คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 :: ผู้ชายในฝัน (1)
“วันนี้ตื่นเช้าจังเลยค้าง”
เสียงทักของแม่ดังแจ่มชัดหลังเสียงโขลกครกเบาลง นภัสษาชะลอฝีเท้าที่บันไดขั้นเกือบสุดท้าย ริมฝีปากยิ้มแบบไม่เห็นฟัน จากนั้นก็สาวเท้าต่อ
ไม่ผิดที่แม่จะแปลกใจ เพราะปกติตีห้าครึ่งไม่ใช่เวลาตื่นนอนของเธอ นอกจากทำงานประจำที่ภูธนะรีสอร์ตแล้ว เธอก็ยังมีอาชีพเสริมอีกอย่างคือขายของออนไลน์ แต่ละวันกว่าจะได้นอนก็ดึกดื่นเที่ยงคืน ทว่าที่วันนี้ลุกเร็วกว่านาฬิกาปลุกหนึ่งชั่วโมง ก็เพราะเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ความฝันเมื่อกลางดึกโผล่มาจ๊ะเอ๋อีกแล้ว
ถึงจะเคยฝันแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่เคยฝันต่อเนื่องเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนครั้งนี้ เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างไรไม่รู้ “ว่าจะใส่บาตรน่ะแม่”
ริมฝีปากขยับพูดพลางมองบรรดาวัตถุดิบที่วางอยู่บนแคร่ กลิ่นเครื่องเทศอบอวลรอบครัวทำเธอสูดจมูกเบา ๆ มันหอมถึงพริกขิง แสบเผ็ดร้อนยั่วน้ำลาย เป็นกลิ่นที่ไม่เข้ากับบรรยากาศตอนเช้าสักนิด
ใช่… เพราะสิ่งที่แม่กำลังขะมักเขม้นทำ ไม่ใช่อาหารเช้าของเธอกับน้อง แต่เป็นของทำมาค้าขาย
แม่ขายขนมจีนมาได้สามสี่ปีแล้ว มีลูกมือช่วยงานในร้านหนึ่งคนชื่อหอม ทว่าพี่หอมจะมาตอนสาย ๆ ดังนั้นการเตรียมของทุกอย่างแม่จึงเป็นคนทำเอง มักจะตื่นมาขลุกอยู่ในครัวตั้งแต่ตีสี่ เธอช่วยหยิบจับนั่นนี่ได้นิดหน่อย เพราะเจ็ดโมงครึ่งก็ต้องออกไปทำงานของตัวเอง
ฟ้ายังปกคลุมไปด้วยสีดำ วันนี้คงช่วยแม่ได้เยอะ ร่างบอบบางมองหาปลานิลเพื่อเอาไปล้าง ระหว่างที่กวาดสายตาหานั้นก็สบตาเข้ากับแม่พอดี เธอชะงักเมื่อเห็นว่าแม่จ้องตนอยู่ “มีอะไรจ๊ะแม่”
“เมื่อคืนค้างฝันเห็นลุงเล็กเหรอ”
คิ้วเส้นบางที่ไร้การแต่งแต้มขมวดมุ่น ไม่ใช่เพราะชื่อของบุคคลที่สาม เธอรู้จักคนที่แม่เอ่ยถึงดี ลุงเล็กเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของแม่เอง ที่เธอสงสัยก็คือคำถามของแม่
พอยืนคิดและมองตาแม่ต่อเล็กน้อย นภัสษาก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้น การทำเช่นนี้ช่วยให้ความง่วงงุนหายออกจากตัวไปได้มาก หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ ว่า “อย่าบอกนะ ว่าแม่คิดว่าหนูจะแกล้งลุงเล็กน่ะ”
รมณค้อนคนเป็นลูก “แล้วเคยครึ้มใจอยากใส่บาตรแบบนี้อยู่รึ”
“เคยสิจ๊ะ แม่ก็” เธอยกชามใบย่อมออกแล้วทรุดตัวลงนั่ง “หนูยังไม่หายเกลียดลุงเล็กก็จริง แต่หนูไม่แกล้งผีหรอกน่า…”
ไม่รู้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรืออย่างไร ปีที่แล้วความรักที่ถักทอมาตั้งแต่สมัยเรียนของเธอปิดฉากลง เค้าลางมันเริ่มต้นจากคิรากรสอบติดตำรวจ เวลาและระยะทางส่งผลต่อความสัมพันธ์ของพวกเธอ ทุกการเจอกันมีความตงิดใจเพิ่มเรื่อย ๆ กระทั่งเขาเป็นฝ่ายขอเลิก ด้วยต้องการโฟกัสกับ ‘อนาคต’
จากนั้นเดือนเศษ นายตำรวจหนุ่มก็เริ่มต้นรักครั้งใหม่ อันเป็นเหตุให้เธอเฮิร์ตหนักจนก่อวีรกรรมสุดโต่งขึ้น ยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอสะดวก ต้นปีนี้ก็ดันเกิดเรื่องวินาศสันตะโรกับครอบครัว!
