ตอนที่ 23 : 20 [180 % ครบแล้วค่ะ]
บทที่ 20
“เดี๋ยวพันลี้ไปส่งที่บ้านใช่ไหมรัก ?”
“ครับ ลี้บอกว่าจะไปส่งเอง”
“โอเค งั้นพี่ไม่วนกลับมารับแล้วนะ”
“ค้าบ…”
ผมส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วโบกมือลา รถ BMW สีดำเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่ของพันลี้ ทันทีที่หันกลับไปทางประตูไม้บานใหญ่ที่เปิดรอรับแขกอย่างผมก็เห็นผู้หญิงวัยกลางคนที่คาดว่าเป็นแม่บ้านยืนยิ้มอยู่ ผมยกมือสวัสดีขณะที่เธอเดินมาหา
“คุณพันลี้ให้มารอต้อนรับคุณรักค่ะ”
“เรียกรักเฉย ๆ ก็ได้ครับคุณป้า…หรือจะเรียกว่าแก้มย้อยก็ได้นะครับ เพื่อน ๆ ชอบเรียกกันแบบนั้นครับ”
คุณป้าแม่บ้านยกมือปิดปากขณะหัวเราะ “เรียกคุณรักดีแล้วค่ะ”
“…ได้ครับ”
“เชิญทางนี้ค่ะคุณรัก”
“ค้าบ…”
ผมตอบรับแล้วเดินตามคุณป้าแม่บ้านเข้าไปข้างใน ตั้งแต่เป็นเพื่อนกับพันลี้ ผมมาบ้านของเพื่อนสนิทแทบนับครั้งได้ ส่วนมากที่ต้องมาหาเจ้าตัวที่บ้านเพราะเอาชีทเรียนและสรุปข้อสอบมาส่งให้ แต่ธุระของเรามักจะจบที่หน้าบ้านเท่านั้น ผมไม่เคยเข้ามาข้างในทั้งที่เพื่อนชวนหลายครั้งแล้ว
นั่นเป็นเพราะผมไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของเพื่อน
ไม่มีเพื่อนคนไหนใส่ใจพันลี้เท่า รัก นิรันดร์ คนนี้แล้ว : )
ผมกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้านขณะเดินตามคุณป้าแม่บ้าน บริเวณรอบบ้านถูกตกแต่งอย่างสวยงามและหรูหรา บ้านของพันลี้ไม่ต่างจากในละครภาคค่ำที่ปู่ชอบดู ตั้งแต่น้ำพุที่ตั้งอยู่หน้าบ้านแล้ว พี่ดอมต้องขับรถอ้อมน้ำพุขนาดใหญ่ที่มีกามเทพยืนแผงศรเพื่อพามาส่งหน้าประตู ทั้งยังมีประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่เปิดเองอัตโนมัติอีก บ้านใหญ่โตและสะดวกสบายขนาดนี้ แต่ลี้หน้าหมายังชอบออกไปเที่ยวข้างนอกมากกว่าอยู่บ้านซะอีก
น่าตีจริง ๆ เลย…
ผมไม่เคยยุ่งหรือถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อน นอกจากสิ่งที่เพื่อนต้องการบอกเองแต่เพราะผมเป็นลูกหมาอ้วนที่แสนฉลาดถึงได้รู้ว่าสองพี่น้องตระกูลพิสุทธิ์มีฐานะทางบ้านค่อนข้างดี เพราะดูจากรถที่ขับและของที่ใช้ แต่ไม่คิดว่าจะเข้าขั้นเศรษฐีขนาดนี้ พันลี้กับพี่ฟ้าไม่เคยพูดอวดอะไรเลย
พันลี้ชอบพูดอวดอย่างเดียวว่า…ตัวเองเป็นคนเหงาเก่ง
เจ้าตัวเลยไม่ชอบอยู่บ้าน
บ้านใหญ่ขนาดนี้ก็น่าเหงาแหละเนอะ
รักเข้าใจลี้หน้าหมาแล้วนะ
“เชิญคุณรักเข้าไปรอในห้องนั่งเล่นของคุณพันลี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวอีกสักพักคุณพันลี้ก็ลงมาค่ะ”
“อะ อ๋อ ได้ครับ” ผมหันมองประตูกระจกที่ปิดสนิทอยู่ แต่เพราะเป็นกระจกใสถึงได้เห็นโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ โทรทัศน์ติดผนัง เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุด และแผ่นเกมบอลมากมายที่เจ้าตัวชอบ เพราะไม่กล้าเปิดประตูเองเลยหันกลับไปหาคุณป้าแม่บ้าน ทว่าเหลือแค่ผมที่ยืนอยู่คนเดียว
แม่เคยบอกว่าอย่าทำรุ่มร่ามในบ้านคนอื่น
แต่เมื่อกี้คุณป้าแม่บ้านอนุญาตแล้วนี่…
เมื่อเลื่อนเปิดประตูกระจกอุณหภูมิเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างทันที ผมส่ายหน้าเบา ๆ พลางอมยิ้มก่อนจะเข้าไปข้างใน พันลี้เป็นคนขี้ร้อนมาก ๆ ไม่ต่างจากพี่ฟ้าเลย เจ้าตัวคงเปิดแอร์ไว้ตลอดทั้งวัน ข้างในห้องถึงได้หนาวจนเหมือนอยู่ขั้วโลกเหนือ
เมื่อกี้ผมจำได้ว่าคุณป้าแม่บ้านบอกให้เข้ามารอในห้องนั่งเล่นของพันลี้ แสดงว่าสองพี่น้องตระกูลพิสุทธิ์มีห้องนั่งเล่นแยกคนละห้องแน่ ๆ เลย
สองพี่น้องนี่น่าอิจฉาจริง ๆ เลยนะ…
ไม่นานนักพันลี้ก็มาปรากฏตัว เจ้าตัวแต่งตัวสบาย ๆ ด้วยการสวมเสื้อกล้ามและกางเกงวอร์มแบรนด์ดัง คงเป็นเพราะเพื่อนมีผิวขาวอยู่แล้วเลยทำให้เสื้อผ้าที่มีสีดำทั้งตัวช่วยขับผิวมากขึ้น วันนี้ผมต้องยอมรับว่าพันลี้หล่อเยอะจริง ๆ เพราะแค่ใส่ชุดง่าย ๆ เจ้าตัวยังดูดีได้ขนาดนี้
แต่ไม่เท่าพี่ฟ้าหรอกนะ…
…พี่ฟ้าน่ะหล่อที่สุดแล้ว : )
“โทษทีมึง รอนานปะ ?”
“นานมากกกกก….หาขนมมาให้กินเลย หิวจะแย่แล้วเนี่ย…”
“รอแป๊บนะเพื่อนบังเกิดเกล้า แม่นมกำลังเอามาให้…”
“มีแม่นมด้วยเหรอ ?”
“มี…” พันลี้เดินมานั่งลงข้าง ๆ แล้วนิ้วชี้หน้าผม “ห้าม…ล้อ…กู!”
ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก “อือ…ไม่ล้อหรอก ลี้หน้าหมาแค่มีแม่นมเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ น่าล้อตรงไหน”
แกร๊ก…
เสียงที่ดังมาจากประตูกระจกทำให้บทสนทนาของเราสองคนหยุดชะงักแล้วหันไปมองคนที่กำลังจะเข้ามา ผมเห็นผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งกำลังถือถาดที่มีแก้วน้ำแดงกับจานใส่ขนมอะไรสักอย่างยืนอยู่หน้าประตู พันลี้รีบลุกไปเปิดประตูให้คุณยายที่คาดว่าเป็นแม่นม ผมลุกตามเพื่อนไปแล้วพยายามจะช่วยแม่นมของพันลี้ถือถาดเหล็กมันวาว แต่ท่านยิ้มแล้วส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเดียว
“มันหนักมาก ๆ เลย ให้รักช่วยนะครับ…”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ เนียนถือได้ค่ะคุณหนู”
“รักครับ เรียกว่ารักดีกว่านะครับคุณยาย”
“คุณหนูเป็นเพื่อนของคุณหนูเล็ก ก็เหมือนเป็นคุณหนูของเนียนอีกคน…ให้เนียนเรียกแบบนี้ดีแล้วค่ะ”
“กะ ก็ได้ครับ…แต่ถ้าคุณยายเปลี่ยนใจ เรียกว่าเจ้ารักก็ได้นะครับ ปู่ชอบเรียกรักแบบนี้ครับ”
“แม่นม เลิกเรียกลี้แบบนั้นสักที…ลี้อายเพื่อนนะ”
ผมมองพันลี้ที่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะแย่งถาดเหล็กมาจากแม่นมแล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะกลาง เมื่อกี้แม่นมเรียกพันลี้ว่าอะไรนะ
คุณหนูเล็ก…
คุณหนูเล็กใช่ไหม ?
“เนียนเรียกของเนียนมาตั้งแต่เล็ก…คุณหนูเล็กจะให้เปลี่ยนได้ยังไงคะ ?”
“นมมมมมม…ลี้ขอล่ะครับ เดี๋ยวลี้โดนเพื่อนล้อ”
ผมอมยิ้มแล้วพยักหน้าเบา ๆ ที่แท้เจ้าตัวก็กลัวโดนล้อเรื่องนี้ “ไม่มีใครกล้าล้อคุณหนูเล็กหรอก”
“ไอ้แก้มย้อย !”
“เนียนเอาน้ำแดงกับคุกกี้มาให้แล้วนะคะ คุณหนูเล็กกับคุณหนูรักอยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ ?”
“ไม่เอาแล้วครับคุณยาย แค่นี้รักก็กินไม่หมดแล้วครับ”
“งั้นเดี๋ยวเนียนขอตัวก่อนนะคะ”
“ครับ ให้รักเดินไปส่งไหมครับ ?” ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองเดินไปพยุงคุณยายตั้งแต่ตอนไหน รู้ตัวอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะของแม่นมกับพันลี้
“ไอ้แก้มย้อย…แม่นมไม่หลงทางหรอก เขาอยู่บ้านนี้ตั้งแต่กูยังไม่เกิด”
“มะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย…แค่กลัวคุณยายเดินสะดุดล้มระหว่างทาง”
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงเนียน แต่เนียนเดินกลับครัวเองได้ค่ะ ” แม่นมของพันลี้ส่งยิ้มให้ผมแล้วเอามือมาลูบที่แก้มเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“พันลี้ใช้งานคุณยาย…ไม่ดีเลยนะ”
“ปกติกูก็ไม่เคยให้แม่นมทำอะไร นอกจากทำอาหารให้กู…แต่พอแม่นมรู้ว่ามึงจะมาเท่านั้นแหละ เตรียมโน่นนี่เยอะแยะไปหมด”
“แม่นมรู้จักกูด้วยเหรอ ?” ผมรีบเดินไปนั่งลงข้าง ๆ พันลี้พร้อมเบิกตาโต
“รู้ดิ…กูเล่าเรื่องมึงให้แม่นมฟังบ่อย ๆ ” พันลี้ว่าพลางหยิบคุกกี้เตรียมใส่ปาก แต่ผมเอื้อมมือไปคว้าคุกกี้มาจากมือเพื่อนเพราะอยากให้พันลี้เล่าให้ฟังอย่างตั้งใจ ไม่ใช่พูดขณะที่กินอยู่ เดี๋ยวรายละเอียดต่าง ๆ จะตกหล่นระหว่างเจ้าตัวเคี้ยวขนม ผมเอาคุกกี้ชิ้นนั้นวางใส่จานเหมือนเดิม พันลี้เหมือนจะรู้ในสิ่งที่ผมต้องการถึงได้ถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “เล่าเรื่องทั่วไป เช่น นิสัย หน้าตา แต่ความน่าหมั่นเขี้ยวของมึง ไม่ได้ลงรายละเอียดเยอะ”
“แล้วแม่นมเอ็นดูกูบ้างไหม ?”
“ยอมออกจากครัวแสนรักแล้วเอาขนมมาให้เองกับมือ มึงคิดว่าเอ็นดูขนาดไหนล่ะ ?”
“ดีใจจัง แม่นมเอ็นดูกูด้วย”
“พี่ฟ้าก็เอ็นดูมึงนะ…” พันลี้พูดแล้วยกยิ้มมุมปาก “มึงดีใจไหม ?”
“…” จู่ ๆ คำถามของพันลี้ก็ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาซะอย่างนั้น นั่นคงเป็นเพราะเรื่องที่กำลังคุยโดนพันลี้โยงไปหาพี่ฟ้า
“ว่ายังไง ?”
ผมอยากตั้งสติให้ดี ๆ ก่อนเลยเลือกหยิบคุกกี้ขึ้นมากินเพื่อถ่วงเวลาตอบคำถาม “กูหิว…ขอกินก่อน”
“…” พันลี้หัวเราะเบา ๆ เจ้าตัวล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วพิมพ์ข้อความด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอย่างที่ไม่ค่อยเคยเห็นนัก ผมอยากรู้ว่าพันลี้เป็นอะไรเลยยื่นหน้าเพื่อแอบดูที่หน้าจอ แต่ลี้หน้าหมารู้ทันเลยเอียงศีรษะมาบังผมไว้ ทำให้ปลายจมูกของผมสัมผัสกับกลุ่มผมนุ่ม
“หัวไม่หอมเท่าพี่ฟ้า เอาออกไปเลยนะ !”
