึงนี่แล้ว แล้วจะให้ผมกลับไปเอาตำราที่ชมรม มีหวังโดนรุ่นพี่ฮิโนเอะฉุดแน่ๆ หรือถ้าจะให้ผมจดอะไรไปตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะครับ”
ยังไม่ทันที่ฮายาม่าจะตั้งแง่อะไรต่อไป อาหารมื้อหรูก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
“คุณป้าจีจี้มีเมนูพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ฮายาม่าหันถามหญิงร่างใหญ่ท่าทางอารมณ์ดีด้วยความฉงน
“ตั้งแต่วันนี้แหละจ้ะฮายาม่าคุง”
“มื้อนี้ต้องเป็นหมื่นเยนแน่ๆ ใครจะกล้าสั่งล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มื้อนี้มีคนจ่ายก็พอแล้วนี่จ๊ะ”
แล้วคุณป้าจีจี้ก็ผละไป ทิ้งให้ฮายาม่ามองหน้าอากิระสลับกับอาหารมื้อใหญ่ตรงหน้า
หนุ่มรุ่นพี่เพิ่งสังเกตเห็นว่าที่ซองตะเกียบ ระบุชื่อภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
อาหารมื้อนี้มาจากภัตตาคารแห่งนั้น
ทำไมล่ะ?
“นี่...เนื่องในโอกาสอะไรอากิระ”
ฮายาม่าถามเสียงเข้ม ชักไม่สนุกด้วยแล้ว
“โอกาสพิเศษครับ”
“พิเศษยังไง”
“วันที่รุ่นพี่ฮายาม่าตอบรับเป็นแฟนผมครบสองสัปดาห์...”
“ผลัวะ!”
ฝ่ามือของฮายาม่าฟาดเปรี้ยง ตั้งใจจะตบที่บ้องหู แต่อากิระยกแขนกันไว้ได้ทัน
“ผมพูดเล่นน่ะครับ นานทีปีหนหรอกน่ะรุ่นพี่ เชิญรับประทานตามสบาย”
“ไม่...จนกว่านายจะบอกว่า เนื่องในโอกาสอะไร”
“เอ่อ...”
“อากิระ!”
“รุ่นพี่...เอ่อ...หันไปมองข้างหลังสิครับ”
ฮายาม่าสะบัดหน้าหันไปมองอย่างไม่เต็มใจนัก
แล้วก็เห็นว่าคนทั้งร้านกำลังมองมาด้วยสีหน้าอารมณ์ต่างๆ กัน โดยมีคุณป้าจีจี้ส่งยิ้มมาให้จากหลังเคาน์เตอร์เก็บเงิน
ฮายาม่าร้อนวาบไปทั้งหน้า ไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าตอนเรียกชื่ออากิระใช้เสียงดังไปขนาดไหน
หันกลับมาก้มหน้าก้มตาจิ้มไอ้นั่นไอ้นี่เข้าปากด้วยความโมโห อันมีลอปสเตอร์และแซลมอนเป็นต้น
“ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือ”
อากิระพูดยิ้มๆ จัดแจงตักน้ำซอสราดชิ้นเนื้อแล้ววางให้ในจาน
ฮายาม่ามองตาเขียว ขยับจะโวยวายอีก แต่อากิระพยักเพยิดข้ามไหล่ไปอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้รู้ว่า อย่าทำอะไรเอะอะอีกจะดีกว่า
ครั้นจะส่งอาหารแต่ละคำที่อากิระบรรจงวางในจานคืนคนตักให้ ฮายาม่ามั่นใจเลยว่า อีกหลายคนที่กำลังแอบจับตามองคู่ของเขา คงต้องคิดว่าต่างฝ่ายต่างตักอาหารให้แก่กันแน่ๆ
หนุ่มรุ่นพี่หลงกลหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งได้แต่จำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลย
อาหารมื้อใหญ่ผ่านไปอย่างไม่ปกติสุขนักสำหรับฮายาม่า
แต่กับอากิระ ดูเขารื่นเริงเป็นพิเศษ โบกมือทักทายใครต่อใครที่เดินผ่านไปมานอกร้านด้วยซ้ำ
ภายนอกเริ่มพลบ แสงสุดท้ายของวันสั่งลาท้องฟ้าอีกครู่แล้วจางไป
ระหว่างรอเก็บจานที่ใช้แล้ว ฮายาม่ากัดฟันถามขึ้นอีกครั้ง
“ถามจริงๆ นี่มันเพราะอะไร อย่าบอกนะว่านายกินอย่างนี้ทุกมื้อ”
คนถูกถามได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบคำถามใด หันไปส่งสายตาให้คุณป้าจีจี้ครั้งหนึ่ง ก่อนล้วงการ์ดสองใบออกจากกระเป๋าเสื้อ
“ตั๋วคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม คืนนี้เวลาทุ่มตรง รุ่นพี่ไปดูกับผมนะครับ”
ฮายาม่ายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ ตั๋วในมืออากิระทำจากพลาสติกแข็งอย่างดี มันระบุว่าเป็นวงโปรดของเขาด้วยซ้ำ
“วงชิโนะ แถว P 34-35 นี่มันที่นั่งในมุมที่ดีที่สุดของโตเกียวโดม ราคาไม่ต่ำกว่าใบละสองหมื่นเยน”
“ใช่ครับ เพราะฉะนั้นรุ่นพี่ต้องไปดูกับผม”
“ทำไมล่ะ...ทำมะ...”
พลัน!
