ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lufer ✥ Lesson...นิยามบทเรียนพันธุ์ไม่ปกติ!?

    ลำดับตอนที่ #5 : ✥ บทที่4 ✥ นิทานที่ไม่จริงใจ 50%

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 54




    Chapter 4

     

     

     

     

     

               โรงอาหารแน่นขนัดครึกครื้นไปด้วยเหล่านักเรียนผู้หิวโหยจากการใช้พลังงานในการเรียนไปตลอดคาบเช้าและต้องการหาอะไรมาเติมเต็มกระเพาะที่ว่างเปล่าของตนเพื่อเตรียมสู้รบกับอีกครึ่งบ่ายที่เหลือ อาณาบริเวณกว้างใหญ่ที่ปกติมีเพียงกระเบื้องปูพื้นสีขาวสะอาดกับโต๊ะยาวทานข้าววางเรียงเป็นแถบดูจืดชืดบัดนี้ถูกแต่งแต้มสีสันด้วยเสียงหัวเราะและเสียงคุยเจี๊ยวจ๊าวของเหล่านักเรียนและอาจารย์ ร้านอาหารหลายสิบร้านส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายให้แก่คนที่ผ่านไปผ่านมา






             ลูซยืนถือถาดข้าวของตัวเองที่ไปต่อคิวซื้อมาพลางหันซ้ายหันขวาลังเลว่าจะนั่งตรงไหนดี ก่อนจะเหลือบไปเห็นโต๊ะยาวแถวหนึ่งที่ค่อนข้างปลอดคนและปูลูกไม้คลุมไว้พร้อมกับแจกันดอกไม้บ่งบอกว่าเป็นโต๊ะเฉพาะสำหรับบุคลากรผู้สอน สองขาจึงพาร่างเข้าไปนั่งที่ปลายโต๊ะที่ค่อนข้างห่างไกลจากวงสนทนาของอาจารย์ท่านอื่นๆพอสมควร





              แต่ยังไม่ทันที่จะได้ตักข้าวคำแรกเข้าปากถาดอาหารถาดหนึ่งก็ถูกวางลงตรงหน้าพร้อมเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่มีคนเข้ามานั่งด้วยเสียก่อน





              ผู้มาใหม่เอ่ยยิ้มๆ อาจารย์นิรกานต์ใช่มั้ยครับ? ที่นั่งมันเต็มแล้วน่ะ ผมขอนั่งด้วยคนละกันนะครับ





             นายก็นั่งไปแล้วนี่แถมที่อีกฝั่งก็ยังเหลืออีกตั้งเยอะชัดๆ...แต่ถึงอย่างนั้นลูซก็เลือกที่จะสงบปากสงบคำแล้วผายมือให้เป็นนัยๆว่าเชิญพลางสังเกตผู้มาใหม่





              เจ้าของเสียงนุ่มทุ้มทรงเสน่ห์นั้นคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมคายคนหนึ่ง เรือนผมเปลือกไม้และดวงตาสีทองคำแปลกตานั่นทำให้สันนิษฐานได้กลายๆว่าอาจเป็นลูกครึ่งชาวต่างชาติ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจซะเท่าไหร่เพราะยังไงเทพาสริณก็เป็นโรงเรียนเอกชนที่ออกจะกึ่งๆนานาชาติอยู่แล้ว จะมีคนต่างชาติบ้างก็ไม่น่าแปลกอะไร






              ...แล้วทำไมถึงใช้คำเรียกแบบนั้นอย่างงั้นเหรอ? ก็โรงเรียนธรรมดาที่มีนักเรียนลูกครึ่งหรือต่างชาติอยู่เฉลี่ยแล้วห้องละไม่น้อยกว่า5คนเนี่ย ดูยังไงก็ไม่ใช่มาตรฐานโรงเรียนไทยทั่วๆไปเลยซักนิด!





              เหมือนอีกฝ่ายจะสังเกตเห็นแววตาที่แฝงแววแอบลอบประเมินของลูซ จึงได้รีบแนะนำตัวขึ้นก่อน






           ผมภาคิณครับ เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ชั้นม.5 ยินดีที่ได้รู้จักชายหนุ่มพูดยิ้มๆ

     




           ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับลูซยิ้มตอบไปตามมารยาทว่าแต่ทำไมถึงรู้จักชื่อผมได้ล่ะครับเนี่ย





                ไม่รู้ทำไมลูซถึงรู้สึกว่าใบหน้าของอาจารย์หนุ่มดูจะแข็งค้างขึ้นมาชั่วขณะ





           ก็ฟังจากประกาศหน้าเสาธงเมื่อเช้าน่ะสิครับ แถมตอนนี้ไม่มีใครหรอกที่จะไม่รู้จักอาจารย์นิรกานต์ผู้โด่งดัง

       




           
    เห






            รอยยิ้มของภาคิณแย้มกว้างขึ้นอย่างแฝงเลศนัยสนใจฟังเรื่องเล่าฆ่าเวลาแกล้มอาหารเที่ยงซักหน่อยมั้ยครับ?

