ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lufer ✥ Lesson...นิยามบทเรียนพันธุ์ไม่ปกติ!?

    ลำดับตอนที่ #4 : ✥ บทที่3 ✥ การสวดมนต์ตอนเช้าไม่ช่วยให้จิตใจผ่องใสขึ้นแต่อย่างใด 100%

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 54




    Chapter 3

     

    คุณเข้ามาจูงมือคู่นี้แล้วพาออกไปยังแสงสว่าง

    ผมหรี่ตาลงเพราะไม่ความคุ้นเคยกับที่เจิดจ้ามาจากเบื้องบน

    มันช่างอบอุ่นและสว่างไสวเหลือเกิน

    แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแววตาที่ฉายประกายซับซ้อนของคุณ

    แล้วสลัดมือนั้นออกด้วยความละอายใจ

     

    เพราะคนอย่างผม...ไม่เหมาะกับโลกที่สวยงามแบบนี้หรอกนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

            “ทุกคนกรุณารีบๆจัดแถวด้วย!ช่วยอยู่ในระเบียบกันหน่อย! นักเรียนหญิงฝั่งซ้ายกรุณาเก็บร่มด้วย ส่วนใครที่ชายเสื้ออกนอกกางเกงก็รู้ตัวแล้วจัดการเองซะ! เร็ว!! 



              เสียงของอาจารย์ปกครองตวาดลั่นผ่านไมโครโฟน เนื่องจากเมื่อวานเสาธงมีปัญหาขัดข้องทั้งโรงเรียนจึงไม่ได้เข้าแถวเคารพธง ชาติอย่างที่ควรจะเป็น แต่ในวันนี้เมื่อทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วก็ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะต้องออกมาเข้าแถวท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้าที่เปล่งประกายสะท้อนหัวมันๆของอาจารย์ท่านให้วาววับเจิดจริงอะไรจริง

     

              อากาศร้อนๆของเมืองไทยที่ชวนให้เป็นลมไม่ยอมลดดีกรีความแรงให้แม้ว่าพวกเขาจะแหกปากร้องเพลงชาติดังขนาดไหน นักเรียนหญิงบางคนควักครีมกันแดดเอสพีเอฟกี่ร้อยก็ไม่รู้มาทากันให้วุ่น

     

            “เฮ้ เฟิร์ส

     


            “อะไร?เขาหันไปหาเพื่อนร่วมห้องที่กำลังพยักเพยิดไปทางชายคนหนึ่งท่าทางลับๆล่อๆที่แกล้งทำเป็นอ่านหนังสือพิมพ์แต่กลับหันซ้ายหันขวาไม่หยุด

     

            “มันตามพวกแกมาตั้งแต่ก่อนเข้าแถวแล้วนะ

     


              อันที่จริงเขาเองก็รู้ตัวตั้งนานแล้วแหละ แต่แค่อยากปล่อยไว้เผื่อดูลาดเลาก่อนเพราะยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของผู้สะกดรอยตาม แต่ถ้ามีจังหวะก็คงมีใครซักคนลากไปจัดการเอง

     


            “ปล่อยไว้ยังนั้นแหละ

     


            “แต่แบบนี้มันน่าอึดอัดไม่ใช่รึไงเสียงนั้นยังถามอย่างข้องใจมีอะไรเกี่ยวข้องกับที่พวกนายไปสุมหัวกันเมื่อวานรึเปล่า?

     


            “เอ๊ะ! ไอ้นี่ ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่สุมหัวๆ เขาเรียกว่าเปิดประชุมเฉพาะกิจโว้ย!!”

     


            “ อ๋อ อย่าบอกนะว่าแผนการปลุกระดมนั่นก็อยู่ในจุดมุ่งหมายการประชุมด้วย

     


              พอพูดถึงตอนนี้เฟิร์สก็ไม่คิดจะแก้ตัวกลับใดๆทั้งสิ้น เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วได้แต่สบถกับชะตากรรมอันซวยซ้ำซวยซ้อนของตัวเองอยู่ในใจ

     

            คบเพื่อนผิดมันเป็นอย่างนี้เองเรอะ!!

