ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The love in my heart (yuri)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ความรู้สึกที่มากขึ้น

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 53


    หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่สุดแสนจะปวดหัวบวกเจ็บใจที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับสาวลูกครึ่งสุดสวยที่เจอกันอย่างคาด
    ไม่ถึงและดูเหมือนว่าในคืนนั้นที่ฉันหายตัวไปจะไม่มีเพื่อนๆคนไหนสงสัยหรือเป็นห่วงกันเลยสักนิดและนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีต่อฉันเสียเหลือเกินให้ตายสิ  ตอนสายๆของวันหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน พี่สวยลูกเจ้าของร้านสะดวกซื้อใต้หอพักของฉันรีบขึ้นมาหาฉันที่ห้องด้วยอาการรีบร้อนและตื่นเต้นจนฉันทำหน้างงขึ้นทันที แต่เมื่อเธอบอกถึงสาเหตุเท่านั้นหละฉันแทบจะกระโดดกอดพี่เขาเลยหละ

    จริงหรอพี่!...เค้าเรียกเบลล์ไปสัมภาษณ์แล้วหรอ”ฉันตื่นเต้นมากๆกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาว่าบริษัทที่ฉันได้ไปสมัครงานไว้ตั้งแต่เรียนจบได้ไม่กี่วันได้ติดต่อกลับมาแล้ว ฉันอยากทำงานตามสาขาออกแบบที่เรียนจบมาเพราะไม่เช่นนั้นฉันจะมีความรู้สึกว่า แล้วเราจะเรียนไปทำไม เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองเรียนจบ ฉันรีบไปสมัครงานที่บริษัทผลิต
    ฟอร์นิเจอร์และสุขพันธ์แห่งนี้ทันทีเพราะได้ฟังจากคำของรุ่นพี่หลายๆคนและรวมถึงเพื่อนบางส่วนพากันมาสมัครที่นี้ พูดตามความจริงก็ตามเขามาอะหละ ก็คนอย่างฉันมันไม่ค่อยมีจุดหมายอะไรในชีวิตมากมายนิหน่า

    “จริงสิ พี่จะมาอำเราเล่นทำไม”เธอยิ้มดีใจไปกับฉันด้วยอีกคน แต่เอ๋...เธอจะดีใจไปกับเราทำไม่หว่า?

    “แต่ว่าขอโทษทีนะพี่ ที่ทำให้พี่ต้องลำบาก พอดียังไม่มีตังซื้อโทรศัพท์ใหม่อะ แต่ดีนะที่เค้าให้บอกเบอร์ร้านพี่เผื่อเอาไว้ด้วยไม่นั้นแย่แน่ๆ”ฉันตอบไปพร้อมกับอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เพราะแค่เพียงพูดคำว่าโทรศัพท์ที่ไรฉันมักจะนึกถึงเรื่องในวันนั้นทุกทีสิ

    “ถึงว่าหละทำไมถึงโทษเข้ามาที่ร้านไม่โทรมาหาเราเลย...แล้วโทรศัพท์เป็นอะไรหละ” เอาแล้วไงจะตอบยังไงดีหละเนียเราจะบอกว่าโดนสาวสวยเหยียบเพราะเข้าไปร่วมวงรักสามเศร้าก็กระไรอยู่

    “ก็วันนั้นหละพี่ ทำมันหล่นเลยโดนคนที่เต้นอยู่เหยียบอะ”ฮาฮาแหลเก่งจริงเลยเรา แต่ในใจก็คิดไปว่าเขาจะเชื่อคำพูดของเราหรือป่าวหน่อ

    “อ๋อ...มิหน้าหละถึงได้ทำหน้าแบบนั้นกลับมา”เธอพูดยิ้มๆก่อนจะพูดต่อไปว่า

    “เออนี้ ทางนั้นเค้าบอกให้ไปที่บริษัทก่อนสิบโมงนะ”เธอทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ให้ฉันรีบหันไปมองนาฬิกาแขวนที่อยู่ในห้องทันที 

    “ตายหละหว่า! เก้าโมงจะครึ่งแล้ว ขอบคุณนะพี่ที่เพิ่งบอกอะ”ว่าแล้วฉันก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไปอย่างเร็ว ก็โถ่~~ คนมันเพิ่งจะตื่นตอนที่สาวสวยมาเคาะประตูมะกี่นิเองนิ น้ำท่าเลยยังไม่ได้อาบ อะไรก็ยังไม่ได้ทำซักอย่าง

    “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม” เธอตระโกนเข้ามาในห้องน้ำแข่งกับเสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังในระดับหนึ่ง

    “แล้วพี่ไม่ดูร้านหรอ”

    “ไม่เป็นไรวันนี้พี่ว่าง ป๊ากับม๊าเขาอยู่ร้าน”เธอพูดให้ฉันรู้สึกแกรงใจอีกแล้วสิ ในวันสมัครรึพี่สาวคนนี้ก็ไปเป็นเพื่อน แล้วยังจะมาวันนี้อีก

    “ไม่เป็นไรพี่เดียวเบลล์ไปเองก็ได้”ฉันพูดด้วยความรู้สึกแกรงใจแบบสุดๆ

    “ไม่เป็นอะไรเดียวพี่ไปด้วย พอดีจะได้ไปหาบอมเขาด้วย” อะโด่ที่แท้เจ๊เขาก็มีเป้าหมายอย่างนี้นิเอง

