ตอนที่ 1 : บทนำ
บทนำ
ณ เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งในแคว้นฉิน เวลายามโฉ่ว* ท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของผู้คนที่เดินเข้าออกระหว่างโรงเตี๊ยมขนาดกลางและเสียงขับขานของเครื่องดนตรีจากหอโคมเขียวกำลังเกิดเหตุการณ์อยู่ข้างตรอกระหว่างสถานที่ทั้งสองโดยชายผู้หนึ่งในชุดซ่อมซอที่กำลังถูกฉุดกระฉากโดยชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ สองมือเล็กบางถูกกำรอบจนร้าวไปทั้งแขน ไหนจะเสียงหวานแหบที่เอ่ยขอร้องให้ปล่อยตนไป แต่ก็ไม่อาจเรียกความสนใจหรือความช่วยเหลือจากผู้พบเห็นได้
“ปล่อยข้าเถิด ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ”
ร่างมอมแมมที่ทรุดตัวอยู่กับพื้นเงยหน้าอ้อนวอนทั้งน้ำตาขอร้องให้ชายที่จู่ๆก็ลากเขาออกมาจากหน้าเตาครัวในบ้านที่ตนทำงานเป็นทาสตั้งแต่ยังเล็กพร้อมกับบอกว่า เขาต้องไปใช้หนี้ด้วยการเป็นทาสในหอโคเขียว สร้างความหวาดหวั่นให้แก่เขายิ่งนัก ไม่นับใบหน้าที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราและร่างกายใหญ่โตที่เต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโจรป่าก็ไม่ปาน
“ไม่ได้!!!”
ยิ่งเสียงใหญ่ตวาดปฏิเสธก็ยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้ทาสผู้ต่ำต้อยที่สั่นเทาราวกับลูกนก
“นายเข้าขายเขจ้าเพื่อใช้หนี้ให้หอโคมเขียวแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ!!!”
“แต่ข้า …..”
ผู้ตกเป็นรองพยายามเอ่ยแย้ง แม้จะรู้ต้นสายปลายเหตุว่า นายผู้เลี้ยงดูเขามาจะขายเขาขัดดอกเพราะตัวเองไปติดหนี้เจ้าของกิจการหอโคมเขียวเพื่อนำมาใช้ในกิจการค้าขายของตนซ้ำยังบอกให้เขาตอบแทนบุญคุณที่ชุบเลี้ยงมา แต่นี่ไม่เกินไปหน่อยหรือ?
ให้เขาไปทำงานขายตัว รับแขกผู้ชายไม่ซ้ำหน้า เขาเป็นทาสก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะให้เขาไปทำอะไรก็ได้
.. เขาทำไม่ได้ ….
“หรือไม่งั้นก็จ่ายเป็นเงินมาซะ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”
ฝ่ายชายฉกรรจ์เมื่อเห็นท่าทีจากคนเนื้อตัวสกปรกก็ให้อดเกิดความสมเพชไม่ได้จึงยื่นข้อเสนอไป แต่เขาก็ต้องยิ้มหยันเพราะรู้ดีว่า อีกฝ่ายไม่มีวันทำได้แน่นอน
“ตะ แต่ข้า ไม่มีเงิน”
เป็นความสัจจริงที่เอื้อนเอ่ยออกไปทั้งน้ำตา เป็นทาสก็ว่าน่าชังแล้ว วันๆก็เอาแต่ทำงานให้ผู้เป็นนายอดมื้อกินมื้อ ถูกทุบตีนับไม่ถ้วน แล้วจะเอาเวลาไหนไปหาเงินเก็บ แค่ได้กินเศษข้าวประทังชีวิตก็นับว่าเป็นบุญชีวิตนักแล้ว
“ถ้าไม่มีเงินมาจ่ายก็จงไปทำงานซะ!!!”
“ข้าไม่ไป ข้าไม่ไป ช่วยข้าด้วย”
ตะโกนขอความเห็นใจจากผู้คนที่เดินเข้าออกทั้งโรงเตี๊ยมและหอโคมเขียวไปมา หากแต่ก็ไม่ได้รับความเห็นใจจากผู้ที่ตกอยู่ในกามาใดๆทั้งสิ้น น้ำเสียงหวานกรีดร้องแหบแห้งยามถูกฉุดกระชากไปตามถนนขรุขระ พยายามขืนตัวไว้สุดแรงจนอีกฝ่ายนึกโมโหที่เจ้าทาสชั้นต่ำทำตัวดื้อดึงเป็นเหตุให้ต้องสะบัดมือลงบนซีกหน้าหวานอย่างโมโห
เพี๊ยะ!
“หุบปาก”
“ฮึก”
มุมปากช้ำได้เลือดซึมออกมาจนเจ้าของใบหน้าร้าวรานไปทั้งกาย ทาสชั้นต่ำผู้ถูกขายมาขัดดอกได้แต่ก้มหน้ารับกรรมของตนยอมเดินตามไปอย่างหมดแรงทว่ายิ่งเห็นทางเข้าข้างหลังหอโคมเขียวก็กลับสั่นสะท้านเกิดแรงดิ้นขึ้นมาอีกครา
เขารู้ รู้ดีว่า ถ้าเข้าไปได้จะไม่มีวันได้ออกมาอีกเลย ยกเว้นวันตายเท่านั้น!!!
