ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FicEXO]Lovely Manager รักสุดท้ายนายผู้จัดการ[KrisHo]

    ลำดับตอนที่ #5 : คุ ณ ผู้ จั ด ก า ร ll [OS] REAL LOVE lKrisHol

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 57








    *แนะนำให้ปิดเพลงหน้าบทความนะคะ*







    REAL LOVE


     

     


                ความรักไม่มีเหตุผล  ไร้การควบคุม...มอบสิ่งที่ดีที่สุดหรือแม้กระทั่งสิ่งเลวร้ายที่สุด  ความหมายมากมายอัดแน่นอยู่ในคำคำนี้  และเพราะบางครั้งมันก็ไร้เหตุผลจนทำให้คนหนึ่งคนยังคงยอมทำเรื่องโง่งม 

    อดีตที่ไม่มีวันหวนมาเจอ...แม้จะเจ็บปวด  แต่ก็มีค่าเกินกว่าจะลืมเลือนหรือให้สิ่งใดมาแทนที่

    ยอมทนอยู่เพื่อรัก...อยู่เพื่อรอ...ยอมทั้งนั้น  เพราะแค่รักคำเดียว

     

    .......

    ...

    .

     

    ในตอนเช้าตรู่ของมหาวิทยาลัย  นักเรียนที่มีเรียนตอนเช้าของขณะศิลปกรรมจะมากระจุกรวมกันอยู่ที่ห้องศิลปะนี้เป็นปกติ  และคิม  จุนมยอนตัวเล็กๆหน้าหวานๆ  ที่หอบหิ้วงานเพื่อมาส่งอาจารย์ก็เป็นอีกคน...ที่ชอบมานั่งดูเพื่อนๆเล่นกันอย่างสนุกสนานให้ห้องนี้ 

    ทำตัวเหมือนเด็กมอ.ปลายหมาดๆกันไปได้  เรียนปีสามแล้วนะ  คนตัวขาวแซวเพื่อนๆเล่นหลังจากที่เข้ามานั่งประจำที่ตัวเอง  ทำให้เพื่อนที่นั่งคุยกันกลุ่มใหญ่พากันหันมาสนใจ

     

    ก็จุนมยอนดูไอ้ชานยอลมันสิ  น้องแบคฮยอนสุดน่าฟัดคนนั้นน่ะนะ...มาส่งมันถึงที่นี่แล้วยังจะ...ให้ช็อกโกแลตอีกต่างหาก!!!  อิจฉาวะ~!!!!”

    เพื่อนคนหนึ่งวิ่งโร่เข้ามาบอกจุนมยอน  ในมือก็มีกล่องช็อกโกแลตสีหวาน  ส่วนคนถูกพูดถึงน่ะเหรอ...หน้าแดงแปร๊ดไปถึงหูกางๆซะแล้วล่ะ

     

    น่าอิจฉาสุดๆไปเลยปาร์ค ชานยอล!!”  ใช่...น่าอิจฉา  น่าอิจฉาที่นายมีคนที่นายรัก....และนายก็รักเขา  นายน่าอิจฉามากที่มีเด็กตัวเล็กๆนั้นคอยเอาใจ  ส่วนฉันคนนี้...ก็มีแค่ความเหงาเป็นเพื่อน  เคียงข้างด้วยกันไป...ในทุกวินาที

    พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา  เสียงและความสนุกต่างๆรอบๆกายก็ไม่ได้ถูกเป็นความสนใจอีกต่อไป  กลไกความคิดเริ่มทำงานของตัวมันเองไปเรื่อยๆ  คิดวนซ้ำไปซ้ำมาให้เจ็บ...ในหัวใจ

     

    แล้วจะมาคิดทำไมวะเนี่ย  สะบัดหัวแรงๆเพื่อขับไล่ความสับสนของตัวเองออกไป  มันก็แค่...อาการน้อยใจ...ไม่เข้าท่า

     

    คืนนี้ที่มีดาวเต็มฟ้าและพระจันทร์ที่ไม่เต็มดวงนั้นก็ทอแสงของมันอย่างสวยงาม  โทรศัพท์มือถือที่ปกติไม่ค่อยได้ใช้ติดต่อกับใครเสียเท่าไหร่...ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ  จุนมยอนเปิดเป็นระบบธรรมดาตั้งแต่กลับขึ้นมาบนห้อง

    เผื่อว่าใครคนนั้นโทรมา...ถ้าเกิดว่าตัวเขาไม่ได้ยินหรือรับไม่ทัน  คงจะเสียใจแย่

     

    การรอใครคนหนึ่งมันทรมาน...เปลวไฟจากเทียนเล่มเล็กๆในทางเดินกว้างที่มืดมิด  ยามมันต้องลมแสงไฟเหลือเพียงริบหรี่  มันก็เหมือนกับความหวังของการรอ...”  จุนมยอนพึมพำ  ถึงประโยคที่ได้คุยผ่านสายโทรศัพท์กับ..คนคนนั้น  ประโยคที่เขาเคยพูดเอาไว้  และตอนนี้จุนมยอนก็ต่อมันด้วยความคิดของเขาเอง

    ...แต่แม้มันจะให้ความสว่างเพียงริบหรี่แค่ไหน...มันก็เป็นสิ่งเดียว...แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวที่ส่องประกาย  มันเป็นความหวัง...น้อยนิด  ของคนที่กำลังรอ... 

    นัยน์ตาหวานทอดมองไปยังดวงดาวบนท้องฟ้า  เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าดาวลูกไก่หรือว่าดาวอะไรที่มันเป็นรูปร่างน่ะอยู่ตรงไหน  แต่ที่มองก็เพราะว่าเมื่อมาอยู่รวมกันทั้งตัวของมันที่ส่องแสงสวยงามและแสงอ่อนนวลของพระจันทร์  มันช่วยให้แสงสว่างกับท้องฟ้าสีรัตติกาลจนเกิดความสดใสสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    Peeeeeee

    เสียงโทรศัพท์หยุดความคิดทั้งหมด  และเรียกให้คนที่กำลังเหม่อรีบกระตือรือร้นไปที่โทรศัพท์เครื่องนั้น  ดวงตากลมโตพราวระยับอย่างมีความหวัง  แต่ความหวังนั้นก็พลันสลาย

    เมื่อสายที่โทรเข้ามา...

     

    ไม่ใช่คนรอคอย...

     

    ครับ

     

    [ … ]

     

    สวัสดีครับ 

    จุนมยอนตั้งใจจะตัดสายเมื่อคนที่โทรเข้ามาไม่คิดที่จะพูดอะไร  บางทีเขาอาจจะ...

