ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The love in my heart (yuri)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 จูบแรกของฉันนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 53


    ระหว่างทางที่เดินไปยังลานจอดรถเราทั้งสองไม่ได้มีการพูดคุยอะไรแต่อย่างไร จะมีก็แต่เสียงดนตรีและเสียงรองเท้าส้นสูงของร่างบางที่กระทบกับพื้นทางเดินเท่านั้น เมื่อเราพากันมาถึงลานจอดรถเป็นที่เรียบร้อยเธอก็พาฉันมาหยุดอยู่หน้ารถสปอร์ดสีดำคันสวยราคาคงไม่ต้องพูดถึง ว่าหลักล้านแน่นอน
     
    “ได้เอารถมาไหม”คำถามเรียบๆของเธอทำให้ความเงียบที่ปกคุมอยู่นานได้หายไป
    “ป่าว”

    “แล้วมายังไง”

    “มากับเพื่อน”ฉันตอบอย่างห้วนๆ เพราะเหมือนกับว่าพิษของแอลกอฮอร์ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง

    “หรอ?งั้นก็ดี”ว่าแล้วเธอก็กดปลดล็อกแล้วเปิดประตูฝั่งข้างคนขับออกแล้วผลักฉันให้เข้าไปนั่งตรงนั้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่เธอจะเดินอ้อมไปประจำตำแหน่งคนขับ ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งนิ่งๆไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวไม่ใช่เพราะได้นั่งรถหรูหลอกนะ แต่เป็นเพราะบรรยากาศที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นนั้นมันชวนให้ระบบในร่างกายทำงานผิดปกติเสียจริง เมื่อรถคันสวยเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถได้ไม่นานฉันมองออกไปยังริมถนนข้างๆ แล้วก็พบว่าตัวเองอยู่ตรงไหนและส่วนไหนของเมืองเหนือแห่งนี้ก็ไม่รู้ หรือว่าเราเมาจนจำอะไรไม่ได้กันหว่า?

    “ระ...เราจะไปไหนกันหรอ”ฉันถามอย่างสงสัย เพราะตอนก่อนจะออกมาฉันเป็นคนชวนไม่ใช่หรอแล้วไหงตอนนี้มันกลับเป็นแบบนี้ไปได้หละ นี้ฉันบ้าหรือว่าอะไรกันเนียที่ดันออกมากับคนไม่รู้จักอย่างเธอคนนี้

    “นั่งเงียบๆเหอะ” นั้นไงโดนจนได้เลยเรา และแล้วฉันก็ต้องทำตามที่เธอสั่งอีกจนได้สิ และแล้วภายในรถก็เริ่มเงียบสงบขึ้นในทันใดเมื่อฉันและเธอไร้ซึ่งคำสนทนาใดๆตลอดเส้นทาง จนกระทั้งล้อรถนิ่งอยู่กับที่ไร้การเคลื่อนไหว ฉันมองไปรอบๆก็พบว่าฉันกำลังอยู่บนถนนริมแม่น้ำที่เงียบสงัดไร้ซึ่งรถราหรือผู้คน เท่านั้นหละอาการใจสั่นก็เริ่มขึ้นในทันที่

    “มะ...มาทำอะไรที่นี้อะพี่”ฉันมองหน้าคนขับอย่างสงสัยมือไม้เริ่มสั่นร่างกายเริ่มไม่ทำงาน ยิ่งเมื่อใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้มากขึ้นอัตราการเต้นของหัวใจฉันก็เหมือนจะเต้นเร็วขึ้นเช่นกัน

    “จะ...จะทำอะไรเราอะ”ฉันพูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

    “ก็เธอขึ้นรถมากับฉันก็เพราะต้องการสิ่งนี้ไม่ใช่หรอ”ว่าแล้วมือเรียวๆของเธอทั้งสองข้างก็จับเข้าที่แก้มของฉัน

