คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 สายฝน
สายลมพัดมาตามหน้าต่างห้องเรียนบ่งบอกถึงฝนกำลังจะมาเยือน ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อคิดถึงละอองฝนที่เย็นสบาย เพื่อนๆฉันต่างบ่น กันเป็นแถวว่าฝนตกอีกแล้วไม่ชอบเลย ไหนจะรถติด ผ้าไม่แห้ง ไม่ได้ออกไปเที่ยว แต่แปลกฉันกลับชอบหน้าฝนมาก ฉันชอบที่จะวิ่งเล่นกลางสายฝน ชอบที่จะนั้งมองสายฝนผ่านหน้าต่างรถตอนรถติดแระฟังเพลงจากหูฟังคลอเบาๆเพื่อปิดบังเสียงฟ้าร้องได้บรรยากาศจะตาย ชอบที่จะซุกตัวบนที่นอนห่มผ้าห่มผืนหนานุ่มกลิ้งตัวไปมาอยู่บนที่นอนฟังเสียงสายฝนกระทบหลังคาบ้านฟังคล้ายเสียงดนตรีครอเบาๆ สบายกว่าออกไปเที่ยวนอกบ้าน ที่ปัจจุบันนี้อากาศร้อนจนไขมันฉันจะละลายออกมากองกับพื้นซะแล้ว แต่ฉันก็ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งเพราะเวลาที่ฝนตกทีไรฉันมักจะนึกถึงเค้าคนนั้นทั้งที่เวลาก็ผ่านมาตั้ง 5 ปีแล้ว แต่ฉันก็ไม่เคยลืม ให้ตายซิฉันไม่อยากนึกถึงเค้าเลยไม่อยากเลยจริงๆ.............
“ยัยอัยย์แกจะนั้งเหม่อ อมยิ้มจนน้ำจะท่วมห้องเรียนเลยหรือไงห๊ะ ปิดหน้าต่างเร็วๆเข้า มัวแต่นั้งเหม่ออยู่ได้” เพื่อนสาวขาวีนของฉันพูดเสียงดังพร้อมสะบัดหัวไปมา “แป้งหมี่ก็ไปว่ายัยอัยย์อยู่นั้นเหละ แกก็ใช่จะน้อยซะที่ไหน ฝนตกแทนจะช่วยเพื่อนปิดหน้าต่าง นี้ชี้นิ้วสั้งอย่างเดียวเลย มาๆช่วยฉันลงกลอนบนหน่อยฉันปิดไม่ถึง” น้ำแข็งเพื่อนสาวแสนสวยเรียบร้อยประจำกลุ่มได้ลากตัวยัยแป้งหมี่ไปช่วยกันปิดหน้าต่าง และฉันก็ได้แต่ส่ายหัวและหัวเหราะอีกครั้งเมื่อเห็นทั้งคนขอให้ช่วยและคนไปช่วยต่างกระโดดโหยงๆเพราะปิดหน้าต่างไม่ถึง แหมน่ารักเหมือนน้องหมาเลย เพื่อนชั้น “นี้ๆหลบๆเลยไป ยัยน้ำแข็งแกนี้ใช้ได้ถูกคนจริงๆ ใช้คนที่เตี้ยกว่าแกมาปิดหน้าต่างนี้นะ คงจะปิดได้หร๊อก นี้ๆน้องๆตอนเด็กๆกินนมมาป่าวจ๊ะ คนอื่นมีแต่สูงขึ้นๆ แต่เธอกลับเตี้ยลงๆอย่างนี้ ไม่ไหวนะพี่ว่า” คุณหนูสกายสาวสวยโปรไฟล์หรูลูกสาวของเศรษฐีคนดังของอำเภอหนึ่งในภาคใต้ แต่แปลกตรงที่เธอเป็นคนใต้แท้ๆ สีผิวเธอกลับขาวซะจนฉันกลัวว่าเธอจะไม่มีเลือด และที่แปลกที่สุดก็คือเธอไม่น่าจะมาคบกับพวกฉันซึ่งดูยังไงๆก็ไม่เข้ากันได้ และเธอก็นิสัยดีมากๆ เฉพาะกับพวกฉัน กับคนอื่นนะเหรอเธอมันก็คงเป็นนางร้ายตัวแม่เลยแหละ แต่ใครจะไปสนแค่เธอเป็นเพื่อนฉันและรักพวกฉันแค่นี้ก็ดีแล้ว เธอชอบหาเรื่องทะเลาะกับแป้งหมี่อยู่เรื่อยแต่เวลามีปัญหาก็เขาขากันดีตลอด