ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ความรู้สึกที่มากขึ้น
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่สุดแสนจะปวดหัวบวกเจ็บใจที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับสาวลูกครึ่งสุดสวยที่เจอกันอย่างคาด
ไม่ถึงและดูเหมือนว่าในคืนนั้นที่ฉันหายตัวไปจะไม่มีเพื่อนๆคนไหนสงสัยหรือเป็นห่วงกันเลยสักนิดและนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีต่อฉันเสียเหลือเกินให้ตายสิ ตอนสายๆของวันหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน พี่สวยลูกเจ้าของร้านสะดวกซื้อใต้หอพักของฉันรีบขึ้นมาหาฉันที่ห้องด้วยอาการรีบร้อนและตื่นเต้นจนฉันทำหน้างงขึ้นทันที แต่เมื่อเธอบอกถึงสาเหตุเท่านั้นหละฉันแทบจะกระโดดกอดพี่เขาเลยหละ
“จริงหรอพี่!...เค้าเรียกเบลล์ไปสัมภาษณ์แล้วหรอ”ฉันตื่นเต้นมากๆกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาว่าบริษัทที่ฉันได้ไปสมัครงานไว้ตั้งแต่เรียนจบได้ไม่กี่วันได้ติดต่อกลับมาแล้ว ฉันอยากทำงานตามสาขาออกแบบที่เรียนจบมาเพราะไม่เช่นนั้นฉันจะมีความรู้สึกว่า แล้วเราจะเรียนไปทำไม เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองเรียนจบ ฉันรีบไปสมัครงานที่บริษัทผลิต
ฟอร์นิเจอร์และสุขพันธ์แห่งนี้ทันทีเพราะได้ฟังจากคำของรุ่นพี่หลายๆคนและรวมถึงเพื่อนบางส่วนพากันมาสมัครที่นี้ พูดตามความจริงก็ตามเขามาอะหละ ก็คนอย่างฉันมันไม่ค่อยมีจุดหมายอะไรในชีวิตมากมายนิหน่า
“จริงสิ พี่จะมาอำเราเล่นทำไม”เธอยิ้มดีใจไปกับฉันด้วยอีกคน แต่เอ๋...เธอจะดีใจไปกับเราทำไม่หว่า?
“แต่ว่าขอโทษทีนะพี่ ที่ทำให้พี่ต้องลำบาก พอดียังไม่มีตังซื้อโทรศัพท์ใหม่อะ แต่ดีนะที่เค้าให้บอกเบอร์ร้านพี่เผื่อเอาไว้ด้วยไม่นั้นแย่แน่ๆ”ฉันตอบไปพร้อมกับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เพราะแค่เพียงพูดคำว่าโทรศัพท์ที่ไรฉันมักจะนึกถึงเรื่องในวันนั้นทุกทีสิ
“ถึงว่าหละทำไมถึงโทษเข้ามาที่ร้านไม่โทรมาหาเราเลย...แล้วโทรศัพท์เป็นอะไรหละ” เอาแล้วไงจะตอบยังไงดีหละเนียเราจะบอกว่าโดนสาวสวยเหยียบเพราะเข้าไปร่วมวงรักสามเศร้าก็กระไรอยู่
“ก็วันนั้นหละพี่ ทำมันหล่นเลยโดนคนที่เต้นอยู่เหยียบอะ”ฮาฮาแหลเก่งจริงเลยเรา แต่ในใจก็คิดไปว่าเขาจะเชื่อคำพูดของเราหรือป่าวหน่อ
“อ๋อ...มิหน้าหละถึงได้ทำหน้าแบบนั้นกลับมา”เธอพูดยิ้มๆก่อนจะพูดต่อไปว่า
“เออนี้ ทางนั้นเค้าบอกให้ไปที่บริษัทก่อนสิบโมงนะ”เธอทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ให้ฉันรีบหันไปมองนาฬิกาแขวนที่อยู่ในห้องทันที
“ตายหละหว่า! เก้าโมงจะครึ่งแล้ว ขอบคุณนะพี่ที่เพิ่งบอกอะ”ว่าแล้วฉันก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไปอย่างเร็ว ก็โถ่~~ คนมันเพิ่งจะตื่นตอนที่สาวสวยมาเคาะประตูมะกี่นิเองนิ น้ำท่าเลยยังไม่ได้อาบ อะไรก็ยังไม่ได้ทำซักอย่าง
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” เธอตระโกนเข้ามาในห้องน้ำแข่งกับเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังในระดับหนึ่ง