    “แหมๆๆไม่ค่อยเลยนะพี่สวย”ฉันพูดล้อเธออย่างเช่นทุกๆครั้งที่เธอพูดถึงชายหนุ่มมาดเข้มอย่างวิศวกรหนุ่มไฟแรงที่คอยtake care กันเกิบทุกเวลา จะว่าไปมันก็หน้าอิจฉานะที่มีคนมาดูแลเอาใจใส่ ไปไหนก็ไม่ต้องไปคนเดียว ก่อนนอนก็มีคนโทรหาแล้วก็คุยๆๆๆๆๆ คุยจนหลับคาโทรศัพท์กันไปนั้นหละ   เออแล้วเราจะไปอิจฉาเขาทำไม่เนียชีวิตแบบนี้สิสุดสนุกที่สุด ไปไหนก็ไปไม่ต้องมีคนมาค่อยตาม ทำอะไรก็ไม่ต้องมีใครมาค่อยห้าม จะแซวใครก็แซวไปเรื่อยไม่ต้องมีใครมาคอยหวงค่อยหึง มางอนให้เราต้องมานั่งง้อ แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือตอนอยู่คนเดียวมันรู้สึกเหงานี้หละ จะทำอะไรก็เหมือนยังขาดอะไรบางอย่างไป ก็คงเพราะเรื่องนี้มั้งที่ทำให้เรารู้สึกอิจฉาชาวบ้านเขา
    ฉันใช่เวลาไม่นานในการอาบน้ำก่อนจะกระโจมอกด้วยผ้าเช็ดตัวผืนสีขาวสะอาด ผืนเดียวที่ปกปิดร่างกาย ก่อนจะเปิดประตูออกมาเจอกับภาพที่ทำให้ฉันต้องร้องเสียงหลง

    “เฮ้ย!!! พี่ทำอะไร ไม่ต้องเลยพี่เดียวเบลล์เก็บเอง”ก็ภาพที่เห็นคือพี่สวยกำลังจัดเก็บเตียงนอนที่แสนจะหาระเบียบไม่เจอของฉันอยู่นะสิ

    “ไม่เป็นอะไร เราก็เหมือนน้องพี่คนหนึ่ง ว่าแต่นี้จะยื่นตรงนั้นอีกนานไหมเดียวบัดดึงเลยนิ”เธอพูดพร้อมทำท่าจะลุกมาดึงเจ้าผ้าเช็ดตัวออกจากตัวฉันจริงๆ

    “อย่านะพี่ อย่านะเดียวก็ตาบอดไม่รู้ตัวหลอก”ฉันพูดแล้วรีบเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆเตียงเพื่อเลือกหาเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

    “คงไม่หลอกมั้ง เบลล์ออกจะหุ่นดีหน้าตาก็พอดูได้พี่ว่าจะตาเยิ้มสะมากกว่านะนั้น”ว่าแล้วเธอก็หัวเราะขึ้นเบาๆ

    “เหอะๆ นี้จะชมหรือด่ากันแน่เนีย”ฉันพูดไม่จริงจังนักเพราะรู้ตัวเองดีว่าตัวเองเป็นอย่างไร ก็เป็นคนแบบนี้อะแล้วใครจะทำไม ไม่ใช่เพราะหน้าตาหรอนะที่ทำให้ตอนนี้ยังโสด แล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีชายหนุ่มมาจีบเลยซะเมื่อไหรแต่เป็นเพราะฉันมันรสนิยมไม่เหมือนคนปกติเขานะสิ จนบางครั้งเลยมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นว่า “เราจะเป็นทอมหรือเลสเบี้ยนแล้วมันหนักตรงไหนของใครอะ โลกของเรามันแคบอยู่แล้วอย่าบีบให้มันแคบเข้าไปอีกได้มะ” นี้หละความรู้สึก แต่เรามันก็บ้าเหมือนกันเนาะที่อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่มีอักคติกับพวกรักร่วมเพศแบบนี้เนีย แต่เพื่อนมันก็รู้นะแต่มันบอกว่ารับได้เพราะเป็นเพื่อนกัน อ้าวแล้วถ้าไม่ใช่เพื่อนหละหว่า?
    หลังจากนั้นฉันและพี่สวยก็พากันเดินลงที่ลานจอรถใต้หอ ฉันเดินตรงไปยังรถที่รถมอเตอร์ไซท์คันเก่งทันที่แต่ก่อนที่ฉันจะได้ก้าวขึ้นไปนั่งก็ถูกพี่สวยห้ามไว้เสียก่อน

    “จะทำอะไร ไม่ต้องเลยไปรถพี่”

    “ทำไม่ไปรถเบลล์ก็ได้ ขับสะดวกดีกว่ารถยนต์ของพี่ตั้งเยอะ”ฉันพูดพลางหยิบกุญแจรถที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้างออกมา แล้วนำมันเสียบเข้าที่โดนทันที่

    “ไม่ต้องเลยบอกแล้วไงว่าไปรถพี่”เธอพูดแล้วก็ค้าวลูกกุญแจออกจากรถของฉันในทันที่แล้วเดินไปที่รถสีน้ำเงินสดไซท์มินิของเธอทันที

