ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Lufer ✥ Lesson...นิยามบทเรียนพันธุ์ไม่ปกติ!?

    ลำดับตอนที่ #2 : ✥ บทแรก ✥ ...แด่คำทักทายอันบิดเบี้ยว

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 54




    Chapter1

    คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย

     


     

             ...ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องจะกลับมาลงเอยแบบนี้อีกซ้ำสอง...

     

     


              ในตรอกอันซอมซ่อและมืดมิดแห่งหนึ่ง กำแพงอิฐเก่าเขรอะยืนขนาบข้างทั้งสองฟากฝั่งไว้ราวกับกรงขังที่สูงตระหง่าน บรรยากาศเงียบงันและน่าหวาดผวาชวนให้ไม่อยากเข้าใกล้ สิ่งที่เป็นสัญญาณบ่งบอกสิ่งมีชีวิตนั้นมีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาจากผู้เร้นกาย

     

              แม้จะไร้ซึ่งแสงจันทราแต่นั่นก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา พักนี้เขาเองก็เริ่มชินกับความมืดเสียแล้ว ทั้งความมืดแบบรูปธรรมและความมืดแบบนามธรรมจากหัวใจของคนรอบข้าง

     

              ...พวกที่ถูกส่งกระจายออกไปป่านนี้จะเป็นยังไงมั่งก็ไม่รู้

              ทั้งคนรู้จัก คนสำคัญ คนที่จะหาใครมาแทนที่ไม่ได้ บัดนี้เขาทำได้เพียงภาวนาไม่ให้ต้องสูญเสียอะไรไปอีกมากกว่านี้

     

              ดวงตาสีดำสนิทดุจเดียวกับความมืดรอบกายหรี่ลง แม้จะบอกว่าคุ้นชิน แต่ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าคงดีกว่านี้ถ้าดวงจันทร์ที่หลบซ่อนอยู่หลังเมฆครึ้มอย่างมิดชิดนั้นจะสาดแสงลงมาสักหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากทำลายความมืดมิดที่อ้อยอิ่งชวนอึดอัดนี้ หรือว่าเพราะอยากขับไล่ความดำมืดอันข้นลึกในก้นบึ้งจิตใจของตัวเองกันแน่

     

              เขาก้มลงมองมือตัวเอง แม้จะมองเห็นได้ไม่ค่อยชัดแต่ก็พอจะรู้ว่าตอนนี้มันเปรอะเปื้อนมากเพียงใด มือซ้ายคว้าปืนที่ตกอยู่บนพื้น ก่อนสองขาจะก้าวเข้าไปหาสิ่งที่เด็กหนุ่มรู้ดีว่ามันอาจเป็นเหวลึกที่จะไม่มีวันไต่ขึ้นมาได้อีก

     

              ถ้าไม่เป็นเพราะนาย...ฉันก็คงไม่มีวันยอมกลับมายืนอยู่เหนือปากหลุมที่กลบฝังความทรงจำอันโหดร้ายนี้

     

               แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากรู้ว่า หากฉันกระโดลงไปแล้วจะมีใครซักคนกล้าเอื้อมมือมาคว้าฉันไว้ก่อนจะตกลงไปอีกครั้งรึเปล่า...

              เสียงปลดสลักปืนดังกังวานในความเงียบงัน

     

           ...ถ้าหากจะสามารถย้อนเวลากลับไปได้

     

              ใบหน้าราวรูปสลักนั้นฉายชัดถึงการความแน่วแน่

     

           ...ถ้าเกิดว่าพวกเราไม่ต้องมาเจอกันเลยเสียตั้งแต่ทีแรก

     

              มือที่กอบกุมด้ามปืนให้ความรู้สึกเย็นเยียบไปถึงขั้วหัวใจ

     

           ...ถ้าหากมีพลังพอที่จะสามารถหลีกหนีความบังเอิญที่เล่นตลกอย่างร้ายกาจกับพวกเราได้ตั้งแต่ตอนนั้น

     