    โอ๊ยยยยย~~~โดนมือนิ่มๆอุ่นๆแบบนี้จับ ใครมันจะไปสะบัดออกหละเนีย ฉันก็ใจแต่มองตาคู่สวยของเธออย่างคนไร้สติ แต่แล้วฉันก็ต้องเรียกมันกลับคืนมาอย่างเร็วเมื่อริมฝีปากอุ่นๆของเธอสัมผัสเข้ากับริมฝีปากของฉันอย่างหนักหน่วงจนฉันต้องรีบผลักอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็วก่อนรีบลงจากรถแล้ววิ่งออกห่างจากอีกฝ่ายอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อะไรกันจูบแรกของฉันโดนยัยคนแปลกหน้าขโมยไปแล้วหรอเนีย”ฉันคิดในใจในขณะที่กำลังวิ่ง เมื่อแน่ใจว่าฉันวิ่งห่างจากอีกฝ่ายมาได้พอสมควรแล้ว ฉันก็ต้องหยุดเมื่ออาการเมาค้างที่ยังคงเหลืออยู่มันทำให้สมองของฉันเริ่มปวดเนืองๆ ฉันมองไปรอบๆก็พบว่าตัวเองอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ฉันจึงรีบเข้าไปข้างในเพื่อหาเครื่องดื่มลดความปวดหัวทันที่ ฉันเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าตู้เครื่องดื่มจ้องมองเข้าไปในตู้นั้นอยู่นานแสนนานโดยที่ในใจไม่ได้คิดหลอกว่าจะหยิบอะไรออกมาจนกระทั้งมีพนักงานสาวคนหนึ่งพูดขึ้น

    “อ้าว! วันนี้ไม่ไปเที่ยวหรอเบลล์” ฉันหันไปยังต้นเสียงที่ดูคุ้นหูนั้นทันที่ ก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นคือพี่สวย สวยสมชื่อจริงๆแถมหมวยอีกตังหาก เธอเป็นลูกสาวคนเดี่ยวของเจ้าของร้านสะดวกซื้อใต้หอพักของฉัน เอ๋! งั้นนี้ก็ใต้หอพักฉันนะสิ นี้ฉันเมาจนไม่รู้เลยหรอว่าตัวเองเดินมาทางกลับหอพักของตัวเองเนีย? 

    “ไม่ค่อยสนุกอะพี่เลยกลับมาก่อน”ฉันตอบพร้อมกับยิ้มตายๆให้ จะให้ตอบว่าขึ้นรถมากับสาวสวยแปลกหน้าก็กะไรอยู่ แถมยังเจอเรื่องแบบนั้นอีก ขืนบอกไปตรงๆไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น งั้นก็ขอเก็บมันไว้คนเดียวแล้วกันนะ

    “ถึงว่าทำไม่มาที่นี้เวลานี้”เธอตอบอย่างยิ้มๆ ส่วนฉันสิหน้างงไปถึงบางประม้าแล้ว

    “ยังไงอะพี่”
    “ก็นี้มันเพิ่งห้าทุ่มกว่าๆเองนะ มีหรือที่วันแบบนี้เบลล์จะลงมาที่นี้” เธอยิ้มพลางสายหน้า

    เหมือนจะบอกว่า “ไม่ไหวเลยเด็กคนนี้” อะไรประมาณนั้นอะ

    “ยิ้มไรอะพี่” ฉันถามอย่างไม่จริงจังนักแต่อีกฝ่ายก็ได้แต่ตอบว่า ป่าวๆๆ

    “แล้วนี้จะซื้ออะไรเนียพี่เห็นเรายืนตั้งนานและงั้นเดี่ยวพี่เลือกให้นะ”เธอถามอย่างหวังดี แต่ก็เหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่เธอจะเป็นคนเลือกของให้ฉัน เพราะส่วนใหญ่ฉันก็จะเข้ามาแบบไม่รู้จะซื้ออะไร หรือไม่รู้ว่าสิ่งที่ต้องการคืออะไรก็จะได้พี่สาวใจดีคนนี้หละช่วยหาของสิ่งนั้นให้

