ตอนที่ 10 : Pink Carnation 9 : ความหลังแห่งความเจ็บปวด//ความจริงใจที่สัมผัสได้
Chapter 9
ตอน ความหลังแห่งความเจ็บปวด//ความจริงใจที่สัมผัสได้
3 ปีที่แล้ว
ร้านอาหารในย่านกรุงโซลที่มีแต่ความสงบไร้ซึ่งผู้คน แต่ก็ยังมีนักธุรกิจสองถึงสามคนนั่งคุยกันที่มุมร้าน ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็อาจจะไม่รู้ว่ามีคนนั่งคุยกันอยู่ตรงนั้น
ที่จริงแล้วถ้าเราได้ร่วมหุ้นบริษัทกันก็คงดีนะ เสียงชายแก่คนหนึ่งที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่เอ่ยขึ้น
คิยอง นายก็รู้ว่าบริษัทของฉันมันไม่ค่อยได้ออกสู่ตลาดซักเท่าไรนะ แล้วนายยังคิดที่จะให้ฉันร่วมหุ้นกับนายอีกเหรอ ท่านประธานฮอเอ่ยกับเพื่อนรักด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ก็ถ้านายยอมร่วมหุ้มกับฉัน บ้างทีบริษัทของนายอาจจะออกสู่ตลาดภายนอก ด้วยไม่ต้องออกแรงอะไรให้เหนื่อยเลยนะ คิมคิยองหรือคิยองพูดหว่านล้อมให้อีกฝ่ายคิดตาม
ฉันคิดว่ามันคงจะเป็นไปได้ยากนะคิยอง ท่านประธานฮอยกมือขึ้นมาลูบคางอย่างใช้ความคิด
นายไม่เชื่อใจฉันหรือไง คิยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆๆ
ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจนาย แต่ว่าฉันคงต้องรอให้มั่นใจก่อนว่าลูกชายของฉันสามารถดูแลบริษัทแทนฉันได้ ท่านประธานฮอกล่าวพลางยกน้ำชาขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์
ยองแซงที่เป็นเพื่อนกับลูกชายฉันนะเหรอ คิยองเอ่ยถามท่านประธานฮอ ทำให้เอะใจว่าคิยองรู้จักยองแซงได้อย่างไร
นายรู้จักลูกชายฉันได้ยังไง แล้วที่ว่าเป็นเพื่อนกับลูกชายของนาย............. ท่านประธานฮอพูดยังไม่ทันจบประโยค เสียงของคิยองก็ขัดขึ้นมาเสียก่อน
ก็ลูกชายของฉัน คยูจง นะเค้ารู้จักกับ ยองแซง ลูกชายของนาย เห็นลูกชายฉันบอกว่าเป็นเพื่อนรักกันด้วย คิยองพูดให้ท่านประธานฮอหายข้องใจ แต่มันก็ยิ่งทำให้ท่านประธานฮอก็ยิ่งสงสัยอีกว่า ทำไมลูกชายของเค้าถึงได้ไปเป็นเพื่อนรักกับคิมคยูจงได้และทำไมยองแซงไม่เคยบอกเรื่องที่เค้ารู้จักกับคิยองเลยมันต้องมีอะไรแน่ๆ
ทำไมลูกชายฉันถึงไม่เคยบอกว่ารู้จักกับนายเลย คำพูดของท่านประธานฮอทำให้คิยองชะงัก ก่อนที่จะเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆว่า
อาจเป็นเพราะว่าเค้าไม่รู้ว่าฉันเป็นเพื่อนรักกับนายล่ะมั้ง เค้าถึงไม่ได้บอกนาย
ถ้าเป็นแบบนั้น ยองแซงก็น่าจะบอกฉันว่ามีเพื่อนที่ชื่อคยูจง ท่านประธานเอ่ยความคิดของตนเองออกมาเบาๆ
อันนี้ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรยองแซงถึงไม่ได้บอกนาย แต่ฉันว่านายต้องไปบังคับอะไรเค้าแน่เลย เค้าถึงไม่ไว้ใจคนเป็นพ่ออย่างนาย
