ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    rainbow portrait : ภาพถ่ายของสายรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #3 : คายะจัง

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 49


    บทที่ 3

    หลายวันถัดมา หลังจากอากิระและฮายาม่าช่วยกันอธิบายถึงเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น  ดูเหมือนว่าคายะจังจะเข้าใจได้ดี

    เธอยังทำตัวเป็นปกติ  ยิ้มแย้มและรื่นเริง  สดใส อบอุ่นกับทั้งรุ่นน้องและเพื่อนๆ ทุกคน  

    อากิระไม่ได้เปลี่ยนไปสักนิด เขายังคงโผงผางเฮฮาเป็นหนุ่มเซอร์ คนเดิม ที่สำคัญคือมีสาวๆ ตามขอความรักอยู่เหมือนเดิม

    มีแต่ฮายาม่าเท่านั้นที่ขรึมลงไป  แววตาที่มองมายังคายะจังหรืออากิระ ถูกเคลือบแฝงด้วยความในใจอะไรหลายอย่าง ที่ไม่อาจเอ่ยออกมาได้

    ฮายาม่าไม่แน่ใจว่าอากิระพยายามให้ตัวเองเข้ามาอยู่ในสายตามากขึ้น หรือว่าเขาหันมองหาหนุ่มรุ่นน้องคนนี้บ่อยขึ้นกันแน่  

    “รุ่นพี่ฮายาม่า  ช่วยติวภาษาญี่ปุ่นให้ผมได้ไหมครับ”

    ท่าทางของอากิระเป็นปกติที่สุด ตอนมาเอ่ยขอให้เขาช่วยเรื่องนี้

    “อยากให้คายะจังช่วยไหม  รุ่นพี่คายะเขาเชี่ยวชาญภาษาญี่ปุ่นกว่าผม”

    “ป่านนี้รุ่นพี่คายะจังคงเกลียดผมไปแล้วมั้ง  ตั้งแต่เกิดเรื่อง  รุ่นพี่ไม่สังเกตหรือครับ ดูเหมือนรุ่นพี่คายะจังจะพยายามหลบหน้าพวกเรา”

    “ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลยนะ  อากิระมากกว่าที่คิดมาก  แต่ไม่เป็นไร ถ้าอยากให้ผมช่วยก็ได้  การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้ว  หากอากิระสอบไม่ผ่านแล้วต้องลงทะเบียนซ้ำ  เทอมหน้าจะเป็นภาระมาก ไม่แน่อาจต้องหยุดการทำกิจกรรมเลยก็ได้”

    ฮายาม่าไม่รู้ตัวเลยว่า  เหตุผลธรรมดาๆ ที่ตนเองพูดออกไปทำให้หัวใจของอากิระพองโตขนาดไหน

    แต่อากิระก็ใจเย็นพอที่จะไม่กระโตกกระตากออกมาว่า เขาดีใจแค่ไหนที่รุ่นพี่ฮายาม่าพูดราวกับว่าเป็นห่วงอนาคตตนจริงๆ

    “อย่างนั้นตอนเย็น ผมขอเวลารุ่นพี่สักวันละสองชั่วโมงได้ไหมครับ  เห็นผมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีขนาดนี้  หรือพออ่านได้บ้าง แต่ถ้าจะให้ผมไปตอบข้อสอบแบบเป็นข้อเขียนละก็ ผมต้องได้ศูนย์คะแนนแน่ๆ”

    “ผมไม่ว่างทุกวันหรอกนะอากิระ”

    “ทำไมล่ะครับ”

    “ก็ผมต้องจัดการเรื่องชมรม เตรียมการจัดทริปถ่ายภาพหลังจากปิดเทอม”

    หางตาเหลือบไปเห็นคายะจังกำลังจะเดินผ่านพวกเขาไปทีล็อกเกอร์  อากิระจึงรีบลุกไปดักทางไว้  เชิญเธอมาร่วมวงสนทนา  

    “รุ่นพี่คายะจังครับ  ผมมีเรื่องขอร้อง”

    พออากิระพูดจบ ฮายาม่าก็รู้สึกโล่งอก  คิดว่าหนุ่มรุ่นน้องจะเข้าใจความจำเป็นของตน แล้วขอร้องให้คายะจังช่วยติวให้อย่างที่ตัวเองแนะนำ  

    “คือ...รุ่นพี่ฮายาม่ารับปากจะช่วยติวภาษาญี่ปุ่นให้ผม  แต่ติดตรงที่ว่าต้องดูแลงานกิจกรรมชมรมด้วย”

    “เฮ่ย...อากิระ...”