“แล้วพี่ไม่ดูร้านหรอ”
“ไม่เป็นไรวันนี้พี่ว่าง ป๊ากับม๊าเขาอยู่ร้าน”เธอพูดให้ฉันรู้สึกแกรงใจอีกแล้วสิ ในวันสมัครรึพี่สาวคนนี้ก็ไปเป็นเพื่อน แล้วยังจะมาวันนี้อีก
“ไม่เป็นไรพี่เดียวเบลล์ไปเองก็ได้”ฉันพูดด้วยความรู้สึกแกรงใจแบบสุดๆ
“ไม่เป็นอะไรเดียวพี่ไปด้วย พอดีจะได้ไปหาบอมเขาด้วย” อะโด่ที่แท้เจ๊เขาก็มีเป้าหมายอย่างนี้นิเอง
“แหมๆๆไม่ค่อยเลยนะพี่สวย”ฉันพูดล้อเธออย่างเช่นทุกๆครั้งที่เธอพูดถึงชายหนุ่มมาดเข้มอย่างวิศวกรหนุ่มไฟแรงที่คอยtake care กันเกิบทุกเวลา จะว่าไปมันก็หน้าอิจฉานะที่มีคนมาดูแลเอาใจใส่ ไปไหนก็ไม่ต้องไปคนเดียว ก่อนนอนก็มีคนโทรหาแล้วก็คุยๆๆๆๆๆ คุยจนหลับคาโทรศัพท์กันไปนั้นหละ เออแล้วเราจะไปอิจฉาเขาทำไม่เนียชีวิตแบบนี้สิสุดสนุกที่สุด ไปไหนก็ไปไม่ต้องมีคนมาค่อยตาม ทำอะไรก็ไม่ต้องมีใครมาค่อยห้าม จะแซวใครก็แซวไปเรื่อยไม่ต้องมีใครมาคอยหวงค่อยหึง มางอนให้เราต้องมานั่งง้อ แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือตอนอยู่คนเดียวมันรู้สึกเหงานี้หละ จะทำอะไรก็เหมือนยังขาดอะไรบางอย่างไป ก็คงเพราะเรื่องนี้มั้งที่ทำให้เรารู้สึกอิจฉาชาวบ้านเขา
ฉันใช่เวลาไม่นานในการอาบน้ำก่อนจะกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวสะอาด ผืนเดียวที่ปกปิดร่างกาย ก่อนจะเปิดประตูออกมาเจอกับภาพที่ทำให้ฉันต้องร้องเสียงหลง
“เฮ้ย!!! พี่ทำอะไร ไม่ต้องเลยพี่เดียวเบลล์เก็บเอง”ก็ภาพที่เห็นคือพี่สวยกำลังจัดเก็บเตียงนอนที่แสนจะหาระเบียบไม่เจอของฉันอยู่นะสิ
“ไม่เป็นอะไร เราก็เหมือนน้องพี่คนหนึ่ง ว่าแต่นี้จะยื่นตรงนั้นอีกนานไหมเดียวบัดดึงเลยนิ”เธอพูดพร้อมทำท่าจะลุกมาดึงเจ้าผ้าเช็ดตัวออกจากตัวฉันจริงๆ
“อย่านะพี่ อย่านะเดียวก็ตาบอดไม่รู้ตัวหลอก”ฉันพูดแล้วรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆเตียงเพื่อเลือกหาเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
“คงไม่หลอกมั้ง เบลล์ออกจะหุ่นดีหน้าตาก็พอดูได้พี่ว่าจะตาเยิ้มสะมากกว่านะนั้น”ว่าแล้วเธอก็หัวเราะขึ้นเบาๆ
“เหอะๆ นี้จะชมหรือด่ากันแน่เนีย”ฉันพูดไม่จริงจังนักเพราะรู้ตัวเองดีว่าตัวเองเป็นอย่างไร ก็เป็นคนแบบนี้อะแล้วใครจะทำไม ไม่ใช่เพราะหน้าตาหรอนะที่ทำให้ตอนนี้ยังโสด แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีชายหนุ่มมาจีบเลยซะเมื่อไหรแต่เป็นเพราะฉันมันรสนิยมไม่เหมือนคนปกติเขานะสิ จนบางครั้งเลยมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นว่า “เราจะเป็นทอมหรือเลสเบี้ยนแล้วมันหนักตรงไหนของใครอะ โลกของเรามันแคบอยู่แล้วอย่าบีบให้มันแคบเข้าไปอีกได้มะ” นี้หละความรู้สึก แต่เรามันก็บ้าเหมือนกันเนาะที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่มีอักคติกับพวกรักร่วมเพศแบบนี้เนีย แต่เพื่อนมันก็รู้นะแต่มันบอกว่ารับได้เพราะเป็นเพื่อนกัน อ้าวแล้วถ้าไม่ใช่เพื่อนหละหว่า?