    “นี้พี่!”ฉันตะโกนเรียกเธออย่างดังแบบใส่อารมณ์นิดๆ แต่เหมือนเธอจะไม่ตอบสนองกับเสียงเรียกของฉันแม้แต่น้อย ให้ตายสิคนอะไรวะเนียเอาแต่ใจตัวเองซะมัด ว่าแล้วฉันก็ต้องจำยอมเดินตามเธอไปขึ้นรถคันสีน้ำเงินสดของเธอในทันที และแล้วรถก็เคลื่อนออกไปสู่ถนนใหญ่ในทันที่ ฉันใช่เวลาในการเดินทางตั้ง30นาที กว่าจะถึงบริษัทขนาดว่าวันนี้รถไม่ค่อยติดเพราะคนส่วนใหญ่ออกไปทำงานกันตั้งแต่เช้าตู่แล้วก็ตามอานะ

    “เห็นไหมพี่เบลล์บอกแล้วว่าให้เอารถเบลล์ออกมาก็ไม่เชื่อ แล้วนี้ยังไงมาสายซะขนาดนี้เลยพี่อะ”เมื่อรถจอดนิ่งอยู่ที่ลานจอดรถกลางแจ้งของบริษัทฉันก็เริ่มบ่นพร้อมกับก้าวลงจากรถในทันที่

    “ขอโทษ...ก็นึกว่าถนนมันจะโล่งกว่านี้อะอีกอย่างพี่กลัวดำด้วย”เธอพูดพร้อมกดล็อกรถทันที่เมื่อหยิบกระเป๋าถือใบสวยออกมาจากรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “กลัวดำเนียนะ”ฉันพูดอย่างเน้นคำเล็กน้อย

    “ก็ใช่สิ ถ้าดำแล้วหมดสวยขึ้นมาแล้วใครจะมาสู่ขอพี่หละ”ฉันสายหน้าให้กับคำพูดของเธอเล็กน้อยก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังตัวอาคารของบริษัทในทันที

    “อ้าว! นี้เบลล์รอพี่ด้วยสิ”ว่าแล้วเธอก็เดินกึ่งวิ่งตามฉันทันที่ ส่วนฉันก็ไม่คิดแม้จะหยุดรอเธอแม้แต่น้อย ก็จะหยุดทำไมหละในเมื่อยังไงอีกฝ่ายก็ตามมาทันอยู่แล้วนิ

    “พี่พูดแค่นี้ทำเดินหนีนะ ถ้าพี่ไม่มีคนมาขอ เราต้องมาขอพี่นะ”จู่ๆขนฉันก็ลุกขึ้นมาเสียดื้อๆ เมื่ออีกฝ่ายพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แถมน้ำเสียงมันก็ดูจริงจังแบบแปลกๆอีกด้วยสิ

    “พอเลยพี่ มันไม่มีทางเป็นได้อยู่แล้ว”ฉันพูดตัดบทในทันทีเมื่อเดินเข้ามาในตัวอาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันรีบเดินตรงไปที่พนักงานต้อนรับในทันที เพราะที่บริษัทแห่งนี้เป็นทั้งบริษัทและศูนย์รวมของตกแต่งและฟอนิเจอร์ อยู่ด้วยกัน จึงทำให้ที่นี้มีอาณาเขตที่กว้างขางมากพอสมควร

    “ขอโทษค่ะ คือว่ามาสมัครงานไว้ แล้วทางนี้นัดมานะคะ”ฉันพูดอย่าเขินๆนิดๆ ก็แหม่พนักงานต้อนรับสวยบาดใจซะขนาดนั้นจะไม่ให้มีอาการบ้างก็กะไรอยู่

    “สักครู่นะคะ”ว่าแล้วเธอก็รีบเปิดดูแฟ้มข้อมูลทันที  

    “คุณพนัดดา วงศ์สุวะใช่ไหมค่ะ”เธอถามด้วยรอยยิ้มจนฉันเริ่มเกิดอาการใจเต้นเร็วนิดๆ ก็นะรอยยิ้มของเธอมันช่างสวยเสียนี้กระไร ถ้ามันเป็นของมีค่าที่สามารถขอซื้อได้นะฉันจะขอซื้อมันมาเก็บไว้ ราคาเท่าไรค่อยว่ากันอีกที

    “ใช่คะ”ฉันตอบในทันที

    “คุณชนันต์รออยู่ที่ห้องมิตรสัมพันธ์แล้วคะ”เธอพูดพร้อมกับผายมือไปยังชั้นสองห้องริมสุดทางขาวมือทันที่

    “อ๋อ...คะขอบคุณคะ”ฉันยิ้มให้เธอครั้งนึ่งก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น

