คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : -02- ก็ลองไว้ใจดูสักครั้งดิ
ข้าวปุ้นเดินเข้ามาในห้องเรียนปกติก่อนจะวางกระเป๋าพาดไว้กับเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างเพื่อนสาวคนสนิท
"เมื่อวานแกไปติดบนตึกกับคาเฟ่ได้ไงวะ" หมยเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือจ้องเพื่อนรักไม่วางตา
"คาเฟ่ขึ้นมาสูบบุหรี่บนห้องพอดี เลยลงไปพร้อมกัน"
"ได้ไงวะ ปกติกูไม่เห็นมึงสองคนจะมองหน้ากันด้วยซ้ำ" สาวน้อยเลิกคิ้วสงสัย
"ก็มีกันแค่สองคนจะให้คุยกับผีหรือไง แปลกคนนะมึง" ข้าวปุ้นหัวเราะขำขันก้อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา
"ก็จริง"
เสียงแต้งเตือนข้อความเด้งเข้า มือเรียวกดเข้าไปอ่านจ้อความจากคนที่ส่งมา
:กินไรไหม
ไม่อยากเชื่อว่าคาเฟ่จะกแชทหาเขาตอนเช้าๆแบบนี้ ทั้งที่ปกคิแท้แต่ในห้องเรือนก็ไม่เคยคุยกันมาก่อน
:ไม่หิว
ข้าวปุ้นพิมพ์ตอบกลับไปเพราะไม่อยากรบกวนก่อนจะปิดมือถือลงแล้วหยิบหนังสือสมุดออกมาเตรียมเรียน
ผ่านไปไม่นานถุงขนมถุงใหญ่ก็ถูกวางไว้หน้าโต๊ะเรียนของข้าวปุ้น
"อะไรเนี่ย" ข้าวปุ้นเงยหน้าขึ้นไปถามร่างสูงที่เดินอ้อมไปโต๊ะนั่งข้างหลังอีกคน
"ขนมไง"
"รู้ว่าขนม แต่จะซื้อมาให้ทำไม" ร่างเล็กหันหลังไปมองคาเฟ่ที่เก็บกระเป๋าไว้ใต้โต๊ะแล้วโน้มตัวมานั่่งท้าวคางบนโต๊ะเรียน
"แค่ซื้อให้ ต้องมีอะไรพิเศษด้วยเหรอ"
"พิลึกคน" ปากอิ่มขมุบขมิบก่อนจะหันกลับไปหยิบถุงขนมมาสอดไว้ใต้โต๊ะ
"ทำอย่างกับจีบมึงเลย" เหมยกระซิบข้างหูเบาๆ แล้วอมยิ้มกรุบกริบ เหล่ไปมองคาเฟ่ที่นั่งเล่นเกมอยู่ด้านหลัง
"คิดมาก คาเฟ่เนี่ยนะจะจีบกู กินยาไม่เขย่าขวดมากกว่า" ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ในใจก็แอบเค้นโครมครามจนใบหน้าเห่อร้อน มือเล็กอยู่ไม่นิ่งจึงหยิบสมุดขึ้นมาวาดรูปนู่นรูปนี่เล่นเพื่อสงบสติอารมณ์
สักพักอาจารย์ก็เข้ามาสอนคาบแรก ข้าวปุ้นตั้งหน้าตั้งตาจดเลคเชอร์บนกระดานอย่างตั้งใจ
คาเฟ่ที่นั่งอยู่ข้างหลังนึกอยากแกล้งอีกคนเล่นๆจึงเอื้อมมือไปสะกิดหลังอีกคนให้หันมา
ข้าวปุ้นแกล้งไม่สนในยังคงจดเนื้อหาลงสมุดอยู่ มือหนาก็ยังคงสะกิดอยู่อย่างนั้นจนเริ่มเสียสมาธิ
ใบหน้าสวยถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันหน้าไปมองอย่างหงุดหงิด
"มีอะไร"
"ขอกระดาษหน่อย"
ข้าวปุ้นกรอกตามองบนก่อนจะก้มลงไปหยิบกระดาษเอสี่ส่งให้กับคนด้านหลัง
"ปากกาด้วย" สายตาชำเรืองมองค้อนเล็กน้อยก่อนจะหยิบจากกระเป๋าดินสอแล้วส่งให้
"คืนด้วยนะ"
