คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ✥ บทแรก ✥ ...แด่คำทักทายอันบิดเบี้ยว
Chapter1
✥ คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย✥
...ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจะกลับมาลงเอยแบบนี้อีกซ้ำสอง...
ในตรอกอันซอมซ่อและมืดมิดแห่งหนึ่ง กำแพงอิฐเก่าเขรอะยืนขนาบข้างทั้งสองฟากฝั่งไว้ราวกับกรงขังที่สูงตระหง่าน บรรยากาศเงียบงันและน่าหวาดผวาชวนให้ไม่อยากเข้าใกล้ สิ่งที่เป็นสัญญาณบ่งบอกสิ่งมีชีวิตนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาจากผู้เร้นกาย
แม้จะไร้ซึ่งแสงจันทราแต่นั่นก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา พักนี้เขาเองก็เริ่มชินกับความมืดเสียแล้ว ทั้งความมืดแบบรูปธรรมและความมืดแบบนามธรรมจากหัวใจของคนรอบข้าง
...พวกที่ถูกส่งกระจายออกไปป่านนี้จะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้
ทั้งคนรู้จัก คนสำคัญ คนที่จะหาใครมาแทนที่ไม่ได้ บัดนี้เขาทำได้เพียงภาวนาไม่ให้ต้องสูญเสียอะไรไปอีกมากกว่านี้
ดวงตาสีดำสนิทดุจเดียวกับความมืดรอบกายหรี่ลง แม้จะบอกว่าคุ้นชิน แต่ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าคงดีกว่านี้ถ้าดวงจันทร์ที่หลบซ่อนอยู่หลังเมฆครึ้มอย่างมิดชิดนั้นจะสาดแสงลงมาสักหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากทำลายความมืดมิดที่อ้อยอิ่งชวนอึดอัดนี้ หรือว่าเพราะอยากขับไล่ความดำมืดอันข้นลึกในก้นบึ้งจิตใจของตัวเองกันแน่
เขาก้มลงมองมือตัวเอง แม้จะมองเห็นได้ไม่ค่อยชัดแต่ก็พอจะรู้ว่าตอนนี้มันเปรอะเปื้อนมากเพียงใด มือซ้ายคว้าปืนที่ตกอยู่บนพื้น ก่อนสองขาจะก้าวเข้าไปหาสิ่งที่เด็กหนุ่มรู้ดีว่ามันอาจเป็นเหวลึกที่จะไม่มีวันไต่ขึ้นมาได้อีก
ถ้าไม่เป็นเพราะนาย...ฉันก็คงไม่มีวันยอมกลับมายืนอยู่เหนือปากหลุมที่กลบฝังความทรงจำอันโหดร้ายนี้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากรู้ว่า หากฉันกระโดลงไปแล้วจะมีใครซักคนกล้าเอื้อมมือมาคว้าฉันไว้ก่อนจะตกลงไปอีกครั้งรึเปล่า...
เสียงปลดสลักปืนดังกังวานในความเงียบงัน
...ถ้าหากจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้
ใบหน้าราวรูปสลักนั้นฉายชัดถึงการความแน่วแน่
...ถ้าเกิดว่าพวกเราไม่ต้องมาเจอกันเลยเสียตั้งแต่ทีแรก
มือที่กอบกุมด้ามปืนให้ความรู้สึกเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ
...ถ้าหากมีพลังพอที่จะสามารถหลีกหนีความบังเอิญที่เล่นตลกอย่างร้ายกาจกับพวกเราได้ตั้งแต่ตอนนั้น
เขาหยุดฝีเท้าลงเบื้องหน้าเหยื่อกระจิบกระจอกที่กำลังร้องอ้อนวอนตัวสั่นระริกพวกนั้น เด็กหนุ่มเพียงแค่แสยะยิ้มอย่างดูแคลน ก่อนยกปืนขึ้นเล็งไปยังเบื้องหน้า ประกายของโลหะสะท้อนรับกับประกายวาวโรจน์จากดวงตาสีรัตติกาลคมกล้านั้น เด็กหนุ่มกรีดเสียงเย็นเยียบ ความดำมืดที่กลมกลืนไปกับความมืดมิดอันไร้แสงรอบข้างทำให้เขาดูไม่ต่างจาก มัจจุราชที่พร้อมจะลั่นไกอาวุธสังหารในมือได้อย่างไม่ลังเล
"บอกมาซะว่าพวกแกพา 'เขา'ไปไว้ที่ไหน"
...อะไรๆมันอาจจะไม่จบลงอย่างบิดเบี้ยวเหมือนอย่างนี้ก็ได้
ปัง!
