คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : chapter 1
Mulan's Part.
กาลครั้งหนึ่ง ณ อณาจักรอันไกลโพ้นที่ลับสายตาผู้คนไปหลายหมื่นโยชน์ยังมีดินแดนแสนมหัศจรรย์แห่งหนึ่งที่
เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและพฤกษานานาพันธุ์ ต้นน้ำสายหลักไหลลงมาจากยอดเขาจนกลายเป็นลำธารสายเล็กๆ
แม้กระนั้นก็ยังเพียงพอสำหรับทุกสรรพชีวิต สายน้ำที่ไร้ซึ่งมลทินใดๆ แม้มองเพียงผิวเผินก็ยังพบหมู่ปลาแหวกว่าย
อยู่ร่ำไป เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุขด้วยโลกที่ไม่มีมนุษย์ก้าวก่าย
ไม่มีการไล่ล่า ไร้ซึ่งการแย่งชิงใดๆ
ดินแดนไร้นามที่ไกลโพ้นแต่เปรียบเสมือนสวรรค์บนดินของสัตว์เหล่านั้น...
แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์...
เด็กหญิงหน้าตาน่ารักคือคนเดียวที่ล่วงรู้ดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ เพราะมันคือที่อยู่ของเธอ
และเธอก็ไม่เคยบอกใคร...
"เจ้าซิมบ้า เจ้าอยู่ไหน ข้ามาหาเจ้าแล้ว" เธอกำลังเรียกใครอยู่นะ
"เจ้าซิมบ้า ข้ามาหาเจ้าแล้ว...อ๊ะ...เจ้าซิมบ้า" เด็กน้อยโผเข้ากอดลูกเสือตัวน้อยที่ตะเกียกตะกายออกมาจากรูเล็กๆที่
ซอกเขาอย่างยากลำบาก สัญชาตญาณขึ้ประจบสั่งให้มันต้องเลียหล่อนเหมือนอย่างที่เคยทำ แต่วันนี้ดูเหมือนเธอมี
บางอย่างผิดปกติ มันพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดและสังเกตุเห็นสิ่งผิดปกติบนร่างน้อย ทั้งรอยถลอก รอยฟกช้ำและรอย
เลือดซิบตามผิวบางนั่น
"โอ๊ย!!! เจ้าซิมบ้า ข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก...ก็แค่...เจ็บนิดหน่อยเอง" เธอพูดกับสัตว์ได้อย่างนั้นหรือ...?
"เมี๊ยว~~~~" (เสียงเสือร้องเป็นไงไม่รู้ อิอิ) เพราะเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่ไม่อาจถ่ายทอดความห่วงใยเป็นคำพูดได้จึง
ต้องทำตามวิถีทางของมันเอง การปลอบใจถ่ายทอดเป็นเสียงครวญพลางเอาหัวถูไถที่แขนของเด็กหญิง เนื้อกายที่สั่นเทา
ลดน้อยลง เธอรีบปาดน้ำตาที่เกิดไหลออกมาไม่รู้ตัว
"ฮึก...ข้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ...ขอบใจเจ้ามากนะ เจ้าซิมบ้า เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีของข้าจริงๆ อ้ะ...นี่ ข้าเอามาให้เจ้า ข้าเอา
มาได้แค่นี้แหละนะ กินซะซิ" เธอนำชิ้นเนื้อเพียงชิ้นเดียวที่เปอะเปื้อนไปด้วยเศษดินให้สัตว์เลี้ยง อาหารเพียงน้อยนิดที่
ประทังชีวิตพวกเขาทั้งสอง
สัตว์เลี้ยงหรอ...เจ้าคือเพื่อนของข้าต่างหาก...เจ้าซิมบ้า...เพื่อน...เพียงคนเดียว
.
.