"ปากกาแดงอะ"
"นี่เอาอะไรมาบ้างเนี่ย" ร่างเล็กท้าวแขนกับพนักพิงโต๊ะ หัวคิ้วชนกันอย่างหัวเสียมองคาเฟ่ที่กลั้นขำเพราะทำอีกคนหงุดหงิดได้สำเร็จ
ก็แค่อยากแกล้งเองไม่ได้เหรอ ทำปากงุ้ยๆก็น่าดูดี
"ลิควิดด้วย เห็นไหมมึงหันมามองเขียนผิดเลยเนี่ย"
"กวนตีน"
"นี่นายสองคนนั้นน่ะ ออกไปยืนขาเดียวกางแขนนอกห้องเลยไป" ปากกาเคมีถูกโยนมาตัดหน้าระหว่างเขาทั้งสอง ข้าวปุ้นหันไปมองอาจารย์ตาโตด้วยความตื่นตระหนก
"ขอโทษครับ อาจารย์" คาเฟ่เลิกคิ้วมองอีกคนที่นั่งนิ่งจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินจูงแขนเล็กให้เดินตาม
"อาจารย์ทำโทษแล้วมัวแต่ยืนนิ่งอยู่ได้"
ข้าวปุ้นเดินตามคาเฟ่ออกมาแต่โดยดีก่อนทั้งสองจะยืนขาเดียวแล้วกางแขนยาวจนสุด
โถงทางเดินเงียบสงัดไร้ผู้คนเนื่องจากเป็นเวลาเข้าเรียนหมดแล้วจึงไม่มีผู้คนออกมาพลุกพล่านให้เป็นจัดสนใจจนน่าอับอาย
"เพราะมึงคนเดียวเลย" ริมฝีปากอิ่มเบะพูดน้ำเสียงไม่พอใจช้อนหางตามองค้อนอีกคนอย่างคาดโทษ
"โทษกูงี้เลย" คาเฟ่เลิกคิ้วขึ้นพรางยกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
"เพราะมึงนั้นแหละ" มือเล็กแอบดันอกอีกคนหวังให้เซไปไกลๆหรือล้มไปได้เลยยิ่งดี
"หาเรื่องเหรอมึงอะ" รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นจากใบหน้าคม ไม่เคยได้เห็นใบหน้าของอีกคนชัดขนาดนี้มาก่อน พอเห็นทำหน้างอนแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้
เดี๋ยวนะ กูจะเอ็นดูมันทำไม
คิดได้ดังนั้นอยู่ๆใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ คาเฟ่กระแอมไออออกมาเรียกสติก่อนจะแสร้งหันมองไปทางอื่น
"เป็นโควิดปะมึงอะ" ข้าวปุ้นเอ่ยแซวพรางหัวเราะในลำคออย่างขำขันก่อนจะหันไปมองข้างหน้าดังเดิม
บทสนทนาของทั้งสองนิ่งเงียบไปจนดูเหมือนความเงียบจะเข้ามาปกคลุมทั้งสองอย่างน่าอึดอัด
"ทำไมมึงถึงไม่ได้เป็นประธานกีฬาวะ กูว่ามึงเล่นกีฬาเก่งกว่าธามตั้งเยอะ" ร่างเล็กเอ่ยชวนคุยเพื่อทลายความเงียบระหว่างเขาทั้งสอง เสียงร่างสูงถอนหายใจเรียกสายตาของข้าวปุ้นให้หันไปมอง
"แต่แม่กูไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ปรึกษานี่หน่า" คาเฟ่ยิ้มแห้งตอบกลับมา
"แต่มึงก็น่าจะลงแข่งกีฬาเยอะๆนะ จะได้แสดงศักยภาพไปเลย"
"พูดเหมือนง่ายเนอะ"
"แต่มึงก็น่าจะทำได้ไม่ยากนี่"
"จะมาเชียร์กูปะ"
"เชียร์ดิก็มึงกับกูอยู่สีเดียวกัน มึงชนะก็เท่ากับกูชนะปะ" ทั้งสองมองหน้ากันจนหลุดขำออกมา ไม่ใช่เพราะมุกที่ชวนขำแต่กลับเป็นคนเล่นมุกที่พูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยจนเกิดความเงียบขึ้นมาซะดื้อๆ จิตสำนึกส่วนลึกจึงสั่งให้ขำออกมาบดบังความเงียบอย่างไม่รู้ตัว