ใช่แล้ว...ทุกๆอย่างมีจุดเริ่มต้นมาจาก‘ตอนนั้น’
2อาทิตย์ก่อน
“เฮ้ย! รายชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาห้องของเทอมนี้ออกมาแล้วว่ะ”
“จริงดิ!”
เสียงจ้อกแจ้กจอแจอันเป็นเอกลักษณ์ของห้องเรียนยามปกติหยุดชะงักลง ความสนใจถูกพุ่งไปยังเด็กหนุ่มผู้พรวดพราดเข้ามาในห้องพร้อมกับข่าวล่าสุด จากวงใน
“คราวนี้ได้ใครวะ”
“ผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย”
“ท่าทางเป็นไง คงไม่อ่อนปวกเปียกเหมือนคนก่อนๆหรอกนะ”
“หน้าตาใช้ได้รึเปล่า”
“มันมีเขาหรือว่าหางยาวกว่ากัน”
“ฉันก็ไม่รู้ว่ะ ใบรายชื่อนี่ก็เพิ่งไปจิ๊กมาจากโต๊ะ’จารย์ประสิทธิ์มา รู้แต่ชื่อแต่ยังไม่ได้เห็นหน้า”สายข่าวประจำห้องโวยวายก่อนยื่นแผ่นกระดาษที่ถือมาด้วยให้เด็กหนุ่มอีกคนอ่าน “เอ้า เวส แกดูแล้วตัดสินเอาเองละกัน”
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อกวาดนัยน์ตาสีดำสนิทผ่านๆ ใบหน้าหล่อร้ายสะกดลมหายใจนั้นไม่บ่งบอกอารมณ์ยามไล่อ่านกระดาษในมือท่ามกลางความอยากรู้ของกลุ่มเพื่อนที่มายืนมุง ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มที่คาดเดาความหมายไม่ออก แม้แต่เพื่อนในห้องที่อยู่ด้วยกันมานานก็ยังสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายที่ไม่เคยจางหายของคนๆนี้
...รายชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาประจำปีการศึกษาใหม่จากการประเมินของคณะบริหาร...
... อาจารย์ที่ปรึกษาชั้นม.5/11 ...
“นิรกานต์ เมธิสากฤษกุล”เวสได้ยินเสียงหลายๆคนเอามือตบหน้าผากแทบจะในทันทีหลังได้ยินจบ
“แมร่งเอ๊ย! ผู้หญิงเหรอเนี่ย” เด็กหนุ่มผมไฮไลต์สีน้ำตาลแดงสบถ“ที่บ้านก็อุตส่าห์มีแม่อยู่แล้วตั้งคนหนีมานี่กูก็ยังไม่พ้นอีกใช่มั้ยเนี่ย !? สงสัยปิดเทอมที่ผ่านมาทำบุญไว้ไม่พอจริงๆ”เด็กหนุ่มโอดโอยด้วยสีหน้าปานจะขาดใจอย่างเกินจริง ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนสนิทที่นั่งจ้องแผ่นกระดาษในมืออย่างชั่งใจ ไม่ยักลุกขึ้นมาโบกกบาลเขาเหมือนอย่างทุกครั้ง
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงแสยะยิ้มแพรวพราว ก่อนก้มลงมากอดคอเพื่อนจากทางด้านหลังแล้วพูดอย่างท้าทาย “เสียดายรึไงที่‘พิธีต้อนรับ’ของแกก็ต้องถูกพับเก็บน่ะ พ่อสุภาพบุรุษ”
“เงียบ ไปเลยไอ้เฟิร์ส เทอมก่อนคะแนนจิตพิสัยฉันเพิ่งโดนหักไป30ถ้วนๆ ขืนไปหาเรื่องครูใหม่นี่อีกรอบ พวกคณะกรรมการระเบียบคงได้หาเรื่องเฉดหัวฉันออกจากโรงเรียนเหมือนกันแหงๆ”เวสแยกเขี้ยวกลับขณะที่เฟิร์สทำสีหน้าโจ่งแจ้งประมาณว่า ‘หยั่งกะว่านายจะแคร์เรื่องพรรค์นี้ด้วย’
เวสหันกลับมาให้ความสนใจรายชื่อในมืออีกครั้ง “ฉันก็แค่สงสัย”
“อะไร?”
