ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FicEXO]Lovely Manager รักสุดท้ายนายผู้จัดการ[KrisHo]

    ลำดับตอนที่ #4 : คุ ณ ผู้ จั ด ก า ร ll CHAPTER 3 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 57








     

    lCHAPTER 3l
     

    ห้องทำงานห้องเดิมผู้บริหารบริษัทคนเดิมกับเรื่องน่าปวดหัวแบบเดิมๆ  ปาร์คชานยอลผ่อนลมหายใจเบาๆ  เป็นอีกวันที่ต้องปิดโทรทัศน์หนีข่าวพยายามทำใจสงบๆกับการรับสายจากสปอนเซอร์ที่ติดต่อเข้ามาถามเป็นระยะๆ  หนังสือพิมพ์กับนิตยสารก็อซซิปที่ถูกสั่งนำออกจากห้องตั้งแต่ตาคมไล่กวาดผ่านหัวข้อกับรูปบนหน้าปก

    ไม่มีข่าวดีๆซักข่าว  ไม่เห็นว่าคนจะเสพเรื่องราวแบบนี้กันไปเท่าไหร่แล้ว 

    “แทมิน  ติดต่อสำนักพิมพ์ M ให้ผมหน่อย”

    กรอกเสียงเนือยๆลงไปตามสายถึงเลขาหน้าห้อง  นึกขอบคุณที่ตอนนี้คุณดาราเจ้าปัญหาได้พี่สาวของเขาดูแลดีไม่มีต้องห่วง  แต่สำหรับคนอื่นๆเขาเองก็ไม่รู้จะจัดการปัญหาในเรื่องที่แทบจะเป็นเรื่องปกติของดาราสมัยนี้ได้ยังไง  เขาก็ยอมรับว่าดารามันก็ต้องอยู่คู่กับข่าวเป็นธรรมดา  เขาเองก็เป็นผู้บริหารที่คลุกคลีอยู่กับดาราในสังกัดพอสมควรก็พอรู้ว่าเรื่องรักๆเลิกๆมันก็เป็นเรื่องปกติ  บางครั้งก็มีที่ถูกจัดจับเป็นคู่โปรโมทสร้างข่าวเพื่อการตลาด 

    แต่ที่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนักข่าวสำนักพิมพ์นี้ถึงได้นั่งเทียนเขียนให้เรื่องราวกลายเป็นปลายเปิดที่สามารถหยิบจับประเด็นนู่นนี่มาเชื่อมโยงจนเลยจากความจริงไปไหนต่อไหน  อยากจะฟ้องร้องเสียให้เข็ดแต่ก็...ทำไม่ได้

    “คุณชานยอลจะคุยกับคุณคังมั้ยครับ  หรือจะให้ผม...”

    “ต่อตรงเลยแทมิน  ต่อตรงไปหาเขาเลย...  ผมอยากคุยกับเขา”

    ชานยอลอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว  ตั้งแต่เรียนจบบางครั้งอาจจะตั้งแต่เริ่มเรียนปีสามตั้งแต่กลายเป็นความหวังของบ้าน  เขาเป็นคนประเภทที่รักครอบครัวและมุ่งมั่นเกินร้อย  เขามักจะพยายามเพื่อสิ่งที่เขาทำได้ไม่ดี  นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำได้ดี  ไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือกแต่มันเป็นสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อคนที่เขารัก...อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด  แต่ก็มากเกินกว่าจะไม่สนใจ

    มันน่าเหนื่อยหน่ายและทำให้เขาต้องหวนนึกกลับไปตอนที่ยังแค่เที่ยวเล่นและทำตามใจได้เหมือนที่อยากทำในทุกๆวันเท่านั้น  เขาไม่ได้ทำมันให้ดีเท่าที่ตั้งใจ 

    เพราะไม่ได้คาดหวัง...ว่าวันพรุ่งนี้จะต้องเปลี่ยนแปลง

    มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาลูบใบหน้าที่ดูโทรมลงไปเพราะเวลาที่จำกัดทำให้แม้จะดูแลตัวเองแล้วแต่ก็ยังหนีไม่พ้นร่องรอยของความอิดโรย  หายใจทิ้งแรงๆอีกครั้งก่อนจะสูดกลับเข้าไปใหม่  ใบหน้าหล่อปนหวานประดับด้วยรอยยิ้มที่วาดกว้างอย่างตั้งใจ

    ...ใครบางคนมักจะบอกเสมอว่ารอยยิ้มของเขาสามารถแพร่กระจายความสุขได้เหมือนไวรัส  ได้แต่หวังว่าความสุขนั้นจะแผ่มาถึงจุดเล็กๆในใจของเขาเช่นกัน...