"มึงก็นะ"
"แต่กูพูดจริงนะ มึงอะมีศักยภาพอยู่แล้ว" ข้าวปุ้นเอื้อมมือไปแตะไหล่คาเฟ่เบาอย่างมือแล้วตบๆไปสองสามทีเพื่อให้กำลังใจ พร้อมรอยยิ้มหวาน
คาเฟ่มองตามมือของคนที่ตัวเล็กกว่าเอื้อมมาแตะไหล่เขาก็อดเอ็นดูไม่ได้จึงเอื้อมมือไปแตะหัวอีกคนแล้วดันออกอย่างหมั่นเขี้ยว
"ไอเฟ่"
"ไอเตี้ยเอ้ย"
"โหสูงตายล่ะ"
"สูงกว่ามึง" คาเฟ่ยิ้มเยาะคนต้วเล็กกว่า ริมฝีปากอิ่มเหยียดตรงแล้วประทานฝ่ามือตบหัวอีกคนดังแป๊ะด้วยความหมั่นเขี้ยวเช่นกัน
"เตี้ยกว่าก็ตบหัวมึงได้แล้วกันล่ะ ไอโบ้"
"ไอโบ้คืออะไรวะ"
ข้าวปุ้นยักไหล่ไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะหันไปมองทางอื่น คาเฟ่ไม่ลดละใช้ตัวสะกิดอีกคนจนแทบปลิวด้วยขนาดตัวที่ค่อนข้างจะห่างกัน
"ไอโบ้คืออะไร"
"ไม่บอกเว้ย โอ้ย" ข้าวปุ้นเซไปด้านข้างจาการรบเร้าของคาเฟ่ มือหนารีบคว้าเอวเล็กเข้ามาแนบชิดแต่ด้วยขาที่ทรงตัวอยู่แค่ข้างเดียวจึงเซล้มลงไปบนพื้นโดยที่ไม่ลืมคว้าคนตัวเล็กแนบอกบนตัว
"โอ้ย" ทั้งสองอุทานด้วยความเจ็บก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง
ราวกับไฟฟ้าไหลเวียนในร่างกายทั้งสองรีบผละกอดออกจากกันก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบท้ายทอยด้วยความเขินอาย
"โทษทีว่ะ" ข้าวปุ้นพยักหน้ารับ มือเรียวยกลูบแก้มตัวเองที่ร้อนผ่าวไม่กล้าสบสายตากับคนตรงหน้า
คาเฟ่ยกมือขึ้นกำเสื้อที่อกข้างซ้าย ก้อนเนื้อหัวใจเต้นตุบตับเสียงดังลั่นจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยินเสียงหัวใจนั้น
นี่มันเป็นอะไรไปแล้ววะเนี่ย
"พวกมึงสองคนมีซัมติงกันแน่" เหมยที่นั่งอยู่ตรงข้ามจ้องเพื่อนรักพรางดูดเครื่องดื่มปั่นอย่างอารมณ์ดี
ข้าวปุ้นชะเง้อมองไปทั่วโรงอาหารหวังมองหาร่างสูงของใครบางคนหลังจากที่ไม่ได้คุยกะนตั้งแต่โดนทำโทษคาบเช้า
"คาเฟ่มันไม่มากินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารหรอกน่ามึงเชื่อกู" พลันสายตาเหลือบไปเห็นร่างสูงที่คุ้นเคยกำลังต่อคิวซื้ออาหารว่างอยู่ไม่ไกลนักจึงรีบชี้ให้เพื่อนสนิทดู
"มันอยู่นั่นไง" เพื่อนสาวรีบหันไปมองตามนิ้วของเพื่อนสนิทที่ชี้ไปทางที่กลุ่มของคาเฟ่กำลังต่อคิวซื้ออยู่ร้านอาหารว่าง ริมฝีปากเล็กถึงกับอ้าปากค้างแล้วหันมามองเพื่อนตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อก่อนจะขยี้ตาสองสามที มือเล็กยกขึ้นไปบีบคางเพื่อนสนิท