    “ถ้ารุ่นพี่คายะจังจะกรุณา ระยะนี้ช่วยดูแลประสานงานเรื่องทริปถ่ายภาพตอนปิดเทอมแทนรุ่นพี่ฮายาม่าจนกว่าจะผ่านช่วงสอบไปได้ไหมครับ”

    “อากิระ...ไม่ใช่....คายะจัง....ผม...เอ่อ......อากิระทำไมนายพูดเองเออเองอย่างนี้  ผมยังไม่รับปาก”

    “ไม่เป็นไรค่ะ  เรื่องชมรมคายะจังจะช่วยดูแลแทนให้เอง  คุณฮายาม่าไม่ต้องห่วง  มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว”

    คายะจังยิ้มใส สีหน้าบ่งบอกเต็มที่ว่ายินดีช่วยเหลือ  จึงป่วยการที่ฮายาม่าจะหาทางบ่ายเบี่ยงอะไรอีก  เขาพยักหน้ารับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก  แต่อากิระท่าทางดีใจสุดๆ

    “งั้นต้องไปฉลองกันหน่อย  ไปร้านคุณป้าจีจี้ก็ได้ครับ  ผมขอเลี้ยงสักมื้อเป็นการมัดจำไว้ก่อน”

    “พี่มีเรียนอีกสองคาบ วันนี้เลิกเกือบค่ำ  คุณฮายาม่าไปกับคุณอากิระเถอะค่ะ”

    “ไม่ได้นะครับ  ถ้ารุ่นพี่คายะจังไม่ไป รุ่นพี่ฮายาม่าจะยอมไปกับผมได้ยังไง”

    คายะจังหันมามองด้วยสีหน้าฉงน  ถามว่า

    “ทำไมคุณฮายาม่าถึงจะไม่ยอมไปกับคุณอากิระล่ะคะ ในเมื่อ....ช่างเถอะ เอาเป็นว่าวันนี้พี่ขอตัว ไว้วันหน้าละกัน  ถือว่าวันนี้คุณอากิระติดพี่ไว้หนึ่งมื้อดีไหม”

    สองหนุ่มไม่รู้ว่าสิ่งที่คายะจังขยักไว้ไม่พูดออกมาคืออะไร  แต่ฮายาม่ายังเกรงใจคายะจังอยู่ดี  

    “ไว้ไปกันวันหลังก็ได้นี่  วันไหนที่มีเวลาพร้อมกัน”

    ฮายาม่ายื่นข้อเสนอ  ในใจลุ้นอยู่ว่าอากิระจะไม่ยอม

    “อย่างนั้นก็ได้ครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจค่ะ  พี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะคุณอากิระ  ไว้พบกันที่เดิมนะคะคุณฮายาม่า”

    พอคายะจังคล้อยหลังไป  ฮายาม่าก็โวยขึ้นทันที

    “อากิระ   คายะจังเขาเรียนหนักอยู่แล้วนะ”

    “ระดับรุ่นพี่คายะจัง  รุ่นพี่ฮายาม่าก็รู้ว่า แค่เพิ่มเรื่องในชมรมอีกนิดหน่อย ก็ยังสบายๆ  แต่ผมสิถ้าไม่ได้รุ่นพี่ช่วยติวต้องแย่แน่ๆ...รุ่นพี่ฮายาม่าครับ”

    “อะไร”

    “รุ่นพี่ไม่มีเรียนแล้วนี่ครับ  งั้นเริ่มติวให้ผมวันนี้เลยนะ  เราไปหาที่เงียบๆ ติวกันดีกว่า”

    “ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย”

    “ไม่ต้องหรอกครับ ผมพร้อมอยู่แล้ว”

    ฮายาม่าเห็นความกระตือรือร้นของอากิระแล้ว  ตัดสินใจอยู่อึดใจหนึ่ง

    “งั้นไปที่ห้องสมุด”

