ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    rainbow portrait : ภาพถ่ายของสายรุ้ง

    ลำดับตอนที่ #1 : อากิระ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 49


     


    เสียงวิ่งไล่ตามกันดังโครมคราม หายเข้าไปหลังชั้นวางหนังสือสูงจรดเพดาน แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ ฮายาม่าเลือกหาหนังสือที่ต้องการต่อไป

    ครู่หนึ่งจึงมีเสียงเล็กๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง

    “สวัสดีค่ะท่านประธานชมรม ไม่ทราบว่าเห็นแฟนฉันไหมคะ”

    สำเนียงแปร่ง บวกกับท่าทางยโส ทำให้เขาไม่อยากใส่ใจ

    “เอ๊ะ! รุ่นพี่ฮายาม่า เห็นหรือไม่เห็นอากิระล่ะคะเนี่ย”

    เธอย้ำถาม

    “ตอนแรกไม่ได้ถามผมอย่างนี้นี่ ฮิโนเอะถามว่า เห็นแฟนฉันไหม”

    “ก็...แหม รุ่นพี่ละก้อ ยังไม่รู้อีกหรือคะ ว่าอากิระคบกับฮิโนเอะมาตั้งนานแล้ว...เพียงแต่ว่า...”

    “ตกลงคือถามหาอากิระ”

    ฮายาม่าตัดบท ไม่อยากให้เธอรบกวนสมาธิทั้งของตนและคนอื่นในห้องสมุด

    “ค่ะ”

    ฮิโนเอะรับคำสั้นๆ ระหว่างสอดส่ายสายตาไปตามระหว่างชั้นวางหนังสือ

    “ไม่เห็นนะ ปกติผมไม่เคยเห็นอากิระเข้าห้องสมุดนี่ ไม่ไปตามดูที่สระว่ายน้ำล่ะ”

    “ก็อากิระเพิ่งวิ่งเข้ามาในนี้”

    “อ้าว...เป็นแฟนกันทำไมต้องวิ่งหนีกันด้วยล่ะ”

    “เอ่อ...อ๋อ...ก็งอนกันนิดหน่อยค่ะ ตกลงว่ารุ่นพี่เห็นอากิระไหม”

    “ถ้างอนกัน คุณฮิโนเอะน่าจะต้องเป็นฝ่ายให้อากิระเค้าตามง้อไม่ใช่หรือ”

    อยู่ๆ ฮายาม่าก็อยากจะแกล้งขัดใจหญิงสาวตรงหน้า ยิ่งนึกถึงหน้าตาของอากิระ รุ่นน้องปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมถ่ายภาพ ที่ทำหน้าสยดสยองทุกครั้งที่ฮิโนเอะซึ่งเรียนอยู่ปีสอง เข้าไปคว้าแขนเขามาโอบรอบเอวเธอ แล้วเบียดหน้าอกล้นๆ นั่นเข้ากับสีข้างของอากิระ ก็ยิ่งนึกสนุก

    “รุ่นพี่ละก้อ...ไม่เห็นก็บอกไม่เห็นสิ”

    ฮิโนเอะเชิดหน้า ไม่สบอารมณ์เต็มที่ เธอยิ่งไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำอะไรด้วยตอนนี้

    ไม่รอให้ฮายาม่าซักถามอะไรต่อไป ก็สะบัดหน้าไปด้วยท่าทางงอนๆ

    ฮายาม่ามองตามด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขาสงสัยว่าทำไมสมัยนี้พวกสาวๆ ถึงกล้าได้กล้าเสียกันนัก โดยเฉพาะผู้หญิงคนที่เพิ่งผลจากเขาไปนี่ ดูเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตา นอกจากผู้ชายหล่อๆ


    “สงสัยจะกินผู้ชายเป็นอาหารนะเธอ”
    เสียงซุบซิบดังแว่วมาจากสาวแว่นหนาคนหนึ่ง ที่กำลังยืนเลือกหนังสือห่างออกไปสองสามช่วงตัว

    “แต่มื้อเที่ยงนี่คงอด”