ฉันไม่ได้บังคับอะไรเค้าเลยนะ แค่ฉันอยากให้เค้ามาดูแลบริษัทแทนฉันเท่านั้นเอง
เฮ้อ!! อันนี้มันเป็นเรื่องของครอบครัวฉันไม่อยากยุ่งด้วยหรอกนะ แต่ยังไงก็ ถ้านายอยากร่วมหุ้นกับฉันเมื่อไรก็บอกฉันล่ะกัน คิยองวกกับเข้ามาเรื่องเดิมที่คุยมาตั้งแต่ต้น
ถ้าลูกชายฉันสามารถทำให้ฉันไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องบริษัทได้ ฉันก็โอเคอยู่แล้ว แต่เหมือนว่าเค้าจะไม่ค่อยสนใจเรื่องธุรกิจแบบนี้ซักเท่าไร เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทีไรท่านประธานก็ต้องถอนหายใจทุกครั้ง จะอ้อมล้อมพูดจาด้วยวิธีใดก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจยองแซงได้เลยซักนิด
เอาน่า!! ค่อยๆพูดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวลูกนายก็ยอมเองแหละ
อืม!! ฉันจะพยายามก็แล้วกัน ว่าแต่ลูกชายของนายช่วยงานนายดีมั้ย ท่านประธานฮอถามกลับบ้าง
เค้าก็เริ่มเรียนรู้งานไปเรื่อยๆนะ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมาก มั่วแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ จนฉันเริ่มจะถอดใจแล้วล่ะ คิยองพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่อย่างน้อยนายก็มีหวังมากกว่าฉันนะคิยอง ท่านประธานฮอพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
เอาน่า!! ซักวันลูกนายก็คงจะเข้าใจเอง คิยองตบบ่าให้กำลังใจเพื่อนรักอย่างท่านประฮอ
2 วันถัดมา ณ บ้านคยูจง
นี่คยูจง!! พ่อของนายมีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ ยองแซงหันไปถามคยูจงระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ของคยูจง
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เค้าบอกให้ผมพาพี่ยองแซงมาพบเค้าแค่นั้นครับ คยูจงหันไปตอบ
เฮ้อ!! ฉันยังมีเรื่องที่ต้องคุยกับพ่อนายด้วยเหรอเนี่ย ยองแซงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะเดินตาม คยูจงเข้าไปในห้องนั่งเล่น
พี่รออยู่ที่นี้นะครับเดี๋ยวผมจะไปตามพ่อมาให้ คยูจงบอกกับยองแซงแล้วเดินออกไปเมื่อเห็นยองแซงพยักหน้ารับ ระหว่างที่รอพ่อของคยูจง ยองแซงเดินเล่นไปรอบๆๆห้องก็เจอของเก่าแก่มากมายที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน และพอเดินไปเรื่อยๆตาของยองแซงก็ไปสะดุดกับรูปถ่ายใบหนึ่งที่ถูกวางทับไว้กับแจกันดอกไม้
นั่นรูปอะไรนะ!! ยองแซงเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆๆแล้วเอื้อมมือไปหยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมาดู
นี่มันพ่อฉันนี่!! ยองแซงอุทานออกมาพร้อมเพ่งมองรูปใบนั้นอย่างละเอียด
นายไม่ควรมารื้อของที่บ้านฉันเล่นนะยองแซง เสียงใครคนหนึ่งดันขึ้นมาที่ด้านหลังยองแซง ยองแซงสะดุ้งตกใจ รีบนำรูปภาพวางไว้ที่เดิม ก่อนที่จะหันไปเผชิญหน้ากับคนนั้น