หลังจากนั้นฉันและพี่สวยก็พากันเดินลงที่ลานจอรถใต้หอ ฉันเดินตรงไปยังรถที่รถมอเตอร์ไซท์คันเก่งทันที่แต่ก่อนที่ฉันจะได้ก้าวขึ้นไปนั่งก็ถูกพี่สวยห้ามไว้เสียก่อน
“จะทำอะไร ไม่ต้องเลยไปรถพี่”
“ทำไม่ไปรถเบลล์ก็ได้ ขับสะดวกดีกว่ารถยนต์ของพี่ตั้งเยอะ”ฉันพูดพลางหยิบกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างออกมา แล้วนำมันเสียบเข้าที่โดนทันที่
“ไม่ต้องเลยบอกแล้วไงว่าไปรถพี่”เธอพูดแล้วก็ค้าวลูกกุญแจออกจากรถของฉันในทันที่แล้วเดินไปที่รถสีน้ำเงินสดไซท์มินิของเธอทันที
“นี้พี่!”ฉันตะโกนเรียกเธออย่างดังแบบใส่อารมณ์นิดๆ แต่เหมือนเธอจะไม่ตอบสนองกับเสียงเรียกของฉันแม้แต่น้อย ให้ตายสิคนอะไรวะเนียเอาแต่ใจตัวเองซะมัด ว่าแล้วฉันก็ต้องจำยอมเดินตามเธอไปขึ้นรถคันสีน้ำเงินสดของเธอในทันที และแล้วรถก็เคลื่อนออกไปสู่ถนนใหญ่ในทันที่ ฉันใช่เวลาในการเดินทางตั้ง30นาที กว่าจะถึงบริษัทขนาดว่าวันนี้รถไม่ค่อยติดเพราะคนส่วนใหญ่ออกไปทำงานกันตั้งแต่เช้าตู่แล้วก็ตามอานะ
“เห็นไหมพี่เบลล์บอกแล้วว่าให้เอารถเบลล์ออกมาก็ไม่เชื่อ แล้วนี้ยังไงมาสายซะขนาดนี้เลยพี่อะ”เมื่อรถจอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถกลางแจ้งของบริษัทฉันก็เริ่มบ่นพร้อมกับก้าวลงจากรถในทันที่
“ขอโทษ...ก็นึกว่าถนนมันจะโล่งกว่านี้อะอีกอย่างพี่กลัวดำด้วย”เธอพูดพร้อมกดล็อกรถทันที่เมื่อหยิบกระเป๋าถือใบสวยออกมาจากรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“กลัวดำเนียนะ”ฉันพูดอย่างเน้นคำเล็กน้อย
“ก็ใช่สิ ถ้าดำแล้วหมดสวยขึ้นมาแล้วใครจะมาสู่ขอพี่หละ”ฉันสายหน้าให้กับคำพูดของเธอเล็กน้อยก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังตัวอาคารของบริษัทในทันที
“อ้าว! นี้เบลล์รอพี่ด้วยสิ”ว่าแล้วเธอก็เดินกึ่งวิ่งตามฉันทันที่ ส่วนฉันก็ไม่คิดแม้จะหยุดรอเธอแม้แต่น้อย ก็จะหยุดทำไมหละในเมื่อยังไงอีกฝ่ายก็ตามมาทันอยู่แล้วนิ
“พี่พูดแค่นี้ทำเดินหนีนะ ถ้าพี่ไม่มีคนมาขอ เราต้องมาขอพี่นะ”จู่ๆขนฉันก็ลุกขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่ออีกฝ่ายพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แถมน้ำเสียงมันก็ดูจริงจังแบบแปลกๆอีกด้วยสิ
“พอเลยพี่ มันไม่มีทางเป็นได้อยู่แล้ว”ฉันพูดตัดบทในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในตัวอาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันรีบเดินตรงไปที่พนักงานต้อนรับในทันที เพราะที่บริษัทแห่งนี้เป็นทั้งบริษัทและศูนย์รวมของตกแต่งและฟอนิเจอร์ อยู่ด้วยกัน จึงทำให้ที่นี้มีอาณาเขตที่กว้างขางมากพอสมควร
“ขอโทษค่ะ คือว่ามาสมัครงานไว้ แล้วทางนี้นัดมานะคะ”ฉันพูดอย่าเขินๆนิดๆ ก็แหม่พนักงานต้อนรับสวยบาดใจซะขนาดนั้นจะไม่ให้มีอาการบ้างก็กะไรอยู่
“สักครู่นะคะ”ว่าแล้วเธอก็รีบเปิดดูแฟ้มข้อมูลทันที
“คุณพนัดดา วงศ์สุวะใช่ไหมค่ะ”เธอถามด้วยรอยยิ้มจนฉันเริ่มเกิดอาการใจเต้นเร็วนิดๆ ก็นะรอยยิ้มของเธอมันช่างสวยเสียนี้กระไร ถ้ามันเป็นของมีค่าที่สามารถขอซื้อได้นะฉันจะขอซื้อมันมาเก็บไว้ ราคาเท่าไรค่อยว่ากันอีกที
“ใช่คะ”ฉันตอบในทันที
“คุณชนันต์รออยู่ที่ห้องมิตรสัมพันธ์แล้วคะ”เธอพูดพร้อมกับผายมือไปยังชั้นสองห้องริมสุดทางขาวมือทันที่
“อ๋อ...คะขอบคุณคะ”ฉันยิ้มให้เธอครั้งนึ่งก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น
“ไปหาพี่บอมก็ได้นะพี่ เบลล์ไม่ได้ว่าอะไร”ฉันพูดกับสาวสวยที่เดินอยู่ข้างๆ
