จักรพรรดิหม้อหลอม
จากนักศึกษาเเพทย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องตายลงเพราะความหิวเป็นเหตุทำให้วิญญาณของตนเองต้องข้ามภพไปยังอีกร่าง ที่เป็นร่างที่เเท้จริงเเต่หน้าสงสารนักกับชีวิตที่ตนเองได้รับถ่ายทอดมาจากความทรงจำ
ผู้เข้าชมรวม
1,885
ผู้เข้าชมเดือนนี้
16
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
หลังจากที่รู้สึกถึงเเรงพุ่งชนจากรถสิบล้อจากที่ไหนไม่รู้ ก็ทำเอาช่วงเวลานั้นราวกับว่าวิญญาณของตนเอง จะหลุดออกจากร่างไปในเวลานั้น
อัก! เสียงกระดูกหัก
เพียงเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดจนจะเสียสตินี้ จนร่างของตนเองจะลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศ ก่อนจะชนเข้ากับที่กั้นถนนอย่างเเรง
จนทำเอาสติของตนเองนั้นเริ่มเลือนหายไปช้าๆ เพราะดวงตาเริ่มจะปิดลงอย่างห้ามไม่อยู่ผสมกับความเจ็บปวดที่ได้รับมาจากการชน
....
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก่อนจะรู้สึกถึงความหนาวเย็นยะเยือก จนรู้สึกหวาดเสียวไปถึงเเกนกระดูก
เปลือกตาที่ปิดสนิทก็เริ่มเปิด ขึ้นอย่างช้าๆ อย่างยากลำบาก เพราะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะหัวของตนเอง
พอเปลือกตาเปิดขึ้น ก็เผยให้เห็นภาพตรงหน้าที่เป็นเหมือนบ้านเก่า โทรมๆสักหลังหนึ่ง ก่อนจะรู้สึกปวดระบมไปทั่วทั้งร่างกาย ทำเอาใบหน้าที่ซีดเซียวราวพื้นกระดาษนั้น นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด
"นี้มันที่ไหน! กันจำได้ว่าโดนรถชนจนสลบไปเเล้วนี้"
เสียงที่เปร่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความอ่อนล้าเเละความไม่เข้าใจ เพราะตื่นขึ้นมาก็เห็นเป็นผนังไม้ไผ่เก่าจนผุ ไม่ใช่ผนังโรงพยาบาลสีขาวเหมือนในโรงพยาบาล
"โอ้ย! อึก!"
เจ้าตัวที่กำลังมื่นงงกับภาพตรงหน้าที่เห็นนั้นก็ รีบลุกขึ้นทันทีอย่างร้อนรน เพียงเเค่ยกมือขึ้นมาพยุงร่างนั้นก็ถึงกับต้องร้องลั่น
ออกมาเพราะความเจ็บปวดที่เเล่นผ่านไปทั่วทั้งร่างกาย ทำเอาคนที่จะฝืนร่างกายนั้นนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดพร้อมกับกัดฟันฝืนพยุงร่าง
จนลุกขึ้นมาได้จากที่นอน ก่อนจะคว้ามือไปทางเสาไม้ไผ่ตรงขอบเตียง เพื่อจะพยุงร่างให้พิงกับหัวเตียงได้
"เฮอเจ็บไปหมดเลย"
พอนั่งหายใจเข้าออกจนสม่ำเสมอเเล้ว ก็ใช้สายตาสีม่วงผิดเเปลกจากคนปกติ กวาดมองไปทั่วขอบเตียงไม้ไผ่นี้ อย่างพินิจพินัยเพราะมันเป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่ง
โดยที่ทำจากไม้ไผ่อย่างดี เเต่กับเริ่มผุผังเเล้ว ตามมุมห้องนั้นมียักใยของเเมลงมุมเต็มไปหมด ไม่ไกลก็มีโต๊ะน้ำชาวางไว้อยู่บนโต๊ะพร้อมผู่กันเเละกระดาษ
"นี้มันที่ไหนกันเเน่ เเล้วทำไม่มันไม่เป็นโรงพยาบาลล่ะ เเล้วทำไม่กลายมาเป็นบ้านเเบบนี้ได้กัน!”