“ชื่อของอาจารย์คนนี้นายเคยได้ยินมาบ้างรึเปล่า?”เฟิร์สหยุดคิดไปเล็กน้อยก่อนส่ายหัว
เด็กหนุ่มแจกแจงข้อข้องใจของตัวเองออกมา “สายข่าวของห้องอย่างดิวมันแค่เห็นชื่อก็น่าจะรู้ว่าเป็นอาจารย์คนไหน เป็นมันกลับบอกว่ารู้แต่ชื่อแต่ยังไม่เห็นหน้า แสดงว่าแม้แต่มันก็ยังไม่รู้จักครูคนนี้เลย...อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นครูเข้า ใหม่ไม่ก็ครูฝึกสอน ”
คนในห้อง4-5คนที่อยู่ในรัศมีการได้ยินเริ่มหันมาสนใจกันบ้างแล้ว
“ครูใหม่?”เฟิร์สกระพริบตาปริบๆก่อนพ่นเสียงหัวเราะคิกอกมา “เอาครูเข้าใหม่มาประจำชั้นที่‘ห้องนี้’เนี่ยนะ ดูจะเสี่ยงเกินหน่อยไปมั้งสำหรับฝ่ายบริหารยกเว้นพวกนั้นคิดจะเล่นอะไรแผลงๆแก้เซ็ง”
“นั่นสินะ เสี่ยงเกินและอันตรายเกิน”เด็กหนุ่มเรือนผมสีดำสนิทรำพึงออกมา
“คงจะเป็นครูเก็บซักคนในสังกัดฝ่ายนั้นล่ะมั้ง ชื่อถึงไม่ค่อยคุ้นหู”เฟิร์สตอบอย่างไม่ติดใจอะไรมาก ก่อนเอื้อมมือไปรับจรวดกระดาษที่ใครซักคนส่งมาจากอีกฝั่งหนึ่งของห้องแล้ว ปากลับไปโดนหัวอีกฝ่ายจังๆ คนอื่นๆเองก็หันกลับไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อพลางส่ายหน้าให้กับพวกปัญญาอ่อน ที่กำลังเปิดฉากสงครามจรวดกระดาษที่เพิ่มขึ้นมาเกือบ10อันตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ไม่รู้
เวสเหลือบมองบรรยากาศอันแสนคุ้นเคยภายในห้องหลังจากห่างหายไปเกือบ3เดือนในช่วงปิดเทอม ริมฝีปากเรียวได้รูปเอ่ยพึมพำออกมา “บางทีนะ บางที...”
...อีกฟากฝั่งหนึ่ง ณ ระเบียงทางเดิน ก็มีคนกำลังทำการนินทาคนอื่นอยู่อีกหนึ่งคน…
ณ ภายนอกห้อง เสียงราวกับนกกระจอกแตกรังนี้ดังโดดเด่นอยู่เพียงห้องเดียวในระดับชั้น ขณะที่ห้องอื่นๆเงียบเสียงและได้เริ่มปฐมนิเทศพูดคุยกับอาจารย์คนใหม่ของแต่ ละห้อง ทำให้สร้างจุดสังเกตได้อย่างไม่ยากเย็น
“ต้องขอรบกวนจริงๆนะครับ เด็กห้องนี้ไม่มีอาจารย์ท่านไหนยอมเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้เลย ที่อาจารย์เข้ามารับช่วงต่อได้พอดีเนี่ย บุคลากรทั้งโรงเรียนแทบจะพาเปิดแชมเปญเลี้ยงฉลองยกชั้นเลยทีเดียว”อาจารย์ปกครองเดินนำหน้าอาจารย์คนใหม่พร้อมกับแจกแจงรายละเอียดของห้อง5/11ไปในตัวด้วย
“ทาง เราหวังว่าอาจารย์คงจะไม่ถือสาถ้าหากว่าพฤติกรรมของพวกเขาออกจะเหลือทนไปบ้าง จะยังไงก็ตาม เด็กพวกนี้ก็ค่อนข้างมีปัญหาอยู่เสียเป็นส่วนใหญ่ แค่1ปีการศึกษาที่ผ่านมาก็ต้องเปลี่ยนครูประจำชั้นไปแล้วถึง...”