“ไม่เป็นอะไรพี่เดินดูของที่นี้ก่อนแปปนึ่งแล้วค่อยไปก็ได้”ว่าแล้วเธอก็เดินแยกตัวออกไปในทันที ฉันเริ่มทำตัวให้เข้าสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุดพยายามทำตัวสบายๆไม่ให้ตื่นเต้นจะได้ไม่ต้องเผื่อทำเรื่องอะไรไม่เข้าเรื่องออกไปให้ขายหน้า เหมือนทุกครั้งที่สติเริ่มไปอยู่ที่ไหนไม่รู้ ฉันก็จะทำเสียเรื่องซะทุกที เมื่อฉันมาถึงหน้าห้องฉันก็ต้องหยุดแล้วหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูห้องออกจู่ๆอาการขาสั่นนิดๆก็เกินขึ้นระหว่าที่ฉันก้าวเดินไปยังเก้าอี้ที่ถูกวางอยู่ตรงกลางห้อง เมื่อฉันนั่งลงทามกลางสายตาของหัวหน้างานสี่ท่านฉันก็เริ่มรู้สึกประมาณขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันก็ยังคงมองสบตากับคนเหล่านั้นอย่างเก็บอาการให้ได้มากที่สุด นั้นคือแววตาเฉยชาและอาการที่สงบนิ่งที่เคยใช่ได้ผลกับอาจารย์และหัวหน้างานในช่วงฝึกงานมาแล้วนั้นเอง
“คุณมาสายคุณรู้ตัวไหมคุณพนัดดา”ชายวัยกลางคนนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังจนหน้าขนลุก แทบอยากจะออกไปจากห้องเลยของบอก แต่ขอโทษทีนะที่มันไม่ใช่ฉัน หน้าด้านอยู่แล้วคร๊า~~~
“ทราบคะ”ฉันตอนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ถ้าทราบดีแล้ว คุณก็คงจะทราบดีว่าที่นี้ไม่ต้องการคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ชะนั้นแล้วก็คงไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกเชิญคุณกลับไปได้”จู่ๆชายคนนั้นก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะเดินออกไปเสียดื้อๆ อ้าว...อะไรวะตาลุงคนนี้ดูเขาพูดทางนี้เพิ่งโทรไปบอกร่วงหน้าแค่40นาทีแล้วมันจะทันได้ไงวะ
“เดี่ยวก่อนสิคุณธณากร คนเรามันมีเหตุผลที่ทำผิดพลาดกันทั้งนั้นหละ เชิญคุณนั่งลงก่อนเถอะ”ชายสูงวัยอีกคนหนึ่งพูดขึ้น “ต้องอย่างนี้สิถึงจะหน้านับถือหน่อย”ฉันคิดในใจ และแล้วฉันก็เผื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายสูงวัยคนนั้นอย่างไม่ตังใจ ก่อนจะหันไปทางอื่นเมื่อชายคนที่ลุกขึ้นกลับลงมานั่งยังที่เดิมอีกครั้ง
“ก็แล้วแต่ท่านประธานครับ”ห๊าว่าไงนะ ท่านประธานงั้นหรออย่าบอกนะว่าฉันเผื่อทำในสิ่งที่เหมือนจะฆ่าตัวเองไปแล้วเมื่อกี่ ก็จะมีลูกน้องที่ไหนกล้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของเจ้านายเพื่อหาอารมณ์ของอีกฝ่ายกันหละ งานเข้าแล้วไงไอเบลล์เอ๋ย แล้วต่อไปจะเป็นยังไงเนียเรา
“แล้วลูกสาวตัวดีของฉันมันยังไม่มาอีกรึ”จู่ๆชายสูงวัย อุ๋ย! ไม่ใช่สิ จู่ๆท่านประธานก็ถามพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในระหว่างที่ชายสูงวัยอีกคนกำลังกลับมานั่งยังที่เดิมของตนอีกครั้ง
“คือ...เรากำลังให้คนไปตามอยู่ครับ”หญิงสาวอีกคนหนึ่งพูดขึ้น
“ได้มีใครไปบอกมันไว้หรือป่าว ว่าจะมีนัดสำพาสพนักงาน เดี่ยวเรารับเข้ากันเองแล้วมันจะเป็นเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วอีก”จู่ๆเสียงของท่านประธานก็ดูจริงจังขึ้นในทันทีจนเหมือนกับว่าความตรึงเครียดกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
ว่าแต่ไอครั้งที่แล้วมันเป็นยังไงหว่า แล้วนี้ฉันต้องได้รับการตัดสิ้นจากคนๆเดี่ยวหรือนี้แถมยังเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัทนี้อีก แถมดูท่าทางจะไม่เอาไหนซะด้วยสิ สงสัยถ้าจะเป็น playgirl ซะด้วยมั้ง ถึงได้มีปัญหากับพนักงานคนก่อน
“บอกไว้ตั้งแต่ตอนที่คุณหนูเข้ามาที่บริษัทแล้วครับท่าน”ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ จนฉันเริ่มจะรู้สึกตัวสั่นๆขึ้นมาแล้วสิ
“แล้ววันนี้มันมาทำงานกี่โมง”เสียงเข้มๆของท่านประธานถามขึ้นให้ชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้าแล้วตอบอย่างตะกุตะกะไปว่า
“คะ...คือว่า...คะ...คุณหนูเข้ามาตอนสะ...สิบโมงครับท่าน” ว่าแล้วก็เหมือนฟ้าจะผ่าลงกลางห้องเมื่อสิ้นคำพูดของชายหนุ่ม
