คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1
ตอนที่1
ณ เมืองเอลเฟอร์
“ส่งเงินมาให้ข้ามาดีกว่าน่า ป้า!” ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ที่มาพร้อมกับลูกน้องห้าคนกล่าวในเชิงขู่กรรโชกกับแม่ค้าชรา
“ข้าไม่ให้แกหรอก นี่เงินที่ข้าอุตส่าห์ใช้แรงหามา จะต้องมาให้ไอ้พวกไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างแกด้วยล่ะ”ทันทีที่พูดจบกระบองไม้ก็ฟาดลงมาที่หน้าร้านทำเอาของกระจัดกระจายไปทั่ว ทำเอาแม่ค้าแถวนั้นรีบเก็บของหนีทันที
“ปากดีนักนะ...ถ้างั้นไปหาบรรพบุรุษในนรกซะเถอะ!” แล้วลงกระบองไม้โดยมีเป้าหมายคือหัวกะโหลกบางๆ...ทว่า
กึก!
“พี่ชายอย่าทำอะไรคนแก่ดีกว่ามั้ง”ดาบใหญ่มาป้องกันการโจมตีนั้นพร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มดังมาข้างตัวหัวหน้าอันธพาลผู้หมายปลิดชีพหญิงชรา เรียกทุกสายตาให้หันไปมอง
ชายผมสีน้ำตาลอ่อน นัยน์ตาสีเขียวเข้มฉายแววจริงจัง ขัดกับรอยยิ้มที่มุมปากบนใบหน้าคมเข้มนั้น ด้วยขนาดตัวประมาณ 180 cm. ซึ่งขัดกับอายุเพียง17ปีเท่านั้น ยิ่งชุดที่ใส่เป็นชุดที่พอเหมาะกับขนาดตัวสีเขียวอ่อนและมีตราอันแสดงถึงความเป็นผู้ดูแลในเมืองเอลเฟอร์ฝั่งใต้แล้ว ทำให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังชายฉกรรจ์ต้องถอยไปจากจุดนั้นพอสมควร
“แกคือผู้ดูแลคนใหม่สินะ หน้าอ่อนดีนี่ คงยัดเงินมาล่ะสิ”ชายร่างใหญ่กล่าว ก่อนจะยิ้มกริ่มแล้วพูดต่อ “ให้ฉันเป็นลูกน้องแกสิ ฉันจะรีดเงินค่าที่ให้แกมากกว่า...”ไม่ทันพูดจบดาบใหญ่ก็จ่อที่คอร่างใหญ่อย่างรวดเร็ว
“ผมว่าพี่ชายน่ะไปทำงานสุจริตเถอะ อย่ามาทำงานอย่างนี้เลย สำหรับผมเงินแค่นี้เกินพอแล้วล่ะ”
“เป็นฮีโร่จริงนะ แต่ถ้าเจออย่างนี้ จะกล้าพูดอย่างนั้นอีกมั้ย”ฉับพลันลูกน้องคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาร่างสูง ทำให้ดาบที่จ่อคอต้องนำไปใช้ในการป้องกันแทน ร่างสูงถอยห่างจากจุดที่ยืนไปพอสมควร เพื่อไม่ให้ใครโดนลูกหลง ซึ่งอีกฝ่ายก็ใช้ลูกน้องมาปิดล้อมและเข้ารุม ยังดีที่ชายร่างสูงพอจะป้องกันการโจมตีได้บ้าง...แต่ก็ยังตึงมืออยู่ดี
“หึ ได้เวลาบรรเลงเลือดแล้ว”พร้อมกับที่ร่างใหญ่วิ่งเข้าไปในจุดปะทะ...แต่นั่นเป็นสิ่งที่ร่างสูงรอเช่นกัน
นัยน์ตาสีเขียวเข้มฉายแววนิ่ง...นิ่งมากจนน่ากลัว แล้วนำดาบปักพื้นพร้อมกับประกาศท่าโจมตี
“พายุดาบปฐพีสู่ฟ้า”
ฉึก!
