ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ละอองฝนชโลมใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 สายฝน

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 56


    สายลมพัดมาตามหน้าต่างห้องเรียนบ่งบอกถึงฝนกำลังจะมาเยือน  ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อคิดถึงละอองฝนที่เย็นสบาย  เพื่อนๆฉันต่างบ่น กันเป็นแถวว่าฝนตกอีกแล้วไม่ชอบเลย  ไหนจะรถติด  ผ้าไม่แห้ง  ไม่ได้ออกไปเที่ยว  แต่แปลกฉันกลับชอบหน้าฝนมาก ฉันชอบที่จะวิ่งเล่นกลางสายฝน  ชอบที่จะนั้งมองสายฝนผ่านหน้าต่างรถตอนรถติดแระฟังเพลงจากหูฟังคลอเบาๆเพื่อปิดบังเสียงฟ้าร้องได้บรรยากาศจะตาย   ชอบที่จะซุกตัวบนที่นอนห่มผ้าห่มผืนหนานุ่มกลิ้งตัวไปมาอยู่บนที่นอนฟังเสียงสายฝนกระทบหลังคาบ้านฟังคล้ายเสียงดนตรีครอเบาๆ สบายกว่าออกไปเที่ยวนอกบ้าน  ที่ปัจจุบันนี้อากาศร้อนจนไขมันฉันจะละลายออกมากองกับพื้นซะแล้ว   แต่ฉันก็ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งเพราะเวลาที่ฝนตกทีไรฉันมักจะนึกถึงเค้าคนนั้นทั้งที่เวลาก็ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้ว  แต่ฉันก็ไม่เคยลืม  ให้ตายซิฉันไม่อยากนึกถึงเค้าเลยไม่อยากเลยจริงๆ.............

