ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Episode 01 full
เสียงคนวิ่งลงบันไดตึงตังเป็นสัญญาณให้คนที่กำลังล้างจานอยู่ในครัวรีบเร่งทำงานตรงหน้าต่อให้เสร็จ ชายหนุ่มหมุนวาล์วก๊อกน้ำปิดลงแล้วจัดการเช็ดจานแต่ละใบด้วยผ้าขาวจนแห้งหมาด ทำไปจนถึงใบสุดท้าย เจ้าของบ้านคนใหม่ก็ปรากฏกายเข้ามาในครัว
“ซึงยุนล่ะ?” ใบหน้าที่กำลังแสดงความตระหนกของจินอูเป็นสีหน้าแรกที่ซึงฮุนได้เห็นในบ่ายวันนี้
ชายหนุ่มหันกลับไปจัดเรียงจานที่เช็ดแล้วบนชั้นพร้อมกับให้คำตอบคนที่ตื่นสายจนไม่ทันอาหารมื้อเช้า จึงทำให้พลาดการพบเจอกับน้องชายของเขา
“ซึงยุนออกเดินทางไปแล้ว เขาบอกว่าเป็นครั้งแรกสำหรับการไปซานฟานซิสโก เขาอยากเตรียมทุกอย่างให้พร้อมไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เลยฝากพี่ไว้กับผม” ท้ายประโยคชายหนุ่มหันกลับมามองรุ่นพี่
จินอูพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหยุดคุยกับซึงฮุนใกล้ๆ
“ที่จริงไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย แล้วคราวนี้ฉันก็ต้องเดินทางไปคนเดียวน่ะสิ” สีหน้าของรุ่นพี่ดูเป็นกังวลเล็กน้อยเมื่อคิดว่าตนเองต้องเดินทางขึ้นเครื่องบินไปตามลำพัง แต่ซึงฮุนก็ช่วยทำให้ความกังวลใจของชายหนุ่มหมดไปด้วยประโยคต่อมาของเขา
“ใครจะให้พี่ไปคนเดียวล่ะครับ ซึงยุนฝากพี่ไว้กับผมนะ ผมก็ต้องไปด้วยสิ”
“จริงนะ” แววตาของจินอูเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินคำพูดของรุ่นน้อง นึกดีใจที่ซึงฮุนไม่เคยทอดทิ้งตน
“จริงสิครับ ซึงยุนเอาตั๋วของเขาให้ผมไปพร้อมพี่ ส่วนตัวเองตีตั๋วรอบเช้าไปแล้ว ดีใจใช่ไหมล่ะ?”
“อื้ม วันสำคัญทั้งทีนายจะพลาดได้ไงล่ะ ตอนแรกไหนบอกว่าติดงานเลื่อนไม่ได้ไง ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม?”
“ครับ ไม่มีปัญหา โดนน้องชายรบเร้ามากๆ มันรำคาญ ก็เลยรีบๆ เคลียร์งานให้เสร็จน่ะ”
“ดีแล้ว จะได้เที่ยวด้วยกันสามคน เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันสามคนนานแล้วนะ”
เพราะที่ผ่านมา... พี่จินอูเอาแต่เที่ยวกับซึงยุนตลอดเลย...
“พี่ไปกินข้าวไป ผมทำเตรียมไว้แล้วอยู่บนโต๊ะนั่นไง” ซึงฮุนหันไปมองจานอาหารบนโต๊ะที่อยู่กลางห้องครัวเพื่อบอกให้รุ่นพี่ไปนั่งทานอาหารให้เรียบร้อย ถ้าทุกอย่างเสร็จเร็วพวกเขาก็จะได้มีเวลาเตรียมตัวก่อนออกเดินทางไปฮันนีมูนที่ซานฟานซิสโกมากขึ้น
“ทำอะไรให้เค้ากินเนี่ย โห หน้าตาเหมือนอาหารอิตาเลี่ยนเลย”
“ผมทำอาหารฝรั่งเศสเหอะ ลองดูๆ ไม่อร่อยมากเท่าไหร่หรอก แต่ซึงยุนให้ผ่านนะ” ซึงฮุนมองคนที่นั่งลงยังที่ประจำของตัวเองบนเก้าอี้แล้วเริ่มตักชิ้นส่วนของเนื้อปลาขึ้นมาชิม
จินอูอมชิ้นส่วนของเนื้อปลาที่คลุกเคล้ากับน้ำซอสรสจัดอยู่ชั่วครู่แล้วก็หันมายกนิ้วโป้งรับประกันความอร่อยให้กับเชฟประจำบ้าน อีซึงฮุน ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังในเรื่องอาหารการกินเสมอ
“อย่างน้อยก็อร่อยกว่าอาหารฝรั่งเศสที่ฉันเคยกินแถวฟูดคอร์ดล่ะนะ” จินอูออกความคิดเห็นแล้วตั้งหน้าตั้งตาทานมื้อเที่ยงแทนมื้อเช้าอย่างจริงจัง ฝ่ายซึงฮุนที่เก็บกวาดบริเวณอ่างล้างจานเรียบร้อยแล้วก็ถอดผ้ากันเปื้อนเเขวนไว้ข้างเสาบ้าน ใบหน้าหล่อตี๋เหลียวไปมองแผ่นหลังของร่างบางพร้อมกับคำไหว้วาน
“ถ้าเสร็จแล้วล้างจานให้ด้วยนะ ผมขอตัวไปจัดกระเป๋าเดินทางก่อน เมื่อคืนมัวยุ่งกับงานเลี้ยงแต่งงานเลยกลับบ้านดึกไม่ได้เตรียมอะไรเลยสักอย่าง”
“นั่นสิ ฉันเองก็ยังเตรียมของไม่เสร็จเลย”