พี่ยองแซง นี่พ่อผมเองครับ คยูจงแนะนำพ่อของตนให้กับยองแซง ยองแซงยิ้มทักทายพ่อของคยูจง
สวัสดีครับ ผมยองแซงครับ ยองแซงโค้งให้พ่อของคยูจง
สวัสดีนายเองสินะที่ชื่อยองแซง คิยองกล่าวเสียงเรียบ
ครับผมฮอยองแซงครับ ยองแซงพยักหน้ารับ
งั้นไปคุยกับฉันหน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย
กับผมเหรอครับ ยองแซงชี้ที่ตัวเอง ก่อนที่จะหันไปมองหน้าคยูจงเพื่อถามความคิดเห็น คยูจงได้แต่พยักหน้าให้อย่างงงๆ พ่อจะคุยอะไรกับพี่ยองแซงนะ
ถ้าอย่างงั้นผมไปรอพี่ที่หน้าบ้านนะครับ คยูจงบอกยองแซง จนยองแซงพยักหน้าแล้วจึงเดินออกไป ตอนนี้เหลือเพียงคิยองพ่อของคยูจงและยองแซง ยิ่งดูต่อหน้าผู้ให้แบบนี้แล้ว ยองแซงรู้สึกทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนก้มหน้าก้มตา จนคิยองทนพฤติกรรมไม่ไว้จึงเอ่ยเสียงเรียบว่า
มานั่งนี่สิ คิยองชี้ไปที่โซฟาตัวเล็ก ที่อยู่ข้างๆเก้าอี้ที่ตนเองกำลังนั่งอยู่ ยองแซงพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวนั้น
เวลาจะคุยกับผู้ใหญ่เค้าให้มองหน้าด้วยไม่ใช่เหรอ คำติเตียนของคิยองทำให้ยองแซงต้องเงยหน้ามองคิยองอย่างไม่เต็มใจหนัก ก่อนที่จะกลั้นใจฉีกยิ้มให้คิยองด้วยความกล้าๆกลัวๆ
เอาล่ะ ฉันจะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ นายทำงานอะไรอยู่ตอนนี้
เอ่อ!! ผมเป็นพนักงานเสริฟอยู่ที่คลับครับ!! ยองแซงตอบ
นายแน่ใจเหรอว่างานแบบนั้นจะทำให้ชีวิตนายมั่นคงขึ้น ฉันคิดว่ามันไร้สาระเกินไปนะที่นายทำงานในที่แบบนั้น ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไรที่จะยังทำงานอยู่ที่นั้น
ท่านพูดแบบนี้ต้องการจะบอกอะไรผมเหรอครับ ยองแซงเริ่มหน้าซีด เมื่อเห็นนัยตาจริงจังของคิยองส่งมาที่ที่ตน
ฉันแค่อยากให้นายออกจากงานนั้น แล้วไปทำอะไรที่มันเกิดประโชน์มากกว่าเป็นพนักงานเสริฟอยู่ที่คลับนั่น คิยองเริ่มเสียงดังขึ้นกับยองแซง จนยองแซงเริ่มตัวสั่นไปหมด
เห็นทีคงจะไม่ได้หรอกครับ เพราะผมรักที่นั่นมาก ยองแซงตอบเสียงสั่นเครือ
ฉันอุตส่าห์เตือนนายด้วยความหวังดีนะยองแซง ฉันรู้มาว่าพ่อนายก็มีบริษัทใหญ่โต ทำไมไม่คิดที่จะไปช่วยพ่อนายแบ่งเบาภาระบ้างล่ะ คิยองเริ่มมีท่าทีอ่อนลง
ผมไม่ชอบทำงานเกี่ยวกับธุรกิจครับ ยองแซงตอบ
ถ้าอย่างนั้นฉันก็ควรที่จะบอกเรื่องนี้กับนายสินะ คนอย่างนาย ไม่เหมาะที่จะมาเป็นเพื่อนรักของลูกชายฉันหรอก ชีวิตของนายไม่เห็นจะมีอะไรดีซักอย่าง ได้แต่ไร้สาระไปวันๆ อย่าเอาชีวิตของนายมาแปดเปื้อนกับลูกชายฉันอีก เลิกยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของลูกชายฉันซักที คำขอร้องจากคนแก่อย่างฉัน หวังว่านาจะทำให้ฉันได้นะ ยองแซง คิยองพูดจบก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยเหลือไว้เพียงยองแซงเพียงลำพัง ยองแซงก้มหน้าลงเพื่อปกปิดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมาจากนัยน์ตา