    ยัยอัยย์แกจะนั้งเหม่อ อมยิ้มจนน้ำจะท่วมห้องเรียนเลยหรือไงห๊ะ  ปิดหน้าต่างเร็วๆเข้า  มัวแต่นั้งเหม่ออยู่ได้”   เพื่อนสาวขาวีนของฉันพูดเสียงดังพร้อมสะบัดหัวไปมา  “แป้งหมี่ก็ไปว่ายัยอัยย์อยู่นั้นเหละ แกก็ใช่จะน้อยซะที่ไหน ฝนตกแทนจะช่วยเพื่อนปิดหน้าต่าง นี้ชี้นิ้วสั้งอย่างเดียวเลย มาๆช่วยฉันลงกลอนบนหน่อยฉันปิดไม่ถึง”  น้ำแข็งเพื่อนสาวแสนสวยเรียบร้อยประจำกลุ่มได้ลากตัวยัยแป้งหมี่ไปช่วยกันปิดหน้าต่าง  และฉันก็ได้แต่ส่ายหัวและหัวเหราะอีกครั้งเมื่อเห็นทั้งคนขอให้ช่วยและคนไปช่วยต่างกระโดดโหยงๆเพราะปิดหน้าต่างไม่ถึง  แหมน่ารักเหมือนน้องหมาเลย เพื่อนชั้น  “นี้ๆหลบๆเลยไป  ยัยน้ำแข็งแกนี้ใช้ได้ถูกคนจริงๆ  ใช้คนที่เตี้ยกว่าแกมาปิดหน้าต่างนี้นะ  คงจะปิดได้หร๊อก  นี้ๆน้องๆตอนเด็กๆกินนมมาป่าวจ๊ะ  คนอื่นมีแต่สูงขึ้นๆ แต่เธอกลับเตี้ยลงๆอย่างนี้   ไม่ไหวนะพี่ว่า”  คุณหนูสกายสาวสวยโปรไฟล์หรูลูกสาวของเศรษฐีคนดังของอำเภอหนึ่งในภาคใต้  แต่แปลกตรงที่เธอเป็นคนใต้แท้ๆ สีผิวเธอกลับขาวซะจนฉันกลัวว่าเธอจะไม่มีเลือด  และที่แปลกที่สุดก็คือเธอไม่น่าจะมาคบกับพวกฉันซึ่งดูยังไงๆก็ไม่เข้ากันได้  และเธอก็นิสัยดีมากๆ  เฉพาะกับพวกฉัน  กับคนอื่นนะเหรอเธอมันก็คงเป็นนางร้ายตัวแม่เลยแหละ  แต่ใครจะไปสนแค่เธอเป็นเพื่อนฉันและรักพวกฉันแค่นี้ก็ดีแล้ว  เธอชอบหาเรื่องทะเลาะกับแป้งหมี่อยู่เรื่อยแต่เวลามีปัญหาก็เขาขากันดีตลอด  และตอนนี้ฉันต้องฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมกับภาพที่เห็น  ยัยแป้งหมี่ที่กำลังโกรธจนหน้าเขียวกำลังโวยวาย  และคิดจะพุ่งไปจัดการยัยสกายแต่ก็คงได้แค่คิดแหละนะ  เพราะยัยสกายเอามือดันหน้าผากแป้งหมี่ไว้และทำหน้าตาเยาะเย้ยสุดขีดที่ยัยแป้งหมี่ไม่สามารถทำอะไรสกายได้   ส่วนน้ำแข็งก็ได้แต่หันขวาทีซ้ายทีพร้อมห้ามปรามทั้งคู่อย่างเคย  เอ่อ...เพื่อนๆจ๊ะคือว่าเลิกทะเลาะกันสักสามนาทีได้ไม๊จ๊ะตอนนี้น้ำจะท่วมห้องจริงๆแล้วนะ และเริ่มจะมืดแล้วด้วย   คือเอาตรงๆเลยนะจ๊ะ  คือเค้ากลัวผะผะผีอ่ะจ๊ะ  กลัวจนฉี่จะไหลแล้วนะ”  ยัยบิวตี้เพื่อนจอมเงียบของพวกเราส่งเสียงขึ้น  การที่บิวตี้จะส่งเสียงดังเข้าขั้นตะโกนขนาดนี้  แสดงว่ามันต้องป็นเรื่องที่ใหญ่มากแน่ๆเพราะบิวตี้ไม่เคยพูดดังเกิน 35 เดซิเบล เสียงเบายิ่งกว่าคนทั่วไปเขาพูดกัน  บางคนในห้องเรียนยังไม่เคยได้ยินเสียงเธอพูดด้วยซ้ำไป  อาจจะเป็นเพราะเธอมีนิสัยขี้อายก็ได้  “ฉันว่าเรารีบทำๆเหอะ  ยัยบิวตี้พูดถูกมืดแล้วจริงๆด้วยฝนก็ตก  ร่มก็ไม่มี  เฮ้อ.....มีอะไรเซ็งกว่านี้ไม๊ห๊ะ”  ยัยแป้งหมี่ตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย  พรึบๆๆๆๆ  กาๆๆๆๆ  “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”  เสียงพวกเรากรีดร้องพร้อมกันเมื่อพบว่าหลังจากยัยแป้งหมี่พูดจบไฟก็ดับพร้อมมีเสียงนกบินเสียงดัง  มันช่างวังเวงหนักขึ้นไปอีก   “ไม่นะ  นะนะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ  ไครก็ได้บอกฉันทีนี้มันโรงเรียนรึคนอวดผี  นี้ฉันไม่ได้มาล้าท้าผีนะย่ะ  ฮือๆๆๆเอาไฟคืนมานะ  แม่จ๋าหนูอยากกลับบ้าน  แงๆๆ”  ฉันได้แต่แหกปากร้องอย่างคนสติแตก  