คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 :: ท่าน ส.ส. (1)
ดรัณภพเป็นส.ส. แบบแบ่งเขตของปริมณฑลจังหวัดหนึ่ง ตามภูมิลำเนาบ้านเกิด
งานฌาปนกิจที่ต้องเดินทางไปร่วมงานวันนี้ แน่นอนว่าเกิดขึ้นในเขตความดูแลของเขา ระยะทางจากเพนต์เฮาส์ไปยังอำเภอแห่งนั้น ใช้เวลาไม่ถึงสี่สิบนาที กำหนดพิธีการต่าง ๆ เริ่มต้นเก้านาฬิกาเป็นต้นไป หากแต่คนที่มีบทบาทแค่วางผ้าไตรฯ ชุดเดียว ดูอย่างไรก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องรีบสักนิด
ทว่ารถยนต์ของนักการเมืองหนุ่ม ก็มุ่งหน้าออกจากเมืองใหญ่ตั้งแต่แปดโมงครึ่ง
จำเป็นต้องไปเช้าขนาดนี้เชียวรึ? แน่นอนว่าคำตอบของดรัณภพคือจำเป็น…
อาหารการกินเป็นผลพลอยได้จากการหาข่าวสืบข้อมูล ดรัณภพมักลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มแม่ครัว เพราะนั่นคือแหล่งข่าวสารชั้นยอด ไม่ว่าใครทำอะไรที่ไหน แวดวงนี้ไม่เคยไม่รู้ คุ้นกับแม่ครัวที่นั่นรู้จักกับแม่ครัวที่นี่ นานวันไปชายหนุ่มจึงมักจะเผลอให้ความสำคัญกับผลพลอยได้มากกว่างานทุกที
ธุระวันนี้ ดรัณภพพาแค่คนสนิทมาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพอถึงฌาปนสถาน การมาของเขาก็สร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อย ชาวบ้านรู้กันว่า ‘ท่านดง’ มา ก็พากันเกาะกลุ่มรอดู ชายหนุ่มโปรยยิ้มทักทาย พูดคุยกับคณะเจ้าภาพครู่หนึ่งแล้วเดินนำสมุนไปยังมุมครัวของงาน
“ท่านดงมาแล้ว”
“พ่อมหาจำเริญของป้า”
จากครัวมองไปในรัศมีสองร้อยเมตรเห็นว่าใครกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ แม่ครัวก็พากันกรีดร้องทิ้งตะหลิวทัพพี เบียดกันวิ่งไปต้อนรับนักการเมืองหนุ่มเสียวุ่นวาย การกรูเข้าไปเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องชนร่างสูงใหญ่เข้าบ้างละ แต่ดรัณภพหาได้ฉุนเฉียว รอยยิ้มอยู่ในองศาใดก็ยังคงสภาพเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ความอ่อนโยนในตัวแผ่ออกมาอย่างรู้เวลา
“สวัสดีครับ สวัสดีครับ”
คำพูดของเขาชวนใจสั่นแล้ว ยังไม่เท่าสายตาเวลาที่เลื่อนมาสานสบตอนเปล่งวาจานั้น สาวแก่แม่ใหญ่ที่ผ่านการมีชีวิตคู่มาหลายสิบปี ลืมเสียสนิทว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหน เอื้อมมือไปลูบใบหน้าคร้ามคมให้ชื่นใจ คนสนิททั้งสองที่ขนาบอยู่ด้านหลังขมวดคิ้ว แต่ปฏิกิริยาตอบรับก็ยังไม่เร็วเท่าผู้เป็นนาย ดรัณภพคว้ามือเหี่ยว ๆ ข้างนั้นไว้ก่อนที่จะแตะใบหน้าของเขา นัยน์ตาดำสนิทมองเจ้าของมือพลางยิ้ม “คุณยาย ผมอยากเข้าห้องน้ำ แต่ไม่รู้ว่าห้องน้ำวัดอยู่ทางไหน คุณยายพอจะรู้ไหมครับ”
ได้ยินคำว่าวัด สีหน้าของหญิงสูงวัยคนนั้นก็เหมือนคนเพิ่งได้สติ นางชี้ไม้ชี้มือบอก