              เขาหยุดฝีเท้าลงเบื้องหน้าเหยื่อกระจิบกระจอกที่กำลังร้องอ้อนวอนตัวสั่นระริกพวกนั้น เด็กหนุ่มเพียงแค่แสยะยิ้มอย่างดูแคลน ก่อนยกปืนขึ้นเล็งไปยังเบื้องหน้า ประกายของโลหะสะท้อนรับกับประกายวาวโรจน์จากดวงตาสีรัตติกาลคมกล้านั้น เด็กหนุ่มกรีดเสียงเย็นเยียบ ความดำมืดที่กลมกลืนไปกับความมืดมิดอันไร้แสงรอบข้างทำให้เขาดูไม่ต่างจาก มัจจุราชที่พร้อมจะลั่นไกอาวุธสังหารในมือได้อย่างไม่ลังเล


               "บอกมาซะว่าพวกแกพา 'เขา'ไปไว้ที่ไหน"

     
           ...อะไรๆมันอาจจะไม่จบลงอย่างบิดเบี้ยวเหมือนอย่างนี้ก็ได้

     


              ปัง!






              ใช่แล้ว...ทุกๆอย่างมีจุดเริ่มต้นมาจากตอนนั้น




            2อาทิตย์ก่อน




     

            “เฮ้ย! รายชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาห้องของเทอมนี้ออกมาแล้วว่ะ

     

            “จริงดิ!”

     

              เสียงจ้อกแจ้กจอแจอันเป็นเอกลักษณ์ของห้องเรียนยามปกติหยุดชะงักลง ความสนใจถูกพุ่งไปยังเด็กหนุ่มผู้พรวดพราดเข้ามาในห้องพร้อมกับข่าวล่าสุด จากวงใน

            “คราวนี้ได้ใครวะ

     

            “ผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย

     

            “ท่าทางเป็นไง คงไม่อ่อนปวกเปียกเหมือนคนก่อนๆหรอกนะ

     

            “หน้าตาใช้ได้รึเปล่า

     

            “มันมีเขาหรือว่าหางยาวกว่ากัน

     

            “ฉันก็ไม่รู้ว่ะ ใบรายชื่อนี่ก็เพิ่งไปจิ๊กมาจากโต๊ะจารย์ประสิทธิ์มา รู้แต่ชื่อแต่ยังไม่ได้เห็นหน้าสายข่าวประจำห้องโวยวายก่อนยื่นแผ่นกระดาษที่ถือมาด้วยให้เด็กหนุ่มอีกคนอ่าน เอ้า เวส แกดูแล้วตัดสินเอาเองละกัน

     

              เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อกวาดนัยน์ตาสีดำสนิทผ่านๆ ใบหน้าหล่อร้ายสะกดลมหายใจนั้นไม่บ่งบอกอารมณ์ยามไล่อ่านกระดาษในมือท่ามกลางความอยากรู้ของกลุ่มเพื่อนที่มายืนมุง ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มที่คาดเดาความหมายไม่ออก แม้แต่เพื่อนในห้องที่อยู่ด้วยกันมานานก็ยังสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายที่ไม่เคยจางหายของคนๆนี้

     

                 ...รายชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาประจำปีการศึกษาใหม่จากการประเมินของคณะบริหาร...

                 ... อาจารย์ที่ปรึกษาชั้นม.5/11 ...

     

            “นิรกานต์ เมธิสากฤษกุลเวสได้ยินเสียงหลายๆคนเอามือตบหน้าผากแทบจะในทันทีหลังได้ยินจบ

     

                 แมร่งเอ๊ย! ผู้หญิงเหรอเนี่ย เด็กหนุ่มผมไฮไลต์สีน้ำตาลแดงสบถที่บ้านก็อุตส่าห์มีแม่อยู่แล้วตั้งคนหนีมานี่กูก็ยังไม่พ้นอีกใช่มั้ยเนี่ย !? สงสัยปิดเทอมที่ผ่านมาทำบุญไว้ไม่พอจริงๆเด็กหนุ่มโอดโอยด้วยสีหน้าปานจะขาดใจอย่างเกินจริง ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนสนิทที่นั่งจ้องแผ่นกระดาษในมืออย่างชั่งใจ ไม่ยักลุกขึ้นมาโบกกบาลเขาเหมือนอย่างทุกครั้ง

     

              เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงแสยะยิ้มแพรวพราว ก่อนก้มลงมากอดคอเพื่อนจากทางด้านหลังแล้วพูดอย่างท้าทาย เสียดายรึไงที่พิธีต้อนรับของแกก็ต้องถูกพับเก็บน่ะ พ่อสุภาพบุรุษ

     