     

            

            

     

     

    ...เมื่อวันก่อน

     

     

     

          เด็กหนุ่มผมดำเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับผ้าขนหนูและเสื้อนักเรียนตัวใหม่ ใบหน้าหล่อเหลาติดเจ้าเล่ห์ง้ำงอลงอย่างเห็นได้ชัด รอยแดงแถวขมับยังคงหลงเหลือไว้จางๆ

     


            ลูกหมาตกน้ำกลับมาแล้วตอยผิวปากล้อเลียน

     


              ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยงที่นักเรียนส่วนใหญ่ลงไปหาอะไรกินข้างล่างกันเกือบหมดแล้ว ยกเว้นบางส่วนที่ยังคงนั่งรอเพื่อนของตนที่แอบถือโอกาสนั่งๆนอนๆอยู่ที่ห้อง พยาบาลทั้งช่วงเช้ากลับห้องมา

     


            ไอ้ครูปีศาจนั่นอยู่ไหน! แบบนี้มันหยามหน้ากันชัดๆ  ถ้าไม่ได้เอาคืนมันภายในวันนี้ฉันจะไปเผาตึกอำนวยการให้วอด!เด็กหนุ่มผมดำตะโกนออกมาด้วยความฉุนเฉียว เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ที่หลงเหลือจากเหตุการณ์เมื่อเช้ายังคงตกค้างอยู่มากพอสมควรทีเดียว

     


              เฟิร์สแยกเขี้ยวส่งกลับไปน้ำเน่าๆที่ครูเขาราดไปนั่นไม่ทำให้หัวนายเย็นลงมั่งเลยรึไง หาเรื่องเขาก่อนแล้วโดนเล่นกลับ นายยังคิดเอาคืนทำเพื่อ? แพ้แล้วอย่ามาเห่าให้มันบั่นทอนศักดิ์ศรีตัวเองเลยว่ะ

     


              คำพูดของเพื่อนรักทำให้เวสหยุดชะงักลงพลางสบถออกมาเบาๆอย่างระงับอย่างอารมณ์ แม้ว่าความคุโชนในดวงตาจะไม่ได้ลดลงเลย เขาหันไปทางตอยที่กำลังส่งคำถามที่เป็นประเด็นหลักที่พวกเขาอยู่รอเด็กหนุ่มอยู่บนห้อง

     


             แล้วนายจะเอายังไงล่ะ...กับครูคนที่44คนนี้

     

             ฉันไม่ยอมรับ ฉันขอคัดค้าน ไล่ๆเจ้าหมอนี่ไปให้พ้นหน้าฉันได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเวสโบกมือประกอบ

     

              เฟิร์สขมวดคิ้วขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะหนักใจกับนิสัยหุนหันพลันแล่นหรือว่าเพราะสรรพนามที่ดูไม่เหมาะสมของอีกฝ่าย ก่อนหันไปยังคนที่เหลือ ลีดเดอร์ห้องเขาว่ามางี้แน่ะ พวกนายจะเอาด้วยมั้ย?”

     

              ใครบางคนแย้งออกมาเสียงอ่อย ฉันว่าครูคนนี้ก็ไม่เลวนา เป็นแบบที่หาไม่ได้ง่ายๆด้วย แถมตามกฎของพิธีต้อนรับแล้วถ้าไม่โดนเวสมันน๊อกKOหรือว่าวิ่งหัวหดไปซะก่อนก็ถือว่าโอเคไม่ใช่รึไง

     

              คนอื่นๆพากันพยักหน้าเห็นด้วย

     