“...43คน”
“อ่า ใช่ครับ ก็อย่างที่รู้มา แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังหวังเหลือเกินว่าจะมีใครซักคนที่สามารถจัดการกับ เด็กแสบพวกนี้ลงได้ คดีที่พวกนี้มีไว้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ถึงจะเป็นวัยคึกคะนองแต่ก็น่าจะรู้จักเอาให้พอประมาณไม่ใช่ว่าเกินเลยเสีย ขนาดนี้...”อาจารย์ปกครองบ่นอย่างไม่ขาดปากท่ามกลางการรับฟังอย่างเงียบๆของผู้ที่เดินตามหลัง
“ถึงยังไงโรงเรียนของเราก็เป็นถึงโรงเรียนแนวหน้า ข่าวเสียๆหายๆส่วนใหญ่ก็มาจากพวกเขาทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะทำตัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ขอแค่ไม่มีพวกนี้อยู่โรงเรียนเราก็จะ...”ผู้พูดหยุดชะงักลงเมื่อรู้สึกว่าชักจะปากมากไปหน่อยก่อนแอบมองผู้ที่เดินตามมา อย่างเหลือบๆ แต่อีกฝ่ายกลับแค่เพียงยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากเบาๆ
“นี่ก็ใกล้ถึงห้องแล้ว เราเงียบๆไว้ก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวพวกนักเรียนจะได้ยินเข้า” ผู้อาวุโสกว่าพยักหน้าเมื่อเห็นว่าอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงหน้าประตูห้อง ที่ระเบียงทางเดินนี้ เสียงราวกับนกกระจอกแตกรังดังโดดเด่นอยู่เพียงห้องเดียวในระดับชั้น ขณะที่ห้องอื่นๆเงียบเสียงและได้เริ่มปฐมนิเทศพูดคุยกับอาจารย์คนใหม่ของแต่ละห้องทำให้สร้างจุดสังเกตได้อย่างไม่ยากเย็น
เขาหันหลับมามองหน้าคุณครูประจำชั้นคนใหม่ของห้องนี้แล้วฉายสีหน้าหนักใจออกมา แวบนึงก่อนจะเก็บไปเมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่อยู่หลังบานประตูนี้ดูจะน่าหนักใจกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า
ปัง!!
เสียงประตูกระแทกเปิดอย่างแรงเรียกความเงียบได้ชั่วอึดใจหนึ่ง แต่ก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้นเมื่อเหล่าลิงทโมนกลับไปทำกิจกรรมที่ตนเองทำค้างอยู่เมื่อกี๊ต่อโดยไม่ได้เห็นหัวคนที่เพิ่งเข้ามาเลยแม้แต่น้อย
“อ่ะแฮ่ม”เขาแกล้งกระแอมเบาๆทีนึงแต่ก็เหมือนกับเป็นเสียงลมพัดผ่าน
“อ่ะแฮ่ม” …ยังคงไม่ได้ผล
“เอ่อ คือ...นักเรียนที่รักทุกคน”
ฟิ้ว~ จรวดพับของใครสักคนลอยข้ามห้องผ่านหน้าเขาไปราวกับหัวหลักหัวตอ
อาจารย์ปกครองรุ่นไม้ใกล้ฝั่งก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกเหมือนถูกหยามหน้าจากเด็กรุ่นลูกตัวสั่นระริกอย่างใกล้หมดความอดทน ก่อนแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ตัวเองพามาด้วย ยังไม่ทันจะได้หันหลับไปเรียกอีกฝ่าย เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเบื้องหลังพร้อมกับการปรากฏตัวของคนๆหนึ่ง
“เอ่อ อาจารย์สิทธิศักดิ์ครับ”เสียง นุ่มๆแฝงด้วยความสุภาพดังขึ้น คราวนี้เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปทางทิศเดียวกันได้อย่างง่ายดาย ชายแก่แอบหัวเราะอย่างสะใจด้วยความรู้สึกของผู้ชนะ (ที่คิดไปเอง) ก่อนหันไปขานรับด้วยสีหน้าคงความน่านับถือเหลือคณา “มีอะไรรึเปล่าครับ?”