    “ไปหาพี่บอมก็ได้นะพี่   เบลล์ไม่ได้ว่าอะไร”ฉันพูดกับสาวสวยที่เดินอยู่ข้างๆ

    “ไม่เป็นอะไรพี่เดินดูของที่นี้ก่อนแปปนึ่งแล้วค่อยไปก็ได้”ว่าแล้วเธอก็เดินแยกตัวออกไปในทันที ฉันเริ่มทำตัวให้เข้าสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุดพยายามทำตัวสบายๆไม่ให้ตื่นเต้นจะได้ไม่ต้องเผื่อทำเรื่องอะไรไม่เข้าเรื่องออกไปให้ขายหน้า เหมือนทุกครั้งที่สติเริ่มไปอยู่ที่ไหนไม่รู้ ฉันก็จะทำเสียเรื่องซะทุกที เมื่อฉันมาถึงหน้าห้องฉันก็ต้องหยุดแล้วหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูห้องออกจู่ๆอาการขาสั่นนิดๆก็เกินขึ้นระหว่าที่ฉันก้าวเดินไปยังเก้าอี้ที่ถูกวางอยู่ตรงกลางห้อง เมื่อฉันนั่งลงทามกลางสายตาของหัวหน้างานสี่ท่านฉันก็เริ่มรู้สึกประมาณขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันก็ยังคงมองสบตากับคนเหล่านั้นอย่างเก็บอาการให้ได้มากที่สุด นั้นคือแววตาเฉยชาและอาการที่สงบนิ่งที่เคยใช่ได้ผลกับอาจารย์และหัวหน้างานในช่วงฝึกงานมาแล้วนั้นเอง

    “คุณมาสายคุณรู้ตัวไหมคุณพนัดดา”ชายวัยกลางคนนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังจนหน้าขนลุก แทบอยากจะออกไปจากห้องเลยของบอก แต่ขอโทษทีนะที่มันไม่ใช่ฉัน หน้าด้านอยู่แล้วคร๊า~~~

    “ทราบคะ”ฉันตอนด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

    “ถ้าทราบดีแล้ว คุณก็คงจะทราบดีว่าที่นี้ไม่ต้องการคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ ชะนั้นแล้วก็คงไม่มีอะไรจะต้องพูดอีกเชิญคุณกลับไปได้”จู่ๆชายคนนั้นก็ลุกขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะเดินออกไปเสียดื้อๆ อ้าว...อะไรวะตาลุงคนนี้ดูเขาพูดทางนี้เพิ่งโทรไปบอกร่วงหน้าแค่40นาทีแล้วมันจะทันได้ไงวะ

    “เดี่ยวก่อนสิคุณธณากร คนเรามันมีเหตุผลที่ทำผิดพลาดกันทั้งนั้นหละ เชิญคุณนั่งลงก่อนเถอะ”ชายสูงวัยอีกคนหนึ่งพูดขึ้น “ต้องอย่างนี้สิถึงจะหน้านับถือหน่อย”ฉันคิดในใจ และแล้วฉันก็เผื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายสูงวัยคนนั้นอย่างไม่ตังใจ ก่อนจะหันไปทางอื่นเมื่อชายคนที่ลุกขึ้นกลับลงมานั่งยังที่เดิมอีกครั้ง

    “ก็แล้วแต่ท่านประธานครับ”ห๊าว่าไงนะ ท่านประธานงั้นหรออย่าบอกนะว่าฉันเผื่อทำในสิ่งที่เหมือนจะฆ่าตัวเองไปแล้วเมื่อกี่ ก็จะมีลูกน้องที่ไหนกล้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของเจ้านายเพื่อหาอารมณ์ของอีกฝ่ายกันหละ งานเข้าแล้วไงไอเบลล์เอ๋ย แล้วต่อไปจะเป็นยังไงเนียเรา

    “แล้วลูกสาวตัวดีของฉันมันยังไม่มาอีกรึ”จู่ๆชายสูงวัย อุ๋ย! ไม่ใช่สิ จู่ๆท่านประธานก็ถามพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในระหว่างที่ชายสูงวัยอีกคนกำลังกลับมานั่งยังที่เดิมของตนอีกครั้ง

    “คือ...เรากำลังให้คนไปตามอยู่ครับ”หญิงสาวอีกคนหนึ่งพูดขึ้น

    “ได้มีใครไปบอกมันไว้หรือป่าว ว่าจะมีนัดสำพาสพนักงาน เดี่ยวเรารับเข้ากันเองแล้วมันจะเป็นเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วอีก”จู่ๆเสียงของท่านประธานก็ดูจริงจังขึ้นในทันทีจนเหมือนกับว่าความตรึงเครียดกำลังจะกลับมาอีกครั้ง
    ว่าแต่ไอครั้งที่แล้วมันเป็นยังไงหว่า แล้วนี้ฉันต้องได้รับการตัดสิ้นจากคนๆเดี่ยวหรือนี้แถมยังเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัทนี้อีก แถมดูท่าทางจะไม่เอาไหนซะด้วยสิ สงสัยถ้าจะเป็น playgirl ซะด้วยมั้ง ถึงได้มีปัญหากับพนักงานคนก่อน

    “บอกไว้ตั้งแต่ตอนที่คุณหนูเข้ามาที่บริษัทแล้วครับท่าน”ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ จนฉันเริ่มจะรู้สึกตัวสั่นๆขึ้นมาแล้วสิ

    “แล้ววันนี้มันมาทำงานกี่โมง”เสียงเข้มๆของท่านประธานถามขึ้นให้ชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้าแล้วตอบอย่างตะกุตะกะไปว่า