    “โธ่!...รุ่นพี่ฮายาม่า  เมื่อวานผมเพิ่งไปยืมหนังสือ  คุณครูบรรณารักษ์ยังมองตาเขียวอยู่เลย  ถ้าเราไปนั่งคุยกันในนั้น มีหวังโดนหนังสือเล่มหนาๆ ปาหัวเอาแน่ๆ”

    ฮายาม่านึกตาม  คุณครูบรรณารักษ์คงจำเขาสองคนได้อีกนาน  คงอึดอัดพิลึกหากตัวการความวุ่นวายกลับไปนั่งติวหนังสือกันสองต่อสอง ในที่ที่มีคุณบรรณารักษ์คอยจับตามองลอดแว่น

    “ไปที่อพาร์ตเม้นต์ผมไหมครับรุ่นพี่”

    “ไม่!”

    “โห...ไม่ต้องปฏิเสธเสียงแข็งอย่างนั้นก็ได้  งั้นไปที่ไหนล่ะครับ”

    “ในชมรมนี่ก็ได้”

    “ไม่เอา  ถ้ารุ่นพี่ฮิโนเอะเข้ามาล่ะ...ผมว่าไปที่ร้านคุณป้าจีจี้ก็ดีนะครับ  บรรยากาศกำลังดี ไม่พลุกพล่าน"

    แม้อากิระทำเป็นพูดไปเรื่อยๆ แต่ฮายาม่ายังจับได้

    “ผมไม่หลงกลคุณหรอกนะอากิระ  บอกแล้วไงว่าไว้วันหลัง  ให้คายะจังว่างแล้วค่อยเลี้ยงขอบใจ”

    “แต่ผมจองโต๊ะกับสั่งอาหารไปแล้ว สี่โมงครึ่งเขาจะเสิร์ฟ”

    “งั้นคุณอากิระควรรีบไปตั้งแต่ตอนนี้  นั่นไง หรือไม่ก็ชวนคุณฮิโนเอะไปด้วยก็ได้”

    ฮายาม่าแกล้งประชด ถึงปากจะเอ่ยถึงคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในชมรม แต่เสียงนั้นก็ไม่ดังเกินกว่ากระซิบ

    “โธ่! รุ่นพี่ครับ...จะคิดอะไรมากมาย  เราก็แค่ไปหาข้าวกิน”

    เสียงของอากิระก็เบาลงไม่แพ้กัน  เพราะเห็นอยู่ว่าฮิโนเอะตั้งใจเดินเฉียดมาทางนี้

    “หรือว่ารุ่นพี่ฮายาม่าคิดอะไรกับผมเป็นพิเศษ”

    อากิระอมยิ้ม  รู้สึกขำสีหน้าบอกบุญไม่รับของฮายาม่า เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย

    “นั่งด้วยคนได้ไหมคะ”

    ในที่สุดฮิโนเอะก็พูดขึ้นหลังจากตะแคงหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง

    “เชิญครับรุ่นพี่ฮิโนเอะ”

    อากิระเชื้อเชิญอย่างเป็นสุภาพบุรุษเต็มที่  ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาว พร้อมลอบพยักหน้าส่งสายตาให้ฮายาม่า

    พอฮิโนเอะนั่งลงเรียบร้อยแล้ว  อากิระก็ขยับตัวมาทางฮายาม่า ทางหนึ่งแอบสะกิดให้รุ่นพี่ลุกขึ้น  ทางหนึ่งเอ่ยอย่างมีเลศนัยกับรุ่นพี่ที่ตามจีบตน

    “เชิญตามสบายเลยครับคุณผู้หญิง”

    อากิระโค้งให้ฮิโนเอะ คล้ายบริกรกำลังทำหน้าที่  เมื่อเชิญลูกค้านั่งเรียบร้อย ก็เดินออกไปทางประตู  ไม่รู้ไม่ชี้กับหญิงสาวที่นั่งงุนงง  ฮายาม่าเกือบตามความคิดหนุ่มรุ่นน้องไม่ทัน  รู้แต่เพียงว่าเวลานี้คงต้องลุกตามอากิระไปสถานเดียว

    เสียงกรี๊ดๆ ดังไล่หลังมาแว่วๆ  พอฮายาม่าเร่งฝีเท้ามาทันหนุ่มลูกครึ่งรุ่นน้อง  คนเดินออกมาก่อนยังมีหน้ามาเร่ง

