ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 บังเอิญ หรือ พรมลิขิต
ความจริงชีวิตของคนเราเกิดมาเพื่อสิ่งใด เกิดมาเพื่ออะไร แล้วเราเกิดมาทำไม ถามตามหลักพุทธศาสนาคงกล่าวว่า คนเรานั้นเกิดมาเพื่อใช่กรรม ซึ่งฉันก็เชื่อเช่นนั้น หากแต่จะเหลือก็เพียงสิ่งที่บันดานให้คนเราอยากที่จะมีชีวิตอยากจะอยู่บนโลกใบนี้ต่อ หรือสิ่งที่เราอยากให้อยู่ต่อไปโดยที่เราไม่สนว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านั้นคืออะไร ฉันนั่งหาคำตอบของสิ่งนั้นมานานเหลือเกินนานเสียจนเหมือนกับว่าฉันจะไม่มีวันหามันไม่พบ จนกระทั้งฉันได้มาพบกับคนๆนี้
“พี่แคทแต่งตัวเสร็จหรือยังจะสายแล้วนะ”ฉันตระโกนพลางมองนาฬิกาที่ข้อมือไปด้วย แต่แล้วฉันก็ต้องชะงักพร้อมกับหัวใจที่เต้นผิดจังหวะเมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องพร้อมกับชุดราตรีสีฟ้าอมน้ำเงินยาวถึงพื้นกระชับหุ่นด้วยสายรัดเอวสีน้ำเงินเข้ม คอเสื้อกว้างแหวกลึกเห็นเนินอกเล็กน้อย
“เสร็จแล้วๆ...อย่าเร้งได้ไหม” แคท สาวร่างสูงโปรงหุ่นแบบสาวตะวันตก ผมบลอนยาวสลวยเป็นลอนเล็กน้อยรับกับโครงหน้าที่เรียวยาวหน้ารูปไร้ ในตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย ผิวกายขาวเนียนละเอียดหน้าสัมผัส บงบอกถึงความเป็นลูกครึ่งได้เป็นอย่างดี และเธอคนนี้แหละที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตของฉัน
“You are beautiful” ฉันจ้องมองร่างนั้นอย่างไม่ละสายตาย
“บ้า...เขินน่ะ มองอยู่ได้” ว่าแล้วมือขาวๆก็ตีลงที่ต้นแขนของฉันเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มที่เขินๆ ฉันก็ได้แต่ยิ้มอย่างสุขใจแบบแปลกๆเพราะฉันไม่รู้ว่าทำไม่ฉันถึงรู้สึกเป็นปลื้มคนตรงหน้าได้ขนาดนี้ หรือเป็นเพราะเธอเป็นแฟนฉันหรอ? แหงสิมันคงจะเป็นเพราะเหตุนั้นจริงๆ
“ไปได้แล้ว”
“รับทราบขอรับนายหญิง” หลังจากนั้นเราทั้งสองคนก็ขึ้นรถ minivan คันสวย โดยมีสาวสวยเป็นคนขับส่วนฉันก็ได้แค่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับเท่านั้น เพราะฉันไม่คุ้นกับการใช่ถนนของที่นี้เท่าไหร อ๋อฉันลืมบอกไปว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่อเมริกา จะเป็นการพักผ่อนหรือการอยู่ชั่วคราวฉันก็ไม่รู้หลอกรู้แต่ว่าจะอยู่ไปเรื่อยอยู่จนกว่าฉันจะไม่อยากอยู่หรืออยู่จนกว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆพี่แคท ณ ที่ตรงนี้ไม่ใช่ฉัน คุณๆ คงสงสัยหละสิว่าฉันเจอกับพี่แคทได้ยังไงใช่ไหมละ ฉันว่าการที่เราสองคนๆได้เจอกันมันเป็นเรื่องบังเอิญและบ้าบอแบบสุดๆเลยหละ เราเจอกันในเมืองไทยในวันนั้นฉันก็แค่ไปเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนๆเหมือนกับทุกวัน จะต่างก็ตรงที่ฉันโดนไอพวกเพื่อนตัวแสบมอมเหล้าจนไม่มีสติก็เท่านั้นเอง
“จะไปไหนวะ เบลล์”อัญ เพื่อนสาวตระโกนแข่งกับเสียงดนตรีที่ดังสนั่น แต่ร่างที่ไร้สติของฉันกลับไม่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของเพื่อนแต่อย่างไร เพราะตอนนี้มีแต่ขาของฉันเท่านั้นที่บงการทุกส่วนของร่างกายให้เป็นไปตาม แต่ละการย่างก้าวที่ไร้จุดหมายเบียดเสียดกับผู้คนจนกระทั้งฉันมาหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำฉันยืนมองตัวเองในกระจกอย่างมึนๆเพราะแอลกอฮอร์ทำพิษ ก่อนที่จะสังเกตเห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำอย่างรีบร้อนและตามติดมาด้วยหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ฉันมองเขาทั้งสองคุยกันหรือป่าวหว่า? มันดูเหมือนการทะเลาะกันเสียมากว่าและดูเหมือนว่าจะไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆเสียด้วย