แม่เธอมีพี่น้องทั้งหมดสามคน โดยมีพี่ชายสองคนส่วนแม่เป็นลูกคนสุดท้อง ลุงใหญ่เธอไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก รู้แค่ว่าย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับภรรยา ต่อมาก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทว่ากับลุงเล็กที่ชื่อเรืองศักดิ์ เธอรู้ลึกไปถึงกมลสันดาน
เรืองศักดิ์ไม่ได้แต่งงานและไม่ได้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เป็นคนเสเพลถึงไม่ติดเหล้าแต่ก็ติดพนัน เงินเดือนของตัวเองไม่เคยหยิบยื่นให้น้องใช้จ่ายในครอบครัวทั้งที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ข้าวของทุกอย่างในบ้าน ค่าใช้จ่ายทุกส่วน แม่เธอเป็นคนหามาทั้งหมด หนำซ้ำบางครั้งก็ต้องควักเงินจ่ายให้กับเรื่องส่วนตัวของเรืองศักดิ์
เรืองศักดิ์ไม่เคยสำนึก ไม่เคยละอาย เพราะถ้าคิดได้บ้างก็คงหยุดสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัว ในปีนั้นที่เธอกำลังเรียนมหาวิทยาลัย เรืองศักดิ์เกลี้ยกล่อมให้แม่เอาบ้านไปขายฝากกับนายทุนด้วยต้องการเงินไปใช้หนี้พนัน เหตุผลที่ว่าเจ้าของบ่อนน่ากลัว เสาหลักของครอบครัวเช่นพ่อก็เพิ่งจากไป น้ำผึ้งยังเล็ก ไหนจะเธอที่ยังเรียนอยู่ แม่เลยยินยอมทำตามคำขอของพี่ แต่แม่ก็ให้เรืองศักดิ์สัญญาว่าต้องเลิกเข้าบ่อน รวมทั้งช่วยกันไถ่ถอนบ้านกลับคืนมา
คนอยากได้เงิน ต่อให้ถูกสั่งไปอมขี้หมาก็ยังทำได้ เรืองศักดิ์มีหรือจะไม่รับปาก
เรืองศักดิ์ทำงานที่โรงน้ำแข็งแห่งหนึ่งในอำเภอข้างเคียงกับอำเภอมวกเหล็ก นายทุนที่ว่าก็คือเจษฎา เจ้าของโรงน้ำแข็งที่เรืองศักดิ์ทำงานอยู่ ได้เงินมาหกแสนบาทกับสัญญาขายฝากห้าปี แม่แบ่งเงินกับพี่ชายคนละครึ่ง ให้อีกฝ่ายเอาไปใช้หนี้
หลังหลุดพ้นจากหนี้พนันแล้ว ก็เหมือนว่าเรืองศักดิ์จะเป็นผู้เป็นคนขึ้น ทว่าเธอก็ยังคงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับผู้เป็นลุง เพราะเรืองศักดิ์ทำให้แม่ต้องทำงานหนักมากกว่าเดิม บ่อยครั้งที่เธอมักจะมีปากเสียงกับอีกฝ่าย จนสุดท้ายเธอเลยย้ายออกไปอยู่หอพักเพื่อตัดปัญหา
การย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ทำให้เธอไม่รู้ความเป็นอยู่ของครอบครัวละเอียดนัก แม่ไม่ได้บ่นเรื่องลุงให้ฟังอีก เธอเลยคิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้นแล้ว รอส่งเงินต้นบวกดอกเบี้ยครบตามสัญญา ก็คงได้ลืมตาอ้าปากกันสักที
ทว่าเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา ความจริงที่ถูกปิดบังไว้มาหลายปีก็ถูกเฉลย… เรืองศักดิ์ไม่เคยส่งเงินชำระหนี้สินแม้แต่บาทเดียว!