             ปกติส่วนใหญ่อาจารย์เก่งๆที่มีฝีมือมากจะทำการคัดเลือกลูกศิษย์เพื่อชี้แนะศาสตร์วิชาให้ แต่คงมีเพียงนักเรียนห้องนี้ห้องเดียวกระมังที่นักเรียนเป็นฝ่ายคัดเลือกครูมาทำหน้าที่อบรมสั่งสอนตัวเอง

     

            หมายความว่าพวกนายปล่อยมันเอาไว้?”ดวงตาของเวสทอประกายเย็นเยียบอีกครั้ง ก่อนจะโดนฝ่าเท้าของคนข้างหลังถีบยันเต็มรักโทษฐานวู่วามไม่เป็นเวล่ำเวลา

     

            ถึงนายจะเจ็บใจมากแค่ไหนแต่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้มากหรอกเสียงของเด็กหนุ่มผมทองดังแว่วมาจากเบื้องหลัง เพราะ ไม่ใช่แค่พวกนี้เท่านั้น แต่เพื่อนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างมีความประทับใจในทางบวกกับครูลูซมากพอควรเลยทีเดียว ครั้งก่อนๆที่ปฎิวัติสำเร็จนั่นก็เป็นเพราะว่าทั้งห้องจงใจขับไล่ครูออกไปหรอก แต่ครั้งนี้เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จต่ำมากเลยนะ ถ้าอยากจะรักษาเกียรติประวัติการขับไล่ครูประจำชั้นติดต่อกัน44คนหรือว่าอยากจะเอาคืนที่โดนหยามลายต่อหน้าคนทั้งห้องล่ะก็ ล้มเลิกซะเถอะ ยิ่งกว่านั้นรอยตีนแดงๆนั่นก็ได้มาเพราะไปหาเรื่องเขาก่อนไม่ใช่รึไง...

     

              ตอยขยับยิ้มออกมาพลางเอื้อนเอ่ยคำกระซิบไปยังอีกฝ่าย พูดแล้วอยากจะสมน้ำหน้า…”

     

            ตอย! แม้แต่แกก็!...

     

            เอาเป็นว่าเราตกลงกันแล้วว่าจะยอมรับครูลูซมาเป็นที่ปรึกษาห้อง อยากจะโวยวายอะไรก็ไปลงกับพวกที่เหลือซะนะ แล้วก็อย่าวู่วามทำอะไรเกินเหตุเหมือนครั้งก่อนๆล่ะ ถ้ามีอะไรให้มาปรึกษาพวกเราก่อน  ไม่งั้นคนซวยก็คือตัวนายเอง เชื่อสิ...คนอื่นๆทยอยกันลุกขึ้นเพื่อลงไปกินข้าวเหลือไว้เพียงเด็กหนุ่มทั้ง3ที่ยังคงไม่ขยับไปไหน

     

              เฟิร์สกับตอยเพียงแค่สบตากันแบบเงียบๆเมื่อรู้ว่าเพื่อนรักของพวกเขาไม่มีทางรามือไปง่ายๆขณะที่เวสยังคงนั่งอยู่ที่เดิม มือขาวกำหมัดแน่นจนสั่นระริกบ่งชัดถึงอารมณ์ที่ยังไม่คงค่อยคงตัวนัก

     

               เด็กหนุ่มผมดำหันเสี้ยวหน้ามาสบตากับเพื่อนสนิททั้งสอง แววตาฉายประกายเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจขณะที่ริมฝีปากเรียวได้รูปนั้นเอ่ยถ้อยคำประกาศิตออกมา ทำให้พวกเขาได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆแล้วก่นด่าตัวเองอยู่ในใจว่าอะไรมาดลใจ ให้พวกเขาเลือกคบเพื่อนพาลงเหวคนนี้แบบไม่ดูตาม้าตาเรือได้

     

     

            ครูปีศาจนั่น...ต่อแต่นี้ไป อย่าหวังเลยว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข!”

     



    ...

              ครูครับ...อโหสิให้ผมด้วย...

