คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : chapter 05
Chapter 5
ในความมืดและเงียบมีแต่เสียงหริ่งเรไรร้องไปทั่วเขตทุ่งหญ้าสะวันนาที่ดูเป็นสีน้ำตาลไม่มีฝนสักนิด นี่เขาอยู่ที่ไหน หลงทางเหรอ หลังจากแยกย้ายกับพี่น้องเมื่อเจอศัตรูและซอมบี้ไล่ล่าเขาหนีมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ
จงอินได้แต่เดินไปในเขตทุ่งหญ้าในกลางคืนเดือนมืดไม่มีแสงจันทร์ แล้วทีนี้เขาควรทำอย่างไรต่อไปเหมือนไม่รู้จักเส้นทางมีแต่ความเย็นยะเยือกจากภายนอกส่งเข้า เขาควรจะเริ่มจากตรงไหนดี
“เฮ้ย หาให้ทั่ว” มีเสียงเข้มเสียงหนึ่งส่งเสียงมา จงอินได้แต่หลบอยู่หลังต้นไม้ ชายผู้นั้นมีรูปร่างกำยำตัวใหญ่มากและจงอินรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา
“เราต้องหาพี่น้องตระกูลคิมและล้างแค้นให้ได้” สิ้นเสียงของซองจง สั่งการไล่ล่าพี่น้องตระกูลคิมที่ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ จงอินคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้นานจึงค่อยๆหลบหนีออกไปแต่ดันพลาดเท้าจงอินไปเหยียบใบไม้แห้งเข้า
กร๊อบบบ
“ไปดูตรงนั้นซิ” ซองจงรีบวิ่งมาที่จุดเกิดเหตุก็เห็นร่างของจงอินวิ่งออกมา
“จับมันไว้!!!” ซองจงตะโกนดังลั่นเหล่าลูกน้องทั้งหลายต่างวิ่งเข้าไปหาจงอิน ประกอบกับจงอินที่ดูเหนื่อยล้าแต่ยังฝืนร่างกายให้วิ่งต่อไปได้ จงอินวิ่งไปเรื่อยๆรู้สึกหน้ามืดเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืน ทุกอย่างดูเหมือนดับวูบลงทันที
“ที่นี่ที่ไหน” มินซอกพยายามปรับภาพโฟกัสมองให้ชัดๆ สายตากวาดไปทั่วห้องที่นี่เป็นห้องวงกลม มองไปทางไหนก็เป็นกำแพง ไม่มีประตู แสงสว่างจ้าสาดส่องมาจากภายนอกทางด้านบน มินซอกมองขึ้นไป
“หึๆๆ ทำได้ดีมากเลย์ ขอบคุณที่ยังซื่อสัตย์ต่อพ่อฉันถึงท่านจะจากไปแล้ว” เสียงของ เวนล์ลูกครึ่ง จีน-เกาหลี พูดชื่นชมเลย์ที่ทำภารกิจลุล่วง
“หมดหน้าที่ของผมแล้ว” สายตาราวน้ำแข็งส่งมาให้มินซอกรู้สึกกลัวจับใจ
“พวกแกจับฉันมาทำไม” มินซอกตะโกนบอกข้างบนที่ดูเหมือนจะสูงสัก 10 เมตรได้
“แกต้องสร้างยาไวรัสนั้นให้ฉันจะได้กำจัดพวกทหารบ้านั่นสักที” เวนล์ร้องบอกจุดประสงค์
“งั้นฉันไปหล่ะ” เลย์คิดว่าหมดธุระของตนแล้วกำลังจะเดินออกไปแต่มือของเวนล์ได้จับที่บ่าไว้สักก่อน
“นายจะกลับไปที่ป้อมนั่นหรือ” เวนล์แสยะยิ้มออกมารู้สึกสมเพช
“พวกมันเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด ทางที่ดีตัดใจจากไอ้ทหารนั่นซะ” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเลย์รู้สึกยังไงกับทหารที่ชื่อ จื่อเทา
“ฉันไม่กลับไปหรอก” เลย์บอกอย่างมาดมั่น แต่ในใจโหยหาคิดถึงใครอีกคน ที่ไม่อาจจะคิดถึงเขาเลย