    “คุณชานยอลครับ...”

    “ถ้าเขาไม่คุยก็บอกไป...  คราวนี้ผมจะฟ้องเขา  ผมจะฟ้องจริงๆและผมจะไม่ยอมอีกแล้ว”

    [ มีอะไรก็ว่ามา ]

    เสียงใสแบบที่ติดจะเย่อหยิ่งและดื้อดึงดังมาจากปลายสาย  ไม่รู้เลยว่าใบหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นขมวดคิ้วน้อยๆจะกลายเป็นรอยยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าของคนปลายสาย  จมูกเชิดรั้นกับแก้มกลมๆนั้นน่ารักเสียจนไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำให้เขาใจสั่นได้เสมอ

    “กลัวถูกฟ้องเหรอ”

    [ ไม่กลัวหรอก! แค่...ไม่อยากเสียเวลางานไปวุ่นวาย...เฉยๆ ]

    “อ่อ  จะทำให้เรื่องมันจบเร็วๆโดยไม่ต้องวุ่นวายก็ได้นะ  ไม่ต้องเสียเวลาซักนิดก็ยังได้”

    [ ... ]

    “แค่เลิกเขียนข่าวแบบนั้นได้มั้ย  แค่ไม่ต้องทำให้มันเสียหายจนแก้ลำบาก  ทำได้มั้ย...”

    [ ไม่ ]

    ผ่อนลมหายใจเบาๆพลางขยับมือไปลูบแหวนเงินเกลี้ยงบนนิ้วก้อยข้างซ้ายเบาๆ  คนดื้อรั้นยังไงก็ยังดื้อรั้นอยู่อย่างนั้น  นึกภาพคนที่คงปลายสายที่คงเชิดหน้าขึ้นจนคางชี้ฟ้า  ไม่เคยอ่อนลงให้เขาเลยไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม  แล้วเขาก็ไม่เคยชนะซักครั้ง

    สาบานว่าถ้าเป็นนักข่าวคนอื่น  เขาจะอ้างข้อกฎหมายเป็นร้อยเป็นพัน  จบลงที่จำนวนเงินนิดหน่อยและรีบวางสายลงอย่างสบายใจเพื่อจัดการสะสางภาระงานอีกเป็นกระบุงที่รออยู่

    ไม่มีทางที่คนอย่างปาร์คชานยอลจะมานั่งกุมขมับถอนใจอยู่แบบนี้  ทำไมนะ...

    “ทำไมทำให้ไม่ได้  ไม่อยากฟ้องนะไม่อยากให้วุ่นวาย  ไม่อยากให้ต้องอื้อฉาวกันไปใหญ่เดี๋ยวจะเสียไปถึงสำนักพิมพ์ด้วย”

    ผมก็เขียนแต่เรื่องจริงทั้งนั้น ]

    “ไม่ได้บอกว่าเขียนโกหก  แต่เขียนความจริงไม่ครบคนอ่านเขาจะว่ายังไง  ต้องพึ่งกันนะไม่มีคนคอยเขียนให้ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน"

    [ แล้วจะเอายังไง! ]

    บางทีอะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนพัดความเป็นเราที่แท้จริงให้ไกลออกไปเรื่อยๆ

    เขาอยากจะพูดเอาแต่ใจแบบพี่ชายคนโตบ้าง  นึกอยากจะมั่นอกมั่นใจและกล้าทำเหมือนพี่สาวคนกลาง  แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็เป็นแค่การถอนหายใจและเริ่มจัดการกับความคิดของตัวเองเสียใหม่ ก่อนจะส่งยิ้มจางๆออกมาเท่านั้น

    “ไม่ได้เหนื่อยตามแก้นะ  แต่เหนื่อยใจแล้วก็เสียความรู้สึก”

    [ ใครสนกัน!!  ทำไมต้องมาเสียความรู้สึก  เพ้อเจ้อเหรอ? ]

    “พูดดีๆ  ทำไมพูดไม่เพราะเลย”

    [  ทำไมต้องพูดดีๆ  ผมไม่ใช่คุณชายนี่ที่ต้องพูดสุภาพทุกคำ  ผมเป็นคนธรรมดาแล้วผมก็ไม่สนด้วย! ]

    “...”