     

                 เฟิร์สกรีดร้องอยู่ในใจโดยครั้งแล้วครั้งเล่า พอได้ยินอย่างนั้นหลังเลิกเรียนตอยเลยนัดประชุมกันกับคนในห้องลับหลังเวสแล้วเล่าเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนเที่ยง แต่พอคนอื่นๆได้ยินอย่างนั้นแทนที่จะช่วยกันห้ามปรามกลับเห็นดีเห็นงามด้วยกับการหาเรื่องครูบาอาจารย์ คงจะเพราะตอนปิดเทอมเก็บกดมานานที่ไม่ได้หาเรื่องครูเล่นเหมือนอย่างเคย บวกกับความประทับใจแรกของลูซที่น่าหมั่นไส้แบบกินขาดซะขนาดนั้น ถึงจะไม่มีอคติแต่ถ้ามีโอกาสงามๆให้ระบายความน่าหมั่นไส้ส่วนตัวแบบนี้ ใครมันจะพลาด!

     

              อันที่จริงครูที่ปรึกษา43คนที่ถูกเปลี่ยนมาตลอด1ปีการศึกษาที่แล้วคงไม่ได้เป็นเพราะทั้งห้องรู้สึกเหม็นขี้หน้าครูโดยพร้อมเพรียงกันหรอก

     

              แต่เป็นเพราะทุกคนจงใจหาเรื่องขับไล่ครูทุกคนที่เข้ามาเพื่อความเอนเตอร์เทนส่วนตัวสินะ!

     


              แล้วทำไมเขาต้องขออโหสิด้วยงั้นเหรอ? เพราะเขาเองก็เป็นหนึ่งในแกนนำที่แอบหมั่นไส้อาจารย์หนุ่มที่เปิดตัวได้น่าตื่นตาตื่นใจคนนี้เหมือนกันน่ะสิ! ทั้งๆที่เป็นหนึ่งในสองพยานรู้เห็นท่าทีปฎิวัติของเวสก็น่าจะให้การคัดค้านอะไรมั่ง แต่สุดท้ายผู้ที่ริเริ่มเป็นแกนนำในการล่อลวงปลุกระดมเพื่อนในห้องคนอื่นๆกลับเป็นเขาซะงั้น

     

              ...ไอ้ตอยมันยังโกรธไม่หายเลยด้วย

     

               แต่เหมือนเด็กหนุ่มจะเผลอคิดอะไรนานไปหน่อย จนไม่รู้ว่าเพลงชาติเพลงประจำโรงเรียนจบลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้ที่ยืนอยู่บนยกพื้นหน้าเสาธงคือครูใหญ่พุงปลิ้นคนหนึ่งที่เพิ่งกล่าวปราศรัยกับนักเรียนเสร็จ ก่อนยกไมค์ให้กับครูอีกท่านรับช่วงต่อรายงานข่าวสารกำหนดการและกฎระเบียบต่างๆในปีการศึกษาใหม่ให้ฟัง ซึ่งเมื่อได้กล่าวมาหลายหลายหัวข้อแล้ว ลำดับถัดไปคือการแนะนำบุคลากรใหม่ของโรงเรียน

     

           ในปีนี้ทางเราได้รับบุคลากรใหม่เข้ามาจำนวน11คน พนักงานภารโรง ลูกจ้างทั้งหมด6 คน และอาจารย์ผู้สอนทั้งหมด5คน

     

              นักเรียนห้องม5.11หูผึ่งกันโดยทันทีกับประกาศนี้ ในเมื่ออาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเขาก็ถือเป็นอาจารย์เข้าใหม่นี่ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของลูซเลยก็ว่าได้

     

              รายชื่อทั้งหมดถูกไล่อ่านมาตามลำดับอาวุโส ซึ่งแน่นอนว่าอาจารย์ของพวกเขาย่อมอยู่ลำดับท้ายสุด

     