            “เงียบ ไปเลยไอ้เฟิร์ส เทอมก่อนคะแนนจิตพิสัยฉันเพิ่งโดนหักไป30ถ้วนๆ ขืนไปหาเรื่องครูใหม่นี่อีกรอบ พวกคณะกรรมการระเบียบคงได้หาเรื่องเฉดหัวฉันออกจากโรงเรียนเหมือนกันแหงๆเวสแยกเขี้ยวกลับขณะที่เฟิร์สทำสีหน้าโจ่งแจ้งประมาณว่า หยั่งกะว่านายจะแคร์เรื่องพรรค์นี้ด้วย

     

              เวสหันกลับมาให้ความสนใจรายชื่อในมืออีกครั้ง ฉันก็แค่สงสัย

     

          “อะไร?

     

          “ชื่อของอาจารย์คนนี้นายเคยได้ยินมาบ้างรึเปล่า?เฟิร์สหยุดคิดไปเล็กน้อยก่อนส่ายหัว

     

              เด็กหนุ่มแจกแจงข้อข้องใจของตัวเองออกมา สายข่าวของห้องอย่างดิวมันแค่เห็นชื่อก็น่าจะรู้ว่าเป็นอาจารย์คนไหน เป็นมันกลับบอกว่ารู้แต่ชื่อแต่ยังไม่เห็นหน้า แสดงว่าแม้แต่มันก็ยังไม่รู้จักครูคนนี้เลย...อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นครูเข้า ใหม่ไม่ก็ครูฝึกสอน

     

              คนในห้อง4-5คนที่อยู่ในรัศมีการได้ยินเริ่มหันมาสนใจกันบ้างแล้ว

     

          “ครูใหม่?เฟิร์สกระพริบตาปริบๆก่อนพ่นเสียงหัวเราะคิกอกมา เอาครูเข้าใหม่มาประจำชั้นที่ห้องนี้เนี่ยนะ ดูจะเสี่ยงเกินหน่อยไปมั้งสำหรับฝ่ายบริหารยกเว้นพวกนั้นคิดจะเล่นอะไรแผลงๆแก้เซ็ง

     

          “นั่นสินะ เสี่ยงเกินและอันตรายเกินเด็กหนุ่มเรือนผมสีดำสนิทรำพึงออกมา

     

          “คงจะเป็นครูเก็บซักคนในสังกัดฝ่ายนั้นล่ะมั้ง ชื่อถึงไม่ค่อยคุ้นหูเฟิร์สตอบอย่างไม่ติดใจอะไรมาก ก่อนเอื้อมมือไปรับจรวดกระดาษที่ใครซักคนส่งมาจากอีกฝั่งหนึ่งของห้องแล้ว ปากลับไปโดนหัวอีกฝ่ายจังๆ คนอื่นๆเองก็หันกลับไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อพลางส่ายหน้าให้กับพวกปัญญาอ่อน ที่กำลังเปิดฉากสงครามจรวดกระดาษที่เพิ่มขึ้นมาเกือบ10อันตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ไม่รู้      

     

              เวสเหลือบมองบรรยากาศอันแสนคุ้นเคยภายในห้องหลังจากห่างหายไปเกือบ3เดือนในช่วงปิดเทอม ริมฝีปากเรียวได้รูปเอ่ยพึมพำออกมา บางทีนะ บางที...” 

       

     




            ...อีกฟากฝั่งหนึ่ง ณ ระเบียงทางเดิน ก็มีคนกำลังทำการนินทาคนอื่นอยู่อีกหนึ่งคน

     

               ณ ภายนอกห้อง เสียงราวกับนกกระจอกแตกรังนี้ดังโดดเด่นอยู่เพียงห้องเดียวในระดับชั้น ขณะที่ห้องอื่นๆเงียบเสียงและได้เริ่มปฐมนิเทศพูดคุยกับอาจารย์คนใหม่ของแต่ ละห้อง ทำให้สร้างจุดสังเกตได้อย่างไม่ยากเย็น

     

            “ต้องขอรบกวนจริงๆนะครับ เด็กห้องนี้ไม่มีอาจารย์ท่านไหนยอมเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้เลย ที่อาจารย์เข้ามารับช่วงต่อได้พอดีเนี่ย บุคลากรทั้งโรงเรียนแทบจะพาเปิดแชมเปญเลี้ยงฉลองยกชั้นเลยทีเดียวอาจารย์ปกครองเดินนำหน้าอาจารย์คนใหม่พร้อมกับแจกแจงรายละเอียดของห้อง5/11ไปในตัวด้วย

     

            “ทาง เราหวังว่าอาจารย์คงจะไม่ถือสาถ้าหากว่าพฤติกรรมของพวกเขาออกจะเหลือทนไปบ้าง จะยังไงก็ตาม เด็กพวกนี้ก็ค่อนข้างมีปัญหาอยู่เสียเป็นส่วนใหญ่ แค่1ปีการศึกษาที่ผ่านมาก็ต้องเปลี่ยนครูประจำชั้นไปแล้วถึง...