    เพื่อนสาวอีกคนรีบต่อความ และเริ่มการนินทาเกี่ยวกับความประพฤติของฮิโนเอะกันอย่างออกรส

    ทีแรกฮายาม่าอยากแก้ต่างให้น้องในชมรม แต่พอนึกถึงหลายอย่างที่เคยเห็นฮิโนเอะกระทำ เขาก็จำต้องแค่หลีกออกมาให้ห่าง

    หญิงสาวสองคนนั่น นอกจากรูปไม่สวยแล้ว จิตใจยังแย่พอกัน

    ฮายาม่าเดินเลี่ยงมาที่หมวดวรรณคดี ทั้งที่ตอนแรกเขาตั้งใจจะหาสมุดภาพสวยๆ มาสร้างแรงบันดาลใจกับการออกทริปถ่ายภาพครั้งหน้า

    แต่ฮิโนเอะทำให้หมดอารมณ์ เลยคิดมาหาหนังสือที่ต้องรสนิยม ไว้อ่านเล่นสักเล่ม

    ขณะที่ตัดสินใจเลือกระหว่างนิยายชวนหัวของนักเขียนวัยรุ่นชื่อดัง กับบทละครคาบุกิโศกรันทด ที่จบลงด้วยความตายอันแสนเศร้า

    เสียงสูดลมหายใจคล้ายเหนื่อยหน่าย ดังมาจากหัวมุมด้านใน

    ฮายาม่าเห็นแค่ว่าเป็นผู้ชายตัวสูง กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือในมือ

    ผู้ชายคนนั้นซ่อนหน้าไว้ในเงามืด ใต้เรือนผมยาวที่มัดไว้หลวมๆ จนส่วนใหญ่ระอยู่ตามใบหน้าและช่วงคอมากกว่า

    ฮายาม่าไม่ได้สนใจนานนัก

    เข้าใจว่าเป็นธรรมดาของคนที่มาหมกตัวอยู่แถวหมวดวรรณคดี ที่มักจะมีอารมณ์อ่อนไหวไปกับตัวอักษร ซึ่งถูกร้อยเรียงออกมาเป็นเรื่องราวนานา

    ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ ว่าจะอ่านบทละครคาบุกิเล่มโปรดอีกครั้ง

    บทละครเรื่องนี้มีอยู่ในห้องสมุดเพียงเล่มเดียว และอยู่ชั้นบนสุด ซึ่งครั้งล่าสุดที่มีคนยืมไปอ่าน คือเมื่อแปดปีที่แล้วก่อนเขาเข้ามาเรียน และตอนตลอดสี่ปีที่เรียนอยู่ ก็มีแต่ชื่อของฮายาม่าเท่านั้นที่เป็นผู้ยืมครั้งแล้วครั้งเล่า

    ครั้งแรกที่กวาดสายตามองหาด้วยความเคยชินกับตำแหน่งที่ว่าง

    ฮายาม่ามองไม่เห็น

    ทั้งที่มันน่าจะอยู่ที่เดิม เพราะคุณครูบรรณารักษ์ที่นี่ทำงานเรียบร้อยฉับไวเสมอ

    ครั้งที่สองเขาไล่สายตาให้ช้าลงอีกหน่อย

    ก็ยังไม่เจอ

    คราวนี้ฮายาม่าลองใช้บันไดเตี้ยสำหรับค้นหนังสือ ปีนขึ้นไปยืนจนแถวหนังสือชั้นที่ต้องการอยู่ในระดับสายตา

    แล้วเขาก็เห็นกับสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

    มีช่องว่าอยู่ตรงที่เคยมีหนังสือเล่มนั้นตั้งอยู่เป็นประจำ

    ‘ยังมีคนอ่านหนังสือเล่มเดียวกับเราด้วยหรือนี่’

    ฮายาม่านึกในใจ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

    โดยไม่ทันระวังตัว บันไดเก่าที่ขาแต่ละข้างไม่สมดุลกัน ก็เอนหงายไปด้านหลัง

    เขาตัดสินใจไม่คว้าสิ่งไรทั้งสิ้น เพราะหากรั้งชั้นหนังสือเพื่อพยุงตัวไว้ แล้วมันเกิดล้มลงมา ชั้นหนังสืออื่นๆ จะกลายเป็นตัวโดมิโนขนาดยักษ์ ไล่ล้มพิงทับกันไปทั้งหมด ไม่รู้จะมีสักกี่คนต้องได้รับอันตราย

