ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lufer ✥ Lesson...นิยามบทเรียนพันธุ์ไม่ปกติ!?

    ลำดับตอนที่ #3 : ✥ บทที่2 ✥ นักเรียนไทยสมัยนี้ 85%ยอมรับว่า การบ้านที่ครูให้ ทำไปก็เท่านั้น!

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 54




    Chapter 2

     


     

    ผมยืนอยู่บนโลกสีดำสนิทใบหนึ่ง

    ทบทวนกับเรื่องราวที่ผ่านมาและคิดว่าทำยังไงถึงจะดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อในวันพรุ่งนี้ได้

    ทุกสิ่งทุกอย่างฉายซ้ำวนเวียนอยู่ในบ่อน้ำแห่งความไม่แน่นอน

    ผมปล่อยให้ตัวเองจมลึกลงไป และลึกลงไปเรื่อยๆ

     

    ...จนกระทั่งวันที่คุณได้เข้ามาในชีวิตของผม...

    โลกใบนี้ก็ดูจะไม่มืดมิดเหมือนอย่างเคย

     

     

    ………………………………………………………

     

     

     

     

              นิรกานต์  เมธิสากฤษกุล เรียกสั้นๆได้ว่า ลูซ เป็นครูที่ปรึกษาประจำชั้นคนใหม่ของพวกเธอประจำปีการศึกษานี้และ...

     

            “…มาประจำสอนในวิชาจริยธรรม

     

     

              ทั้งห้องยังคงเงียบสงัดไม่ต่างกับป่าช้าแม้ว่าเขาจะเพิ่งแนะนำตัวเองจบ ใครมีอะไรจะถามมั้ย?

     

            …

     

              ไร้สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

     

     

     

              เขาส่งยิ้มกลับไปยังนักเรียนทั้งห้องที่มองมายังเขาเป็นดั่งจุดศูนย์รวมสายตา แม้ว่าในหัวของคุณครูประจำชั้นห้องม5.11คนใหม่ชักจะเริ่มไปไม่เป็นขึ้นมาหน่อยๆเมื่อทั้งห้องไร้ปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ

     

     

     

         ทีแรกยังทำท่าจะเกรียนใส่อยู่เลยไม่ใช่รึไง พูดอะไรซักหน่อยเซ่! ไม่ใช่มาทำเงียบอยู่แบบนี้ กุไปต่อไม่เป็นเฟ้ย!

     

     

     

              เกมส์จ้องตาคงจะดำเนินต่อไปจนหมดคาบหากว่าไม่มีเสียงหนึ่งเอ่ยถามทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน

     

     

     

            “คือ...ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่พระอาจารย์จะยกพระบาทท่านออกจากกบาลเพื่อนผมซะทีล่ะครับเฟิร์สยกมือขึ้นถามพลางชักสีหน้าแปลกๆ

     

     

     

              ลูซชะงักไปครู่หนึ่งก่อนเหลือบมองคนที่ตนกำลังเหยียบไว้ต่างที่รองเท้าอยู่เหมือเพิ่งระลึกได้ก่อนจะถอยออกมาปล่อยให้เพื่อน2-3คนวิ่งมาประคองให้เด็กหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นแล้วลากออกไปอย่างรวดเร็วราวกับอยากหนีให้พ้นจากรัศมีของอะไรบางอย่าง

     

     

     

              เด็กหนุ่มผมดำหลังหลุดออกมาจากพื้นธรณีห้องก็หันมาตวัดสายตาใส่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อในทันที

     

     

     

             ...เมิงเป็นชู้กับพื้นห้องเรียนรึไง ก็เข้าใจว่ารักกันมากแต่โดนจับพรากนิดพรากหน่อยไม่ต้องทำตาเขียวใส่กุก็ได้ครับ ...

     

     

     

              ดีที่ความคิดดังกล่าวยังไม่ทันหลุดออกจากปากไป เพราะบัดนี้เมื่อความเงียบถูกทำลายลง ทั้งห้องเหมือนกับหุ่นขี้ผึ้งที่ค่อยๆกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำถามต่างๆดังตามมา

     

     

     

            “ครูเนี่ยนะมาประจำสอนจริยธรรม

     

     

     

            “ถึงกับซัดไอ้เวสล้มได้ด้วย!”

     

     

     

            “ชื่อหยั่งกะผู้หญิง

     

     

     

            “หน้าเด็กเหลือเชื่อเลยว่ะ

     

     

     

            “หล่อแมร่ง

     

     

     

            “แต่ทำไมตัวเตี้ยจัง

     

     

     

                     ปรี๊ดด!