              เป็นธรรมดาของเด็กนักเรียนทั่วไปอยู่แล้วที่จะค่อนข้างเซ็งจิตกับการต้องมายืนตากแดดร้อนๆฟังเสียงพล่ามจากหน้าเสาธงทั้งๆที่ถึงฟังไปก็ใช่จะเอาไปทำอะไรได้มากนัก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีเสียงจ้อกแจ้กคุยกันทั่วบริเวณ ใครที่ยืนอยู่ใกล้กันก็โม้กันอย่างสนุกสนานฆ่าเวลา ใครที่ทนร้อนไม่ไหวก็ควักสมุด ผ้าเช็ดหน้า หรืออะไรสักอย่างที่ติดตัวมาด้วยมาพัดดับร้อน จะมีซักกี่คนที่ยอมใส่ใจฟังว่าเขามีประกาศอะไรกันบ้าง

     

              แต่เมื่อรายชื่อสุดท้ายถูกเอ่ยออกมา เสียงเหล่านั้นกลับค่อยๆซาลงไป

            อาจารย์นิรกานต์ เมธิสากฤษกุล ประจำหมวดสังคมศึกษาและบูรณาการ ไม่มีประวัติการย้ายมาจากที่อื่น และรับหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้น...ม.5.11

     

     

              นักเรียนห้อง11รับรู้ได้ถึงสายตาที่เหลือบมองมาจากทุกสารทิศโดยทันที แต่ก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉยไม่ทุกข์ร้อนใดๆ

     

              เวสที่เอ่ยถามด้วย้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อถูกปลุกหลังจากแอบยืนหลับมานาน แต่แรงสะกิดที่ทำท่าจะแรงขึ้นเรื่อยๆจากคนข้างหลังทำให้เขาต้องสะลึมสะลือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้

     

            อะไรวะตอย

     

            ครูปีศาจของแกกำลังยืนเปิดตัวให้สาวๆแทะโลมอยู่หน้าเสาธงโน่นแน่ะ

     

              เด็กหนุ่มตื่นเต็มตาทันทีก่อนหันทางทิศเดียวกับที่เพื่อนชี้ทันเห็นจังหวะที่อาจารย์หน้าเด็กโค้งตัวเคารพเล็กน้อยแล้วแจกยิ้มโปรยเสน่ห์ให้สาวๆในแถวโดยถ้วนหน้า

     

              กรี๊ดดดดด

               อร๊าย หล่อจังเลย

              หน้าเด๊ก เด็ก

              แบบนี้แหละสเปคเดี๊ยนล่ะฮ่ะ

              ว้าย!ขอเบอร์จะดีมั้ย

              เอาครูเข้าใหม่ลงประจำชั้นห้อง11งั้นเหรอ ฝ่ายอำนวยการปีนี้แน่มาก

                    แต่จะอยู่รอดได้ซักกี่น้ำกันเชียว

                    ถ้าไอ้พวกนั้นกล้าทำร้ายใบหน้าหล่อๆของครูให้มีรอยบอบช้ำล่ะก็ มันไม่ตายดีแน่!

                    เห็นด้วย!

                      เฮ้ เบาหน่อยสิพวกเธอ

     

             

              เด็กหนุ่มผมสีรัตติกาลมองดูสถานการณ์แล้วเลิกคิ้วสูงไม่ออกความเห็นใดๆ

     

              ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดทั่วบริเวณ สายตาที่ลอบมองมาจากทุกทิศทางก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากการรับรู้ของนักเรียนห้องนี้ได้ แต่พวกเขาก็ก็ยังคงทำเป็นนิ่งเฉยไม่ทุกข์ร้อนใดๆแม้ว่าเสียงซุบซิบนินทาจากทั้งเหล่านักเรียนและอาจารย์รอบข้างจะลอยมากระทบโสตประสาทไม่เกรงใจเอาเสียเลย

              

              ขณะเดียวกันทุกอากัปกริยาของลูซล้วนอยู่ในสายตาของภาคิณ ดวงตาสีทองจับจ้องชายหนุ่มที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับเด็กหนุ่มอย่างประเมิน

     

            ...คนนี้น่ะหรือ

     

    …………..