"เจ้าเด็กกำพร้ามันขโมยชิ้นเนื้อข้าอีกแล้ว ช่วยด้วย!!! ใครก็ได้ จับเจ้าเด็กขี้โขมยนั่นที!!!" หญิงวัยกลางคนแผดเสียง
ดังลั่นเมื่อชิ้นเนื้อของเธอถูกเด็กหญิงคนเดิมขโมยไปอีกแล้ว ไม่ว่าทีไร...ก็จับไม่ได้ซักที เสียงกัมปนาทของเธอส่งผลให้
เหล่าชาวบ้านละแวกนั้นแตกตื่นกันยกใหญ่
"เจ้าเด็กกำพร้าไปนั่นแล้ว มันวิ่งไปทางนั้นแล้ว!!!" ชายชราตาไวรีบเปล่งเสียงพลางชี้บอกทาง
"นั่นมันมู่หลานอีกแล้วรึ ไปเร็ว...รีบไปจับตัวมา เจ้าเด็กขี้โขมย"
สิ้นสุดคำพูด ชาวบ้าน 4-5 คนก็รีบกรูกันไล่จับเด็กน้อยคนนั้น เด็กกำพร้าตัวคนเดียวที่ต้องประทังชีวิตตัวเองไปวันๆด้วย
การขโมยอาหารของชาวบ้านยามเผลอเรอ แต่มีรึ...เด็กหญิงตัวเล็กๆจะมีฝีเท้าไวเท่ากับผู้ที่มีอายุมากกว่าหลายสิบปี
"โอ๊ย...!!!" เธอร้องเสียงหลงเมื่อขาข้างหนึ่งถูกก้อนหินปามาอย่างแรงและสะดุดล้มลง เหล่าชาวบ้านเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบ
ล้อมเธอเป็นวงกลมไม่ให้หนีไปไหนได้
ความกลัวเริ่มเพิ่มขึ้นทีละนิดบวกกับความเจ็บปวดที่ได้รับจนสะกดกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ถึงกระนั้น...มือเล็กๆทั้งสองข้างก็ยัง
คงกอดชิ้นเนื้อไว้แน่น ทำไมต้องปกป้องอย่างนั้นหรือ ก็เพราะเพราะเธอไม่ได้เอามาสำหรับเธอเพียงคนเดียว...
"ฮึก...ข้า...จะเอาไปให้เจ้าซิมบ้า...มันกำลัง...ฮึก...หิว" มู่หลานสะอึกสะอื้น
"เจ้าพูดโป้ปด! มู่หลาน!! เจ้าจะโขมยเนื้อของข้าไปขายเป็นแน่ เนื้อตัวของเจ้าดูสกปรกมอมแมมนัก เจ้าเด็กกำพร้า!!! เจ้า
มันไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ออกไปและอย่ากลับเข้ามาในหมู่บ้านนี้อีก!!! เอาชิ้นเนื้อข้าคืนมา!!!"
"อ๊า!!! อย่านะ อย่าเอาชิ้นเนื้อของข้าไป...โอ๊ย!! ฮือ...เอาชิ้นเนื้อของข้ามานะ" เด็กหญิงผู้น่าสงสารพยายามปกป้องชิ้น
เนื้อในอ้อมกอดในขณะเดียวกับที่ปกป้องตัวเองจากเศษผักปลาที่ชาวบ้านรุมปาใส่อย่างไร้ความเวทนา
.
.
"เมี๊ยววว~~~" เสียงครวญทำให้มู่หลานหลุดออกมาจากภวังค์
"ข้าว่า...ข้าคงต้องพักเสียหน่อย...ข้ารู้สึกปวดหัว อ๊ะ...เจ้าซิมบ้า...เจ้าจะไปไหน มันอันตรายนะ!!!" เธอร้องเรียกลูกเสือน้อยเสียงดังเมื่อมันกำลังเดินไปที่ต้นน้ำของลำธารซึ่งนั่นคือ เหวลึก
"จ...เจ้าซิมบ้า กลับมาเถอะ ตรงนั้นดูอันตรายนัก" ฝีเท้าของเธอชักเข้าชักออกเพราะไม่มั่นใจในความคงทนของเหวนี้ อีกนิดเดียวก็เกือบถึงตัวมันแล้ว...แต่มันไม่ทัน!!!