     

            “...43คน

     

            “อ่า ใช่ครับ ก็อย่างที่รู้มา แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังหวังเหลือเกินว่าจะมีใครซักคนที่สามารถจัดการกับ เด็กแสบพวกนี้ลงได้ คดีที่พวกนี้มีไว้ก็ไม่ใช่น้อยๆ ถึงจะเป็นวัยคึกคะนองแต่ก็น่าจะรู้จักเอาให้พอประมาณไม่ใช่ว่าเกินเลยเสีย ขนาดนี้...อาจารย์ปกครองบ่นอย่างไม่ขาดปากท่ามกลางการรับฟังอย่างเงียบๆของผู้ที่เดินตามหลัง

     

            “ถึงยังไงโรงเรียนของเราก็เป็นถึงโรงเรียนแนวหน้า ข่าวเสียๆหายๆส่วนใหญ่ก็มาจากพวกเขาทั้งนั้น ไม่รู้ว่าจะทำตัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ขอแค่ไม่มีพวกนี้อยู่โรงเรียนเราก็จะ...ผู้พูดหยุดชะงักลงเมื่อรู้สึกว่าชักจะปากมากไปหน่อยก่อนแอบมองผู้ที่เดินตามมา อย่างเหลือบๆ แต่อีกฝ่ายกลับแค่เพียงยกนิ้วขึ้นมาแตะริมฝีปากเบาๆ

     

            “นี่ก็ใกล้ถึงห้องแล้ว เราเงียบๆไว้ก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวพวกนักเรียนจะได้ยินเข้า ผู้อาวุโสกว่าพยักหน้าเมื่อเห็นว่าอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงหน้าประตูห้อง ที่ระเบียงทางเดินนี้ เสียงราวกับนกกระจอกแตกรังดังโดดเด่นอยู่เพียงห้องเดียวในระดับชั้น ขณะที่ห้องอื่นๆเงียบเสียงและได้เริ่มปฐมนิเทศพูดคุยกับอาจารย์คนใหม่ของแต่ละห้องทำให้สร้างจุดสังเกตได้อย่างไม่ยากเย็น

     

              เขาหันหลับมามองหน้าคุณครูประจำชั้นคนใหม่ของห้องนี้แล้วฉายสีหน้าหนักใจออกมา แวบนึงก่อนจะเก็บไปเมื่อคิดได้ว่าสิ่งที่อยู่หลังบานประตูนี้ดูจะน่าหนักใจกว่าไม่รู้ตั้งกี่เท่า

     

               ปัง!!

     

              เสียงประตูกระแทกเปิดอย่างแรงเรียกความเงียบได้ชั่วอึดใจหนึ่ง แต่ก็แค่แว๊บเดียวเท่านั้นเมื่อเหล่าลิงทโมนกลับไปทำกิจกรรมที่ตนเองทำค้างอยู่เมื่อกี๊ต่อโดยไม่ได้เห็นหัวคนที่เพิ่งเข้ามาเลยแม้แต่น้อย

     

          “อ่ะแฮ่มเขาแกล้งกระแอมเบาๆทีนึงแต่ก็เหมือนกับเป็นเสียงลมพัดผ่าน

     

         “อ่ะแฮ่ม” …ยังคงไม่ได้ผล

     

         “เอ่อ คือ...นักเรียนที่รักทุกคน

     

            ฟิ้ว~ จรวดพับของใครสักคนลอยข้ามห้องผ่านหน้าเขาไปราวกับหัวหลักหัวตอ

     

              อาจารย์ปกครองรุ่นไม้ใกล้ฝั่งก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกเหมือนถูกหยามหน้าจากเด็กรุ่นลูกตัวสั่นระริกอย่างใกล้หมดความอดทน ก่อนแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ตัวเองพามาด้วย ยังไม่ทันจะได้หันหลับไปเรียกอีกฝ่าย เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเบื้องหลังพร้อมกับการปรากฏตัวของคนๆหนึ่ง