            “กว่าจะสลัดนักเรียนหญิงพวกนั้นหลุดก็เล่นเอาง่อยไปเลยแฮะลูซบ่นเบาๆพลางลากสังขารของตัวเองไปตามระเบียงทางเดิน

     

              ใครจะไปรู้ล่ะว่าพอสิ้นสุดการเข้าแถวหน้าเสาธงปุ๊บจะโดนพวกผู้หญิงเข้ามารุมขอเบอร์ขอถ่ายรูปปั๊บแบบโจ่งแจ้งซะขนาดนั้นก็รู้ว่ายังไงคนหน้าตาดีแบบมีคำว่าโคตะระต่อท้ายอย่างเขาจะต้องได้รับความสนใจเป็นธรรมดา แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นครูบาอาจารย์ไม่ควรจะแจกเบอร์ให้ลูกศิษย์พร่ำเพรื่อ หรือว่าหน้าตาเขามันดูไร้ความน่าเกรงขามไปหน่อยก็เลยดูมีช่องว่างระหว่างนักเรียนน้อย เป็นพิเศษ

     

              ยั คิดได้ไม่ถึงไหนสองขาก็พาร่างสูงสมส่วนมาถึงหน้าห้องแล้วแต่ดูเหมือนจะกลับตาลปัตรกับเมื่อวาน ทั้งๆที่ยังไม่ถึงคาบเรียนแต่บรรยากาศกลับดูเงียบสงบผิดปกติ

     

              ลูซเหลือบตามองลูกบิดประตูที่เปิดคาไว้นิดอย่างชั่งใจก่อน2แขนจะคว้ากระเป๋าสีดำสนิทของตนขึ้นมาอุ้มไว้ แล้วยกเท้า ถีบประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล

     

              โครม!ซ่า!เคร้งๆๆๆ!!

     

              ถังน้ำกลิ่นหอมหวนชวนเบ้หน้าหลบร่วงลงมาดังคาด ดีที่เขาชักขากลับมาทันก่อนที่กางเกงแสล๊คเนื้อดีจะต้องมีอันเป็นไป เสียงโห่ร้องของนักเรียนในห้องที่ดังขึ้นตอนแรกค่อยๆซาลงไปเมื่อพบเป้าหมาย ที่เล็งเอาไว้ยังคงยืนคลี่ยิ้มเสแสร้งอยู่ที่หน้าประตูโดยสวัสดิภาพ

     

            “...ต้องขอโทษนักเรียนทุกคนด้วยนะที่จำเป็นต้องเปิดประตูแบบไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ พอดีของมันพะรุงพะรังนิดหน่อยน่ะ มือมันเลยไม่ว่าง

     

              ระดับความน่าหมั่นไส้พุ่งขึ้นสูงปรี๊ดอีกครั้งเมื่อสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นอาจารย์คือกระเป๋าบางๆเพียงใบเดียวเท่านั้น ลูซเดินหลบแอ่งน้ำเน่าๆนั่นไปยังโต๊ะครูหน้าห้องโดยไม่ยี่หระต่อสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อที่ถูกส่งมา

     

              อาจารย์หนุ่มที่เพิ่งข้ารับตำแหน่งได้เพียง2วันพลิกเปิดสมุดปกน้ำเงินบนโต๊ะเพื่อลงชื่อการเข้าสอนและเปิดดูรายชื่อของนักเรียน แม้เลขาห้องจะได้ทำการเช็คชื่อเรียบร้อยแล้วแต่ยังไงก็ควรจะอ่านผ่านตาดูเป็นมารยาท ครั้งก่อนเรามีเวลาโฮมรูมกันไม่พอ เลยยังไม่ทันได้เห็นขานชื่อ ยังไงวันนี้ก็ขอเห็นหน้าค่าตาหัวหน้ากับรองหัวหน้าห้องหน่อยละกัน

     

          “เวษา พิพัฒนเทพ กับ อธิชา ปงสุรินทร์สินะเขาอ่าน2รายชื่อที่ถูกดอกจันเอาไว้แล้วชะงักไปชั่วขณะหนึ่งกับรายชื่อนั้น เวษา...เวษา...คงไม่ใช่ว่า...