“โว้ย น่ารำคาญ”
คราวนี้เขาโดนตบหน้าติดๆกันสองทีจนล้มลงกับพื้น แต่ดูเหมือนอีกคนยังไม่สาแก่ใจตามมาเตะอัดเข้าที่ลำตัวเขาอีกหลายทีเกิดเสียงตุ๊บตั๊บบนผิวเนื้ออย่างน่ากลัว
ดวงตาเรียวเล็กปิดลงอย่างยอมรับชะตากรรมได้แต่ยกมือขึ้นปัดป้องเป็นครั้งคราวเท่าที่แรงไหวและในขณะที่รู้สึกว่า ตัวเองกำลังจะสำลักลิ่มเลือดออกมานั้น
พลั่ก ตุ๊บ
“อ้ากกกกกก”
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก็ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นทันเห็นชายร่างใหญ่ที่เมื่อครู่ตบหน้าเขาล้มลงไปกองกับพื้นโดยมีด้ามพัดที่คมกริบปักลงบริเวณหน้าท้อง
“เจ้า เจ้า”
มันส่งเสียงพร้อมชี้หน้าผู้มาใหม่ซึ่งเขาเห็นแค่ปลายอาภรณ์สีดำสนิทที่ระพื้นอยู่บริเวณสายตาก่อนคนมาใหม่จะโยนถุงใบหนึ่งลงตรงหน้าชายฉกรรจ์
“เงินร้อยตำลึงทองแลกกับทาสผู้นี้”
เสียงทุ้มฟังดูเย็นชาบาดลึกไปถึงหัวใจหากแต่ในใจของทาสผู้ต่ำต้อยกลับนึกขอบคุณชายผู้นี้เป็นสิบๆครั้งที่มาช่วยเหลือเขาซ้ำยังช่วยไถ่ตัวเขาออกมาจากหอโคมเขียวนี้อีกด้วย
“อึก”
ก่อนตัวเขาจะลอยหวิวขึ้นจากพื้นรับรู้ได้ว่า ตัวเองกำลังถูกอุ้มโดยใครคนหนึ่ง ปลายจมูกโด่งได้กลิ่นหอมสะอาดลอยมาก่อเกิดความรู้สึกวางใจในอ้อมแขนนี้
“ขะ ขอบคุณ”
เอ่ยได้เพียงคำสั้นๆแก่ผู้มีพระคุณก่อนจะสำลักลิ่มเลือดออกมาจนเปรอะอาภรณ์สูงค่าชิ้นนั้น
“…………”
อีกคนไม่ได้ตอบอะไรเพราะทั้งสายตาและใบหน้ายังคงจ้องไปยังหนทางข้างหน้าที่กำลังก้าวเดิน เขาดูสงบ วางเฉย และเยือกเย็น ต่อทุกสรรพสิ่งคล้ายว่า บนโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะเรียกความสนใจจากชายผู้นี้ได้เลยจนทาสชั้นต่ำได้แต่นอนทอดหายใจรวยรินในอ้อมกอดที่ให้ความรู้สึกเหมือนกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่และใกล้จะหมดสติลงไปทุกที
ทว่าในจังหวะที่ร่างมอมแมมรู้สึกว่า จะไม่ไหวแล้ว เขาก็ฝืนใจลืมตาขึ้นเพื่อจดจำใบหน้าของผู้มีพระคุณเอาไว้ แม้สักครั้งหากได้เจอเขาขอตอบแทนด้วยชีวิต ชีวิตทาสของเขาถูกซื้อแล้วโดยชายผู้นี้ ……
แสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเผยให้เห็นสันกรามคมเฉียบเป็นสิ่งแรกไล่เลยไปถึงเสี้ยวหน้าครึ่งแรกที่ได้เห็นก็ต้องยอมรับว่า งามดุจเทพเซียนลงมาเกิด ทั้งจมูกสันเป็นคมได้รูป ดวงตาเรียวคมเหมือนเหยี่ยวที่มีสีเหมือนรัตติกาล มืดมนจนเหมือนต้องมนต์ ใบหน้ามอมแมมยกยิ้ม ชายผู้นี้คือ ผู้ที่เขาไม่เคยลืมแม้ได้มองเพียงครั้งแรกก็ตาม
อ๋องห้าแห่งแคว้นฉิน
สมยานาม แม่ทัพพันศพ
“นัม อูฮยอน”
………………………………………………………..
จะมาอัพต่อหลังจบ #กาลครั้งหนึ่งอูกยู นะคะ จะอัพสลับกับมาเฟียนามูนายหญิงกยูเน้อออออออ :D
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

4 ความคิดเห็น
-
#4 แมวน้อยของแฮมกยู (จากตอนที่ 1)วันที่ 30 พฤษภาคม 2560 / 11:46มาเจิมเรื่องใหม่ของไรท์ รอติดตามนะคะ#40
-
#3 ไอริน (จากตอนที่ 1)วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 / 19:02กรี๊ดดด ไรต์ลงเรื่องใหม่แล้วว น่าติดตามค่ะ สู้ๆค่ะ#30
-
#2 Kyohyuk128 (จากตอนที่ 1)วันที่ 28 พฤษภาคม 2560 / 23:12รออ่านๆๆๆๆ อ๋องห้าทรงเท่มากเลยเพคะ ><#20