ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Rogue Prince ภาคปฐมบทแห่งการเดินทาง

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 53


    ตอนที่1

     

       เมืองเอลเฟอร์

    ส่งเงินมาให้ข้ามาดีกว่าน่า ป้า!” ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่มาพร้อมกับลูกน้องห้าคนกล่าวในเชิงขู่กรรโชกกับแม่ค้าชรา

     

    ข้าไม่ให้แกหรอก   นี่เงินที่ข้าอุตส่าห์ใช้แรงหามา จะต้องมาให้ไอ้พวกไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างแกด้วยล่ะทันทีที่พูดจบกระบองไม้ก็ฟาดลงมาที่หน้าร้านทำเอาของกระจัดกระจายไปทั่ว   ทำเอาแม่ค้าแถวนั้นรีบเก็บของหนีทันที

    ปากดีนักนะ...ถ้างั้นไปหาบรรพบุรุษในนรกซะเถอะ!” แล้วลงกระบองไม้โดยมีเป้าหมายคือหัวกะโหลกบางๆ...ทว่า

     

    กึก!

     

    พี่ชายอย่าทำอะไรคนแก่ดีกว่ามั้งดาบใหญ่มาป้องกันการโจมตีนั้นพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มดังมาข้างตัวหัวหน้าอันธพาลผู้หมายปลิดชีพหญิงชรา   เรียกทุกสายตาให้หันไปมอง

     

     

    ชายผมสีน้ำตาลอ่อน นัยน์ตาสีเขียวเข้มฉายแววจริงจัง ขัดกับรอยยิ้มที่มุมปากบนใบหน้าคมเข้มนั้น   ด้วยขนาดตัวประมาณ 180 cm. ซึ่งขัดกับอายุเพียง17ปีเท่านั้น   ยิ่งชุดที่ใส่เป็นชุดที่พอเหมาะกับขนาดตัวสีเขียวอ่อนและมีตราอันแสดงถึงความเป็นผู้ดูแลในเมืองเอลเฟอร์ฝั่งใต้แล้ว   ทำให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังชายฉกรรจ์ต้องถอยไปจากจุดนั้นพอสมควร

     

     

     

    แกคือผู้ดูแลคนใหม่สินะ   หน้าอ่อนดีนี่   คงยัดเงินมาล่ะสิชายร่างใหญ่กล่าว ก่อนจะยิ้มกริ่มแล้วพูดต่อ   ให้ฉันเป็นลูกน้องแกสิ   ฉันจะรีดเงินค่าที่ให้แกมากกว่า...ไม่ทันพูดจบดาบใหญ่ก็จ่อที่คอร่างใหญ่อย่างรวดเร็ว

    ผมว่าพี่ชายน่ะไปทำงานสุจริตเถอะ   อย่ามาทำงานอย่างนี้เลย   สำหรับผมเงินแค่นี้เกินพอแล้วล่ะ

    เป็นฮีโร่จริงนะ   แต่ถ้าเจออย่างนี้   จะกล้าพูดอย่างนั้นอีกมั้ยฉับพลันลูกน้องคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาร่างสูง   ทำให้ดาบที่จ่อคอต้องนำไปใช้ในการป้องกันแทน   ร่างสูงถอยห่างจากจุดที่ยืนไปพอสมควร เพื่อไม่ให้ใครโดนลูกหลง ซึ่งอีกฝ่ายก็ใช้ลูกน้องมาปิดล้อมและเข้ารุม   ยังดีที่ชายร่างสูงพอจะป้องกันการโจมตีได้บ้าง...แต่ก็ยังตึงมืออยู่ดี

     

    หึ   ได้เวลาบรรเลงเลือดแล้วพร้อมกับที่ร่างใหญ่วิ่งเข้าไปในจุดปะทะ...แต่นั่นเป็นสิ่งที่ร่างสูงรอเช่นกัน

     

    นัยน์ตาสีเขียวเข้มฉายแววนิ่ง...นิ่งมากจนน่ากลัว   แล้วนำดาบปักพื้นพร้อมกับประกาศท่าโจมตี

     

     

     

    พายุดาบปฐพีสู่ฟ้า

     

    ฉึก!