“ส่วนนาย ฉันจะมาเอาสูตรพรุ่งนี้เช้า” เวนล์โยนสมุดเปล่าและปากกาให้มินซอกที่ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง
ซูโฮหลงทางจากกลุ่มพี่น้องอีกสามคนที่ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง แต่ตอนนี้เขากำลังจะทดลองยากับซอมบี้ตัวหนึ่งที่กำลังกินซากสัตว์อยู่ ซูโฮเดินไปข้างหลังอย่างช้าๆ พอได้จังหวะก็ดึงเข็มฉีดยาฉีดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ตรงซอกคอ
“อ๊ากกกกกกก” ซอมบี้ร้องโหยหวนอย่างดัง ร่างกายบิดงอไปมาอย่างไม่สมประกอบ ตาขาวของซอมบี้เบิกโพลงลูกตากลอกไปมาจนเห็นตาดำ จากนั้นร่างนั้นก็แน่นิ่งไป ร่างกายเย็นชืดเหมือนศพคนธรรมดาที่ตายไปแล้ว
“ยานี้ใช้ได้ผลกับคนที่เพิ่งติดเชื้อน่ะสิ แต่ไม่ได้ผลกับคนที่ติดเชื้อมาแล้ว” ซูโฮสรุปจากหลักฐานที่เห็น เขาต้องไปทดลองยามาใหม่
“พักที่นี่กันก่อนหล่ะกัน” เสียงลู่หานดังขึ้น ทำให้ซูโฮไหวตัวไปหลบตรงพุ่มไม้ทัน เห็นคนหกคนเดินมา
“นี่ศพคนนิ” เทาพูดขึ้นเมื่อเห็นศพผู้หญิงนอนแน่นิ่งตามเนื้อตัวเปลื้อนไปด้วยเลือด
“แถวนี้คงมีซอมบี้ เหอะ สนุกหล่ะสิ” คริสพูดขึ้นก่อนจะชักปืน G36 เดินไปหาซอมบี้บริเวณแถบนี้ ชานยอลก็ถือปืนกลตามไปเช่นกัน
“เอาเถอะ พักกัน” ลู่หานนั่งลงกับพื้นสายตาจ้องมองที่ข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายปลายทาง
ดีโอได้แต่ทำตาม เขาอยากเจอซูโฮป่านนี้ทำอะไรอยู่แต่ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองตลอดเวลา ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้สายตากลมโตมองไปทั่วบริเวณและหยุดลงตรงพุ่มไม้จ้องอยู่นาน จนเซฮุนสังเกตเห็น
“มีอะไรเหรอ” เซฮุนถามดีโอ
“เปล่า ไม่มีอะไร” ดีโอตอบแค่นั้นพอหันกลับไปดูอีกรู้สึกเหมือนเจอสายตาคู่หนึ่งมองอยู่นานจน
“เห้ย จับได้แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ” ชานยอลรวบตัวซูโฮออกจากพุ่มไม้ได้ ในที่สุดก็หาเจอ
“นายชื่อ คิมจุนมยอน หรือ ซูโฮ นี่เอง” ลู่หานมองหน้าศัตรูที่ชานยอลจับได้ ซูโฮได้แต่นิ่งไม่มีสีหน้าอะไร ดีโอตกใจที่แท้เขามองซูโฮอยู่เหรอ
“พี่น้องนายหายไปไหน มินซอกหล่ะ” ลู่หานถามขึ้นทันที แต่อีกฝ่ายกลับเงียบ
“แบคฮยอนก็หนีไปกับนายใช่ไหม” เซฮุนถามแทรกอีก แต่อีกฝ่ายกลับเงียบ
“ไม่ตอบใช่ไหมงั้นเจอนี่” ชานยอลชักปืนพกออกจากกระเป๋ากางเกงมาจ่อที่ศีรษะของซูโฮ ดีโอดูตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ซูโฮกลับดูเงียบอีกครั้ง
“ไม่สนุกหรอต้องแบบนี้” คริสชี้ปลายปืน G36 ไปจ่อที่หัวของดีโอแทน ซูโฮเริ่มตกใจพยายามทำให้นิ่งที่สุด ลู่หานที่สังเกตเห็นอาการทัน