“หะ! มันเพิ่งจะมาทำงาน ซักไม่ไหวแล้วไอลูกคนนี้ คุณรีบไปพามันมาเดี่ยวนี้เลยนะคุณสศิกร”ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ก็นะคนมันกลัวนิจะให้นั่งก้นติดเก้าอี้ได้ยังไง เมื่อเจ้านายเริ่มพิโรศแบบนี้ แต่เมื่อเขาเปิดประตูออกก็ต้องสะดุ้ง เพราะเมื่อประตูถูกเปิดออกก็มีเสียกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่หลังบานประตูและเมื่อเขาเดินออกไปดูว่าสิ่งนั้นคืออะไร เขาก็ต้องตกใจแล้วรีบขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ ฉันและทุกคนที่เหลือก็ได้แต่ทำหน้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ตรงข้างนอกนั้น
“นี้นายทำอะไรให้มันหัดระวังซะมั่งสิ ถ้าฉันเสียโฉมขึ้นมาจะว่ายังไง”เสียงหวานๆของผู้หญิงดั่งขึ้นและเสียงนั้นเองที่ทำให้คนทั้งห้องได้กลับมาทำสีหน้าปกติเหมือนกับว่ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จะเหลือก็แต่ฉันนิหละที่ยังคงนั่งหน้างงอยู่ แล้วยิ่งสงสัยเข้าไปอีก ก็เพราะเสียงที่ได้ยินนั้นมันช่างคุ้นหูเสียนี้กระไร และเมื่อเจ้าของเสียงหวานนั้นย่างกายเข้ามาในห้อง ฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งอึกตัวชา เมื่อภาพที่เห็นคือหญิงสาวผมบลอนในตาสีน้ำตาลที่ขโมยจูบแรกของฉันไปเมื่อหลายคืนก่อนนั้นเอง และดูเหมือนเธอจะยังไม่ทันได้สังเกตเห็นฉันเสียด้วยสิ อะไรหว่าทำเราเป็นเหมือนธาตุในอากาศอีกแล้วสิเธอคนนี้ ว่าแล้วจู่ๆหัวใจของฉันมันก็เต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆเพราะจู่ภาพในคืนนั้นมันก็กลับเข้าในหัวของฉันอีกครั้ง
“เรียกมาทำอะไรแต่เช้าเนียDAD”เธอพูดอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
“ก็เรียกให้แกมาสำพาสพนักงานใหม่นี้ไง เดี่ยวแกก็ไม่พอใจเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วอีก ฉันตามใจแกก็เพราะเห็นว่าคนที่เข้ามาต้องเป็นคนที่ต้องทำงานกับแก ฉันเลยจะให้แกเลิกเองซะ จะได้ไม่พานหาเรื่องชาวบ้านเขาอีก”ท่านประธานพูดเดี่ยวน้ำเสียงที่ดูจริงจังและดูท่าทางคงจะเหนื่อยใจกับลูกสาวคนนี้มากเสียด้วยสิ
“แล้วไหนคะDAD...คนที่ว่า”เธอถามพลางนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆผู้เป็นพ่อ
“นั้นไง”ว่าแล้วท่านประทานก็ชี้มายังกลางห้อง ร่างบางมองตามนิ้วของผู้เป็นพ่อก็ต้องร้องเสียงดังออกมาในทันที่ ก็ในเมื่อสิ่งที่ท่านชี้มาก็คือฉันอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี้เธอ!!!”ร่างบางทำสีหน้าตกใจเมื่อมองมายังกลางห้องตรงที่ฉันนั่งอยู่ ฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้เธอ ฮาฮา~~~ในที่สุดเธอก็เห็นเรา จะดีใจดีไหมเนีย?
“คนนี้หรอDAD”
“ก็ใช่นะสิ แกก็ต้องเป็นคนเลือกด้วยว่าจะให้ทำงานกับแกหรือป่าว”หลังจากนั้นการสำพาสงานอย่างจริงจังก็เริ่มขึ้นโดยที่หัวหน้างานเป็นคนถามส่วนฉันก็ได้แค่ตอบกับแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไปเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเสียงหลุดออกมาจากปากของร่างบางแต่อย่างใด แม้แต่ความคิดเห็นใดๆก็ไม่หลุดออกจากปากของเธอแต่อย่างไร เธอได้แต่นั่งทำหน้าเฉยชาอย่างคนไร้จิตวิญญาณ จนกระทั้งการสำพาสนั้นจบลง
“เอาหละครับคุณพนัดดา ขอบคุณครับที่มา แล้วเราจะติดต่อกลับไปอีกทีนะ
ครับ”ชายวัยกลางคนพูดขึ้น
ครับ”ชายวัยกลางคนพูดขึ้น
“ดะ...เดียวสิคะคุณธณากร ทำไม่ต้องรอติดต่อกลับไปด้วยหละค่ะ ก็ในเมื่อพวกคุณให้ฉันเป็นคนตัดสินใจเองไม่ใช่หรอคะ”ว่าแล้วร่างบางก็พูดทันที่หลังจากที่นั่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้มาเกือบครึ่งชั่วโมง
“กะ...ก็ใช่ครับ”ชายสูงวัยตอบอย่างแกรงๆ โอ๊ย~~~ผู้ใหญ่อะไรกลัวเด็กหรือว่าพี่เค้าจะน่ากลัวจริงๆหว่า?