    ฮายาม่าดีดตัวขึ้นเบาๆ เตรียมพร้อมรับแรงกระแทกเต็มที่

    แต่...ทันทีที่รู้สึกว่าปลายเท้าลงแตะพื้น

    แล้วทุกอย่างก็หยุดอยู่แค่นั้น

    เพราะร่างส่วนบนถูกรั้งไว้ด้วยสองแขนแข็งแรงของใครคนหนึ่ง

    พอแผ่นหลังกระทบกับหน้าอกกว้างของคนที่รองรับ ฮายาม่าก็ถูกกอดรัดไว้แน่นหนา

    คนที่ช่วยรับเขาไว้ตั้งหลักได้มั่นคง ไม่โงนเงนเลยสักนิด

    เสียงนุ่มๆ ดังกระซิบถามข้างหู

    “ไม่เป็นไรนะครับรุ่นพี่ฮายาม่า”

    อากิระนั่นเอง แถมยังเป็นคนเดียวกับที่ยืนถอนหายใจอยู่ในมุมมืดนั่นเสียด้วย

    “ขะ...ขอบใจนะ ปล่อยผมได้แล้ว”

    เพราะแม้เท้าจะประทับอยู่กับพื้น แต่วงแขนของหนุ่มรุ่นน้องยังรัดแน่น จนฮายาม่ารู้สึกอึดอัดนิดๆ

    “ผมนึกว่ารุ่นพี่ไม่สบาย เวียนศีรษะหรือเป็นอะไร เลยเข้ามาช่วย”

    อากิระแค่เพียงคลายความแน่นหนาที่บีบรัดออกนิดหน่อยเท่านั้น

    ฮายาม่าพยายามเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของน้องใหม่

    ช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือทำให้เคลื่อนไหวอะไรไม่สะดวกนัก

    เหมือนเขาจะแกล้งรัดวงแขนให้แน่นขึ้นกว่าเดิม พลิกตัวตามแนวขนานของชั้นหนังสือ เอนตัวไปด้านหลัง ทำให้สองขาของฮายาม่าลอยขึ้น

    ก้นของรุ่นพี่สัมผัสกับแกนกลางกายของรุ่นน้องโดยไม่ได้ตั้งใจ

    “โอ๊ะ!...”

    ฮายาม่าเผลออุทานออกมาดังลั่น

    คนทั้งห้องสมุดที่สามารถมองเห็นตรงบริเวณนี้ ต่างหันมามองเป็นตาเดียว

    น้องใหม่รีบปล่อยรุ่นพี่ลง แล้วลากกันเข้าไปมุมในสุด ตรงที่ฮายาม่าเห็นอากิระยืนอยู่เมื่อครู่

    “เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง”

    ฮายาม่าเอ็ดเบาๆ

    “ผมล้อเล่นน่ะครับ รุ่นพี่ไม่เห็นต้องโวยวายขนาดนั้น”

    อากิระเถียง สังเกตเห็นรอยแดงจางๆ บนใบหน้ารุ่นพี่ ก็เข้าใจได้ทันทีว่ารุ่นพี่กำลังรู้สึกอย่างไร

    “รุ่นพี่ไม่สบายหรือเปล่าครับ ดูสิหน้าแดงเชียว ให้ผมพาไปส่งห้องพยาบาลไหม”

    พร้อมกับคำถาม หนุ่มรุ่นน้องยื่นหลังมือมาแตะที่ซอกคอของฮายาม่าเบาๆ ลูบไปมาช้าๆ เหมือนแกล้งยั่วอารมณ์มากกว่าทดสองอุณหภูมิของร่างกาย

    ในตัวของฮายาม่าร้อนขึ้นจริงๆ

    แต่เป็นเพราะอารมณ์ฉุนเฉียวมากกว่าอย่างอื่น

    ฮายาม่าปัดมืออากิระออก

    อยากจะต่อว่าออกมาดังๆ ติดตรงที่ในนี้คือห้องสมุด

    แล้วสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

    อากิระคุกเข่าลงต่อหน้าเขา ทำท่าทางเหมือนกำลังจะขอคนรักให้แต่งงานด้วย

    สายตาเป็นประกายที่เงยขึ้นมองนั้นมีแวววิงวอนด้วยใจจริง

    ฮายาม่าขนลุกเกรียว นึกหวั่นไหวกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอึดใจข้างหน้า

    “รุ่นพี่ครับ...”