    “คะ...คือว่า...คะ...คุณหนูเข้ามาตอนสะ...สิบโมงครับท่าน” ว่าแล้วก็เหมือนฟ้าจะผ่าลงกลางห้องเมื่อสิ้นคำพูดของชายหนุ่ม

    “หะ! มันเพิ่งจะมาทำงาน ซักไม่ไหวแล้วไอลูกคนนี้ คุณรีบไปพามันมาเดี่ยวนี้เลยนะคุณสศิกร”ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ก็นะคนมันกลัวนิจะให้นั่งก้นติดเก้าอี้ได้ยังไง เมื่อเจ้านายเริ่มพิโรศแบบนี้ แต่เมื่อเขาเปิดประตูออกก็ต้องสะดุ้ง เพราะเมื่อประตูถูกเปิดออกก็มีเสียกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่หลังบานประตูและเมื่อเขาเดินออกไปดูว่าสิ่งนั้นคืออะไร เขาก็ต้องตกใจแล้วรีบขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ ฉันและทุกคนที่เหลือก็ได้แต่ทำหน้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ตรงข้างนอกนั้น

    “นี้นายทำอะไรให้มันหัดระวังซะมั่งสิ ถ้าฉันเสียโฉมขึ้นมาจะว่ายังไง”เสียงหวานๆของผู้หญิงดั่งขึ้นและเสียงนั้นเองที่ทำให้คนทั้งห้องได้กลับมาทำสีหน้าปกติเหมือนกับว่ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จะเหลือก็แต่ฉันนิหละที่ยังคงนั่งหน้างงอยู่ แล้วยิ่งสงสัยเข้าไปอีก ก็เพราะเสียงที่ได้ยินนั้นมันช่างคุ้นหูเสียนี้กระไร และเมื่อเจ้าของเสียงหวานนั้นย่างกายเข้ามาในห้อง ฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งอึกตัวชา เมื่อภาพที่เห็นคือหญิงสาวผมบลอนในตาสีน้ำตาลที่ขโมยจูบแรกของฉันไปเมื่อหลายคืนก่อนนั้นเอง และดูเหมือนเธอจะยังไม่ทันได้สังเกตเห็นฉันเสียด้วยสิ อะไรหว่าทำเราเป็นเหมือนธาตุในอากาศอีกแล้วสิเธอคนนี้ ว่าแล้วจู่ๆหัวใจของฉันมันก็เต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆเพราะจู่ภาพในคืนนั้นมันก็กลับเข้าในหัวของฉันอีกครั้ง

    “เรียกมาทำอะไรแต่เช้าเนียDAD”เธอพูดอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก

    “ก็เรียกให้แกมาสำพาสพนักงานใหม่นี้ไง เดี่ยวแกก็ไม่พอใจเหมือนเมื่อครั้งที่แล้วอีก ฉันตามใจแกก็เพราะเห็นว่าคนที่เข้ามาต้องเป็นคนที่ต้องทำงานกับแก ฉันเลยจะให้แกเลิกเองซะ   จะได้ไม่พานหาเรื่องชาวบ้านเขาอีก”ท่านประธานพูดเดี่ยวน้ำเสียงที่ดูจริงจังและดูท่าทางคงจะเหนื่อยใจกับลูกสาวคนนี้มากเสียด้วยสิ

    “แล้วไหนคะDAD...คนที่ว่า”เธอถามพลางนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆผู้เป็นพ่อ

    “นั้นไง”ว่าแล้วท่านประทานก็ชี้มายังกลางห้อง ร่างบางมองตามนิ้วของผู้เป็นพ่อก็ต้องร้องเสียงดังออกมาในทันที่ ก็ในเมื่อสิ่งที่ท่านชี้มาก็คือฉันอย่างไม่ต้องสงสัย

    “นี้เธอ!!!”ร่างบางทำสีหน้าตกใจเมื่อมองมายังกลางห้องตรงที่ฉันนั่งอยู่ ฉันก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้เธอ ฮาฮา~~~ในที่สุดเธอก็เห็นเรา จะดีใจดีไหมเนีย?

    “คนนี้หรอDAD”

    “ก็ใช่นะสิ แกก็ต้องเป็นคนเลือกด้วยว่าจะให้ทำงานกับแกหรือป่าว”หลังจากนั้นการสำพาสงานอย่างจริงจังก็เริ่มขึ้นโดยที่หัวหน้างานเป็นคนถามส่วนฉันก็ได้แค่ตอบกับแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกไปเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเสียงหลุดออกมาจากปากของร่างบางแต่อย่างใด แม้แต่ความคิดเห็นใดๆก็ไม่หลุดออกจากปากของเธอแต่อย่างไร เธอได้แต่นั่งทำหน้าเฉยชาอย่างคนไร้จิตวิญญาณ จนกระทั้งการสำพาสนั้นจบลง

    “เอาหละครับคุณพนัดดา ขอบคุณครับที่มา แล้วเราจะติดต่อกลับไปอีกทีนะ

    ครับ”ชายวัยกลางคนพูดขึ้น

    “ดะ...เดียวสิคะคุณธณากร ทำไม่ต้องรอติดต่อกลับไปด้วยหละค่ะ ก็ในเมื่อพวกคุณให้ฉันเป็นคนตัดสินใจเองไม่ใช่หรอคะ”ว่าแล้วร่างบางก็พูดทันที่หลังจากที่นั่งเงียบเหมือนคนเป็นใบ้มาเกือบครึ่งชั่วโมง

    “กะ...ก็ใช่ครับ”ชายสูงวัยตอบอย่างแกรงๆ โอ๊ย~~~ผู้ใหญ่อะไรกลัวเด็กหรือว่าพี่เค้าจะน่ากลัวจริงๆหว่า?