“แล้วมึงแอบดูแชตกูทำไม ?”
“เปล่าสักหน่อย…”
พันลี้เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม เจ้าตัวจ้องผมก่อนเอ่ย “ถ้าโกหก…ขอให้พี่ฟ้าไม่รัก”
ผมกะพริบตาปริบ ๆ แล้วเคี้ยวคุกกี้ช้าลงเพื่อคิดหาข้อแก้ตัว แต่สิ่งเดียวที่นึกออกคือการเอานิ้วชี้ไขว้กับนิ้วกลางแล้วซ้อนไว้ด้านหลัง ก่อนเอ่ย “ไม่ได้แอบดูสักหน่อย…”
“นิ้วอะ…”
“ยอมก็ได้…แต่ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลย”
“ถ้าสารภาพผิด…ขอให้พี่ฟ้ารักเยอะ ๆ ”
“กูแอบดูจริง ๆ …แต่ไม่เห็นอะไรเพราะมีหัวเน่า ๆ มาบังไว้” ผมเลิกเอานิ้วไขว้กันแล้วสารภาพผิด แต่ไม่รู้ว่าการสารภาพความจริงครั้งนี้เป็นเพราะผมไม่ชอบโกหกหรือพันลี้พูดแบบนั้น
เอาเป็นว่า…เพราะทั้งสองอย่างเลย
แต่น้ำหนักข้างที่ ‘ขอให้พี่ฟ้ารักเยอะ ๆ ’ ค่อนข้างมากกว่า
“มีเรื่องอะไรจะคุยกับกู ?” พันลี้ถามพลางคว้ารีโมตเปิดโทรทัศน์ “ ไม่ใช่มาหลอกกินขนมบ้านกูนะ”
“ไม่ได้มาหลอกกินขนม…เพราะรู้ว่าขอดี ๆ มึงก็ยอมแล้ว…”
ผมมองพันลี้อมยิ้มขณะดูโทรทัศน์ “แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูล่ะ ?”
“พันลี้…”
“…”
พันลี้คงรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นของผม เจ้าตัวถึงได้ลดเสียงโทรทัศน์ลงแล้วหันมาสบตากัน ผมกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเป็นกังวลทั้งที่เดาได้ว่าผลลัพธ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัวในตอนนี้
“กู…เอ่อ…”
“…ใจเย็น ๆ กูไม่รีบ”
“ขอบคุณมึงนะที่ไม่รีบ กูตื่นเต้นมากเลย” นอกจากกังวลแล้ว ผมยังมีอาการตื่นเต้นร่วมด้วย มือของผมเย็นไปหมดเลย แถมเริ่มมีเหงื่อซึมบนหน้าผากด้วย
“นี่กูเอง…ลี้หน้าหมาของมึงไง”
“…”
“ไม่ต้องกังวล อยากพูดอะไรก็พูดเลย กูพร้อมรับฟังมึงเสมอ”
คำปลอบโยนของพันลี้ทำให้ผมคลายความกังวลได้บ้าง ถึงได้เอ่ยออกไป “กูชอบพี่ฟ้า”
“…”
“ไม่ได้ชอบแบบรุ่นพี่รุ่นน้อง”
“…”
“แต่ชอบแบบนี้…” ผมเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาชนกันแล้วถูไปมาเพื่อช่วยอธิบายบางประโยคที่ทำให้เขินจนพูดไม่ออก
“ชอบแบบนิ้วชนกันเหรอ ?”
“พันลี้ !! กูรู้ว่ามึงฉลาดมากนะ…”
“…”
“ขอร้องล่ะ อย่าแกล้งกูได้ไหม ?...สำหรับนักหัดรักแบบกู มันยากมากเลยนะ”
ผมถอนหายใจขณะมองพันลี้หัวเราะชอบใจ “เออ…กูเข้าใจ”
“…”
“แบบคนรักใช่ไหม ?”
“ใช่”
“…”
“ตอนที่กูรู้ตัวว่าเริ่มรู้สึกแบบนี้กับพี่ฟ้า…กูกลัวมึงไม่โอเคนะ”
“…”
“แต่มึงก็พยายามทำให้รู้ตลอดว่าโอเค…กูถึงได้กล้าบอกมึงไง”
“…”
“กูไม่ได้ตั้งใจปิดบัง แค่อยากให้ตัวเองมั่นใจก่อน”
“พี่ฟ้ากับมึงคือคนที่กูโคตรรักเลย…ถ้าวันหนึ่งคนที่กูรักมาก ๆ ได้รักกัน กูจะไม่โอเคได้ไง”
“…”
“กูอยากเห็นพี่ฟ้ายิ้มให้มึง อยากเห็นมึงยิ้มให้พี่ฟ้า...”
“…”
“…และอยากเห็นทั้งสองคนยิ้มให้กู”
“…”
“แค่นี้แหละ…พอแล้ว”
“ขอบคุณนะลี้…”
“กูมีบางอย่างอยากให้มึงดู”
“อะ อะไรเหรอ ?”
“ตามกูมา…”
พันลี้คว้าแขนผมแล้วพาออกมาจากห้องนั่งเล่น เจ้าตัวพาขึ้นบันไดหินอ่อนสีขาวที่เลี้ยววนเป็นครึ่งวงกลมเพื่อขึ้นมาชั้นสองของบ้าน ผมเดินตามโดยไม่ปริปากถามอะไร แม้อยากรู้มากแค่ไหนก็ตาม
เพราะผมเชื่อใจเพื่อน…
ผมเชื่อว่าพันลี้จะพาไปเจอแต่สิ่งดี ๆ
“ถึงแล้ว…” พันลี้พาผมมาหยุดยืนที่หน้าประตูไม้สีขาวบานใหญ่ “ห้องของคุณหนูใหญ่”
“หะ ห้องพี่ฟ้าเหรอ ?”
“อือ…ห้ามใครเข้าเด็ดขาด”
“แล้วมึงจะให้กูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตเนี่ยนะ ?”
“พี่ฟ้าไม่อยู่…มึงจะกลัวอะไร ?”
“ไม่เอาหรอก…กูต้องขออนุญาตพี่ฟ้าก่อน”
“รอขออนุญาตแล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นวะ ?”
“พะ พันลี้…นี่มันห้องส่วนตัวของพี่ฟ้านะ !”
พันลี้ลากผมเข้ามาในห้องของพี่ฟ้าอย่างทุลักทุเลเพราะผมพยายามขืนตัวสุดชีวิตเพื่อไม่ให้ตัวเองทำผิดโดยการก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวอีกฝ่าย เจ้าตัวเป็นคนบอกเองว่าพี่ฟ้าห้ามคนอื่นเข้าห้องเด็ดขาด แสดงว่าพี่ฟ้าต้องหวงความเป็นส่วนตัวมาก ๆ ถ้าพี่ฟ้ารู้ว่ามีคนแอบเข้าห้องคงไม่พอใจ
รักไม่ได้ตั้งใจนะครับพี่ฟ้า…
พันลี้ลากรักเข้ามานะครับ…
ผมกวาดสายตามองรอบห้องสีเทาที่กว้างกว่าห้องของผมถึงสี่เท่า ภายในห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบง่าย แต่ของทุกชิ้นที่วางอยู่ในห้องล้วนแต่มีราคาทั้งนั้น โดยเฉพาะตู้โชว์กระจกที่มีนาฬิกาแบรนด์ดังวางอยู่หลายสิบเรือน ผมอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นกีตาร์ไฟฟ้าสามตัวที่วางตั้งไว้อย่างดีข้าง ๆ เตียงนอน
ไม่แปลกใจเลยที่พี่ฟ้าร้องเพลงเพราะ : )
ทุกอย่างถูกจัดวางเป็นระเบียบจนผมไม่กล้าแตะอะไรเลย หากผมขยับของสักชิ้นที่อยู่ภายในห้องนี้ เจ้าของห้องจะต้องรู้แน่ ๆ ว่ามีคนแอบเข้ามา
“พี่ฟ้าเป็นคนมีระเบียบ”
“…ก็พอจะรู้อยู่”
“ต่างจากกูพอสมควร”
“…”
“ของที่กูอยากให้ดูอยู่นี่…”
พันลี้คว้าแขนผมไว้อีกครั้งแล้วพามาหยุดยืนที่หน้ากรอบรูปขนาดใหญ่ที่มีผ้าสีขาวปิดคลุมไว้ เพื่อนไม่ได้บอกว่าต้องทำอย่างไรกับกรอบรูปติดผนังที่อยู่ตรงหน้า เจ้าตัวแค่ปล่อยให้ผมเป็นอิสระแล้วถอยห่างออกไป ผมยืนนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ประโยคคำพูดหนึ่งของพี่ฟ้าวนกลับเข้ามาในหัว
‘ขอบคุณที่หันกลับมามองพี่ฟ้า’
ผมไม่รู้ว่าทำไมคิดถึงประโยคนี้ รู้แค่ว่าเป็นเพราะคำพูดของพี่ฟ้าถึงทำให้เอื้อมมือไปดึงผ้าผืนนั้นออกจากกรอบรูป ผืนผ้าสีขาวถูกปล่อยร่วงลงพื้นเมื่อสิ่งที่ถูกบดบังปรากฏเด่นชัด
เป็นในตอนนี้ที่ผมเห็นตัวเองอยู่ในนั้น…ในกรอบรูปที่เคยถูกผ้าสีขาวปิดคลุมไว้ ผมเม้มริมฝีปากแน่นขณะมองใบหน้าตัวเองที่เปื้อนสี ผมยิ้มกว้างจนตาหยี และผมนั่งอยู่ในซุ้มรับน้อง
ผ่านมากี่ปีแล้วนะ…
…สำหรับพี่ฟ้า
และเมื่อเลื่อนสายตามองด้านล่างกรอบรูปจะเห็นข้อความหนึ่งถูกเขียนไว้ ผมอยากเห็นมันชัด ๆ จึงเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น ข้อความนั้นเขียนว่า…
‘ในขณะที่ทุกคนเงยหน้ามองท้องฟ้า…แต่ผมมองแค่คุณ’
ข้อความนั้นทำให้ผมกัดริมฝีปากของตัวเองจนรู้สึกเจ็บ กระบอกตาผมเริ่มร้อนผ่าวพร้อมทั้งรู้สึกแสบซ่าที่จมูก ผมพยายามกลืนทุกอย่างกลับเข้าไป ทว่าทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้รวมตัวเป็นก้อนความรู้สึกขนาดใหญ่แล้วหยุดอยู่ที่หน้าอกข้างซ้าย ภาพความทรงจำที่ผมมีกับพี่ฟ้าค่อย ๆ ไหลเข้ามาอย่างห้ามไม่ได้ พร้อมทั้งมีคำถามมากมายที่รอคำตอบมานานผุดขึ้นในหัว
ผมเคยสงสัยว่า…ทำไมพี่ฟ้าถึงรู้ว่าผมชอบกินกะเพราหมูกรอบกับไข่เจียวที่ต้องไม่เยิ้ม
ผมเคยสงสัยว่า…ทำไมพี่ฟ้าชอบเดินตามหลังผม
ผมเคยสงสัยว่า…ทำไมพี่ฟ้าต้องยืนส่งผมที่หน้าบ้านเสมอ
ผมเคยสงสัยว่า…ทำไมผมถึงได้เห็นรอยยิ้มที่คล้ายแสงแดดในยามเช้าบ่อย ๆ
ทุกคำถาม และ ทุกความสงสัย
รักได้คำตอบแล้วนะครับพี่ฟ้า…
ผมไม่กล้าหันไปหาพันลี้เพราะกลัวตัวเองจะทนไม่ไหวแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา สิ่งเดียวที่ทำได้คือสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แต่ในจังหวะที่ผมผ่อนลมหายใจอุ่นร้อนออกมา น้ำหยดสีใสที่ไม่ค่อยชอบก็ร่วงลงสัมผัสข้างแก้ม ผมยิ้มบางพลางคิดไม่เชื่อว่าตัวเองจะเสียน้ำตาให้กับความรัก
แต่ผมคิดว่า…ความรักของพี่ฟ้า
ควรค่าแก่การเสียน้ำตา
ยิ่งเห็นรูปตัวเอง…น้ำตายิ่งไหลออกมาเรื่อย ๆ เลย ผมรู้ดีว่าความรู้สึกมากล้นที่เกิดขึ้นเทียบไม่ได้กับความรู้สึกที่พี่ฟ้ามีให้ผม และเพราะเป็นมือใหม่หัดรักจึงไม่สามารถควบคุมความรู้สึกพวกนี้ได้ ผมเลยกลั่นมันออกมาเป็นน้ำตาแทน
รักขี้แยจัง…
เก็บความรู้สึกไม่เก่งเท่าพี่ฟ้าเลยเนอะ : )
“กูขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงกับมึง…”
“…”
“กูรู้ได้สักพักแล้วว่าพี่ฟ้าแอบชอบมึง”
“…”
“พี่ฟ้าขอไม่ให้กูบอกมึง…เพราะเขาแค่อยากให้มึงเห็นเขาบ้าง ไม่ได้หวังเป็นอย่างอื่น”
“…”
“ถ้ามึงจะรู้สึก…เขาอยากให้มึงรู้สึกด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น”
“…”
“มึงอย่าโกรธพี่ฟ้านะ”
ผมอยากขอบคุณพันลี้ที่เลือกพูดอยู่ข้างหลังโดยไม่เดินเข้ามาหา เพราะถ้าเจ้าตัวเห็นผมร้องไห้จะต้องเอาไปล้อแน่ ๆ ผมใช้ภาษากายตอบกลับด้วยการส่ายหน้าเพื่อยืนยันว่าไม่โกรธ พยายามพูดโดยไม่ให้เสียงสั่นเครือ
“ลี้…กูเดินนำพี่ฟ้ามาตลอดเลย”
“…”
“พี่ฟ้าเดินตามกูนานแล้ว…”
“ต่อจากนี้ก็เดินไปด้วยกันนะ”
“…”
ผมพยักหน้ารับทั้งที่ไม่หันไปมองพันลี้ เจ้าตัวคงรู้ว่าผมไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาถึงได้เดินออกไปเงียบ ๆ ผมทิ้งตัวนั่งบนพื้นแล้วเงยหน้ามองรูปตัวเอง
ในสายตาของพี่ฟ้า…
รักเป็นแบบนี้นี่เอง…
ตอนนี้หัวใจไม่เต้นเร็วเลยสักนิด แต่มันกลับนิ่งสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่แปลกใจเพราะรู้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองใหม่นี้เกิดจากอะไร…
ที่หัวใจสงบนิ่งเพราะ…
รักเจอท้องฟ้าของตัวเองแล้ว : )
ผมล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพราะมันสั่นแจ้งเตือน ข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ยิ้มได้ทั้งน้ำตา
M.FAH : พี่ฟ้ากำลังขึ้นเครื่องแล้วนะครับ
ผมใช้หลังมือปาดน้ำสีใสที่เอ่อล้นรอบขอบตาก่อนจะดูข้อความถัดไป
M.FAH : น่าจะถึงตอน 15 : 25 น.นะครับ
ที่รัก : เดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะครับพี่ฟ้า
รักจะรอ…
รอถึง 15 : 25 น.