    หนุ่มรุ่นน้องเอ่ยขึ้นอย่างเป็นการเป็นงาน

    สองมือประสานกันไว้ตรงหน้าอก

    ด้วยความสูงขนาดเขา เวลาคุกเข่าอยู่ในท่านี้ ปลายเท้าจึงบิดขึ้นไปพาดกับบนชั้นวางหนังสือล่างสุด

    ฮายาม่ารู้สึกขันท่าทางเก้ๆ กังๆ ที่เห็น

    ยังไม่ทันได้หัวเราะออกมา มือข้างหนึ่งก็ถูกอากิระคว้าไปกุมไว้หน้าตาเฉย

    “อากิระ อย่าเล่นอะไรบ้าๆ น่า ลุกขึ้นเร็วเข้า”

    “ไม่ครับ ไม่ลุกจนกว่ารุ่นพี่จะยอมเป็นแฟนกับผม”

    “ไอ้บ้า...”

    ฮายาม่าหลุดปากออกมาได้คำเดียวเท่านั้น พยายามดึงมือตนเองให้หลุดจากการเกาะกุม

    “ผมพูดจริงนะครับรุ่นพี่ฮายาม่า ขอความกรุณาด้วยนะครับ”

    คนพูดทำท่าจะก้มลงจุมพิตที่หลังมือ

    ก่อนที่ริมฝีปากจะประทับลงไป

    “โครม!”

    แล้วทุกคนในห้องสมุดก็หันมองมาเป็นตาเดียวกันอีกครั้ง

    สิ่งที่นเห็นก็คืออาการทุลักทุเลของชายหนุ่มสองคน

    คนหนึ่งตัวใหญ่จนดูเกะกะ ผมยาวยุ่งเป็นกะเซิง นอนอยู่บนพื้นด้วยท่าประหลาด คือหงายราบกับพื้นโดยที่ขาท่อนล่างพับแนบอยู่กับโคนขา

    มีเท้าของชายหนุ่มอีกคนที่รูปร่างบอบบางกว่า เหยียบยันอยู่บนหน้าอก

    คนเหยียบยังพยายามใช้มือข้างหนึ่งช่วยดึงมือตนเองออกจากมือของคนที่ถูกเหยียบ

    “ปล่อยสิวะ! อากิระ!”

    ฮายาม่าส่งเสียงลอดไรฟัน

    ตอนนี้ทุกคนยังคงมองมา

    เขาอายแทบแทรกแผ่นดิน

    แต่ยังไงคนที่เหมือนเต็มใจนอนให้เหยียบยอดอกก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

    “ไม่ครับ ถ้ารุ่นพี่ไม่ยอมรับปาก ผมจะไม่ปล่อยมือเด็ดขาด”

    “อย่ามาเล่นอะไรบ้าๆ แถวนี้ คนเขามองกันอยู่ไม่เห็นเรอะ”

    ยิ่งนานเข้า คนที่อยู่ตามมุมต่างๆ ก็ยิ่งชะเง้อเข้ามามุงดู

    ตอนนี้สายตาเป็นร้อยคู่จับจ้องมาที่ท่าทางพิเรนทร์ๆ ของทั้งสองคน

    “ไม่ ผมไม่ปล่อย จนกว่ารุ่นพี่จะยอมรับผมเป็นแฟน”

    อากิระเพียงบิดข้อมือนิดเดียว

    ใช้ออกด้วยท่ายูโดพื้นฐาน ก็สามารถพลิกกลับมาเป็นฝ่ายกุมมือทั้งสองของฮายาม่าไว้ได้อย่างมั่นคง

    คุณครูบรรณารักษ์เดินมองลอดแว่นตรงดิ่งเข้ามา

    ใกล้เข้ามาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง

    ฮายาม่ายิ่งลุกลี้ลุกลน ย้ำแรงขาข้างที่ยันหน้าอกหนุ่มรุ่นน้องอย่างไม่เกรงใจ

    “พวกเธอมาเล่นอะไรกันในนี้!”