ทำไมต้องดูถูกกันถึงขนาดนี้ด้วย ฮึก ฮือ!!!! ยองแซงพูดออกมาทั้งน้ำตา น้ำตาแห่งความเจ็บปวดที่ไม่สามารถลบมันออกจากใจได้
พี่ยองแซง พี่เป็นอะไรไป คยูจงที่เดินเข้ามาหลังจากที่คิยองเดินออกไปได้ซักพักแล้ว คยูจงเดินเข้าไปหายองแซงที่กำลังนั่งก้มหน้าอยู่ ยองแซงเงยหน้าขึ้นมองคยูจงก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอีก คยูจงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จึงได้แค่เดินเข้าไปกอดยยองแซงแล้วลูบหลังยองแซงปลอบเบาๆ
ใครทำอะไรพี่บอกผมสิครับ คยูจงพูดไปปลอบไป
คยูจง ฉันมันน่าเบื่อใช่มั้ย ฉันทำตัวน่ารำคาญใช่มั้ย ฉัน........ฉัน......... ยังไม่ทันที่ยองแซงจะพูดอะไรต่อ คยูจงก็เปลี่ยนจากกอดเป็นการรั้งหัวไหล่ของยองแซงเข้าไปใกล้แล้วโน้มใบหน้าลงมาช้าๆจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคยูจง
พี่ยองแซงไม่ใช่คนน่าเบื่อและน่ารำคาญสำหรับผม แต่พี่ยองแซงคือคนที่ผมแคร์มากที่สุด ผมไม่รู้ว่าพ่อผมไปพูดอะไรให้พี่ไม่สบายใจหรือเปล่า แต่ผมขอแค่ให้พี่รู้ว่า สำหรับผมพี่องแซงสำคัญที่สุด จบคำพูดแสนหวาน ริมฝีปากยองแซงก็ถูกสัมผัสอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนด้วยริมฝีปากนุ่มของคยูจง ยองแซงรู้สึกได้ถึงความจริงใจของคยูจงจึงปล่อยให้คยูจงล่วงล้ำสิทธิ์ของตนต่อไป ภายในห้องนั่งเล่นอบอวนไปด้วยกลิ่นไอแห่งความรัก
***ถึงแม้ว่าวันข้างหน้าฉันอาจจะต้องจากนายไป แต่ฉันก็จะขอจดจำจำช่วงเวลาดีๆของเราทั้งสองคนไว้ ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปจากชีวิตนายเพื่อที่จะไปตามทางของฉัน ฉันหวังว่านายคงจะไม่ลืมฉันนะคยูจง...
มาต่อแล้วนะค่ะ เม้นติชมกันได้ค่า ตอนนี้ก็เป็นย้อนความหลังซักนิดนะค่ะ อาจจะคลายข้อสงสัยกันบ้างแล้ว ตอนนี้แต่งเป็นยังไงบ้างอ่ะค่ะ ช่วยคอมเม้นด้วยนะค่ะ รู้สึกมีคนเม้นน้อยจัง แต่ก็ต้องขอบคุณทุกคนพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะค่ะที่เข้ามาอ่านฟิค แล้วเม้นให้ค่ะ อาจจะไม่ค่อยสนุกแต่ก็จะพัฒนาไปเรื่อยๆนะค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ
*****ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านฟิคแล้วเม้นให้ไรเตอร์นะค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอโทษนะคะไรเตอร์ อินไปหน่อย (เอ๊ะ!! รึไม่หน่อยนะ)555 ขอบคุณมากๆค่่ะ ไรเตอร์สู้ๆ
ก็พูดกันดีๆ กว่านี้ได้นะคะ
นี่อะไร ว่าหนูแซงซะเสียหาย ไร้สาระไปวันๆ งี้
เจ้ชักอินแล้วนะคะ ไม่ปลื้ม คุณพ่อ...หึ..