    [ ยังรออยู่ใช่ไหม ]

    เสียงที่คุ้นเคย  ทำให้จุนมยอนแปลกใจเขารีบดึงโทรศัพท์กลับมาและเพ่งดูอีกครั้งว่าคนที่โทรเข้ามานั้นเป็นใคร  เบอร์นี้ไม่ใช่เบอร์โทรศัพท์ที่เขาบันทึกไว้  และเบอร์ของคนนั้นเขาก็จำมันได้ดีแต่นี่มันเป็นเพียงแค่เลขหมายที่เขาไม่คุ้นเคยก็เท่านั้น

     

    เอ่อ...ไม่ทราบว่าใครพูดเหรอครับ?”  อยากจะถามเพื่อว่าจะมีคนที่โทรผิดมา  แต่คำพูดที่ตอบกลับและน้ำเสียง  ทำให้เขามั่นใจ

     

    [ นายลืมคนที่ตัวเองรอ...งั้นก็แสดงว่า... ]

     

    เราไม่เคยลืมและไม่เคยหยุดรอ!”

     

    [ หึ ] เสียงหัวเราะที่เฉยชาไม่ว่าฟังกี่ครั้งมันก็รู้สึกไม่ดี  แต่ถ้าเป็นในครั้งนี้ที่เขาโทรมา

    ถ้าเขาจะด่าทอให้เจ็บใจ...มันก็รู้สึกดี  เพราะมันหมายความว่าเรา...ยังอยู่ในหัวใจของเขาบ้าง

     

    ฉันไม่ได้โทรมาเพราะคิดถึง  ตอนนี้ฉันอยู่ที่สนามบินและกำลังจะไปแคนาดา  ฉันจะโทรมาย้ำ... ]

     

    จะบอกจะย้ำทำไม  เมื่อคุณก็รู้ดีที่สุด...เรา!!...มีแค่คุณคนเดียว  ตลอดมาและตลอดไป

     

    [ ... ]

     

    เรารู้ว่าเรายังรักกัน  แต่เราไม่รู้ว่าคุณทำอย่างนี้ทำไม

     

    [ ... ]

     

    แต่ถ้าทำแล้วมีความสุขคุณก็ทำไปเถอะ...

     

    [ … ]

     

    แต่เราอยากให้คุณจำไว้  ไม่ว่ายังไง...เราก็ยังรักและรอคุณเสมอ

     

    [ RrrrrrRrrrr ]  ปลายสายตัดไปพร้อมกับหัวใจที่ถูกกระแทกด้วยอะไรบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ความรู้สึกซึ่งเป็นเหมือนแก้วใสๆซึ่งเปราะบาง  ในตอนนี้ถูกขว้างปาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ก่อนจะนำกลับมาต่อกันใหม่อย่างลวกๆและนำไปขว้างทิ้งอย่างไม่ใยดีอีกครั้ง

    ขอบคุณนะ...ขอบคุณที่คุณโทรมา  ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้คุยกันผ่านทางโทรศัพท์หลังจากวันนั้น  ไม่มีครั้งไหนที่น้ำตา...ไม่ได้หลั่งไหลซ้ำเติมความเจ็บปวดให้หัวใจ

     

    จุน...แม่ไม่ค่อยเจอ...

    เขาไม่ค่อยว่างน่ะฮะ  ตอนนี้ไปเรียนต่อ

    อืม...เขาขยันจังเลยแฮะ  เป็นเช้าวันที่สดใส  เป็นวันที่จุนมยอนมีเรียนในตอนบ่าย  และเวลาอาหารเช้าของวันนี้คุณแม่ของเขาก็เปิดประเด็นที่จุนมยอนไม่ได้นึกอยากจะฟัง...เขาไม่ได้อยากรับรู้ถึงคนคนคนนั้นเท่าไหร่

     

    แดดค่อนข้างแรงแม้จะพึ่งสายๆได้ไม่เท่าไหร่  จุนมยอนที่นั่งวาดภาพเล่นๆอยู่ที่ระเบียงห้องนอนต้องล้มเลิกและเข้ามานั่งพักอยู่ในห้องอย่างเลี่ยงไม่ได้  วันนี้รู้สึกไม่อยากจะไปเจอใคร

    อยากจะล็อกห้องและนอนคิดอะไรเงียบๆอยู่แค่คนเดียว...คิดถึงวันเวลาเก่าๆ

    หลอกตัวเองว่าเหตุการณ์เมื่อวันนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้น  และจุนมยอน...กับคนคนนั้นก็ยังรักกันดีเหมือนเดิม

     

    มันเป็นช่วงเวลาที่แสนดี...ความทรงจำที่ไม่ว่านึกถึงเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้เสมอ

    ในเมื่อเราเป็นพระอาทิตย์ที่คุณจะมองตาม  และทำไมในตอนนี้พระอาทิตย์ต้องคอยหันไปเพื่อให้ดอกทานตะวันอย่างคุณมองมาด้วยล่ะ... 

    ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆของตัวเอง  คนคนนั้นชอบให้เสมอ  ดอกทานตะวัน...เขาชอบที่จะให้และทุกครั้งเขาก็จะบอกความหมายอย่างที่จุนมยอนพึมพำในตอนแรกเสมอ  พอนึกถึง...ก็อดจะดึงตัวเองให้ไปจมอยู่กับกล่อง...ที่บรรจุสิ่งๆดีๆที่เคยทำร่วมกัน  ความทรงจำที่สวยงาม  ยากจะลืมเลือน

    อาจคล้ายดูเหมือนคนพึ่งจะมีความรักครั้งแรก  ตั๋วหนังกี่เรื่องที่ดูด้วยกัน  รูปถ่ายหรือแม้แต่ภาพวาดที่ไม่ได้สวยงามมากมายซึ่งๆคนคนนั้นอ้อนให้เขาช่วยสอนวาด  ดอกทานตะวันหลายดอก  แม้ว่ามันจะแห้งเหี่ยวซักแค่ไหน  จุนมยอนก็พยายามดูแลและเก็บมันไว้อย่างดีที่สุด

    แม้ไม่ใช่เด็กๆ  แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพลัดกันเขียนไดอารี่ของกันและกัน 

     

    แทบไม่อยากจะเชื่อเลย...  ไม่อยากจะเชื่อว่าเคยมีวันนั้น  เพราะว่าในตอนนี้เขาเปลี่ยนไป...และมันทำร้ายหัวใจของผมเหลือเกิน

    ...

    ..

    .