     

          “เอ่อ อาจารย์สิทธิศักดิ์ครับเสียง นุ่มๆแฝงด้วยความสุภาพดังขึ้น คราวนี้เรียกสายตาของทุกคนให้หันไปทางทิศเดียวกันได้อย่างง่ายดาย ชายแก่แอบหัวเราะอย่างสะใจด้วยความรู้สึกของผู้ชนะ (ที่คิดไปเอง) ก่อนหันไปขานรับด้วยสีหน้าคงความน่านับถือเหลือคณา มีอะไรรึเปล่าครับ?   

     

              เวสกับเฟิร์สที่นั่งอยู่มุมในสุดของห้องลอบพิจารณาเจ้าของเสียงนุ่มๆที่ทำให้นังเจสสิก้าหญิงเทียมประจำห้องนั่งบิดกรี๊ดกร๊าดไปมาอย่างน่าตบอยู่ข้างๆ เสียงซุบซิบส่งต่อไปทั่วห้องในขณะที่ในหัวของพวกเขาทั้งสองเริ่มตีความใหม่ด้วยความสับสน

     

            “เวส ครูที่จะเข้ามาใหม่นี่...เฟิร์สกระซิบเสียงเครียด

     

            “เออ ชั้นเห็นแล้วว่ะ เขากระซิบตอบด้วยแววตาพราวระยับ รอยยิ้มกระตุกขึ้นมุมปากอย่างหมาป่าที่แสนร้ายกาจ ผิดกับท่าทางเอื่อยๆเฉื่อยๆตอนที่ได้เห็นกระดาษรายชื่อครั้งแรกลิบลับ

     

            ‘ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาหมดจด ซอยผมสีดำทรงรากไทร ท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัว เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล๊คกับเนคไทสีดำสะอาดตานั่นปะยศเด่นหรายิ่งกว่าอะไร แต่สิ่งที่สะดุดสายตานักเรียนทั้งห้องมากที่สุดก็คือใบหน้านั้น

     

              ถึงใบหน้าขาวนั้นจะเข้าขั้นหน้าตาดีจัดจนนักเรียนชายหลายๆคนแอบหมั่นไส้ก็จริงแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่า...

     

            “ครูนี่เข้าวุฒิศักดิ์เดือนละกี่ครั้งวะ?

     

              เวสพยักหน้ายืนยันว่าในใจกำลังถามคำถามเดียวกับเพื่อนสนิท และดูคล้ายจะเป็นคำถามเดียวกับที่คนทั้งห้องอยากถาม 

     

              มันก็มีบ้างที่จะคนบางคนที่หน้าอ่อนกว่าวัยจนเราอ้าปากค้างและไม่ค่อยอยากจะเชื่อเวลาได้รับรู้ตัวเลขที่แท้จริง แต่สำหรับคนที่จบมหาลัย มีงานทำแล้วแต่ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์ราวกับเด็กม.6แบบนี้มันหาไม่ได้ง่ายๆนะเฟ้ย!  

     

              หน้าเด็ก!โคตรเด็ก!เด็กสุดๆ!นี่ คือเสียงร่ำร้องในใจของคนทั้งห้องขณะเหลือบมองใบหน้าของผู้มาใหม่อย่าง พิจารณา ผิวขาวเนียนละเอียด จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาสีดำสนิทที่ดูราวกับมีบางสิ่งบางอย่างฉาบไว้บางเบา ริมฝีปากสีอ่อนเรียวบาง หน้าตาอ่อนใสหมดจด ถ้าบอกว่าเป็นรุ่นพี่ปลอมตัวมาฝึกสอนงานยังจะดูน่าเชื่อถือกว่าด้วยซ้ำ แต่คำว่า อาจารย์ที่ได้ยินเต็มสองหูเมื่อครู่ก็ทำให้สมมุติฐานนั้นถูกปัดตกไปโดยสิ้นเชิง

     

              ไม่ทันที่เด็ก(ผู้หญิง)นักเรียนทั้งหลายจะได้นั่งแทะโลมคุณครูคนใหม่นี้จน กระจ่างถ่องแท้(?)เสียก่อน เสียงนุ่มๆนั้นก็เอ่ยต่อจากที่ค้างเอาไว้ ทำลายบรรยากาศเชิงบวกในห้องไปจนหมดสิ้น