ฉับพลันดาบจำนวนมากก็เข้าแทงกลุ่มอันธพาลในบริเวณลำตัวจนล้มลงไปทั้งหมด
“หนอยแน่แก!” ชายร่างใหญ่พูดในลำคอพลางดึงดาบออกจากท้อง แล้วพุ่งไปที่ร่างสูงอย่างรวดเร็ว!
“อย่าดีกว่ามั้ง พี่ชาย”เสียงใหม่อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ร่างของชายฉกรรจ์ที่เกือบจะถึงตัวร่างสูงเพียงไม่กี่ก้าวชะงัก ก่อนที่จะมองหันกลับไปทางด้านหลัง
ชายร่างบางผมสีเขียวใบไม้ สูงประมาณ165cm. นัยน์ตาสีอเมทิสต์ฉายแววนิ่งที่ดูไม่เหมาะกับใบหน้าสวยของเจ้าตัวเท่าไหร่นัก ใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงสีน้ำตาลโดยจัดทรงให้มันดูเรียบร้อย แต่จากน้ำเสียงที่เอ่ยไปเมื่อสักครู่ทำให้มันดูเคร่งขรึมแทน
“ข้าคิดว่าท่านยอมไปอยู่ในคุกแต่โดยดีจะดีกว่า...”ร่างบางกล่าวต่อ “จะได้ไม่เจ็บหนักไปมากกว่านี้”
“ไม่มีทางซะ...”
ตุ้บ!
ไม่ทันจะพูดจบ ร่างใหญ่ก็ล้มลงไปกับพื้นด้วยการโจมตีเข้าที่ท้ายทอยของร่างสูง
“ป้าครับ ผมฝากให้ป้าเรียกตำรวจมาจับคนพวกนี้ด้วยนะครับ” ชายร่างสูงหันพูดกับหญิงชราคู่กรณีที่กลับมายังจุดเกิดเหตุ
“โอเคจ้ะ ว่าแต่ขอบคุณจริงๆนะที่ช่วย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเช่นนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”แล้วหันไปยังชายร่างบาง “ส่วนนายน่ะมีอะไรก็ไปคุยกันที่บ้านล่ะกัน” พูดจบก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น
“ป้าๆ เป็นอะไรบ้างมั้ย”เสียงแม่ค้าคนหนึ่งที่ออกมาจากที่ซ่อน มาหาหญิงชราที่เพิ่งเล่าเหตุการณ์กับตำรวจเสร็จเรียบร้อย “เอ้อ...ว่าแต่ผู้ดูแลคนใหม่นี่เขาชื่ออะไรนะ รู้สึกจะชื่อทิว...ทิวอะไรสักอย่างนี่ล่ะ”
“อ๋อ...”หญิงชราทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้ “เขาชื่อทิวเดอรัส คาร์บารอย”
ณ ที่บ้านของทิว
“นั่งก่อนสิ”ทิวพูดพลางผายมือไปยังโต๊ะกินข้าวที่อยู่กลางห้อง
“นายมาถึงที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่า”ร่างสูงถามประเด็นหลักทันที หลังจากที่ทั้งสองนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ทำไมล่ะ...เพื่อนรักคนนี้...มันจะมาเยื่ยมเพื่อนมันไม่ได้รึไง” ชายร่างบางกล่าวพลางทำหน้าซึม
“ไม่ต้องมาทำสำออยเลย”ทิวกล่าวพลางเทน้ำใส่แก้ว “ฉันไม่คิดว่าคนอย่างนาธา เมอลาจิน เมจิกมิวสิเชี่ยนผู้โด่งดังในหมู่สาวๆทางเหนือ จะมาทางใต้ที่เงียบเหงาด้วยเหตุผลแค่นี้หรอกนะ” ฉับพลันใบหน้าของชายร่างบางก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นราวกับไม่ใส่ใจพร้อมกับหยิบแก้วที่รินน้ำแล้วขึ้นมาดื่ม