     

    ไปเรียนด้วยหัวใจที่เลื่อนลอย  แม้จะรู้ว่ายังไงก็คงไม่เจอแต่มันก็กลายเป็นความเคยชินแย่ๆของคนที่ชื่อคิมจุนมยอนไปซะแล้ว  ทุกครั้งต้องมาหยุดยืนที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย  จ้องมองไปที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม  แค่แอบหวังว่าเขาจะมายืนเก๊กอยู่หน้าร้านและเมื่อเห็นจุนมยอนเขาก็จะส่งยิ้มอบอุ่นละไมมาให้เหมือนเคย 

      คิดอะไรไม่เข้าท่าน่าจุนมยอน  เขาเลิกสนใจกับอะไรเก่าๆ  ขาเรียวหันเดินกลับไปทางมหาวิทยาลัยเหมือนที่สมควรจะเป็น

    ..

    .

     

    สู้ๆนะครับพี่ชานยอล

    แบคฮยอนก็เหมือนกันนะ  จุนมยอนยิ้มกับเพื่อนของตัวเองที่หน้าแดงแปร๊ด  เพราะถูกเด็กตัวเล็กๆหน้าตาน่ารักที่ชื่อว่าแบคฮยอนหอมที่แก้มไปเบาๆก่อนจะรีบวิ่งออกไป  เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองน่าจะโอเคในระดับหนึ่งแล้ว  ถึงได้เดินเข้าไปหา

     

    เด็กคนนั้นน่ารักมากเลยชานยอล

    อือ...น่ารักที่สุดเลย

    เพื่อนที่ไม่ค่อยจะสนิทสนมกันเท่าไหร่นัก  ตอนนี้กำลังเดินไปที่ตึกคณะด้วยกัน  การพูดคุยในเรื่องต่างๆเปิดเผยความลับในบางส่วนในเวลาอันรวดเร็ว  มันเป็นการทำให้คนสองคนสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ  อาการเกรงๆทีแรกค่อยๆเป็นธรรมชาติพวกเขาดูจะเป็นเพื่อนที่เหมือนเพื่อนกันจริงๆ

     

    กินข้าวมาหรือยังจุนมยอน

    นายยังไม่ได้กินเหรอ?”

    คือ...ฉันอยากกินข้าวกล่องของแบคฮยอนตอนนี้เลยน่ะ คนเอ่ยชวนสารภาพทั้งที่หน้าแดงๆ

    ฉันกินเรียบร้อยแล้วล่ะ  แต่ถ้านายอยากหาเพื่อนกินเดี๋ยวฉันไปนั่งเป็นเพื่อนก็ได้ ^^”  เมื่อมองนาฬิกาแล้วยังเหลือเวลาเกือบสองชั่วโมงกว่าจะเรียนคาบแรก  จุดมุ่งหมายในตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นแคนทีนของมหาวิทยาลัยแทน  จุนมยอนเลือกนั่งตรงมุมที่มองเห็นสวนสวยๆของมหาวิทยาลัย

    เพลงคลาสสิกเน้นเสียงไวโอลินที่ดีเจเปิด  มันทำให้ฟังแล้วผ่อนคลายแต่ก็เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

     

    ชั้นไปหาซื้ออะไรกินหน่อยนะชานยอล  นั่งฟังเพลงแล้วมันเกิดหิวขึ้นมาน่ะ

    กินกับฉัน...

    ถ้าชวนตามมารยาทก็ไม่เป็นไร  ข้าวกล่องของแบคฮยอนนายคงอยากจะกินคนเดียวแน่ๆอยู่แล้วล่ะ  เดี๋ยวมานะ  ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังบางๆของเพื่อนที่พึ่งจะสนิทกันซึ่งเดินห่างออกไป

    จุนมยอนเป็นคนที่พูดตรงๆนั่นคือเขาเป็นคนที่จริงใจ  เขาดูน่ารักและไม่ได้มีท่าทีเสแสร้งเลยแม้แต่นิด

     

    เครปเค้กกับอเมริกาโน่...เอ้ย!ลาเต้ครับ  และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งความเคยชินแย่ๆ  ทำไมจะต้องไปจำกาแฟรสที่คนคนนั้นชอบกินจนลืมไปว่าตัวเองชอบกินกาแฟรสอะไร  หลายๆเรื่องของเขาซึมซับเข้าสู่สมองอย่างไม่ตั้งใจ...

    เพราะใกล้ชิดและรับรู้ในทุกเรื่องราวของกันและกัน...ไม่เคยมีเรื่องอะไรให้ปกปิด

    ยกเว้น...เรื่องที่คนคนนั้นจากไปเฉยๆและวนกลับมาทำร้ายหัวใจอย่างไม่มีสาเหตุ

    ...

    ..

    .

    แบคฮยอนทำกับข้าวเก่งจังเลยแฮะ”  คนที่นั่งกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุขตอนนี้เขานั่งยิ้มกว้างกว่าเดิมเสียอีก  เมื่อข้าวกล่องน่ารักๆของแบคฮยอนที่ทำมาให้  เขากินจนหมดเกลี้ยงไปเลย

    นายถึงได้ซัดจนไม่เหลืออะไรแบบนี้   เรารีบไปกันเถอะ...ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว

    ...

    ..

    .

    วันนี้จุนมยอนถือว่ามันเป็นวันดีๆ  วันนี้เขาได้เพื่อนสนิมเพิ่มมาหนึ่งคน  ความจริงต้องบอกว่าชานยอลเป็นเพื่อนสนิทคนแรก  เพราะว่าจุนมยอนไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยซักคน  และเมื่อกลับมาถึงบ้านในตอนทุ่มกว่าๆคุณพ่อคุณแม่ของเขานั้นขึ้นไปนอนกันข้างบนเรียบร้อยแล้ว  อาหารเย็นถูกวางไว้บนโต๊ะโดยมีผ้าคลุมอย่างเรียบร้อย  จุนมยอนเดินเงียบๆเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ  โทรศัพท์เปิดให้เป็นโหมดธรรมดาและวางไว้ที่เตียง  ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำในห้อง 

    เขากับโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กลงมาทานอาหารเย็น  ภายในบ้านหลังกว้างๆเงียบงัน  นึกอยากจะเปิดเพลงแต่ว่าความเงียบมันก็ดี  ทำให้เราได้รับรู้เสียงต่างๆจากภายนอกบ้างและคิดอะไรได้อย่างไม่มีสิ่งใดคอยรบกวน

     

    Pip Pip

    เสียงข้อความที่เข้ามา  ทำให้จุนมยอนละจากการกินข้าวแล้วหันไปเปิดข้อความขึ้นอ่าน  จากคนที่เขายังรออยู่เสมอ

     

    ฉันไม่อยากจะฟังนายพล่ามอะไรไร้สาระ  และที่ฉันส่งข้อความมาพี่คงรู้นะว่าผมจะบอกนายว่าอะไร...ฉันขอให้นายหยุดรอ!  และเลิกหวังอะไรที่มันไม่มีทางเป็นไปได้ซักที  เหมือนเดิมน่ะ...มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว...   