ชายหนุ่มปล่อยมือที่ตนกุมอยู่อย่างนุ่มนวล เอ่ยขอตัวแล้วผละจากไป ฝีเท้าดูเร่งร้อนจนคนมองเดาว่าน่าจะปวดหนักมากกว่าปวดเบา จะมีก็เพียงคนสนิทที่เดินตามรู้กันดีว่าเจ้านายรีบเข้าไปสงบสติอารมณ์
กานดิศเปรยขึ้นเบา ๆ “ธูปหอมมันก็เย้ายวนมาแต่ไหนแต่ไรนะ”
เขาหมายถึงน้ำหอมที่นายใช้นั่นเอง กลิ่นออกแนวเซ็กซี่ เย็น ๆ ยั่วอารมณ์นิด ๆ เลยถูกเปรียบเทียบว่าเป็นกลิ่นธูปหอม
สารัชไม่มีความเห็นเลยไม่ต่อบทสนทนากับเพื่อน
ดรัณภพไปเข้าห้องน้ำไม่นานก็กลับมาที่ครัว คราวนี้ไม่มีใครรุมเขาอีก แม่ครัวที่เฝ้าหม้อแกงใบใหญ่ ถามเขาด้วยความอาทรว่ากินอะไรมาหรือยัง พอเขาบอกว่ายัง แม่ครัวที่เหลือก็กุลีกุจอตักข้าวตักอาหารมาให้เขา ริมฝีปากหนาคลี่ยิ้มถูกใจ ประกายตาที่ทออยู่นั้นก็ไร้การปั้นแต่ง
คุ้ม คุ้ม คุ้ม
เขาไม่ได้ชอบกินกระเพาะปลาเป็นพิเศษ แต่ก๋วยจั๊บ เกี๊ยวน้ำ ข้าวหน้าเป็ด หรือเมนูอื่นในงานเขาล้วนชอบทั้งหมด พูดให้ถูกก็คือเขาชอบอาหารทุกอย่าง กินได้ทุกอย่าง ขอเพียงแม่ไม่ได้เป็นคนทำก็พอ
“ไปนั่งกินที่โต๊ะดีกว่าไหมจ๊ะ ป้าจะยกไปให้”
“นั่นซี ไป ๆ เชิญท่านไปนั่งที่โต๊ะทางโน้น”
“ไม่เป็นไรครับ กินที่นี่ดีกว่า”
“ในครัวมันกลิ่นอะไรเยอะแยะไปหมดนะพ่อคุณ”
“ไม่มีปัญหาจริง ๆ ครับ เดี๋ยวกินเสร็จจะได้ช่วยทำงานเลย”
“พูดยังกับมาทำงานแลกข้าวกินน้อ”
“มือจะเปื้อนนะจ๊ะท่านดง”
“เดี๋ยวให้คุณยายล้างให้ครับ”
แม่ครัวโห่ร้องกันขึ้น คนที่คุยกับเขาหัวเราะฮ่า ๆ อย่างถูกอกถูกใจ ดรัณภพขยิบตาให้หญิงสูงวัยก่อนจะตัดขาดบทสนทนาด้วยการตักข้าวหน้าเป็ดใส่ปาก คิ้วหนาขมวดอยู่ในที วันนี้เขาเป็นอะไร นอกจากน้ำก็ไม่มีอะไรอยู่ในท้องแล้ว ไฉนถึงตื้อ ๆ ไม่เจริญอาหาร
ทว่าถึงจะไม่ค่อยหิว ชายหนุ่มก็ยังนั่งกินนั่งฟังต่อไปเรื่อย ๆ มีเรื่องที่อยากรู้ลอยมาเข้าหูอยู่บ้าง แต่ส่วนมากก็เป็นเรื่องหลังบ้านของคนอื่น ๆ ฟังแล้วก็เพลินดีไม่หยอก นับว่าเป็นยาแก้ง่วงชั้นดีระหว่างรอพิธีฌาปนกิจเสร็จสิ้น
งานของนักการเมืองแต่ละวันไม่ได้มีงานเดียว แม้จะยังไม่เริ่มประชุมสภาประจำปี[1] แต่งานหลวงงานราษฎร์และเหล่าคอนเนกชันก็เรียกร้องหาไม่ขาดสาย ดรัณภพเองออกจากงานศพแล้วก็ต้องไปงานวิวาห์ต่อ ใบหน้าคร้ามคมหลุบมองข้อมือขณะสาวเท้าไปที่รถ เอ่ยกับคนสนิทที่อยู่ข้างหลังว่า “น้องแพงจะไปงานแต่งลูกสาวอัครพลด้วย”
นั่นไม่ใช่ประโยคบอกเล่า แต่เป็นประโยคคำสั่งว่าให้พวกเขาไปรับคนที่บ้านธวกุล เจ้าของชื่อที่นายพูดถึงคือลูกสาวของทีปต์ ธวกุล หัวหน้าพรรคฯ ที่นายสังกัดอยู่ สารัชกับกานดิศรับคำพร้อมกัน พลันฝีเท้าของสองหนุ่มก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงห้าวต่ำดังอีกว่า “ออกจากวัดแล้วไปเลย ไม่ต้องกลับคอนโดฯ”
กานดิศถามทันที “นายไม่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอครับ”
“ไม่”