     

            “ผมอยากทำความรู้จักกับลูกศิษย์ด้วยตัวเองน่ะครับทั้งห้องรู้สึกได้ถึงเค้าไอที่เปลี่ยนไปหลังจากชายคนนี้พูดจบ ความรู้สึกที่เหมือนกำลังถูกกระตุกหนวดแล่นแวบเข้ามาฉับพลันในโสตประสาท เมื่อเริ่มสัมผัสได้รางๆถึงความนัยที่ถูกส่งผ่านมา

     

              แต่อาจารย์อาวุโสที่เหมือนจะความรู้สึกช้ากว่าเพื่อนกลับแย้งอย่างหนักใจ จะดีหรือครับ ถ้ายังไงให้ผมช่วยแนะนำ…”

     

            “ไม่เป็นไรครับชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกผมเองก็อยากจะสร้างความคุ้นเคยกันภายในห้องด้วยน่ะ ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาท...

     

              บรรยากาศรอบๆตัวมาคุขึ้นเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวคีย์เวิร์ดที่ถูกเน้นเสียงหนัก

     

              อีกฝ่ายพยักหน้าเข้าใจเมื่อเมื่อไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติอะไรก่อนออกจากห้องไปแต่โดยดีอย่างไม่ติดใจ ถ้ามีปัญหาอะไรก็เรียกได้ไม่ต้องเกรงใจนะครับ

     

            “ขอบคุณครับ

     

               ชายหนุ่มผู้มาใหม่ปิดประตูห้องลงก่อนหันกลับมายังเหล่านักเรียนที่จ้องมองมา เขม็งราวกับวัตถุอวกาศที่นาซาบังเอิญเก็บได้ ท่าทีเรียบร้อยสงบเสงี่ยมเจียมตัวถูกอีกบุคลิกหนึ่งกลบทับไปตั้งแต่เมื่อใด ก็ไม่มีใครทราบ ดวงตาสีดำสนิทเหยียดมองทั้งห้องด้วยแววประเมินและอยากลองดี

     

              แบบนี้...ชัดเลย

     

              มันกำลังท้ากันอยู่เห็นๆ!!!

     

            “คุณคือคุณครูประจำชั้นคนใหม่ของเราหรือครับเวสนั่งเท้าคางอย่างเอื่อยๆอยู่ที่โต๊ะมุมห้องเอ่ยถามด้วย น้ำเสียงทุ้มเรียบสนิท

     

            “ใช่แล้วล่ะ

     

            “มีใครส่งคุณมาจากพวกโรงเรียนดัดสันดานหรือสถานกักกันเยาวชนอะไรเทือกนี้รึเปล่า

     

            “ไม่มี ฉันเพิ่งเข้าทำงานที่โรงเรียนนี้เป็นที่แรก

     

            “ใครเป็นคนเซ็นชื่ออนุมัติให้คุณลงสอนที่ห้องของเรา

     

            “ท่าน ผ.อ

       

            “ทำไมไม่ถามบ้างวะว่าครูทำยังไงใบหน้าถึงได้อ่อนเยาว์ขาวใสยิ่งกว่าใช้สมูทอีเด็กหนุ่มเรือนผมไฮไลต์สีน้ำตาลแดงบ่นเบาๆ แต่เวสก็ทำเป็นหูทวนลมยิงคำถามต่อไปเรื่อยๆ

     

            “คณะที่จบมา?

     

            “ถือเป็นความลับส่วนตัว

     

            “อายุ?

     

            “บอกไม่ได้

     

            “เคยมีใครบอกคุณเกี่ยวกับข้อมูลของห้องเรามาบ้างรึยัง?