    ตากลมหลับลงช้า  สูดหายใจเข้าลึกเต็มปอดอย่าพยายามข่มความเจ็บปวดให้ลึกสุดใจ  เขาพอจะรู้ว่าเจ้าของข้อความกำลัง...พยายาม  พยายามที่จะทำร้ายเขาคอยแต่พร่ำบอกให้เขาหยุดรอได้แล้ว  จุนมยอนไม่รู้ว่ามันเพราะอะไรที่เขาทำ...แต่เขาเลือกเพียงแค่กดข้อความตอบกลับสั้นๆ  และเก็บจานให้เรียบร้อยทำเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ...เราอยากรู้เหตุผล...การกระทำทั้งหมดของคุณ...

    ….

    ..

    .

     

    มันอดจะหวังลึกๆไม่ได้  ว่าจะมีข้อความตอบกลับจากคนคนนั้นแต่เนิ่นนานจนความอ่อนล้าเริ่มออกฤทธิ์  เขาปิดโทรศัพท์และคงจะเป็นวันพรุ่งนี้ถึงค่อยเปิดมันอีกครั้ง  ไฟในห้องดับลงพร้อมกับคนที่เหนื่อยล้าและท้อใจที่ล้มตัวลงนอน

    ถ้าจุนมยอนยังเปิดโทรศัพท์...และเฝ้ารออยู่ในตอนนี้  เขาจะได้รับรู้ข้อความยาวๆที่ส่งมา...และมัน...อาจจะไม่สายเกินไป

     

    ...เราขอโทษ  เพราะเราทำผิดกับคุณ...เราเข้าใจว่าคุณยังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนั้น  ตัวเราเองก็ไม่อยากบังคับ  ถึงเราจะทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร  แต่การไปนอนกับคนอื่นลับหลังคุณซึ่งเรารู้กับใจมันทำให้เราทนเห็นแก่ตัวไม่ได้...เราถอยห่างเพราะไม่อยากจะทำร้ายคุณแบบนั้นต่อไป...แต่การที่เราต้องคอยวนเวียนมาทำให้คุณเจ็บปวด  เพราะเราเองอยากให้คุณเลิกรัก..คนเลวๆคนนี้ได้แล้ว

    เรารักคุณ..เหมือนที่คุณรักเรา  มันเป็นอย่างนี้ตลอดมาและมันจะเป็นตลอดไป

    ตอนนี้เราอยู่ที่สนามบินและกำลังจะไปเรียนต่อจริงๆแล้ว  การห่างกัน...อาจจะทำให้คุณลืมเราได้บ้าง

    ขอโทษจริงๆนะจุน  และอู๋อี้ฟานคนนี้รักคิมจุนมยอนมากนะ...รักมาที่สุด...ทุกลมหายใจ..

     

    ความรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตื่นขึ้นมา  มันคอยเร่งเร้าให้เขาอยากจะไปเปิดโทรศัพท์เพื่อดูว่ามีข้อความเข้าหรือเปล่า  แต่ว่าจุนมยอนก็เลือกที่จะไม่สนใจแล้วก็ทำทุกๆอย่างเหมือนในตอนเช้าของทุกๆวัน

     

    วันนี้วันที่มีเรียนคาบบ่ายแต่ว่านัดกับชานยอลไว้แล้วว่างานโปรเจกต์คู่ที่อาจารย์สั่งเมื่ออาทิตย์ก่อนจะจับคู่และไปทำด้วยกันที่มหาวิทยาลัยตอนเช้า  เพราะลืมนึกไปและรีบร้อนทำให้ไม่ได้เปิดโทรศัพท์มือถือ  ซ้ำยังวางไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสืออย่างเดิมอีกต่างหาก

     

    ไปก่อนนะครับ”  คนตัวขาวบอกลาคุณพ่อกับคุณแม่แล้ววิ่งเร็วๆไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอย  มองดูนาฬิกาแล้วมันก็สายไปหลายนาที  เพราะเขาเป็นคนรักษาสัญญาและตรงต่อเวลา  เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่อยากสายเลยแม้แต่วินาทีเดียว

    แล้วมันก็เป็นอะไรที่แปลกมาก...จุนมยอนไม่ได้หยุดหรือว่ามองไปที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่นิด...เขาไม่สนใจ 

    ไม่ได้รู้...ว่าหลายอย่าง...กำลังเปลี่ยนไป

     

    ขอโทษนะชานยอล  แฮ่ก...ขอโทษที่มาสาย

    อ่า...ไม่เป็นไรหรอก  ฉันก็พึ่งจะมาเหมือนกันแหละ”  จุนมยอนตั้งอกตั้งใจทำงานร่วมกับชานยอลอย่างไม่ติดขัด  สมองไม่มีเรื่องของคนคนนั้น...อู๋  อี้ฟาน

     

    กินข้าวกัน...

    นายกินก่อนเถอะนะ  ฉันกินมาแล้ว  ชานยอลมองเพื่อนตัวขาวที่ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย  ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากภาพที่ตัวเองกำลังลงสี  ไม่น่าเชื่อที่วันนี้เขาไม่ได้คิดอะไรเลย  แถมยังทำงานกับชานยอลอย่างราบรื่นไม่มีเหน็ดเหนื่อยจนแค่เพียงแป๊บเดียว  งานก็คืบหน้าขึ้นมามาก

    ….

    ..

    .

    สุดท้ายก็กลับมาถึงบ้าน  แม้จะไม่ได้ช้าเหมือนเมื่อวานแต่เขากลับเหนื่อยกว่าเมื่อวานเสียอีก  ตอนที่นั่งรถเมล์กลับมาเขานึกขึ้นมาว่าพอถึงบ้านแล้วจะเปิดโทรศัพท์ก่อนเลย  แต่ก็ต้องเลื่อนไปเพราะว่าเขาอยากจะอาบน้ำให้เรียบร้อยเสียก่อน  จุนมยอนนั่งลงบนเตียงมือข้างหนึ่งเช็ดผมส่วนมืออีกข้างก็กดปุ่มเปิดโทรศัพท์

    เขาอดจะสงสัยตัวเองไม่ได้  ก่อนหน้านี้...ในทุกๆวันอี้ฟานจะคอยเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนในความคิดของเขาอยู่เสมอ  แต่วันนี้เขาพึ่งนึกได้ว่าตัวเอง  ไม่ได้คิดถึงอีกคนเลย

     

    ...1 ข้อความ....