เพราะเมื่อคืนมัวแต่ปรนนิบัติสามีจนดึกดื่นแล้วหมดแรงหลับไป ข้าวของเครื่องใช้ที่จะต้องนำไปด้วยที่ฟานซิสโกก็เลยจัดไม่ถึงไหน เห็นทีคงจะต้องรีบทานอาหารให้หมดจานเร็วๆ เสียแล้ว คิดพลางรีบเคี้ยวอาหารให้หมดคำแล้วจิ้มชิ้นเนื้อปลาแซลมอนเข้าปากเคี้ยวต่อ พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับแหวนทองคำขาววงเกลี้ยงที่สวมอยู่ในนิ้วนางข้างขวาของตัวเอง
เขาเป็นคนเดียวที่ได้สวมแหวนแต่งงานสินะ
ให้ตายเถอะคิมจินอู เรื่องสำคัญขนาดนี้ลืมนึกถึงไปได้ยังไงนะ
“ซึงฮุนนน!” จินอูวางช้อนลงกับจานที่เนื้อปลายังไม่พล่องไปถึงไหน ขาเรียวรีบวิ่งก้าวขึ้นบันไดกลับไปยังชั้นสองแล้วไปหยุดยืนเคาะประตูห้องนอนของซึงฮุนด้วยความร้อนใจนึกด่าตัวเองที่ผ่านคืนแต่งงานมาแล้วหนึ่งคืนเเต่กลับเพิ่งนึกขึ้นได้
แม้เจ้าบ่าวไม่จำเป็นต้องสวมแหวนแต่งงานอย่างเจ้าสาวก็จริง แต่จินอูก็อยากจะให้อีกฝ่ายได้สวมเเหวนเอาไว้ที่นิ้วนางข้างขวา เพื่อให้มันเป็นเครื่องสัญญาใจ ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะรักกันเเละเป็นของกันตลอดไป
“ซึงฮุนเปิดๆๆ เร็วๆ หน่อยมีเรื่องจะคุยด้วย” จินอูเปลี่ยนจากการเคาะประตูมาเป็นการทุบประตูแทน เมื่อเจ้าของห้องเปิดประตูออกมาแล้ว มือขวาของเขาก็ถูกคนตรงหน้ากระชากเข้าหาอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ะ ใจเย็นๆ สิ ทำไม มีอะไรเหรอพี่” ซึงฮุนถูกลากออกมายืนหน้าห้องนอนตามแรงดึงของรุ่นพี่ มือบางจับลูบนิ้วมือข้างขวาของเขาเหมือนจะทำอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะกับนิ้วนางข้างขวาที่สำหรับใช้สวมแหวนแต่งงาน
“จะทำอะไรน่ะ”
“จะดูความกว้างของนิ้วนายไง ประมาณนี้ไซส์แอลรึเปล่านะ”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันสิครับ”
“อ้าว นิ้วตัวเองแท้ๆ ไม่รู้ได้ยังไง ปกตินายก็ใส่แหวนไม่ใช่เหรอ” จินอูไม่รอให้ได้รับคำตอบ เขาเดินผ่านร่างสูงเข้าไปในห้องนอนเพื่อมองหาแหวนสักวงที่พอจะใช้เป็นแบบในการเลือกแหวนแต่งงานได้
ซึงฮุนตามเข้ามาปิดประตูห้องแล้วเดินตามร่างบางไปหยุดซ้อนด้านหลัง ในขณะที่จินอูกำลังรื้อกล่องเก็บเครื่องประดับของเขาออกมาดูแหวนประดับเก่าๆ ที่ซึงฮุนเลิกสวมไปตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย
“ขอยืมวงนี้วันหนึ่งนะ” จินอูหันไปขอรุ่นน้องแล้วจัดการสวมแหวนวงนั้นเข้ากับนิ้วชี้ของตัวเอง
“นิ้วนายใหญ่กว่าฉันจริงๆ ล่ะ ดูสิ ฉันต้องเอาไปใส่นิ้วชี้เลยนะ” จินอูยกมือขวาที่สวมแหวนเงินวงเกลี้ยงขึ้นมาโชว์ให้เจ้าของเห็น แต่สายตาเรียวรีคู่นั้นกลับไม่สนใจมองแหวนในนิ้วเรียวของร่างบางเลย
ซึงฮุนกำลังจ้องมองจินอูด้วยแววตาที่ยากจะสื่อความหมาย และในดวงตาที่จินอูคุ้นเคยดีคู่นั้นกำลังฉายความเศร้าที่คนมองไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“เอ่อ.... เสียดายเหรอซึงฮุนงั้นฉันคืนก็ได้ แต่ขอวงอื่นก็แล้วกันนะ” จินอูถอดแหวนแล้วหันกลับไปวางไว้ในกล่องเครื่องประดับดังเดิม เเล้วจังหวะนั้นเองซึงฮุนก็เขยิบเข้าไปแนบชิดกับแผ่นหลังของเขา
“หืมม์” จินอูที่รู้สึกแปลกใจค่อยๆ หันกลับไปมองรุ่นน้องแต่ก็ไม่สามารถเอี้ยวตัวกลับไปหาชายหนุ่มได้เพราะแรงยึดจากสองมือของซึงฮุนที่จับเอวเขาไว้แน่นหนาบวกกับแรงที่คนด้านหลังใช้ดันร่างเขาเข้ามาจนติดกับโต๊ะเครื่องเเป้ง
“เล่นอะไรเนี่ย!” จินอูแผดเสียงอย่างไม่พอใจเมื่อถูกกระทำเช่นนี้ ลางสังหรณ์บอกเขาว่าสิ่งที่ซึงฮุนกำลังทำจะต้องไม่ใช่เรื่องดี ถึงจะเคยหยอกล้อกันมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยแกล้งกันในลักษณะนี้เลย
“ฉันไม่เล่นนะ ปล่อยสิ” แต่เสียงสั่งของจินอูกลับไม่ส่งผลกระทบที่ดีเอาเสียเลย ร่างสูงที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังเลื่อนมือจากเอวบางลงมาปลดถอดกระดุมกางเกงของจินอู