ลูกน้องม่านตาขยาย บะ…แบบนี้มันจะดีหรือครับ เอากลิ่นงานศพไปเปื้อนงานแต่ง สงสารบ่าวสาวสักหน่อยก็น่าจะดี…
“สายตานั่นมันอะไร กลาง”
ฝ่ายนี้ส่ายหน้าหวือ
ดรัณภพไม่สนใจอีก พอเขาหันหน้าไปกานดิศก็เอามือตีแขนเพื่อนส่งสัญญาณ สารัชเลิกคิ้วเป็นนัยถาม คนทำหน้ากรุ้มกริ่มก็โน้มเข้าไปพูดเสียงเบา “เก็บเงินเตรียมตัดสูทมึง อีกไม่นานมีข่าวดีแน่”
เห็นเพื่อนทำหน้าไม่เข้าใจ คนพูดก็พูดต่อว่า “ท่านทีปต์ให้คุณแพงออกงานกับนายทุกงาน แล้วนายก็กระตือรือร้นเกี่ยวกับคุณแพงเสมอ นี่พอรู้ว่าวันนี้คุณแพงจะไปงานด้วย ก็รีบไปหาจนไม่ยอมกลับไปอาบน้ำอาบท่า…”
นายกับคุณแพงหรือพรรณสิริ รู้จักกันมาเท่าอายุของฝ่ายหญิง เพราะพ่อของทั้งคู่เป็นเพื่อนรักกัน ทีปต์ชักชวนดนัยให้เข้าสู่แวดวงการเมือง พอดนัยเสียชีวิตอีกฝ่ายก็ผลักดันดรัณภพต่อ และเพราะเห็นหนุ่มรุ่นลูกมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ทีปต์จึงพึงพอใจในตัวดรัณภพไม่น้อย ‘คนวงใน’ ต่างรู้กันว่า หัวหน้าพรรคฯ นั้นอยากได้ลูกพรรคฯ มาเป็นลูกเขย ทางด้านหนุ่มสาวก็ดูเข้ากันได้ดี นับวันความสัมพันธ์ยิ่งพัฒนาแนบแน่น
ข้างกายดรัณภพมีเงาของพรรณสิริเสมอ แล้วแบบนี้จะไม่มีข่าวดีได้อย่างไร
“จริง ๆ นายก็ไม่ได้หวงอิสระสักหน่อย”
ปีนี้ดรัณภพย่างสามสิบเจ็ด ถูกสังคมตั้งคำถามหนักกว่าปีก่อน ๆ เกี่ยวกับเรื่องหัวใจ ไฉนนักการเมืองหนุ่มรูปหล่อชาติตระกูลดี ถึงยังได้ครองตัวเป็นโสดมาถึงทุกวันนี้ กระแสในโลกออนไลน์มีทั้งแง่บวกและแง่ลบ ทว่าการวิเคราะห์ของเพจไหน กูรูท่านใด ก็ไม่เฉียดความเป็นจริง กระทั่งคนใกล้ชิดที่รู้เห็นชีวิตของเจ้านายก็ยังเข้าใจผิดไปไกล
นายไม่ได้มีปมในใจ ไม่ใช่คนรักอิสระ ไม่ได้หวงความโสด แต่ที่ยังรักษาเนื้อรักษาตัวเอาไว้จนบัดนี้…
“นายรอคุณแพงโตต่างหาก โรแมนติกฉิบหาย”
“เพ้อเจ้อ”
กานดิศหุบยิ้ม ถลึงตาใส่เพื่อน “ทื่ออย่างมึงจะไปรู้อะไร แค่นี้ก็ยังมองไม่ออกเลยว่านายชอบคุณแพง”
สารัชกดมุมปากลึก “เดิมพันกับกูไหม”
“เอาซี้!”
“ยังไงดี”
“ถ้านายแต่งกับคุณแพงภายในสิ้นปีนี้ มึงต้องจ่ายให้กูสามแสน”
“แล้วถ้านายไม่แต่ง ถ้านายชอบคนอื่น”
กานดิศหัวร่องอหาย “สี่แสนไปเลย”
“ไม่ขี้เหร่”
“ทำสัญญากันในวัด มึงคิดดี ๆ ถ้าจะโกง”
“อย่าเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างกับกูก็แล้วกัน”
กานดิศเบ้ปาก “ซื้อวิตามินกินบำรุงสมองมั่ง มึงจะได้ไม่มั่นอกมั่นใจ เพราะแค่ว่านายหอบกลิ่นอายอัปมงคลไปให้คุณแพงดม เสื้อผ้านายในรถมีหลายชุดโว้ย”
สารัชจบบทสนทนาด้วยการไหวไหล่
[1] การประชุมของรัฐสภา เรียกสมัยประชุม มี 2 ประเภท
1.สมัยประชุมสามัญ ในหนึ่งปีมี 2 รอบ กำหนดครั้งละ 120 วัน (1-2 วันต่อสัปดาห์)
- สมัยประชุมสามัญทั่วไป
- สมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติ
2.สมัยประชุมวิสามัญ
ความคิดเห็น