    อดจะยิ้มไม่ได้  เมื่อเขาก็ยังใส่ใจตอบกลับแต่พออ่านข้อความนั้นแล้วมันก็อดที่จะหัวใจสลายไม่ได้  เหตุผลของอี้ฟาน...ไม่เคยถามจุนมยอนเลยว่าต้องการมันไหม  เขาโตมากพอ...พอที่จะเข้าใจสิ่งที่อีกคนทำ  เขาไม่ได้ว่าอะไร  อี้ฟานดีและให้เกียรติเขามาก...มันเป็นสิ่งที่คนที่มีความรักทุกคนต้องการได้รับจากคนที่ตัวเองรู้สึกดีๆด้วย

    ไล่สายตาอ่านทวนอีกหลายครั้ง  ตอกย้ำซ้ำๆว่าตัวเองทำได้เพียงรอต่อไป...และทำใจจนถึงวันที่เขากลับมา

    เขาเชื่อว่าอี้ฟานจะยังเหมือนเดิม  เพราะว่ามันไม่ใช่เพียงระยะเวลาวันสองวัน...ห้าเดือนหรือหนึ่งปี  จุนมยอนกับอี้ฟานผูกพันและรักกันมานานเกือบๆจะห้าปี  หลายๆความรู้สึกดีๆมีมากมายจนนับๆได้ไม่หมด  เพราะฉะนั้นระยะเวลาที่ห่างกันนี้

    มันเป็นเครื่องพิสูจน์ใจชั้นเยี่ยม...ไม่ว่าจะนานแค่ไหน  เขาจะยังมีกันและกันเสมอไปหรือเปล่า...?

    ......

    ....

    ..

    .

     

    หวัดดีหน้าหวาน  มาอยู่ชมรมบาสได้ยังไงเนี่ย’  จุนมยอนมองคนตัวสูงในชุดบาสเกตบอลที่หน้าจะอ่อนกว่าเขาซักปีสองปีด้วยสายตาประเมิน  ใบหน้าหล่อเหลากำลังส่งยิ้มแบบกวนๆมาให้

    มาหาพี่ชีวอน  เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า?’

    พี่ชีวอนเขามีแฟนแล้วนะ  เรานี่สิที่ยังว่างอยู่

    ไอ้คริส!  แกอย่ามาเต๊าะน้องเขาหน่อยเลยน่ะ!’  เจ้าของใบหน้าที่หล่อเหลาไม่แพ้กันเดินตรงเข้ามาและกอดคอร่างสูงนั้นไว้

     

    พี่แชรินให้มาบอกว่าถ้าไม่โทรกลับไปหา...จะโดนกินหัวเอา...เพราะฉะนั้นหลังจากได้รับข้อความจงรีบไป...

    อ่า...โดยไวเดี๋ยวนี้เลยคร้าบบบ’  ใครจะรู้บ้างว่าหัวหน้าชมรมบาสสุดเท่จะกลัวแฟนมาก  ถึงขนาดลนลานวิ่งไปเอาโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังโรงยิม

     

    ฮ่าๆๆ

    ฉันชื่ออู๋ อี้ฟานนะตัวขาว  จุนมยอนหันมามองคนที่มีท่าทางเหมือนๆจะกวนประสาทอย่างเห็นได้ชัด  เขากำลังแนะนำตัวเองและยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้

    อือ เราชื่อจุนมยอน

    ยินดีที่ได้รู้จักนะจุนมยอนคนสวย

    เราไม่ใช่โฮโมหรอกนะจะบอกไว้ให้ฟัง

    นายไม่เคยได้ยินหรือไง  ความรักไม่สำคัญว่าเป็นเพศไหน...สิ่งสำคัญมันอยู่ที่หัวใจและความรักที่มีให้กันของคนสองคนตากลมมองคนที่กำลังยืดอกยิ้มภูมิใจในคำคมของตัวเอง  ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผู้ชายที่ชื่ออี้ฟานคนนี้น่ะมีเสน่ห์...แล้วก็ดูท่าว่าจะเสน่ห์แรงซะด้วยสิ

    ....

    ...

    ..

    .

    ในกลุ่มคนที่กรี๊ด...มีแฟนของคุณ...

    ฉันไม่ได้มีแฟนซะหน่อย!!’

    แล้วทำไมจะต้องขึ้นเสียงด้วยล่ะ!’  บรรยากาศในตอนเช้า  ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยที่จุนมยอนบ้าจี้เดินข้ามถนนตามคนตัวสูงที่ยืนยิ้มกวักมือเรียกอย่างไม่อาย  พอเขาเอ่ยปากว่าอยากเลี้ยงกาแฟ  ก็เดินตามเข้ามาในร้านเสียง่ายๆ

     

    จุน  ไปกินกาแฟกัน  เรายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย  จุนมยอนมองคนตัวสูงๆที่ยืนทำหน้าเศร้าลูบท้องตัวเองป้อยๆ  ซึ่งมันต่างจากที่เขาได้เพื่อนในห้องพูดถึง อู๋อี้ฟานหนุ่มฮอตสุดขรึม...โกหกกันหรือเปล่า...??

     

    อเมริกาโน่กับบราว์นี่ชุดนึงครับ’ 

    ยังไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วพาเรามาร้านกาแฟเนี่ยนะ

    งือ...งั้นเอาอเมริกาโน่อย่างเดียวครับ  เดี๋ยวให้คนน่ารักแถวนี้พาไปกินข้าวดีกว่า  จุนมยอนรู้ว่าอี้ฟานชอบกินกาแฟมาก  โดยเฉพาะอเมริกาโน่ที่สั่งทุกครั้งเวลาที่มาร้านกาแฟ

    ก็เตือนว่าไม่ให้กินมาก...แต่ไม่มีผลกับคนดื้อซักนิด

     

    ...

    ..

    .

    ‘Black Day!!’

    แบล็คเดย์แล้วไม่ต้องเรียนหรือไง ทำไมจะต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วยล่ะ  ผ่านมาหนึ่งปีที่คนสองคนใช้เวลาทำความรู้จักกัน  มันมากพอสำหรับความรู้สึกดีๆ...ที่เริ่มก่อตัว

    โดดเรียนกันดีไหม’  อี้ฟานหันมาถามคนตัวขาวอย่างนึกสนุก  แต่เขาคงจะลืมไปว่าคนที่เขากำลังชวนนั้นเป็นใคร  พอเจอสายตาดุๆเข้าเขาก็ต้องล้มเลิกความคิดทันที  โอเคๆพูดเล่นน่ะ

    ...