เพราะตัวเองทำงานที่นั่น เรืองศักดิ์จึงคุยกับแม่ว่าจะเป็นคนเอาเงินไปตัดต้นตัดดอกเอง อีกฝ่ายเป็นพี่ชายแท้ๆ แม่จะไม่เชื่อใจได้อย่างไร เงินที่ขายขนมจีนได้ บวกกับเงินที่เธอส่งให้อีกจำนวนหนึ่ง แม่รวบรวมให้เรืองศักดิ์ทุกเดือน
ไม่เคยมีความผิดปกติใด ไม่มีเหตุการณ์ให้ระแคะระคาย เจ้าหนี้ก็ไม่เคยแวะมาหา แม่จึงเข้าใจว่าตนใช้หนี้มาทุกปี
กลับกลายเป็นว่า แม่ถูกหักหลังมาตลอดต่างหาก
ระยะเวลาขนาดนี้ สร้างทั้งความโกรธแค้น เสียใจ และผิดหวัง ที่มากกว่านั้นก็คือน้ำตา เธอไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ใจจะขาดเช่นนั้นมาก่อน หากแต่เรืองศักดิ์ก็ยังเป็นไอ้แก่ที่ไร้สมองเช่นเดิม ไม่สำนึก ไม่ละอาย ซ้ำร้ายก็ยังไปก่อหนี้พนันขึ้นอีก
‘กูหาเงินมาเอาบ้านคืนให้มึงไง!’
หลังจากถามพี่ชายไปว่าทำไมกลับไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขอีก นั่นก็คือคำตอบที่แม่ได้รับ
คำพูดของเรืองศักดิ์ฟังแล้วเป็นคำแก้ตัวหรือไม่? แต่ที่แน่ ๆ เงินที่เรืองศักดิ์ได้ไปใช้หนี้สองหมื่นกว่าทุกเดือน มันเอาไปละลายในบ่อน!
เล่นเท่าที่มีในมือก็ว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังไปก่อหนี้ก่อสินขึ้นอีก เรืองศักดิ์ไปเล่นบ่อนใหม่แต่ใช้นิสัยเดิมอย่างที่ทำกับบ่อนเก่า ผลเป็นอย่างไรน่ะหรือ?
ก็กลายเป็นกองกระดูกสีขาวกองหนึ่งไปแล้วอย่างไรเล่า โดนเจ้าของบ่อนเก็บเมื่อเดือนก่อนนี่เอง
แม่ถึงได้คิดว่าที่เธอครึ้มใจจะใส่บาตรเพราะต้องการแกล้งผีลุงของตัวเอง แน่นอนว่าตอนมีชีวิตอยู่เธอเกลียดเรืองศักดิ์อย่างไร ตายไปแล้วเธอก็ยังเกลียดไม่เปลี่ยนแปลง การตายของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิมมาก เงินเก็บทั้งหมดของแม่ต้องใช้หนี้ใหม่แทนมัน หนำซ้ำค่าไถ่ถอนบ้านคืนที่ตอนแรกทบต้นทบดอกอยู่ที่ล้านต้น ๆ ก็ขยับสูงถึงสองล้านห้าแสนบาท!
ยอมเป็นหนี้นอกระบบไม่พอ ยังโง่ให้เจ้าหนี้โกงเอาอีกต่างหาก สมกับเป็นเรืองศักดิ์ที่ทำแต่เรื่องบรรลัย!
นภัสษาดึงตัวเองออกจากห้วงความคิด บอกแม่ด้วยเสียงไร้ระลอกคลื่นแห่งอารมณ์ “หนูฝันไม่ดีจ้ะแม่ เลยอยากทำบุญให้สบายใจหน่อย”
แอบเอาของใส่บาตรของลุงเล็กทิ้งเพื่อไม่ให้ลุงเล็กได้กินข้าวน่ะหรือจะสาใจ ถ้าเธอจะระบายแค้นจริง โน่น… เธอจะเอาป้ายเงินติดล้อโน่นไปฟาดอัฐิมัน
คิดแล้วก็โมโห ธนาคาร สถาบันการเงิน ในมวกเหล็กมีตั้งเยอะแยะ มันไม่ยอมถ่างตาดูสักหน่อยเลย!