     

            “เยอะแยะ

     

            “นี่เป็นการทำงานครั้งแรกใช่มั้ย

     

            “ถูกต้อง

     

            “รู้สึกยังไงบ้าง

     

            “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง

     

              ผู้เป็นลูกศิษย์จ้องมองว่าที่อาจารย์คนใหม่ที่ไม่แม้แต่จะหลบตาในยามที่ถูกเอ่ย ถามคำถามที่คล้ายๆจะเสียมารยาทและรุกล้ำก้าวก่ายจนเกินไป คำตอบทุกคำเปี่ยมด้วยน้ำเสียงสบายๆถึงแม้จะแสดงความไม่จริงใจอย่างเห็นได้ชัดในคำตอบสุดท้าย เวสนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะผุดลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วค่อยๆย่างเท้าไปยังตำแหน่งหน้าห้องความกลางความเงียบจากเพื่อนทุกคนนั่งปิดปากสนิทด้วยความลุ้นระทึกรอคอยบางสิ่งบางอย่างอยู่

     

            “งั้นคำถามสุดท้าย...เขากล่าวขณะเดินเข้าไปใกล้ตำแหน่งประตูที่อีกฝ่ายยืนอยู่มือของเด็กหนุ่มผลักไหล่ผู้เป็นครูชิดกับประตูเบื้องหลังก่อนก้มกระซิบถาม

     

            “เตรียมใจว่าจะสามารถประจำอยู่ห้องนี้ได้ซักกี่วัน

     

              รอยยิ้มของเวสแสยะกว้าง ความรู้สึกกระชุ่มกระชวยแล่นพล่านไปทั่วร่างพร้อมกับแรงกดดันของความรู้สึกไม่ปลอดภัยและยิ่งแผ่ออกมาหนักเข้าเมื่อได้รับฟังคำตอบจากปากคนตรงหน้า

     

            “ตลอดไป

     

            “หึ ช่วยจำคำพูดของครูไว้ให้ดีๆด้วยนะครับเขากดไหล่อีกฝ่ายแรงขึ้นอีกเดี๋ยวเราจะได้มาพิสูจน์กัน

     

              นักเรียนชั้นม.5/11แห่งเทพาสริณวิทยาแสยะยิ้มขึ้นโดยอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมายเมื่อเรื่องสนุกกำลังจะมาถึงในไม่ช้า

     

              ‘พิธีต้อนรับของห้องนี้คือการจัดการต่อยครูประจำชั้นทุกคนที่เข้ามาใหม่อย่างน้อย1หมัดโดยนักบวชศักดิ์สิทธิ์ผู้ประกอบพิธีก็คือเวส ถ้าเกิดว่าไม่โดนน๊อคจนสลบหรือว่าวิ่งหนีหัวหดไปฟ้องอาจารย์ท่านอื่นก็ถือว่าผ่านการประเมินในการมีสิทธิ์เข้าสอนในห้องเรียนแห่งเหล่าเด็กบัดซบพวกนี้ เรียกได้ว่าครูประจำชั้นแทบทุกคนที่ผ่านมาต้องเคยลิ้มรสกำปั้นของเด็กหนุ่มหัวนักเลงประจำห้องถึงจะสามารถเข้ามาจัดการควบคุมห้องเรียนและมอบแก่นสารบท เรียนต่างๆให้แก่เด็กพวกนี้ได้

     

              ตอนแรกพิธีเกือบต้องถูกล้มเพราะเวสมันไม่ทำร้ายผู้หญิง!แต่พอได้มาเห็นตัวจริงแถมยังท่าทางอ้อนตีนแบบนี้...มีหรือจะรอด!!

     

              อาจารย์ผู้กำลังจะมีโชค(?)ปัดมือของเด็กหนุ่มออกก่อนเลิกคิ้วถามขึ้นด้วยสีหน้าคลางแคลงใจพิสูจน์?

     

              เวสเดินถอยห่างออกมาพลางดัดข้อนิ้วเบาๆก่อนตอบกลับไปด้วยใบหน้าแย้มยิ้มละไม ใช่ครับ พิสูจน์ การ พิสูจน์ว่าคุณมีคุณสมบัติพอสำหรับการเป็นที่ปรึกษาคนใหม่ของเรารึเปล่า อ๊ะ ไม่ต้องเกร็งนะครับ ถือว่าเป็นความทรงจำดีๆในประการณ์การทำงานครั้งแรกที่จะประทับตราตรึงใจแบบที่ครูไม่มีวันลืมเลยล่ะครับเมื่อกล่าวจบเด็กหนุ่มก็โถมตัวเข้ามาพร้อมกับหมัดหนักๆที่พร้อมจะกระแทกใส่คนตรงหน้าในทันที

     

              แต่ก่อนที่กำปั้นลุ่นๆนั้นจะได้กระแทกเข้ากับใบหน้าอ่อนวัยของผู้เป็นอาจารย์คนใหม่เป็นการเปิดพิธีโดยสมบูรณ์ เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรถูกสาดออกมาพร้อมหยดน้ำที่กระเซ็นกระทบใบหน้าทำให้เด็กหนุ่มสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงฝ่าเท้าที่ส่งแรงถีบมากลางลำตัวอย่างแม่นยำ

     

              แรงถีบนั้นทำให้เด็กหนุ่มสูญเสียการทรงตัวไปเล็กน้อยบวกกับน้ำที่เจิ่งนองอยู่บนพื้นก็ไม่แปลกที่ร่างนั้นจะลื่นล้มลงฟาดกับพื้นแบบไม่เป็นท่า!