ไฟในร้านก็ดับวูบลง
คุณป้าจีจี้เป็นต้นเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด เดินนำขบวนพนักงานในร้านใกล้เข้ามา
โดยมารยาทฮายาม่าจึงร่วมร้องด้วย คิดว่าต้องเจ้าของวันเกิดต้องเป็นโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งก่อนพวกตนแน่ๆ
แต่คุณป้าจีจี้ยังเดินตรงมาๆ ลูกค้าในร้านฝากโน้นยืนขึ้น มองมาตามแสงเทียนที่ปักอยู่บนเค้ก
คุณป้าเจ้าของร้านมาหยุดที่สุดทางเดิน
คือโต๊ะของพวกเขา
อากิระทำหน้าตาปลื้มปีติเต็มที่ ยิ้มให้กับทุกคนที่ร่วมร้องเพลงอวยพร
มีแต่ฮายาม่าที่หน้าตาตื่น
“ใช่วันเกิดเราซะที่ไหนล่ะ”
ท่อนสุดท้ายของเนื้อเพลงสุขสันต์วันเกิดจบลงพร้อมคำตะโกนให้มีความสุข
เค้กไวท์ช็อกโกเลตขนาดหนึ่งปอนด์ถูกวางลงตรงหน้าอากิระ
ดูเขาไม่แปลกใจเลยสักนิด
พอเสียงตะโกนอวยพรจบลง
อากิระอธิษฐานอยู่อึดใจ ก็เป่าเทียนทั้งหมดดับในคราวเดียว
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกกราวใหญ่ ก่อนที่ไฟทั้งร้านจะติดพรึบขึ้นตามปกติ
“รุ่นพี่ฮายาม่าอวยพรให้ผมหน่อยสิครับ”
“เอ่อ...คือ...ขอให้นายมีความสุข สมปรารถนาในทุกๆ สิ่งก็แล้วกัน”
ฮายาม่าสังเกตเห็นน้ำตาแห่งความสุขรื้นขึ้นในดวงตาของหนุ่มรุ่นน้อง
ไม่อยากเชื่อว่าคนห้าวๆ และโผงผางอย่างนี้ จะมีด้านที่อ่อนไหวและอ่อนโยนราวกับเด็ก
อากิระตัดเค้กส่วนหนึ่งแบ่งให้คุณป้าจีจี้ อีกส่วนหนึ่งให้ฮายาม่า และอีกส่วนสำหรับตนเอง ที่เหลือเขาส่งให้พนักงานของร้านนำกลับไปใส่กล่อง
“อร่อยนะครับ เค้กร้านนี้”
“อืมม์”
“ผมตั้งใจจะให้รุ่นพี่ชวนรุ่นพี่คายะจังมาด้วย”
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก เราจะได้รอให้คายะจังเรียนเสร็จก่อน”
“รอไม่ได้ครับ คอนเสิร์ตนี้ผมเสียเงินไปตั้งห้าหมื่นเยน”
ฮายาม่าเพิ่งเอะใจ รู้แล้วว่าอากิระไม่ได้ตั้งใจจะชวนคายะจังตั้งแต่แรก
เพราะถ้าชวนมาร้านคุณป้าจีจี้นี่ แล้วหลังจากนั้น กับตั๋วคอนเสิร์ตแค่สองใบเขาจะทำอย่างไร
“เราอาจทำให้คายะจังไม่สบายใจ การกระทำของอากิระ มุทะลุเกินไป...”
“อย่าเพิ่งเทศนาผมได้ไหมครับรุ่นพี่ฮายาม่า วันนี้วันเกิดผม...ผมอยากฉลองวันเกิดกับใครสักคนที่ผมอยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจ ผมมาญี่ปุ่น...ตั้งใจมาเรียนที่นี่ ตั้งใจมาเข้าชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัยนี้ เพราะผมหลงรักภาพถ่าย ผมหลงรักการถ่ายภาพ ผมขอโทษกับนิสัยแปลกๆ ของผม แต่รับรองว่าที่ทำไปทั้งหมดก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดจะทำร้ายจิตใจของใครทั้งสิ้น”
“อากิระ...”
“นะครับรุ่นพี่ฮายาม่า วันนี้เป็นวันพิเศษของผมจริงๆ ผมขอสักวันหนึ่งนะครับ”
ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างอากิระ หากใครไม่มาอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ จะไม่มีทางรู้เลยว่า เขาก็ยังเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบเก้าปีแค่นั้น ความคิดและการกระทำที่ฮายาม่าได้เห็น ทำให้เขานึกสงสารระคนเอ็นดูชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้โดยไม่รู้ตัว
“แต่ว่า...คราวหน้า ถ้าคิดจะทำอะไรอย่างนี้ ต้องบอกกันตรงๆ นะอากิระ”
“ครับรุ่นพี่ ผมสัญญา”
อากิระยื่นมือมาจับมือของฮายาม่าเขย่าอยู่นาน
สัมผัสนี้นุ่มนวลและอบอุ่นในขณะเดียวกัน
ฮายาม่าฝืนยิ้มเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
เป็นครั้งแรกที่ฮายาม่ายอมให้อากิระกุมมือไว้ด้วยความเต็มใจ
ระหว่างเดินทางไปที่โตเกียวโดม ฮายาม่านึกเป็นห่วงคายะจัง ที่อาจต้องรอเก้อ อยากจะหาทางบอกเธอแต่ก็จนใจไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนออกจากร้านป้าจีจี้มา มีเพื่อนคนหนึ่งต้องผ่านไปทางตึกที่คายะจังไปเรียน แต่จะให้ฝากบอกไปน่ะหรือ ว่าขอไปดูคอนเสิร์ตกับอากิระ
สองหนุ่มที่สร้างข่าวครึกโครมเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ว่าจูบกันอยู่บนระเบียงทางเดิน