“อีซึงฮุน!” ร่างบางร้องอย่างตกใจ จ้องมองภาพสะท้อนของชายหนุ่มจากกระจกของโต๊ะเครื่องแป้ง ยิ่งเห็นสายตาที่ซึงฮุนจ้องมองลงมาที่เขา ร่างกายก็เริ่มสั่น
ซึงฮุนไม่เคยมองเขาด้วยสายตาแบบนี้มาก่อนเลย
“ระแวงว่าผมจะทำอะไรเหรอครับ... พี่จินอู” ซึงฮุนเงยหน้าขึ้นมองจินอูผ่านกระจก
ร่างบางยันสองมือเข้ากับโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อต่อต้านแรงผลักที่ร่างสูงส่งมาให้ ตอนนี้เขารู้สึกอึดอัดและปวดร้าวบริเวณสะโพกมากขึ้นๆ
“ไม่เล่นแบบนี้นะซึงฮุน ปล่อยเถอะ ฉันเจ็บ” เขารีบยกเหตุผลขึ้นมาอ้างแต่การกระทำของซึงฮุนก็ยังจะย้ำว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
มือของซึงฮุนจับซิบกางเกงของจินอูรูดลงจนสุด
“ซึ... ซึงฮุน... ทำอะไร...” จินอูเบิกตามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“...ทำไมทำแบบนี้” เขารีบหลุบสายตาลงต่ำ เมื่อมองเห็นว่ามือทั้งสองข้างของซึงฮุนกำลังจะถอดกางเกงของเขาลง มือบางก็รีบคว้าข้อมือของร่างสูงไว้ สองแรงของชายหนุ่มดึงดันต่อสู้กันแต่คนที่กำลังเจ็บปวดบริเวณสะโพกจากเหตุการณ์ร่วมรักเมื่อคืนก่อนก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคนที่มีเรี่ยวแรงมากกว่า
กางเกงสแลคสีดำจึงตกลงไปกองลงที่ข้อเท้าก่อนที่ชั้นในสีดำจะถูกถอดตามลงไป
“หยุดนะ! อย่าทำแบบนี้อีซึงฮุน!” จินอูไขว่คว้าสองมือไปด้านหลังเพื่อจะผลักไสร่างหนาที่ยืนดันเขาติดกับโต๊ะเครื่องแป้งให้ออกห่างแต่ซึงฮุนก็ยังคงยืนหยัดโดยไม่สะทกสะท้าน ฝ่ามือหนานุ่มลูบไล้โอบช้อนไปใต้บั้นท้ายกลมกลึงของจินอูอย่างย่ามใจ
“อีซึงฮุน!”
“จุ๊ๆๆ” ซึงฮุนโน้มเข้าไปชิดใบหูร่างบางเพื่อส่งเสียงปรามให้อีกฝ่ายเงียบ ก่อนจะตวัดลิ้นวนเลียใบหูและขอบติ่งหูของร่างบางเบาๆ
จินอูยักหัวไหล่เอนตัวหลบหนีแต่ทันทีที่ทำแบบนั้น บั้นท้ายงามก็ถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว
“อึก... เอาออกไป....จะโกรธนายนะ.... ซึง....”
“แค่นิ้วเอง อยากรู้ขนาดไม่ใช่เหรอ ยอมๆ ให้ผมหน่อยเถอะหน่า” ซึงฮุนส่งเสียงกระซิบตอบมา ในขณะที่จินอูอ้าปากค้าง ไม่แม้แต่จะกล่าวอะไรได้อีก เขากำลังตกใจในการกระทำของรุ่นน้อง ไม่เคยคาดคิดว่าซึงฮุนจะกล้าทำแบบนี้กับเขา
“ซึงฮุนขอร้องล่ะ อยากให้โกรธจริงๆ ใช่ไหม...” จินอูที่กำลังกล้ำกลืนเสียงสะอื้นจ้องมองใบหน้าของซึงฮุนในกระจก นัยน์ตาเรียวรีเหลือบขึ้นมามองเขาขณะที่นิ้วยาวยังคงทำหน้าที่ของมันไม่หยุด
“ผมขอร้องเหมือนกันครับพี่จินอู ผมลงทุนจัดงานแต่งงานไปมาก ให้ผมได้ถอนทุนคืนเถอะนะครับ ผมอยากลองทำแบบนี้กับพี่มานานแล้ว”
“ฮะ....”
จินอูแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาจ้องมองใบหน้าชายในกระจกด้วยสายตาผิดหวัง หยาดน้ำใสที่เอ่อคลอบนหน่วยตาทำให้หัวใจของซึงฮุนกระตุกวูบ จนชายหนุ่มต้องรีบถอนนิ้วมือของตัวเองออกมาแล้วผละออกจากร่างบางทันที
ซึงฮุนนึกขอบคุณข้อเสียของตัวเองที่ทำให้เขาสามารถหยุดเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด ที่ผ่านมาเขาพ่ายแพ้ต่อน้ำตาของคิมจินอูเสมอ เพราะตัวเองเป็นคนขี้แย ลองได้เห็นคนใกล้ตัวเสียน้ำตาเมื่อไหร่เป็นต้องเศร้าโศกเสียใจและร้องไห้ตามไปด้วย ครั้งนี้พอได้เห็นใบหน้าที่ผิดหวังของจินอูที่กำลังจะร้องไห้เพราะเขา เขาจึงเจ็บปวดใจและเริ่มรู้สึกผิดต่อร่างบางมากเหลือเกิน
ซึงฮุนถอยหลังห่างจากร่างบางมากขึ้น... ค่อยๆ ห่างออกไป... ค่อยๆ ไกลออกไป...
“พี่จินอู... ผมขอโทษ...”
จินอูที่สวมกางเกงเสร็จเเล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องโดยไม่หันกลับมามองอีซึงฮุนอีกเลย
ค่อยๆ ไกลออกไป...ไกลออกไป.....
ซึงฮุนซบใบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองด้วยความเศร้าเสียใจ
เขาควรจะทำยังไง
เขาควรจะปฏิบัติต่อเมียที่ไม่รักเขายังไง
“นี่ พี่ซึงฮุน ไหนบอกว่ามาได้ไงครับ แล้วทำไมจนป่านนี้แล้วถึงยังไม่มา อย่าบอกนะว่ามีงานด่วนอีกแล้ว” เสียงน้องชายที่เดินทางมาซานฟานซิสโกล่วงหน้าดังถามพี่ชายทางโทรศัพท์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พยายามติดต่ออีกฝ่ายตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเดินทางมาถึงใหม่ๆ แต่มือถือของพี่ชายก็ปิดเครื่องเลยติดต่อไม่ได้ทำให้ไม่สามารถรับรู้ความเป็นไปของอีกฝ่ายและใครอีกคนที่อยู่ที่บ้านได้เลย แต่เมื่อคนที่เขาเฝ้าทำทุกอย่างให้จนต้องรีบเดินทางมาเตรียมการที่นี่เดินทางมาถึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เขาก็ต้องแปลกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่เห็นพี่ชายที่รับปากไว้ตั้งแต่ต้นว่าจะคอยดูแลร่างบางและพาเดินทางมาด้วยกันที่นี่ เขาจึงต้องโทรศัพท์ข้ามประเทศไปถาม เพราะรู้ดีว่าอีกคนที่เดินทางมาเพียงลำพังคงกำลังปิดบังเรื่องบางอย่างอยู่
เพียงแค่มองแววตายามที่คิมจินอูบอกกับเขาเกี่ยวกับเรื่องของอีซึงฮุน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ความผิดปกติเพียงเล็กน้อยที่ฉายออกมาจากแววตาของกวางน้อยตัวนั้น ทำให้เขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อลองโยงเรื่องราวเพื่อหาเหตุและผลดู เขาจึงสงสัยว่าพี่ชายต้องทำอะไรบางอย่างที่ทำให้จินอูของเขาเสียใจหรือไม่พอใจก็เป็นได้ ไม่เช่นนั้นจินอูของเขาคงไม่หลีกเลี่ยงการกล่าวถึงอีกคนหนึ่งหรอก
“ทำไมถึงยังเงียบล่ะครับ สรุปว่าพี่ติดงาน?”
หรือว่ามีอะไรกับพี่จินอู?
อีกหนึ่งคำถามที่ไม่กล้าถามออกไปยังค้างอยู่ในใจของคังซึงยุนแต่เพราะเขาเชื่อใจพี่ชายจึงไม่ได้เอ่ยคำถามนั้น และรู้ดีว่าถ้าอีกฝ่ายอยากจะบอกหรือสารภาพ เจ้าตัวคงจะพูดมันออกมาเอง ถ้าหากอีกฝ่ายติดงานจริง นั่นก็คงเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่จินอูรู้สึกเสียดายใจและอาจจะน้อยใจพี่ชายของเขาที่เลือกงานมากกว่า แต่ถ้าไม่ใช่ด้วยสาเหตุนี้ ก็คงจะเป็นสาเหตุอื่นที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับพี่ชายของเขาเลยก็เป็นได้
มันไม่สำคัญว่าเขาควรจะรู้หรือไม่ แต่มันสำคัญตรงที่พี่ชายของเขาผิดนัดครั้งนี้มากกว่า
“......ซึงยุน.....พี่......ขอโทษนะที่ไม่ได้โทรกลับหานาย พี่รู้ว่านายคงพยายามติดต่อพี่มาตลอด แต่พอดีพี่ยุ่งเกี่ยวกับเอกสารสำคัญ พี่คงไม่ได้ไปแล้วล่ะ....” น้ำเสียงบ่งบอกความเสียดายของซึงฮุนทำให้คนฟังเข้าใจแต่ก็อดจะเสียดายกับตัวเองไม่ได้
“ไม่มีพี่ในวันนี้ ผมรู้สึกว่ามันขาดอะไรบางอย่างไป....”
“โธ่....ซึงยุน.....”
“พี่จินอูเขาก็เสียดายนะครับ คงงอนพี่แล้วล่ะ เขาไม่ค่อยอยากพูดถึงพี่เลย” ซึงยุนกล่าวถึงอีกคนเพื่อหวังจะฟังความคิดของพี่ชาย หากรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรก็คงจะทำให้เขาเข้าใจปัญหา และคำถามต่อมาของซึงฮุนก็ทำให้ซึงยุนฟันธงได้เลยว่า พี่ชายกับคนรักของเขาต้องมีปัญหากันจริงๆ
“พี่จินอูโกรธพี่มากไหม เขาได้บอกอะไรกับนายรึเปล่า?”
“โกรธเหรอ....คิดว่าโกรธเหรอ….”
“......”
“พี่กำลังเข้าใจผิดแล้ว พี่จินอูก็แค่ซึมๆ เศร้าๆ เพราะว่าน้องชายที่เขารักพลาดนัดครั้งสำคัญ”
“.....”
“พี่ซึงยุนนะพี่ซึงยุน งานน่ะก็น่าจะทิ้งให้คนอื่นทำๆ ไปบ้าง ลูกน้องน่ะมีไว้ทำอะไร ทั้งที่นี่เป็นวันสำคัญของผมกับพี่จินอูแท้ๆ แต่พี่ก็ดันเห็นงานสำคัญกว่า มันน่าบินกลับประเทศไปเตะพี่ด้วยความเคารพรักอย่างสูงเลยครับ”
“หึๆๆๆ.... จะใจร้ายกับพี่ไปแล้วนะ”