“ถ้าไม่ตอบ ดีโอนายไปเป็นอาหารให้ซอมบี้แทน” ลู่หานเผยยิ้มชั่วร้ายออกมา ซูโฮเริ่มขัดขืนจากการจับกุมของชานยอล
“ยิงเลย และนายต้องบอกด้วยว่าเลย์ไปกับพวกนายรึเปล่า” เทาสนับสนุนให้ยิงดีโอ สายตาของซูโฮและดีโอสบตากันอย่างคิดถึง แต่ซูโฮก็ยังเงียบเหมือนเดิม คริสเหนี่ยวไกเตรียมยิง
แกร๊กกก
เสียงปืนไม่มีลูกดังขึ้นดีโอที่ตอนนี้ดูขวัญเสียอย่างมาก ซูโฮมีสีหน้าตกใจพวกนี้จะทำจริงงั้นเหรอ
“จะบอกให้เลย์ไม่ได้เป็นใบ้ เลย์เป็นหนอนบ่อนไส้ ส่วนแบคฮยอนฉันไม่รู้ ส่วนที่เหลือก็ไม่รู้อีก พวกเราแตกกลุ่มกันตอนนี้ซอมบี้” ซูโฮรีบพ่นคำพูดออกมา คริสยอมลดปืนลง ชานยอลจับตัวซูโฮมัดไว้ เทาดูตกใจไม่น้อยนี่เลย์หลอกเขาเหรอ ทำไมแปลว่าเลย์ก็หลอกลวงเขาด้วยความรู้สึกอีก
“เอาหล่ะพักกันก่อน พรุ่งนี้เดินทางต่อ
ดีโอมองไปทั่วในความมืดเห็นพวกทหารหลับกันหมดแล้ว ดีโอค่อยยันกายลุกขึ้นช้าๆไปหาซูโฮที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ดีโอแก้เชือกที่มัดตัวซูโอออกจนทำให้ซูโฮที่หลับอยู่ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ
“ดีโอนาย” ยังไม่ทันพูดดีโอก็ประกบปากลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่มทั้งความรักและความคิดถึง ตอนนี้ซูโฮแน่ใจแล้วว่าเขารักดีโอ รักมากจนไม่อยากจากกันอีก ทั้งสองผละออกจากกัน สบตากันด้วยความคิดถึง
“ผมจะไปกับคุณ” ดีโอบอกด้วยเสียงสั่น ซูโฮพยักหน้าเข้าใจกุมมือเล็กและพากันหนีออกไปช้าๆ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของคนทั้งห้าคนแอบจ้องกันอยู่
“จะปล่อยไปเลยเหรอ” เทาถามขึ้น ชายหนุ่มทั้งห้าลุกขึ้นเตรียมอาวุธพร้อมจัดแจงเสื้อผ้าให้เสร็จสรรพ
“หึ คิดเหรอว่าจะปล่อย” เซฮุนยิ้มออกมาและที่เหลือยิ้มตามจากนั้นวิ่งตามทั้งสองคนไป
ซูโฮจูงมือดีโอและวิ่งไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายปลายทางมีเสียงวิ่งตามมาจากทางด้านหลัง ซูโฮเหลียวหลังไปดูก็พบว่าเป็นใคร กระชับมือให้ดีโอรู้ตัวว่าต้องเร่งฝีเท้า
ปัง! ปัง!
เสียงปืนไล่ยิงตามคนทั้งสอง แต่ซูโฮรีบโอบกอดดีโอไว้และดึงเข้าที่ซอกตึก เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปมาทำให้คนที่ตามมารู้สึกสับสนได้บ้าง ซูโฮหยิบแก๊สน้ำตาโยนไปที่ด้านหลังเกิดควันสีขาวเต็มไปหมด ทหารทั้งห้าต้องหยุดกึกเมื่อมองไม่เห็นเส้นทาง
“หายไปแล้วว่ะ” ชานยอลสบถออกมา พวกเขาเดาซูโฮผิดคลาดจริงๆ
“ไปเอามาจากไหน” ดีโอถามซูโฮทันทีที่หลุดพ้น
“เอามาจากพวกนั้นแหล่ะ” ซูโฮบอกพลางสวมกอดอีกคนด้วยความคิดถึง
“ฉันรักนายนะดีโอ” เหมือนโลกที่สวยงามของดีโอกลับมาอีกครั้ง เมื่อเอ่ยคำว่ารักจากปากของซูโฮ
“ผมก็รักคุณ”
“นี่นายเลิกตามได้แล้ว” จงแดขึ้นเสียงใส่แบคฮยอนที่ยังตามไม่เลิก