     

     

     

            “ไม่ต้องมายุ่งกับส่วนสูงชาวบ้าน!!”

     

     

     

              ทั้งห้องเงียบกริบในทันทีเมื่อคุณครูคนใหม่แย้งออกมาแบบฉับพลัน ลูซข่มความรู้สึกขุ่นเคืองเหมือนถูกจี้ใจดำเอาไว้ข้างในแล้วกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อยแม้ใจจะจำต้องยอมรับความจริง

     

     

     

              อาจารย์เพียงหนึ่งเดียวในหมู่นักเรียนเอ่ยเพื่อดึงความเป็นตัวของตัวเองกลับมาอีกครั้งโอเค พวกเธอส่วนใหญ่อาจจะข้องใจในวุฒิของครู แต่ฉันขอยืนยันว่าถึงจะหน้าตาอย่างนี้แต่ก็ได้รับปริญญามาแล้วอย่างน้อย2ใบไม่ใช่รุ่นพี่ที่ไหนปลอมตัวมาสอนแน่นอนแม้จะรู้สึกไม่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งยามได้เห็นใบหน้าอ่อนวัยของคนตรงหน้าแต่หลายคนก็ยอมรับแต่โดยดี

     

     

     

            “และก็อย่างที่หลายๆคนเดากันได้ ฉันเป็นครูเข้าใหม่ ไม่เคยเข้าทำงานที่นี่มาก่อน ถ้าขาดตกบกพร่องยังไงก็อยากให้ทุกคนช่วยชี้แนะด้วยเช่นกันเขากล่าวตบท้ายด้วยรอยยิ้มให้นักเรียนหญิงหลายๆคนเคลิ้มฝันกันต่อไป

     

     

     

              ดูๆไปเด็กพวกนี้ก็ไม่เห็นจะปัญหามากตรงไหน ไอ้อาจารย์ที่พาเขาปฐมนิเทศนั่นท่าจะพูดเกินจริงไปหน่....

     

     

     

            “เหอะ เข้ามาใหม่แต่ทำซ่าส์ตั้งแต่วันแรก ไม่กลัวโดนฟ้องร้องรึไงเด็กหนุ่มผมดำที่เหมือนเขาได้ยินว่าจะชื่อเวสแค่นเสียงออกมาขณะนั่งผึ่งลมอยู่ที่ริมหน้าต่าง

     

     

     

            “ฉันทำไปเพื่อป้องกันตัว ทุกคนเป็นพยานได้

     

     

     

             “ป้องกันตัวนี่รวมถึงทำร้ายกลับซ้ำสองด้วยรึไงกัน!”

     

     

     

             “ความสุขส่วนตัว

     

     

     

              ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้โวยกลับ เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงที่ยกมือถามเขาในตอนแรกก็เข้ามาตะครุบตัวเพื่อนไว้เวส คราวนี้แกผิดจริงนะเว้ย เลิกเห่าแล้วไปขอเสื้อเปลี่ยนที่ห้องพยาบาลซะที

     

     

     

              เวสส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอก่อนเหลือบมองไปยังเพื่อนคนอื่นๆก็ก่อนหยุดที่เด็กหนุ่มผมทองคนหนึ่งราวกับกำลังอ่านความคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งคนหัวทองก็โยนเสื้อวอร์มออกมาให้เอาไปคลุมชั่วคราว เขาขมวดคิ้วกระโดดลงมาจากขอบหน้าต่างแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิมของตัวเอง สื่อเป็นนัยๆว่าจะรอจนกว่าครูคนใหม่นี้จะจบคาบ

     

     

     

            อันที่จริงก็มีตัวปัญหาอยู่อย่างน้อยตัวนึงล่ะนะ

     

     

     

                   ลูซกลับมาชี้แจงต่อ ฉันคิดว่าพวกเธอคงรู้ใช่มั้ยว่าวิชาที่ฉันจะสอนมันเป็นยังไง

     

     

     

                    หลายคนพยักหน้า

     

     

     

            จากที่ทุกคนเคยเรียนกันมาเมื่อตอนม.4 วิชาจริยธรรมตามหลักสูตรเทพาสริณวิทยาจะเป็นวิชาที่เหมือนกับเอาวิชาแนะแนวและสังคมโลกมาผสมกัน ไม่มีรูปแบบการสอนแน่นอนตายตัว ไม่มีการสอบและไม่มีการปรับตกมีจุดประสงค์ก็เพื่อให้นักเรียนรู้จักการเรียนรู้ที่จะปรับตัวอยู่ในสังคม