    “ต้องรีบแล้ว...เย็นๆ ร้านคุณป้าจีจี้คนเยอะไม่ใช่หรือครับ”

    “ใช่ แล้วทำไมต้องรีบ”

    “อ้าว!  ถ้าไปไม่ทันเวลา คุณป้าเอาโต๊ะให้คู่...เอ๊ย...คนอื่นเราก็อดได้ที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านน่ะสิครับ”

    “ทำไมต้องเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านด้วยล่ะ...ตรงไหนที่คุณว่าดีที่สุด”

    “ก็ตรงที่ที่จะต้องไม่มีเดินผ่านไปผ่านมารบกวนเราสองคน...เอ่อ...เวลาที่เรากำลังติวหนังสือกันไงครับ”

    อากิระรูปร่างสูงใหญ่  ก้าวยาวๆ ของเขาเกือบเป็นสองก้าวของฮายาม่า  พอลงจากตึกเรียนมา หนุ่มรุ่นน้องทำท่าจะคว้ามือรุ่นพี่มาจูงด้วยซ้ำ  แต่ฮายาม่าไหวทันไม่หลงกลง่ายๆ

    กระนั้นก็แทบจะต้องวิ่งตาม  กว่าจะถึงร้านคุณป้าจีจี้ได้ ก็เล่นเอาถึงกับหอบ  ไม่ทันได้สนใจกลุ่มนักศึกษาที่ตนเองผ่านพวกนั้นมา ว่ามองเขากับอากิระแบบไหน

    คุณป้าเจ้าของร้านออกมาเปิดประตูรับด้วยตนเอง  ร้านนี้เป็นร้านเบเกอรี่ขนาดสี่สิบที่นั่ง  มีไอศกรีมทำเองที่ขึ้นชื่อ รวมทั้งเค้กและพันช์ชนิดไร้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นพิเศษ

    โต๊ะที่ดีที่สุด เป็นโต๊ะที่อยู่ในสุดตรงมุมร้าน เป็นโต๊ะเข้ามุม ด้านหนึ่งคือกระจกหน้าร้านบานใหญ่ อีกด้านคือแปลงดอกไม้หลากสี  เพราะเป็นโต๊ะที่ตั้งไว้แบบเข้ามุม  เก้าอี้จึงถูกจัดไว้เพียงสองตัว  หันหลังให้กับผู้คนในร้าน สร้างมุมมองให้ทอดสายตาออกไปภายนอกได้อย่างเต็มที่

    โต๊ะนี้เป็นโต๊ะที่เหมาะที่สุดสำหรับคู่รักที่จะมานั่งทำหวาน หว่านความรักใส่กันโดยไม่ต้องสนใจใคร

    “ขอเอิร์ลเกรย์และจัสมินทีอย่างละที่นะครับ ส่วนอาหารสักห้านาทีค่อยเสิร์ฟก็ได้”

    อากิระสั่งจัสมินทีให้ฮายาม่า พร้อมสั่งอาหารโดยไม่ถามคนถูกชวนมากิน

    แสดงว่าหนุ่มรุ่นน้องโทรมาจองโต๊ะและสั่งอาหารไว้ล่วงหน้าจริงๆ

    ฮายาม่าอดคิดไม่ได้ว่า หากเขาปฏิเสธไม่ยอมมาด้วย แล้วอากิระจะทำอย่างไร

    รุ่นพี่ชำเลืองมองกระเป๋าสะพายของหนุ่มรุ่นน้อง เป็นเชิงให้เริ่มติวได้เลย

    อากิระทำท่าว่าเข้าใจ รีบจัดการค้นสิ่งของในกระเป๋าตนเอง

    ขยุกขยิกอยู่สักพัก ก็เงยหน้ายิ้มแห้งให้ฮายาม่า

    “ผมคงลืมไว้ในล็อกเกอร์  ตอนรุ่นพี่ฮิโนเอะเข้ามานั่นไง”

    “งั้นก็เอาสมุดจดขึ้นมา”

    “รุ่นพี่ฮายาม่าครับ  ที่ผมขอร้องให้ช่วยติววิชาภาษาญี่ปุ่นให้นี่ผมพูดจริงนะครับ เพียงแต่ว่า...ขอเวลาผมสักวันหนึ่งได้ไหม”

    “ก็ไหนอากิระบอกว่าให้เริ่มเลย”