"เจ้าซิมบ้า!!!" เธอตะโกนลั่นเมื่อจู่ๆมันก็กระโดดลงไปอย่างไม่คิดชีวิต
"จ...เจ้า...ซ...ซิมบ้า" แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองในวงน้ำด้านล่างที่แตกกระเพื่อมเป็นวงกว้าง ความลึกที่มากเกินกว่ามู่
หลานจะกล้ากระโดดลงไป
แต่เพราะเจ้าซิมบ้าคือเพื่อนเพียงคนเดียว...
"ข...ข้า จะไปช่วยเจ้า"
มู่หลานหลับตาลงระงับความกลัวของเธอก่อนที่เท้าทั้งสองจะพ้นบั้นปลายสุดของเหวนั้น
ตู้ม!!!
ร่างกายสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบที่ปะทะร่างกายอย่างแรง และค่อยๆดิ่งลึกลงไปทุกทีๆ ความรู้สึกต่างๆมันหลั่งไหลไป
ทั่วร่างจนสับสนไปหมด
'เจ้าซิมบ้า...เจ้าก็จะทิ้งข้าไปงั้นหรือ จริงซินะ...ข้ามันตัวคนเดียว ตัวคนเดียวมาตลอด ข้ามันคือเด็กกำพร้า พ่อกับแม่
ของข้าก็จากข้าไป ไม่มีใครอยากอยู่กับข้า อ๊า...อึดอัดจังเลย อากาศจะไม่มีอยู่แล้ว นี่ข้า...จะตายแล้วรึ'
(Hankyung Part.) อึก!!!
ซ่า.....
จู่ๆก็รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่ปะทะบนแก้มใส จนรู้สึกได้ถึงสายน้ำที่เริ่มไหลจากฟากฟ้า จากสองสามหยดกลายเป็นสาย
ฝนที่ตกทั่วฟ้า ดวงตาเริ่มสำรวจสถานที่รอบด้าน ใจหนึ่งก็คิดว่านี่คงเป็นสถานี่หลังความตายแต่เมื่อสังเกตุสภาพแวด
ล้อมอย่างพิถีพิถันแล้วคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่
'นี่ที่ไหนกันนะ' เธอคิดในใจเมื่อพบว่าตัวเองนั่งพิงกำแพงอิฐที่ไหนซักแห่ง ขยะมากมายกองทิ้งไว้ล้อมรอบตัวเธอและ
บริเวณนั้นดูสกปรกนัก
"ทางเดินนี้แคบนัก แล้วข้าจะเดินได้อย่างไร" ร่างเพียวยืนมองเต็มความสูงกับทางตรงหน้าที่มีกำแพงอิฐสูงชลูดประกบอยู่
"อ้ะ!!...เจ้าซิมบ้า" วูบหนึ่งที่ได้สติทำให้เธอตะโกนตามหาลูกสือน้อยในที่แคบๆแห่งนี้ ไม่นานนักที่เธอเดินจนถึงบั้นปลาย
ของตรอกข้างตึกที่เธอคิดว่ามันคือทางแปลกประหลาด แต่เมื่อผ่านพ้นมาได้ดวงตาก็ต้องลุกวาวเต็มที่
ผู้คนนับไม่ถ้วนกำลังเดินถือบางสิ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนแต่มันสามารถปกป้องพวกเขาจากหยาดฝนนี้ได้ ยานพาหนะ
ประหลาดต่างวิ่งไวยิ่งกว่ารถม้าใดๆที่เคยเห็น เครื่องแต่งกายก็ดูแปลกประหลาด ช่างแตกต่าง
หรือบางที เป็นเธอที่แตกต่าง
"อะ...เอ่อ ท่านยาย ท่านเคยเห็นลูกเสือสีเหลืองผ่านมาแถวนี้หรือไม่" มู่หลานถามหญิงวัยชราที่มีไม้เท้าเป็นสิ่งช่วยเดิน
"เสือหรอ...ไม่มีเสือแถวนี้หรอกนะจ๊ะ พ่อหนุ่ม มันน่ากลัวนะที่จะเห็นเสือมาวิ่งเล่นที่ใจกลางกรุงโซลนะ แม้จะเป็นลูก
ของมันก็เถอะ"
"ม...ไม่ เจ้าซิมบ้าไม่ได้น่ากลัว ต...แต่..." การเมินเฉยทำให้เธอต้องหยุดข้อซักถาม มองดูยานพาหนะก็ดูน่ากลัวเสีย
เหลือเกินทำให้ไม่กล้าที่จะเดินไปอีกฟากหนึ่ง แต่เพราะความเด็ดเดี่ยวที่เธอได้เรียนรู้ด้วยตัวเองสั่งให้ขาต้องก้าวออกไป
"อ...อ๊ะ!!!"