     

              ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะลงด้วยเสียงเคลื่อนเก้าอี้จากข้างหลังห้อง เด็กหนุ่มคนหนึ่งค่อยๆลุกยืนขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มกระหย่อง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับที่มุมปากถูกส่งมาให้กับลูซที่กำลังกรีดร้องอยู่ในใจว่าใครมันกล้าเลือกไอ้หมอนี่ให้เป็นหัวหน้าห้องกัน

     

              เวสยักคิ้วอย่างกวนๆยามได้เห็นดวงตาที่เบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงของอีกฝ่ายก่อนสีหน้าตกตะลึงนั้นจะถูกพับเก็บไปเหลือแต่เพียงความราบเรียบดังเดิม เด็กหนุ่มจ้องไปยังคู่กรณีที่กำลังเสมองไปทางเด็กสาวอีกคนที่ลุกยืนขึ้นเช่นกัน

     

              รองหัวหน้าคนนี้เป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยมัดผมทรงสูงท่าทางสุภาพเรียบร้อยและมีความน่าเชื่อถือตามแบบฉบับผู้นำ จากที่ดูในสมุดชื่อของเธอคือ อธิชา ปงสุวัฒน์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคนนี้จะต้องเป็นรองหัวหน้าที่เป็นที่เอ็นดูที่สภานักเรียนมากแน่ๆ

     

              เขาส่งยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงาน นับแต่นี้ไปสำหรับการจัดการเรื่องต่างๆภายในห้อง ฉันคงต้องไหว้วานพวกเธอทั้ง2คนในการประสานงานกับเพื่อนคนอื่นๆและคงจะต้องลำบากพวกเธอในหลายๆด้านเลย ยังไงก็ตามนับแต่นี้ไปก็ขอฝากตัวด้วยนะ

        

           “เดี๋ยวสิ ปากบอกก็ว่าทั้ง2คนแท้ๆแต่ทำไมถึงมองไปทางไดแค่คนเดียวตลอดประโยคเลยล่ะ?

     

            “ที่จริงฉันก็แค่พูดไปตามมารยาทล่ะนะ เพราะเห็นว่ายังไงคนที่พอจะฝากฝังได้ก็มีอยู่แค่คนเดียว...



            “พูดงี้หมายความว่าไงฮะ!! เรื่องเมื่อวันก่อนก็ยังไม่เคลียร์เลยนะ แน่จริงมาเจอกันตัวต่อตัวเซ่!




              เด็กสาวหลุดเสียงหัวเราะคิกออกมา ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชื่อเล่นว่าได ลูซพยักหน้าให้ทั้งสองนั่งลงได้โดยทำเป็นไม่สนใจรังสีทะมึนๆรอบตัวเวสก่อนจะ เริ่มการขานชื่อตามเลขที่และไม่ลืมที่จะถามชื่อเล่นของแต่ละคนเอาไว้ด้วย


            “งั้นเลขที่1...

     

     

     

     

    ......................