ถึงฉันจะชอบสายฝน  แต่ฉันกลัวความมืดสุดๆเลยหล่ะ  “แกๆๆใจเย็นๆดิ เดี่ยวไฟก็ติดแล้วอย่าร้องๆ  ฮือๆๆๆ  อย่าร้อง  แงๆๆ  อย่าร้องโฮๆๆๆๆๆ  อดทนไว้  กระซิกๆๆ”  น้ำแข็งกอดปลอบฉัน  “เอ่อ  คือว่าน้ำแข็งฉันว่าแกร้องมากกว่าฉันอีกนะ  ฉันแค่แงๆๆ  ฮือๆๆๆ  สองสามทีเอง  แต่แกเล่นมาซะครบชุด  ทั้งโฮๆๆๆกระซิกๆๆอีกแกไหวป่าวว่ะ”  ฉันถามน้ำแข็งที่ตอนนี้ตัวสั่นอย่างกับลูกนก  “แกฉันว่าเราต้องรีบออกไปข้างนอกก่อนที่ลุงยามจะเข้าใจผิด  คิดว่าเด็กนักศึกษากลับกันหมดแล้วปิดประตูอาคารไม่งั้นเราแย่แน่เลย”  ยัยสกายพูดมาในสิ่งที่เราลืมมันไปแล้ว ใช่ถ้าเราออกไปช้ากว่านี้ลุงยามคงจะเข้าใจว่าเราทำงานวิจัยเสร็จแล้วเมื่อไฟในห้องดับลุงยามก็คงจะปิดประตูอาคาร  “ไม่นะน้ำแข็งไม่เอานะพวกแกก็รู้ว่าฉันกลัวผีขึ้นสมอง  ถ้าฉันต้องติดบนอาคารนี้ที่เก่าแก่กว่าร้อยปี  ที่มีชื่อเสียงด้านผีดุเป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยเรา   ฉันคงตายแน่ๆเลยแก  จะทำไงดีแก  ฉันกลัว”  ยัยน้ำแข็งบ่นพร้อมเสียงที่สั่นเทาบ่งบอกถึงอาการกลัวที่เกินขีดจำกัด  “หนอยๆๆๆ  ทีแบบนี้ล่ะก็กลัว  ที่เมื่อกี้นี้ใครกันปากดีตะโกนปาวๆว่ามีอะไรแย่กว่านี้อีกไม๊  มีอีกรึป่าว  เป็นไงล่ะแย่สะใจไปเลยดิแกอ่ะ  รู้ๆกันอยู่ๆว่าอาคารนี้น่ากลัวขนาดไหน”  สกายส่งเสียงบ่นน้ำแข็งซึ่งคงจะช็อกไปแล้ว เพราะน้ำแข็งไม่เถียงสกายสักคำ  “ฉันว่าเรารีบๆไปเหอะแก  อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย  ว่าแต่นี้บิวตี้ไปไหนอ่ะไม่เห็นได้ยินเสียงบิวตี้เลย  บิวตี้อยู่ไหน  บิวตี้ได้ยินเสียงอัยย์ไหม  บิวตี้”  ฉันส่งเสียงเรียกบิวตี้  เพราะมันนานเกินไปแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงเธอเลย  ถึงเธอจะเป็นคนพูดน้อยก็เหอะน่ะ  แต่นี้มันนาทีคับขันแล้วโปรดส่งเสียงกลับมาบ้างเถอะ  “ยะยะยะยะอยู่นี้ค่ะ  บิวตี้อยู่นี้  อยู่ตรงโต๊ะอาจารย์ค่ะ  บิวตี้ไม่กล้าขยับค่ะ  บิวตี้กลัวจนขะขะขยับขาไม่ออกเลยค่ะ  ชะช่วยบิวตี้ด้วยค่ะคุณอัยย์”  บิวตี้ส่งเสียงตอบมา  ถึงฉันจะโล่งอกที่บิวตี้ไม่เป็นไร  แต่เสียงของบิวตี้ทำเอาฉันเกือบหัวใจวายเสียให้ได้  เพราะเสียงเธอมันช่างบางเบาและเย็นยะเยือกมาก  “บิวตี้อยู่กับที่นะพวกเรากำลังเดินไปหาไม่ต้องกลัวนะ  เรากำลังไปใกล้ถึงเธอแล้ว ไม่ต้องกลัว”  ฉันปลอบบิวตี้ขณะที่พวกเราจับมือกันและก้าวไปหาเธอ  “เย้ย  กะกะแก  แกได้กลิ่นอ่ะไรไม๊ว่ะ  กลิ่นเหม็น มาก  เค้าว่ากันว่ากลิ่นแบบนี้มันเป็นผะผะ”  พลั่ว  ยัยแป้งหมี่ไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนน้ำแข็งตบหัวเข้าซะก่อน  ต้องขอบใจน้ำแข็งล่ะนะที่จัดการยัยแป้งหมี่  ก็ยัยนี้ชอบทำให้พวกเราหลอนตลอด  “นี้เดี่ยวเหอะตบปากตายเลยนิ  ใครเค้าทักกันเล่า  รีบเหอะนะ  แต่แปลกอ่ะยิ่งเข้าใกล้บิวตี้ยิ่งมีกลิ่น  อย่านะเค้ากลัวอ่ะเค้ากลัว”  ยัยน้ำแข็งจากที่ว่าแป้งหมี่  แต่กลับเป็นคนทำให้หลอนซะเอง  “จิงๆด้วยนะ  เหม็นแปลกๆ  แต่กลิ่นก็คุ้นๆ  อย่างกับคุันเคยมานาน”  ฉันกับสกายพยักหน้าเห็นด้วย  “คะคือบิวตี้ขอโทษด้วยค่ะทุกคน  คือบิวตี้กลัวจนฉี่ราดออกมานะค่ะ เหอะๆๆๆ”