เวสกับเฟิร์สที่นั่งอยู่มุมในสุดของห้องลอบพิจารณาเจ้าของเสียงนุ่มๆที่ทำให้นังเจสสิก้าหญิงเทียมประจำห้องนั่งบิดกรี๊ดกร๊าดไปมาอย่างน่าตบอยู่ข้างๆ เสียงซุบซิบส่งต่อไปทั่วห้องในขณะที่ในหัวของพวกเขาทั้งสองเริ่มตีความใหม่ด้วยความสับสน
“เวส ครูที่จะเข้ามาใหม่นี่...”เฟิร์สกระซิบเสียงเครียด
“เออ ชั้นเห็นแล้วว่ะ” เขากระซิบตอบด้วยแววตาพราวระยับ รอยยิ้มกระตุกขึ้นมุมปากอย่างหมาป่าที่แสนร้ายกาจ ผิดกับท่าทางเอื่อยๆเฉื่อยๆตอนที่ได้เห็นกระดาษรายชื่อครั้งแรกลิบลับ
‘ชายหนุ่ม’หน้าตาหล่อเหลาหมดจด ซอยผมสีดำทรงรากไทร ท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัว เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล๊คกับเนคไทสีดำสะอาดตานั่นปะยศเด่นหรายิ่งกว่าอะไร แต่สิ่งที่สะดุดสายตานักเรียนทั้งห้องมากที่สุดก็คือใบหน้านั้น
ถึงใบหน้าขาวนั้นจะเข้าขั้นหน้าตาดีจัดจนนักเรียนชายหลายๆคนแอบหมั่นไส้ก็จริงแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่า...
“ครูนี่เข้าวุฒิศักดิ์เดือนละกี่ครั้งวะ?”
เวสพยักหน้ายืนยันว่าในใจกำลังถามคำถามเดียวกับเพื่อนสนิท และดูคล้ายจะเป็นคำถามเดียวกับที่คนทั้งห้องอยากถาม
มันก็มีบ้างที่จะคนบางคนที่หน้าอ่อนกว่าวัยจนเราอ้าปากค้างและไม่ค่อยอยากจะเชื่อเวลาได้รับรู้ตัวเลขที่แท้จริง แต่สำหรับคนที่จบมหา’ลัย มีงานทำแล้วแต่ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์ราวกับเด็กม.6แบบนี้มันหาไม่ได้ง่ายๆนะเฟ้ย!
หน้าเด็ก!โคตรเด็ก!เด็กสุดๆ!นี่ คือเสียงร่ำร้องในใจของคนทั้งห้องขณะเหลือบมองใบหน้าของผู้มาใหม่อย่าง พิจารณา ผิวขาวเนียนละเอียด จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาสีดำสนิทที่ดูราวกับมีบางสิ่งบางอย่างฉาบไว้บางเบา ริมฝีปากสีอ่อนเรียวบาง หน้าตาอ่อนใสหมดจด ถ้าบอกว่าเป็นรุ่นพี่ปลอมตัวมาฝึกสอนงานยังจะดูน่าเชื่อถือกว่าด้วยซ้ำ แต่คำว่า ‘อาจารย์’ที่ได้ยินเต็มสองหูเมื่อครู่ก็ทำให้สมมุติฐานนั้นถูกปัดตกไปโดยสิ้นเชิง
ไม่ทันที่เด็ก(ผู้หญิง)นักเรียนทั้งหลายจะได้นั่งแทะโลมคุณครูคนใหม่นี้จน กระจ่างถ่องแท้(?)เสียก่อน เสียงนุ่มๆนั้นก็เอ่ยต่อจากที่ค้างเอาไว้ ทำลายบรรยากาศเชิงบวกในห้องไปจนหมดสิ้น
“ผมอยาก ‘ทำความรู้จัก’กับลูกศิษย์ด้วยตัวเองน่ะครับ”ทั้งห้องรู้สึกได้ถึงเค้าไอที่เปลี่ยนไปหลังจากชายคนนี้พูดจบ ความรู้สึกที่เหมือนกำลังถูกกระตุกหนวดแล่นแวบเข้ามาฉับพลันในโสตประสาท เมื่อเริ่มสัมผัสได้รางๆถึงความนัยที่ถูกส่งผ่านมา
แต่อาจารย์อาวุโสที่เหมือนจะความรู้สึกช้ากว่าเพื่อนกลับแย้งอย่างหนักใจ “จะดีหรือครับ ถ้ายังไงให้ผมช่วยแนะนำ…”
“ไม่เป็นไรครับ”ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออก“ผมเองก็อยากจะ‘สร้างความคุ้นเคย’กันภายในห้องด้วยน่ะ ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาท...”