    ครูบรรณารักษ์ตวาดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบบาดลึก

    แม้เสียงจะเบาจนได้ยินกันแค่ไม่เกินสามคน แต่ก็ชวนขนพองสยองเกล้าได้เต็มๆ

    “ปะ..ปะ เปล่าครับ”

    “โครม!”

    ทันทีที่ฮายาม่าเผลอตัวผ่อนแรง อากิระก็กระชากให้หนุ่มรุ่นพี่ ล้มทับลงบนตัวเขาได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถใช้มือข้างหนึ่งปัดรวบขาที่เหยียบให้พ้นไปจากตัวได้ พร้อมกับอีกมือก็ดึงรั้งลงไป

    ตอนนี้ทั้งตัวของฮายาม่านอนทับอยู่บนตัวใหญ่ๆ ของอากิระเรียบร้อยแล้ว

    “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”

    “ปล่อย...ลุก...ลุกขึ้นสิวะอากิระ”

    “ไม่...ผมไม่ยอมจนกว่ารุ่นพี่จะรับปาก”

    “ไอ้...ไอ้...”

    “รุ่นพี่กรุณาผมด้วยนะครับ”

    “อากิระ!...ไอ้...ไอ้ เออๆ ลุกขึ้นมาก่อนเร็วๆ”

    อากิระยอมคลายวงแขนที่กอดรัดล็อกร่างรุ่นพี่ไว้

    อีกทั้งเขายังเป็นฝ่ายทรงตัวลุกขึ้นได้ก่อนคนที่ทับอยู่บนตัวเสียอีก

    แถมยังช่วยพยุงให้ฮายาม่าลุกขึ้นตามด้วยซ้ำ

    แต่มือข้างหนึ่งยังคงยุดมือรุ่นพี่ไว้ไม่ยอมปล่อย

    “นี่ห้องสมุด ห้ามส่งเสียงดังรับกวนคนอื่น”

    “ครับๆ”

    “ก็รุ่นพี่สิครับ เขาไม่ยอม...”

    “เรามีเรื่องขัดใจกันนิดหน่อยครับอาจารย์”

    ฮายาม่าชิงตัดบทอากิระเสียก่อน

    “ไปปรับความเข้าใจกันข้างนอก!”

    “ครับๆ”

    “อาจารย์ต้องเป็นพยานให้ผม...”

    หากไม่รู้จักกันมาก่อน ฮายาม่าคงนึกว่าอากิระเสียสติไปแล้วจริงๆ

    “เฮ้ยๆ อย่าพูดอะไรบ้าๆ ออกมาต่อหน้าอาจารย์นะเว้ย”

    ฮายาม่ารีบห้าม เสียงดังของเขาทำให้คุณครูบรรณารักษ์ยิ่งควันออกหู

    “ไปๆ ไปเล่นกันที่อื่นเดี๋ยวนี้”

    คนถูกยึดข้อมือจับได้ว่าอากิระแกล้งทำหน้าสลดเล็กน้อย ตอนจำใจต้องเดินออกมาตามทางที่คุณครูบรรณารักษ์ชี้นิ้วส่ง

    ประตูใหญ่ของห้องสมุด ที่ชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งตัวสูงใหญ่กว่า จูงมืออีกคนที่รูปร่างเล็กและดูบอบบางกว่า ผ่านจากส่วนที่อยู่ในสุดออกไป ต้องผ่านสายตาของผู้ใช้ห้องสมุดทุกคน

    ฮายาม่าก้มหน้า พยายามหลบหน้าทุกคนที่ต้องเดินผ่าน ขณะที่คนเดินนำ เหมือนแกล้งเดินช้าๆ อย่างสง่าผ่าเผย