    แต่ว่าพอเลิกเรียนแล้ว...ไปด้วยกันนะ  ไปกินจาจังมยอนด้วยกัน

    ...

    ...

    ก็ได้ 

     

    ....

    ...

    ..

    .

    คบกันนะ  ก็อยากจะบอกว่ารัก...แต่มันอาจจะเร็วเกินไป  เอาเป็นว่าเราชอบจุนมากเลยนะ  ใครจะเชื่อ  จุนมยอนคิดว่าถ้ามีใครซักคนเลือกจะบอกความรู้สึก  เขาคงจะเลือกวันวาเลนไทน์ที่มันสุดแสนจะโรแมนติกและมีแต่กลิ่นไอความรัก

    แต่ในวันนี้วัน Black Day วันของคนโสด  วันที่ดูเหมือนจะหม่นหมอง  เขากลับมาบอกรัก...และมันทำให้จุนมยอนรู้สึกว่ามันโรแมนติคมากกว่าในวันที่มีแต่สีชมพูนั้นเสียอีก

    นัยน์ตาหวานจ้องมองดอกทานตะวันผูกโบที่ฟ้าที่เขายืนมาให้  ซึ่งจุนมยอนคิดว่าตัวเองเดาความหมายได้ไม่ยากและมันก็ดูเหี่ยวไปมาก  คงเป็นเพราะคนตัวสูงเตรียมมันมาตั้งแต่เช้า  แล้วโบสีฟ้านั้น...ถ้าเป็นคนอื่นคงบอกว่าผูกได้ยอดแย่อย่างแรง  แต่สำหรับจุนมยอน...ที่รู้จักและเห็นตัวตนของผู้ชายตรงหน้านี้มากกว่าใครๆ  เขารู้ดีว่าอี้ฟาน...เป็นคนผูกมันเองกับมือ

     

    เราปลูกดอกทานตะวันไว้ที่บ้านเป็นไร่เลย  เพราะเราเคยได้ยินพวกผู้หญิงในห้องพูดถึงความหมายของมัน...คุณคงจะเคยฟัง...แต่เราก็จะบอก  เราเป็นดอกทานตะวันเล็กๆที่คอยตามมองพระอาทิตย์อย่าคุณตลอดไป  จุนมยอน...คบกับผู้ชายคนนี้ได้มั้ยครับ  มาเป็นแสงสว่างที่นำทางให้เราตลอดไป

     

    ...

    ..

    .

    ย่างเข้าปีที่ห้า  ที่ทั้งสองคนคบกันอย่างมีความสุข  ทั้งคู่รักกันในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย  เวลาอยู่กับจุนมยอนผู้ชายตัวโตคนนั้นไม่ได้เคร่งขรึมเหมือนที่ใครคิดเลย  เขายิ้มน่ารักพูดหวานๆและขี้อ้อนเป็นที่สุด

    .

    .

    .

     

    เลิกกันนะ

    ...?!!!...

    จากกันตลอดกาล!’  ไม่ทันที่มือเรียวทจะละจากรูปที่วาดอยู่จะหันไปพูดหรือถามอะไรให้หายข้องใจ  เจ้าของน้ำเสียงห้วนๆร่างสูงๆนั้นก็เดินออกไปเสียก่อนแล้ว  จุนมยอนคิดว่าอีกคนคงอาจจะพูดเล่นๆ  แต่น้ำเสียงแบบนั้นตั้งแต่รู้จักกันมาเขายังไม่เคยได้ยินมันเลยซักครั้ง

    และก็ไม่สามารถจะหลอกตัวเองให้สบายใจได้เลย  ลู่ฮานพยายามโทรติดต่ออี้ฟานหลายครั้ง  เขาอยากจะรู้ว่ามัน...เพราะอะไร..??

     

    คุณ!!’

     

    [[ นายไม่เข้าใจคำว่าเลิกกันที่ฉันบอกหรือไง! ]]

     

    ...

     

    [[ มันคือเรื่องจริง! และอย่ามาโทรมาอีก!! ]]

     

    อี้ฟาน...!!’

     

    [[ RrrrrrRrrrr ]]  สายตัดไปแล้ว  และจุนมยอนก็ไม่สามารถจะได้ยินเสียงของคนรักอีก

     

    มันเนิ่นนาน...ทรมานแทบขาดใจ  อี้ฟานไม่ใช่รักครั้งแรก...แต่ว่าทำไมเขาถึงได้ร้องไห้ฟูมฟายมากมายขนาดนั้นเมื่อยู่ดีๆเขาก็จากไป  เขาไม่ได้เสียดายเวลาที่คบกันมา...ไม่ได้เสียดายความรักที่ทุ่มเทลงไปให้

    แต่แค่ไม่เคยคิดมาก่อน...ว่าความรัก...มันจะจบลงได้ง่ายดายขนาดนี้

    ที่ผ่านมา...ตลอดเวลา...เขารักมากเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?  แล้วทำไม...เขาถึงได้พูดคำว่าเลิกกันออกมาได้อย่างไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นล่ะ...

     

    เกือบปีที่คิดถึงและเฝ้ารอคราวคราวเขาอย่างมีความหวัง  ตอนที่เขาโทรมามันทำจุนมยอนดีใจที่สุดในชีวิต...แต่คำพูดของเขาเพียงแค่บอกให้ตัดใจและเลิกรอได้แล้ว

     

    [[ นายอย่ามาคิดถึง  อย่ามารอฉันอีกเลยได้ไหม การรอใครคนหนึ่งมันทรมาน...แม้ความหวังจะเป็นแค่เพียงเปลวไฟจากเทียนเล่มเล็กๆในทางเดินกว้างที่มืดมิด  เวลาที่มันต้องลมแสงไฟเหลือแค่ริบหรี่  มันก็เหมือนกับความหวังของการรอ...  ฉันไม่มีทางกลับไปหานายหรอก ]]

     

    ประโยคที่จุนมยอนเฝ้านึกย้อนซ้ำไปซ้ำมา  และพูดต่อกับตัวเองอยู่เสมอ  เกือบปีที่เฝ้ารอและรักผู้ชายตัวโตคนนั้น  ยังหวังกับสิ่งที่เป็นไปได้เพียงน้อยนิด

    หวังว่าเราสองคน...จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

     

    ...

    ..

    .