เเม้จะตื่นตระหนกเพราะนี้ไม่ใช่โรงพยาบาลเเต่กับบ้านเก่าๆ เเต่ก็ยังพอสงบสติเอาไว้ได้อย่างดี
เพราะเขานั้นเเต่เดิมมีชื่อเล่นว่า 'เปิ้ล' เป็นนักเรียนเเพทย์คณะเเพทย์เเผนจีนโบราณ ที่รักษาด้วยสมุนไพร ไม่ใช่ตัวยาสมัยใหม่ เพราะความสนใจ
จึงได้รับทุนเรียนมาเรียนที่ประเทศจีนสมใจตนเอง ที่เป็นเด็กตัวคนเดียวเเละยากจนต้องทำงานต่างๆ ทั้งปักผ้าเเละปลูกผักขายจนเรียนจบเเละได้
ทุนมาเรียนสิ่งที่ตนเองใฝ่ฝันนี้ จนเรียนจบจนได้ใบรับรองการจบ มหาวิทยาลัยชั้นนำมาได้ด้วยเกียรติชั้นนำ เเต่เพราะหิวจึงได้ลงมาซื้อกับข้าวหน้าบ้าน จนโดนรถสิบล้อเบรกเเตกชนเอา
เเต่พอได้สติอีกครั้งก็ตอนที่โดนชนเเล้ว จนลอยไปกระเเทกเข้ากับที่กั้นถนน จนสติดับไปจนได้มาอยู่ที่นี้ไงล่ะ
“เป็นไงละหิวจนซวยเรียนจบเเต่ ยังไม่ได้ใช้เลย มันจะบ้าบอคอเเตกไปเเล้ว! อัก!”
พูดไม่ทันจบก็ต้องกุมขมับทั้งสองข้างอย่างเเรง เพราะเจ็บปวดหัวอย่างเเรง ตามมาด้วยภาพเหตุการเเละเสียงด่าทอมากมายที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน
'เจ้าเศษสวะ ออกไปอย่ามาให้ข้าเห็นอีก!'
'ข้าไม่เคยมีลูกชายเช่นเจ้า!'
'ฮ่าๆสมใจข้าจริง ลูกของนางหน้าด้านนั้นเป็นเศษสวะ ฮ่าๆ'
เสียงกังวาลดังไปทั่วบริเวณ ทั้งเสียงที่เต็มไปด้วยความสะใจเเละสมเพชอย่างปิดไม่อยู่ก็ ดังทะลุโซนประสาทของเปิ้ลทันที
เจ้าของร่างนี้ ที่ตนเองมาอาศัยอยู่นั้นมีนามว่า มู่หรงเฟย เป็นเกอพ่วงด้วยต่ำเเหน่งบุตรชายคนโตของประมุขตระกูลมู่เเห่ง เเคว้นหยางซึ่งโลกนี้มีทั้งหมด4เเคว้นได้เเก่ หยาง ฉิง เว่ย กง
หลังจากที่เจ้าร่างนั้นได้กำเนิดขึ้นมา ผู้เป็นบิดานั้นรังเกียจ มู่หรงเฟยอย่างมากยิ่ง เพราะ มาร ดาเเละบิดานั้น ต้องเเต่งเพื่อเพิ่มอำนาจของสองตระกลูใหญ่
ทั้งมารดาเเละบิดานั้นหาได้รักกันไม่ เเต่ต้องเเต่งเพื่ออำนาจเท่านั้น ส่วนมู่หรงเฟยนั้นได้เกิดขึ้นมา เพราะมารดาทั้งบิดานั้นโดนวาง ยาปลุกกำหนัด จึงทำให้มู่หรงเฟยเกิดมาจากความผิดพลาดที่ไม่ได้เกิดจากทั้งสองฝ่าย
บิดานั่นรังเกียจเจ้าของร่างนี้เป็นอย่างมากเพราะบิดาไม่อยากให้เกิดมาเสียด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่เเต่งกับมารดา บิดาก็รับฮูหยินรองที่เป็นคนรักของบิดาตนเองเข้ามา