“เหอะ คิดว่าฉันจะปล่อยนายไปได้เหรอ” แบคฮยอนยังคงยืนยันคำเดิม
“ฉันต้องการสูตรยาไวรัสตัวนั้น” แบคฮยอนยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่าย
“จะรู้ไปทำไม” จงแดยังคงเถียงต่อ
“หาวิธีแก้”
“อ๋อ เอ่อ ไม่บอกพวกฉันก็กำลังคิดวิธีแก้อยู่เหมือนกัน”
“พวกนายโรคจิตป่ะ สร้างขึ้นและยังจะแก้”
“ใช่ พวกฉันผิด แต่ที่ทำไปเพราะอยากสนองให้ไอ้คนที่ฆ่าพ่อแม่ของฉันได้เห็นว่าโลกนี้ใช้ยานี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่ทำให้ใครหลายคนต้องสูญเสียหลายอย่าง” จงแดได้แต่เก็บอาการน้ำตาไหลไว้
“นายร้องไห้” แบคฮยอนที่เห็นทันเริ่มพูดเสียงอ่อนโยน จงแดได้แต่หลบสายตาของอีกฝ่าย
“เปล่าฝุ่นเข้าตา”
ช่วงเช้าของอีกวันย่างกรายเข้ามาสมุดที่ว่างเปล่าตั้งแต่แรก ก็ยังว่างเปล่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น มินซอกได้แต่นั่งกอดเข่าตัวเอง ไม่ขยับไปไหนเชือกจากด้านบนค่อยๆไต่ลงมาพร้อมกับอาหารเช้า มินซอกได้แต่จ้องมันนิ่ง
“กินได้ ไม่มียาพิษ” เสียงเลย์บอกให้อีกฝ่ายสบายใจ
“นายโกหกคนอื่นได้ เรื่องแค่นี้ก็โกหกได้” มินซอกคิดว่าเขาพูดเบาแล้วแต่เขาลืมไปว่าเขาอยู่ข้างล่างมันเลยเสียงก้องสะท้อนไปถึงหูเลย์ได้ง่าย
“ฉันโกหกใครหลายคนมากมาย แต่โกหกใจตัวเองไม่ได้สักที” เลย์ได้แต่มองเหม่อยังแสงอาทิตย์ที่ต้อนรับของเช้าวันใหม่
“หึ ใครเชื่อก็บ้า” มินซอกยังตอกกลับไปหาเลย์ได้อีก
“ไม่หวังให้นายเชื่อ แต่หวังว่าใครอีกคนจะเข้าใจ” เลย์นึกถึงใบหน้าโหดของอีกคนนึงแต่กลับดูอ่อนโยน บนโลกนี้เขาตัวคนเดียวไม่ค่อยมีใครอ่อนโยนให้ แต่คนๆนึง ที่อ่อนโยนให้เขาเสมอ
มินซอกได้แต่เงียบไป ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด เขารู้แต่ว่าเลย์ทำหน้าที่ที่ต้องทำคงไม่คิดจะทำร้ายใครสักเท่าไหร่
“นายก็หยุดซะสิ” มินซอกพูดหวังว่าอีกคนจะได้ยิน
“หยุดเหรอ ก็คิดอยู่” เลย์หันไปสบตากับมินซอกแต่ เวนล์ดันเข้ามาซะก่อน
“เอาหล่ะ ฉันมาเอาสูตรยา” ไม่รู้ว่ามีคนจากไหนมาคุมตัวมินซอกเอาไว้และหยิบสมุดขึ้นมาเปิดดู
“ว่างเปล่า” ลูกสมุนบอกเวนล์อย่างรวดเร็ว เวนล์ไต่เชือกลงไปยังข้างล่างพร้อมชกเข้าที่ท้องของมินซอกอย่างจัง
ตุ๊บบบ
มินซอกงอจัวด้วยความเจ็บปวดจากนั้นเวนล์ก็เริ่มต่อยเขาไปมา พร้อมด้วยลูกสมุนสามสี่คนรุมซ้อมเขา
“มึงต้องบอกกูเดี๋ยวนี้ กูให้เวลามึงจนถึงพรุ่งนี้” เวนล์ต่อยที่หน้าของมินซอกอีกครั้งก่อนจะปีนขึ้นไปข้างบน มินซอกรู้สึกได้กลิ่นเลือดออกจากปากของตัวเอง เลย์ได้แต่มองอย่างช่วยไม่ได้
จงอินเบิกตาโพลงเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บจากการแทงเนื้อของเข็มฉีดยา น้ำยาสีเทาจางๆไหลเข้าสู่กระแสเลือดของจงอินอย่างรวดเร็ว