    พอถึงประตู  อากิระหยุดกะทันหันและหันกลับหลังทันที

    พร้อมกระตุกมือขึ้นแล้วตวัดเป็นวงเหนือศีรษะของฮายาม่า

    ทำให้หนุ่มรุ่นพี่ต้องหมุนตัวอยู่ใต้วงแขนของรุ่นน้อง ราวกับคู่เต้นลีลาศกำลังโชว์สเตปทวิสอันงดงาม

    เป็นสิบกว่านาทีแล้ว ที่มือของฮายาม่ายังถูกอากิระยื้อยุดเอาไว้  

    พอหมุนตัวตัวกลับไปเผชิญหน้ากับคนทั้งห้องสมุดอีกครั้ง  อากิระก็โค้งให้ทุกคน

    เห็นได้ว่าทุกคนยังมองมา ดีที่ไม่มีใครบ้าจี้ปรบมือชื่นชมความห่ามระห่ำของอากิระ

    ด้วยสายตาทั้งหมดที่จ้องมานั้น ทำให้ฮายาม่าจำเป็นต้องโค้งให้ทุกคนเช่นกัน

    ต่างจากอากิระตรงที่เหตุผล  นั่นคือ... ‘ขอโทษที่รบกวนนะครับ’

    พอพ้นประตูห้องสมุดออกมา อากิระทำท่าจะกุมมือฮายาม่าต่อไปอย่างหน้าตาเฉย

    เขาทำทีจะเดินผ่านออกไปตามระเบียงใหญ่  ซึ่งขณะนี้มีนักศึกษาเดินกันขวักไขว่

    “ปล่อยได้แล้ว”

    “ครับ”

    อากิระปล่อยมือทันที  แถมยังทำหน้าเป็นลูกแมวเชื่องๆ

    “นายเล่นอะไรของนาย”

    “ก็...ผมอยากให้รุ่นพี่ช่วยเป็นแฟนผมหน่อย”

    “ผู้หญิงตั้งเยอะมาตามจีบนาย ทำไมต้องมาให้ผมเป็นแฟน”

    “ก็บอกไปแล้วว่าผมเป็นเกย์ แต่ไม่มีใครเชื่อ”

    “สารรูปอย่างนาย ผมก็ไม่เชื่อ”

    “ดีแล้วครับ ที่ไม่เชื่อ รุ่นพี่ฮายาม่าจะได้ไม่ต้องลำบากใจมากนัก เวลาต้องแกล้งเป็นแฟนกับผม”

    ฮายาม่าจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของหนุ่มรุ่นน้อง  

    “ทำไมล่ะ”

    “ผมอยากให้คนอื่นเชื่อว่าผมเป็น...เอ่อ...เป็น”

    “แล้วทำไมต้องเลือกผมล่ะ”

    “ก็รุ่นพี่มีพี่คายะจังแสนสวยอยู่แล้ว  แสดงว่ารุ่นพี่ไม่ได้เป็นเกย์”

    “มันยังไม่เกี่ยวกับที่นายเลือกผมอยู่ดี”

    “เกี่ยวสิครับ  เมื่อมั่นใจว่าเราทั้งคู่เป็นผู้ชายปกติ  การแกล้งคบกันเพื่อช่วยให้ผมสลัดรุ่นพี่ฮิโนเอะ จะได้สะดวกใจทั้งสองฝ่าย”

    ฮายาม่าไม่ค่อยเข้าใจความคิดของอากิระเท่าไรนัก คิดว่ายังมีอะไรแปลกๆ แอบแฝงอยู่แน่นอน

    “ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ  อากิระก็ไปหาผู้หญิงสักคนเป็นแฟนก็สิ้นเรื่อง”

    อากิระประกายตาวาวขึ้นวูบหนึ่ง  แววตานั้นมีเลศนัยแอบแฝงอย่างเห็นได้ชัด

    “พี่ไม่เอาด้วยไม่ได้นะครับ  หากพี่ฮิโนเอะเห็นผมควงสาวอื่น  รุ่นพี่ก็รู้  รุ่นพี่ฮิโนเอะร้ายกาจแค่ไหน  ผมไม่อยากให้คนอื่นต้องมารับเคราะห์”