     



            โอ้ อาจารย์ภาคิณนี่ไวไฟซะจริงๆ แป๊บเดียวก็หาเรื่องเข้าไปตีสนิทได้แล้วผอ.อภิรัตน์หัวเราะหึหึด้วยความนึกสนุก

     

              ผู้อำนวยการแห่งเทพาสริณสังเกตการณ์ของอาจารย์หนุ่มทั้ง2ด้วยกล้องส่องทางไกลระดับเอสคลาส เลนส์ซูม 10x42จากห้องประจำตำแหน่งชั้น3เหมือนพวกโรคจิตแอบส่อง

     

            หวังแค่ว่าจะไม่ไปเป่าหูอะไรคุณครูคนใหม่ของเรามากเกินไปนะครับ ไม่งั้นถ้าเกิดเสียท่าซะเองก็อย่าหาว่าไม่เตือน

     

     

     

     

     

                ...   อาจารย์ใหม่หน้าอ่อนลือใช้เส้นพ่วงตำแหน่งปริศนา




     

              นี่คือข่าวพาดหัวรายวันที่กำลังมาแรงที่สุดในห้องพักครูของเทพาสริณวิทยา ณ เวลานี้

     


              ฟังแล้วเขาถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว และยิ่งรู้สึกอยากกุมขมับเข้าไปใหญ่เมื่อได้ฟังรายละเอียดหัวข้อกอซซิปพวกนี้อย่างละเอียดจากแหล่งข่าวที่โผล่มาอย่างไร้ที่มา

     


            ตอนนี้ใครๆก็กำลังเม้าท์เรื่องนี้กันสนุกปาก ใครไม่รู้ถือว่าตกเทรนด์ ลือกันให้แซดว่านายเป็นเด็กเก็บหรือไม่ก็มีเส้นสายตื้นลึกหนาบางกับกับท่านผอ.เพราะจู่ๆก็ได้เข้ามารับหน้าที่ประจำชั้นห้อง11เลยแสดงว่าท่านผอ.อาจจะเก็บของดีอะไรเอาไว้ก็ได้ถึงได้ใจเด็ดขนาดนี้

     


               ด้วยเห็นว่าอายุของทั้งสองเองก็ไม่ค่อยจะต่างกันมากนักแม้ว่าลูซจะดูหน้าเด็กกว่าอย่างช่วยไม่ได้แต่สรรพนามที่ใช้ก็ถูกเปลี่ยนไปเพื่อความสะดวกปากตามเหตุผลของผู้มาใหม่ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกับลักษณะการพูดจาที่สนิทสนมทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานแบบนี้

     


              ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าเพิ่งเข้ารับตำแหน่งครูได้ไม่ถึง2วันก็จะถูกตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมากขนาดนี้แล้ว ลูซถอนหายใจอย่างนับถือจินตนาการอันล้ำเลิศของคนพวกนั้น


     

              ไม่ใช่แค่นี้นะ ตำแหน่งนั้นน่ะใครๆเขาก็เรียกกันว่าตำแหน่งต้องสาป ผลัดเปลี่ยนคนไปแล้วถึง43คน แถมแต่ละคนก่อนออกยังไม่ได้ออกมาดีด้วยนะ ขนาดถึงกับมีการลงขันพนันกันด้วยว่านายจะสามารถเป็นที่ปรึกษาห้องนั้นได้จนจบเทอมมั้ย นายจะโดนเด็กพวกนั้นเล่นงานอย่างน้อยกี่ครั้ง มีกระทั่งเสี่ยงทายกันว่าอีกกี่วันนายถึงจะยื่นใบลาออกไปให้ฝ่ายอำนวยการ หรือว่าจะถูกส่งเข้าโรงพยาบาลก่อนทันยื่นคำขอ


     

            งามไส้

       


            โอ๊ะๆ อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิ แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องอื้อฉาวทั้งหลายทั้งมวลก็ไม่อาจดับประกายไฟที่ลุกโชนของพวกนักเรียนหญิงในการตั้งกลุ่มแฟนคลับนายได้เลย รายชื่อของอาจารย์นิรกานต์ถูกจัดเข้าไปในคลังบุคลากรรูปงามแห่งเทพาสริณเรียบร้อยแล้วล่ะ เป็นเพราะกระแสหน้าเด็กกับความรักต่างวัยด้วยล่ะมั้งเพราะปกตินักเรียนที่เป็นกรรมการคัดเลือกน่ะจะเขี้ยวมากภาคิณทำหน้าขบคิดประมาณว่าจะสั่งสอนนักเรียนของตนอย่างไรไม่ให้โหนกระแส