    “ตอนแรกผมก็คิดไว้อย่างนั้น แต่วันนี้ออกมาถึงนี่แล้ว  แล้วจะให้ผมกลับไปเอาตำราที่ชมรม มีหวังโดนรุ่นพี่ฮิโนเอะฉุดแน่ๆ  หรือถ้าจะให้ผมจดอะไรไปตอนนี้  ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะครับ”

    ยังไม่ทันที่ฮายาม่าจะตั้งแง่อะไรต่อไป  อาหารมื้อหรูก็ถูกนำมาเสิร์ฟ  

    “คุณป้าจีจี้มีเมนูพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

    ฮายาม่าหันถามหญิงร่างใหญ่ท่าทางอารมณ์ดีด้วยความฉงน

    “ตั้งแต่วันนี้แหละจ้ะฮายาม่าคุง”

    “มื้อนี้ต้องเป็นหมื่นเยนแน่ๆ ใครจะกล้าสั่งล่ะครับ”

    “ไม่เป็นไรจ้ะ  มื้อนี้มีคนจ่ายก็พอแล้วนี่จ๊ะ”

    แล้วคุณป้าจีจี้ก็ผละไป ทิ้งให้ฮายาม่ามองหน้าอากิระสลับกับอาหารมื้อใหญ่ตรงหน้า

    หนุ่มรุ่นพี่เพิ่งสังเกตเห็นว่าที่ซองตะเกียบ ระบุชื่อภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง

    อาหารมื้อนี้มาจากภัตตาคารแห่งนั้น

    ทำไมล่ะ?

    “นี่...เนื่องในโอกาสอะไรอากิระ”

    ฮายาม่าถามเสียงเข้ม ชักไม่สนุกด้วยแล้ว

    “โอกาสพิเศษครับ”

    “พิเศษยังไง”

    “วันที่รุ่นพี่ฮายาม่าตอบรับเป็นแฟนผมครบสองสัปดาห์...”

    “ผลัวะ!”

    ฝ่ามือของฮายาม่าฟาดเปรี้ยง ตั้งใจจะตบที่บ้องหู แต่อากิระยกแขนกันไว้ได้ทัน

    “ผมพูดเล่นน่ะครับ  นานทีปีหนหรอกน่ะรุ่นพี่  เชิญรับประทานตามสบาย”

    “ไม่...จนกว่านายจะบอกว่า เนื่องในโอกาสอะไร”

    “เอ่อ...”

    “อากิระ!”

    “รุ่นพี่...เอ่อ...หันไปมองข้างหลังสิครับ”

    ฮายาม่าสะบัดหน้าหันไปมองอย่างไม่เต็มใจนัก      

    แล้วก็เห็นว่าคนทั้งร้านกำลังมองมาด้วยสีหน้าอารมณ์ต่างๆ กัน  โดยมีคุณป้าจีจี้ส่งยิ้มมาให้จากหลังเคาน์เตอร์เก็บเงิน

    ฮายาม่าร้อนวาบไปทั้งหน้า  ไม่รู้สึกตัวสักนิดว่าตอนเรียกชื่ออากิระใช้เสียงดังไปขนาดไหน

    หันกลับมาก้มหน้าก้มตาจิ้มไอ้นั่นไอ้นี่เข้าปากด้วยความโมโห  อันมีลอปสเตอร์และแซลมอนเป็นต้น

    “ขอบคุณครับที่ให้ความร่วมมือ”

    อากิระพูดยิ้มๆ  จัดแจงตักน้ำซอสราดชิ้นเนื้อแล้ววางให้ในจาน

    ฮายาม่ามองตาเขียว ขยับจะโวยวายอีก แต่อากิระพยักเพยิดข้ามไหล่ไปอีกครั้ง  เป็นสัญญาณให้รู้ว่า อย่าทำอะไรเอะอะอีกจะดีกว่า

    ครั้นจะส่งอาหารแต่ละคำที่อากิระบรรจงวางในจานคืนคนตักให้  ฮายาม่ามั่นใจเลยว่า อีกหลายคนที่กำลังแอบจับตามองคู่ของเขา คงต้องคิดว่าต่างฝ่ายต่างตักอาหารให้แก่กันแน่ๆ

    หนุ่มรุ่นพี่หลงกลหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า  ทุกครั้งได้แต่จำเป็นต้องปล่อยเลยตามเลย