    “แล้วผมล่ะ”

    “ก็รุ่นพี่มีแฟนอยู่แล้ว  ช่วยผมหน่อยนะครับ”

    “ขอปฏิเสธ”

    “นะครับรุ่นพี่  รุ่นพี่รับปากผมแล้วนะ”

    สิ้นคำ อากิระก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของฮายาม่าอีกครั้ง  เขาประสานนิ้วมือเข้ากันได้ทันที  

    กลายเป็นการกุมมือกันที่ฮายาม่าไม่ทันได้ต่อต้านใดๆ

    อากิระเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส เขาเกิดและเติบโตทางแถบยุโรป เพราะพ่อที่เป็นนักการทูตต้องย้ายไปประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ในภาคพื้นนั้น  คุณแม่ที่เป็นชาวฝรั่งเศสก็ย้ายตามไปเรื่อย จนมาปีนี้ที่อากิระร่ำร้องอยากกลับมาเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น ทั้งพ่อและแม่จึงยอมให้เขามาอาศัยอยู่ตามลำพังเพื่อเรียนต่อ

    การเอาแต่ใจ แสดงออกตรงไปตรงมาตามวิถีชีวิตที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก บวกกับการตระเวนไปในหลายประเทศ ทำให้อากิระรู้วิธีการเอาตัวรอด  วิธีการสร้างความสัมพันธ์ทั้งในรูปแบบการบังคับขู่เข็น และด้วยการยินยอมพร้อมใจ  

    ตอนนี้อากิระกำลังวางแผนบางอย่างกับรุ่นพี่ฮายาม่า  เขาหลงใหลรุ่นพี่คนนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าด้วยซ้ำ  เพียงแค่เห็นภาพถ่ายที่ชนะเลิศการประกวด ซึ่งกองทุนนานาชาติแห่งหนึ่งจัดขึ้น ผลงานนั้นเวียนไปจัดแสดงอยู่ในหลายประเทศ  ครั้งแรกที่เขาได้เห็น ‘ภาพถ่ายของสายรุ้ง’ ของ เอโดกาวะ ฮายาม่า  เขาก็หลงรักผู้ชายคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น

    “หรือรุ่นพี่จะให้ผมคุกเข่าลงตรงนี้อีกครั้ง”

    คนพูดทำท่าจะคุกเข่าลงจริงๆ

    “อย่าทำอะไรบ้าๆ อีกนะอากิระ”

    “แค่เป็นแฟนกันหลอกๆ จนกว่ารุ่นพี่ฮิโนเอะจะหาไปถูกใจหนุ่มคนอื่นแค่นั้นเอง”

    “นายคิดว่าฮิโนเอะเป็นพวกรักง่ายหน่ายเร็วงั้นเรอะ”

    “ครับ”

    “นายคิดผิด  จนกว่าเธอจะได้ตัวนายไว้เป็นหนึ่งคอลเลคชั่นนั่นแหละ ถึงจะยอมถอนตัว”

    “เรื่องนั้นผมจัดการเอง  ไว้ผมจะแนะนำเพื่อนๆ นายแบบ ที่ผมรู้จักให้รุ่นพี่ฮิโนเอะเอง”

    ฮายาม่าไม่เคยนึกสะกิดใจเรื่องเบื้องหลังที่อากิระมาเข้าชมรมถ่ายภาพนี่เลย  เขาเข้าใจเพียงว่าอากิระเป็นคนที่หลงใหลการถ่ายภาพขนาดหนัก อีกทั้งยังคลั่งเทคนิคการถ่ายภาพแนวธรรมชาตินิยมสไตล์ญี่ปุ่น จึงมาสมัครเข้าชมรมถ่ายภาพของมหาวิทยาลัย เพราะที่นี่ก็เป็นชมรมที่มีชื่อเสียงไม่ด้วยไปกว่ามหาวิทยาลัยอื่นใด

    “ปล่อยมือเถอะ  คนมองใหญ่แล้วนะอากิระ”

    “ไม่ครับ  จนกว่ารุ่นพี่จะเข้าใจผมเสียที”