ด้านคายะจัง หลังจากเลิกเรียนแล้ว ก็มายืนรอฮายาม่าตรงที่นัดหมายเป็นประจำ คือลานหอนาฬิกา ซึ่งเป็นสวนหย่อมหน้ามหาวิทยาลัย ที่มีหนุ่มสาวหลายคู่ใช้เป็นที่พลอดรัก
“รอท่านประธานชมรมอยู่หรือคะรุ่นพี่คายะ”
ฮิโนเอะทักขึ้นจากด้านหลัง คายะจังหันมองตามเสียง สีหน้าไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไร และไม่ได้ตอบคำถามซึ่งถูกใช้เป็นคำทักทายนั้น
“ป่านนี้ไม่พากันเข้าโรงแรมไปแล้วก็ไม่รู้”
ประโยคนี้เหมือนแกล้งพูดลอยๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่ยังนั่งนิ่ง
“สวัสดีตอนเย็นค่ะคุณฮิโนเอะ”
“เห็นรุ่นพี่ฮายาม่านั่งอี๋อ๋อพะเน้าพะนอกับอากิระอยู่ที่ร้านป้าจีจี้เมื่อสักพักใหญ่ๆ”
“ค่ะ”
“แล้วก็จูงมือพากันรีบออกไปไหนไม่ทราบ”
คายะจังเริ่มรำคาญน้ำเสียงและท่าทางของหญิงสาวรุ่นน้องเต็มทน กล่าวขึ้นเรียบๆ
“คุณฮิโนเอะน่าจะตามไปนะคะ จะได้...ทราบ”
ฮิโนเอะถึงกับชะงัก ไม่แน่ใจว่าตนเองถูกด่าหรือเปล่า
“คือ ถ้า...เอ่อ ถ้ารุ่นพี่คายะรอรุ่นพี่ฮายาม่าอยู่ละก้อ ฮิโนเอะหมายความว่า พวกเขาพากันขึ้นรถไฟสายด่วนไปแล้วละค่ะ”
“นั่นสิคะคุณฮิโนเอะ ถึงบอกว่าคุณฮิโนเอะน่าจะตามไป จะได้รู้ได้เห็นอะไรได้ชัดเจน ก่อนที่จะมาบอกกับพี่”
“แค่เท่าที่เห็นในร้านคุณป้าจีจี้ก็เหลือเฟือแล้วละค่ะ”
“ค่ะ...คุณฮายาม่าไปทานข้าวเย็นกับคุณอากิระ เรื่องนี้พี่รู้แล้ว...และ....ก็....เรื่องที่จะให้คุณฮายาม่าไปช่วยเลือกกล้องตัวใหม่ให้คุณอากิระด้วย พอดีพี่ติดเรียนวิชาสำคัญเลยไม่ได้ไปด้วย
”
ครึ่งแรกคายะจังตอบไปตามตรง แต่ครึ่งหลังเธอยอมโกหกฮิโนเอะ เพื่อตัดความรำคาญ แต่ฮิโนเอะก็ยังไม่หยุด
“แสดงว่ารุ่นพี่คายะยอมให้เขาไปกันสองต่อสองงั้นหรือคะ”
“ค่ะ...ก็ไม่เห็นแปลก”
“แปลกสิคะ สองคนนั่นเคยจูบกันด้วยนะคะ”
“เอ...คุณฮิโนเอะก็น่าจะรู้นี่คะว่าที่สองคนนั่นต้องลงทุนจูบกันต่อหน้าคุณเพราะอะไร”
“รุ่นพี่!”
ฮิโนเอะกระทืบและขยี้ปลายเท้าไปมากับพื้น
คันปากอยากจะด่าผู้หญิงตรงหน้าให้เจ็บๆ แต่ต้องอดทนไว้
แค่นี้ตนเองก็หัวเดียวกระเทียมลีบแย่อยู่แล้ว หากมาผิดใจกับคายะจังอีก ก็คงไม่เหลือโอกาสเอาอากิระกลับคืนมาเป็นของตัว
“ช่างเถอะนะคะ”
ในที่สุดฮิโนเอะก็ฝืนใจ ผ่อนเสียงลงให้เป็นปกติที่สุด
“รุ่นพี่คายะรีบกลับดีกว่าค่ะ ค่ำๆ มืดๆ แถวนี้ไม่น่าไว้วางใจ เมื่อวานซืนฮิโนเอะผ่านมาตอนสามทุ่มกว่ายังถูกพวกวิศวะตามแซว”
“พี่นัดกับฮายาม่าไว้แล้วค่ะ อีกเดี๋ยวเขาคงมา”
***************************
หลายวันถัดมา หลังจากอากิระและฮายาม่าช่วยกันอธิบายถึงเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น ดูเหมือนว่าคายะจังจะเข้าใจได้ดี
เธอยังทำตัวเป็นปกติ ยิ้มแย้มและรื่นเริง สดใส อบอุ่นกับทั้งรุ่นน้องและเพื่อนๆ ทุกคน
อากิระไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด เขายังคงโผงผางเฮฮาเป็นหนุ่มเซอร์ คนเดิม ที่สำคัญคือมีสาวๆ ตามขอความรักอยู่เหมือนเดิม
มีแต่ฮายาม่าเท่านั้นที่ขรึมลงไป แววตาที่มองมายังคายะจังหรืออากิระ ถูกเคลือบแฝงด้วยความในใจอะไรหลายอย่าง ที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
ฮายาม่าไม่แน่ใจว่าอากิระพยายามให้ตัวเองเข้ามาอยู่ในสายตามากขึ้น หรือว่าเขาหันมองหาหนุ่มรุ่นน้องคนนี้บ่อยขึ้นกันแน่
“รุ่นพี่ฮายาม่า ช่วยติวภาษาญี่ปุ่นให้ผมได้ไหมครับ”
ท่าทางของอากิระเป็นปกติที่สุด ตอนมาเอ่ยขอให้เขาช่วยเรื่องนี้
“อยากให้คายะจังช่วยไหม รุ่นพี่คายะเขาเชี่ยวชาญภาษาญี่ปุ่นกว่าผม”
“ป่านนี้รุ่นพี่คายะจังคงเกลียดผมไปแล้วมั้ง ตั้งแต่เกิดเรื่อง รุ่นพี่ไม่สังเกตหรือครับ ดูเหมือนรุ่นพี่คายะจังจะพยายามหลบหน้าพวกเรา”
“ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยนะ อากิระมากกว่าที่คิดมาก แต่ไม่เป็นไร ถ้าอยากให้ผมช่วยก็ได้ การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว หากอากิระสอบไม่ผ่านแล้วต้องลงทะเบียนซ้ำ เทอมหน้าจะเป็นภาระมาก ไม่แน่อาจต้องหยุดการทำกิจกรรมเลยก็ได้”