ก่อนจะเเต่งเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ เเต่ทางมารดานั้น หาเสียใจไม่ มารดานั้นทำเพียงเฝ้าเลี้ยงดูมู่หรงเฟยจนเติบใหญ่เพียงเท่านั้นเอง จวบตนเวลานั้นล่วงเลยจนมู่หรงเฟย
อายุครบ 5 หนาวซึ่งมันเป็นวันปลุกลมปราณของเด็กๆโดยการกินยาโลหิต เพื่อที่จะเปิดจุดลมปราณ เเต่เจ้าตัวนั้นไม่สามารถปลุกลมปราณเเละพลังธาตุขึ้นมาได้
หรือจะเรียกง่ายๆก็คือเศษสวะนั้นเอง บิดาที่รังเกียจเป็นทุนเดิมอยู่เเล้วยิ่งรังเกียจเข้าไปใหญ่เพราะโดนกล่าวหาว่ามีลูกเป็นสวะ นับเเต่วันนั้นจึงได้ขับไล่ตนเองเเละมารดาไปอาศัยอยู่ท้ายจวนตระกลูมู่ โดยไร้บ่าวไพร่ในจวน
นับวันเวลาที่อาศัยอยู่กับมารดาก็นานมาก เเม้จะไม่ได้เคยเบี้ยหวัดสักอีเเปะ มารดาตนเองก็ไม่เคยเรียกร้องมันจนถึงทุกวันนี้ ทำเพียงปลูกผักไว้กินเองหากจะกินเนื้อมารดาจึงได้ นำเอาทรัพย์ สินเดิมของตนเองเพื่อนำไปซื้อมาให้ตนเองกิน
พอเริ่มเข้าถึงวัย 10 มารดาบอกตนก็ได้ใช้ถ่ายละเอียดทาไปทั่วทั้งใบหน้าเเละตามตัวของตนเอง เเละบอกให้ใส่ผ้าคลุมหน้าสีดำทมิฬ
เพื่อที่จะปกปิดใบหน้าของตนเองเอาไว้ตลอดเวลา เมื่อออกจากเรือนไปด้านนอกบริเวณเรือนหลังจวน
ไม่นานหลังจากนั้นมารดาก็ตายลงอย่างไม่มีสาเหตุ เเต่มีหรือบิดาที่รังเกียจพวกตนเองจะหาได้สนใจเรื่องนี้ไม่ มู่หรงเฟยเจ้าตัวที่ยังเด็กอ่อนต่อโลก นั่นไม่มีเงินติดตัวเเม้เเต่สักอีเเปะตนเองจึงได้ไปนั่งคุกเข่าที่หน้าเรือนใหญ่
ที่บิดาอาศัยอยู่นานกว่า 2 ชั่วยามเพื่อขอเบี้ยหวัดเพื่อทำพิธีศพให้เเก่มารดา อันเป็นที่รักเเละที่พึ่งหนึ่งเดียว
เเต่สิ่งที่ได้กลับมาคือฮูหยินรองที่ได้กลายมาเป็นฮูหยินใหญ่ทันที เมื่อรู้ข่าวว่ามารดาของตนได้ตายลง ก็ได้สั่งให้บ่าวชายจับตนเองกดลงพื้น หน้าเรือนใหญ่
โดยฮูหยินเอกนั้นก็ได้ใช้ไม้หวายเฆี่ยนตีตนเอง โดยที่มีบิดาที่ยื่นกอดน้องสาวทั้งสองที่เกิดจากฮูหยินเอก ทำเพียงยื่นมองตนเองโดยเฆี่ยตีอย่างไม่สนใจ ว่าตนเองจะเจ็บปวดเพียงใด
ตนโดนตีอยู่นาน จึงต้องจำใจเเบกสังขารที่มีบาดเเผลจากการโดนเฆี่ยนตี เพื่อรีบกลับไปยังเรือนเพื่อดูร่างของมารดา
เเต่พอกลับมายังร่างของมารดาที่นอนอยู่บนเตียงนั้น กับเห็นว่ามันเรือนเเสง ก่อนจะกลายเป็นเศษฝุ่นลอยกระจายออกไปทางหน้าต่าง
....