     

    ฉับพลันดาบจำนวนมากก็เข้าแทงกลุ่มอันธพาลในบริเวณลำตัวจนล้มลงไปทั้งหมด

     

    หนอยแน่แก!” ชายร่างใหญ่พูดในลำคอพลางดึงดาบออกจากท้อง   แล้วพุ่งไปที่ร่างสูงอย่างรวดเร็ว!

     

     

    อย่าดีกว่ามั้ง   พี่ชายเสียงใหม่อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ร่างของชายฉกรรจ์ที่เกือบจะถึงตัวร่างสูงเพียงไม่กี่ก้าวชะงัก   ก่อนที่จะมองหันกลับไปทางด้านหลัง

     

     

     

    ชายร่างบางผมสีเขียวใบไม้   สูงประมาณ165cm. นัยน์ตาสีอเมทิสต์ฉายแววนิ่งที่ดูไม่เหมาะกับใบหน้าสวยของเจ้าตัวเท่าไหร่นัก   ใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงสีน้ำตาลโดยจัดทรงให้มันดูเรียบร้อย   แต่จากน้ำเสียงที่เอ่ยไปเมื่อสักครู่ทำให้มันดูเคร่งขรึมแทน

     

     

     

    ข้าคิดว่าท่านยอมไปอยู่ในคุกแต่โดยดีจะดีกว่า...ร่างบางกล่าวต่อ จะได้ไม่เจ็บหนักไปมากกว่านี้

    ไม่มีทางซะ...

     

    ตุ้บ!

     

    ไม่ทันจะพูดจบ ร่างใหญ่ก็ล้มลงไปกับพื้นด้วยการโจมตีเข้าที่ท้ายทอยของร่างสูง

     

     

     

    ป้าครับ   ผมฝากให้ป้าเรียกตำรวจมาจับคนพวกนี้ด้วยนะครับ ชายร่างสูงหันพูดกับหญิงชราคู่กรณีที่กลับมายังจุดเกิดเหตุ

     

    โอเคจ้ะ   ว่าแต่ขอบคุณจริงๆนะที่ช่วย

    ไม่เป็นไรหรอกครับ   ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับแล้วหันไปยังชายร่างบาง ส่วนนายน่ะมีอะไรก็ไปคุยกันที่บ้านล่ะกัน พูดจบก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น

     

     

     

     

     

    ป้าๆ   เป็นอะไรบ้างมั้ยเสียงแม่ค้าคนหนึ่งที่ออกมาจากที่ซ่อน มาหาหญิงชราที่เพิ่งเล่าเหตุการณ์กับตำรวจเสร็จเรียบร้อย เอ้อ...ว่าแต่ผู้ดูแลคนใหม่นี่เขาชื่ออะไรนะ   รู้สึกจะชื่อทิว...ทิวอะไรสักอย่างนี่ล่ะ

     

    อ๋อ...หญิงชราทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ เขาชื่อทิวเดอรัส     คาร์บารอย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

       ที่บ้านของทิว

     

    นั่งก่อนสิทิวพูดพลางผายมือไปยังโต๊ะกินข้าวที่อยู่กลางห้อง

    นายมาถึงที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่าร่างสูงถามประเด็นหลักทันที หลังจากที่ทั้งสองนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ทำไมล่ะ...เพื่อนรักคนนี้...มันจะมาเยื่ยมเพื่อนมันไม่ได้รึไง ชายร่างบางกล่าวพลางทำหน้าซึม

     

     

    ไม่ต้องมาทำสำออยเลยทิวกล่าวพลางเทน้ำใส่แก้ว ฉันไม่คิดว่าคนอย่างนาธา   เมอลาจิน   เมจิกมิวสิเชี่ยนผู้โด่งดังในหมู่สาวๆทางเหนือ จะมาทางใต้ที่เงียบเหงาด้วยเหตุผลแค่นี้หรอกนะฉับพลันใบหน้าของชายร่างบางก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นราวกับไม่ใส่ใจพร้อมกับหยิบแก้วที่รินน้ำแล้วขึ้นมาดื่ม