ฮายาม่าไม่รู้ตัวเลยว่า เหตุผลธรรมดาๆ ที่ตนเองพูดออกไปทำให้หัวใจของอากิระพองโตขนาดไหน
แต่อากิระก็ใจเย็นพอที่จะไม่กระโตกกระตากออกมาว่า เขาดีใจแค่ไหนที่รุ่นพี่ฮายาม่าพูดราวกับว่าเป็นห่วงอนาคตตนจริงๆ
“อย่างนั้นตอนเย็น ผมขอเวลารุ่นพี่สักวันละสองชั่วโมงได้ไหมครับ เห็นผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีขนาดนี้ หรือพออ่านได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ผมไปตอบข้อสอบแบบเป็นข้อเขียนละก็ ผมต้องได้ศูนย์คะแนนแน่ๆ”
“ผมไม่ว่างทุกวันหรอกนะอากิระ”
“ทำไมล่ะครับ”
“ก็ผมต้องจัดการเรื่องชมรม เตรียมการจัดทริปถ่ายภาพหลังจากปิดเทอม”
หางตาเหลือบไปเห็นคายะจังกำลังจะเดินผ่านพวกเขาไปทีล็อกเกอร์ อากิระจึงรีบลุกไปดักทางไว้ เชิญเธอมาร่วมวงสนทนา
“รุ่นพี่คายะจังครับ ผมมีเรื่องขอร้อง”
พออากิระพูดจบ ฮายาม่าก็รู้สึกโล่งอก คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องจะเข้าใจความจำเป็นของตน แล้วขอร้องให้คายะจังช่วยติวให้อย่างที่ตัวเองแนะนำ
“คือ...รุ่นพี่ฮายาม่ารับปากจะช่วยติวภาษาญี่ปุ่นให้ผม แต่ติดตรงที่ว่าต้องดูแลงานกิจกรรมชมรมด้วย”
“เฮ่ย...อากิระ...”
“ถ้ารุ่นพี่คายะจังจะกรุณา ระยะนี้ช่วยดูแลประสานงานเรื่องทริปถ่ายภาพตอนปิดเทอมแทนรุ่นพี่ฮายาม่าจนกว่าจะผ่านช่วงสอบไปได้ไหมครับ”
“อากิระ...ไม่ใช่....คายะจัง....ผม...เอ่อ......อากิระทำไมนายพูดเองเออเองอย่างนี้ ผมยังไม่รับปาก”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องชมรมคายะจังจะช่วยดูแลแทนให้เอง คุณฮายาม่าไม่ต้องห่วง มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว”
คายะจังยิ้มใส สีหน้าบ่งบอกเต็มที่ว่ายินดีช่วยเหลือ จึงป่วยการที่ฮายาม่าจะหาทางบ่ายเบี่ยงอะไรอีก เขาพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่อากิระท่าทางดีใจสุดๆ
“งั้นต้องไปฉลองกันหน่อย ไปร้านคุณป้าจีจี้ก็ได้ครับ ผมขอเลี้ยงสักมื้อเป็นการมัดจำไว้ก่อน”
“พี่มีเรียนอีกสองคาบ วันนี้เลิกเกือบค่ำ คุณฮายาม่าไปกับคุณอากิระเถอะค่ะ”
“ไม่ได้นะครับ ถ้ารุ่นพี่คายะจังไม่ไป รุ่นพี่ฮายาม่าจะยอมไปกับผมได้ยังไง”
คายะจังหันมามองด้วยสีหน้าฉงน ถามว่า
“ทำไมคุณฮายาม่าถึงจะไม่ยอมไปกับคุณอากิระล่ะคะ ในเมื่อ....ช่างเถอะ เอาเป็นว่าวันนี้พี่ขอตัว ไว้วันหน้าละกัน ถือว่าวันนี้คุณอากิระติดพี่ไว้หนึ่งมื้อดีไหม”
สองหนุ่มไม่รู้ว่าสิ่งที่คายะจังขยักไว้ไม่พูดออกมาคืออะไร แต่ฮายาม่ายังเกรงใจคายะจังอยู่ดี
“ไว้ไปกันวันหลังก็ได้นี่ วันไหนที่มีเวลาพร้อมกัน”
ฮายาม่ายื่นข้อเสนอ ในใจลุ้นอยู่ว่าอากิระจะไม่ยอม
“อย่างนั้นก็ได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจค่ะ พี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะคุณอากิระ ไว้พบกันที่เดิมนะคะคุณฮายาม่า”
พอคายะจังคล้อยหลังไป ฮายาม่าก็โวยขึ้นทันที
“อากิระ คายะจังเขาเรียนหนักอยู่แล้วนะ”
“ระดับรุ่นพี่คายะจัง รุ่นพี่ฮายาม่าก็รู้ว่า แค่เพิ่มเรื่องในชมรมอีกนิดหน่อย ก็ยังสบายๆ แต่ผมสิถ้าไม่ได้รุ่นพี่ช่วยติวต้องแย่แน่ๆ...รุ่นพี่ฮายาม่าครับ”
“อะไร”
“รุ่นพี่ไม่มีเรียนแล้วนี่ครับ งั้นเริ่มติวให้ผมวันนี้เลยนะ เราไปหาที่เงียบๆ ติวกันดีกว่า”
“ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมพร้อมอยู่แล้ว”
ฮายาม่าเห็นความกระตือรือร้นของอากิระแล้ว ตัดสินใจอยู่อึดใจหนึ่ง
“งั้นไปที่ห้องสมุด”
“โธ่!...รุ่นพี่ฮายาม่า เมื่อวานผมเพิ่งไปยืมหนังสือ คุณครูบรรณารักษ์ยังมองตาเขียวอยู่เลย ถ้าเราไปนั่งคุยกันในนั้น มีหวังโดนหนังสือเล่มหนาๆ ปาหัวเอาแน่ๆ”
ฮายาม่านึกตาม คุณครูบรรณารักษ์คงจำเขาสองคนได้อีกนาน คงอึดอัดพิลึกหากตัวการความวุ่นวายกลับไปนั่งติวหนังสือกันสองต่อสอง ในที่ที่มีคุณบรรณารักษ์คอยจับตามองลอดแว่น
“ไปที่อพาร์ตเม้นต์ผมไหมครับรุ่นพี่”
“ไม่!”