“พวกแกทำอะไร” จงอินกลั้นความเจ็บปวดไว้
“ก็แก้แค้นไง ฉันเดาออกว่าต้องเป็นนายหลังจากเห็นนายทำตัวลอกแลกที่โรงเรียนครั้งนั้น” ซองจงพูดออกไปเขาต้องสูญเสียหลายอย่าง ขณะที่เขาเรียนหนังสืออยู่เขาเห็นจงอินทำตัวลับๆล่อๆ เลยตามไปก็รู้ว่าจงอินเป็นคนแพร่เชื้อไวรัส หลังจากนั้นก็เกิดสงคราม
“ฉันขอโทษ” จงอินไม่รู้จะพูดยังไงนอกจากคำนี้ บางครั้งคำขอโทษก็ช้าไปสำหรับใครบางคน
“ขอให้สนุกกับชีวิตใหม่นะ จงอิน” จากนั้นจงอินก็ถูกโยนลงป่าไป จงอินรู้สึกเหมือนเสียการควบคุม ทำไมเขาหนาวจัง หนาวมากหิมะก็ไม่ตกนิ แต่ทำไมหนาวจนอยากจะตาย
หนาวมาก จงอินเหมือนได้กลิ่นเลือดทั้งๆที่ตรงนี้ไม่มีสัตว์ ศพอะไรเลย กลิ่นเลือดมาจากไหน เขาเริ่มรู้สึกหิว หิวมากอยากกินเลือด เลือด จงอินลุกขึ้นมาเดินตามกลิ่นเลือดที่ได้กลิ่นมา อา หอมจัง ถ้าได้ลิ้มลองคงอร่อยน่าดู
“ฉันว่าแยกย้ายกันตามหากันดีกว่า” คริสลงความเห็น ยังไงๆแต่ละคนก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว
“จะดีเหรอ” เซฮุนถามขึ้น เคยได้ยินไหม คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนยังสบาย แต่นี่ห้าคนคงจะสบายมาก
“แยกกันก็ดีนะ ซูโฮบอกว่าพี่น้องรวมทั้งเลย์ และแบคฮยอนต่างก็กระจัดกระจายหายไปหมด” เทาเสนอความคิด
“พวกเราจะได้แยกย้ายหากันได้” ชานยอลเพิ่มอีก ทีนี้รอแต่หัวหน้ากลุ่มตอบตกลงเท่านั้น
“โอเค ตามนี้”
กร๊าซซซซซซซ
“ฟังสิ มันมาอีกแล้ว” จงแดพูดขึ้นขณะที่พวกเขาหาของกินในห้างแห่งหนึ่งที่ตอนนี้ดูเหมือนร้างมากๆ
“เสียงนี่เป็น” ไม่ต้องรอให้แบคฮยอนพูดจบ ซอมบี้นับสิบตัวต่างวิ่งมาทางแบคฮยอนและจงแด
“วิ่งงงงงง” ทั้งสองพูดพร้อมกันแต่คราวนี้ต่างวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง จงแดวิ่งต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก็เจอไม้เบสบอลในร้านกีฬาจงแดหยิบไม้ขึ้นมาเตรียมฟาดไปอย่างแรงที่ซอมบี้แต่ละตัว
จงแดฟาดไปมาพอเห็นว่าไม้เบสบอลช่วยอะไรได้ไม่มาก จงแดก็รีบวิ่งออกจากห้างอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต ตั้งแต่โลกเข้าสู่ยุคนี้เขาวิ่งไม่คิดชีวิตนี่กี่รอบแล้ว เขาอยากจะนั่งหรือนอนให้เต็มตาบ้าง จงแดเห็นตู้ใบหนึ่งก็เข้าไปหลบอยู่ในตู้ทันที
จงแดหายไปไหนทำไมไม่ตามเขามา นี่คือสิ่งที่แบคฮยอนคิด หรือว่า จงแดคิดจะหนีเขาไม่ได้นะเขายังไม่ได้สูตรยาเลย แบคฮยอนก็ว่าจะย้อนกลับไปแต่เห็นฝูงซอมบี้มายังไงซะ เขาก็ยังรักชีวิตตัวเองอยู่ดี
ซูโฮพาดีโอมาที่ๆหนึ่งโดยผ่านไปรถไฟใต้ดินเข้าอุโมงค์ที่ดูลึกเข้าไปอีก ก็เจอกำแพงที่ดูผิวเผินเหมือนกำแพงธรรมดาแต่มันเป็นประตูที่เข้าไปอยู่ในอีกห้องหนึ่ง เป็นห้องทดลองขนาดเล็กพร้อมศพซอมบี้มากมายเกลื่อนกลาดที่ตายจากการทดลองยา