    “อะนี้”แล้วจู่ๆเธอก็ยื่นขวดเครื่องดื่มสีแดงเข้มแอลกอฮอร์ต่ำมาให้ ฉันก็ได้แต่ทำหน้างงๆ
    “ก็เบลล์ยังไม่อยากนอนไม่ใช่หรอ งั้นก็เอาเจ้านี้ไปดื่มเล่นๆแล้วกัน”ว่าแล้วเธอก็เดินไปที่เค้าเตอร์พร้อมกับขวดเครื่องดื่มนั้นในทันที่แต่ก่อนที่เธอจะได้คิดเงิน ฉันก็รีบหยิบสิ่งเดียวกันออกมาจากตู้อีกขวดแล้วจึงเดินไปหาเธอที่เค้าเตอร์ แล้วดูเหมือนเธอจะทำสีหน้างงใส่ฉันเสียด้วยสิ

    “ทำไมซื้อเยอะจัง...หรือว่ามีเพื่อนกิน?”เธอถามพลางยิ้มๆ

    “ป่าวหลอกแค่เผื่อคืนนี้ไม่อยากนอน”ฉันไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายอย่างไร จะให้บอกตรงๆว่าซื้อไปให้คนที่ไม่รู้จักที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังอยู่ที่เดิมกับรถคันสวยนั้นหรือป่าวก็กระไรอยู่

    “หรอ...”เธอตอบอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก

    “ก็นะ...แล้วทำไม่ยังไม่ปิดร้านอีกอะวันนี้” ฉันถามอย่างสงสัยเพราะความจริงแล้วเวลานี้ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้น่าจะปิดไปแล้วนิหน่า

    “ก็ว่าจะเปิดหละ แต่ใครไม่รู้จู่ๆก็เดินเข้ามาตอนที่พี่จะปิดร้านพอดีนี้สิ”เธอตอบพลางหันหน้ามองไปทางอื่นให้ฉันรู้สึกจุกเล่นเล็กๆ

    “แหะๆ...โทษที”

    “ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยขอโทษทำไม…ต่อให้เบลล์มาเคาะประตูตอนตีสี่พี่ก็จะขายให้”เธอพูดเหมือนติดตลกในตอนแรกแต่เหมือนจริงจังในตอนท้ายจนหัวฉันเริ่มประมวลผลอะไรไม่ถูก

    “พอเลยพี่ พูดอะไรไม่รู้ขนลุกหมดแล้วเนีย แล้วอีกอย่างพี่คงไม่มีวันได้ตื่นมาขายของให้เบลล์ตอนตี่สี่หลอก”ว่าแล้วฉันก็หัวเราะแกล้งทำกลบเกลื่อนความจริงเล็กน้อยแต่ก็ไม่วายที่อีกฝ่ายจะจับไต๋ได้

    “เพราะเบลล์ไม่มีทางตื่นมาเวลานั้นใช่ไหมหละ”สาวสวยยิ้มกลิ้มเต็มใบหน้า

    “โห๊ย~~~รู้อีกละ ว่าแต่เบลล์ช่วยปิดร้านไหม”ฉันพูดด้วยท่าทางที่เขินเล็กน้อยที่ถูกอีกคนรู้ทัน (อีกแล้ว)

    “ไม่เป็นไรเดี่ยวพี่ปิดเองได้ เบลล์ไปจัดการของที่อยู่ในมือเหอะ”เธอพูดพลางชี้มายังถุงสีทึบที่อยู่ในมือของฉัน