“ก็พี่อยากใจร้ายกับพวกผมก่อนทำไมล่ะ ทีงานแต่งพี่ผมยังอุตส่าห์ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่พอถึงทีผมแต่งบ้างกลับหายหัวซะอย่างนั้น ผมเริ่มจะงอนพี่ตามพี่จินอูแล้วนะ”
“ถึงงอนก็ไม่ง้อนะ โตๆ กันแล้วอย่าทำตัวปัญญาอ่อน”
“เห้ย! ไอ้พี่บ้าด่าผมเหรอ!” ซึงยุนร้องเสียงดังเมื่อโดนลูกหยอกเจ็บๆ จากพี่ชายที่เคารพรักแต่พอจะเริ่มตอกกลับพี่ชายตัวดีของตัวเองบ้าง แผ่นหลังของเขาก็ถูกสะกิดจากมือของหนึ่งในทีมงานที่เดินทางข้ามประเทศมาเพื่อจัดงานสำคัญให้กับเขา
“คุณคังซึงยุนครับ ได้เวลาที่พิธีจะเริ่มแล้ว”
เจ้าของงานแต่งหันไปพยักหน้าส่งยิ้มรับให้กับทีมงานคนนั้น ก่อนจะพูดรัวเร็วกรอกโทรศัพท์ถึงปลายสายที่ไม่รู้ว่ายามนี้เจ้าตัวกำลังทำอะไรอยู่บ้าง แต่เวลาก็ไม่พอแล้วสำหรับการถามคำถาม คังซึงยุนจำต้องจบบทสนทนาระหว่างพี่ชายของเขาเอาไว้เเต่เพียงเท่านี้
“พี่ซึงฮุน ผมต้องวางสายแล้วนะครับ”
“ทำไมล่ะ โทรมาแค่แปบเดียวเอง พี่ยังอยากจะถามถึงพี่จินอู”
“เดี๋ยวค่อยให้พี่จินอูโทรหานะ ตอนนี้ผมต้องเข้าพิธีแต่งงานแล้วล่ะ”
“โอ้ นั่นสิ ถึงเวลาแล้วสินะ ขอโทษทีที่ชวนคุย พี่ลืมนึกไปว่าเวลาที่นั่นกับที่โซลมันต่างกัน”
“อวยพรผมหน่อยสิครับ” ซึงยุนขอคำอวยพรจากพี่ชายของเขาในวันสำคัญเป็นครั้งแรก รอยยิ้มแห่งความสุขฉายชัดออกมาก่อนที่จะได้ยินคำพูดของพี่ชายด้วยซ้ำ และรอยยิ้มนั้นจะยิ่งกว้างมากขึ้น เมื่อได้รับคำอวยพรจากพี่ชาย
“ขอให้นายมีความสุขมากๆ นะ”
“ผมก็ขอให้พี่มีความสุขมากเหมือนกัน”
วางสายจากพี่ชายที่รักของตนแล้วก็เดินออกจากห้องแต่งตัว พาร่างของตัวเองไปหยุดยืนหน้าแท่นพิธีของโบสถ์แห่งนี้ ทันทีที่เสียงเพลงคัมมิ่งเดอะไบร์ดบรรเลงขึ้น เจ้าสาวของเขาก็ได้ย่างกายเข้ามา...
เขาจะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อคนที่เขารัก แต่งงานกับคนอื่น
เจ้าของคำอวยพรและเป็นคนเดียวที่ได้รับคำอวยพรกลับจากเจ้าบ่าวกำลังเฝ้ามองภาพการวิวาห์ของชายผู้เป็นที่รักทั้งสองคน
ชายคนที่บรรจงสวมเเหวนให้กับเจ้าสาวของตนคนนั้น คือคังซึงยุน ผู้เป็นน้องชายของเขา
แหวนทองคำขาววงเกลี้ยงที่ชายหนุ่มใช้สวมลงในนิ้วนางข้างขวาของคิมจินอูคงจะเป็นแหวนวงเดียวกันกับที่เขาเคยสวมให้กับคิมจินอูในวันก่อน
ทั้งที่แหวนวงนั้นคือวงที่เขาเลือก แต่คังซึงยุนก็รั้นขอจะเป็นคนซื้อมันเพื่อถือเป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับเขาและคิมจินอู เขาเข้าใจความต้องการของน้องชายที่อยากจะให้คนรักสวมแหวนแต่งงานเพียงวงเดียวโดยไม่ต้องเลือก เพราะรู้ดีว่าถ้าต้องเลือก คิมจินอูจะเลือกสวมแหวนของใคร
เพราะอย่างนี้ใช่ไหมถึงได้เชื่อใจให้เขาเลือกแหวนแต่งงาน เพราะอย่างนี้ใช่ไหมถึงเป็นคนซื้อแหวนวงนั้นด้วยตัวเอง เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ถึงได้ยินดีให้เขาใช้แหวนวงนั้น เพื่อให้เขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในความรักของทั้งคู่
เพราะอย่างนี้นี่เอง
อีซึงฮุนจ้องมองภาพเหล่านั้นด้วยหัวใจที่บีบรัดแน่น ลมหายใจของเขาร้อนผ่าวและดวงตาวูบไหวเพราะกำลังพ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอในใจ ภาพที่ภรรยาของเขาสวมแหวนให้กับคังซึงยุน เหมือนมีดกรีดลงกลางใจ
“จะทำอะไรน่ะ”
“จะดูความกว้างของนิ้วนายไง ประมาณนี้ไซส์แอลรึเปล่านะ”
เข้าใจแล้ว
เขาเข้าใจแล้ว
คิมจินอูไม่มีทางที่จะพยายามรักเขาหรอก ไม่มีวัน ไม่ต้องหวังเลย...
“ขอประกาศให้ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้”
เมื่อคำประกาศสิ้นสุดลง ชายหนุ่มสองคนที่ยืนประสานสายตากันอยู่ก็โผเข้าหากันด้วยความรัก
จินอูเงยหน้าขึ้นสบตากับคนรักแล้วน้ำตาแห่งความดีใจก็ไหลอาบสองข้างแก้ม
“อย่าร้องสิครับพี่จินอู เดี๋ยวผมก็ร้องไห้ไปด้วยหรอก”
“ก็ฉัน... ฮึก... ก็ฉัน.... ดีใจจริงๆ นี่นา ฉันมีความสุขมากเลยรู้ไหม ฉันรัก รัก...”