     

     

     

            “แน่นอนว่าวิชานี้มันชิวๆสบายๆ พวกเธอไม่ต้องซีเรียสที่จะเรียนกัน...นักเรียนส่วนใหญ่ในห้องอมยิ้มขึ้นมาทันที แต่ก็เพียงแค่ชั่วขณะก่อนได้ฟังประโยคถัดไปของอีกฝ่าย

     

     

     

            “…แต่ในฐานะของครูสอนจริยธรรมและครูที่ปรึกษาประจำชั้นห้องนี้ พวกเธอจงเตรียมใจไว้ว่าครูจะค่อนข้างสอดรู้สอดเห็นใน เรื่องของลูกศิษย์ตัวเองมากผิดปกติ พวกเธอไม่ต้องจริงจังมากในการเรียนวิชานี้แต่ถ้าคิดจะก่อวีรกรรมอะไรเหมือน ปีการศึกษาก่อนล่ะก็ ช่วยคิดทบทวนให้ดีๆก่อนละกันทุกชีวิตในห้องรู้สึกได้ถึงเค้าไอที่เปลี่ยนไปชั่ววูบหนึ่งยามที่อาจารย์คนนี้ยิ้มบางออกมา

     

     

     

              ตึ๊ง~ตึ่ง~ตึง~ตึ่ง...ตึ่ง~ตึง~ตึ๊ง~ตึง~ เสียงออดดังบอกเวลาหมดคาบดังขึ้น ดึงบรรยากาศให้กลับสู่โหมดปกติในทันใด

     

     

     

            “เอาล่ะนักเรียน ตอนนี้ก็เหลือเวลาไม่มากแล้วเขาเหลือบมองนาฬิกาหน้าห้องก่อนขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกขัดใจ ตอนที่มีเรื่องกับไอ้เด็กนั่นกินเวลาไปขนาดนี้เชียวเรอะ

     

     

     

              สำหรับนักเรียนทั้งหลาย ตอนนี้สัญชาติญาณของนักเรียนไทยกำลังส่งสัญญาณเตือนออกมาให้รู้โดยทั่วกัน

     

     

     

              ถ้าแมร่งใกล้หมดเวลาอย่างนี้ ครูส่วนใหญ่มันต้อง...

     

     

     

            “ฉันจะขอเปิดประเดิมการบ้านแรกทิ้งไว้ให้สัก1อย่างละกัน

     

     

     

              กุว่าแล้ว...

     

     

     

              ลูซคว้าปากกามาแท่งหนึ่งแล้วแอบแสยะยิ้มออกมาโดยไม่ให้คนอื่นๆเห็นขณะที่เด็กไทยทั้งหลายบ่นอิดออดกันยกใหญ่แค่ให้ไปหาความหมายของคำ อย่าบ่นมากเลยน่า การบ้านคราวนี้เบสิกจะตาย

     

     

     

              เสียงปากกาไวท์บอร์ดลั่นเอี๊ยดอ๊าดขณะที่คำๆนั้นถูกเขียนลงไป เวสที่นั่งเท้าคางมองอย่างเอื่อยๆอยู่ไถลพรวดกับโต๊ะในทันทีที่เห็นคำที่ว่า

     

     

     

              เขาเคาะปากกากับไวท์บอร์ด2-3ทีส่ง ในคาบของครูวันมะรืน จะค้นจากเน็ต หนังสือ หรือว่าคิดขึ้นเองก็ได้ คนที่ค้นจากอินเทอร์เน็ตห้ามพิมพ์มาส่ง ต้องเขียนด้วยมือตัวเองเท่านั้นและหวังว่าพวกเธอทุกคนจะทำมันออกมาให้ดีที่ สุดเลิกคาบได้

     

     

     

              ร่างสูงเก็บของจัดเนคไท แล้วเดินผลุบออกนอกประตูไปในทันทีด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ทิ้งความรู้สึกอยากชูนิ้วกลางเอาไว้ให้คนทั้งห้องพร้อมเสียงสบถเจริญพรยาวเหยียด

     

     

     

     

            “ไอ้ครูปีศาจนี่มันจะหาเรื่องอ้อนส้นตีนสักกี่ครั้งกันวะเฟิร์สสบถออกมาแบบอดไม่ได้

     

     

     

     

              ก็อาจารยท่านให้ไปหาความหมายของคำว่าเกรียนมาเนี่ยนะ! การบ้านอะไรมันจะบัดซบขนาดนี้เนี่ย!