“คุณคิดจะทำอะไร” ดีโอสงสัยขึ้นมา
“หายาแก้ แต่ตอนนี้คงอีกไม่ไกลก็สำเร็จ” ซูโฮอธิบาย
“โลกก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม”
“ใช่ อาจดีขึ้นกว่าเดิมอีก” ซูโฮยิ้มแต่แฝงไปด้วยความเศร้า ดีโอเห็นก็เข้าไปสวมกอดให้กำลังใจ
“ถึงจะให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ชีวิตคนสร้างขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี” ซูโฮพูดอย่างเศร้าสร้อย
“แต่อย่างน้อยคุณก็ทำให้มันดีขึ้น” ดีโอยิ้มให้กำลังใจอีกฝ่าย ซูโฮลูบผมดีโออย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างฉัน”
มินซอกกุมที่ท้องของตัวเองอีกครั้ง เนื้อตัวขาวๆเต็มไปด้วยรอยช้ำจากการทุบตีหลายๆแห่ง ร่างกายของมินซอกมีรอยช้ำเขียว บางที่ก็มีบาดแผลเต็มไปหมด เขารู้สึกว่าไม่ได้กินข้าวกับน้ำมาหลายวันแล้ว
“ขอนะ น้ำหน่อย” เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาขออีกฝ่ายที่ยืนดูเขาอยู่
“ทำไมนายต้องทน” เลย์ถามดูหลังจากที่เวนล์รุมซ้อมมินซอกเสร็จ มินซอกได้แต่ฝืนยิ้มให้ เขาไม่อยากทำลายโลกอีกแล้ว พอแล้ว สิ่งที่เขาได้รับดูน้อยเกินไป
“น้ำ” เลย์ยื่นขวดน้ำให้ มินซอกรับมาดื่มอย่างรวดเร็ว เพราะความหิวกระหายทำให้สำลักน้ำออกมาบ้าง
“ขอบใจ” มินซอกพูดจากใจจริง
“นายไม่โกรธฉันเหรอ” เลย์จ้องหน้าอีกฝ่าย
“หึ โกรธสิ โกรธมากๆด้วย” มินซอกยิ้มมุมปาก
“อืม ขอโทษ” เลย์พูดได้แค่นี้เตรียมจะจับเชือกและปีนขึ้นไป
“อยากบอกให้ พ่อของไอ้เวรนั่นน่ะมีพระคุณต่อนายไม่ใช่ไอ้หมอนั่นสักหน่อย” มินซอกพูดขัดขึ้น
“แต่ท่านดันเสียไปก่อน ฉันก็เลยได้แต่ตอบแทนผ่านทางลูกชาย”
“อ่อ อยากทำอะไรก็ทำ” มินซอกเขย่าขวดไปมา อะไรกันน้ำหมดแล้ว ตอนนี้รู้สึกหิวจัง
“อ่อ เดี๋ยว หาข้าวให้กินหน่อยสิ” มินซอกรีบพูดต่อ แต่คราวนี้เหมือนขอร้องมากกว่า
“ได้สิ” เลย์ขึ้นไปข้างบนแปปเดียวก็ค่อยหย่อนเอาอาหารมาให้ มินซอกเห็นก็ตาวาวเขาหิวเขาอยากกิน ไม่ทันที่สมองสั่งการ มินซอกก็ไปจัดการกับอาหารตรงหน้า
“ทุกคนไปกินข้าวหมดแล้ว” เลย์พูดเสร็จพร้อมหย่อนเชือกให้ปีนขึ้นไป เลย์ส่งยิ้มให้ก่อนที่ตัวเขาเองจะหนีเหมือนกัน
“ห๊ะ” มินซอกมองสักพักก็เข้าใจความหมาย
“เดี๋ยวไปด้วยกัน” มินซอกตะโกนบอก เลย์ได้แต่ยิ้ม
“ฉันจะไปที่ป้อมนายคงไม่อยากไปใช่ไหม” เลย์บอกเป้าหมายของตนและเดินจากไปเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ไป
“งั้นฉันต้องรีบหนี” มินซอกเอาข้าวเข้าปากคำสุดท้าย ก่อนจะคิดว่าควรไปไหนดี
Talk
ห่างหายไปนาน ยังไงก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังนะคะ
:) Shalunla
ความคิดเห็น