ตอนนั้น…มันคงถึงเวลาแล้ว
#กี่หมื่นฟ้า
ผมรีบก้าวลงบันไดแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องนั่งเล่นของพันลี้ ทว่าเจ้าตัวไม่อยู่ในห้องนั้น บ้านของเพื่อนใหญ่โตขนาดนี้ คงหาพันลี้ไม่เจอง่าย ๆ ผมต้องเจอพันลี้ให้เร็วที่สุดเพราะเหลือเวลาไม่มากแล้ว
“พันลี้ ไปไหนนะ ?” ผมบ่นเบา ๆ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อโทรหา
“ไอ้แก้มย้อย โทรหากูทำไม ?”
พันลี้ที่เดินออกมาจากบริเวณหนึ่งของบ้านถามด้วยน้ำเสียงกวน ๆ พอผมเจอตัวเพื่อนจึงไม่รอช้ารีบลากออกมาหน้าบ้านทันที
“เฮ้ย ๆ เดี๋ยวดิ…มึงจะพากูไปไหน ?”
“จะไม่ทันแล้ว พี่ฟ้าจะถึงสนามบินแล้ว”
“ก็รอที่นี่ดิ…เดี๋ยวกูโทรบอกว่ามึงอยู่บ้าน พี่ฟ้าจะได้ไม่แวะคอนโดแล้วกลับบ้านเลย”
“ไม่ได้…กูต้องไปหาพี่ฟ้าที่สนามบิน”
“ทำไมวะ ?”
“เพราะมันถึงเวลาแล้วไง…”
ใช่…มันถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ผมเข้าใจในสิ่งที่พี่เบบพูดและพี่ดอมรู้สึกอย่างสุดหัวใจ คำว่า ถึงเวลาแล้ว ไม่ได้เป็นแค่คำพูด แต่มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากจนส่งผลให้เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเจอคน ๆ นั้นให้เร็วที่สุด
ตอนแรกผมคิดว่าจะรอ…
แต่เมื่อรู้สึกว่า…มันถึงเวลาแล้ว
ผมรอไม่ได้แล้ว…
“กูตลอดเลย…” พันลี้บ่นพลางก้มมองเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะเอ่ยถาม “เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ ?...กูขอเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย”
“หนึ่งชั่วโมง”
“ทัน…กูเปลี่ยนแป๊บเดียว” ตอนนี้เจ้าตัวดูรีบร้อนพอ ๆ กับผม พันลี้วิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วหันมาชี้นิ้วสั่ง “มึงห้ามไปเองนะ”
“อือ…” ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก
ไม่นานนักพันลี้ก็กลับมา เจ้าตัวใส่เสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงยีนส์สีซีดขาดเข่า ผมหัวเราะเบา ๆ เพราะรู้ว่าเพื่อนหงุดหงิดที่ต้องเปลี่ยนชุดด้วยความเร่งรีบจึงไม่สามารถเลือกได้มากนัก เพราะปกติพันลี้จะแต่งตัวดูดีไม่ต่างจากพี่ฟ้า น้อยครั้งที่จะเห็นเพื่อนแต่งตัวสบาย ๆ แบบนี้
ผมรู้แล้วว่าพันลี้รักผมมากแค่ไหน
รักก็รักลี้หน้าหมานะ : )
“คุณหนูเล็กให้ผมขับรถให้ไหมครับ ?” ผมมองคุณลุงที่เคยขับรถพาพวกเราไปเที่ยวทะเลถามพันลี้
“ไม่เป็นอะไรครับ เดี๋ยวลี้ขับรถไปเอง ขอบคุณนะครับ”
พันลี้ตอบกลับอย่างสุภาพแล้วพาผมเดินมาที่โรงจอดรถ ผมไม่มีเวลาตื่นเต้นกับรถสปอร์ตหลายคันที่จอดอยู่ ทั้งที่ในใจอยากจะเข้าไปดูใกล้ ๆ เพราะเคยเห็นแค่ในนิตยสารรถของพี่ดอม ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมต้องสนใจคือพี่ฟ้า
“เอาคันนี้ไป…”
“…”
“ขึ้นรถเร็ว ไอ้แก้มย้อย”
“อือ…”
ผมขึ้นรถ Ford Mustang สีดำตามที่เพื่อนบอก ที่รู้ว่ามันคือรถยี่ห้อนี้เพราะพี่ดอมเคยบอกว่าจะสั่งนำเข้ามาใช้เหมือนกัน เจ้าตัวชอบเอารูปรถมาให้ผมช่วยเลือกรุ่นบ่อย ๆ แต่เพราะผมไม่ชอบเรื่องรถเลยไม่ได้สนใจมากนัก
“…”
“รถมึงเหรอ ?”
“กูขับรถสีดำที่ไหนล่ะ…”
“จริงด้วย ลี้หน้าหมาชอบขับรถสีขาว”
“ถูก…ถ้ารถสีดำจะเป็นของคุณประดิพัทธ์ทั้งหมด”
พอได้ยินแบบนี้ ผมก็กวาดสายตามองรถสีดำในโรงจอดรถ “มันไม่น้อยเลยนะลี้”
“เจ็ดคันในโรงจอดรถ ถ้ารวมเบนซ์สปอร์ตกับบีเอ็มที่อยู่คอนโดก็เก้าคัน”
“พี่ฟ้าจะเปิดโชว์รูมขายรถหรือเปล่า ?”
“ฮ่า ๆ ” พันลี้หัวเราะร่าก่อนจะเคลื่อนรถออกจากบ้าน เจ้าตัวดูไม่ค่อยคุ้นมือกับรถคันนี้สักเท่าไหร่
“แล้วทำไมต้องเอาคันนี้ไปด้วย ?”
“เพราะกูอยากขับ…ถ้าไม่ใช้โอกาสนี้ พี่ฟ้าไม่มีทางให้กูขับแน่ คันนี้ลูกรักเขาเลย”
“เอาอีกแล้วนะ มึงพากูทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว…” ผมถอนหายใจเพราะรู้ดีว่าพี่ฟ้าเป็นคนขี้หวงขนาดไหน พันลี้ชอบหาเรื่องอยู่เรื่อยเลย “กูยังรู้สึกผิดไม่หายที่แอบเข้าไปในห้องพี่ฟ้าโดยไม่ขออนุญาตก่อน ตอนนี้แอบเอารถคันโปรดมาใช้อีก”
“รถคันโปรดกับมึง…กูว่าพี่ฟ้าเลือกมึง”
“ไม่ต้องพูดให้สบายใจเลยนะลี้หน้าหมา”
“…” ผมมองพันลี้ที่อมยิ้มอยู่ ก่อนเพื่อนจะเอ่ยถาม “ตอนเห็นรูป…มึงรู้สึกยังไงวะ ?”
ผมยิ้มบาง “รู้สึกว่า…เทียบไม่ได้เลย”
“…”
“ไม่มีอะไรเทียบกับความรักของพี่ฟ้าได้เลย”
“จริง…แม่งสุด ๆ อะ”
“…”
“กูเห็นรูปครั้งแรกเมื่อวานซืน”
“…”
“พี่ฟ้าเป็นคนหวงความเป็นส่วนตัวอยู่แล้ว เขาไม่ชอบให้ใครเข้าห้องนอนตั้งแต่เด็ก ๆ กูเลยไม่ได้สนใจว่ามีอะไรอยู่ในห้องพี่ฟ้า”
“…”
“แต่เมื่อวานซืน…กูจำเป็นต้องใช้เลนส์กล้อง แล้วของกูดันมีปัญหา กูเลยจะขอยืมของพี่ฟ้า”
“…”
“แต่ขี้เกียจโทรไปขอยืมเพราะใช้แค่แป๊บเดียว ตอนนั้นกูไม่มีเวลาฟังพี่ฟ้าด่าแล้วด้วย…ก็เลยตัดสินใจเข้าไปเอาเลนส์กล้องเอง”
“นั่นเรียกว่าขอยืมหรือขโมย ?”
“เรียกว่าขอยืมแบบไม่เป็นทางการจะดีกว่า”
“…”
“พอเข้าไปในห้องก็เห็นกรอบรูปนี้ มันมีผ้าคลุมอยู่อย่างที่มึงเห็น กูเลยแอบเปิดดู…ไม่ต้องด่ากูนะ กูยอมรับว่าตัวเองเสือก”
“…”
“พอเห็นเท่านั้นแหละ…พูดไม่ออกเลย”
“พูดไม่ออกจริง ๆ นะ”
“…”
“กูคิดมาตลอดว่าความรู้สึกของกูที่มีให้พี่ฟ้ามันเยอะมาก ๆ …คงเยอะกว่าที่พี่ฟ้ามีให้กู”
“…”
“แต่พอได้รู้ความจริง…กูถึงรู้ว่าความรู้สึกของกูมีปริมาณเท่าน้ำหนึ่งแก้ว”
“…”
“น้ำหนึ่งแก้ว…เทียบกับท้องทะเลไม่ได้หรอก”
“…”
“แต่กูจะทำให้น้ำหนึ่งแก้วมีปริมาณเท่ากับท้องทะเลให้ได้”
“กูเชื่อว่ามึงทำได้”
ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยถาม “ตอนพี่ฟ้าแอบชอบกู เราสนิทกันหรือยัง ?”
“ยัง…พี่ฟ้าบอกว่าแอบชอบก่อนเราสนิทกัน”
ผมหลุบตาลงต่ำพลางคิด…ก่อนผมจะคบกับมิวไหมนะ ? “…”
“ตอนมึงคบกับมิว…พี่ฟ้าก็ยังชอบมึงอยู่”
“…”
ผมเพิ่งรู้ว่าความรักในรูปแบบคนรักสามารถสร้างความรู้สึกที่หลากหลายได้ มันทำให้ผมรู้สึกปวดหนึบที่หัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สาเหตุของความรู้สึกนี้คงมาจากความคิดที่ว่า…พี่ฟ้าต้องก้าวข้ามผ่านอะไรมาบ้าง
“ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“…”
“เรื่องผ่านมานานแล้ว”
“กูแค่คิดว่า…ตอนนั้นพี่ฟ้าจะรู้สึกแย่แค่ไหน…”
“ต่อจากนี้…มึงช่วยทำให้พี่ฟ้ามีความสุขแบบไม่มีวันหยุดได้ไหม ?”