"ปิ๊นนนน... นี่อยากตายหรอ!!! พ่อคุณ!!!"
"ปิ๊นนนนนนนน...คุณจะบ้ารึเปล่า เดินฝ่าถนนแบบเนี๊ย ไม่รู้จักทางม้าลายหรือไง!!!"
เสียงประหลาดจากยานพาหนะและเสียงโหวกเหวกโวยวายของชาวบ้านดังทั่วทุกหัวระแหง แต่มู่หลานยังคงตั้งสติร้อง
ถามคนเหล่านั้น
"ท...ท่าน ข้าต้องขออภัยจริงๆ แต่มีใครบอกข้าได้หรือไม่ ว่าที่นี่คือแห่งใด และมีใครเห็นลูกสือน้อยของข้าบ้าง มันมีสี
เหลือง ตัวไม่โต..."
"โว้ยยย!!! ไม่มี ออกไปให้พ้น!!!"
"สติแตกหรอคุณ!! ที่นี่ไม่มีเสือนะ!!!"
เสียงหยาบคายทำให้สีหน้าเธอห่อเหี่ยวลง ความว้าเหว่ที่ทำให้ทุกอย่างดูหมดหวังไปหมด กลางถนนที่เธอยังคงยืนตาก
ฝนโดยอดกลั้นความหนาวเหน็บ มู่หลานเอาแต่ตะโกนพร่ำถามยานพาหนะที่แทบจะชนเธอเสียทุกคัน
"เห็นลูกเสือข้าบ้างมั๊ย" // "มันคือเพื่อนของข้า" และตะโกนร้องเรียกเจ้าซิมบ้าเป็นครั้งคราว แต่คำตอบที่ได้คือคำด่าทอ
และเสียงแสนหยาบช้า เวลายิ่งนานไปบวกกับความเหนื่อยล้าที่มีอยู่ในร่างกายของเธอก็ไม่อาจต้านทานน้ำตาของฟากฟ้า
ได้ เรี่ยวแรงเหมือนหมดลงทีละน้อยและดวงตาที่ค่อยๆปิดลงไป
"ใครเห็น...ลูกเสือข้า..บ้าง เจ้าซิมบ้า...เจ้า...อยู่ไหน"
ปิ๊นนนนน.....!!!
เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงเหมือนที่ทุกคนทำใส่เธอแต่ครั้งนี้มันกลับมีเสียงหวีดร้องดังไปทั่วและก่อนที่โสตประสาท
จะปิดสนิท
"เฮ้...นาย นายเป็นอะไร...นาย...ตื่น!!!"
"จ...เจ้าซิมบ้า ข...ข้าเจอเจ้า...ล...แล้ว" และนั่นคือภาพสุดท้ายที่มู่หลานมองเห็นเพียงเงาลางๆ
...........................................................
ความคิดเห็น