    “เอาไว้หาที่ที่คนไม่พลุกพล่านได้ไหม  หรือเย็นนี้เราไปนั่งคุยกันเงียบๆ ที่ชมรมก็ได้  ผมจะช่วยวางแผนสลัดคุณฮิโนเอะให้เอง”

    “แต่...ผมขอรับรองว่าจะไม่ทำให้รุ่นพี่ลำบากใจไปมากกว่านี้นะครับ  หากว่ารุ่นพี่ฮายาม่ารับปาก”
    ฮายาม่ายังนิ่ง  ชำเลืองมองไปรอบตัว

    ผู้คนที่ผ่านไปมาเริ่มจับกลุ่มซุบซิบกันแล้ว

    ตัวฮายาม่าเองก็มีคนรู้จักมากมาย  นอกจากชื่อเสียงเรื่องการถ่ายภาพแล้ว  รูปร่างหน้าตาก็จัดว่าเป็นดาราได้สบายๆ  คิ้วเข้ม ตาคม เปลือกตาสองชั้นนั่นไม่รู้ว่าได้มาจากไหน จมูกโด่ง ริมฝีปากฉ่ำเต็มเป็นสีชมพู  ผิวขาวไม่ซีดจนเกินไป เพราะออกตระเวนถ่ายภาพนอกสถานพี่บ่อยๆ แม้สีผิวจะไม่คล้ำหรือรูปร่างล่ำสันเท่าอากิระ แต่ฮายาม่าก็เป็นที่หมายปองของสาวๆ หลายคน

    แต่ใครๆ ก็รู้ว่าฮายาม่าไปไหนมาไหนกับคายะจัง ผู้จัดการของชมรมถ่ายภาพเสมอ  คนทั่วไปเข้าใจว่าทั้งคู่คบกันมาตั้งแต่ปีสอง และความสัมพันธ์ก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย  

    เสียงกรีดร้องดังก้องตามจากสุดระเบียง

    ฮิโนเอะวิ่งตรงมาที่ชายหนุ่มทั้งคู่  โดยไม่ลดระดับเสียงลงสักนิดเดียว

    “ทำอะไรกันน่ะ  ไม่อายฟ้าดินผีสางเทวดาบ้างเลยนะ”

    เธอแผดเสียงดังกว่าเก่า เมื่อมาประจันหน้า  

    รอให้ฮิโนเอะหอบหายใจอีกครู่  เธอคงไปตามหาอากิระมารอบตึกนี้แล้ว

    “ทำอะไรหรือครับรุ่นพี่ฮิโนเอะ”

    อากิระถาม ทำตาใสซื่อ

    “ก็...ทำไมรุ่นพี่ฮายาม่าถึงจับมือถือแขนอากิระอยู่อย่างนี้ล่ะคะ”

    ชายหนุ่มสองคนสบตากันงงๆ  ก็รู้ๆ อยู่ว่าอากิระเป็นฝ่ายกุมมือฮายาม่าไม่ยอมปล่อย

    ฮิโนเอะยังจ้องมือที่กุมกันอยู่นั่นไม่กระพริบตา  เข้าใจว่าอีกมือที่พยายามแกะมือที่ถูกอากิระกุมอยู่ คือรุ่นพี่ฮายาม่าให้สองมือกุมมืออากิระเอาไว้

    อากิระเข้าใจความคิดของฮิโนเอะได้ในเสี้ยวนาทีต่อมา  

    เขารวบฮายาม่าไว้ในอ้อมแขนแข็งแรงอีกครั้ง

    อากิระประทับรอยจุมพิตลงบนริมฝีปากของฮายาม่าทันที

    อากิระไม่เคยทำอะไรอย่างนี้ต่อหน้าใครอื่น

    ฮิโนเอะก็ไม่เคยเห็นใครทำอะไรอย่างนี้ต่อหน้าต่อตา

    ส่วนฮายาม่า   ยิ่งไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะถูกทำอย่างนี้ต่อหน้าคนเป็นร้อยๆ

    “รุ่นพี่ฮายาม่า เพิ่งรับปากเป็นแฟนกับผมเมื่อตะกี้นี้เองครับ”

                                              *********

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×