     

    จุนมยอนทำงานเป็นศิลปินอิสระที่ผลงานโดดเด่น  หัวใจยังเฝ้ารอคนคนเดิมคนที่จากไปไกลและคิดว่าเขาน่าจะกลับมาได้แล้ว  สี่ปีที่เขายังอยู่ที่เดิม  ยังรัก...ยังคิดถึงและยังรอไม่เปลี่ยนแปลง

    งานแสดงผลงานของจุนมยอนตั้งแต่ที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัย  ข่าวดีมากๆที่เขาได้รับรู้เมื่อชานยอลพาแบคฮยอนมาชมงานด้วย  ทั้งสองคนหมั้นกันแล้วอย่าเป็นทางการและจะแต่งงานเมื่อแบคฮยอนเรียนจบมหาวิทยาลัย  นั่นทำให้ชานยอลแอบโกรธนิดหน่อยก็เขารักของเขานี่เนอะ

    พี่จุนมอยนต้องไปงานแต่งงานของแบคฮยอนกับพี่ชานยอลด้วยนะครับ

    จ้าๆ  จุนมยอนพลอยสนิทกับแบคฮยอนไปด้วย  เพราะชานยอลพามาแนะนำให้รู้จัก  ความน่ารักสดใสทำให้ทั้งสองคนสนิทกันอย่างง่ายดายและรวดเร็ว

     

    แฟนพี่จุนมยอน...ที่พี่ชานยอลพูดให้ผมฟังเขายังไม่กลับมาอีกเหรอฮะ

    แบคฮยอน!!”

    ฮ่าๆ จุนมยอนขำน้อยๆเมื่อแบคฮยอนถามออกมาอย่างใสซื่อแต่ว่ากลับถูกชานยอลเอ็ดเอา  ในใจมันอดจะโหวงๆไม่ได้เมื่อคำถามของเด็กตัวเล็กๆมันกระแทกใจเขาอย่างจัง

     

    เขา...เฮ้อ~พี่ก็ตอบไม่ค่อยจะถูกเหมือนกัน  แต่จะเรียกว่าเขาเป็นแฟนพี่...มันก็ไม่ถูกซะทีเดียวหรอกนะ  มันครึ่งๆกลางๆอยู่น่ะ

    ขอโทษแทนแบคฮยอนด้วยนะจุนมยอน

    ไม่เป็นไรหรอกชานยอลอย่าคิดมาก  เดี๋ยวฉันพบลูกค้าก่อนแล้วกันนะ จุนมยอนยิ้มให้ทั้งสองคนที่ทำหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ก่อนจะเดินแยกตัวออกมา  เขาไม่ได้ไปพบลูกค้าแต่บอกคนอื่นว่าไม่สบายและขอแยกตัวกลับไปที่บ้าน

     

    MEMORY  ROOM

    ความทรงจำ  ที่มันสวยงามและยังคงสวยงามอยู่เสมอ  ดอกทานตะวันที่แห่งเหี่ยวเป็นร้อยๆดอกอยู่ตู้กระจกอย่างสวยงาม  ดอกไม้พวกนี้เขาไม่ได้รับจากผู้ชายคนนั้นมาเป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว  เขาไปที่บ้านของอี้ฟานหลายครั้ง  เข้าไปช่วยดูแลไร่ดอกทานตะวันที่อี้ฟานปลูกไว้  บางทีก็ขออนุญาตหยิบรูปถ่ายเพื่อมานั่งวาดเป็นภาพเหมือน

    ไม่น่าแปลกใจที่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆสีฟ้า...สีที่คนคนนั้นชอบนี้จะมีแต่ภาพวาดเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปหมด  มีทั้งภาพที่ลงสีน้ำมัน  และที่เป็นแค่ภาพร่าง  มีเรียวยกขึ้นไปสัมผัสกับใบหน้าคมที่ยิ้มแย้มในภาพวาด

    อยากสัมผัส...สัมผัสจริงๆ  อยากเจอ...

    อี้ฟาน  เราคิดถึงคุณจังเลย...

    ระยะเวลาที่ยาวนาน  ความคิดถึงทำงานของมันได้อย่างเต็มที่  น้ำใสๆรื้นขึ้นที่ขอบตา  แต่จุนมยอนกลับกลั้นมันไว้และทำเพียงยิ้มออกมาจางๆ

     

    ถ้าเกิดว่าบางทีคุณเปลี่ยนไป...”  พูดออกมาเพียงแค่นี้เพราะรู้สึกว่าน้ำตาตัวเองกำลังจะไหล  ร่างบอบบางถอยออกมามองสิ่งต่างๆในห้องแห่งความทรงจำของเขาเป็นครั้งสุดท้าย  ประตูไม้สีฟ้าถูกปิดลงพร้อมกับคนที่อ่อนแรงจนคิดว่าควรพอ...

    ลมพัดแรงขึ้นมาก...และตอนนี้เปลวไฟแห่งความหวังอ่อนน้อยนิด...คงได้เวลาดับลงแล้ว

     

    สองขาก้าวไปเรื่อยๆตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อน  นัยน์ตาสีเข้มทอดมองความสุขต่างๆที่เกิดขึ้นรอบๆตัว  เขากลับมาได้ซักพักหนึ่งแล้ว  น่าแปลก...เขาไม่อยากจะเชื่อว่าความรักมันจะคงอยู่เนิ่นนานมากมายขนาดนี้  ไม่อยากจะเชื่อ...ว่าแม้จากกันไปแสนนาน...หัวใจเขามันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย  แต่ว่า...

    เขาจะยังรอนายอยู่อีกเหรอ?...

     

    เขารู้เรื่องงานแสดงภาพวาดของคนตัวขาว  ความจริงก็คิดมาหลายวันว่าจะไปดีไหม...อยากจะไปเจอ  แต่ตัวเขาเองก็ทำร้าย...คิมจุนมยอนคนนั้นให้ปวดใจเอาไว้มาก

    ...

    ..

    .

    เดินวนไปวนมาเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายมาจนเกือบจะเย็นแล้ว  และก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่างานแสดงภาพวาดของจุนมยอนวันนี้เป็นวันสุดท้าย

     

    ห้าโมง!” 

    ...

    ..

    .

    เกือบจะมาไม่ทันเวลา  ขาเรียวก้าวเข้าไปด้านในแม้จะรู้ว่าอีกไม่นานตึกก็จะปิดแล้ว  อี้ฟานเดินดูรูปวาดไปเรื่อยๆ  ความจริงเขาก็อยากจะเจอ...

    จุนมยอน  มุมมืดๆมุมหนึ่ง  คนที่คิดถึงมาตลอดกำลังยืนมองรูปวาด  ซึ่งเขาคิดว่าเขาจำมันได้ดี

    ภาพนี้พี่จุนมยอนไม่ได้เป็นคนวาด...ทุ่งทานตะวันทอดยาวใกล้สุดลูกหูลูกตากับปลายพู่กันที่ถูกมือเล็กนุ่มนิ่มจับบังคับผ่านมือใหญ่ที่ไร้ทักษะ  จนออกมาเป็นภาพวาดอย่างสมบูรณ์ได้

     

    กลับมาแล้วเหรอ  คุณจะมาย้ำให้เราหยุดรออีกหรือเปล่า...เพราะเราเองก็ตั้งใจว่า...