เมื่อเห็นภาพชวนปวดหัวแบบนั้นจู่ๆอาการท้องใส่ปั่นป่วนก็เกินขึ้นในทันที ฉันรีบเดินเข้าห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดอย่างเร็วโดยไม่สนใจเลยว่าจะต้องเดินผ่านหน้าสองคนนั้นอย่างไม่ตั้งใจก็ตาม เมื่อเข้าไปในห้องน้ำได้ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับการกระทำของตัวเอง ไม่สิฉันไม่สนใจเลยว่าสองคนนั้นจะทำหน้าและท่าทางอย่างไรที่ฉันเดินตัดหน้าเธอทั้งสองมาเมื่อครู่นี้
เมื่อของในกระเพาะของฉันถูกนำออกมาจนหมดและทำความสะอาดมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็เปิดประตูออกมาและแล้วฉันก็ต้องพบกับภาพที่สุดแสนจะบรรยายที่มุมในสุดของห้อง เป็นภาพของหญิงสองคนนั้นกอดจูบกันอยู่ฉันรีบเดินไปที่อ่างล้างหน้าแล้วล้างหน้าบ่วนปากอย่างเร็วพร้อมกับอาการหายใจไม่ทั่วท้องที่เกิดขึ้นทันทีที่เห็นภาพบาดตาบาดใจเช่นนั้น ฉันเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากประเป๋ากางเกงแต่ก่อนที่ฉันจะก้าวพ้นประตู ฉันก็เดินชนเข้ากับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้าห้องน้ำอย่างจัง จนโทรศัพท์สุดรักของฉันหล่นลงกับพื้น แถมเวรกรรมโดนเจ้าหล่อนแตะเข้าอย่างไม่ตั้งใจกระเด็นไปทางที่สองคนนั้นยื่นอยู่พอดี ด้วยอาการเมาที่ยังคงหลงเหลืออยู่มากฉันจึงมองหน้าเธอไม่ถนัดนักเมื่อฉันกำลังจะหันไปต่อว่าเธอ ฉันก็ต้องอึ่งเมื่อเธอเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาวสองคนนั้นแล้วไม่รีรอที่จะกระชากสองคนนั้นออกจากกันก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงฝ่ามือกระทบลงบนใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งอย่างดัง จนฉันเบิกตากว้างอาการเมาเหมือนจะจางหายไปในทันทีพร้อมกับอาการลุกลี่ลุกลน ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเหตุการณ์เบื้องหน้าเหมือนจะยิ่งรุนแรงขึ้น แต่อันความจริงแล้วฉันกลัวว่าสาวสวยทั้งสามจะเหยียบเจ้าโทรศัพท์มือถือสุดรักของฉันพังไม่เหลือซากตังหากหละ
“นี้!! ทาม~ราย~การ~อะ” ฉันเผยพูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว จนทั้งสามหันมามองฉันเป็นตาเดี่ยวกัน
“หยู๊ดดดดด~~อยู่ตรงนั้นเลยนะ”แล้วก็เหมือนกับพระรวงมาโปรดเมื่อทั้งสามหยุดอย่างที่ฉันพูดจริงๆ ว่าแล้วฉันก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวคนหนึ่งในนั้นทันที่ก่อนจะย่อตัวก้มลงเก็บโทรศัพท์มือถือที่อยู่ตรงปลายเท้าของเธอ แต่ก่อน
ที่ฉันจะหยิบมันขึ้นมาฉันก็ต้องจุกอย่างแรงที่ท้องเมื่อต้นขาเรียวๆของสาวคนหนึ่งซัดเข้าหามันอย่างจังและหนักหน่วง จนฉันเซหลาล้มก้มกระแทกพื้นอย่างจัง ฉันมองไปที่ขาเรียวๆนั้นในทันที่ก่อนจะร้องเสียงหลงออกมา
“ไม่น๊า~~~โทรศัพท์ของฉ๊านนนนน” เมื่อฉันมองไปยังเจ้าโทรศัพท์เครื่องน้อยฉันก็ต้องน้ำตาเล็ดเมื่อในตอนนี้มันได้ลงไปอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเจ้าของขาเรียวเมื่อครู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็เหมือนสาวเจ้าจะรู้สึกถึงสิ่งที่อยู่ใต้เท้าของตัวเองแล้วในตอนนี้ เธอรีบยกเท้าขึ้นทันที่ ฉันรีบตะกุยตะกายเข้าไปหามันทันที่พร้อมกับอาการนิ่งอึ่งของสามสวย