    “จ้าๆๆ งั้นปิดร้านดีๆนะพี่ เบลล์ไปละ”ว่าแล้วฉันก็เดินออกจากร้านมาพร้อมกับสิ่งที่ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องการมันจริงหรือป่าว ระหว่างทางที่ฉันเดินย้อนกลับไปหาสาวแปลกหน้าคนนั้นฉันก็ได้แต่คิดว่าเธอยังจะอยู่ตรงนั้นหรือป่าวแล้วถ้าเธอไม่อยู่หละ แล้วถ้าเธออยู่แล้วเธอกำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นคำถามแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจของฉัน ฉันคิดแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั้งเห็นรถสปอร์ดสีดำยังคงอยู่ที่เดิมและเหมือนว่าเจ้าของก็ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมเสียด้วยสิ แต่แล้วจู่ๆความรู้สึกที่ลืมไปชั่วขณะก็กลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ความรู้สึกเมื่อครั้งได้สัมผัสกับไออุ่นจากริมฝีปากของอีกฝ่าย ที่แค่นึกถึงใจก็เต้นผิดจังหวะอีกแล้วสิ

    “โถ่...เราหน่อเราคิดอะไรมากวะแล้วจะเดินกลับมาทำไมหว่าเรา” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินตรงเข้าไปยังรถฝั่งที่นั่งคนขับอย่างไม่รีรอ และภาพที่เห็นคือร่างบางกำลังนั่งกุมขมับโดยข้อศอกข้างหนึ่งค้ำกับ
    ประตู้ที่ในตอนนี้หน้าตางได้ถูกลดระดับลงจนสุด เธอได้แต่เหม่อมองไปยังเบื้องล่างอย่างคนไร้จิตวิญญาณ และเหมือนกับว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันยืนอยู่ข้างๆเธอ ภาพที่เห็นมันทำให้ฉันรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ฉันตัดสินใจเคาะที่กระจนหน้ารถของเธอเบาๆ และเหมือนเธอจะรับรู้แล้วว่าฉันยืนอยู่ ณ ตรงนี้เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่แดงและบวมเหมือนจะแดงหนักยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก

    “นี้พี่...ดื่นด้วยกันมะ”ฉันยกถุงเครื่องดื่มขึ้นให้เธอดูว่าไม่ต้องไปที่ไหนซื้อให้กันถึงที่แล้วครับพี่น้อง

    “........”เธอไม่พูดอะไรแต่ก็ยอมลงจากรถมาแต่โดยดี ฉันก็ได้แต่ยิ้มเล็กๆให้เธอ ก่อนที่ฉันจะพาเธอไปนั่งยังสวนหย่อมเล็กๆที่อยู่ตรงริมแม่น้ำใกล้ๆกับรถของเธอ เรานั่งใกล้ๆกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งดูก็น่าจะปลูกมานานโขแล้วหละ เพราะขนาดที่ใหญ่และกิ่งก้านสาขาที่แตกออกอย่างหนาแน่นถือได้ว่าเป็นต้นไม้ที่สมบูรณ์มากต้นหนึ่ง
    “นี้ทำไม่ถึงออกมากับฉันหรอ?”เธอถามขึ้นทันที่เมื่อฉันนั่งลงข้างๆเธอ

    “อ๋อ...ก็บอกแล้วไงว่าออกมาหาอะไรดื่มกัน”ฉันตอบตามความเป็นจริงเพราะ....เพราะไรหว่า?

    “แค่นั้นหรอ”เธอหันหน้ามามองฉันอย่างไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของฉันเท่าไหร

    “ก็แค่นั้นสิ จะให้มีอะไรอีกหละ”ฉันมองหน้าเธอกลับอย่างงงๆในคำถามขอเธอเพราะฉันไม่รู้จริงๆว่าสิ่งที่เธอพูดมันหมายถึงอะไร

    “ป่าวหลอกก็แค่...”เธอพูดค้างไว้แค่นั้น

    “แค่ไม่เหมือนกับทุกคนที่มากับพี่ใช่ไหม”ฉันพูดต่อจากเธอทันที่พร้อมกับมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของเธออย่างพยายามจะหาคำตอบ แต่แอบใจละลายเล็กน้อยเพราะดวงตาของเธอมันช่างสวยเหลือเกิน สวยจนฉันไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้มันต้องมีรอยตำหนิเหมือนในวันนี้

    “มั่ง!”