     

     

             ท่านผู้อำนวยการกำลังตรวจเช็คเอกสารประจำวันและรายงานจากแผนกต่างๆตามปกติขณะที่มือถือในกระเป๋าเสื้อดังขึ้น ชายวัยกลางคนเหลือบมองรายชื่อที่แสดงขึ้นที่หน้าจอก่อนจะกดรับสาย สวัสดีครับอ.ภาคิณ โดดสอนมาคุยโทรศัพท์แต่เช้าเลยรึไงครับ

     

              อีกฝ่ายไม่ได้ตอบแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธ เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเข้าจุดประสงค์ของการสนทนาครั้งนี้ คนที่ท่านส่งไปดูลาดเลาว่ายังไงบ้างครับ

     

              ผอ.อภิรัตน์เอนหลังลงหยุดพักจากการตรวจเอกสารมานานพลางควงปากกาเล่น ทางฝั่งนั้นไม่ได้โทรรายงานอะไรมา ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยดี

     

            “...ครับ

     

              ปลายสายอีกฝั่งที่สัมผัสความไม่นอนใจในน้ำเสียงผู้พูดเพียงแค่หัวเราะหึๆแล้วส่งเสียงกระเซ้า

     

            “ถ้ากังวลนักก็ไปตามสโตร์กเองซะเลยสิ

     

              ถ้าอนุญาตให้ลางานได้ ผมจะไปตอนนี้เลยครับ

     

                เชี่ย....เมิง

     

              อภิรัตน์รู้สึกอยากยกผ้าเช็ดหน้ามาปาดเหงื่อยังไงชอบกล ครั้งต่อไปจะรับครูเข้ามาใหม่คงต้องตรวจดูให้ละเอียดก่อนซะแล้ว จะได้ไม่เจอเคสแปลกๆแบบนี้เต็มโรงเรียน

     

            “หากทางนั้นติดต่อมาก็ช่วยโทรหาผมหน่อยแล้วกันนะครับ

     

            “ฮ่าๆๆ วางใจได้เสียงหัวเราะเบิกบานนั้นทำให้ภาคิณแอบปลงอยู่นิดๆก่อนตัดสายไป

     

               ภาคิณถอนหายใจน้อยๆอย่างละเหี่ยใจ บางทีเขาอาจจะแคร์อาจารย์หน้าใหม่นั่นมากเกินไปก็ได้....และอาจจะรวมถึงเด็กพวกนั้นด้วย เขาส่ายหน้าให้ตัวเองก่อนตัดสินใจกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อในห้องหลังจาก แอบโดดมาชั่วระยะหนึ่ง

     

               โดยไม่รู้ตัวเลยว่าหากเขามองออกไปนอกบานหน้าต่างข้างๆ ระยะก้มลงซัก65องศา ในทิศ10นาฬิกา เขาจะได้เห็นว่ามีคนๆหนึ่งเนื้อตัวฟกช้ำสะบักสะบอมถูกมัดติดไว้กับต้นไม้มุม ตึกโทรศัพท์มือถือหล่นอยู่ข้างกายและที่สำคัญ...หน้าตาของคนๆนั้นเหมือนกับ หนึ่งในลูกน้องสังกัดของท่านผอ.ที่เขาเคยเห็นผ่านๆแบบไม่ผิดเพี้ยน!

    ............................................................................................................................................................




    100%


    ทีแรกจะแอบเซ็งจิตเพราะบทนี้แต่งภาษาได้ไม่ค่อยถูกใจ แต่พอเห็นคอมเม้นท์เข้ามาปุ๊บ ไฟแห่งการปั่นลุกโชนเจิดจรัสทันทีเลยค่ะ!!

    รู้สึกกระชุ่มกระชวยดุจดั่งปลากระดี่ได้น้ำ(!?) ตอนนี้ซาบซึ้งแล้วว่าชีวิตนี้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมา(เว่อร์ไปละแก)

    จากนี้ไปไรท์จะ(พยายาม)ไม่ดองเค็มอีกแล้วค่ะ!!T^T

    ปล.

    พอแต่งไปถึงตอนที่5-6เริ่มสวดอิติปิโสให้ลูซอยู่ในใจ
    อย่าให้ตัวละครมันกระโดออกมาจากหน้าคอมได้นะ ไม่งั้นคนแต่งโดนกัดคอขาดคนแรกแหงเลยค่ะ!

     



     


    ............................................................................................................................................................




    ........................................................................................................................






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×