“จะเปิดได้ไหมเนีย”ฉันนั่งมองหน้าจอที่มืดสนิทของมันอย่างร้อนใจเพราะใช่ว่ามันจะมีแค่เบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนหรือญาติมิตรสหาย หากแต่มันมีของสำคัญอีกหลายอย่างที่หาจากที่อื่นไม่ได้อีกแล้วตังหากหละ แต่ดูเหมือนพวกเธอจะไม่สนใจอะไรฉันเลยแม้แต่นิด
“แคท...อิงว่าเราคงไปด้วยกันไม่ได้แล้วหละ อิงข้อร้องปล่อยเราสองคนไปเถอะ อิงรักทีน่า” เสียงการสนทนาเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยหญิงสาวที่มีรอยนิ้วมือแดงๆประทับอยู่บนใบหน้า
“แล้วแคทหละอิง...แคทรักอิงนะ”น้ำเสียงของผู้พูดดูจริงจังเสียเหลือเกิน
“แต่อิงไม่ได้รักแคทแล้ว ได้ยินไหมว่าอิงไม่รักแคทแล้ว!!!”เสียงตระโกนดังในคำสุดท้ายทำให้ฉันหลุดออกจาก ภวังค์เล็กน้อย และเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์พร้อมกับพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะคะทีน่า”สาวทั้งสองก็จูงมือกันเดินออกไป
“แคททำอะไรผิดหรอ?” สิ้นเสียงก็เหมือนจะทำให้สองสาวต้องหยุดชะงักร่วมถึงฉันด้วยที่เริ่มรู้สึกเหมือนมีน้ำใส่ๆอุ่นๆหยดลงบนแขนเบาๆ
“แคทไม่ได้ทำอะไรผิดหลอก...เพียงแค่เรามันไม่ดีเอง”และแล้วสองสาวก็พากันเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงฉันกับร่างบางและความสงบเงียบเท่านั้น แต่แล้วความเงียบนั้นก็หายไปเมื่อเสียงสะอื้นของร่างบางเริ่มดังขึ้น ฉันมองร่างที่สั่นเทานั้นอย่างเห็นใจ ถึงฉันจะเมาแต่ก็รู้นะว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร และเมื่อเห็นอาการของเธอคนนี้ฉันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย แต่ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของการถูกหักอกเท่าไรหลอก ก็ฉันไม่เคยมีความรักนิ ฉันตัดสินใจเก็บเจ้าโทรศัพท์เครื่องน้อยลงกระเป๋าก่อนที่จะใช่มือสะกิดร่างของอีกฝ่ายเบาๆ
“นี้พี่...ไปหาอะไรดื่มย้อมใจกันมะ”ฉันถามร่างที่อยู่ข้างๆ โดยที่ฉันเลือกที่จะไม่มองหน้าหรือสบตากับอีกฝ่ายแต่อย่างไร
“..........”ไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย
“งั้นตามใจนะ”ฉันรีบลุกขึ้นอย่างเร็วแล้วทำท่าเหมือนจะเดินจากไป แต่แล้วฉันก็ต้องชะงักเมื่อมือของอีกฝ่ายได้จับเข้าที่ขากางเกงยีนขายาวของฉันเอาไว้
“ที่อื่นได้มะ”ร่างบางยังคงก้มหน้าอย่างเช่นเคย มันทำให้ฉันยิ้มในใจเล็กน้อยว่าอย่างน้อยคนๆนี้ก็ไม่ได้หยิ่งแต่จะใจง่ายหรือป่าวมันอีกเรื่องหนึ่ง
“ก็ใครบอกหละว่าเป็นที่นี้”ฉันส่งมือให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่จะปั้นได้ในเวลานี้ให้เธอ แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมากับดวงตาที่แดงฉาน นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นใบหน้าของเธออย่างเต็มตา และมันทำให้ฉันอยากจะลบรอยแดงนั้นออกเสียให้ไวเพราะดวงตาคู่สวยของเธอไม่น่าจะมีรอยแห่งความเจ็บช่ำเช่นนี้
“ไม่เป็นไร ลุกเองได้” ร่างบางลุกขึ้นในทันที่แล้วเดินนำหน้าออกไปทันที่ ฉันก็ได้แต่ยื่นมองมือของตัวเองในใจก็พันคิดว่า “โอ๊ยยยยยยยยยย~~จะหยิ่งไปถึงไหนแม่คุณรังเกรียดกันนักหรือไงฟ่ะ” แต่ก่อนที่ฉันจะคิดสันหาคำอื่นใดไปมากกว่านี้รางบางก็เดินกลับเข้ามาหา ฉันมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธออย่างไม่กระพริบตา
“จะไปกันได้หรือยัง...เธอเป็นคนชวนไม่ใช่หรอ”ว่าแล้วร่างบางก็จูงมือฉันออกจากห้องน้ำในทันที่ ส่วนตัวฉันหรอเหอะๆๆ ก็ได้แต่เดินตามเธอออกมาอย่างว่าง่ายนะสิยิ่งถูกมือขาวๆนิ่มๆจับแบบนี้แล้วมันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแบบแปลกๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น