“งั้นฉันเลือกคนนี้คะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง แหอะๆนี้ฉันมาสมัครงานหรือว่างานดูตัวกันแน่เนีย
“แต่ว่ายังมีคนอื่นที่รอการเรียกตัวอยู่อีกนะครับคุณแคท” ชายวัยกลางคนแย้งขึ้นในทันที่
“ฉันเลือกแล้วคะคุณธณากร”น้ำเสียงของเธอยังคงจริงจังเช่นเคย และคำพูดจริงจังของเธอนิเองที่ทำให้ท่านประธานเผือยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ตะ...แต่ว่า”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นคะ”
“ทะ...ท่านประธานครับ”
“ก็พวกเราให้แคทเค้าเป็นคนเลือกเองนิ เมื่อเขาเลือกแล้วนั้นคือข้อสรุปของทุกอย่าง”เมื่อท่านประธานพูดจบก็เดินออกจากห้องไปในทันที แล้วต่อจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเถียงลูกสาวท่านประธานผู้นี้อีก
“เอาหละถ้านั้น.....เบลล์ไปหาอะไรท่านกัน”ว่าแล้วเธอก็เดินเข้ามาจับที่ข้อมือของฉัน จนคนในห้องมองกันด้วยสีหน้างุนงงแบบสุดๆ
“ดะ...เดี่ยวสิพี่”ว่าแล้วฉันก็ถูกเธอลากออกจากห้องไป พร้อมๆกับอาการมองหน้ากันของคนในห้อง
“นี้! เดี่ยวสิ”ฉันกระแทกเสียงออกไปอย่างดังจนคนที่อยู่ในเหตุการณ์มองมาที่ฉันสองคนเป็นตาเดียวกัน
“พูดเบาๆไม่เป็นหรือไงฮะ”เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือเรียวๆของอีกฝ่ายรีบปิดปากของฉันอย่างเร็ว
แต่ก็เพียงครู่เดี่ยวเท่านั้นทุกอย่างก็เหมือนจะเข้าสู้สภาวะปกติเมื่อเธอรีบพาฉันลงมายังส่วนของชั้นหนึ่งในทันที
ละดูเหมือนจะในวินาทีที่ฉันได้กว้างลงบันใดขั้นสุดท้ายก็มีสาวหมวยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดี
“เสร็จแล้วหรือเบลล์”ไม่ใช่ใครอื่นพี่สวยของเรานั้นเอง เธอยิ้มให้ฉันก่อนที่จะมองไปยังคนข้างๆฉันด้วยท่าทางที่ตกใจและดูเหมือนว่าอีกคนก็ตกใจไม่แพ้กัน
“คะ...แคท”จู่ๆสาวหมวยก็พูดชื่อของอีกฝ่ายขึ้น
“เธอมาทำอะไรที่นี้”ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆเพราะดูเหมือนความประหลาดใจยังคงวนเวียนอยู่ในตัวของเธออยู่ แต่ว่าสองคนนี้เค้ารู้จักกันมาก่อนหรอ?
“รู้จักกันด้วยหรือพี่”ฉันถามออกไปอย่างสงสัย
“อ๋อ...คือว่าเราสองคนเคย.....”ก่อนที่ร่างบางจะพูดอะไรต่อก็ถูกมือขาวๆของสาวหมวยปิดเอาไว้เสียก่อน
“เราเป็นเพื่อนเก่ากันนะจ๊ะเบลล์”เธอยิ้มหวานมาที่ฉันก่อนจะขอตัวไปคุยกันตามลำพัง ส่วนฉันก็ได้แต่ทำหน้างงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ในใจก็ได้แต่สงสัยว่าทำไม่พี่สวยถึงมีอาการแปลกๆ แต่ก็ช่างมันเหอะเพื่อนเก่าคงไม่ได้เจอกันนานเลยอยากคุยกันหละมั้ง ฉันเลยได้แต่เดินดูของภายในที่แห่งนี้ไปเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ฉันไม่ได้ดูของหลอก ฉันมองสาวสวยทั้งสองคุยกันมากกว่า สองสาวคุยอะไรกันหน่อถึงได้ดูสนุก แต่ก็แฟงความตึงเครียดบ้างเล็กน้อยเพราะดูจาดสีหน้าของทั้งสองที่ยิ้มแต่ก็มีทำหน้านิ่งบ้างมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเป็นแค่เพื่อนกันหรอ?