    [  นี่งานผม  คุณอยากจะฟ้องอยากจะอะไรก็ทำไป!  ผมรู้ว่าคุณไม่กล้าหรอกไม่งั้นคุณคงทำไปตั้งนานแล้ว!! ]

    “...”

    [ ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้ก็วางไปเถอะ  เสียเวลาทำงานเปล่าๆ ]

    “...”

    [ ... ]

    “...”

    [ ... ]

    “ตั้งใจทำงานนะ”

    [ ... ]

    “พี่ก็ได้แต่ขอให้บยอนช่วย  พี่ไม่ฟ้องหรอก  ไม่อยากให้บยอนต้องมีปัญหาต้องตกงานต้องลำบาก  พี่ก็จะแก้ในส่วนของพี่ไป  ตั้งใจทำงานนะคนเก่ง”

    [ พูดมาก... ]

    สายตัดไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ยังติดค้างบนใบหน้า  และแหวนเงินวงเกลี้ยงที่ราวกับเพนซิพบรรจุความทรงจำ  ปะปนไปด้วยสุขและเศร้า 

    ...แต่ก็สวยงามแบบที่เขาไม่มีทางลืมเลือน

    .

    .

    .

    .

    .

    ปึง!

    “เข้าไปไม่ได้นะครับ!!

    แล้วใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นมึนตึงฉับพลันเมื่อคุณดาราเจ้าปัญหาเปิดประตูผลัวะเข้ามาอย่างไร้มารยาทแม้จะมีเสียงของเลขาของเขาที่พยายามจะฉุดรั้งไล่หลังมา  พยักเพยิดให้ออกไปบอกเป็นนัยๆว่าไม่มีผลหรอก  ยังไงคนหน้าด้านก็คงจะเดินอาดๆเข้ามาหาเขาแบบไม่สนใจใครเหมือนทุกครั้ง

    แต่ดูเหมือนจะแตกต่างออกไปเพราะร่างบอบบางเจ้าของผิวขาวผ่องที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง  ไล่สายตามองก็ยังเห็นข้อมือเล็กที่ถูกกอบกุมจนรอบด้วยมือใหญ่  

    นี่พาแฟนมาเปิดตัวกับน้องขนาดนี้เลยหรือไง ??

    “ทีหลังก็เคาะก็รอบ้างนะ  ถ้าติดลูกค้าอยู่ก็เสียลูกค้าพอดี”

    “ไม่ได้หรอกเว้ย!  เรื่องนี้มันรอไม่ได้เลยแม้แต่น้อย!!

    อู๋อี้ฟานในเสื้อผ้าชุดแน่นเต็มยศหน้าผมจัดเต็มแบบไม่ต้องพึ่งช่างที่ไหน  แรงหอบน้อยๆที่บ่งบอกถึงความรีบร้อน  มองเลยไปก็ยังเห็นคนตัวเล็กกว่าไม่พูดไม่จาเอาแต่หลบหลังพี่ชายเขาอย่างเดียว  เสื้อผ้าการแต่งตัวก็ดูธรรมดาไม่ได้มีอะไรมากมาย 

    ไม่น่าจะมากับพี่ชายเขาได้เลยด้วยซ้ำ...

    “มีอะไรอ่ะ  แล้วพี่ยูราไปไหน”

    “เอ่อ...ยัยยูราเหรอ  ไปเลี้ยงลูกมั้ง  เป็นผู้จัดการห่วยแตกไม่ได้เรื่องเลยเนอะ!