    “งั้นฉันเลือกคนนี้คะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง แหอะๆนี้ฉันมาสมัครงานหรือว่างานดูตัวกันแน่เนีย

    “แต่ว่ายังมีคนอื่นที่รอการเรียกตัวอยู่อีกนะครับคุณแคท” ชายวัยกลางคนแย้งขึ้นในทันที่

    “ฉันเลือกแล้วคะคุณธณากร”น้ำเสียงของเธอยังคงจริงจังเช่นเคย และคำพูดจริงจังของเธอนิเองที่ทำให้ท่านประธานเผือยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

    “ตะ...แต่ว่า”

    “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นคะ”

    “ทะ...ท่านประธานครับ”

    “ก็พวกเราให้แคทเค้าเป็นคนเลือกเองนิ เมื่อเขาเลือกแล้วนั้นคือข้อสรุปของทุกอย่าง”เมื่อท่านประธานพูดจบก็เดินออกจากห้องไปในทันที แล้วต่อจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าเถียงลูกสาวท่านประธานผู้นี้อีก

    “เอาหละถ้านั้น.....เบลล์ไปหาอะไรท่านกัน”ว่าแล้วเธอก็เดินเข้ามาจับที่ข้อมือของฉัน จนคนในห้องมองกันด้วยสีหน้างุนงงแบบสุดๆ

    “ดะ...เดี่ยวสิพี่”ว่าแล้วฉันก็ถูกเธอลากออกจากห้องไป พร้อมๆกับอาการมองหน้ากันของคนในห้อง

    “นี้! เดี่ยวสิ”ฉันกระแทกเสียงออกไปอย่างดังจนคนที่อยู่ในเหตุการณ์มองมาที่ฉันสองคนเป็นตาเดียวกัน

    “พูดเบาๆไม่เป็นหรือไงฮะ”เสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นพร้อมกับมือเรียวๆของอีกฝ่ายรีบปิดปากของฉันอย่างเร็ว

    แต่ก็เพียงครู่เดี่ยวเท่านั้นทุกอย่างก็เหมือนจะเข้าสู้สภาวะปกติเมื่อเธอรีบพาฉันลงมายังส่วนของชั้นหนึ่งในทันที
    ละดูเหมือนจะในวินาทีที่ฉันได้กว้างลงบันใดขั้นสุดท้ายก็มีสาวหมวยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉันพอดี

    “เสร็จแล้วหรือเบลล์”ไม่ใช่ใครอื่นพี่สวยของเรานั้นเอง เธอยิ้มให้ฉันก่อนที่จะมองไปยังคนข้างๆฉันด้วยท่าทางที่ตกใจและดูเหมือนว่าอีกคนก็ตกใจไม่แพ้กัน

    “คะ...แคท”จู่ๆสาวหมวยก็พูดชื่อของอีกฝ่ายขึ้น

    “เธอมาทำอะไรที่นี้”ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆเพราะดูเหมือนความประหลาดใจยังคงวนเวียนอยู่ในตัวของเธออยู่ แต่ว่าสองคนนี้เค้ารู้จักกันมาก่อนหรอ?

    “รู้จักกันด้วยหรือพี่”ฉันถามออกไปอย่างสงสัย

    “อ๋อ...คือว่าเราสองคนเคย.....”ก่อนที่ร่างบางจะพูดอะไรต่อก็ถูกมือขาวๆของสาวหมวยปิดเอาไว้เสียก่อน

    “เราเป็นเพื่อนเก่ากันนะจ๊ะเบลล์”เธอยิ้มหวานมาที่ฉันก่อนจะขอตัวไปคุยกันตามลำพัง ส่วนฉันก็ได้แต่ทำหน้างงกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ในใจก็ได้แต่สงสัยว่าทำไม่พี่สวยถึงมีอาการแปลกๆ แต่ก็ช่างมันเหอะเพื่อนเก่าคงไม่ได้เจอกันนานเลยอยากคุยกันหละมั้ง ฉันเลยได้แต่เดินดูของภายในที่แห่งนี้ไปเรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ฉันไม่ได้ดูของหลอก ฉันมองสาวสวยทั้งสองคุยกันมากกว่า สองสาวคุยอะไรกันหน่อถึงได้ดูสนุก แต่ก็แฟงความตึงเครียดบ้างเล็กน้อยเพราะดูจาดสีหน้าของทั้งสองที่ยิ้มแต่ก็มีทำหน้านิ่งบ้างมันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเคยเป็นแค่เพื่อนกันหรอ?
    ฉันยืนมองภาพเธอทั้งสองคุยกันอยู่สักพักโดยพยายามที่จะไม่ให้พวกเธอรู้ว่าฉันแอบมองอยู่ แต่เหมือนฉันยิ่งมองทั้งสองคนนั้นคุยกันมากเท่าไหรความรู้สึกแปลกๆมันก็เกิดขึ้นในใจฉันขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ และแล้วก็เหมือนความรู้สึกมันบอกให้ฉันเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ไม่ทันทีสมองจะได้ประมวลผลร่างกายก็ก้าวย่างออกจากตัวอาคารนั้นทันที ร่างกายฉันมาหยุดนั่งอยู่ตรงม้านั่งตัวยาวทางด้านซ้ายของตัวอาคารที่ไม่มีรมเงาใดๆที่จะช่วยบังแสงแดดยามเที่ยงแต่เหมือนฉันจะไม่รู้สึกถึงความร้อนนั้นเลยแม้แต่น้อย ฉันนั่งเหมือนคนไร้สติในใจก็รู้สึกเหมือนกำลังโดยบีบทำให้รู้สึกจุกที่หน้าอกขึ้นมา เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆฉันก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหนจนกระทั้งมีเสียงเรียกให้ฉันหันไปยังต้นเสียงนั้นทันที