ฉันยืนมองภาพเธอทั้งสองคุยกันอยู่สักพักโดยพยายามที่จะไม่ให้พวกเธอรู้ว่าฉันแอบมองอยู่ แต่เหมือนฉันยิ่งมองทั้งสองคนนั้นคุยกันมากเท่าไหรความรู้สึกแปลกๆมันก็เกิดขึ้นในใจฉันขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ และแล้วก็เหมือนความรู้สึกมันบอกให้ฉันเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ไม่ทันทีสมองจะได้ประมวลผลร่างกายก็ก้าวย่างออกจากตัวอาคารนั้นทันที ร่างกายฉันมาหยุดนั่งอยู่ตรงม้านั่งตัวยาวทางด้านซ้ายของตัวอาคารที่ไม่มีรมเงาใดๆที่จะช่วยบังแสงแดดยามเที่ยงแต่เหมือนฉันจะไม่รู้สึกถึงความร้อนนั้นเลยแม้แต่น้อย ฉันนั่งเหมือนคนไร้สติในใจก็รู้สึกเหมือนกำลังโดยบีบทำให้รู้สึกจุกที่หน้าอกขึ้นมา เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆฉันก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนจนกระทั้งมีเสียงเรียกให้ฉันหันไปยังต้นเสียงนั้นทันที
“เบลล์มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”เป็นเสียงของสาวหมวยนั้นเอง ฉันมองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่ยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม
“มานั่งทำไมตรงนี้ แดดร้อนจะตาย”ฉันเอียงศีรษะมองไปยังต้นเสียงที่มาจากทางด้านหลังของสาวหมวย แล้วก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกร่างบางนั้นเอง
“หรอ”ฉันตอบหน้าตาย และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีทีท่าไม่พอใจเสียด้วย ไม่รู้เพราะอะไรสิ่งนั้นมันกลับทำให้ฉันยิ้มเล็กๆที่มุกปาก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเห็นมันซะด้วยสิ
“ยิ้มอะไร”เธอถามด้วยเสียงดุๆ
“ป่าว”คำตอบหน้าตายยังคงส่งผลให้เธอเหมือนจะยิ่งทำให้ไม่พอใจฉันเข้าไปใหญ่ และดูเหมือนว่าฉันจะไม่ยอมเลิกลาง่ายๆเสียด้วยครั้งนี้
“เป็นอะไรของเราเบลล์
แปลกๆนะเนียเรา”พี่สาวถามอย่างสงสัย ก็แน่หละฉันเล่นทำแบบนี้ไม่แปลกหลอกที่เธอจะสงสัยเพราะโดยส่วนใหญ่ฉันจะไม่ค่อยมีอาการแบบนี้หรอ แต่ก็ไม่รู้ทำไมมันถึงได้เกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุเช่นนี้
“ป่าวนิพี่...เออนี้ถ้าพี่จะคุยกันต่อเบลล์ก็ไม่ว่าอะไรนะแต่เบลล์จะกลับละ”ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นพร้อมกับจะทำอย่างที่พูดไว้จริงๆ แต่แล้วก่อนที่ฉันจะเดินผ่านเธอสองคนไปนั้นมือเรียวๆก็จับเข้าที่แขนของฉัน ให้ฉันรีบหันไปยังเจ้าของมือนั้นในทันที่
“จะไปไหนยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ”ร่างบางพูดขึ้นพร้อมกับกระชับมือบีบรัดแขนของฉันให้แน่นขึ้น
“ก็ยังไม่ได้บอกนิว่าเริ่มงานวันไหน”ฉันยังคงใช่น้ำเสียงที่เรียบนิ่งเช่นเคย ส่วนสาวหมวยของเราก็ได้แต่มองไม่กล้าเอ่ยหรือทำไรอะ เมื่อเห็นท่าทางโกรธของร่างบาง เหมือนสาวหมวยกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่
“งานเริ่มตอนนี้ และงานแรกของเธอคือการไปกินข้าวกับฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่ดังในระดับหนึ่งแต่มันกลับแฝงไปด้วยอารมณ์เกรียวกราด ดวงตาคู่สวยในตอนนี้กลับกลายเป็นดวงตาของพยักสาวไปเสียแล้ว เธอจ้องมองฉันราวกลับจะทำให้ฉันกลายเป็นเหยื่อของเธอก็ไม่ปาน แต่ก็อย่านึกว่าฉันจะกลัวเธอ เพราะหากฉันอยู่ในอาการและอารมณ์เช่นนี้แล้วไม่ว่าสิ่งใดอยู่เบี่ยงหน้าฉันก็ไม่เคยหวั่น ฉันมองตาเธอกลับพร้อมมองลึกลงไปในดวงตาพยักคู่นั้น ก่อนจะยิ้มพร้อมหัวเราะเบาๆกับตัวเอง เพราะถึงดวงตาของสาวสวยจะดุดันเพียงใดแต่หากภายในกับไม่ใช่อย่างที่เห็น
“งั้นก็เอาสิ ไปทานข้าวกัน”ฉันพูดพร้อมกับสะบัดแขนออกจากมืออีกฝ่ายอย่างแรง แล้วเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายจับแขนของอีกฝ่ายแทน และดูเหมือนว่าสาวสวยจะตกใจในสิ่งที่ฉันทำเล็กน้อยเหมือนกันแฮะ