ผมหันมองพันลี้ที่อมยิ้มขณะขับรถ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับ “อือ…กูจะทำให้พี่ฟ้าสุขจนเหนื่อยเลย”
“ถ้าเป็นคนอื่นพูด กูคิดไปไกลเลยนะ แต่พอเป็นมึง…ความหมายมันเลยน่ารักเท่าโลก”
“…”
ผมหัวเราะเพราะเข้าใจว่าพันลี้หมายถึงเรื่องทะลึ่งที่เจ้าตัวชอบคุยเล่นกับไทป์ ก่อนเอาหัวที่หนักอึ้งพิงกับกระจกรถ ผมมองท้องฟ้าสีสดใสตรงหน้าพลางคิด…
‘ในขณะที่ทุกคนมองรัก แต่รักมองแค่ท้องฟ้า’
#กี่หมื่นฟ้า
“รอตรงนี้จริง ๆ เหรอพันลี้ ?”
“เออ ตรงนี้แหละ”
ผมถอนหายใจก่อนชะเง้อมองที่ประตูทางออก เรายืนอยู่ห่างจากประตูพอสมควร ระหว่างทางมาสนามบินผมคิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้ ซึ่งพันลี้เป็นผู้สนับสนุนหลักของแผนการนี้
“มันนานเกินไปแล้วนะลี้…”
“เครื่องอาจจะดีเลย์หรือเปล่า ?...รออีกหน่อย”
“จริง ๆ ไม่นานมากหรอก…กูตื่นเต้นเอง”
พันลี้หัวเราะก่อนจะส่งมือมาลูบหัวผมเบา ๆ “ไม่ต้องตื่นเต้น อยากพูดอะไรก็พูดเลย”
“กูกลัวตื่นเต้นจนลืมว่าต้องพูดอะไร”
“ไอ้แก้มย้อยเอ๊ย…”
“เหงื่อออกเต็มมือเลย” ผมเอามือทั้งสองข้างมาถูกันไปมาเพื่อช่วยลดความตื่นเต้น ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะช่วยคลายความตื่นเต้นได้ไหม แต่ก็คงดีกว่าไม่ทำอะไร
“ระหว่างรอ…เรามาซ้อมพูดกันดีไหม ?”
“สารภาพรักซ้อมได้ด้วยเหรอ ?”
“ได้ดิ…ประโยคสำคัญ ๆ มึงก็เก็บไว้พูดกับพี่ฟ้า ไม่ต้องพูดกับกู”
“โอเค ๆ ” ผมพยักหน้ารับหงึกหงัก พันลี้ยิ้มให้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบนิ่ง ผมหลุดหัวเราะเพราะเจ้าตัวทำหน้าเหมือนพี่ฟ้าไม่มีผิด
“อย่าหัวเราะดิ…”
“โอเค ๆ เริ่มแล้วนะ”
“อือ…”
“พี่ฟ้าครับ…รักเห็นรูป…”
“เฮ้ย…อย่าเพิ่งพูดเรื่องรูปดิ เดี๋ยวกูหัวขาด”
“แล้วให้พูดเรื่องรูปตอนไหนล่ะ ?”
“ตอนไหนก็ได้ที่มึงคิดว่าพี่ฟ้าจะไม่กลับมาตัดหัวกู”
“โอเค ๆ ”
“ต่อเลย…”
“พี่ฟ้าครับ…”
“…”
“ทำไมไม่ตอบว่า ครับ ตัวดื้อ ล่ะ…ไม่สมจริงเลยลี้”
“กูจะไปรู้ได้ไงล่ะ ?”
“ตอบว่า ครับ ตัวดื้อ ด้วย…”
“เออ ๆ”
“พี่ฟ้าครับ…”
“ครับ ตัวดื้อ”
“คือ…รัก…”
“…”
“เฮ้อ ~” ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง
“กูตอบ ครับ ตัวดื้อ แล้วนะ…มึงมีปัญหาอะไรอีก ?”
“…”
“กูทำให้สมจริงได้แค่นี้แหละไอ้แก้มย้อย…จะให้เหมือนพี่ฟ้าของมึงเลยคงเป็นไปไม่ได้หรอก”
“มึงทำดีแล้ว…แต่กูตื่นเต้นเอง”
“ไอ้แก้มย้อยเอ๊ย…”
“กูจะทำยังไงดี ?”
“ลองอีกรอบไหม ?”
“อีกรอบก็ได้…”
“…”
คราวนี้ผมตั้งสติอย่างดี “พี่ฟ้าครับ…”
“พี่ฟ้า…”
“ตอบว่า ครับ ตัวดื้อ สิ…มึงจะ พี่ฟ้า ทำไม ?”
“กูหมายถึงพี่ฟ้ามาแล้ว ?”
“จะ จริงเหรอ ?”
ผมหันมองประตูทางออก เป็นในตอนนั้นที่เห็นคนตัวสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีกรมกับกางเกงยีนส์สีดำเดินลากกระเป๋าออกมา พี่ฟ้ามองแต่นาฬิกาที่ข้อมือแล้วมุ่งตรงไปที่ทางลานจอดรถ เจ้าตัวไม่เห็นผมกับพันลี้ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ผมมองแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ก่อนจะโดนพันลี้เขย่าแขนเรียกสติ
“ไอ้แก้มย้อย พี่ฟ้าจะไปแล้ว”
“แล้วมึงล่ะ ?”
“ไม่ต้องห่วงกู มึงไปหาพี่ฟ้าเถอะ”
“กูตามไม่ทันแน่เลย”
“วิ่งสิวะ !”
“ฮือออ ตอนโรงเรียนจัดวิ่งแข่ง กูแพ้ตลอดเลย”
“คราวนี้ไม่ได้วิ่งแข่งเว้ย…”
“…”
“มึงแค่วิ่งตามความรัก…กูเชื่อว่ามึงตามทัน”
ใช่…ครั้งนี้ผมต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามความรักบ้าง เพราะคุณท้องฟ้าวิ่งตามผมมานานแล้ว “อือ…เป็นกำลังใจให้กูด้วยนะลี้”
“สู้ ๆ มึง”
ผมวิ่งออกมาจากตรงนั้น เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นพันลี้ยืนโบกมือให้อยู่ กำลังใจจากเพื่อนทำให้ผมมีแรงฮึดวิ่งได้เร็วมากขึ้น ทว่าพี่ฟ้ายังอยู่ไกลจากผมพอสมควร เจ้าตัวเหมือนจะห่างออกไปเรื่อย ๆ เลย ไม่รู้เป็นเพราะพี่ฟ้าเดินเร็วเกินไปหรือขาของผมสั้นเองถึงตามไม่ทันสักที
“พี่ฟ้า ~”
ผมตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายเมื่อรู้ว่าตามไม่ทันแน่ ๆ
ผมต้องเรียก…เพราะผมปล่อยพี่ฟ้าไปไม่ได้แล้ว
คุณท้องฟ้าหยุดเดินก่อนจะหันกลับมามองผม เจ้าตัวขมวดคิ้วเข้มเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผมรีบสาวเท้าเดินไปหาพี่ฟ้า โลกหมุนช้าลงในตอนที่ผมเข้าใกล้คุณความรักมากขึ้น
…จนมาหยุดยืนตรงหน้าพี่ฟ้า
ผมตามทันแล้ว
คุณความรักของผม
“ตัวดื้อ…”
“ครับ…ตัวดื้อของพี่ฟ้า ตัวจริงเสียงจริงเลยครับ”
พี่ฟ้าก้มหน้าอมยิ้ม ผมรู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นคงโดนดุไปแล้วที่แอบมาหาโดยไม่บอกก่อน เจ้าตัวเงยหน้าสบตากับผมสักครู่ก่อนปล่อยมือออกจากกระเป๋าเดินทาง พี่ฟ้าเอามือข้างหนึ่งลูบหัวผมแล้วใช้มืออีกข้างรั้งเอวให้ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น เมื่อผมส่งยิ้มให้พี่ฟ้า…
สิ่งที่ได้รับกลับมาไม่ใช่รอยยิ้มที่คล้ายแสงแดดในยามเช้า
แต่เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่น…
พี่ฟ้ากอดผมไว้แน่นเหมือนวันนั้น ผมอายที่เรากอดกันกลางสนามบิน แต่เพราะความอายไม่สามารถสู้ความคิดถึงได้ ผมจึงกอดพี่ฟ้าแน่นไม่ต่างกัน ผมเคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้แค่ในหนังรักเท่านั้น แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าหนังรักที่เคยดูไม่ได้เกินจริงเลยสักนิด
ความรักเกิดได้กับทุกคน ทุกที่ และทุกเวลา
“คิดถึงคนนี้ที่สุดเลยครับ”
“รักก็คิดถึงคนนี้ที่สุดเหมือนกันครับ”
ปลายจมูกและริมฝีปากของพี่ฟ้าสัมผัสแผ่วเบาที่หัวไหล่ของผมก่อนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ “แอบมารับโดยไม่บอก… พี่ฟ้าขอตีก้นได้ไหมครับ ?”
“เซอร์ไพรส์ไงครับ”
พี่ฟ้าผละกอดออกแล้วจ้องผมด้วยสายตาดุ ๆ “ถ้าคลาดกัน…เราก็เจอกันช้าขึ้นไปอีก”
“…”
“พี่ฟ้าอยากเจอตัวดื้อเร็ว ๆ เพราะใช้กอดที่ตุนไว้หมดแล้ว”
“เดี๋ยวรักจะให้กอดตุนอีกเยอะ ๆ เลย”
“หึ ๆ ”
ผมอมยิ้มก่อนเม้มริมฝีปากแน่นเพราะรู้สึกว่าถึงเวลานั้นแล้ว ทว่าในหัวกลับว่างเปล่า ประโยคคำพูดที่คิดไว้หายไปหมดเลย แม้จะซ้อมกับพันลี้บ้างแล้ว แต่มันไม่สามารถช่วยให้รับมือกับสถานการณ์นี้ได้เลย เพราะผมเป็นนักหัดรักจึงไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ผู้มากประสบการณ์อย่างพันลี้ไม่อยู่ให้คำปรึกษาด้วย อาการตื่นเต้นจึงกลับมาเล่นงานผมอีกครั้ง
“เป็นอะไรครับ ตัวดื้อ ?”
ในเมื่อไม่มีคำสารภาพรักสวยหรูหลงเหลืออยู่ในหัว ผมคงต้องใช้ความรู้สึกล้วน ๆ “พี่ฟ้าครับ…”
“ครับ ตัวดื้อ”
“…”
“…”
ผมต้องทำได้…
“เพลงไม่บอกเธอที่พี่ฟ้าร้อง…”
“…”
“พี่ฟ้าจะไม่บอกรักก็ได้นะครับ”
“…”
“แต่รักจะบอกพี่ฟ้าเอง…”
“…”
“รักชอบพี่ฟ้าครับ”
รอยยิ้มในแบบเดิมของคุณท้องฟ้า…ผมตกหลุมรักรอยยิ้มนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“…”
“จริง ๆ รักว่ามากกว่าชอบ…”
“…”
“รักขอพูดใหม่นะครับ”
“…”
“ที่รักรักพี่ฟ้าครับ”
“…”
“ก่อนรักจะมาหาพี่ฟ้าที่สนามบิน รักไปเห็นรูปหนึ่งมา…”
“…”
“พี่ฟ้าพอจะคุ้นกับประโยคนี้ไหมครับ ?” ผมส่งยิ้มให้พี่ฟ้าที่ไม่ละสายตาจากผมเลย
“…”
“ในขณะที่ทุกคนเงยหน้ามองท้องฟ้า แต่ผมมองแค่คุณ”
“คุ้นครับ…”
“รักรู้หมดแล้วนะครับ”
“…” พี่ฟ้านิ่งเงียบ เจ้าตัวไม่ได้แสดงอาการหรือพูดให้รู้ว่าดีใจ แต่ผมรับรู้ได้ว่าพี่ฟ้ามีความสุข จากในแววตาของพี่ฟ้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกนั้น
ผมพยายามกลืนก้อนบางอย่างที่มันตีตื้นขึ้นมา เพราะจมูกเริ่มแสบซ่าผมเลยก้มหน้าหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกในตอนนี้ก่อนจะเงยหน้าสบตาพี่ฟ้าอีกครั้ง “ขอโทษที่รักหันกลับมาช้าไปหน่อยนะครับ”
พี่ฟ้าพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มในแบบเดิมให้ผม “…”
“รักเดินมาหาพี่ฟ้าช้ามาก ๆ…พี่ฟ้ายังให้โอกาสรักใช่ไหมครับ”
ผมถามแบบนั้นทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ผมแค่อยากให้พี่ฟ้ารู้ว่าเขาควรได้รับความรักเหมือนกัน ผมเลยขอโอกาสให้ตัวเองได้เป็นฝ่ายมอบความรักให้เขาบ้าง
“ตลอดไปครับ…”
“…” ผมก้มหน้าหัวเราะเพราะจมูกแสบซ่าอีกแล้ว
“ตัวดื้อสารภาพรักแล้ว…พี่ฟ้าขอเป็นแฟนเลยได้ไหมครับ ?”