หลังจากวันที่ตนเองที่เห็นว่าร่างท่านเเม่นั้นสลายหายไปเเล้ว ก็ต้องอยู่อย่างหวาดกลัว จากการที่โดนเฆี่ยนตีครั้งนั้นเพราะไม่มีท่านเเม่คอยปลอบตนเองเเล้ว ทำให้เวลาเห็นฮูหยินเอกทั้งบิดาของตนรวมไปถึงน้องรวมสายเลือดของตนเอง
จะเกิดอาการหวาดระเเวงขึ้น ไม่นานจากนั้นตนเองก็ไม่ต่างจากทาสคนหนึ่ง ตนเองต้องทำงานหนักมากมายเพื่อเเลกข้าวต้มจืดๆหนึ่งถ้วยเเละผักเหี้ยวๆ รวมไปถึงผลไม้ที่เน่าเเล้วเพื่อประทังชีวิตไปวันๆจนร่างกายผอมเเห้ง เเต่ก็ยังโดนรังเเกจากบรรดาน้องทีเกิดจากฮูหยินรองมีชื่อว่า
มู่หลิงอี๋เเละมู่ฉิงอี๋อายุเพียง9หนาวเพราะตนเองไม่มีลมปราณ จึงทำให้โดนกลั่นเเกล้งมาก มายทั้งโดนจับโบยหรือจับกดน้ำ ตนเองล้วนโดนน้องรวมบิดาทำทั้งหมดกับตนเองราวกับไม่ใช้คนทำเหมือนสัตว์ทีอยู่ในกำมือ จะบีบให้ตายก็ตายได้จะปล่อยให้รอดๆก็รอด
จนอายุได้15หนาววัยปักปิ่นของตนที่ควรจะจัดงานเเต่กลับมีเพียงความเงียบเหงาภายในเรือนหลังจวนมู่ ตลอดเวลาที่ตนต้องทนอยู่ภายในตระกลูมู่มันราวกับหายใจไปวันๆ
จนถึงวันที่เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงกลางตัวของตนเอง เพราะตนเองต้องโดนจับหมั่นหมายระหว่างสองตระกูลเพื่อเพิ่มอำนาจ ให้ตระกลูมู่ตนเองคู่ต้องหมั่นกับคุณชายโจวอี้หยางจากตระกูลโจวที่เป็นนคุณชายใหญ่
ตนเองนั้นไม่เคยพบหรือเห็นหน้าของคุณชายโจวอี้หยางเลย ไม่นานนับจากนั้นก็ได้ยินข่าวลือจากบ่าวไพร่ในจวนพูดถึงความหล่อเหลาดังเทพเซียน ของคุณชายโจวอี้หยางที่หลงรักน้องสาวรวมสายเลือดของตนเอง
เเต่มู่หรงเฟยก็ไม่ได้คิดอะไรเกิ้นเลย นั้นไปเลยเพราะตนก็ไม่ได้รักคุณชายโจวเลยเหมือนกัน
จำได้เพียงตนเองก็ไม่ต่างจาก หมากตัวหนึ่งในกระดานหมายที่ใช้เพื่อเพิ่มอำนาจให้เเก่ตระกูลเท่านั้น ทำได้เพียงอาศัยอยู่ภายในจวนไปวันๆเหมือนดังรอความตาย
จนอายุอยางเข้า20หนาวตนเองที่ทำเพียงนั่งพับดอกบัวดังที่ท่านเเม่ชอบพาตนมาทำอยู่ยังศาลากลางน้ำภายในจวน
อย่างสงบเงี่ยมอยู่ภายในศาสาเเต่ตนเองก็ไม่วายโดน มู่ฉิงอี๋น้องรวมสายเลือด ของตนกล่าวหาว่าตนเองไปผลักนางตกน้ำ จนเจ็บป่วยได้ไข้ไปหลายวัน
จึงทำให้คู่หมั้นที่ไม่เคยพานพบหน้ามาก่อน ได้ผลักตนตกน้ำ จนทำให้ตนเกลือบตายในเวลานั้น เพียงเพราะคำพูดคำเดียวที่ออกมาจากปากน้องสาวตนเอง คุณชายโจวอี้หยางจึงได้ทำการประกาศ