ริมฝีปากไม่อาจจะเอื้อนเอ่ยคำพูดใดใดได้อีกเมื่อความนุ่มนวลจากริมฝีปากหยักลึกสะกดทุกการเคลื่อนไหวให้กลายเป็นนิ่ง และก็เป็นเพราะความอ่อนหวานที่ได้รับจากจุมพิตนั้นเองที่ทำให้การเคลื่อนไหวของทั้งสองร่างสอดคล้องกัน
จินอูใช้สองมือโอบคล้องต้นคอของซึงยุนไว้ในขณะที่ฝ่ามือใหญ่ดึงรวบเอวบางเข้ามาแนบชิด ริมฝีปากของทั้งสองเผยอออกกว้าง ประกบจูบเคล้ากันอย่างดูดดื่ม ลิ้นหวานสอดเข้าไปจูบสามีอย่างชำนาญ จนชายหนุ่มที่กำลังครางอือในลำคอด้วยความชอบใจต้องกดจูบภรรยาให้ลึกลงกว่าเดิม ซาบซ่านกว่าเดิม และลำลึกยิ่งขึ้น ซึงยุนตวัดพันลิ้นกับคนในอ้อมแขน ดูดดึงลิ้นกันอย่างเร้าใจชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร
นานจนกระทั่งลมหายใจของร่างบางเริ่มหอบถี่ จินอูจึงเป็นฝ่ายปล่อยมือออกจากร่างสูงเพื่อยุติการจูบครั้งนี้ ซึงยุนเองก็เข้าใจดีว่าทุกครั้งที่พวกเขาสองคนจูบกันต่างต้องข่มใจตัวเองไว้แค่ไหน เพราะถ้าปล่อยให้การจูบดำเนินไปยาวนานกว่านี้ การกระทำของพวกเขาอาจถึงขั้นเลยเถิด เขาจึงยอมหยุดลงในตอนนี้ แต่ก็ยังคงโอบกอดร่างบางเอาไว้แนบกาย พร้อมกระซิบคำว่ารักจากก้นบึ้งของหัวใจ
“รัก... รักมาก... รักมากที่สุด....”
แลมโบกินี่สีแดงเพลิงเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมโยเซมิตี วิว ลอดจ์ พร้อมกับสองร่างของชายหนุ่มที่เพิ่งผ่านพิธีวิวาห์มาเมื่อช่วงเช้า และเวลานี้คือการเริ่มต้นฮันนีมูนอย่างเป็นทางการของพวกเขา
คิมจินอูนั่งอยู่ข้างคนขับโดยในมือถือกล่องสตรอว์เบอรี่ผลใหญ่ที่แวะซื้อบริเวณเซ็นทรัล วัลเลย์ แหล่งการเกษตรของสหรัฐอเมริกาเมื่อช่วงเย็นวันก่อน ตลอดเวลาที่นั่งอยู่เคียงข้างร่างสูง ปากแดงฉ่ำของจินอูก็ขยับคุยและร้องเพลงแทบจะทุกนาทีโดยมีคังซึงยุนที่นั่งขับรถอยู่เคียงข้างเอ่ยตอบและคอยส่งรอยยิ้ม ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขเหลือเกินกับเดินทางในวันนี้ แต่เมื่อนึกถึงเสียงพูดคุยของชายอีกคนที่ไม่ได้เดินทางมาด้วย คังซึงยุนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าเสียดาย
“เฮ่อ...”
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดแลมโบกีนี่ป้ายแดงก็แล่นมาจอดลงบริเวณทางเข้าอุทยานโยเซมิตีที่ได้รับการจัดให้เป็นมรดกโลกของรัฐแคลิฟอร์เนีย สถานที่ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อของหน้าผาหินแกรนิตและน้ำตกที่สวยที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ
ประตูรถทั้งสองบานถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติก่อนที่ซึงยุนจะเดินอ้อมไปจับมือคนรักของเขาไว้แล้วพากันจูงมือเดินไปยังจุดชมวิว
โดยจุดแรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องผ่านและไม่พลาดที่จะหยุดชมความงามของวิวทิวทัศน์เลยก็คือทันเนลวิว ที่ได้ถูกยกย่องให้เป็นจุดชมวิวแบบพาโนราม่าที่ยิ่งใหญ่ มองเห็นเทือกเขาหินปูนทั้งหมดของโยเซมิตีและรวมทั้งน้ำตกไบรดัลเวลที่สามารถมองเห็นสายรุ้งได้ในยามบ่าย
นัยน์ตาสีน้ำตาลกวาดมองทัศนียภาพโดยรอบด้วยความตื่นตาตื่นใจ สักพักก็ปล่อยมือออกจากฝ่ามือของคนรักแล้วหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายภาพวิวทิวทัศน์รอบด้านและรวมไปถึงคู่รักของตัวเองที่กำลังเผลอตัวยืนแหงนหน้ามองยอดผาของภูเขาหินแกรนิต
“เรามาถ่ายด้วยกันแล้วส่งไปให้พี่ซึงฮุนดูนะครับ” ซึงยุนหันหน้ามาหาภรรยาของตนแล้วดึงสมาร์ทโฟนในมือของจินอูไปเพื่อทำหน้าที่ถ่ายภาพ โดยแขนซ้ายโอบไหล่เล็กเข้ามาแนบกาย มือขวาก็ถือสมาร์ทโฟนขึ้นถ่ายภาพโดยใช้กล่องหน้า
แย้มยิ้มกันสามวินาที เสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้นตามคำสั่งอัตโนมัติ
จินอูเอื้อมมือจะไปคว้าสมาร์ทโฟนกลับมาไว้ แต่ซึงยุนกลับหมุนตัวไปอีกด้านแล้วจัดการส่งภาพที่ถ่ายเมื่อครู่ให้กับคนที่ไม่ได้มาที่นี่ได้ดู
อีซึงฮุน
ชื่อของคนที่คิมจินอูอยากจะสลัดทิ้งไปจากหัวสมองมากที่สุดในตอนนี้
“เดี๋ยวเราถ่ายไปอวดทุกที่ที่เราไปเลยนะ น่าเสียดายจริงๆ” ซึงยุนนึกถึงพี่ชายก็รู้สึกเสียดายทุกครั้ง เขาเฝ้าหวังถึงวันนี้มาตลอดหนึ่งสัปดาห์แห่งการเตรียมตัว เพราะพวกเขารอคอยโอกาสที่จะมาเที่ยวด้วยกันสามคนมาตลอด แต่อีซึงฮุนกลับต้องพลาดโอกาสสำคัญที่แสนดีเช่นนี้ไปทั้งที่ไม่น่าพลาดเลยจริงๆ
“เฮ่อ...”