    “เบลล์มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้”เป็นเสียงของสาวหมวยนั้นเอง ฉันมองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่ยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม

    “มานั่งทำไมตรงนี้ แดดร้อนจะตาย”ฉันเอียงศีรษะมองไปยังต้นเสียงที่มาจากทางด้านหลังของสาวหมวย แล้วก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกร่างบางนั้นเอง

    “หรอ”ฉันตอบหน้าตาย และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีทีท่าไม่พอใจเสียด้วย ไม่รู้เพราะอะไรสิ่งนั้นมันกลับทำให้ฉันยิ้มเล็กๆที่มุกปาก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเห็นมันซะด้วยสิ

    “ยิ้มอะไร”เธอถามด้วยเสียงดุๆ

    “ป่าว”คำตอบหน้าตายยังคงส่งผลให้เธอเหมือนจะยิ่งทำให้ไม่พอใจฉันเข้าไปใหญ่ และดูเหมือนว่าฉันจะไม่ยอมเลิกลาง่ายๆเสียด้วยครั้งนี้

    “เป็นอะไรของเราเบลล์…แปลกๆนะเนียเรา”พี่สาวถามอย่างสงสัย ก็แน่หละฉันเล่นทำแบบนี้ไม่แปลกหลอกที่เธอจะสงสัยเพราะโดยส่วนใหญ่ฉันจะไม่ค่อยมีอาการแบบนี้หรอ แต่ก็ไม่รู้ทำไมมันถึงได้เกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุเช่นนี้

    “ป่าวนิพี่...เออนี้ถ้าพี่จะคุยกันต่อเบลล์ก็ไม่ว่าอะไรนะแต่เบลล์จะกลับละ”ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นพร้อมกับจะทำอย่างที่พูดไว้จริงๆ แต่แล้วก่อนที่ฉันจะเดินผ่านเธอสองคนไปนั้นมือเรียวๆก็จับเข้าที่แขนของฉัน ให้ฉันรีบหันไปยังเจ้าของมือนั้นในทันที่

    “จะไปไหนยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะ”ร่างบางพูดขึ้นพร้อมกับกระชับมือบีบรัดแขนของฉันให้แน่นขึ้น

    “ก็ยังไม่ได้บอกนิว่าเริ่มงานวันไหน”ฉันยังคงใช่น้ำเสียงที่เรียบนิ่งเช่นเคย ส่วนสาวหมวยของเราก็ได้แต่มองไม่กล้าเอ่ยหรือทำไรอะ เมื่อเห็นท่าทางโกรธของร่างบาง เหมือนสาวหมวยกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่

    “งานเริ่มตอนนี้ และงานแรกของเธอคือการไปกินข้าวกับฉัน”เธอพูดด้วยเสียงที่ดังในระดับหนึ่งแต่มันกลับแฝงไปด้วยอารมณ์เกรียวกราด ดวงตาคู่สวยในตอนนี้กลับกลายเป็นดวงตาของพยักสาวไปเสียแล้ว เธอจ้องมองฉันราวกลับจะทำให้ฉันกลายเป็นเหยื่อของเธอก็ไม่ปาน แต่ก็อย่านึกว่าฉันจะกลัวเธอ เพราะหากฉันอยู่ในอาการและอารมณ์เช่นนี้แล้วไม่ว่าสิ่งใดอยู่เบี่ยงหน้าฉันก็ไม่เคยหวั่น ฉันมองตาเธอกลับพร้อมมองลึกลงไปในดวงตาพยักคู่นั้น ก่อนจะยิ้มพร้อมหัวเราะเบาๆกับตัวเอง เพราะถึงดวงตาของสาวสวยจะดุดันเพียงใดแต่หากภายในกับไม่ใช่อย่างที่เห็น
    “งั้นก็เอาสิ ไปทานข้าวกัน”ฉันพูดพร้อมกับสะบัดแขนออกจากมืออีกฝ่ายอย่างแรง แล้วเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายจับแขนของอีกฝ่ายแทน และดูเหมือนว่าสาวสวยจะตกใจในสิ่งที่ฉันทำเล็กน้อยเหมือนกันแฮะ