บรรยากาศรอบๆตัวมาคุขึ้นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวคีย์เวิร์ดที่ถูกเน้นเสียงหนัก
อีกฝ่ายพยักหน้าเข้าใจเมื่อเมื่อไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติอะไรก่อนออกจากห้องไปแต่โดยดีอย่างไม่ติดใจ “ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกได้ไม่ต้องเกรงใจนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มผู้มาใหม่ปิดประตูห้องลงก่อนหันกลับมายังเหล่านักเรียนที่จ้องมองมา เขม็งราวกับวัตถุอวกาศที่นาซาบังเอิญเก็บได้ ท่าทีเรียบร้อยสงบเสงี่ยมเจียมตัวถูกอีกบุคลิกหนึ่งกลบทับไปตั้งแต่เมื่อใด ก็ไม่มีใครทราบ ดวงตาสีดำสนิทเหยียดมองทั้งห้องด้วยแววประเมินและอยากลองดี
แบบนี้...ชัดเลย
มันกำลังท้ากันอยู่เห็นๆ!!!
“คุณคือคุณครูประจำชั้นคนใหม่ของเราหรือครับ”เวสนั่งเท้าคางอย่างเอื่อยๆอยู่ที่โต๊ะมุมห้องเอ่ยถามด้วย น้ำเสียงทุ้มเรียบสนิท
“ใช่แล้วล่ะ”
“มีใครส่งคุณมาจากพวกโรงเรียนดัดสันดานหรือสถานกักกันเยาวชนอะไรเทือกนี้รึเปล่า”
“ไม่มี ฉันเพิ่งเข้าทำงานที่โรงเรียนนี้เป็นที่แรก”
“ใครเป็นคนเซ็นชื่ออนุมัติให้คุณลงสอนที่ห้องของเรา”
“ท่าน ผ.อ”
“ทำไมไม่ถามบ้างวะว่าครูทำยังไงใบหน้าถึงได้อ่อนเยาว์ขาวใสยิ่งกว่าใช้สมูทอี”เด็กหนุ่มเรือนผมไฮไลต์สีน้ำตาลแดงบ่นเบาๆ แต่เวสก็ทำเป็นหูทวนลมยิงคำถามต่อไปเรื่อยๆ
“คณะที่จบมา?”
“ถือเป็นความลับส่วนตัว”
“อายุ?”
“บอกไม่ได้”
“เคยมีใครบอกคุณเกี่ยวกับข้อมูลของห้องเรามาบ้างรึยัง?”