“โห...ไม่ต้องปฏิเสธเสียงแข็งอย่างนั้นก็ได้ งั้นไปที่ไหนล่ะครับ”
“ในชมรมนี่ก็ได้”
“ไม่เอา ถ้ารุ่นพี่ฮิโนเอะเข้ามาล่ะ...ผมว่าไปที่ร้านคุณป้าจีจี้ก็ดีนะครับ บรรยากาศกำลังดี ไม่พลุกพล่าน"
แม้อากิระทำเป็นพูดไปเรื่อยๆ แต่ฮายาม่ายังจับได้
“ผมไม่หลงกลคุณหรอกนะอากิระ บอกแล้วไงว่าไว้วันหลัง ให้คายะจังว่างแล้วค่อยเลี้ยงขอบใจ”
“แต่ผมจองโต๊ะกับสั่งอาหารไปแล้ว สี่โมงครึ่งเขาจะเสิร์ฟ”
“งั้นคุณอากิระควรรีบไปตั้งแต่ตอนนี้ นั่นไง หรือไม่ก็ชวนคุณฮิโนเอะไปด้วยก็ได้”
ฮายาม่าแกล้งประชด ถึงปากจะเอ่ยถึงคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในชมรม แต่เสียงนั้นก็ไม่ดังเกินกว่ากระซิบ
“โธ่! รุ่นพี่ครับ...จะคิดอะไรมากมาย เราก็แค่ไปหาข้าวกิน”
เสียงของอากิระก็เบาลงไม่แพ้กัน เพราะเห็นอยู่ว่าฮิโนเอะตั้งใจเดินเฉียดมาทางนี้
“หรือว่ารุ่นพี่ฮายาม่าคิดอะไรกับผมเป็นพิเศษ”
อากิระอมยิ้ม รู้สึกขำสีหน้าบอกบุญไม่รับของฮายาม่า เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
“นั่งด้วยคนได้ไหมคะ”
ในที่สุดฮิโนเอะก็พูดขึ้นหลังจากตะแคงหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง
“เชิญครับรุ่นพี่ฮิโนเอะ”
อากิระเชื้อเชิญอย่างเป็นสุภาพบุรุษเต็มที่ ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาว พร้อมลอบพยักหน้าส่งสายตาให้ฮายาม่า
พอฮิโนเอะนั่งลงเรียบร้อยแล้ว อากิระก็ขยับตัวมาทางฮายาม่า ทางหนึ่งแอบสะกิดให้รุ่นพี่ลุกขึ้น ทางหนึ่งเอ่ยอย่างมีเลศนัยกับรุ่นพี่ที่ตามจีบตน
“เชิญตามสบายเลยครับคุณผู้หญิง”
อากิระโค้งให้ฮิโนเอะ คล้ายบริกรกำลังทำหน้าที่ เมื่อเชิญลูกค้านั่งเรียบร้อย ก็เดินออกไปทางประตู ไม่รู้ไม่ชี้กับหญิงสาวที่นั่งงุนงง ฮายาม่าเกือบตามความคิดหนุ่มรุ่นน้องไม่ทัน รู้แต่เพียงว่าเวลานี้คงต้องลุกตามอากิระไปสถานเดียว
เสียงกรี๊ดๆ ดังไล่หลังมาแว่วๆ พอฮายาม่าเร่งฝีเท้ามาทันหนุ่มลูกครึ่งรุ่นน้อง คนเดินออกมาก่อนยังมีหน้ามาเร่ง
“ต้องรีบแล้ว...เย็นๆ ร้านคุณป้าจีจี้คนเยอะไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่ แล้วทำไมต้องรีบ”
“อ้าว! ถ้าไปไม่ทันเวลา คุณป้าเอาโต๊ะให้คู่...เอ๊ย...คนอื่นเราก็อดได้ที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านน่ะสิครับ”
“ทำไมต้องเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านด้วยล่ะ...ตรงไหนที่คุณว่าดีที่สุด”
“ก็ตรงที่ที่จะต้องไม่มีเดินผ่านไปผ่านมารบกวนเราสองคน...เอ่อ...เวลาที่เรากำลังติวหนังสือกันไงครับ”
อากิระรูปร่างสูงใหญ่ ก้าวยาวๆ ของเขาเกือบเป็นสองก้าวของฮายาม่า พอลงจากตึกเรียนมา หนุ่มรุ่นน้องทำท่าจะคว้ามือรุ่นพี่มาจูงด้วยซ้ำ แต่ฮายาม่าไหวทันไม่หลงกลง่ายๆ
กระนั้นก็แทบจะต้องวิ่งตาม กว่าจะถึงร้านคุณป้าจีจี้ได้ ก็เล่นเอาถึงกับหอบ ไม่ทันได้สนใจกลุ่มนักศึกษาที่ตนเองผ่านพวกนั้นมา ว่ามองเขากับอากิระแบบไหน
คุณป้าเจ้าของร้านออกมาเปิดประตูรับด้วยตนเอง ร้านนี้เป็นร้านเบเกอรี่ขนาดสี่สิบที่นั่ง มีไอศกรีมทำเองที่ขึ้นชื่อ รวมทั้งเค้กและพันช์ชนิดไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นพิเศษ
โต๊ะที่ดีที่สุด เป็นโต๊ะที่อยู่ในสุดตรงมุมร้าน เป็นโต๊ะเข้ามุม ด้านหนึ่งคือกระจกหน้าร้านบานใหญ่ อีกด้านคือแปลงดอกไม้หลากสี เพราะเป็นโต๊ะที่ตั้งไว้แบบเข้ามุม เก้าอี้จึงถูกจัดไว้เพียงสองตัว หันหลังให้กับผู้คนในร้าน สร้างมุมมองให้ทอดสายตาออกไปภายนอกได้อย่างเต็มที่
โต๊ะนี้เป็นโต๊ะที่เหมาะที่สุดสำหรับคู่รักที่จะมานั่งทำหวาน หว่านความรักใส่กันโดยไม่ต้องสนใจใคร
“ขอเอิร์ลเกรย์และจัสมินทีอย่างละที่นะครับ ส่วนอาหารสักห้านาทีค่อยเสิร์ฟก็ได้”
อากิระสั่งจัสมินทีให้ฮายาม่า พร้อมสั่งอาหารโดยไม่ถามคนถูกชวนมากิน
แสดงว่าหนุ่มรุ่นน้องโทรมาจองโต๊ะและสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าจริงๆ
ฮายาม่าอดคิดไม่ได้ว่า หากเขาปฏิเสธไม่ยอมมาด้วย แล้วอากิระจะทำอย่างไร
รุ่นพี่ชำเลืองมองกระเป๋าสะพายของหนุ่มรุ่นน้อง เป็นเชิงให้เริ่มติวได้เลย