และตอนนี้ฉันต้องฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมกับภาพที่เห็น ยัยแป้งหมี่ที่กำลังโกรธจนหน้าเขียวกำลังโวยวาย และคิดจะพุ่งไปจัดการยัยสกายแต่ก็คงได้แค่คิดแหละนะ เพราะยัยสกายเอามือดันหน้าผากแป้งหมี่ไว้และทำหน้าตาเยาะเย้ยสุดขีดที่ยัยแป้งหมี่ไม่สามารถทำอะไรสกายได้ ส่วนน้ำแข็งก็ได้แต่หันขวาทีซ้ายทีพร้อมห้ามปรามทั้งคู่อย่างเคย “เอ่อ...เพื่อนๆจ๊ะคือว่าเลิกทะเลาะกันสักสามนาทีได้ไม๊จ๊ะตอนนี้น้ำจะท่วมห้องจริงๆแล้วนะ และเริ่มจะมืดแล้วด้วย คือเอาตรงๆเลยนะจ๊ะ คือเค้ากลัวผะผะผีอ่ะจ๊ะ กลัวจนฉี่จะไหลแล้วนะ” ยัยบิวตี้เพื่อนจอมเงียบของพวกเราส่งเสียงขึ้น การที่บิวตี้จะส่งเสียงดังเข้าขั้นตะโกนขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องป็นเรื่องที่ใหญ่มากแน่ๆเพราะบิวตี้ไม่เคยพูดดังเกิน 35 เดซิเบล เสียงเบายิ่งกว่าคนทั่วไปเขาพูดกัน บางคนในห้องเรียนยังไม่เคยได้ยินเสียงเธอพูดด้วยซ้ำไป อาจจะเป็นเพราะเธอมีนิสัยขี้อายก็ได้ “ฉันว่าเรารีบทำๆเหอะ ยัยบิวตี้พูดถูกมืดแล้วจริงๆด้วยฝนก็ตก ร่มก็ไม่มี เฮ้อ.....มีอะไรเซ็งกว่านี้ไม๊ห๊ะ” ยัยแป้งหมี่ตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย พรึบๆๆๆๆ กาๆๆๆๆ “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงพวกเรากรีดร้องพร้อมกันเมื่อพบว่าหลังจากยัยแป้งหมี่พูดจบไฟก็ดับพร้อมมีเสียงนกบินเสียงดัง มันช่างวังเวงหนักขึ้นไปอีก “ไม่นะ นะนะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ ไครก็ได้บอกฉันทีนี้มันโรงเรียนรึคนอวดผี นี้ฉันไม่ได้มาล้าท้าผีนะย่ะ ฮือๆๆๆเอาไฟคืนมานะ แม่จ๋าหนูอยากกลับบ้าน แงๆๆ” ฉันได้แต่แหกปากร้องอย่างคนสติแตก ถึงฉันจะชอบสายฝน แต่ฉันกลัวความมืดสุดๆเลยหล่ะ “แกๆๆใจเย็นๆดิ เดี่ยวไฟก็ติดแล้วอย่าร้องๆ ฮือๆๆๆ อย่าร้อง แงๆๆ อย่าร้องโฮๆๆๆๆๆ อดทนไว้ กระซิกๆๆ” น้ำแข็งกอดปลอบฉัน “เอ่อ คือว่าน้ำแข็งฉันว่าแกร้องมากกว่าฉันอีกนะ ฉันแค่แงๆๆ ฮือๆๆๆ สองสามทีเอง แต่แกเล่นมาซะครบชุด ทั้งโฮๆๆๆกระซิกๆๆอีกแกไหวป่าวว่ะ” ฉันถามน้ำแข็งที่ตอนนี้ตัวสั่นอย่างกับลูกนก “แกฉันว่าเราต้องรีบออกไปข้างนอกก่อนที่ลุงยามจะเข้าใจผิด คิดว่าเด็กนักศึกษากลับกันหมดแล้วปิดประตูอาคารไม่งั้นเราแย่แน่เลย” ยัยสกายพูดมาในสิ่งที่เราลืมมันไปแล้ว ใช่ถ้าเราออกไปช้ากว่านี้ลุงยามคงจะเข้าใจว่าเราทำงานวิจัยเสร็จแล้วเมื่อไฟในห้องดับลุงยามก็คงจะปิดประตูอาคาร “ไม่นะน้ำแข็งไม่เอานะพวกแกก็รู้ว่าฉันกลัวผีขึ้นสมอง ถ้าฉันต้องติดบนอาคารนี้ที่เก่าแก่กว่าร้อยปี