"มึงมองหน้ากูนี่อย่าไปมองคาเฟ่"
"มึงเป็นไรเนี่ยเหมย" มือเรียวยกขึ้นมาจับมือเพื่อนสนิทที่บีบคางตัวเองเบาๆ รอยยิ้มหวานผุดขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อเพื่อนสาวจ้องอย่างจับผิด
เหมยยอมปล่อยมือออกแต่โดยดีก่อนจะลุกย้ายไปนั่งข้างข้าวปุ้นแล้วยกมือป้องหูกระซิบกระซาบเสียงแผ่วเบา
"มึงชองคาเฟ่เหรอ" ข้าวปุ้นรีบผละตัวออกจากเพื่อนสาว ใบหูเล็กขึ้นสีแดงกล่ำจนรู้สึกถึงลมร้อนที่ออกมาจากรูหูทั้งสองข้าง
"จะบ้าเหรอ"
"มึงเขินเหรอปุ้น มึงเขินเหรอ" เหมยลากเสียงยาวพรางยกมือเขย่าไหล่เพื่อนตัวเล็กจนตัวโยกตามแรงของหญิงสาว
"ไอเชี่ย" ข้าวปุ้นร้องอุทานเมื่อเพื่อนสาวคนสนิทเขย่าร่างเขาจนหัวแทบหมุนอยากอาเจียน
"ตอบมาาา"
"กูไม่ได้ชอบแล้วก็จะไม่มีวันชอบด้วย!" ข้าวปุ้นขึ้นเสียง เหมยหยุดชะงักก่อนจะจ้องลึกเข้าไปฝนดวงตาของเพื่อนสนิท
"นึกว่ามึงอยากได้มันเป็นผัวซะอีก"
"ไม่ย่ะ!" ข้าวปุ้นปัดมือเพื่อนสนิทออกจากไหล่ก่อนจะหันกลับมากินน้ำปั่นที่อยู่ในแก้วพลันสายตาก็เหลือบไปสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งที่จ้องกลับมาเช่นกัน
ทำไมต้องทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นด้วยนะ
"กูบอกแล้วว่ามันไม่ง่ายหรอกนะ" ธามเหล่มองเพื่อนสนิทที่ยืนมองสองเพื่อนรักหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นักก่อนจะเอื้อมมือไปตบบ่าแล้วยัดถุงลููกชิ้นปิ้งใส่มือของคาเฟ่
"อะไร"
"กลัวมึงขาดทุน" ธามยกยิ้มอย่างอารมณ์สุนทรีก่อนจะเดินเก๊กล้วงกระเป๋ากางเกงหวังเดินอบ่างวางมาด
"ฟวยเถอะ" คาเฟ่ยกเท้าถีบข้อพับขาของอีกคนจนเกือบล้มลงไปกับพื้น ธามหันมามองตาขวางแล้วยันตัวเองกับเสาให้ลุกขึ้น
"เชี่ยเฟ่"
"มึงต่างหากที่ต้องกลัวขาดทุน" ร่างสูงยัดถุงลูกชิ้นปิ้งคืยให้เจ้าของก่อนจะเดินออกไป
ธามหัวเราะหึในลำคอก่อนจะส่ายหัวอย่างระอาใจ ก่อนจะใช้ไม้เสียบลูกชิ้นปิ้งขึ้นมากินเอง
"กูจะคอยดู"
หลังเลิกเรียนข้าวปุ้นผละออกจากเพื่อนสาวอีกตามเคย คราวนี้พ่อเหมยมารับกลับเพราะต้องไปฉลองวันเกิดกับคุณย่า เขาเลยไม่ได้เซ้าซี้แล้วยอมกลับบ้านเองตามลำพัง
"กลับกัน" เสียงทุ้มเอ่ยมาจาด้านข้างโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงก่อนจะใช้มือดึงแขนข้าวปุ้นให้เดินตาม
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังแปลกใจที่ร่างสูงมาวุ่นวายทำตัวติดเขาเป็นพิเศษ
"อะไรของมึงเนี่ย" คาเฟ่ไม่ตอบอะไรเพียงแค่ปลดกระเป๋าเป้หนังสือเรียนของอีกคนออกแล้วยัดไว้ที่ช่องเก็บของใต้เบาะพร้อมกับของตน