    หลังจากที่เราพาบิวตี้ออกมาพร้อมกลิ่น  เอ่อฉี่  ตอนนี้ก็เป็นตาฉันบ้างล่ะที่กลัวขึ้นสมอง  ถึงฉันจะชอบสายฝนแต่ฉันก็ไม่ชอบเสียงฟ้าร้องเลยให้ตายซิยิ่งบวกกับความมืดยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่  “พวกแกอีกนิดเดียวก็ถึงชั้นล่างแล้วอดทนกันหน่อยนะ”  น้ำแข็งพูดออกมาอย่างให้กำลังใจฉันเพราะพวกเพื่อนฉันทุกคนรู้ว่าฉันทั้งเกลียดและกลัวเสียงฟ้าร้องขนาดไหน  แต่พวกน้ำแข็งก็ไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ฉันทั้งเกลียดทั้งกลัวเสียงฟ้าร้องขนาดนี้  คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้สาเหตุที่ฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง  แต่เขายังไม่รู้สาเหตุที่ทำให้ฉันเริ่มเกลียดเสียงฟ้าร้องเขาไม่เคยรู้เลย  เปรี้ยงๆๆๆๆ   “กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ”  ฉันหลับตานั้งปิดหูร้องไห้เมื่อเสียงฟ้าร้องดังกว่าทุกครั้งและแสงที่ขาวโพลนยังกับตอนกลางวันตัดกับความมืดเสี้ยววินาทีทำให้ฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง  “ไม่นะ  ไม่  ช่วยด้วยแม่จ๋า  ช่วยอัยย์ด้วย  ฮือๆๆ  อัยย์กลัวแม่จ๋า  ฮือๆๆๆ”  “ยัยอัยย์ใจเย็นๆไม่ต้องกลัวเราอยู่ข้างๆแกแล้วไม่ต้องกลัวไม่มีไครทำร้ายแกได้นะ  ไม่ต้องกลัว  ยัยน้ำแข็งแป้งหมี่เป็นไงประตูเปิดได้ป่าวว่ะ  เร็วๆหน่อยอัยย์ไม่ไหวแล้วนะ”  สกายตะโกน บอกพวกแป้งหมี่ให้รีบไปดูประตูพร้อมทั้งกอดปลอบฉันไว้  โดยมีบิวตี้คอยนั้งกุมมือฉันไว้  พร้อมปลอบฉันด้วยเสียงอันบางเบาของเธอว่าไม่เป็นไรนะ  ไม่เป็นไร  ทั้งๆที่เธอก็คงกลัวมากเช่นกัน   “แย่ล่ะพวกแกลุงยามล็อกประตูแล้วจะออกอย่างไงล่ะทีนี้ ช่วยด้วยลุงยามเปิดประตูให้พวกหนูหน่อยค่ะ  หนูยังอยู่ในนี้  ลุงยามได้ยินไหมค่ะ  ลุงยาม”  เสียงแป้งหมี่กับน้ำแข็งตะโกนเรียกลุงยามดังลั่น  ถึงมันจะดังขนาดไหนลุงยามก็คงจะไม่ได้ยินเมื่อฝนที่เริ่มเทลงมาอย่างบ้าคลั้ง  พร้อมเสียงฟ้าร้องอย่างกับว่าโลกจะถล่มทลายตรงหน้า  “ไม่นะไม่  ฉันกลัว  ฮือๆๆๆ  ไม่นะ  ฮือๆๆแม่จ๋าช่วยอัยย์กลัว  ฮือๆๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ”  “ยัยอัยย์ช่วยด้วยพวกแกยัยอัยย์เป็นลม  ตะโกนเร็วเข้า  ช่วยด้วยค่ะ  ช่วยเพื่อนหนูด้วย  ฮือๆๆ  ยัยอัยย์อย่าเป็นอะไรนะ  ช่วยด้วยค่ะ”  ครื่นๆๆ  ขณะที่ฉันกำลังจะหมดสติ ชั่ววินาทีที่แสงสายฟ้าสีขาวจ้าเพียงเสี้ยวนาทีที่เสียงประตูอาคารเปิด  ฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู  ผู้ชายซึ่งดูคล้ายกับเขาคนนั้น  เขาคนที่ฉันเคยรักไม่ซิคนที่ถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักอยู่  เขาคนที่ฉันไม่เคยลืม  และเจ็บปวดตลอดระยะเวลา  ปี............









    ฝากติดตามด้วยนะค่ะเพลงนี้เป็นเพลงที่สื่อถึงความรู้สึกยัยอัยย์ของเราดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ

    ต้องขอบคุณเพลงเพราะๆของพี่ๆวงฟลัวFlure ฤดูที่ฉันเหงาด้วย ติดตามกันบ้างนะค่ะ T3T

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×