ที่มีชื่อเสียงด้านผีดุเป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยเรา ฉันคงตายแน่ๆเลยแก จะทำไงดีแก ฉันกลัว” ยัยน้ำแข็งบ่นพร้อมเสียงที่สั่นเทาบ่งบอกถึงอาการกลัวที่เกินขีดจำกัด “หนอยๆๆๆ ทีแบบนี้ล่ะก็กลัว ที่เมื่อกี้นี้ใครกันปากดีตะโกนปาวๆว่ามีอะไรแย่กว่านี้อีกไม๊ มีอีกรึป่าว เป็นไงล่ะแย่สะใจไปเลยดิแกอ่ะ รู้ๆกันอยู่ๆว่าอาคารนี้น่ากลัวขนาดไหน” สกายส่งเสียงบ่นน้ำแข็งซึ่งคงจะช็อกไปแล้ว เพราะน้ำแข็งไม่เถียงสกายสักคำ “ฉันว่าเรารีบๆไปเหอะแก อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย ว่าแต่นี้บิวตี้ไปไหนอ่ะไม่เห็นได้ยินเสียงบิวตี้เลย บิวตี้อยู่ไหน บิวตี้ได้ยินเสียงอัยย์ไหม บิวตี้” ฉันส่งเสียงเรียกบิวตี้ เพราะมันนานเกินไปแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงเธอเลย ถึงเธอจะเป็นคนพูดน้อยก็เหอะน่ะ แต่นี้มันนาทีคับขันแล้วโปรดส่งเสียงกลับมาบ้างเถอะ “ยะยะยะยะอยู่นี้ค่ะ บิวตี้อยู่นี้ อยู่ตรงโต๊ะอาจารย์ค่ะ บิวตี้ไม่กล้าขยับค่ะ บิวตี้กลัวจนขะขะขยับขาไม่ออกเลยค่ะ ชะช่วยบิวตี้ด้วยค่ะคุณอัยย์” บิวตี้ส่งเสียงตอบมา ถึงฉันจะโล่งอกที่บิวตี้ไม่เป็นไร แต่เสียงของบิวตี้ทำเอาฉันเกือบหัวใจวายเสียให้ได้ เพราะเสียงเธอมันช่างบางเบาและเย็นยะเยือกมาก “บิวตี้อยู่กับที่นะพวกเรากำลังเดินไปหาไม่ต้องกลัวนะ เรากำลังไปใกล้ถึงเธอแล้ว ไม่ต้องกลัว” ฉันปลอบบิวตี้ขณะที่พวกเราจับมือกันและก้าวไปหาเธอ “เย้ย กะกะแก แกได้กลิ่นอ่ะไรไม๊ว่ะ กลิ่นเหม็น มาก เค้าว่ากันว่ากลิ่นแบบนี้มันเป็นผะผะ” พลั่ว ยัยแป้งหมี่ไม่ทันพูดจบประโยคก็โดนน้ำแข็งตบหัวเข้าซะก่อน ต้องขอบใจน้ำแข็งล่ะนะที่จัดการยัยแป้งหมี่ ก็ยัยนี้ชอบทำให้พวกเราหลอนตลอด “นี้เดี่ยวเหอะตบปากตายเลยนิ ใครเค้าทักกันเล่า รีบเหอะนะ แต่แปลกอ่ะยิ่งเข้าใกล้บิวตี้ยิ่งมีกลิ่น อย่านะเค้ากลัวอ่ะเค้ากลัว” ยัยน้ำแข็งจากที่ว่าแป้งหมี่ แต่กลับเป็นคนทำให้หลอนซะเอง “จิงๆด้วยนะ เหม็นแปลกๆ แต่กลิ่นก็คุ้นๆ อย่างกับคุันเคยมานาน” ฉันกับสกายพยักหน้าเห็นด้วย “คะคือบิวตี้ขอโทษด้วยค่ะทุกคน คือบิวตี้กลัวจนฉี่ราดออกมานะค่ะ เหอะๆๆๆ”