อากิระทำท่าว่าเข้าใจ รีบจัดการค้นสิ่งของในกระเป๋าตนเอง
ขยุกขยิกอยู่สักพัก ก็เงยหน้ายิ้มแห้งให้ฮายาม่า
“ผมคงลืมไว้ในล็อกเกอร์ ตอนรุ่นพี่ฮิโนเอะเข้ามานั่นไง”
“งั้นก็เอาสมุดจดขึ้นมา”
“รุ่นพี่ฮายาม่าครับ ที่ผมขอร้องให้ช่วยติววิชาภาษาญี่ปุ่นให้นี่ผมพูดจริงนะครับ เพียงแต่ว่า...ขอเวลาผมสักวันหนึ่งได้ไหม”
“ก็ไหนอากิระบอกว่าให้เริ่มเลย”
“ตอนแรกผมก็คิดไว้อย่างนั้น แต่วันนี้ออกมาถึงนี่แล้ว แล้วจะให้ผมกลับไปเอาตำราที่ชมรม มีหวังโดนรุ่นพี่ฮิโนเอะฉุดแน่ๆ หรือถ้าจะให้ผมจดอะไรไปตอนนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะครับ”
ยังไม่ทันที่ฮายาม่าจะตั้งแง่อะไรต่อไป อาหารมื้อหรูก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
“คุณป้าจีจี้มีเมนูพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
ฮายาม่าหันถามหญิงร่างใหญ่ท่าทางอารมณ์ดีด้วยความฉงน
“ตั้งแต่วันนี้แหละจ้ะฮายาม่าคุง”
“มื้อนี้ต้องเป็นหมื่นเยนแน่ๆ ใครจะกล้าสั่งล่ะครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ มื้อนี้มีคนจ่ายก็พอแล้วนี่จ๊ะ”
แล้วคุณป้าจีจี้ก็ผละไป ทิ้งให้ฮายาม่ามองหน้าอากิระสลับกับอาหารมื้อใหญ่ตรงหน้า
หนุ่มรุ่นพี่เพิ่งสังเกตเห็นว่าที่ซองตะเกียบ ระบุชื่อภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง
อาหารมื้อนี้มาจากภัตตาคารแห่งนั้น
ทำไมล่ะ?
“นี่...เนื่องในโอกาสอะไรอากิระ”
ฮายาม่าถามเสียงเข้ม ชักไม่สนุกด้วยแล้ว
“โอกาสพิเศษครับ”
“พิเศษยังไง”
“วันที่รุ่นพี่ฮายาม่าตอบรับเป็นแฟนผมครบสองสัปดาห์...”
“ผลัวะ!”
ฝ่ามือของฮายาม่าฟาดเปรี้ยง ตั้งใจจะตบที่บ้องหู แต่อากิระยกแขนกันไว้ได้ทัน
“ผมพูดเล่นน่ะครับ นานทีปีหนหรอกน่ะรุ่นพี่ เชิญรับประทานตามสบาย”
“ไม่...จนกว่านายจะบอกว่า เนื่องในโอกาสอะไร”
“เอ่อ...”
“อากิระ!”
“รุ่นพี่...เอ่อ...หันไปมองข้างหลังสิครับ”
ฮายาม่าสะบัดหน้าหันไปมองอย่างไม่เต็มใจนัก
แล้วก็เห็นว่าคนทั้งร้านกำลังมองมาด้วยสีหน้าอารมณ์ต่างๆ กัน โดยมีคุณป้าจีจี้ส่งยิ้มมาให้จากหลังเคาน์เตอร์เก็บเงิน
ฮายาม่าร้อนวาบไปทั้งหน้า ไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าตอนเรียกชื่ออากิระใช้เสียงดังไปขนาดไหน
หันกลับมาก้มหน้าก้มตาจิ้มไอ้นั่นไอ้นี่เข้าปากด้วยความโมโห อันมีลอปสเตอร์และแซลมอนเป็นต้น
“ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือ”
อากิระพูดยิ้มๆ จัดแจงตักน้ำซอสราดชิ้นเนื้อแล้ววางให้ในจาน
ฮายาม่ามองตาเขียว ขยับจะโวยวายอีก แต่อากิระพยักเพยิดข้ามไหล่ไปอีกครั้ง เป็นสัญญาณให้รู้ว่า อย่าทำอะไรเอะอะอีกจะดีกว่า
ครั้นจะส่งอาหารแต่ละคำที่อากิระบรรจงวางในจานคืนคนตักให้ ฮายาม่ามั่นใจเลยว่า อีกหลายคนที่กำลังแอบจับตามองคู่ของเขา คงต้องคิดว่าต่างฝ่ายต่างตักอาหารให้แก่กันแน่ๆ
หนุ่มรุ่นพี่หลงกลหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งได้แต่จำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลย
อาหารมื้อใหญ่ผ่านไปอย่างไม่ปกติสุขนักสำหรับฮายาม่า
แต่กับอากิระ ดูเขารื่นเริงเป็นพิเศษ โบกมือทักทายใครต่อใครที่เดินผ่านไปมานอกร้านด้วยซ้ำ
ภายนอกเริ่มพลบ แสงสุดท้ายของวันสั่งลาท้องฟ้าอีกครู่แล้วจางไป
ระหว่างรอเก็บจานที่ใช้แล้ว ฮายาม่ากัดฟันถามขึ้นอีกครั้ง
“ถามจริงๆ นี่มันเพราะอะไร อย่าบอกนะว่านายกินอย่างนี้ทุกมื้อ”
คนถูกถามได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบคำถามใด หันไปส่งสายตาให้คุณป้าจีจี้ครั้งหนึ่ง ก่อนล้วงการ์ดสองใบออกจากกระเป๋าเสื้อ
“ตั๋วคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม คืนนี้เวลาทุ่มตรง รุ่นพี่ไปดูกับผมนะครับ”
ฮายาม่ายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ ตั๋วในมืออากิระทำจากพลาสติกแข็งอย่างดี มันระบุว่าเป็นวงโปรดของเขาด้วยซ้ำ
“วงชิโนะ แถว P 34-35 นี่มันที่นั่งในมุมที่ดีที่สุดของโตเกียวโดม ราคาไม่ต่ำกว่าใบละสองหมื่นเยน”
“ใช่ครับ เพราะฉะนั้นรุ่นพี่ต้องไปดูกับผม”
“ทำไมล่ะ...ทำมะ...”