              ชายหนุ่มดวงตาสีทองคำคมกริบ เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนจัดทรงไว้อย่างเหมาะเจาะเข้ากับรูปหน้าซึ่งช่วยให้เสริม ให้ใบหน้าหล่อเหลาคมคายดูดีขึ้นไปอีกราวกับนายแบบลูกครึ่งผู้เคร่งขรึมและ เอาจริงอาจังชวนหลงใหลที่หลุดออกมาจากนิตยสารวิชาการหยุดยืนอยู่หน้า ประตูกระจกแบบผลักที่บดบังภายในไว้ด้วยผ้าม่านสีแดงเลือด จากตรงนี้สามารถได้ยินเสียงของคนข้างในที่เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครซัก คนได้แบบรางๆ

     

     

     

     

            “ขออนุญาตครับ ท่านผอ.ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเปี่ยมมารยาทแต่กลับแฝงไว้ด้วยความเคร่งเครียดที่ปิดไม่มิดก่อนผลักประตูเข้าไปข้างในห้องช้าๆ

     

     

     

     

              ภายในห้องนั้นกว้างขวางและจัดแต่งไว้อย่างลงตัวเหมาะแก่การรับรองแขกและทำ งานไปในตัว โทนสีของห้องเน้นไปทางสีเข้มแต่ไม่ชวนให้หนักตาด้วยกระถางต้นไม้ที่วางไว้ มุมโน้นมุมนี้ อากาศภายในเย็นฉ่ำเพราะเครื่องปรับอากาศริมฝาผนังแต่ไม่อาจดับความร้อนรนของ เขาลงได้เลย เท้าทั้งสองสัมผัสพรมแดงหนานุ่มก่อนก้าวไปยังผู้ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่

     

     

     

     

              ชายวัยกลางคนท่าทางอ่อนโยนกล่าวกับปลายสายถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ดีแล้วล่ะ...ไม่เป็นไร

     

     

     

     

          “งั้นแค่นี้ละกัน ฉันขอคุยธุระกับอาจารย์อีกท่านก่อน...โอเค ขอบใจมาก” 

     

     

     

     

              ทันทีที่การสนทนาจบลง ภาคินก็ยิงคำถามเข้าใส่ผู้มีอำนาจสูงสุดในโรงเรียนทันทีท่านครับ ทำไมถึงให้อาจารย์ที่เพิ่งเข้าใหม่ไปรับมือห้อง5.11ตั้งแต่วันแรกกันครับ

     

     

     

     

          “อ.ภาคิณ คุณไม่ไปเข้าโฮมรูมนักเรียนรึไงผอ.อภิรัตน์ยิ้มสบายๆให้พลางเหลือบมองใบรายชื่อที่ยับยู่ยี่ในมืออีกฝ่าย 

     

     

     

     

              ...คงเห็นแล้วสินะ

     

     

     

     

            “ผมบอกให้พวกเขาอยู่กันเงียบๆแล้วให้ทำความรู้จักกันในห้องแล้วครับ ช่วยกรุณาตอบคำถามก่อนหน้านี้ด้วย

     

     

     

     

              ผู้อยู่หลังโต๊ะทำงานเปลี่ยนมานั่งประสานมือไว้บนโต๊ะ ก็ ไม่ทำไมนี่ ทางเราหาคนมาประจำที่ห้องนั้นไม่ได้ก็เลยลองถามๆดูว่ามีใครว่างมาทำหน้าที่ แทนบ้างรึเปล่า แล้วอาจารย์ท่านนั้นก็เพิ่งเข้ามาใหม่พอดีผมไม่เห็นว่ามันควรที่จะมีคำถามตรงไหน

     

     

     

     

          “ท่านอย่ามาแกล้งโง่ดีกว่าชายหนุ่มกัดฟันกรอด

     

     

     

     

             อย่า เพิ่งดุสิครับอาจารย์ ความจริงก็คือผมคิดว่าแทนที่จะไปจ้างพวกผู้คุมปลดเกษียณหรือว่าอดีตหัวหน้า รด.จากข้างนอกเหมือนเทอมที่ผ่านมาถือว่าประหยัดงบดีออกดีกว่ากันตั้งเยอะ เห็นใจผมบ้างสิ รายได้จากสมาคมผู้ปกครองเราเองก็เริ่มร่อยหรอไปมากแล้วนา