หลังจากที่เราพาบิวตี้ออกมาพร้อมกลิ่น ‘เอ่อฉี่’ ตอนนี้ก็เป็นตาฉันบ้างล่ะที่กลัวขึ้นสมอง ถึงฉันจะชอบสายฝนแต่ฉันก็ไม่ชอบเสียงฟ้าร้องเลยให้ตายซิยิ่งบวกกับความมืดยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ “พวกแกอีกนิดเดียวก็ถึงชั้นล่างแล้วอดทนกันหน่อยนะ” น้ำแข็งพูดออกมาอย่างให้กำลังใจฉันเพราะพวกเพื่อนฉันทุกคนรู้ว่าฉันทั้งเกลียดและกลัวเสียงฟ้าร้องขนาดไหน แต่พวกน้ำแข็งก็ไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ฉันทั้งเกลียดทั้งกลัวเสียงฟ้าร้องขนาดนี้ คงมีแต่เขาคนเดียวที่รู้สาเหตุที่ฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง แต่เขายังไม่รู้สาเหตุที่ทำให้ฉันเริ่มเกลียดเสียงฟ้าร้องเขาไม่เคยรู้เลย เปรี้ยงๆๆๆๆ “กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ” ฉันหลับตานั้งปิดหูร้องไห้เมื่อเสียงฟ้าร้องดังกว่าทุกครั้งและแสงที่ขาวโพลนยังกับตอนกลางวันตัดกับความมืดเสี้ยววินาทีทำให้ฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “ไม่นะ ไม่ ช่วยด้วยแม่จ๋า ช่วยอัยย์ด้วย ฮือๆๆ อัยย์กลัวแม่จ๋า ฮือๆๆๆ” “ยัยอัยย์ใจเย็นๆไม่ต้องกลัวเราอยู่ข้างๆแกแล้วไม่ต้องกลัวไม่มีไครทำร้ายแกได้นะ ไม่ต้องกลัว ยัยน้ำแข็งแป้งหมี่เป็นไงประตูเปิดได้ป่าวว่ะ เร็วๆหน่อยอัยย์ไม่ไหวแล้วนะ” สกายตะโกน บอกพวกแป้งหมี่ให้รีบไปดูประตูพร้อมทั้งกอดปลอบฉันไว้ โดยมีบิวตี้คอยนั้งกุมมือฉันไว้ พร้อมปลอบฉันด้วยเสียงอันบางเบาของเธอว่าไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร ทั้งๆที่เธอก็คงกลัวมากเช่นกัน “แย่ล่ะพวกแกลุงยามล็อกประตูแล้วจะออกอย่างไงล่ะทีนี้ ช่วยด้วยลุงยามเปิดประตูให้พวกหนูหน่อยค่ะ หนูยังอยู่ในนี้ ลุงยามได้ยินไหมค่ะ ลุงยาม” เสียงแป้งหมี่กับน้ำแข็งตะโกนเรียกลุงยามดังลั่น ถึงมันจะดังขนาดไหนลุงยามก็คงจะไม่ได้ยินเมื่อฝนที่เริ่มเทลงมาอย่างบ้าคลั้ง พร้อมเสียงฟ้าร้องอย่างกับว่าโลกจะถล่มทลายตรงหน้า “ไม่นะไม่ ฉันกลัว ฮือๆๆๆ ไม่นะ ฮือๆๆแม่จ๋าช่วยอัยย์กลัว ฮือๆๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ” “ยัยอัยย์ช่วยด้วยพวกแกยัยอัยย์เป็นลม ตะโกนเร็วเข้า ช่วยด้วยค่ะ ช่วยเพื่อนหนูด้วย ฮือๆๆ ยัยอัยย์อย่าเป็นอะไรนะ ช่วยด้วยค่ะ” ครื่นๆๆ ขณะที่ฉันกำลังจะหมดสติ ชั่ววินาทีที่แสงสายฟ้าสีขาวจ้าเพียงเสี้ยวนาทีที่เสียงประตูอาคารเปิด ฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู ผู้ชายซึ่งดูคล้ายกับเขาคนนั้น เขาคนที่ฉันเคยรักไม่ซิคนที่ถึงตอนนี้ฉันก็ยังรักอยู่ เขาคนที่ฉันไม่เคยลืม และเจ็บปวดตลอดระยะเวลา 5 ปี............
ฝากติดตามด้วยนะค่ะเพลงนี้เป็นเพลงที่สื่อถึงความรู้สึกยัยอัยย์ของเราดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ
ต้องขอบคุณเพลงเพราะๆของพี่ๆวงฟลัวFlure ฤดูที่ฉันเหงาด้วย ติดตามกันบ้างนะค่ะ T3T
ความคิดเห็น