“…”
โอ๊ะ ! ลืมแผนที่คิดไว้เลย ผมรีบเงยหน้าขึ้นมองพี่ฟ้าก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเขย่งเท้าเพิ่มความสูงเพื่อเอามือปิดปากพี่ฟ้าไว้
“ยังไม่ได้นะครับ…ยังขอเป็นแฟนไม่ได้”
คนที่โดนมือปิดปากขมวดคิ้วอย่างสงสัย “…”
“คือ…รักคิดว่าคนแอบรักควรได้รับการเยียวยาก่อนเป็นแฟนกัน”
“…”
“…และชดเชยเวลาที่แอบรักด้วยครับ”
ผมค่อย ๆ ถอนมือออกจากริมฝีปากพี่ฟ้า เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวนิ่งเงียบ “รักขอเวลาหนึ่งอาทิตย์ครับ”
“ตัวดื้อจะเอาเวลาหนึ่งอาทิตย์ไปทำอะไรครับ ?”
“จีบพี่ฟ้าครับ”
ผมรู้สึกโล่งอกที่คำตอบนี้ทำให้คิ้วที่ขมวดเข้มของคุณท้องฟ้าคลายลงได้ แถมเจ้าตัวยังหลุดยิ้มกว้างออกมาด้วย พี่ฟ้าพยักหน้าเบา ๆ ก่อนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง เจ้าตัวกัดริมฝีปากแล้วจ้องผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“มีเวลาแค่อาทิตย์เดียว…ไม่กลัวจีบไม่ติดเหรอครับ ?”
“รักมีหลักสูตรจีบเร่งรัดครับ…จีบติดแน่นอน” ผมตอบพร้อมส่งยิ้มหวาน ๆ ให้คุณท้องฟ้า
“หึ ๆ…หลักสูตรจีบเร่งรัดมีกี่ขั้นตอนครับ ?”
“สองขั้นตอนครับ”
“…”
“ขั้นตอนแรก…เราต้องทำให้เป้าหมายตกหลุมรักก่อนครับ หลังจากนั้นก็เดินหน้าจีบเลยครับ รับรองจีบติดชัวร์ ๆ ”
“…”
“รักมั่นใจมากเพราะขั้นตอนแรกรักทำสำเร็จแล้วครับ…”
“หึ ๆ ”
“ตกลงไหมครับ พี่ฟ้า ?”
“ตกลงครับ…แต่ถ้าตัวดื้อจีบพี่ฟ้าไม่ติด พี่ฟ้าต้องเป็นฝ่ายขอตัวดื้อเป็นแฟนนะครับ”
“โอเคค้าบ…”
พี่ฟ้ายิ้มก่อนเอ่ย “เรากลับคอนโดกันดีกว่าครับ”
“กลับคอนโดพี่ฟ้าเหรอครับ ?”
“ครับ”
“…รักคงต้องโทรไปขอพี่เบบก่อน พี่เบบจะได้ไม่เป็นห่วง”
“พี่ฟ้าว่าวันนี้เบบไม่ว่าอะไรหรอกครับ”
“…”
“แต่ถ้าตัวดื้อไม่สบายใจ เดี๋ยวพี่ฟ้าขอเบบให้เองครับ”
“พี่ฟ้าจะโทรไปขอพี่เบบเหรอครับ ?”
“ครับ…ขอให้เราได้อยู่ด้วยกันให้หายคิดถึงก่อน แบบนี้ดีไหมครับ ?”
“ดีครับ”
: )
พี่ฟ้าพาผมมาที่ลานจอดรถ เราหยุดยืนที่รถ BMW สีดำ ผมแปลกใจนิดหน่อยเพราะตอนที่พี่ฟ้าขับรถออกจากมหา’ลัยวันนั้นเป็นรถเบนซ์สปอร์ตที่เจ้าตัวใช้เป็นประจำ แสดงว่าพี่ฟ้าจะต้องเปลี่ยนรถก่อนมาสนามบิน
“วันนั้นพี่ฟ้าขับรถเบนซ์สปอร์ตนี่ครับ…”
“พี่ฟ้าแวะเปลี่ยนรถที่คอนโดครับ คันนั้นมันใส่กระเป๋าเดินทางไม่ค่อยสะดวก”
“อ๋อ…” ผมพยักหน้ารับหงึกหงักขณะมองคนตัวสูงเอากระเป๋าเดินทางใส่หลังรถ พี่ฟ้าล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรหาใครบางคน
“ดอม…ขอสายเบบหน่อย”
โทรขอพี่เบบนี่เอง…
“เบบ วันนี้เราขอไปส่งที่รักดึกหน่อยนะ”
“…”
“อือ…น้องเดินมาหาเราแล้ว” พี่ฟ้าตอบพร้อมอมยิ้ม
“…”
“ตัวดื้อครับ…เบบขอคุยด้วย”
ผมรับโทรศัพท์มาจากพี่ฟ้า ก่อนเอ่ย “ครับ พี่เบบ”
[ห้ามเกินสี่ทุ่ม]
“ค้าบ…”
[…]
“เดี๋ยวสามทุ่มครึ่งรักจะให้พี่ฟ้าสตาร์ตรถรอเลย”
[ทะเล้นให้มันน้อย ๆ หน่อย]
“…” ผมหัวเราะ
[…ดีใจด้วยนะ]
“…”
[ได้เดินข้างกันสักที…]
“ขอบคุณนะครับพี่เบบ…” แต่เอ๊ะ ! พูดแบบนี้ เหมือนรู้เรื่องที่พี่ฟ้าแอบรักผมมาก่อนเลย
[…]
“พี่เบบรู้ว่าพี่ฟ้าแอบชอบรักมานานแล้วใช่ไหมครับ ?”
[ไปเคลียร์กับฟ้าเองเลย ฟ้าเป็นคนขอไว้]
“รักได้เคลียร์กับพี่ฟ้ายาว ๆ แน่”
[ยาวแค่ไหนก็ห้ามเกินสี่ทุ่ม]
“รู้แล้วค้าบ…”
ผมวางสายจากพี่เบบแล้วขึ้นรถ คุณท้องฟ้าที่นั่งรออยู่แล้วรับโทรศัพท์คืนจากผม เจ้าตัวเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงก่อนเอ่ยถาม
“เบบว่าไงครับ ?”
“พี่เบบบอกว่าห้ามเกินสี่ทุ่มครับ”
“โอเคครับ…”
“แต่รักมีเรื่องต้องเคลียร์กับพี่ฟ้านะครับ”
“หึ ๆ เคลียร์เรื่องอะไรครับ ?”
“มีกี่คนครับ ?...ที่รู้ว่าพี่ฟ้าแอบชอบรัก”
“…”
“พันลี้บอกว่ามีหลายคนเลย แต่พันลี้ไม่รู้ว่าเป็นใครบ้าง เพราะพี่ฟ้าไม่ยอมบอก…”
“…”
“เท่าที่รู้ตอนนี้มีพันลี้กับพี่เบบ…รักคิดว่าพี่ดอมต้องรู้ด้วยแน่ ๆ”
พี่ฟ้าอมยิ้ม เจ้าตัวปลดเข็มขัดที่คาดไว้เรียบร้อยแล้วออกก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ผมกลืนน้ำลายลงคอเมื่อปลายจมูกของเราห่างกันไม่ถึงคืบ จู่ ๆ หัวใจที่สงบนิ่งของผมก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ผมสบตากับดวงตาคู่คมอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะเลื่อนสายตาลงมองที่ริมฝีปากของผม
“พี่ฟ้าขอเคลียร์กับที่รักก่อนได้ไหมครับ ?”
ผมเม้มริมฝีปากแน่นแล้วหลุบตาลงต่ำ การถามในระยะประชิดทำให้หัวใจเต้นแรงเป็นเท่าทวีคูณ ผมเหมือนจะขาดอากาศหายใจเพราะพี่ฟ้าแย่งไปหมด ในรถที่เงียบจนเกินไปจึงทำให้ได้ยินเสียงลมหายใจของพี่ฟ้า สิ่งเดียวที่ทำได้คือการหลับตาและตั้งสติ ผมจะไม่ลืมตาจนกว่าหัวใจจะเลิกเต้นแรง
จนกระทั่ง…
คางของผมถูกเชยขึ้นโดยมือหนา เมื่อลืมตาก็เห็นปลายจมูกโด่งอยู่ชิดติดกับปลายจมูกของตัวเอง เป็นในตอนนี้ที่ริมฝีปากของพี่ฟ้าจรดลงที่ริมฝีปากผม
จูบแรกของผม…
เพราะเป็นจูบแรกเลยทำให้รู้สึกกังวล แต่พี่ฟ้าไม่ทำให้ผมรู้สึกกลัวจนต้องปฏิเสธ พี่ฟ้ามอบสัมผัสอ่อนโยนให้ผม เจ้าตัวเอามือข้างหนึ่งจับประคองข้างแก้มไว้ ก่อนจะกดริมฝีปากเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ผมเริ่มจูบตอบกลับบ้างโดยเรียนรู้วิธีจูบจากพี่ฟ้า แต่เพราะผมไม่มั่นใจว่าจูบของตัวเองจะดีพอจึงพยายามถอนริมฝีปากออก ทว่าพี่ฟ้าไม่ยอมแล้วจูบผมต่อพร้อมใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยที่แก้มผมเบา ๆ คล้ายปลอบโยน
ผมกลัวพี่ฟ้าไม่ประทับใจจูบแรกของเรา…
รอยยิ้มของพี่ฟ้าที่ปรากฏในขณะจูบกันทำให้รู้ว่าเจ้าตัวพอใจจูบของผม พี่ฟ้าคงรู้ว่าผมหายใจไม่ค่อยทันเลยพักด้วยการใช้ฟันคมหยอกล้อเล่นกับริมฝีปากล่างของผมแทน ในตอนนั้นจะเกิดช่องว่างเพียงน้อยนิดให้ผมได้พักหายใจ
แต่พักได้ไม่นานริมฝีปากของผมก็ถูกครอบครองอีกครั้ง หากจะหาช่องว่างระหว่างเราสองคน ผมคิดว่านาทีนี้…แม้แต่ลมยังผ่านไม่ได้เลย
รสจูบหอมหวาน…ผมเคยคิดว่ามีรสชาติไม่ต่างจากขนมโปรด แต่เมื่อได้ลิ้มรสถึงรู้ว่ามันแตกต่าง รสชาติจากจูบจะรับรู้ได้ทางความรู้สึกและซึมซับทางหัวใจ รสหอมหวานจากขนมโปรดจึงเทียบไม่ได้
พี่ฟ้าค่อย ๆ ถอนจูบออกจากริมฝีปากผม เจ้าตัวยิ้มมุมปากแล้วใช้ฟันงับที่ริมฝีปากล่างของผมเบา ๆ เหมือนอยากแกล้งให้เขินอาย และพี่ฟ้าทำสำเร็จเพราะผมเขินจนต้องหลบสายตา
แต่เพราะมีบางอย่างอยากพูดถึงได้เอ่ยออกไป “พี่ฟ้า…รัก…”
“ครับ…พี่ฟ้ารักที่รัก”
“รักไม่ได้จะถามว่าพี่ฟ้ารักรักไหม ?”
“หึ ๆ ”
ผมหลุบตาลงต่ำเพราะสู้สายตาและรอยยิ้มของพี่ฟ้าไม่ไหวจริง ๆ “ไม่ได้จะพูดแบบนั้นสักหน่อย…”
“แล้วตัวดื้อจะพูดอะไรครับ ?”
“รักจะพูดว่า…พี่ฟ้า รักรักพี่ฟ้านะครับ”
“ได้ยินแบบนี้แล้วอยากจูบต่อเลย…แต่พี่ฟ้ากลัวตัวดื้อไม่ไหว”
“…ถึงไหวก็ไม่จูบต่อแล้วครับ”
ผมหันไปคว้าเข็มขัดมาคาดช่วงลำตัวแล้วมองทางข้างหน้า ทั้งสองมือที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อกำเข็มขัดไว้แน่น ผมรู้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองอยู่ พี่ฟ้าชักจะเกเรใหญ่แล้ว…แกล้งให้ผมเขินตลอดเลย
“ออกรถได้แล้วครับ !”
“หึ ๆ…ครับผม”
ครับผม…
น่ารักชะมัดเลย
: )
ผมเดินถือแก้วน้ำเย็น ๆ มาให้คุณท้องฟ้าที่นั่งพักอยู่บนโซฟา เจ้าตัวเพิ่งกลับมาเหนื่อย ๆ คงอยากดื่มน้ำให้สดชื่น พี่ฟ้ารับน้ำไปดื่มแล้วมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“เอาใจพี่ฟ้า…อยากได้อะไรครับ ?”