     

              นักเรียนทั้งห้องอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่พลิกกลับแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งคนที่นั่งเป็นผู้ชมที่ดีอยู่กับที่หรือว่าคนที่ลุกขึ้นมายืนบนโต๊ะเพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ได้ถนัดๆในตอนแรก บัดนี้กลับตัวแข็งทื่อนิ่งสนิทด้วยช๊อคในเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อผู้โจมตีและผู้ถูกโจมตีสลับบทบาทกันในพริบตา

     

           “อา ท่าทางพวกเธอนี่จะไม่ค่อยพิถีพิถันในการทำเวรเอาซะเท่าไหร่เลยนะ ถังใส่น้ำเช็ดพื้นนี่คงใช้ครั้งสุดท้ายแล้วลืมเททิ้งล่ะสิท่าถึงได้มีคราบกับตะไคร่น้ำเกาะอยู่เต็มไปหมดเลยตัวการของเรื่องเมื่อครู่นี้ใช้นิ้วหิ้วถังน้ำขึ้นเหลือบมองก่อนโยนทิ้งออกไปที่มุมห้องข้างประตูอย่างเก่าด้วยสีหน้ารังเกียจ แม้ว่าตัวเองจะเพิ่งสาด ของน่ารังเกียจนั่นใส่ผู้เป็นลูกศิษย์ของตัวเองไปเต็มๆก็ตาม

     

              ผู้เป็นอาจารย์เหลือบหางตาไปยังหน้าห้องด้วยความเฉยเมย เอาเถอะ ยังไงซะวันนี้ก็ถือว่าอบรมทักษะการทำความสะอาดห้องไปในตัวเลยละกัน

     

              ความช๊อคที่เดิมก็มีอยู่แล้วยิ่งยกระดับออคเตฟขึ้นเมื่อท่านอาจารย์ผู้แสนดีก้าวเดินไปยังหน้าห้องแล้วยกตีนขึ้นประทับลงบนหัวลูกศิษย์ที่พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาให้ลงไปนอนราบคลุกน้ำเล่นกับพื้นอีกครั้งอย่างไม่ปราณีปราสัย

     

              นักเรียนหญิงบางคนยกมือขึ้นปิดปากเมื่อผู้เหยียบเพิ่มแรงขยี้ฝ่าเท้าลงบนศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดำสนิทนั่นจนใบหน้าของเด็กหนุ่มบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอะไร ไม่มีใครกล้าขยับเขยื้อน ลืมแม้แต่จะออกไปตะโกนแล้วผลักอีกฝ่ายออกจากเพื่อนของพวกเขา

     

              ผู้เป็นจุดศูนย์รวมความสนใจหันกลับมาปะทะสายตากับคนทั้งห้องเรียนที่บัดนี้แข็ง ทื่อนิ่งสนิทยิ่งกว่าต้นตะเคียนโบกปูนแล้วคลี่ยิ้มออกมาตามแบบฉบับคุณครูผู้มีปณิธานในการที่จะมอบแก่นสารวิชาให้แก่เหล่าลูกศิษย์สืบไปตราบนานเท่านาน โดยที่เท้ายังคงไม่ละออกไปจากตำแหน่งเดิมแม้แต่นิดเดียว 

     

             เอาล่ะ จะขอแนะนำตัวอีกครั้งร่างสูงกล่าวพร้อมกับปลดเนคไทให้หลวม ปล่อยชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกกางเกง ครูชื่อ นิรกานต์  เมธิสากฤษกุล ครูที่ปรึกษาประจำชั้นคนใหม่ของพวกเธอประจำปีการศึกษานี้และ...

     

            “…มาประจำสอนในวิชาจริยธรรม

     

              ว๊อททท!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×