“ว้า หลอกนายไม่ได้จริงๆด้วยแฮะ...ถ้างั้นก็เข้าเรื่องเลยล่ะกัน”
‘มันก็ควรจะเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ’ ชายร่างสูงคิดก่อนจะหยิบแก้วใหม่มาใส่น้ำ
“ที่ฉันมาที่นี่ในตอนนี้ เพราะท่านเจ้าเมืองของเราได้รับราชโองการจากเมืองหลวง”พลางหยิบสาส์นฉบับหนึ่งขึ้นมาให้อ่าน
ถึงเจ้าเมืองแห่งดินแดนดิไวท์ทุกท่าน
ขณะนี้พระธิดาของเรานามว่า มาดาเอล เซวาลเซีย ได้ถูกสเปเนีย จ้าวแห่งปีศาจลักพาตัวไป โดยมีกฎขึ้นมาว่าจะต้องส่งคนไปชิงตัวองค์หญิงเป็นจำนวนไม่เกิน10คนหรือน้อยกว่านั้น
หากเป็นปกติยอดฝีมือเพียงแค่10คนในเมืองทริสตาเทิลคงหาได้ไม่ยาก แต่ทว่ามันบอกว่าจะต้องไม่ใช่ทหารของเราแต่เดิม ทางเราจึงจำเป็นต้องหายอดฝีมือจากต่างเมืองมาคัดเลือกเพื่อให้ได้ซึ่งคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะชิงตัวองค์หญิงของเรา
ดังนั้นข้าจึงใคร่ขอให้แต่ละเมืองส่งยอดฝีมือที่เก่งที่สุดของท่านมาทำการคัดเลือกเป็นจำนวนไม่เกิน10คนต่อเมืองอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ขอขอบคุณจากใจจริงของเรา
มารากราฟ เซวาลเซีย
“เพราะงั้นท่านเจ้าเมืองถึงได้ส่งเราไปสินะ” ผู้ดูแลหนุ่มกล่าวถามเมื่ออ่านสาส์นจบ
“ใช่ เราแค่2คน”
“ว่าไงนะ 2คนงั้นเหรอ!”
“อือ เพราะท่านเจ้าเมืองเห็นว่าพวกเรา2คนเก่งที่สุดและสนิทกันมากที่สุดล่ะมั้ง”
“ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องหาทหารรับจ้างมาเพิ่มด้วยล่ะนะ”
“แล้วปรากฏว่าจะเอายังไง”
“ก็นะ...นานๆทีไปเที่ยวทริสตาเทิลสักทีก็ดีเหมือนกัน” ร่างสูงพูดพลางลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องนอน
“แล้ว...”นาธาพูดพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย “นายจะใช้ฉายาว่าอะไรล่ะ ฉันว่าเดอะ ลีดเดอร์ ออฟ เซาท์เอลเฟอร์ มันฟังดูแม่งๆยังไงชอบกลนะ”
การที่ใช้ฉายาระดับสูงในเมืองของตนตามปกตินั้นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากใช้ในต่างเมืองอาจจะทำให้เจ้าของฉายานั้นถูกปองร้ายหรือถูกคาดหวังในระดับที่สูงกว่าบุคคลอื่นก็เป็นได้
“นั่นสินะ อืม...ถ้างั้นก็ใช้ฉายาเดิมละกัน”ทิวพูดอย่างนึกขึ้นได้
“ฉายาเดิมเหรอ จำไม่ได้แล้วแฮะ”ชายร่างบางพูดอย่างแปลกใจพลางเอามือมาจับคางเล็กน้อย
“ก็ฉายานั้นไง”ทิวพูดก่อนจะเข้าไปห้อง
“เดอร์โรค ออฟ เอลเฟอร์ไงล่ะ”
และแล้วประตูก็ปิดลงอย่างเงียบงัน
ความคิดเห็น