“ไม่ใช่นะครับ…รักเอาน้ำให้พี่ฟ้าดื่มเพราะรักกำลังเดินหน้าจีบพี่ฟ้าอยู่ครับ”
“หึ ๆ ”
พี่ฟ้าวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะกลางก่อนจะเอาแขนข้างหนึ่งรั้งเอวผมไว้ เพราะเจ้าตัวออกแรงรั้งเพื่อให้ผมขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นจึงทำให้เสียหักล้มลงไปบนตักแกร่ง พี่ฟ้าจับให้ผมนั่งคร่อมทับบนตักเจ้าตัว ผมพยายามจะลุกออกจากท่าล่อแหลมนี้ แต่คนตัวโตที่แสนเกเรรีบวาดแขนทั้งสองข้างกอดเอวผมไว้
“สำหรับพี่ฟ้า…แบบนี้เรียกว่าเอาใจ ไม่ได้เรียกว่าจีบครับ”
สายตาเจ้าเล่ห์ของคนเกเรทำให้ผมหลุบตาลงต่ำ“พี่ฟ้า ปล่อยรักครับ”
“ตัวดื้อไม่อยากรู้แล้วเหรอครับ ?”
“…”
“…ว่ามีใครบ้างที่รู้ว่าพี่ฟ้าแอบชอบตัวดื้อ”
“อยากรู้สิครับ…”
“หนึ่งคำถาม…ต่อหนึ่ง…”
จุ๊บ…
ผมเบิกตาโตเพราะโดนขโมยจูบ “พี่ฟ้า !”
“หึ ๆ ”
“เอาใหญ่แล้วนะครับ !” ผมจ้องเขม็งใส่พี่ฟ้า อยากจะหยิกคนตรงหน้าที่ยิ้มกว้างให้เนื้อเขียวจริง ๆ เลย
“เมื่อกี้ไม่นับนะครับ…พี่ฟ้าสาธิตให้ดูเฉย ๆ ”
“รักไม่อยากรู้แล้วครับ…”
ผมตอบเสียงอ่อย หวังให้เจ้าตัวสงสารแล้วตอบโดยไม่ขอจุ๊บกันอีก ผมไม่ได้รังเกียจพี่ฟ้าเลยสักนิด แต่การที่พี่ฟ้าทำแบบนี้ หัวใจทำงานหนักเกินไป ผมอาจจะหัวใจวายได้…
จุ๊บ…
“พะ พี่ฟ้า !”
“หึ ๆ ”
ผมมองคนเกเรหัวเราะชอบใจ “ขโมยจูบสองรอบแล้วนะครับ”
“ถ้าจูบ…จะเป็นแบบบนรถ”
“…”
“แบบนี้เรียกว่าจุ๊บครับ”
“…”
“ตัวดื้อลองจุ๊บพี่ฟ้าสิครับ…จะได้แยกถูก”
“เจ้าเล่ห์ ! เกเร !...เลิกรักทันไหมครับ ?”
“หึ ๆ ”
ผมนั่งกอดอกแล้วเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้ผมแพ้พี่ฟ้าราบคาบเลย “…”
“พี่ฟ้าขอหอมแก้มหน่อยได้ไหมครับ ?”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ แต่คุณหมื่นฟ้าคนดื้อไม่สนใจสักนิด เจ้าตัวเอามือทั้งสองข้างประคองข้างแก้มของผมไว้ ก่อนจะกดจมูกหอมแก้มจนดังฟอด ผมคิดว่าพี่ฟ้าได้หอมแก้มทั้งสองข้างแล้วจะพอใจ ทว่าเจ้าตัวจุ๊บที่ปลายจมูกของผมด้วย
“จมูกของพี่ฟ้า…” พี่ฟ้าพูดแล้วจุ๊บที่ปลายจมูกของผมอีกครั้ง ก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากไปจรดลงที่แก้มทั้งสองข้าง “แก้มของพี่ฟ้า”
“…”
พี่ฟ้าเปลี่ยนตำแหน่ง เคลื่อนริมฝีปากมาจรดลงที่หน้าผากของผม “หน้าผากของพี่ฟ้า…” ผมต้องหลับตาลงเพราะพี่ฟ้ากำลังจะจุ๊บที่ตาของผมด้วย “ตาของพี่ฟ้า…”
ผมลืมตามองพี่ฟ้าพลางคิดว่า…หัวใจก็ของพี่ฟ้าครับ
“หลอกจุ๊บไปตั้งเยอะแล้ว…พี่ฟ้าจะบอกได้หรือยังครับ ?”
“หึ ๆ”
“พี่ฟ้า…อย่าเป็นคนเจ้าเล่ห์สิครับ”
พี่ฟ้าอมยิ้มแล้วยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของตัวเอง “จุ๊บพี่ฟ้าก่อนครับ…”
ผมถอนหายใจเพราะรู้ว่าตัวเองหมดหนทางแล้ว “ก็ได้ครับ…เพราะรักอยากรู้หรอกนะ”
“…”
ผมเอามือทั้งสองข้างจับประคองใบหน้าพี่ฟ้าไว้ ดวงตาคู่คมที่กำลังสบกันอยู่สะกดให้หัวใจของผมหยุดนิ่ง รอยยิ้มในแบบเดิมทำให้ผมคิดถึงข้อความใต้กรอบรูปอีกครั้ง…ผมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้พี่ฟ้ามากขึ้นแล้วบรรจงจูบลงที่ริมฝีปากอิ่ม
ไม่ใช่จุ๊บ…
แต่ผมจูบพี่ฟ้า…
สามวินาที…ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก ผมถอนริมฝีปากออกแล้วเตรียมก้มหน้าหลบตาเพราะอาย แต่พี่ฟ้าเอามือทั้งสองข้างมาจับประคองใบหน้าผมไว้เหมือนกัน เจ้าตัวระดมจุ๊บที่ริมฝีปากของผมหลายครั้งจนผมหลุดยิ้มออกมา
จุ๊บ…
…จุ๊บ
จุ๊บ…
“พี่ฟ้า…พอแล้วครับ”
“อะไรนะครับ ?...ให้พี่ฟ้าจุ๊บอีกเหรอ ?”
“พี่ฟ้า…”
“พี่ฟ้าว่าพอแล้วครับ ตัวดื้อ…”
ผมหัวเราะแล้วส่ายหน้าเบา ๆ คุณท้องฟ้านี่นะ…ร้ายจริง ๆ เลย “ตอบรักได้แล้วครับ”
“ครับ…” พี่ฟ้ายิ้ม ก่อนจะเอามือข้างหนึ่งของผมไปกุมไว้ “คนที่รู้มี ป๊า ม้า พันลี้ แม่นม เรียว ดอม เบบ…ส่วนเพื่อนคนอื่นตอนนี้คงรู้กันหมดแล้วครับ ตอนแรกไม่ได้มีคนรู้เยอะขนาดนี้ แต่เพราะพี่ฟ้าได้เข้าใกล้ตัวดื้อ…ทุกคนเลยดูออก”
“พี่ฟ้าขอไม่ให้ทุกคนบอกความจริงกับรักใช่ไหมครับ ?”
จริง ๆ ผมเข้าใจที่พี่ฟ้าขอไม่ให้ทุกคนบอกความจริงกับผม ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ฟ้าคิดถึงความสุขและความสบายใจของคนอื่นก่อนเสมอ…โดยเฉพาะผม
พี่ฟ้าพยักหน้ารับแล้วกดจมูกลงบนมือของผม “ครับ…เพราะพี่ฟ้าไม่อยากเสียตัวดื้อไป”
“…”
“การไม่บอกความจริงทำให้พี่ฟ้าได้อยู่ในชีวิตตัวดื้อไปเรื่อย ๆ ”
“…”
“ถึงจะไม่ได้เป็นคนรัก…แต่อยู่ในสถานะอะไรก็ได้ ขอแค่ตัวดื้อเห็นพี่ฟ้าบ้าง”
“คุณท้องฟ้าของรัก…” ผมโน้มตัวเข้าไปหาพี่ฟ้า สุดท้ายผมเลือกโอบกอดท้องฟ้าผืนนี้ไว้ ผมอยากพูดปลอบโยนขณะกอดพี่ฟ้า แต่ไม่สามารถพูดได้เพราะมีบางอย่างตีตื้นขึ้นมาจุกที่ลำคออีกแล้ว
“ขอบคุณนะครับ…”
“…”
“ขอบคุณที่เลือกท้องฟ้าผืนนี้”
ผมพยักหน้ารับแล้วใช้มือลูบที่หลังพี่ฟ้าเบา ๆ “ขอบคุณเหมือนกันนะครับ…ขอบคุณที่เป็นท้องฟ้าให้รัก”
“ตัวดื้ออยากถามอะไรพี่ฟ้าอีกไหมครับ ?”
ผมผละกอดออกเพื่อสบตากับพี่ฟ้า ก่อนพยักหน้าหงึกหงัก “อยากครับ…”
“…”
“รูปนั้น..พี่ฟ้าถ่ายตอนไหนครับ ?”
“ถ่ายตอนที่แอบชอบตัวดื้อได้สักพักแล้วครับ…”
“พี่ฟ้าแอบอยู่ตรงไหนครับ ?...รักไม่เคยเห็นพี่ฟ้าไปที่ซุ้มรับน้องเลย”
“ปกติจะนั่งอยู่ที่ซุ้มสูบบุหรี่ตรงต้นหูกวาง แต่วันที่แอบถ่ายตัวดื้อ พี่ฟ้าเข้าไปใกล้ซุ้มรับน้องอีกหน่อย พอถ่ายเสร็จก็ออกมาเลย…ไม่มีใครเห็นหรอกครับ”
“พี่ฟ้าไปดูรักรับน้องทุกวันเลยเหรอครับ?”
“เกือบทุกวันครับ”
ผมจ้องลึกเข้าไปในตาพี่ฟ้า ก่อนจะถามบางอย่างที่อยากรู้มาก ๆ “พี่ฟ้าเคยคิดจะเข้ามาจีบรักไหมครับ ?”
“เคยครับ…วันนั้นมันเกือบสำเร็จ”
“…”
“…และวันนั้นทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่า”
ผมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่พี่ฟ้าพูด แต่เพราะรอยยิ้มของพี่ฟ้าหายไป ผมถึงเดาได้ว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้พี่ฟ้าเจ็บปวด
“…”
“วันนั้นพี่ฟ้าตั้งใจจะเข้าไปขอไลน์ตัวดื้อ…แต่พี่ฟ้าเห็นสถานะที่ตัวดื้อตั้งคบกับมิวในเฟซบุ๊กก่อน”
“…”
“พี่ฟ้าเลยหยุดทุกอย่าง”
“…”
“แต่ไม่เคยหยุดรักที่รักเลย…”
“…”
“ยังรักที่รักมาตลอด…จนถึงตอนนี้”
“รักขอโทษนะครับ…ขอโทษที่ทำให้พี่ฟ้าเสียใจ”
คุณท้องฟ้ายังอ่อนโยนกับผมเสมอ พี่ฟ้าใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยข้างแก้มผมเบา ๆ “ตัวดื้อไม่ผิดเลยครับ”
“…”
“แค่ตอนนั้นพี่ฟ้าอยู่ผิดที่ผิดเวลา…”
“…”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดนะครับคนดี”
“ครับ พี่ฟ้า”
“ตัวดื้ออยากรู้อะไรอีกไหมครับ ?”
“พี่ฟ้าเห็นรักครั้งแรกที่ซุ้มคณะใช่ไหมครับ ?” ผมคิดว่าพี่ฟ้าผ่านมาเห็นผมที่ซุ้มรับน้องแน่ ๆ หลังจากนั้นคงหลงเสน่ห์ลูกหมาอ้วน
“ไม่ใช่ครับ…พี่ฟ้าเห็นตัวดื้อครั้งแรกที่ลานจอดรถ”
“…”
“วันนั้นพี่ฟ้ามีเรียน กำลังจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดรถ แต่มีคุณยายคนหนึ่งเดินตัดหน้า พี่ฟ้ากำลังลงจากรถไปถามคุณยายว่าจะไปไหน แต่ตัวดื้อเข้ามาช่วยคุณยายไว้ก่อน…”
“…”
“ตอนนั้นพี่ฟ้าไม่ได้ใช้รถสองคันนี้ด้วย ตัวดื้อคงจำไม่ได้”
“…”
“อีกอย่างฟิล์มรถมืดมาก ไม่มีทางที่ตัวดื้อจะเห็นพี่ฟ้า”
“จริง ๆ รักน่าจะจำเหตุการณ์วันนั้นได้บ้าง แต่รักจำไม่ได้เลย…”
“ไม่เป็นอะไรครับ…ต่อจากนี้ห้ามลืมพี่ฟ้าแล้วนะครับ”
“ค้าบ…”
“…”
“พี่ฟ้าตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยเหรอครับ ?”
“ครับ…” พี่ฟ้ายิ้มแล้วจุ๊บปากผม “ตอนนั้นพี่ฟ้าใจเต้นแรงเลย…”
“ก็คนมันน่ารัก…”
“หึ ๆ ”
“แล้วหลังจากนั้นพี่ฟ้าก็ไปตามหารักที่ซุ้มรับน้องเหรอครับ ?”