    “ห๊า...พี่หาแฟนวิธีนี้หรอ”ฉันอึ่งเล็กน้อยกับคำตอบสั้นๆของเธอ

    “ไม่ใช่สักหน่อย...ไม่ใช่คนใจง่ายขนาดนั้นสักหน่อย”เธอตอบพลางหันหน้าออกไปข้างหน้ามองไปยังแม่น้ำที่เงียบสงบ

    “อะโด่คนเรา...ไม่ใช่คนใจง่ายแต่ไปกับใครก็ได้ว่างั้น”ฉันพูดอย่างไม่จริงจัง ก็แค่อยากหยอกเล่นไปงั้น แต่แล้วมือเรียวๆของเธอก็ตีลงที่หัวไหล่ของฉันอย่างแรงจนฉันร้อง โอ๊ย! ออกไปเบาๆ

    “นี้พี่...มันเจ็บนะ”ฉันเผลอจับข้อมือข้างนั้นของเธออย่างไม่รู้ตัว

    “ก็ดูเธอพูดสิ แล้วนี้อายุเท่าไรมาเรียกฉันว่าพี่”จู่ๆเธอก็ทำท่าเหมือนของขึ้นจนฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วค่อยๆปล่อยข้อมือของเธอออก

    “22 เพิ่งเรียนจบอะ”ฉันพูดพลางจิบเครื่องดื่มในมือไปด้วย

    “เหอะๆ...”

    “ทำไม...ตัวเองแก่กว่าหละสิ ไม่ต้องมาเหอะๆเลย”ว่าแล้วฉันก็ยิ้มพร้อมหัวเราะเบาๆออกมาให้อีกฝ่ายได้ทำหน้าเหมือนจะงอนแล้วหันไปทางอื่นในทันที่

    “อ้าว...งอนซะและ นี้หันมาคุยกันก่อนสิ แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง”ฉันพยายามชะโงกหน้าไปให้เห็นใบหน้าของเธอที่ตอนนี้ได้หันไปยังด้านตรงข้างกับฉันแล้ว และเมื่อเธอหันหน้ากลับมาฉันก็ต้องใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อลมหายใจของเธอมันลดอยู่ลนปลายจมูกของฉันนี้เองและนั้นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นใบหน้าของเธอใกล้ๆและในครั้งนี้ฉันได้เห็นมันชัดเจนและถี่ท้วนกว่าครั้งแรกเพราะความเมาที่ลดลงจากตอนนั้นมากโข มันทำให้ฉันสงสัยว่าเธอเป็นลูกครึ่งหรือป่าว ฉันรีบหันหน้ากลับมายังที่เดิมในทันที พร้อมกับอาการใจเต้นแรงยังคงมีอยู่เช่นเดิม

    “คะ...คือว่าพะ...พี่ชื่ออะไรหรอ”ฉันถามอย่างตะกุตะกักเพราะหัวใจยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะจากเหตุการณ์เมื่อครู่

    “ชื่อแคท แล้วเธอหละชื่ออะไร”เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ธรรมดาสุดๆ ก็แหงสิมันคงเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเธอแล้วหละมั้งที่เจอกับสถานการณ์แบบนี้ เชอะ!~~~

    “ชื่อเบลล์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”ฉันยิ้มพร้อมหันหน้าไปหาเธอ  

    “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ๊ะ”เธอหันหน้ามาสบตากับฉันก่อนจะหอมแก้มของฉันอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนฉันต้องรีบเด้งตัวออกห่างในทันที

    “ทะ...ทำอะไรเนีย”ฉันรีบเอามือมากุมแก้มข้างที่ถูกคลุกครามในทันที

    “ก็ทักทายแบบตะวันตกไง”เธอพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูจะพอใจกับปฏิกิริยาของฉันมิใช่น้อย