    ว้า   หลอกนายไม่ได้จริงๆด้วยแฮะ...ถ้างั้นก็เข้าเรื่องเลยล่ะกัน

    มันก็ควรจะเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ชายร่างสูงคิดก่อนจะหยิบแก้วใหม่มาใส่น้ำ

     

     

     

    ที่ฉันมาที่นี่ในตอนนี้   เพราะท่านเจ้าเมืองของเราได้รับราชโองการจากเมืองหลวงพลางหยิบสาส์นฉบับหนึ่งขึ้นมาให้อ่าน

     

     

     

     

     

     

     

    ถึงเจ้าเมืองแห่งดินแดนดิไวท์ทุกท่าน

     

            ขณะนี้พระธิดาของเรานามว่า   มาดาเอล   เซวาลเซีย   ได้ถูกสเปเนีย   จ้าวแห่งปีศาจลักพาตัวไป   โดยมีกฎขึ้นมาว่าจะต้องส่งคนไปชิงตัวองค์หญิงเป็นจำนวนไม่เกิน10คนหรือน้อยกว่านั้น

            หากเป็นปกติยอดฝีมือเพียงแค่10คนในเมืองทริสตาเทิลคงหาได้ไม่ยาก   แต่ทว่ามันบอกว่าจะต้องไม่ใช่ทหารของเราแต่เดิม   ทางเราจึงจำเป็นต้องหายอดฝีมือจากต่างเมืองมาคัดเลือกเพื่อให้ได้ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะชิงตัวองค์หญิงของเรา

            ดังนั้นข้าจึงใคร่ขอให้แต่ละเมืองส่งยอดฝีมือที่เก่งที่สุดของท่านมาทำการคัดเลือกเป็นจำนวนไม่เกิน10คนต่อเมืองอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

                                                               ขอขอบคุณจากใจจริงของเรา

                                                            มารากราฟ   เซวาลเซีย

     

     

     

    เพราะงั้นท่านเจ้าเมืองถึงได้ส่งเราไปสินะ ผู้ดูแลหนุ่มกล่าวถามเมื่ออ่านสาส์นจบ

    ใช่   เราแค่2คน

    ว่าไงนะ   2คนงั้นเหรอ!”

    อือ   เพราะท่านเจ้าเมืองเห็นว่าพวกเรา2คนเก่งที่สุดและสนิทกันมากที่สุดล่ะมั้ง

    ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องหาทหารรับจ้างมาเพิ่มด้วยล่ะนะ

    แล้วปรากฏว่าจะเอายังไง

    ก็นะ...นานๆทีไปเที่ยวทริสตาเทิลสักทีก็ดีเหมือนกันร่างสูงพูดพลางลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องนอน

    แล้ว...นาธาพูดพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย นายจะใช้ฉายาว่าอะไรล่ะ   ฉันว่าเดอะ ลีดเดอร์ ออฟ เซาท์เอลเฟอร์   มันฟังดูแม่งๆยังไงชอบกลนะ

     

     

    การที่ใช้ฉายาระดับสูงในเมืองของตนตามปกตินั้นไม่ใช่เรื่องแปลก   แต่หากใช้ในต่างเมืองอาจจะทำให้เจ้าของฉายานั้นถูกปองร้ายหรือถูกคาดหวังในระดับที่สูงกว่าบุคคลอื่นก็เป็นได้

     

     

    นั่นสินะ   อืม...ถ้างั้นก็ใช้ฉายาเดิมละกันทิวพูดอย่างนึกขึ้นได้

    ฉายาเดิมเหรอ   จำไม่ได้แล้วแฮะชายร่างบางพูดอย่างแปลกใจพลางเอามือมาจับคางเล็กน้อย

    ก็ฉายานั้นไงทิวพูดก่อนจะเข้าไปห้อง

     

     

     

     เดอร์โรค   ออฟ   เอลเฟอร์ไงล่ะ

     

    และแล้วประตูก็ปิดลงอย่างเงียบงัน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×