“พี่ฟ้าจำได้ว่าตัวดื้อใส่เสื้อคณะเรา…หลังจากนั้นพี่ฟ้าก็ไปหาที่ซุ้มรับน้อง”
“…”
“พี่ฟ้าถึงรู้ว่าคนนี้…” พี่ฟ้าจุ๊บปากผมอีกแล้ว “…ชื่อ ที่รัก”
“ถ้าจุ๊บอีกจะโดนตีนะครับ…”
จุ๊บ…
“พี่ฟ้า !”
“ตัวดื้อรักพี่ฟ้าขนาดนี้…ตีพี่ฟ้าไม่ลงหรอกครับ”
“เดี๋ยวรักจะใจแข็งให้ดู…พี่ฟ้าได้เจ็บตัวแน่ ๆ ”
“หึ ๆ ”
“แสดงว่าวันนั้นที่เกิดเรื่อง…พี่ฟ้าไม่ได้แค่โมโหที่พี่โอ้ว่าพี่ฟ้าอย่างที่คนอื่นเข้าใจใช่ไหมครับ ?”
พี่ฟ้าดูหัวเสียขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่อพี่โอ้ “ตอนที่พี่ฟ้ารู้ว่าตัวดื้ออยู่ที่ร้านกับไอ้โอ้…”
“…”
“พี่ฟ้ารู้ว่ามันต้องทำอะไรสักอย่างกับตัวดื้อ”
“…”
“ตอนนั้นคิดแค่ว่า…ถ้าไอ้โอ้ทำอะไรตัวดื้อ…มันไม่ตายก็ต้องพิการ”
“…”
“แต่วันนั้นมีคนห้าม พี่ฟ้าถึงได้ยั้งไว้บ้าง”
“ขนาดยั้งไว้ พี่โอ้ยังฟันหักเลยครับ”
“แต่ตอนหอมหัวตัวดื้อ ไม่มีใครห้ามเลย มีแต่คนนี้ที่อ้อนขอให้หอมหัว…พี่ฟ้าหอมไม่ยั้งเลยครับ”
“พี่ฟ้า…อันนี้รักไม่ได้ถามครับ”
“หึ ๆ ”
“เหตุการณ์วันนั้นทำให้พี่ฟ้ากล้าเข้าหารักใช่ไหมครับ ?”
“พี่ฟ้ากล้าเข้าหาตัวดื้อนานแล้วครับ แต่มีเรื่องให้เราคลาดกันตลอด…เหตุการณ์วันนั้นทำให้พี่ฟ้าเข้าหาตัวดื้อง่ายขึ้นเท่านั้นเอง”
“…”
“ต่อให้ไม่เกิดเหตุการณ์วันนั้น…พี่ฟ้าก็จะพยายามเข้าไปอยู่ในชีวิตตัวดื้ออยู่ดี”
“คุณท้องฟ้าพยายามมาตลอดเลยใช่ไหมครับ ?”
“ครับ…”
“พี่ฟ้าคงผ่านอะไรมาเยอะมาก”
พี่ฟ้าไม่ตอบอะไร เจ้าตัวเอามือผมไปหอมอีกครั้งแล้ววางทาบที่ข้างแก้มตัวเอง ผมรับรู้ได้ว่าพี่ฟ้าก้าวข้ามผ่านทุกอย่างด้วยความยากลำบาก
“ขอรักให้รางวัลคนเก่งหน่อยนะครับ…”
ผมใช้ทั้งสองมือจับประคองใบหน้าพี่ฟ้าไว้ ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของพี่ฟ้า ไล่เลื่อนลงมาที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ที่ปลายจมูกโด่ง จนมาถึงแก้มทั้งสองข้าง…และที่สุดท้าย
จุ๊บ…
…ริมฝีปากของพี่ฟ้า
“คนเก่งของรัก”
พี่ฟ้ายิ้มแล้วกอดผมไว้แน่น เจ้าตัวกดจมูกกับริมฝีปากลงบนไหล่ผมเหมือนเคย เสียงลมหายใจของพี่ฟ้าคลออยู่ที่ข้างหูผม เรากอดกันโดยไม่พูดอะไร ผมเคลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบที่ท้ายทอยพี่ฟ้าเบา ๆ ก่อนจะสอดนิ้วมือเข้าไปในกลุ่มผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตแล้วกดจมูกลงบนศีรษะพี่ฟ้า มันเป็นสัมผัสอบอุ่นที่อยากมอบให้คนเก่งของผม
“ที่รักของพี่ฟ้า” พี่ฟ้าพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ครับ…รักอยู่ตรงนี้กับพี่ฟ้าแล้วนะครับ”
“…”
ท่อนแขนหนาที่กระชับกอดให้แน่นขึ้นทำให้ผมพูดประโยคนี้ออกไป “รักจะไม่ปล่อยมือพี่ฟ้า…”
เหมือนที่พี่ฟ้าไม่เคยปล่อยมือรัก…
ผมผละกอดออกแล้วส่งยิ้มให้พี่ฟ้า เจ้าตัวยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากตัวเองเพื่ออ้อนขอจุ๊บอีก ผมหัวเราะก่อนเอ่ย “ไม่จุ๊บแล้วครับ”
“พี่ฟ้าให้โอกาสตัวดื้อตอบอีกรอบ…”
“ไม่ จุ๊บ แล้ว ครับ”
“พี่ฟ้าให้โอกาสตัวดื้อแล้วนะครับ”
ผมขมวดคิ้วใส่พี่ฟ้าที่ทำหน้าเจ้าเล่ห์ “…”
“ไม่ยอมทำตามคำขอ…ก็ต้องโดนจู่โจมแบบนี้ครับ”
พี่ฟ้าใช้มือเพียงข้างเดียวจับล็อกใบหน้าของผมไว้แล้วจู่โจมด้วยการจุ๊บปากรัว ๆ จนผมหลุดหัวเราะออกมา เจ้าตัวเปลี่ยนตำแหน่งไปจุ๊บที่คอของผมด้วย พอพี่ฟ้าจุ๊บผมจนหนำใจแล้วก็ปล่อยให้เป็นอิสระ
“พี่ฟ้าชอบแกล้งรักอยู่เรื่อยเลย…”
“พี่ฟ้าให้ที่รักเอาคืนดีไหมครับ ?”
“…”
“พี่ฟ้าจะนั่งนิ่ง ๆ ไม่สู้เลย…ปล่อยให้ที่รักจุ๊บพี่ฟ้าได้เต็มที่เลยครับ”
“คนเจ้าเล่ห์…รักไม่หลงกลพี่ฟ้าหรอกครับ”
“หึ ๆ ”
ผมหลุบตาลงต่ำเพราะสู้สายตาเจ้าเล่ห์ของพี่ฟ้าไม่ไหว “…”
“ตัวดื้ออยากถามอะไรพี่ฟ้าอีกไหมครับ ?”
“จริง ๆ รักมีคำถามเยอะเลยครับ แต่ตอนนี้ลืมไปหมดแล้ว”
“ทำไมตัวดื้อลืมครับ ?”
“เพราะเมื่อกี้โดนพี่ฟ้าจู่โจมครับ…”
พี่ฟ้าหัวเราะแล้วหอมแก้มผมจนดังฟอด “โอ๋ ๆ นะครับ”
“ถ้ารักนึกออกแล้วจะถามพี่ฟ้าอีกนะครับ”
“ได้ครับ…”
“…”
“พี่ฟ้าขอถามตัวดื้อบ้างได้ไหมครับ ?”
ผมสบตากับพี่ฟ้าก่อนพยักหน้ารับ “ได้ครับ”
ระหว่างมาคอนโดผมเล่าเรื่องที่ไปสารภาพกับพันลี้ให้พี่ฟ้าฟังบนรถแล้ว ทั้งอธิบายเหตุผลที่ต้องให้พันลี้ไปส่งที่สนามบินด้วย แถมเล่าให้ฟังอีกว่าผมร้องไห้ตอนเห็นรูปนั้น เจ้าตัวยังกอดปลอบผมตอนรถติดไฟแดงอยู่เลย
พี่ฟ้าอยากรู้เรื่องอะไรอีกนะ ?
“พันลี้ได้บอกไหมครับ…ว่ามันเห็นรูปนั้นตอนไหน ?”
ผมคิดว่าพี่ฟ้าจะถามคำถามที่ยากกว่านี้ซะอีก แต่พอคิดดูดี ๆ คำถามนี้ยากพอสมควรเลย เพราะถ้าผมตอบไม่ดีจะส่งผลถึงชีวิตพันลี้ “พี่ฟ้าต้องสัญญากับรักก่อนครับ”
“…”
“พี่ฟ้าห้ามกลับไปตัดหัวพันลี้นะครับ”
“ครับ พี่ฟ้าสัญญา”
“พันลี้บอกว่าเห็นเมื่อวานซืนครับ เพราะพันลี้เข้าไปยืมเลนส์กล้องของพี่ฟ้าก็เลยเห็นรูป…”
“ยืม ?...แสดงว่ามันแอบเข้าไปหลายรอบแล้ว”
“พี่ฟ้าสัญญาแล้วนะครับ”
พี่ฟ้าเอาลิ้นดุนปากแสดงอาการไม่พอใจ แต่เจ้าตัวยังพยักหน้ารับ“…ครับ”
“พี่ฟ้าอยากรู้อะไรอีกไหมครับ ?”
“ไม่แล้วครับ พี่ฟ้าแค่อยากรู้ว่าพันลี้แอบเข้าห้องบ่อยไหม ?”
“รักว่าไม่บ่อยหรอกครับ”
“ครั้งนี้พันลี้รอดเพราะตัวดื้อเลยนะครับ”
“จริง ๆ พี่ฟ้าต้องขอบคุณพันลี้นะครับ…ถ้าพันลี้ไม่พารักไปดูรูปนั้น รักคงไม่กล้าไปสารภาพรักกับพี่ฟ้าที่สนามบิน”
“รอเราเป็นแฟนกันก่อนนะครับ…พี่ฟ้าค่อยขอบคุณมัน”
ผมหัวเราะก่อนเอ่ย “รักคิดว่าพี่ฟ้าจะถามอย่างอื่นซะอีก…”
“…”
“พี่ฟ้าไม่อยากรู้เหรอครับ…ว่ารักชอบพี่ฟ้าตอนไหน ?”
“เริ่มเปิดใจคงเป็นตอนที่ตัวดื้อมาถ่ายงานที่คอนโดพี่ฟ้า เริ่มชอบจริง ๆ คงเป็นตอนไปเที่ยวทะเล…หลังจากนั้นตัวดื้อก็ตกหลุมรักพี่ฟ้าจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว”
“…” ผมกะพริบตาปริบ ๆ เพราะพี่ฟ้าพูดถูกทั้งหมด
“พี่ฟ้าพูดถูกไหมครับ ?”
“ถะ ถูกครับ”
“ขอรางวัลให้คนเก่งด้วยครับ…” พี่ฟ้ายกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของตัวเอง
“ถ้าไม่จุ๊บ…คนเก่งจะจู่โจมรักอีกไหมครับ ?”
พี่ฟ้าหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่จู่โจมแล้วครับ…”
“ถ้าคนเก่งไม่แกล้งรักอีก…” ผมอมยิ้มแล้วโน้มหน้าไปจุ๊บปากพี่ฟ้า “…รักจะจุ๊บบ่อย ๆ เลย”
พี่ฟ้ากัดริมฝีปากก่อนเอ่ย “หมั่นเขี้ยว”
“พี่ฟ้ารู้ได้ยังไงครับ ?...ทั้งที่รักไม่เคยบอกใครเลย”
“ถ้าเขาเป็นคนที่เรารัก ไม่ว่าเขาจะรู้สึกยังไง เราจะรับรู้ได้ครับ”
“…”
“ถึงแม้จะรับรู้ได้…แต่พี่ฟ้าไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเองเลย พี่ฟ้าเผื่อใจตลอด”
“…”
“แต่เบบทำให้พี่ฟ้าเลิกเผื่อใจ”
“พี่เบบเหรอครับ ?”
“ใช่ครับ เบบบอกพี่ฟ้าว่าตัวดื้อกำลังเดินมาหาพี่ฟ้าแล้ว”
“พี่เบบบอกพี่ฟ้าตอนไหนครับ ?”
“ตอนที่เราไปเที่ยวทะเลกันครับ”
ผมยิ้มพลางคิดขอบคุณพี่สาวในใจ เบื้องหลังความสุขของผมมักจะเป็นพี่เบบเสมอ “ถ้าเราเป็นแฟนกันแล้ว…รักว่าเราต้องขอบคุณหลายคนเลยครับ”
“ครับ…ไว้รอตัวดื้อจีบพี่ฟ้าติดก่อนเนอะ”
ผมย่นจมูกใส่พี่ฟ้า ทุกครั้งที่ทำแบบนี้ เจ้าตัวจะชอบใช้มือบีบที่ปลายจมูกของผม ทว่าครั้งนี้พี่ฟ้าใช้ปากงับที่ปลายจมูกแทน หัวใจเลยกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
โดนจู่โจมอีกแล้ว…
“…”
“พี่ฟ้ามีบางอย่างอยากให้ตัวดื้อครับ”
“ของฝากจากฮ่องกงเหรอครับ ?”