“ถอนหายใจทำไม รู้ไหมว่าตั้งแต่ขับรถมาถึงที่นี่ นายถอนหายใจบ่อยมาก” คำพูดของจินอูทำให้ซึงยุนหันกลับไปสบตาด้วยอีกครั้ง ชายหนุ่มยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเอง
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ก็แค่... เสียดายที่พี่ซึงฮุนไม่มา พี่ล่ะก็ ทำไมไม่อ้อนพี่ซึงฮุนล่ะครับ”
“คิดว่าฉันไม่เคยลองเหรอ” จินอูตอบกลับพลางนึกถึงเหตุการณ์ครั้งเก่าที่เคยอ้อนขอให้ซึงฮุนทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง ตอนนั้นชายหนุ่มปฏิเสธกลับมาด้วยความเสียดาย แล้วพอพวกเขาทำใจกันได้ว่าจะต้องเดินทางมาซานฟานซิสโกกันเพียงสองคน เจ้าตัวก็ดันเปลี่ยนใจจะมาเพราะทนการรบเร้าของน้องชายไม่ไหว แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะไม่กล้ามา
จินอูพอเดาได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้อีซึงฮุนไม่กล้าเดินทางมาร่วมงานแต่งงานของพวกเขาที่นี่
เพราะรู้สึกผิดยังไงล่ะ
โชคดีที่คังซึงยุนไม่สงสัยเรื่องนี้มากมาย จินอูจึงค่อยรู้สึกโล่งใจ เพราะเขากลัวว่าถ้าซึงยุนโทรถามความจริงจากปากของพี่ชาย เขากับซึงฮุนอาจตอบในสิ่งที่ไม่ตรงกันก็ได้ เท่าที่ฟังจากอีกคนเล่ามาจึงได้รู้ว่าคนที่อยู่เกาหลีปิดเครื่องมือสื่อสารของตัวเอง โดยที่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวพยายามโทรหาเขาสิบกว่าสายและส่งข้อความมาขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเขาต้องรีบลบมันออกรวมถึงประวัติการโทรเหล่านั้น เพราะกลัวว่าถ้าสักวันซึงยุนบังเอิญมาเจอเข้า เรื่องราวทั้งหมดก็อาจจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาได้ เพราะไม่อยากแต่งเรื่องโกหกหรือปิดบังความจริงไปมากกว่านี้ เขาจึงเลือกที่จะเงียบเช่นเดียวกับอีกคน
เรื่องที่อีซึงฮุนทำกับเขาเช่นนั้น จะให้คังซึงยุนรู้ไม่ได้เด็ดขาด
เขาเดาไม่ออกเลยว่าถ้าเขากลับไปพบกับอีซึงฮุนที่บ้าน บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนจะเป็นเช่นไร เขาได้แต่หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำให้อะไรยิ่งแย่ และเขาพร้อมที่จะให้อภัยอีกฝ่ายเสมอ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคราวนั้น มันได้ทำให้เขารับรู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างหนึ่งที่เขามั่นใจแน่นอนเลยก็คือ อีซึงฮุนรักเขา คงแอบรักมาโดยตลอด...
“ซึงยุน”
“ครับ?” ร่างสูงยกแขนขึ้นพาดไหล่มน ใบหน้าโน้มลงไปมองดวงหน้าหวานอย่างชิดใกล้ขณะรอฟังคำพูดต่อไปของร่างบาง ชายหนุ่มคิดว่าเขาจะได้ยินคำหวานจากคนรักในบรรยากาศเช่นนี้ แต่ร่างบางก็ทำให้ความหวังของเขาเป็นเพียงจินตนาการ เมื่อเรื่องที่เอ่ยกลับเป็นเรื่องของการแต่งงาน
“ฉันแต่งงานกับซึงฮุนเพื่อให้พ่อของพวกนายตายใจ ว่าฉันกับนายจะไม่มีวันรักกันได้ แม้ฉันกับซึงฮุนจะเห็นด้วยกับวิธีนี้ แต่มันไม่แฟร์กับซึงฮุน” จินอูพูดในสิ่งที่เขาคิดมาตั้งแต่แรก เดิมทีคนที่เขาวางแผนจะแต่งงานด้วยคือคังซึงยุน ซึ่งความจริงแล้วการแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลยเพราะพวกเขาพอใจจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรับรู้ แต่ความต้องการนั้นคงจะไม่สามารถเป็นจริงได้ ตราบใดที่พ่อของซึงยุนยังคลางแคลงใจในความสัมพันธ์ของพวกเขา
การมีลูกชายที่มีรสนิยมทางเพศชื่นชอบเพศเดียวกัน ต้องไม่เป็นที่ยอมรับของพ่อแม่บางคนอยู่แล้ว แม้แม่ของคังซึงยุนและอีซึงฮุนจะเสียชีวิตจากไปนานแล้วก็ตาม แต่พ่อของพวกเขาที่เป็นคนเข้มงวดและสั่งสอนลูกให้ประพฤติอยู่ในกรอบของจารีตประเพณีมาตลอดยังคงเป็นบุคคลเดียวที่มีอิทธิพลต่อทุกการตัดสินใจของคังซึงยุน
ชายหนุ่มรู้ดีว่าพ่อของเขาไม่ยอมรับและรังเกียจสิ่งที่เขาเป็นรวมถึงคนที่เขารัก เขาจึงต้องทำให้การแต่งงานของเขากับคิมจินอูถูกจัดขึ้นอย่างถูกต้อง ถัดจากงานแต่งงานของอีซึงฮุน
“ผมเข้าใจนะครับ ที่ว่ามันไม่แฟร์น่ะ เมื่อพี่ซึงฮุนแต่งงานกับพี่แล้ว ทุกคนก็จะเข้าใจว่าพวกพี่เป็นคนรักกัน คราวนี้สาวๆ ที่อยากจะเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูลคังก็หมดสิทธิหวัง แต่ก็อย่างที่พี่ซึงฮุนเคยพูด ว่าถ้าเขาจะมีคนรักจริง คนคนนั้นต้องเชื่อใจเขา และยอมรับได้แม้ต้องแอบไปแต่งงานกันและจดทะเบียนสมรสกันอย่างเงียบๆ เหมือนกับเราสองคน”