"กลับบ้านไง เดี๋ยวกูไปส่ง" ใบหน้าคมหันมาตอบร่างเล็กที่ยืนประหลาดใจมองความผิดปกติของคนตรงหน้าจนคิ้วขมวด
"มึงกินยาเขย่าขวดปะเนี่ย โอ้ย" โทษฐานที่พูดมากหมวกกันน็อคใบหนึ่งจึงถูกครอบไว้บนศีรษะโดยไม่ทันตั้งตัว
"ใส่แล้วก็เลิกพูด ขึ้นมาแล้วก็บอกทางก็พอ" ข้าวปุ้นเหลือกตามองแรงพร้อมกับเบะปากจนริมฝีปากอิ่มเบะคว่ำ
"โอ้โห มึงเป็นพ่อกูหรือไงฮะ" มือเรียวยกขึ้นเกาะอกมองร่างสูงที่ขึ้นไปนั่งคร่อมบนมอเตอร์ไซค์คันพอดีตัวกับคาเฟ่
"คนจะไปส่งไม่เอาใช่ไหม"
"เอาก็เอา" ข้าวปุ้นจิ๊ปากทำท่าฉุนเฉียวทั้งที่ในใจก็แอบดีใจที่เจ้าตัวยอมขี่ลูกรักไปส่งถึงบ้าน
"เดี๋ยว ใส่หมวกกันน็อคให้มันดีๆหน่อย" คาเฟ่เอื้อมมือม่ดึงสายปรับที่คางก่อนจะล็อคให้พอดีกับใบหน้าเล็ก
เลือดฝาดสีอ่อนขึ้นระเรื่อบนใบหน้าสวยที่เห่อร้อนจนแอบอมยิ้มเมื่อใบหน้าคมนั้นโน้มหน้ามาใกล้ๆ
"ขึ้นมาได้แล้ว" ข้าวปุ้นพยักหน้าก่อนจะจับไหล่อีกคนเพื่อยึดปีนขึ้นไปบนเบาะท้าย
"ขึ้นแล้ว"
"จับแน่นๆ" มือเล็กกระชับไหล่กว้างแน่นตามที่บอก
"กูไว้ใจมึงได้ใช่ปะ"
"ก็ลองไว้ใจดูสักครั้งดิ" ข้าวปุ้นมองใบหน้คมผ่านกระจกข้าง รอยยิ้มหวานอมยิ้มเพียงเล็กน้อยก่อนร่างสูงจะพาขี่มอเตอร์ไซค์ออกนอกโรงเรียนไป
"เลี้ยวซ้ายๆๆ" คาเฟ่เลี้ยวตามที่ข้าวปุ้นบอกก่อนจะจอดหน้าซอยบ้านที่ต้องเดินเข้าไปเล็กน้อย มีบ้านสไตล์โมเดิร์นอยู่สองสามหลัง บรรยากาศสงบสบายหู
"ไม่ให้กูไปส่งหน้าบ้านอะ"
"เดินแค่นี้เอง ให้กูออกกำลังกายบ้าง" ข้าวปุ้นลงมาจากเบาะหลังตามมาด้วยคาฟ่ที่เอาขาตั้งลงก่อนจะเปิดเบาะเพื่อหยิบกระเป๋าให้
"ข้าวปุ้น" เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินน้ำเสียงเรียบนิ่งของใครบางคนที่เดินมา
"พ่อฮะ" ตัวเล็กเอ่ยเสียงสั่นหันไปมองคาเฟ่ ร่างสํงรีบยกมือไหว้ทักทายตามมารยาทแต่ผู้ใหญ่ที่รับไหว้อยู่ดันไม่สบอารมณ์เลยสักนิด
"กลับบ้านได้แล้ว" ข้าวปุ้นพยักหน้าระรัวก่อนจะรีบถอดหมวกกันน็อคคืนเจ้าของอย่างลุกลี้ลุกลน
"กูไปก่อนนะ" ว่าพรางรีบหยิบกระเป๋าหนังสือออกจากช่อเก็บของเดินตามพ่อตัวเองไปอย่างตัวแข็งทื่อ
คาเฟ่ยืนยกไหว้ค้างอยู่อย่างนั้นราวกับตกอยู่ในภวังค์ที่เย็นยะเยือก ก่อนจะรีบส่ายหน้าให้รู้สึกตัว
ทำไมดูโหดจังวะ
To be continue
พี่เฟ่หนูหลงน้องแล้วใช่ไหม พูดดด อย่ามาหลอกแม่ยายซะให้ยาก
คุณพี่ธามคะ อย่าโผล่มาขายขำค่ะ เดี๋ยวเขารู้ว่าเป็นหมาป่าหลงฝูง
สุดท้ายนี้ฝากถึงลูกหล่าของเรา ตกพี่ๆเข้าด้อมเยอะๆนะลูก5555
ความคิดเห็น