“ไม่ใช่ครับ…พี่ฟ้าซื้อที่ไทย”
พี่ฟ้าล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เจ้าตัวกำมันไว้ก่อนจะเอามาวางบนมือผม สิ่งที่ผมเห็นคือกุญแจรถยี่ห้อมินิคูเปอร์ ผมกำลังจะเอ่ยถาม ทว่าเจ้าตัวจุ๊บปากผมแล้วชิงถามก่อน
“ชอบไหมครับ ?”
ผมบอกพี่ดอมตลอดว่า…ถ้าเรียนจบแล้วจะทำงานเก็บเงินซื้อรถยี่ห้อนี้ “รักรับไว้ไม่ได้หรอกครับ”
“ชอบไหมครับ ?” พี่ฟ้าถามย้ำอีกครั้ง
“ชอบครับ…แต่รักรับไว้ไม่ได้จริง ๆ มันมากเกินไปครับพี่ฟ้า”
“ไม่มีอะไรมีค่าเท่าที่รัก…” พี่ฟ้าใช้มือลูบแก้มผมเบา ๆ “…แค่นี้ไม่มากไปหรอกครับ”
“พี่ฟ้า…”
“ตัวดื้อพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกพี่ฟ้านะครับ…เดี๋ยวพี่ฟ้าจะโอนรถให้เป็นชื่อตัวดื้อ”
“…”
“ตอนนี้ใช้ชื่อพี่ฟ้าอยู่ครับ”
“ไม่ต้องหรอกครับ พี่ฟ้าเก็บรถคันนี้ไว้เถอะครับ”
“พี่ฟ้าเก็บไว้ให้ตัวดื้อนานแล้วครับ…”
“…”
“พี่ฟ้าซื้อรถคันนี้หลังกลับจากทะเล…เพราะพี่ฟ้าตั้งใจจะสารภาพรักกับตัวดื้อหลังสอบเสร็จ”
“…”
“ถ้าสารภาพรักแล้วตัวดื้อยอมตกลงเป็นแฟนด้วย พี่ฟ้าจะให้รถคันนี้กับตัวดื้อ…”
“…”
“แต่ถ้าโดนปฏิเสธ…พี่ฟ้าก็ยังเก็บรถคันนี้ไว้อยู่ดี เพราะเจ้าของรถคันนี้ต้องเป็นที่รักเท่านั้น”
“…”
“พี่ฟ้าอยากให้ที่รักได้ขับรถดี ๆ ได้ขับรถที่ชอบ…”
“…”
พี่ฟ้าโน้มตัวเข้ามากอดผมไว้ เจ้าตัวเอาหน้าซุกที่คอของผมก่อนจะพูดเสียงอู้อี้ “คนดี…อย่าปฏิเสธพี่ฟ้าเลย”
ผมถอนหายใจเพราะรู้ว่าตัวเองจะใจอ่อนให้กับคนตัวโตที่แสนขี้อ้อนในไม่ช้า ผมไม่อยากรับไว้เพราะรู้ดีว่ารถคันนี้มีราคาสูงแค่ไหน แม่เคยสอนผมไว้ว่า…อย่ารับของมีค่าจากใคร ถ้าเราไม่ได้ให้อะไรตอบแทนเขา
แต่เพราะรถคันนี้ไม่ได้ถูกตีค่าด้วยราคาเพียงอย่างเดียว มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับพี่ฟ้า ผมเลยคิดหนักเพราะอยากตัดสินใจให้ดีที่สุด
การตัดสินใจของผมจะต้องไม่ทำให้ใครผิดหวัง…
ทั้งแม่และพี่ฟ้า
ผมลูบศีรษะของพี่ฟ้าเบา ๆ ก่อนเอ่ย “คุณท้องฟ้า…เงยหน้ามองรักหน่อยครับ”
“…” คุณหมื่นฟ้าคนดื้อกลายเป็นคุณหมื่นฟ้าเด็กดีไปแล้ว เจ้าตัวยอมเงยหน้าสบตากับผมอย่างว่าง่าย
“รักจะรับรถคันนี้ไว้ครับ…” ผมมองพี่ฟ้าที่ยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่รถคันนี้จะต้องเป็นชื่อของพี่ฟ้าเท่านั้น”
“…”
“ถ้ารักทำงานแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นชื่อรักครับ”
“พี่ฟ้ารอได้ครับ…”
“รักจะผ่อนค่ารถให้พี่ฟ้าทุกเดือนนะครับ…แต่รักต้องทำงานก่อนนะครับ”
พี่ฟ้าพยักหน้ารับ ผมรู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมพูดมากนัก เพราะมัวแต่ดีใจที่ไม่โดนปฏิเสธ คนตัวโตกอดผมไว้แน่นแล้วระดมหอมแก้มไม่หยุด
“ทีหลังห้ามซื้ออะไรแพง ๆ ให้รักอีกนะครับ”
“…” พี่ฟ้าไม่ตอบอะไร เจ้าตัวกดจมูกแช่ไว้ที่แก้มของผม
“อย่ามึนครับ พี่ฟ้า…เข้าใจที่รักพูดไหมครับ ?” ผมต้องดุคุณท้องฟ้าแบบจริงจังแล้ว
“ครับผม…”
ครับผม…อีกแล้ว
รักแพ้คำนี้จังเลย
T________T
#กี่หมื่นฟ้า
“พี่ฟ้าให้รักขับกลับบ้านเลยเหรอครับ ?”
“ครับ…พรุ่งนี้ตัวดื้อจะได้ขับไปเรียน”
ผมถอนหายใจขณะมองรถมินิคูเปอร์สีฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุดที่แต่งครบครัน พี่ฟ้าต้องเสียเงินให้รถคันนี้เยอะแน่ ๆ มันเหมือนในนิตยสารรถของพี่ดอมเลย เจ้าตัวเดินวนรอบรถเพื่อเช็กความเรียบร้อยอีกรอบก่อนให้ผมขับกลับบ้าน
“รักฝากจอดไว้ที่คอนโดพี่ฟ้าอีกสักอาทิตย์ได้ไหมครับ ?”
“พรุ่งนี้ตัวดื้อขับรถไปอวดพันลี้เลยนะครับ…”
พี่ฟ้าไม่ฟังรักเลย T______T
“เรียบร้อยแล้วครับ ตัวดื้อ”
“ครับ…”
“เดี๋ยวพี่ฟ้าขับไปส่งนะครับ”
“แล้วพี่ฟ้าจะกลับยังไงครับ ?”
“ดอมน่าจะยังอยู่ที่บ้านตัวดื้อ…เดี๋ยวพี่ฟ้าให้ดอมมาส่งที่คอนโดครับ”
“พี่ฟ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว…”
“แค่ขับรถไปส่งตัวดื้อ…ไม่ทำให้พี่ฟ้าเหนื่อยมากหรอกครับ”
“…”
“มีใครบางคนนั่งรอตัวดื้ออยู่บนรถด้วยนะครับ”
“ใครเหรอครับ ?”
“ขึ้นรถสิครับ…”
ทันทีที่ขึ้นรถผมเห็นหมอนผ้าห่มที่เป็นเด็กชาลี บราวน์ นั่งอยู่ที่เบาะคนขับ ผมกำลังจะหยิบตัวการ์ตูนสุดโปรดมาไว้ในอ้อมกอด ทว่าคนตัวสูงที่เพิ่งขึ้นรถมาคว้ามันไปก่อน
“พี่ฟ้า…”
“รถกับเด็กชาลี ตัวดื้อเลือกอะไรครับ ?”
“เด็กชาลี ราคาเท่าไหร่ครับ ?”
“เจ็ดร้อยเก้าสิบครับ”
“รักเลือกเด็กชาลีครับ เพราะรักจ่ายคืนพี่ฟ้าได้เลย”
“หึ ๆ…”
“รักขออุ้มเด็กชาลีหน่อยได้ไหมครับ ?” ผมพูดพร้อมยื่นมือทั้งสองข้างไปหาพี่ฟ้า แต่เจ้าตัวเอาเด็กชาลีไปซ้อนไว้ข้างหลังแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“จุ๊บพี่ฟ้าก่อนครับ…”
“จุ๊บอีกแล้ว…” ผมขมวดคิ้วใส่พี่ฟ้า ก่อนจะชะเง้อหน้ามองหาเด็กชาลีที่โดนคนตัวโตบังจนมิด “ขอเห็นหน้าตัวประกันก่อนได้ไหมครับ ?”
พี่ฟ้าหัวเราะแล้วเอาเด็กชาลีวางบนคอนโซลรถ “ตัวประกันปลอดภัยดีครับ”
“…”
“แต่ถ้าที่รักไม่ยอมจุ๊บพี่ฟ้า…พี่ฟ้าจะเอาเด็กชาลีไปถ่วงน้ำ”
“พี่ฟ้าทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ…”
พี่ฟ้ายกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากตัวเองเหมือนเคย “จุ๊บตรงนี้…” ก่อนจะชี้ที่ดวงตาทั้งสองข้างด้วย “…ตรงนี้ด้วยครับ”
ผมมองตัวประกันที่นั่งยิ้มแฉ่งอยู่บนคอนโซลรถพลางคิดว่าไม่มีทางอื่นนอกจากยอมทำตามที่คนใจร้ายสั่ง ผมใช้สองมือจับประคองใบหน้าพี่ฟ้าไว้แล้วจุ๊บที่ริมฝีปากเจ้าตัว ก่อนจะจุ๊บที่เปลือกตาทั้งสองข้าง
“รอดแล้วนะ เด็กชาลี” พี่ฟ้าพูดพร้อมส่งมอบตัวประกันให้ผม
“เด็กชาลี ชีวิตนายมีค่ามากเลยนะ…แลกมาด้วยจุ๊บของเราเลย”
“หึ ๆ ”
พี่ฟ้าเคลื่อนรถออกจากคอนโดขณะผมรูดซิปเปิดเพื่อเอาผ้าห่มที่อยู่ข้างในตัวเด็กชาลีออกมาดู คงเพราะผมสนใจตุ๊กตาผ้าห่มมากจนเกินไป คนข้างกายถึงได้ขับรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“พี่ฟ้าครับ…”
“ครับ ?”
“น้อยใจเหรอครับ ?”
พี่ฟ้าหัวเราะก่อนเอ่ย “พี่ฟ้าไม่ได้น้อยใจครับ…”
“แสดงว่ารักคิดไปเอง…รักกลัวพี่ฟ้าน้อยใจที่สนใจเด็กชาลีมากกว่า”
“หึ ๆ …เด็กชาลีพูดไม่ได้ พี่ฟ้าไม่หึงหรอกครับ”
“ถ้าเด็กชาลีพูดได้ พี่ฟ้าคงไม่ให้เข้าใกล้รักหรอกครับ”
“ใช่ครับ…”
เพราะในเวลานี้ถนนว่างโล่งจึงทำให้เรามาถึงบ้านในเวลาสี่ทุ่ม พี่ดอมออกมายืนรอที่หน้าบ้านเพราะพี่ฟ้าโทรบอกว่าจะขอกลับด้วย ผมลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของพี่ฟ้าขณะเจ้าตัวกำลังจอดรถ เป็นในตอนนี้ที่อยากบอกฝันดีคุณท้องฟ้าในแบบของผม
จุ๊บ…
…ผมจุ๊บแก้มพี่ฟ้า
คนโดนจุ๊บหลุดยิ้มออกมาแล้วหันหน้ามองผม “สงสัยที่รักอยากโดนฟัดก่อนลงจากรถ”
“คืนนี้ฝันดีนะครับ พี่ฟ้า”
พี่ฟ้าพยักหน้ารับแล้วโน้มหน้ามากระซิบที่ข้างหูผม “ฝันถึงพี่ฟ้าด้วยนะครับ”
คืนนี้ผมคงฝันดี
เพราะเราฝันถึงกัน
: )
TBC
Talk
คนทางนี้กลั้นยิ้มแทบแย่เลยย
ฝากคอมเมนต์และเล่น #กี่หมื่นฟ้า เป็นกำลังใจให้กันด้วยคับ !
กำลังใจของทุกคนสำคัญกับเรามาก ๆ เล้ย : )
รักเสมอ
พูดคุย อัปเดตนิยาย Twitter : @SP251566
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คุณท้องฟ้าไม่ควรมีคนเดียวบนโลก งื้อออ
ขอหมื่นฟ้าอีกสักพันหมื่นล้านคนในโลกใบนี้ได้ไหมนะ เผื่อเราจะเป็นหนึ่งในที่รัก ของหมื่นฟ้าสักคน
ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่เขียนหมื่นฟ้ากับที่รักออกมาได้น่ารักขนาดนี้
เขาสารภาพรักกันเเล้วววว
อ่อห่อ อย่าให้นับเรยนะคะว่าเค้าจุ๊บกันไปกี่ครั้งในตอนเน้ T____T
รักน้องที่สุด เปย์น้องขั้นสุด และจุ๊บน้องมากสุดเลยจ้าพี่ฟ้า น่ารักมากกก