    จุน..เราขอโทษ...เราไม่ได้จะมาให้คุณหยุดรอบ้าบออะไรอีกแล้ว  แต่ว่า...ถ้าเกิดโอกาสยังพอจะมี...เราก็อยากจะขอเริ่มต้นใหม่กับคุณ  แววหวานจ้องมองใบหน้าคมอย่างเฉยชา...และมันก็ทำให้อีกคนรู้สึกใจหาย

     

    คุณเคยคิดบ้างมั้ยล่ะว่าความอดทนของคนเรามันมีขีดจำกัด...และเราเองก็คิดว่ามันนานเกินไปสำหรับโอกาสอีกครั้ง

    คุณ...ไม่รักเราแล้วเหรอ?”  เป็นตัวเองที่ถูกทำให้เจ็บที่หัวใจบ้าง  แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องยอมรับกับคำตอบ

    เขารู้ดีว่าตัวเองผิด...ผิดที่ยังรัก...แต่ก็ปล่อยให้อีกคนทนอยู่อย่างนี้  ปล่อยให้รักเขารอตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ทำเหมือนกับว่าไม่ได้สนใจว่าอีกคนจะรู้สึกยังไงบ้าง

    ....

    ...

    ..

    .

     

    เราตั้งใจว่าจะหยุดรอแล้ว...เราเหนื่อย  เหนื่อยมากจริงๆ...  นัยน์ตาคมฉายเศร้าสร้อยและผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน  ใบหน้าหล่อเหลาหลุบลงต่ำแต่ตั้งท่าว่าจะเดินจากไป

    แต่ถ้าคุณ...ถ้าสมมติว่าคุณยังรักพี่อยู่...และตั้งใจว่าจะกลับมาหากัน...จะกลับมาเพื่อเริ่มต้นใหม่  ดูแลและไม่ทิ้งขว้างกัน...อึก

     

    ...

     

    โอกาส..มันก็มีให้คุณตลอดมาอยู่แล้ว...  พูดยังไม่ทันจะจบประโยค  คนตัวสูงก็วิ่งกลับมาโถมกายเข้าใส่  กอดตัวเล็กๆบอบบางไว้อย่างเต็มรัก...ความอบอุ่นจากคนคนนี้ไม่ว่าผ่านไปเท่าไหร่  มันก็ยังเป็นที่ต้องการและช่วยปัดเป่าความหนาวไปได้เสมอ...ไม่ว่าความหนาวกาย...หรือหนาวใจ

    แขนทั้งสองค่อยๆเลื่อนขึ้นมากอดตอบ  แล้วมันก็ทำให้อ้อมกอดอุ่นกระชับแน่นขึ้นกว่าเดิมโดยอัตโนมัติ

    ...จะไม่ให้เสียไปอีกแล้ว...

     

    อี้ฟานดันคนน่ารักออกมาห่างตัว  จ้องมองใบหน้าหวานนั้นเปื้อนคราบน้ำตาด้วยสีหน้าจริงจัง

    คุณ..งั้นเราจะบอกคุณว่า...คบกับเรา...อีกครั้งนะ

     

    ..

     

    แล้วคราวนี้เราคงจะพูดได้อย่างเต็มปากและไม่เขินเลย...เรารักคุณนะ” 

    ....

    ...

    ..

    .

    จุนมยอนแสร้งทำเป็นนิ่งๆไม่พูดอะไร  อยากจะเห็นท่าทีร้อนรนของอีกคนซึ่งมันดูแล้วทั้งตลกและน่ารัก

    พอเห็นคนตัวสูงที่สีหน้าเริ่มไม่ค่อยดีแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ

     

    ถึงตรงนี้เราน่าจะร้องไห้นะ  แต่มันร้องไม่ออกเลย...งั้นคิมจุนมยอนคนนี้จะตกลงคบกับอู๋อี้ฟาน  เราจะเริ่มคบกันใหม่เรียนรู้กันอีกครั้ง

    ..

    .

    ขอบคุณมากนะจุน!!!  เรารักคุณ...รักคุณที่สุดเลย  เป็นอีกครั้งที่ร่างบอบบางถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดอุ่น  คนถูกกอดรัดปล่อยหัวเราะออกมา...ไม่ว่ายังไงผู้ชายคนนี้ของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม

     

    รักน่ะ...อย่าพูดบ่อยได้มั้ย  เดี๋ยวมันไม่ขลังนะ!”

    มาห้ามได้ยังไงก็เรารักคุณอ่ะ!!”  เขารีบตะโกนออกมาทำหน้างอ  จุนมยอนยิ่งหัวเราะเสียงดัง 

     

    การรอของเขานั้น...มันไม่ได้สูญเปล่า  เขากับอู๋อี้ฟานยังรักกันมากเหมือนเดิม  มันหมายถึงหัวใจที่มั่นคง...และคนคนนี้เขาสามารถเชื่อใจโดยไม่มีข้อแม้อะไรเลย

     

    เราแต่งงานกันเลยมั้ย?”

    พูดอะไรคิดบ้างหรือเปล่าคนบ้า~!!”

     

    THE  END

     

     




































    สวัสดีค่า ก็มาแบบเอา OS มาฝากระหว่างรอฟิคที่เหลือนะคะ
    เป็นฟิคที่นิวแต่งไว้นานมากแล้ว เป็นเวอร์ชั่นโฮอน SHINee มาก่อนค่ะ
    แล้วก็ปรับแก้หลายส่วนเลย คืออาจจะอ่านแบบภาษาไม่เพราะเท่าไหร่
    ยังไงจะมารีไรท์ให้อีกทีนะคะ กลัวคนอ่านคิดถึงค่ะ
    ความจริงคือคืดถึงคนอ่าน...สารภาพเลย 55555

    ค่ะสำหรับยังไงฟิคเมเนเจอร์ ชิปเปอร์หลักก็เป็นคริสโฮค่ะ
    แต่นิวก็จะเติมคู่อื่นๆลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติ ไม่ว่ากันนะคะ
    ยืนยันว่าชิปเปอร์หลักของฟิคเมเนเจอร์คือ...คริสโฮค่ะ

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่ะ แล้วก็อากาศร้อนมาก
    รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ระวังอาหารการกินด้วยน้าาา

    แล้วเจอกันค่า จุ้บๆ~










































     


    MINOR
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×