“เยอะแยะ”
“นี่เป็นการทำงานครั้งแรกใช่มั้ย”
“ถูกต้อง”
“รู้สึกยังไงบ้าง”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
ผู้เป็นลูกศิษย์จ้องมองว่าที่อาจารย์คนใหม่ที่ไม่แม้แต่จะหลบตาในยามที่ถูกเอ่ย ถามคำถามที่คล้ายๆจะเสียมารยาทและรุกล้ำก้าวก่ายจนเกินไป คำตอบทุกคำเปี่ยมด้วยน้ำเสียงสบายๆถึงแม้จะแสดงความไม่จริงใจอย่างเห็นได้ชัดในคำตอบสุดท้าย เวสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะผุดลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วค่อยๆย่างเท้าไปยังตำแหน่งหน้าห้องความกลางความเงียบจากเพื่อนทุกคนนั่งปิดปากสนิทด้วยความลุ้นระทึกรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่
“งั้นคำถามสุดท้าย...”เขากล่าวขณะเดินเข้าไปใกล้ตำแหน่งประตูที่อีกฝ่ายยืนอยู่มือของเด็กหนุ่มผลักไหล่ผู้เป็นครูชิดกับประตูเบื้องหลังก่อนก้มกระซิบถาม
“เตรียมใจว่าจะสามารถประจำอยู่ห้องนี้ได้ซักกี่วัน”
รอยยิ้มของเวสแสยะกว้าง ความรู้สึกกระชุ่มกระชวยแล่นพล่านไปทั่วร่างพร้อมกับแรงกดดันของความรู้สึกไม่ปลอดภัยและยิ่งแผ่ออกมาหนักเข้าเมื่อได้รับฟังคำตอบจากปากคนตรงหน้า
“ตลอดไป”
“หึ ช่วยจำคำพูดของครูไว้ให้ดีๆด้วยนะครับ”เขากดไหล่อีกฝ่ายแรงขึ้น“อีกเดี๋ยวเราจะได้มาพิสูจน์กัน”
นักเรียนชั้นม.5/11แห่งเทพาสริณวิทยาแสยะยิ้มขึ้นโดยอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมายเมื่อเรื่องสนุกกำลังจะมาถึงในไม่ช้า
‘พิธีต้อนรับ’ของห้องนี้คือการจัดการต่อยครูประจำชั้นทุกคนที่เข้ามาใหม่อย่างน้อย1หมัดโดยนักบวชศักดิ์สิทธิ์ผู้ประกอบพิธีก็คือเวส ถ้าเกิดว่าไม่โดนน๊อคจนสลบหรือว่าวิ่งหนีหัวหดไปฟ้องอาจารย์ท่านอื่นก็ถือว่าผ่านการประเมินในการมีสิทธิ์เข้าสอนในห้องเรียนแห่งเหล่าเด็กบัดซบพวกนี้ เรียกได้ว่าครูประจำชั้นแทบทุกคนที่ผ่านมาต้องเคยลิ้มรสกำปั้นของเด็กหนุ่มหัวนักเลงประจำห้องถึงจะสามารถเข้ามาจัดการควบคุมห้องเรียนและมอบแก่นสารบท เรียนต่างๆให้แก่เด็กพวกนี้ได้
ตอนแรกพิธีเกือบต้องถูกล้มเพราะเวสมันไม่ทำร้ายผู้หญิง!แต่พอได้มาเห็นตัวจริงแถมยังท่าทางอ้อนตีนแบบนี้...มีหรือจะรอด!!
อาจารย์ผู้กำลังจะมีโชค(?)ปัดมือของเด็กหนุ่มออกก่อนเลิกคิ้วถามขึ้นด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ“พิสูจน์?”
เวสเดินถอยห่างออกมาพลางดัดข้อนิ้วเบาๆก่อนตอบกลับไปด้วยใบหน้าแย้มยิ้มละไม “ใช่ครับ พิสูจน์ การ พิสูจน์ว่าคุณมีคุณสมบัติพอสำหรับการเป็นที่ปรึกษาคนใหม่ของเรารึเปล่า อ๊ะ ไม่ต้องเกร็งนะครับ ถือว่าเป็นความทรงจำดีๆในประการณ์การทำงานครั้งแรกที่จะประทับตราตรึงใจแบบที่ครูไม่มีวันลืมเลยล่ะครับ”เมื่อกล่าวจบเด็กหนุ่มก็โถมตัวเข้ามาพร้อมกับหมัดหนักๆที่พร้อมจะกระแทกใส่คนตรงหน้าในทันที
แต่ก่อนที่กำปั้นลุ่นๆนั้นจะได้กระแทกเข้ากับใบหน้าอ่อนวัยของผู้เป็นอาจารย์คนใหม่เป็นการเปิดพิธีโดยสมบูรณ์ เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรถูกสาดออกมาพร้อมหยดน้ำที่กระเซ็นกระทบใบหน้าทำให้เด็กหนุ่มสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงฝ่าเท้าที่ส่งแรงถีบมากลางลำตัวอย่างแม่นยำ
แรงถีบนั้นทำให้เด็กหนุ่มสูญเสียการทรงตัวไปเล็กน้อยบวกกับน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้นก็ไม่แปลกที่ร่างนั้นจะลื่นล้มลงฟาดกับพื้นแบบไม่เป็นท่า!