ถอดหมั้นกับตนในเวลานั้นก่อนจะพามู่ฉิงอี้ที่ยิ้มอย่างมีความสุขภายใต้อ้อมกอดของคุณชายโจวอี้หยาง ก่อนจะพากันเดินจากไปปล่อยให้ตนเองต้องตะเกียดตะกายขึ้นจากสระน้ำโดยไม่มีใครช่วยในเวลานั้น
หลังจากที่บิดาทราบข่าวเรื่องนี้ จึงเดือดดาลเพราะตนเองไปทำลูกสาวหัวเเก้วหัวเเหวน ของตนเองเข้า จึงได้สั่งให้งดอาหารเป็นเวลาหลายวัน
พร้อมทั้งนำตัวเองไปโบยต่อหน้าบ่าวคนอื่นหน้าเรือนใหญ่ ถึง30ไม้ทำให้เจ้าตัวนั้นถึงกับสลบกลางลานหน้าเรือน เเต่ก็ต้องตื่นขึ้นเเละโดนน้ำสาดไปทั่วร่างกาย
จึงได้เเบกร่างกายที่ปริเเตกจากการโดนโบยกลับเรือนไป ก่อนจะตายลงหลังจากนั้นไม่กี่วันเพราะไม่ได้รับการรักษาใดๆเลย ไม่มีเเม้เเต่หมอจะมาดูดำดูดี
ทำให้เปิ้ลนั้นต้องมาอยู่ยังร่างนี้เเทนนั้นเอง เพียงเเค่ได้รู้เรื่องราวเลวร้ายเเบบ นี้ก็เอาทำสะเทือนใจไม่น้อยสำหรับตนเอง
"พวกสารเลวไม่ต่างจากเดรัจฉานมันต้องได้รับสิ่งที่พวกมันทำไว้!"
ยังดีที่ร่างนี้ถึงจะไร้ค่าเเต่ก็ยังพออ่านออกเขียนได้ โดยมารดาได้สอนเเอาไว้จึงได้รู้ว่าโลกนี้เรียกว่าอู่เซี่ยน เป็นโลกที่มีลมปราณเหมือนในนิยายโลกก่อนมีทั้ง มุนษย์ สัตว์อสูร มาร
ซึ่งมีการฝึกตนเเบ่งเป็นสองเเบบ มีทั้งทางด้านเซียนที่สามารถเหาะบนฟ้าพลิกได้เเม้กระทั้งท้องฟ้าเพื่อมีชีวิตอันเป็นอมตะ ผู้ฝึกสายเซียนที่จะดูดซับเอา
พลังของสวรร์เเละปฐพีเข้ามายังทะเลลมปราณของตนเองเพื่อเลื่อนระดับลมปราณของตนเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์
ผู้คนนั้นจะสามารถฝึกลมปราณหรือกำลังภายในได้ตอนอายุ5หนาวต้องปลุกพลังลมปราณจากเม็ดยาโลหิต
เเต่เจ้าของร่างนี้ไม่สามารถปลุกได้ลมปราณทำให้เหมือนเศษสวะไร้ค่าคนหนึ่งภายในตระกูลทั้งข่าวลือถึงความอัปลักษณ์ที่ต้องปิดใบหน้าตลอดเวลา ที่ถูกปล่อยออกไปด้วยน้ำมือของเเม่นางบัวขาวทั้งสามหน่อ
"มู่หรงเฟยในเมื่อนายตายไปเเล้ว ฉันจะขอเเก้เเค้นพวกสัตว์เดรัจฉานเเทนนายเอง!”
“ใครที่มันเคยรังเเกนายเเละเคยทำร้ายนายฉันจะเอาคืนพวกมันทั้งหมดเอง!ต่อไปนี้! ข้าคือ มู่หรงเฟย!”
จากพูดจบก็ยิ้มอย่างอาฆาตภายในความมืดมิด เพราะหากตนเองมายังร่างนี้ก็คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันกับร่างนี้เเน่ๆ เเละจะได้ล้างเเค้นเเทน ร่างนี้โดยเฉพาะเจ้าตระกูลสารเลวนี้อีก
ผลงานอื่นๆ ของ 253825 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ 253825
ความคิดเห็น