    “เขาไม่ได้จับมือกันหรอ” ว่าแล้วรอยยิ้มเล็กๆของเธอก็เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีแม้คำใดออกจากปากของเธอ

    “เป็นลูกครึ่งหรอ?”ฉันถามคำถามที่คาใจออกไปทันที

    “ก็ใช่ไง ดูไม่ออกหรอ”

    “ป่าว”

    “ลูกครึ่งไทย อเมริกัน”ใบหน้าของเธอค่อยๆมองออกไปยังแม้น้ำอีกครั้ง

    “อ้าว! ไม่ใช่ครึ่งผีครึ่งปีศาจหรอ”ฉันพูดขึ้นไปทันที่เมื่อเธอพูดจบประโยค ก็แค่อยากแหย่เล่นแต่แรงไปป่าวหว่า?

    “นี้! ”ฉันพูดจบเธอก็รีบส่วนขึ้นอย่างเร็ว จนฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีอารมณ์ร่วมกับฉันเลยนี้สิ

    “นี้เบลล์แค่ล้อเล่น อย่าโกรธสิเบลล์ง้อคนไม่เป็นนะ”ฉันพูดพลางเอานิ้วมือไปเขี่ยๆที่หัวไหลเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ก็แหมชุดที่เธอใส่สิโชว์หัวไหลซะน่า............. น่าใจละลาย~~~ ฮาฮา นี้ฉันบ้าไปแล้วหรอเนีย ทำไม่ถึงไม่เคยรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ปลอดภัยแถมยังมีหน้าเดินกลับมาหาอีก โอ๊ยยย~~ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

    “พี่หันมาคุยกันหน่อย....จะทำยังไงให้หายโกรธเนีย”ฉันเปลี่ยนท่านั่งมาเป็นท่าคุกเขาแล้วหันหน้าไปทางอีกฝ่าย

    “คบกันไหม”เธอพูดออกมาให้ฉันอึ่งอย่างรุนแรง ก่อนที่ฉันถามเธอซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าฉันไม่ได้หูฝาด

    “ฮะ...เมื่อกี่พี่ว่าอะไรนะ”

    “เราสองคนมาลองคบกันไหม”เธอหันมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังกว่าทุกครั้ง มันทำให้ฉันอึ่ง สมองไม่สั่งการร่างกายไม่ตอบสนอง หัวใจเต้นแรงผิดปกติ

    “ไม่ตอบแสดงว่าตกลงนะ”จู่ๆเธอก็พูดให้ฉันงงหนักเข้าไปอีก

    “ดะ...เดี่ยวสิ มัดมือชกกันอย่างนี้เลยหรอ”ฉันรีบเรียกสติตัวเองกลับมาทันทีเมื่อรับรู้ว่าความโสดนานหลายปีของฉันกำลังจะหายไปภายในเพียงแค่ไม่กี่เซี่ยววินาทีอย่างไม่ตั้งตัว

    “ก็เมื่อกี่นี้เงียบก็แปลว่าตกลงแล้วไง ยังจะมาเถียงอะไรอีกเนีย”นั้นไงช่างเป็นการกระทำที่เข้าข้างตัวเองเสียจริงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเรื่องในห้องน้ำจึงเกิดขึ้น

    “ให้ตายก็ไม่เอา...ยังไงก็ไม่คบกับพี่เด็จขาด”ฉันลุกขึ้นพูดอย่างจริงจัง เพราะฉันไม่ใช่คนที่แบบว่ารู้จักกันชั่ววันแล้วจะคิดคบหาดูใจเลยเสียเมื่อไหร แค่บ้าเดินกลับมาหาก็สุดๆแล้ว