    “กลับไปก่อนเลยนะพี่สวย ไม่ต้องเป็นห่วง”ฉันยิ้มหวานให้เธอก่อนจะเดินออกห่างจากเธอมาเรื่อยๆ เมื่อเธอทำท่าเหมือนจะเดินตาม ก็ต้องถูกสายตาของร่างบางจ้องเขม่ง สื่อความได้ว่า “อย่าคิดที่จะตามมาเด็จขาย” นั้นจึงทำให้สาวหมวยไม่กล้าที่จะเดินตามมาอีก
    เมื่อฉันละร่างบางเดินมาถึงยังลานจอดรถ ฉันก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าฉันไม่รู้ว่าเธอจอดรถไว้ตรงไหนนิหน่า

    “กุญแจรถอะพี่”เธอมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าสงสัย

    “จะขับหรือไง”

    “อืม”

    “ไม่มีทาง...พี่ไม่มีทางให้คนอื่นขับรถของพี่เด็ดขาด”เธอพูดพร้อมกับเดินนำหน้าฉันไปยังทางขวาสุดของลานจอดรถก็พบกับรถสปอร์ดสีดำคันสวยจอดอยู่

    “เมื่อกี่พี่แทนตัวเองว่าอะไรนะ”ฉันถามขึ้นทันที่เมื่อเราเข้าไปนั่งในรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    “หือ?...ก็พี่ไง”เธอยังคงมองไปนอกตัวรถเช่นเดิม

    “แล้วเมื่อกี่นี้เป็นอะไรทำไมเดินออกมาดื้อๆแบบนั้น”เธอมองมาที่ฉันแต่สายตานั้นยังคงดูโกรธอยู่เช่นเดิม

    “ไม่รู้”ฉันตอบได้แค่นั้นเพราะนั้นคือความรู้สึกจริงๆ

    “หึงหรอ”เธอถามด้วยน้ำเสียที่เรียบนิ่งแล้วแววตาก็ดูจะค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนเดิมกลับมาเป็นประกายอีกครั้ง

    “ไม่รู้สิ”ฉันตอบพรางเบียนหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถเพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของฉันมันเริ่มร้อนขึ้นมาเสียแล้วสิ หรือว่าที่เธอพูดจะจริง นี้ฉันกำลังหึงอยู่หรือเนีย

    “นี้...จะหันไปไหน ของข้างนอกมันสวยกว่าของในรถหรือไง”ว่าแล้วฉันก็รีบหันหน้าไปหาเธอในทันที่

    “ของสวยหรอ? ไหนอะ”ฉันแกล้งทำเป็นหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังมองหาสิ่งของนั้นจริงๆ

    “อยู่นี้ไง”ว่าแล้วเธอก็จับแก้มของฉันทั้งสองข้างแล้วหันให้ใบหน้าของฉันตรงกับใบหน้าของเธอ

    “ไหนอะ”ฉันยังแกล้งทำโง่ให้เธอรีบผลักใบหน้าของฉันออกจากมืออย่างรวดเร็ว จนฉันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

    “ขำอะไร”เธอพูดอย่างไม่พอใจนัก

    “ขำคนสวยที่นั่งอยู่หลังพวงมะลัย”ว่าแล้วจู่ๆเธอก็เริ่มหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด เห็นแล้วฉันก็อยากจะแกล้งขึ้นมาซะแล้วสิ

    “เป็นอะไรอะพี่หน้าแดง ร้อนหรอ”ว่าแล้วฉันก็เอื้อมมือไปจับที่แก้มของอีกฝ่ายอย่างเบามือที่สุด และดูเหมือนใบหน้าของอีกฝ่ายจะแดงขึ้นมากกว่าเก่าเสียอีก แต่มันกลับทำให้ฉันไม่กล้าจะละสายตาออกจากเธอแม้แต่น้อย
    โอ๊ย~~~~น่าร๊ากกกกกกกกกกกกก ทำไมเธอเวลานี้ช่างดูน่ารักได้ขนาดนี้นะ  

    “มองอะไรอยู่ได้ จะไปกินข้าวกันไหมเนีย”เธอพูดพรางนำมือของฉันออกจากแก้มของเธอแล้วติดเครื่องรถทันที่

    “เดี่ยวก่อนพี่”ก่อนที่เธอจะได้ออกรถฉันก็รีบทักเธอขึ้นมาทันทีพร้อมกับเบี่ยงตัวไปค้อมเธอเพื่อดึงสายนิรภัยคาดให้เธอ แต่ขณะที่กำลังจะดึงสายนั้นฉันก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่าย ฉันเหมือนขาดสติไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเรียกมันกลับมาเพื่อทำตามความตั้งใจในครั้งแรก เมื่อฉันนำเข็มขัดนิรภัยอยู่ในตำแหน่งทั้งของฉันของเธอแล้วล้อรถก็เริ่มหมุน ขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกจากลานจอดรถของบริษัทฉันแอบมองอีกฝ่ายเล็กน้อยก็พบว่าอาการหน้าแดงของเธอนั้นยังอยู่ จากนั้นฉันจึงมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นรอยยิ้ม และเพื่อไม่แสดงอาการใดๆให้เธอเห็น มันเป็นอาการและความรู้สึกแปลกที่เริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับเธอและฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×