“หมายความว่า.... เธอคนนั้น ต้องแกล้งแต่งงานกับนายใช่ไหม?” นัยน์ตาของจินอูลุกวาวเมื่อนึกได้ถึงความน่าจะเป็นที่อาจจะเกิดขึ้น ในเมื่อเขาแต่งงานหลอกๆ กับซึงฮุนแล้ว สะใภ้ที่จะต้องแต่งเข้ามาก็จะต้องแต่งกับคังซึงยุนน่ะสิ
“ถามแบบนี้ หมายความว่าจะไม่ยอมใช่ไหมครับ?” ซึงยุนหมุนตัวคนรักให้หันไปเผชิญหน้า
จินอูถอนใจออกมาเหมือนคนสิ้นหวัง ดวงหน้าหวานตีเคร่งยามคิดหนักถึงเรื่องราวที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่หากถ้าวันนั้นมาถึง ทุกอย่างก็คงจะเป็นไปตามที่เขาคิดไว้
“ฉันยอม ฉันเข้าใจ และฉันก็ขอบคุณพวกนาย ถ้าฉันไม่ได้แต่งงานกับซึงฮุน ฉันก็คงไม่มีเหตุผลให้ต้องอยู่ในบ้านหลังนั้น พ่อของนายก็คงจะยังเชื่อต่อไปว่าเราสองคนรักกัน และถ้าผู้หญิงคนนั้นที่จะมาเป็นภรรยาของซึงฮุนจะแต่งงานกับนายฉันก็ไม่ว่า แต่ถ้าเขาอยากจะแต่งงานกับซึงฮุนขึ้นมา ฉันก็จะยอมเป็นเมียน้อยแล้วกัน” จินอูขำกับคำพูดของตัวเองเบาๆ พลางคิดว่าไม่ใช่เรื่องหนักหนาที่จะหลอกลวงคนอื่น
ตราบใดที่พวกเขารักกันจริง ก็จะไม่มีสิ่งใดมาทำลายความรักความไว้ใจของพวกเขาได้แม้จะต้องหลอกว่าเป็นคนรักของคนอื่นไปตลอดชีวิตก็ตาม
จินอูเป็นฝ่ายดึงร่างสูงเข้ามากอดแนบแน่น ใบหน้าเอนซบแผ่นอกแกร่งขณะทอดสายตามองไปยังทิวทัศน์ของน้ำตกไบรดัลเวลด้านข้าง
“ความรักของเราจะไม่มีอุปสรรคใช่ไหมซึงยุน”
“ไม่รู้สิครับ อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนนี่นา”
“นายเชื่อใจฉันกับซึงฮุนใช่ไหม?” จินอูเงยหน้าขึ้นสบตากับเจ้าของอ้อมแขนที่แสนอบอุ่น
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงมาใกล้ใช้หน้าผากสัมผัสกับหน้าผากของคนที่ตัวเตี้ยกว่า จินอูพยายามจะสบตากับร่างสูงไปนานๆ แต่ก็พบว่าทำได้ยาก เขาจึงหลับตาลงแล้วรอฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแทน
คังซึงยุนคงไม่รู้หรอก ว่าเขาหวั่นกลัวในคำถามนั้นมากแค่ไหน
“ผมเชื่อใจพี่จินอูกับพี่ซึงฮุน เพราะแบบนั้นถึงได้มั่นใจให้พวกพี่แต่งงานกัน”
“เชื่อได้เหรอ จะเชื่อใจเราสองได้จริงๆ เหรอ?” จินอูลองใจผู้ชายที่เขารัก อยากจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะยังมั่นคงในความคิดและมีเหตุผลใดให้ต้องเชื่อ ในเมื่อเขาตอนนี้ แทบไม่เชื่อใจอีซึงฮุนอีกแล้ว
“พี่จินอูคือคนรัก รักมาก มากเท่ากับซึงฮุนพี่ชายของผม และพวกพี่ก็รักผมมากด้วย จนไม่มีทางทรยศต่อความรู้สึกของผมแน่นอนผมเชื่ออย่างนั้น”
“ถึงฉันจะเป็นคนรักที่รักนายมาก แต่ก็ยังสามารถรักคนอื่นได้อีก ถึงซึงฮุนจะเป็นพี่ชาย แต่ก็ไม่ใช่พี่ชายที่แท้จริง” นัยน์ตาคู่สวยของคนที่กล่าวความจริงกำลังจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของคนตรงหน้าเพื่อเค้นเอาคำตอบที่แน่ชัด
สาเหตุแห่งความเชื่อมั่นของคังซึงยุนแท้จริงมันคืออะไร....
เขาอยากจะรู้
“ต่อให้พี่ไปรักคนอื่นนอกจากผม พี่ก็จะยังรักผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป” ซึงยุนจุมพิตอย่างแผ่วเบาที่แก้มนิ่ม ก่อนจะทำเช่นเดียวกันกับแก้มอีกข้าง กดจมูกของตัวเองกับจมูกโด่งของร่างบางแล้วเชยคางแหลมขึ้นรับริมฝีปาก แต่จินอูก็บ่ายหน้าหนีจากริมฝีปากนั้นก่อนที่อีกฝ่ายจะได้สัมผัส เขายังเป็นกังวลอยู่กับข้อสงสัยเดิมที่ซึงยุนยังไม่ได้ให้คำตอบ นับเป็นเรื่องสำคัญที่เขาจะต้องรู้ให้ได้ในตอนนี้
“แล้วซึงฮุนล่ะ เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของนายนะ”
“ถึงจะไม่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดเลย แต่พ่อของผมและแม่ของพี่ซึงฮุนก็เลี้ยงดูพวกเรามาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ กว่าจะรู้ความจริงก็ตั้งสิบแปดปีผ่านไป พี่คิดว่าความสัมพันธ์ของเราจะเปลี่ยนแปลงได้เหรอครับ สำหรับผมมันไม่มีทาง เพราะว่าเรารักกัน และต่อให้รู้ความจริงเร็วกว่านี้ว่าเราไม่ใช่พี่น้องที่แท้จริง ความรักของเราก็จะไม่มีวันเปลี่ยน พี่ซึงฮุนจะไม่ทรยศผม เขาไม่มีวันทำแบบนั้นแน่นอน”
อุทยานเเห่งชาติโยเซมิตี
ทันเนลวิว จุดชมวิวจุดเเรกที่ซึงยุนพาจินอูไปเเละจูบกันบริเวณนี้
น้ำตกไบรดัลเวลที่จะสามารถมองเห็นรุ้งกินน้ำในเวลาบ่าย
ความคิดเห็น