    อาหารมื้อใหญ่ผ่านไปอย่างไม่ปกติสุขนักสำหรับฮายาม่า  

    แต่กับอากิระ ดูเขารื่นเริงเป็นพิเศษ โบกมือทักทายใครต่อใครที่เดินผ่านไปมานอกร้านด้วยซ้ำ

    ภายนอกเริ่มพลบ  แสงสุดท้ายของวันสั่งลาท้องฟ้าอีกครู่แล้วจางไป

    ระหว่างรอเก็บจานที่ใช้แล้ว  ฮายาม่ากัดฟันถามขึ้นอีกครั้ง

    “ถามจริงๆ นี่มันเพราะอะไร  อย่าบอกนะว่านายกินอย่างนี้ทุกมื้อ”

    คนถูกถามได้แต่ยิ้ม  ไม่ตอบคำถามใด  หันไปส่งสายตาให้คุณป้าจีจี้ครั้งหนึ่ง ก่อนล้วงการ์ดสองใบออกจากกระเป๋าเสื้อ

    “ตั๋วคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม คืนนี้เวลาทุ่มตรง รุ่นพี่ไปดูกับผมนะครับ”

    ฮายาม่ายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่  ตั๋วในมืออากิระทำจากพลาสติกแข็งอย่างดี มันระบุว่าเป็นวงโปรดของเขาด้วยซ้ำ
    “วงชิโนะ  แถว P 34-35  นี่มันที่นั่งในมุมที่ดีที่สุดของโตเกียวโดม ราคาไม่ต่ำกว่าใบละสองหมื่นเยน”

    “ใช่ครับ  เพราะฉะนั้นรุ่นพี่ต้องไปดูกับผม”

    “ทำไมล่ะ...ทำมะ...”

    พลัน!

    ไฟในร้านก็ดับวูบลง  

    คุณป้าจีจี้เป็นต้นเสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิด เดินนำขบวนพนักงานในร้านใกล้เข้ามา

     โดยมารยาทฮายาม่าจึงร่วมร้องด้วย  คิดว่าต้องเจ้าของวันเกิดต้องเป็นโต๊ะใดโต๊ะหนึ่งก่อนพวกตนแน่ๆ

    แต่คุณป้าจีจี้ยังเดินตรงมาๆ  ลูกค้าในร้านฝากโน้นยืนขึ้น มองมาตามแสงเทียนที่ปักอยู่บนเค้ก

    คุณป้าเจ้าของร้านมาหยุดที่สุดทางเดิน

    คือโต๊ะของพวกเขา

    อากิระทำหน้าตาปลื้มปีติเต็มที่  ยิ้มให้กับทุกคนที่ร่วมร้องเพลงอวยพร

    มีแต่ฮายาม่าที่หน้าตาตื่น  

    “ใช่วันเกิดเราซะที่ไหนล่ะ”

    ท่อนสุดท้ายของเนื้อเพลงสุขสันต์วันเกิดจบลงพร้อมคำตะโกนให้มีความสุข

    เค้กไวท์ช็อกโกเลตขนาดหนึ่งปอนด์ถูกวางลงตรงหน้าอากิระ

    ดูเขาไม่แปลกใจเลยสักนิด

    พอเสียงตะโกนอวยพรจบลง

    อากิระอธิษฐานอยู่อึดใจ ก็เป่าเทียนทั้งหมดดับในคราวเดียว

    เสียงปรบมือดังขึ้นอีกกราวใหญ่  ก่อนที่ไฟทั้งร้านจะติดพรึบขึ้นตามปกติ

    “รุ่นพี่ฮายาม่าอวยพรให้ผมหน่อยสิครับ”

    “เอ่อ...คือ...ขอให้นายมีความสุข สมปรารถนาในทุกๆ สิ่งก็แล้วกัน”

    ฮายาม่าสังเกตเห็นน้ำตาแห่งความสุขรื้นขึ้นในดวงตาของหนุ่มรุ่นน้อง

    ไม่อยากเชื่อว่าคนห้าวๆ และโผงผางอย่างนี้ จะมีด้านที่อ่อนไหวและอ่อนโยนราวกับเด็ก

    อากิระตัดเค้กส่วนหนึ่งแบ่งให้คุณป้าจีจี้  อีกส่วนหนึ่งให้ฮายาม่า และอีกส่วนสำหรับตนเอง  ที่เหลือเขาส่งให้พนักงานของร้านนำกลับไปใส่กล่อง