พลัน!
ไฟในร้านก็ดับวูบลง
คุณป้าจีจี้เป็นต้นเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด เดินนำขบวนพนักงานในร้านใกล้เข้ามา
โดยมารยาทฮายาม่าจึงร่วมร้องด้วย คิดว่าต้องเจ้าของวันเกิดต้องเป็นโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งก่อนพวกตนแน่ๆ
แต่คุณป้าจีจี้ยังเดินตรงมาๆ ลูกค้าในร้านฝากโน้นยืนขึ้น มองมาตามแสงเทียนที่ปักอยู่บนเค้ก
คุณป้าเจ้าของร้านมาหยุดที่สุดทางเดิน
คือโต๊ะของพวกเขา
อากิระทำหน้าตาปลื้มปีติเต็มที่ ยิ้มให้กับทุกคนที่ร่วมร้องเพลงอวยพร
มีแต่ฮายาม่าที่หน้าตาตื่น
“ใช่วันเกิดเราซะที่ไหนล่ะ”
ท่อนสุดท้ายของเนื้อเพลงสุขสันต์วันเกิดจบลงพร้อมคำตะโกนให้มีความสุข
เค้กไวท์ช็อกโกเลตขนาดหนึ่งปอนด์ถูกวางลงตรงหน้าอากิระ
ดูเขาไม่แปลกใจเลยสักนิด
พอเสียงตะโกนอวยพรจบลง
อากิระอธิษฐานอยู่อึดใจ ก็เป่าเทียนทั้งหมดดับในคราวเดียว
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกกราวใหญ่ ก่อนที่ไฟทั้งร้านจะติดพรึบขึ้นตามปกติ
“รุ่นพี่ฮายาม่าอวยพรให้ผมหน่อยสิครับ”
“เอ่อ...คือ...ขอให้นายมีความสุข สมปรารถนาในทุกๆ สิ่งก็แล้วกัน”
ฮายาม่าสังเกตเห็นน้ำตาแห่งความสุขรื้นขึ้นในดวงตาของหนุ่มรุ่นน้อง
ไม่อยากเชื่อว่าคนห้าวๆ และโผงผางอย่างนี้ จะมีด้านที่อ่อนไหวและอ่อนโยนราวกับเด็ก
อากิระตัดเค้กส่วนหนึ่งแบ่งให้คุณป้าจีจี้ อีกส่วนหนึ่งให้ฮายาม่า และอีกส่วนสำหรับตนเอง ที่เหลือเขาส่งให้พนักงานของร้านนำกลับไปใส่กล่อง
“อร่อยนะครับ เค้กร้านนี้”
“อืมม์”
“ผมตั้งใจจะให้รุ่นพี่ชวนรุ่นพี่คายะจังมาด้วย”
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก เราจะได้รอให้คายะจังเรียนเสร็จก่อน”
“รอไม่ได้ครับ คอนเสิร์ตนี้ผมเสียเงินไปตั้งห้าหมื่นเยน”
ฮายาม่าเพิ่งเอะใจ รู้แล้วว่าอากิระไม่ได้ตั้งใจจะชวนคายะจังตั้งแต่แรก
เพราะถ้าชวนมาร้านคุณป้าจีจี้นี่ แล้วหลังจากนั้น กับตั๋วคอนเสิร์ตแค่สองใบเขาจะทำอย่างไร
“เราอาจทำให้คายะจังไม่สบายใจ การกระทำของอากิระ มุทะลุเกินไป...”
“อย่าเพิ่งเทศนาผมได้ไหมครับรุ่นพี่ฮายาม่า วันนี้วันเกิดผม...ผมอยากฉลองวันเกิดกับใครสักคนที่ผมอยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจ ผมมาญี่ปุ่น...ตั้งใจมาเรียนที่นี่ ตั้งใจมาเข้าชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัยนี้ เพราะผมหลงรักภาพถ่าย ผมหลงรักการถ่ายภาพ ผมขอโทษกับนิสัยแปลกๆ ของผม แต่รับรองว่าที่ทำไปทั้งหมดก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คิดจะทำร้ายจิตใจของใครทั้งสิ้น”
“อากิระ...”