    “หรอ..”ว่าแล้วเธอก็ลุกตามขึ้นมาผลักฉันไปชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างๆอย่างจัง ก่อนที่เธอจะตามเข้ามาพร้อมกับจับข้อมือทั้งสองข้างของฉันเอาไว้อย่างแน่นหนา จนฉันรู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อยและเมื่อฉันดิ้นก็เหมือนว่าเธอจะยิ่งกระชับให้มันแน่นยิ่งขึ้น

    “ปล่อยนะ...มันเจ็บนะพี่”ฉันมองยังข้อมือข้างหนึ่งที่ถูกอีกฝ่ายกดรัดเสียเจ็บมากกว่าอีกข้าง “คิดว่าสูงกว่าแล้วได้เปรียบหรือไงฟ่ะ ไม่สูงมั่งให้มันรู้ไปเซ่!”ฉันคิดอย่างน้อยใจนิดๆที่ทำไมธรรมชาติถึงสร้างให้ฉันแตกต่างกับเธอถึงเพียงนี้

    “หรอ”เธอยังคงใช่น้ำเสียงที่เรียบ แต่ดูเย็นชายังไงชอบกล จนฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาตงิดๆ

    “นี้! พะ..........”ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดจบประโยคก็ถูกริมฝีปากของอีกฝ่ายกดทับอย่างรุนแรง จนมันไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก และดูเหมือนเธอจะไม่ยอมถอนมันออกง่ายๆ เมื่อฉันเริ่มรู้สึกได้ถึงปลายลิ้นอุ่นๆของอีกฝ่ายที่พยายามสอดแทรกเข้ามาภายในปากของฉัน ฉันรีบหลับตาปี๋ก่อนที่จะรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีสะบัดแขนออกจากมือของอีกฝ่ายแล้วผลักร่างนั้นออกจนสุดแรง และก็เหมือนอัตโนมัติที่ฝ่ามือที่สั่นระรัวของฉันจะตามไปกระทบที่แก้มขาวๆของอีกฝ่ายอย่างแรง จนใบหน้าของเธอหันไปอีกด้านเผยให้เห็นรอยแดงรูปนิ้วมืออย่างชัดเจน ฉันยืนมองเธอไม่กี่วินาทีด้วยความรู้สึกแปลๆ ก่อนจะวิ่งหนีออกห่างจากเธออย่างรวดเร็ว น้ำตาก็เริ่มล้นทะลักออกมาอย่างไม่รู้ตัว ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไหลออกมาได้ยังไงและเพราะเหตุใด ฉันรู้แต่ว่าฉันต้องรีบ รีบวิ่งไปยังที่ฉันคิดว่าปลอดภัยและห่างจากอีกฝ่ายให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และสิ่งที่ฉันทำได้ก็คือการวิ่งกลับห้องพักของตัวเองเท่านั้นหละ ก็ฉันไม่มีที่ให้ไปอีกแล้วนิและเวลาแบบนี้เจ้าพวกเพื่อนตัวแสบนะหรือ ลืมไปเสียเถอะ เพราะพวกมันก็คงยังไม่กลับมากันหลอก
    เมื่อฉันมาถึงห้องก็รีบเปิดไฟแล้วเดินเข้าห้องน้ำอย่างเร็วก่อนที่จะหยุดยืนมองตัวเองอยู่ที่หน้าอ่างล้างหน้าฉันมองดูตัวเองในกระจกก่อนจะรีบเปิดก๊อกน้ำแล้วทำการล้างปากของตัวเองอย่างเร็ว  ฉันมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนที่น้ำใสๆจะหยดออกจากตาของฉันอีกครั้ง ในใจก็คิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับความไม่รู้จักคิด ความไม่มีสติ ความโง่ของตัวเอง ที่เกิดเหตุการณ์ในรถแบบนั้นแล้วยังกล้าเดินกลับไปหาให้เขาทำเรื่องแบบนี้กับตัวเองอีก ว่าแล้วฉันก็หัวเราะพร้อมร้องไห้ออกมาเหมือนคนบ้าอย่างไงอย่างงั้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×