     

     

     

     

            “ประหยัดงบอะไรกันครับ ถ้าเกิดมีเรื่องแล้วถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลขึ้นมายังไงเราก็ต้องเป็นคนจ่ายอยู่ดี

     

     

     

     

            “จากสถิติมีแค่1ใน3เองนะที่จะโดนขนาดนั้น

     

     

     

     

            “เพราะอีก2ใน3ที่เหลือขอยื่นคำย้ายไม่ก็ใบลาออกก่อนสินะครับ

     

     

     

     

            “โธ่ ดูอย่างวันนี้ก็ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยใช่มั้ยล่ะ

     

     

     


            “
    วันนี้ไม่มี ก็ใช่ว่าพรุ่งนี้จะไม่มีด้วย

     

     

     

     

                 ผู้อาวุโสกว่ากลับเพียงแค่แค่นยิ้มบางๆคุณนี่มองโลกในแง่ลบจริงๆเลยน้า

     

     

     

     

             ภาคิณยังคงไม่ยอมยุติประเด็นไปง่ายยัง ไงก็ตาม ผมขอคัดค้านการให้อาจารย์เข้าใหม่ที่ยังไม่รู้ฤทธิ์ของเด็กพวกนี้ดีพอไป ประจำอยู่ในที่ๆอันตรายแบบนั้นนะครับ ยิ่งคดีนั้นมันยังไม่กระจ่าง....

     

     

     

     

              “อ.ภาคิณ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้ว

     

     

     

     

              ชายหนุ่มหุบปากลงในทันทีเมื่อสบกับดวงตาโชนแสงกล้าของท่านผู้อำนวยการ

     

     

     

     

            “สิ่ง ที่เราควรทำคือให้โอกาสและเชื่อใจพวกเขา เชื่อว่าเด็กพวกนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในวันใดวันหนึ่ง ไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์และอคติในสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

     

     

     

     

              เขาเบือนหน้าหลบด้วยความละอายใจ แม้นัยน์ตาสีอำพันจะยังคงไว้ซึ่งความรู้สึกไม่อยากยอมรับอย่างเห็นได้ชัด

     

     

     

     

           “ผมหวังว่าคุณคงยังไม่ขาดคุณสมบัติในข้อนี้ ” 

     

     

     

     

            “…”

     

     

     

     

              ท่านผู้อำนวยการทอดถอนหายใจออกมา ผมก็รู้ว่าคุณเป็นห่วง ห่วงว่าเหตุการณ์มันจะซ้ำรอย แต่ถึงยังไงผมก็รู้จักเลือกคน ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมีปัญหาตามมาภายหลัง

     

     

     

     

            “ท่านแน่ใจได้อย่างไร

     

     

     

     

            “ก็เพราะอาจารย์คนนี้แตกต่างไปน่ะสิ

     

     

     

     

           “แตกต่าง?คิ้วเรียวขมวดขึ้นอย่างข้องใจ

     

     

     

     

            “เอาเป็นว่าคุณวางใจได้เลยว่าเขาจะไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่ผ่านมา เขามีปัญญาพอจะจัดการเด็กพวกนั้นได้ด้วยวิธีตามแบบฉบับของเขาเองคุณภาพของอาจารย์ท่านนี้ไม่ใช่ระดับที่หาตัวจับง่ายๆหรอกนะ

     

     

     

     

            “คุณภาพที่ว่านั่นรวมถึงความสามารถที่จะเปลี่ยนทัศนคติของเด็กพวกนั้นได้ด้วยรึเปล่ารวมถึงการเอาตัวรอดให้ได้ท่ามกลางเด็กมีปัญหาแบบนั้นด้วยรึเปล่า แล้วรวมถึงการทำให้พวกเขายอมรับได้ด้วยรึเปล่าภาคิณพึมพำออกมาเบาๆแต่ก็ไม่มีทางรอดพ้นโสตประสาทของท่านผอ.อภิรัตน์ไปได้

     

     

     

     

            “แล้ว ถึงยังไงเขาก็เป็นคนที่คนรู้จักของผมฝากฝังมาวันนี้ผมก็เลยให้คนไปสะกดรอย ตามดูแล้ว ทางนั้นเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี๊นี้ว่าถึงจะมีเสียงเอะอะในตอนแรกแต่อาจารย์นิร กานต์ของเราก็เดินออกจากห้องแบบปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนแม้แต่ปลายเล็บแมวข่วน