นักเรียนทั้งห้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่พลิกกลับแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งคนที่นั่งเป็นผู้ชมที่ดีอยู่กับที่หรือว่าคนที่ลุกขึ้นมายืนบนโต๊ะเพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ได้ถนัดๆในตอนแรก บัดนี้กลับตัวแข็งทื่อนิ่งสนิทด้วยช๊อคในเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อผู้โจมตีและผู้ถูกโจมตีสลับบทบาทกันในพริบตา
“อา ท่าทางพวกเธอนี่จะไม่ค่อยพิถีพิถันในการทำเวรเอาซะเท่าไหร่เลยนะ ถังใส่น้ำเช็ดพื้นนี่คงใช้ครั้งสุดท้ายแล้วลืมเททิ้งล่ะสิท่าถึงได้มีคราบกับตะไคร่น้ำเกาะอยู่เต็มไปหมดเลย”ตัวการของเรื่องเมื่อครู่นี้ใช้นิ้วหิ้วถังน้ำขึ้นเหลือบมองก่อนโยนทิ้งออกไปที่มุมห้องข้างประตูอย่างเก่าด้วยสีหน้ารังเกียจ แม้ว่าตัวเองจะเพิ่งสาด ‘ของน่ารังเกียจ’นั่นใส่ผู้เป็นลูกศิษย์ของตัวเองไปเต็มๆก็ตาม
ผู้เป็นอาจารย์เหลือบหางตาไปยังหน้าห้องด้วยความเฉยเมย “เอาเถอะ ยังไงซะวันนี้ก็ถือว่าอบรมทักษะการทำความสะอาดห้องไปในตัวเลยละกัน”
ความช๊อคที่เดิมก็มีอยู่แล้วยิ่งยกระดับออคเตฟขึ้นเมื่อท่านอาจารย์ผู้แสนดีก้าวเดินไปยังหน้าห้องแล้วยกตีนขึ้นประทับลงบนหัวลูกศิษย์ที่พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาให้ลงไปนอนราบคลุกน้ำเล่นกับพื้นอีกครั้งอย่างไม่ปราณีปราสัย
นักเรียนหญิงบางคนยกมือขึ้นปิดปากเมื่อผู้เหยียบเพิ่มแรงขยี้ฝ่าเท้าลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดำสนิทนั่นจนใบหน้าของเด็กหนุ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไร ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อน ลืมแม้แต่จะออกไปตะโกนแล้วผลักอีกฝ่ายออกจากเพื่อนของพวกเขา
ผู้เป็นจุดศูนย์รวมความสนใจหันกลับมาปะทะสายตากับคนทั้งห้องเรียนที่บัดนี้แข็ง ทื่อนิ่งสนิทยิ่งกว่าต้นตะเคียนโบกปูนแล้วคลี่ยิ้มออกมาตามแบบฉบับคุณครูผู้มีปณิธานในการที่จะมอบแก่นสารวิชาให้แก่เหล่าลูกศิษย์สืบไปตราบนานเท่านาน โดยที่เท้ายังคงไม่ละออกไปจากตำแหน่งเดิมแม้แต่นิดเดียว
“เอาล่ะ จะขอแนะนำตัวอีกครั้ง”ร่างสูงกล่าวพร้อมกับปลดเนคไทให้หลวม ปล่อยชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกง “ครูชื่อ นิรกานต์ เมธิสากฤษกุล ครูที่ปรึกษาประจำชั้นคนใหม่ของพวกเธอประจำปีการศึกษานี้และ...”
“…มาประจำสอนในวิชาจริยธรรม”
ว๊อททท!!
ความคิดเห็น