“กลับไปก่อนเลยนะพี่สวย ไม่ต้องเป็นห่วง”ฉันยิ้มหวานให้เธอก่อนจะเดินออกห่างจากเธอมาเรื่อยๆ เมื่อเธอทำท่าเหมือนจะเดินตาม ก็ต้องถูกสายตาของร่างบางจ้องเขม่ง สื่อความได้ว่า “อย่าคิดที่จะตามมาเด็จขาย” นั้นจึงทำให้สาวหมวยไม่กล้าที่จะเดินตามมาอีก
เมื่อฉันละร่างบางเดินมาถึงยังลานจอดรถ ฉันก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าฉันไม่รู้ว่าเธอจอดรถไว้ตรงไหนนิหน่า
เมื่อฉันละร่างบางเดินมาถึงยังลานจอดรถ ฉันก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าฉันไม่รู้ว่าเธอจอดรถไว้ตรงไหนนิหน่า
“กุญแจรถอะพี่”เธอมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าสงสัย
“จะขับหรือไง”
“อืม”
“ไม่มีทาง...พี่ไม่มีทางให้คนอื่นขับรถของพี่เด็ดขาด”เธอพูดพร้อมกับเดินนำหน้าฉันไปยังทางขวาสุดของลานจอดรถก็พบกับรถสปอร์ดสีดำคันสวยจอดอยู่
“เมื่อกี่พี่แทนตัวเองว่าอะไรนะ”ฉันถามขึ้นทันที่เมื่อเราเข้าไปนั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หือ?...ก็พี่ไง”เธอยังคงมองไปนอกตัวรถเช่นเดิม
“แล้วเมื่อกี่นี้เป็นอะไรทำไมเดินออกมาดื้อๆแบบนั้น”เธอมองมาที่ฉันแต่สายตานั้นยังคงดูโกรธอยู่เช่นเดิม
“ไม่รู้”ฉันตอบได้แค่นั้นเพราะนั้นคือความรู้สึกจริงๆ
“หึงหรอ”เธอถามด้วยน้ำเสียที่เรียบนิ่งแล้วแววตาก็ดูจะค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนเดิมกลับมาเป็นประกายอีกครั้ง
“ไม่รู้สิ”ฉันตอบพรางเบียนหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถเพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของฉันมันเริ่มร้อนขึ้นมาเสียแล้วสิ หรือว่าที่เธอพูดจะจริง นี้ฉันกำลังหึงอยู่หรือเนีย
“นี้...จะหันไปไหน ของข้างนอกมันสวยกว่าของในรถหรือไง”ว่าแล้วฉันก็รีบหันหน้าไปหาเธอในทันที่
“ของสวยหรอ? ไหนอะ”ฉันแกล้งทำเป็นหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังมองหาสิ่งของนั้นจริงๆ
“อยู่นี้ไง”ว่าแล้วเธอก็จับแก้มของฉันทั้งสองข้างแล้วหันให้ใบหน้าของฉันตรงกับใบหน้าของเธอ
“ไหนอะ”ฉันยังแกล้งทำโง่ให้เธอรีบผลักใบหน้าของฉันออกจากมืออย่างรวดเร็ว จนฉันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ขำอะไร”เธอพูดอย่างไม่พอใจนัก
“ขำคนสวยที่นั่งอยู่หลังพวงมะลัย”ว่าแล้วจู่ๆเธอก็เริ่มหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด เห็นแล้วฉันก็อยากจะแกล้งขึ้นมาซะแล้วสิ
“เป็นอะไรอะพี่หน้าแดง ร้อนหรอ”ว่าแล้วฉันก็เอื้อมมือไปจับที่แก้มของอีกฝ่ายอย่างเบามือที่สุด และดูเหมือนใบหน้าของอีกฝ่ายจะแดงขึ้นมากกว่าเก่าเสียอีก แต่มันกลับทำให้ฉันไม่กล้าจะละสายตาออกจากเธอแม้แต่น้อย
โอ๊ย~~~~น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก ทำไมเธอเวลานี้ช่างดูน่ารักได้ขนาดนี้นะ
“มองอะไรอยู่ได้ จะไปกินข้าวกันไหมเนีย”เธอพูดพรางนำมือของฉันออกจากแก้มของเธอแล้วติดเครื่องรถทันที่
“เดี่ยวก่อนพี่”ก่อนที่เธอจะได้ออกรถฉันก็รีบทักเธอขึ้นมาทันทีพร้อมกับเบี่ยงตัวไปค้อมเธอเพื่อดึงสายนิรภัยคาดให้เธอ แต่ขณะที่กำลังจะดึงสายนั้นฉันก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย ฉันเหมือนขาดสติไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเรียกมันกลับมาเพื่อทำตามความตั้งใจในครั้งแรก เมื่อฉันนำเข็มขัดนิรภัยอยู่ในตำแหน่งทั้งของฉันของเธอแล้วล้อรถก็เริ่มหมุน ขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกจากลานจอดรถของบริษัทฉันแอบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก็พบว่าอาการหน้าแดงของเธอนั้นยังอยู่ จากนั้นฉันจึงมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นรอยยิ้ม และเพื่อไม่แสดงอาการใดๆให้เธอเห็น มันเป็นอาการและความรู้สึกแปลกที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับเธอและฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น