ก่อนจบแอบจุ๊บกันหวานเชียวนา
และนี่ก็เลยทำให้แซงกี้หายตัวไปจากชีวิตคยูใช่มั้ยคะ T_T
อืม..พ่อเป็นเพื่อนกัน อยากให้พี่แซงกี้
ไปสนใจธุรกิจ แต่ทำไม่ต้องว่าอะไรกันแบบนี้อ่า
เอ๊ะ..มันยังไง
แต่ฉากสุดท้าย หวานค่า ^^
ไรเตอร์อาจจะงง ที่พี่เม้นข้ามชอ็ตไปมา..พี่เข้ามาเม้น
ตอนที่ยังไม่ได้เม้นนะคะ ^_^
แล้วทำไมพ่อคยูถึงได้ใจร้ายงี้อ่า..
ลูกก็ออกจารักกันดี ไปขัดขวางซะงั้น
แซงกี้ของพี่ก็ออกจะดูดีมีฐานะ...
มารังเกียจกันตรงไหนนี่... ไม่มีเหตุผลเลยอ่า....(รีดเดอร์เริ่มอินจัด)
หวานส่ะ น่ารักกกกกกกกก
ไรเตอร์ขา จัดแบบนี้มาอีกเยอะๆเลยย ฮ่าๆ
น่าสงสารจิงๆ
คยูสู้ๆต่อไปนะเดี๋ยวแซงกโใจอ่อนเองแหละเพราะยังไงก็ยังรักกันอยู่อ่ะนะ
ที่แท้มันก็เป็นเรื่องของธุรกิจนี่เอง
ที่พ่อคยูพูดเพื่อให้ยัมไปช่วยงานพ่อ
แล้วตัวเองก็จะได้ผลประโยชน์ไปด้วย
พอยัมไม่ยอมก็เลยไม่พอใจ
หรือว่าพูดเพราะหวังดีกันแน่
งงๆงงไปหมดแล้ววววววว
คอดดุเลย TTwTT
คยูแซงสู้ๆ จุบุจุบุ
เศร้าอ่า
ทำไมพ่อดุจัง
คยูแซงน่าสงสาร
คุณพ่อคยูโหดร้ายอ่ะ แซงอย่าร้องไห้นะ
คยูมาปลอบแล้วไง ความหลังเศร้ามากเลยไรท์เตอร์
ซึ้งหง่ะ เป็นกำลังใจให้คยูแซงนะ fighting!
ปล.พ่อคยูพูดแรงอ่ะ สงสารแซงกี้จัง
แต่แซงก้ไม่ชอบทำธุรกิจแบบจริงจัง เลยไม่เปลี่ยนเพื่อให้ได้รักกับคยูได้เลยนะแซงอ่า
แต่อ่านๆแล้วดูแบบว่าพ่อยัมกลับตาคิยองมากไปไหมอ่า
แล้วแซงก็ไม่รู้ว่าสองพ่อเป็นเพื่อนกัน ท่าทางคยูก็จะไม่รู้ พ่อแวงก็ไม่รู้ว่าสองลูกเป็นเพื่อนกัน มีแต่ตาคิยองที่รู้ทุกอย่าง
เรื่องมันมีเงื่อนงำอีกใช่ไหมจ้า
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
แต่ไม่เข้าใจอารมณ์พ่อคยูเลยอะ
ตกลงอารมณ์ไหนเนี้ย จริงด้วย
ทำไมต้องว่ากันแรงขนาดนี้ด้วยละ
สงสารแซงอะ T^T ที่จริงก็รักกันทั้งคู่
แต่พ่อคยูอะแหละใจร้ายอะ
ขอบคุณไรเตอร์ที่กลับมาอัพนะคะ ^^
แล้วมาลงอีกน้าาาาา ^^