     

     

     

     

              ดวงตาสีทองของอีกฝ่ายเบิกขึ้นก่อนฉายแววไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด ท่านผู้อำนวยการหัวเราะออกมาเบาๆผมบอกแล้ว อย่ามองโลกในแง่ร้ายจนเกินไปนัก” 

     

     

     

     

            “…ขออภัยครับที่ตื่นตูม” 

     

     

     

     

            “ผม เข้าใจความปรารถนาดีของคุณ ยังไงก็ตาม จริงอยู่ที่ว่าวันนี้ไม่มีอะไรก็ใช่ว่าพรุ่งนี้จะไม่มี แค่วันนี้อาจจะยังไม่แสดงอาการ แต่ครั้งต่อๆไปผมแน่ใจว่าอะไรๆมันต้องเริ่มแรงขึ้น ผมจะให้คนของเราสอดส่องดูแลให้เอง

     

     

     

     

              ภาคิณพยักหน้ารับก่อนขอตัวออกไป

     

     

     

     

              บานประตูถูกปิดสนิทลง แม้ว่าจะไม่มีอะไรน่าห่วงตามคำบอกของท่านผอ. แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบรำพันเบาๆ

     

     

     

     

            “ทั้งๆที่ผ่านมาตั้งครึ่งปีแล้วแท้ๆ แต่เก็ยังอดไม่ได้ที่จะฝังใจกับคดีนั้น...

     

     

     

     

              ชายหนุ่มหลุบนัยน์ตาลงต่ำยกมือเรียวยกขึ้นมาเสยผม และภาวนาให้เวลานี้ไม่มีใครเดินผ่านเข้ามา

     

     

     

     

               ผ่านมาเห็นสภาพที่เขาไม่อยากให้ใครรับรู้

     

     

     


              ทำให้เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เชียวหรือ...เวลา

     

     

     

     

              หรือเป็นเพราะจิตใจที่ถูกทำให้บิดเบี้ยวไปของพวกเขา   

     

     

     

     

              เมื่อครั้งยังอยู่ด้วยกัน...เด็กพวกนั้นยังคงใสสะอาดและบริสุทธิ์ยังคงมองหาเสียงกระซิบของวันถัดไป ยังคงยิ้มและหัวเราะให้กับความสวยงามของโลกใบนี้ได้





     

     


              แต่ในตอนนี้...

     

     



     



            “
    สิ่งที่เราควรทำคือให้โอกาสและเชื่อใจพวกเขา เชื่อว่าเด็กพวกนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในวันใดวันหนึ่ง…”

     

     



     




            “
    เราคงยังไม่ใช่ครูที่ดีพอสินะ

     

     




               เขาแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมาแล้วทิ้งตัวพิงผนังอย่างอ่อนล้า ปล่อยให้ความหนักอึ้งในใจลอยอ้อยอิ่งปกคลุมอย่างพร่าเลือน แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะทำลายตัวตนของเขามากไปกว่านี้ดวงตาสีทองสวยก็เหลือบไป มองนาฬิกาเรือนสวยที่อยู่บนข้อมือตนก่อนจะ...

     






     




            “
    ว้ากกกกกก!! คาบสอนกุ!!”




     .......................................................................................................................................................................................................

     

     

    50%

    เกรียนแปลว่าอะไร?


    เกรียนก็แปลว่าครูไงคะ(เพี๊ยะ!โดนตบดิ้น)

    กลับมาอีกครั้งพร้อมสาระที่เหมือนจะลดน้อยลงไปกว่าเก่า

    อ่ะฮึก ทำไมน้ำทำกับเค้าแบบนี้อ่ะT^T

    .......................................................................................................................................................................................................


    100%

     

    วิ้ว~(ปาดเหงื่อ)

     

    กระดึบครบๆอย่างเชื่องช้าค่ะ=_="

    รีดเดอร์เก่าบางคนอาจสงสัยว่าทำไมอ่านแล้วมันดูเหมือนไม่ได้รีไรท์อะไรเลยฟะ?

    เพราะมันรีไรท์แบบตามใจฉันน่ะสิเจ้าข้าเอ๊ย~ จะหาความแตกต่างจากก่อนและหลังรีไรท์ให้เจอนั้นไซร้จึงยากหนักหนา~

     

    ปล.รักคนอ่านเน้อ จุ๊บๆ^3^(เพี๊ยะ!โดนโบก)






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×