     

              พอฟังถึงตอนนี้แล้วเขาถึงได้เริ่มสังเกตว่าระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันนี้ นักเรียนในโรงอาหารมักจะเดินผ่านแถวนี้บ่อยผิดปกติ แถมโต๊ะรอบๆยังมีคนมาจับจองนั่งไว้อย่างหนาแน่นกว่าบริเวณอื่นด้วย ขนาดกลุ่มอาจารย์ที่นั่งอยู่ที่อีกฟากโต๊ะหนึ่งในตอนแรกยังแอบเหลือบมองเขาเป็นระยะๆเลยด้วยซ้ำ ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าเพิ่งเข้ารับตำแหน่งครูได้ไม่ถึง2วันก็จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านมากขนาดนี้ซะแล้ว

     


            ให้ฉันเดา นายคงเป็นอีกหนึ่งที่ถูกจัดอยู่ในคลังบุคลากรที่ว่าด้วยล่ะสิ


     

            ถูกต้องนะครับภาคิณยิ้มอย่างจนใจ

     


            ว่าแต่จริงๆแล้วทำไมนายถึงถูกส่งมาประจำอยู่ที่ห้องนี้ได้ล่ะ      

     


            นายจะเชื่อมั้ย ถ้าฉันบอกว่าเสนอตัวรับงานนี้เองลูซประสานมือไว้ใต้คางแล้วกล่าวลองเชิง


     

              ภาคิณเบิกตากว้างมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ล้อเล่นน่า ไม่สิ  พูดแบบนี้แสดงว่าเป็นเรื่องจริงแหงแซะ ทั้งๆที่ได้ยินกิตติศัพท์เด็กห้องนั้นมาแบบสุดๆแล้วเนี่ยนะเขาไม่อยากจะเชื่อ นึกว่าท่านผอ.จะเป็นคนส่งอาจารย์คนนี้มาเองซะอีก ทำไมกันล่ะ


     

            ลูซเอียงคอแล้วเป็นฝ่ายคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์บ้างก็คงเป็นเพราะสาเหตุเดียวกับเด็กพวกนั้นล่ะมั้ง

     


            หา

     


             เหมือนจะได้ยินเสียงก๊องเป็นซาวน์เอฟเฟกต์ประกอบจากอาจารย์หนุ่มลูกครึ่ง เอาเหอะ นายยังไม่ต้องเข้าใจตอนนี้ก็ได้ลูซโบกมือปัดๆ


     

              อาจารย์ผู้ตกเป็นข่าวตัดสินใจที่จะไม่ปริปากบอกเพื่อนใหม่คนนี้ถึงข้อสันนิษฐานที่เพิ่งคิดได้มาสดๆร้อนๆเกี่ยวกับการบ้านเปิดตัวสุดแสนประทับใจชิ้นแรกซึ่งได้ยินแว่วๆมาว่าได้ถูกเล่าไปปากต่อปากและแพร่ระบาดในหมู่นักเรียนจนเป็นประเด็นร้อนในหมู่นักเรียนจนคาดไม่ถึงแถมยังดังไปถึงระดับม.4และม.6ที่ลูซไม่ได้สอนด้วยนั้น ซึ่งอาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สนับสนุนให้ระดับความดังและความฉาวของเขาพุ่งสูงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เข้ามาได้ยังไม่ถึง2วันก็เป็นได้ เพราะคิดว่าคงจะดีกว่าหากจะไม่ต้องเป็นฝ่ายหัวข้อการสั่งงานที่ดูฉาวโฉ่และไม่มีสาระอย่างนี้ให้กับอาจารย์ผู้ซึ่งดูจะสนิทกับฝ่ายวิชาการเป็นอันดับต้นๆด้วยตัวเอง

     


              พูดถึงการบ้านก็ยังไม่รู้เลยว่าพวกนั้นจะดื้อแพ่งไม่ยอมทำมาส่งกันรึเปล่า...ลูซมุ่ยหน้าเมื่อนึกถึงลูกศิษย์ตัวร้ายที่กล้าเล่นงานเขาตั้งแต่วันแรกก่อนหยุดคิดไปเล็กน้อย

      


            ห้อง5.11


     

           ภาคิณ นายคิดยังไงกับเด็กห้องนั้นบ้าง?เขาถามลอยๆ


     

              ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหมายถึงห้องไหน ภาคิณตอบโดยแทบไม่ต้องคิด พวกเขาเป็นเด็กมีปัญหา เป็นตัวป่วนของโรงเรียน แถมยังหัวนักเลงเป็นเลิศด้วย บอกตรงๆ ที่นายมาประจำชั้นนี้ได้ตั้ง2วันแต่ยังอยู่รอดปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนอยู่ได้เนี่ย ฉันละแปลกใจจริงๆ

     


           ถ้าตัดเรื่องที่ว่าอยู่รอดปลอดภัยตลอด2วันนั่น นอกนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ฉันโดนกรอกหูมาซักเท่าไหร่เลยนี่ลูซมุ่ยหน้า แถมในสังคมโรงเรียนมันก็ต้องมีเด็กแบบนี้อยู่บ้างเป็นธรรมดาไม่ใช่เหรอ ฉันดูๆแล้วพวกเขาก็แค่คึกคะนองตามประสาวันรุ่นเท่านั้น แต่จากสายตาที่ทุกคนใช้มองเด็กพวกนั้นมันดูเหมือน....เหมือนจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง


     

              เหมือนประโยคนั้นจะแทงเข้ามาในใจภาคิณเต็มๆแม้ว่าผู้พูดจะไม่รู้ตัวก็ตาม


     

             ยังดีที่ลูซกำลังเขี่ยข้าวในจานอยู่อย่างเหม่อลอยจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นดวงตาสีทองคำที่ไหววูบไปชั่วขณะก่อนกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ดูจากตัวเลขของครูประจำชั้นที่ถูกผลัดเปลี่ยนคนแล้วคนเล่านายก็น่าจะพอรู้ได้แล้วนี่ว่าเด็กพวกนั้นร้ายเหลือรับขนาดไหน ถึงจะไม่รู้รายละเอียดชัดเจนแต่กว่าครึ่งก็ร้องเรียนเข้ามาว่าถูกทำร้ายร่างกายตั้งแต่วันแรก ปัญหาที่เด็กพวกนั้นก่อเอาไว้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ทั้งแก๊งค์อันธพาลตอนกลางคืน เรื่องทะเลาะวิวาท ทำตัวผิดระเบียบโรงเรียน จนถึงเข้าโรงพักก็เคยมีมาแล้ว แถมส่วนใหญ่เด็กห้องนี้มีปัญหาทางครอบครัวอยู่แล้วค่อนข้างจะเยอะเลยไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปวุ่นวายมากนักดวงตาสีทองคำหรี่ลงนายเองก็ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ อาจเป็นเพราะตอนนี้เพิ่งเปิดเทอมใหม่พวกนั้นเลยยังไม่ออกลายก็เป็นได้ แถมตอนนี้อาจารย์บางท่านก็เริ่มที่จะเหม็นหน้านายซะแล้วล่ะโดยเฉพาะพวกอาจารย์อาวุโส คงเป็นเพราะไม่ชอบใจที่เห็นคนที่เด็กกว่าทำตัวข้ามหน้าข้ามตาล่ะมั้ง แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาฉันได้ทุกเมื่อนะ ฉันยินดีช่วยเสมอเจ้าตัวตบอกตัวเองอย่างยืดเต็มที่


     

              ภาคิณฉีกยิ้มหลังจากพูดรัวจนแทบไม่ได้หยุดหายใจให้กับอีกฝ่ายที่นั่งเหงื่อตกอยู่อีกฟาก


     

            มันไม่ใช่เรื่องที่นายควรรู้ตอนนี้หรอก

     

            แต่ถ้านายรู้มันแล้ว...นายจะมองเด็กพวกนั้นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปไหม?


     

              ลูซหัวเราะแหะๆพลางคิดในใจว่าไอ้เพื่อนใหม่คนนี้มันหายใจทางผิวหนังรึไงวะ แต่แล้วเขาก็หยุดชะงักไปเล็กน้อยขณะที่สมองกำลังประมวลผลอย่างรวดเร็ว


     

           ภาคิณ งั้นถ้าฉันขอรบกวนนายตอนนี้เรื่องหนึ่งเลยจะได้รึเปล่า?


     

           เอ๋ ได้สิ ถ้าช่วยได้ฉันก็ยินดีช่วยแม้จะงงๆไปบ้างกับคำขอร้องที่ฉุกละหุกของอีกฝ่ายแต่เขาก็เลือกที่จะตอบรับไว้ก่อน

     


            คือว่า...

     

     










    .................................





    ช่วงนี้ชอบอัพเลวบ่อยค่ะ=^=




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×