“นะครับรุ่นพี่ฮายาม่า วันนี้เป็นวันพิเศษของผมจริงๆ ผมขอสักวันหนึ่งนะครับ”
ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างอากิระ หากใครไม่มาอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ จะไม่มีทางรู้เลยว่า เขาก็ยังเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบเก้าปีแค่นั้น ความคิดและการกระทำที่ฮายาม่าได้เห็น ทำให้เขานึกสงสารระคนเอ็นดูชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้โดยไม่รู้ตัว
“แต่ว่า...คราวหน้า ถ้าคิดจะทำอะไรอย่างนี้ ต้องบอกกันตรงๆ นะอากิระ”
“ครับรุ่นพี่ ผมสัญญา”
อากิระยื่นมือมาจับมือของฮายาม่าเขย่าอยู่นาน
สัมผัสนี้นุ่มนวลและอบอุ่นในขณะเดียวกัน
ฮายาม่าฝืนยิ้มเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
เป็นครั้งแรกที่ฮายาม่ายอมให้อากิระกุมมือไว้ด้วยความเต็มใจ
ระหว่างเดินทางไปที่โตเกียวโดม ฮายาม่านึกเป็นห่วงคายะจัง ที่อาจต้องรอเก้อ อยากจะหาทางบอกเธอแต่ก็จนใจไม่รู้จะทำอย่างไร ก่อนออกจากร้านป้าจีจี้มา มีเพื่อนคนหนึ่งต้องผ่านไปทางตึกที่คายะจังไปเรียน แต่จะให้ฝากบอกไปน่ะหรือ ว่าขอไปดูคอนเสิร์ตกับอากิระ
สองหนุ่มที่สร้างข่าวครึกโครมเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ว่าจูบกันอยู่บนระเบียงทางเดิน
ด้านคายะจัง หลังจากเลิกเรียนแล้ว ก็มายืนรอฮายาม่าตรงที่นัดหมายเป็นประจำ คือลานหอนาฬิกา ซึ่งเป็นสวนหย่อมหน้ามหาวิทยาลัย ที่มีหนุ่มสาวหลายคู่ใช้เป็นที่พลอดรัก
“รอท่านประธานชมรมอยู่หรือคะรุ่นพี่คายะ”
ฮิโนเอะทักขึ้นจากด้านหลัง คายะจังหันมองตามเสียง สีหน้าไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไร และไม่ได้ตอบคำถามซึ่งถูกใช้เป็นคำทักทายนั้น
“ป่านนี้ไม่พากันเข้าโรงแรมไปแล้วก็ไม่รู้”
ประโยคนี้เหมือนแกล้งพูดลอยๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่ยังนั่งนิ่ง
“สวัสดีตอนเย็นค่ะคุณฮิโนเอะ”
“เห็นรุ่นพี่ฮายาม่านั่งอี๋อ๋อพะเน้าพะนอกับอากิระอยู่ที่ร้านป้าจีจี้เมื่อสักพักใหญ่ๆ”
“ค่ะ”
“แล้วก็จูงมือพากันรีบออกไปไหนไม่ทราบ”
คายะจังเริ่มรำคาญน้ำเสียงและท่าทางของหญิงสาวรุ่นน้องเต็มทน กล่าวขึ้นเรียบๆ
“คุณฮิโนเอะน่าจะตามไปนะคะ จะได้...ทราบ”
ฮิโนเอะถึงกับชะงัก ไม่แน่ใจว่าตนเองถูกด่าหรือเปล่า
“คือ ถ้า...เอ่อ ถ้ารุ่นพี่คายะรอรุ่นพี่ฮายาม่าอยู่ละก้อ ฮิโนเอะหมายความว่า พวกเขาพากันขึ้นรถไฟสายด่วนไปแล้วละค่ะ”
“นั่นสิคะคุณฮิโนเอะ ถึงบอกว่าคุณฮิโนเอะน่าจะตามไป จะได้รู้ได้เห็นอะไรได้ชัดเจน ก่อนที่จะมาบอกกับพี่”
“แค่เท่าที่เห็นในร้านคุณป้าจีจี้ก็เหลือเฟือแล้วละค่ะ”
“ค่ะ...คุณฮายาม่าไปทานข้าวเย็นกับคุณอากิระ เรื่องนี้พี่รู้แล้ว...และ....ก็....เรื่องที่จะให้คุณฮายาม่าไปช่วยเลือกกล้องตัวใหม่ให้คุณอากิระด้วย พอดีพี่ติดเรียนวิชาสำคัญเลยไม่ได้ไปด้วย
”
ครึ่งแรกคายะจังตอบไปตามตรง แต่ครึ่งหลังเธอยอมโกหกฮิโนเอะ เพื่อตัดความรำคาญ แต่ฮิโนเอะก็ยังไม่หยุด
“แสดงว่ารุ่นพี่คายะยอมให้เขาไปกันสองต่อสองงั้นหรือคะ”
“ค่ะ...ก็ไม่เห็นแปลก”
“แปลกสิคะ สองคนนั่นเคยจูบกันด้วยนะคะ”
“เอ...คุณฮิโนเอะก็น่าจะรู้นี่คะว่าที่สองคนนั่นต้องลงทุนจูบกันต่อหน้าคุณเพราะอะไร”
“รุ่นพี่!”
ฮิโนเอะกระทืบและขยี้ปลายเท้าไปมากับพื้น
คันปากอยากจะด่าผู้หญิงตรงหน้าให้เจ็บๆ แต่ต้องอดทนไว้
แค่นี้ตนเองก็หัวเดียวกระเทียมลีบแย่อยู่แล้ว หากมาผิดใจกับคายะจังอีก ก็คงไม่เหลือโอกาสเอาอากิระกลับคืนมาเป็นของตัว
“ช่างเถอะนะคะ”
ในที่สุดฮิโนเอะก็ฝืนใจ ผ่อนเสียงลงให้เป็นปกติที่สุด
“รุ่นพี่คายะรีบกลับดีกว่าค่ะ ค่ำๆ มืดๆ แถวนี้ไม่น่าไว้วางใจ เมื่อวานซืนฮิโนเอะผ่านมาตอนสามทุ่มกว่ายังถูกพวกวิศวะตามแซว”
“พี่นัดกับฮายาม่าไว้แล้วค่ะ อีกเดี๋ยวเขาคงมา”
***************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น