    “อร่อยนะครับ เค้กร้านนี้”

    “อืมม์”

    “ผมตั้งใจจะให้รุ่นพี่ชวนรุ่นพี่คายะจังมาด้วย”

    “แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก  เราจะได้รอให้คายะจังเรียนเสร็จก่อน”

    “รอไม่ได้ครับ  คอนเสิร์ตนี้ผมเสียเงินไปตั้งห้าหมื่นเยน”

    ฮายาม่าเพิ่งเอะใจ  รู้แล้วว่าอากิระไม่ได้ตั้งใจจะชวนคายะจังตั้งแต่แรก

    เพราะถ้าชวนมาร้านคุณป้าจีจี้นี่ แล้วหลังจากนั้น  กับตั๋วคอนเสิร์ตแค่สองใบเขาจะทำอย่างไร

    “เราอาจทำให้คายะจังไม่สบายใจ  การกระทำของอากิระ มุทะลุเกินไป...”

    “อย่าเพิ่งเทศนาผมได้ไหมครับรุ่นพี่ฮายาม่า  วันนี้วันเกิดผม...ผมอยากฉลองวันเกิดกับใครสักคนที่ผมอยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจ  ผมมาญี่ปุ่น...ตั้งใจมาเรียนที่นี่ ตั้งใจมาเข้าชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัยนี้ เพราะผมหลงรักภาพถ่าย  ผมหลงรักการถ่ายภาพ  ผมขอโทษกับนิสัยแปลกๆ ของผม แต่รับรองว่าที่ทำไปทั้งหมดก็ด้วยความบริสุทธิ์ใจ  ไม่ได้คิดจะทำร้ายจิตใจของใครทั้งสิ้น”

    “อากิระ...”

    “นะครับรุ่นพี่ฮายาม่า  วันนี้เป็นวันพิเศษของผมจริงๆ  ผมขอสักวันหนึ่งนะครับ”

    ด้วยรูปร่างหน้าตาอย่างอากิระ  หากใครไม่มาอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้  จะไม่มีทางรู้เลยว่า เขาก็ยังเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบเก้าปีแค่นั้น  ความคิดและการกระทำที่ฮายาม่าได้เห็น  ทำให้เขานึกสงสารระคนเอ็นดูชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้โดยไม่รู้ตัว

    “แต่ว่า...คราวหน้า ถ้าคิดจะทำอะไรอย่างนี้ ต้องบอกกันตรงๆ นะอากิระ”

    “ครับรุ่นพี่  ผมสัญญา”

    อากิระยื่นมือมาจับมือของฮายาม่าเขย่าอยู่นาน

    สัมผัสนี้นุ่มนวลและอบอุ่นในขณะเดียวกัน

    ฮายาม่าฝืนยิ้มเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร  

    เป็นครั้งแรกที่ฮายาม่ายอมให้อากิระกุมมือไว้ด้วยความเต็มใจ



    ระหว่างเดินทางไปที่โตเกียวโดม  ฮายาม่านึกเป็นห่วงคายะจัง  ที่อาจต้องรอเก้อ อยากจะหาทางบอกเธอแต่ก็จนใจไม่รู้จะทำอย่างไร  ก่อนออกจากร้านป้าจีจี้มา มีเพื่อนคนหนึ่งต้องผ่านไปทางตึกที่คายะจังไปเรียน  แต่จะให้ฝากบอกไปน่ะหรือ  ว่าขอไปดูคอนเสิร์ตกับอากิระ  

    สองหนุ่มที่สร้างข่าวครึกโครมเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ว่าจูบกันอยู่บนระเบียงทางเดิน

    ด้านคายะจัง  หลังจากเลิกเรียนแล้ว ก็มายืนรอฮายาม่าตรงที่นัดหมายเป็นประจำ คือลานหอนาฬิกา ซึ่งเป็นสวนหย่อมหน้ามหาวิทยาลัย ที่มีหนุ่มสาวหลายคู่ใช้เป็นที่พลอดรัก

    “รอท่านประธานชมรมอยู่หรือคะรุ่นพี่คายะ”