แม้สีหน้าของลูกจะแปลก ๆ แต่เพราะได้ยินว่าอีกฝ่ายฝันร้าย รมณเลยเลิกสงสัยเรื่องก่อนหน้า “ฝันว่าอะไรเหรอค้าง เล่าให้แม่ฟังหน่อย”
หญิงสาวเอ่ยสิ่งที่เตรียมไว้อย่างลื่นไหล “หนูโดนรถชน ตัวขาดเป็นสองท่อนเลยแม่”
“ตายละ!”
“หนูตื่นมาเสียวในใจวาบ ๆ ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่เลย”
คนเป็นแม่ลูบศีรษะปลอบขวัญ “ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูก เรื่องไม่ดีจงออกไปให้ห่าง อย่ามาแผ้วพานหนูแม้แต่ปลายก้อย”
ริมฝีปากอ่อนนุ่มขยับโค้ง กลบเกลื่อนความกระดากที่โกหกแม่คำโตไว้ใต้รอยยิ้ม
“ดีแล้วละที่ลุกมาใส่บาตร แต่ล้างหน้าหรือยังนี่…”
“แปรงฟันกับเอาน้ำลูบหน้าแล้วจ้ะ”
“นึกว่าลุกจากเตียงแล้วก็ลงมาเลย ไปดูหม้อข้าวหน่อยไป มันสุกหรือยัง แม่หุงนานแล้ว”
ร่างบอบบางขยับตัวตามคำสั่ง กดหม้อหุงข้าวดูแล้วก็ถอดสายไฟออก เธอรู้ว่าแม่ยังไม่ได้ทำอาหารที่จะใส่บาตร เลยเป็นคนลงมือเอง ในหัวครุ่นคิดสุดใคร่รู้ ดรัณภพชอบกินอะไรนะ?
นภัสษาทำเมนูง่าย ๆ เพราะเห็นมีไข่ต้มที่แม่ต้มไว้เป็นเครื่องเคียงขนมจีน เลยทำน้ำพริกขี้กา ไข่ต้มกับน้ำพริกเอาใส่บาตร ส่วนไข่เจียวทรงเครื่องที่เธอกำลังตั้งกระทะรอทอดอยู่นี้เป็นของน้องสาว กระรอก…แมวไทยลายสลิดเพศผู้ตื่นจากการหลับใหล มันเยื้องกายเข้ามาสำรวจครัวพลางร้องหง่าว จากนั้นก็ถูตัวกับปลีน่องของเธอ คล้ายจะบอกว่าทอดปลาทูให้ผมหน่อย
เธอใช้เท้าลูบหลังมันเล่น หลุบตาคุยด้วยว่า “อันนี้ของพี่ผึ้งครับ อาหารรอกอยู่ข้างบันไดโน่นไง”
แมวจรที่มีเจ้าของได้พักใหญ่ ล้มตัวหงายท้องตะกุยขาราวกวักเรียก ท่วงท่านั้นทำคนใจเหลว เพลินเล่นกับมันจนลืมว่าต้องช่วยแม่เตรียมของ ฟ้าสว่างโร่มากแล้ว เสียงผู้คนละแวกนี้ก็จอแจ ช่วยอะไรได้ไม่พอจะเป็นชิ้นเป็นอัน แม่เลยไล่เธอให้ออกมารอใส่บาตร
เอาดอกไม้ในตู้เย็นมาเสร็จ หญิงสาวก็ยกถาดทรงเหลี่ยมขึ้นแนบอกเดินออกไปหน้าบ้าน อากาศต้นฤดูฝนร้อนอ้าวอึดอัด ริมฝีปากอ่อนนุ่มเป่าลมเบา ๆ ลากรองเท้าแตะไปหาเพื่อนบ้านแถบนี้ที่มารอใส่บาตรใต้เพิงเล็ก ๆ ที่เป็นร้านของแม่
พูดคุยกับพี่ป้าน้าอาได้ครู่เดียว ภิกษุชราก็เดินนำเด็กวัดผ่านมาแล้ว นภัสษาย่อตัวนั่งที่เส้นขอบถนน หลับตาอธิษฐาน จากนั้นหยิบชุดกับข้าวที่ตักใส่ถุงไว้ห้าชุด ใส่บาตรทีละชุด
เธอนึกในใจขณะวางกับข้าวชุดแรกลงว่า ‘กับช้าวชุดนี้ ข้าพเจ้ามอบให้แก่นายดรัณภพ รัญชน์สวัสดิ์…’
“ฮัดชิ้ว!”
ความคิดเห็น