    ฮิโนเอะทักขึ้นจากด้านหลัง  คายะจังหันมองตามเสียง  สีหน้าไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไร  และไม่ได้ตอบคำถามซึ่งถูกใช้เป็นคำทักทายนั้น

    “ป่านนี้ไม่พากันเข้าโรงแรมไปแล้วก็ไม่รู้”

    ประโยคนี้เหมือนแกล้งพูดลอยๆ  เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนที่ยังนั่งนิ่ง

    “สวัสดีตอนเย็นค่ะคุณฮิโนเอะ”

    “เห็นรุ่นพี่ฮายาม่านั่งอี๋อ๋อพะเน้าพะนอกับอากิระอยู่ที่ร้านป้าจีจี้เมื่อสักพักใหญ่ๆ”

    “ค่ะ”

    “แล้วก็จูงมือพากันรีบออกไปไหนไม่ทราบ”

    คายะจังเริ่มรำคาญน้ำเสียงและท่าทางของหญิงสาวรุ่นน้องเต็มทน  กล่าวขึ้นเรียบๆ

    “คุณฮิโนเอะน่าจะตามไปนะคะ จะได้...ทราบ”

    ฮิโนเอะถึงกับชะงัก  ไม่แน่ใจว่าตนเองถูกด่าหรือเปล่า

    “คือ  ถ้า...เอ่อ  ถ้ารุ่นพี่คายะรอรุ่นพี่ฮายาม่าอยู่ละก้อ  ฮิโนเอะหมายความว่า  พวกเขาพากันขึ้นรถไฟสายด่วนไปแล้วละค่ะ”

    “นั่นสิคะคุณฮิโนเอะ  ถึงบอกว่าคุณฮิโนเอะน่าจะตามไป  จะได้รู้ได้เห็นอะไรได้ชัดเจน ก่อนที่จะมาบอกกับพี่”

    “แค่เท่าที่เห็นในร้านคุณป้าจีจี้ก็เหลือเฟือแล้วละค่ะ”

    “ค่ะ...คุณฮายาม่าไปทานข้าวเย็นกับคุณอากิระ  เรื่องนี้พี่รู้แล้ว...และ....ก็....เรื่องที่จะให้คุณฮายาม่าไปช่วยเลือกกล้องตัวใหม่ให้คุณอากิระด้วย  พอดีพี่ติดเรียนวิชาสำคัญเลยไม่ได้ไปด้วย

    ครึ่งแรกคายะจังตอบไปตามตรง แต่ครึ่งหลังเธอยอมโกหกฮิโนเอะ เพื่อตัดความรำคาญ  แต่ฮิโนเอะก็ยังไม่หยุด

    “แสดงว่ารุ่นพี่คายะยอมให้เขาไปกันสองต่อสองงั้นหรือคะ”

    “ค่ะ...ก็ไม่เห็นแปลก”

    “แปลกสิคะ  สองคนนั่นเคยจูบกันด้วยนะคะ”

    “เอ...คุณฮิโนเอะก็น่าจะรู้นี่คะว่าที่สองคนนั่นต้องลงทุนจูบกันต่อหน้าคุณเพราะอะไร”

    “รุ่นพี่!”

    ฮิโนเอะกระทืบและขยี้ปลายเท้าไปมากับพื้น

    คันปากอยากจะด่าผู้หญิงตรงหน้าให้เจ็บๆ แต่ต้องอดทนไว้  

    แค่นี้ตนเองก็หัวเดียวกระเทียมลีบแย่อยู่แล้ว  หากมาผิดใจกับคายะจังอีก ก็คงไม่เหลือโอกาสเอาอากิระกลับคืนมาเป็นของตัว

    “ช่างเถอะนะคะ”  

    ในที่สุดฮิโนเอะก็ฝืนใจ ผ่อนเสียงลงให้เป็นปกติที่สุด

    “รุ่นพี่คายะรีบกลับดีกว่าค่ะ  ค่ำๆ มืดๆ แถวนี้ไม่น่าไว้วางใจ  เมื่อวานซืนฮิโนเอะผ่านมาตอนสามทุ่มกว่ายังถูกพวกวิศวะตามแซว”

    “พี่นัดกับฮายาม่าไว้แล้วค่ะ  อีกเดี๋ยวเขาคงมา”

                                                       ***************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×