    -  - ตลกเหรอครับคุณพี่”

    “เออๆๆ  อ่ะแฮ่ม!  ท่านคงมีปัญหาผู้จัดการที่ทำงานไม่ได้เรื่องได้ราวคุมอะไรก็ไม่ได้จัดการอะไรก็ไม่ค่อยอยู่จนนึกปวดหัวรำคาญใจ  ทีวีทีเร็กซ์ก็เลยจะขอเสนอผู้จัดการคนใหม่ไฉไล  ใช้ง่ายใช้คล่องไม่ต้องจ่ายค่าภาษี  ทำงานดีไม่มีตกหล่นจนคุณจะไม่หวนคิดถึงผู้จัดการเก่าอีกเลย”

    ถึงกับอ้าปากค้างกับคนที่ดูท่าสติสตางค์จะค่อยๆลอยหายออกไปนอกกาแล็กซี่ที่พี่แกเฝ้าฝันหนักหนาเข้าทุกวัน  คนตัวเล็กถูกดึงกระชากมาข้างหน้าอีกยังทั้งผลักทั้งดัน  สายตาคมกริบของปาร์คชานยอลลอบประเมินพิจารณาใบหน้าขาวใส  ประกอบกับคำโฆษณาแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้ว

    ...มาไม้ไหนครับคุณพี่...

    “พูดซี่  ที่คุยกันไว้อ่ะ!  อย่าให้ต้องงัดสัญญามาโชว์นะ!  น้องฉันมันโหดไม่เชื่อเหรอ!  เห็นหน้ามันยิ้มๆอย่างงี้นะ! หึ  นายได้เจอเรื่องใหญ่แน่ๆฉันรับรอง”

    คิมจุนมยอนหน้าซีดจนเกือบจะไร้สีเลือด  แรงบีบเบาๆกับเสียงกระซิบที่ราวกับดังมาจากส่วนลึกสุดของโลกนรกกำลังทำให้เขาสั่นน้อยอย่างไม่อาจควบคุม  บอกตามตรงว่าจำอะไรไอ้ที่คุยกันไม่ได้เลย  แถมจะลืมไปด้วยซ้ำว่าทำไมถึงมายืนอยู่ตรงนี้  มองคนตัวสูงเจ้าของใบหน้าใจดีด้านหลังโต๊ะทำงานที่คงเป็นเจ้าของห้องหรูหรานี้แล้วกลับรู้สึกดี

    เขาเชื่อมั่นว่ายังไงคนคนนั้นก็คงไม่ได้โหดหรือใจร้ายอะไร  น่าจะใจดีเสียด้วยซ้ำ  แต่ไอ้ที่น่ากลัวน่ะมันคนที่คอยกระซิบอยู่ข้างหลังนี่มากกว่า TT

    “ผะ...ผม...คือผม...”

    “แนะนำตัวไปสิ!  บอกว่าจะมาเป็นผู้จัดการฉัน  เร็วๆ!

    ไอ้หล่อร้าย  ไอ้มาเฟีย  ฮือ...ทำไมทำกับจุนมยอนอย่างเน้!

    “ผม...ผมคิมจุนมยอนครับ  อายุ 23 จะมาเป็น...เป็น...ผะ...ผู้จัดการของ...”

    “คุณคริส!

    “จะมาเป็น...ผู้จัดการ...ขะ...ของคุณ...คะ...คริสครับ”

    อยากจะขำก๊ากให้ดังลั่นสั่นสะเทือนไปทั้งโลก  เด็กอนุบาลยังเล่นละครดีกว่าพี่ชายเขาที่จับต้นแขนคนตัวขาวแน่นแถมยังทำหน้าอย่างกับยักษ์เพราะกระซิบกระซาบเสียงดุใส่คนที่ตัวสั่นน้อยๆเพราะทั้งประหม่าทั้งกลัว

    นี่เป็นพี่น้องกันมาก็ตั้งนมนาน...คิดว่าเขาจะรู้ไม่ทันหรือไงนะ  แต่พี่เสนอผมก็สนองให้...อยากจะรู้ว่าแผนคนฉลาดนี่เขาเป็นยังไง

    “หืม? เป็นผู้จัดการพี่คริสนี่ยากนะครับ  มั่นใจเหรอ?”

    “ยากเยิกอะไร  นี่คนนี้ยอมให้ทุกอย่างเลยจริงๆ”

    คุณเจ้าของบริษัทยิ้มขันก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นขึ้นข้างหนึ่งเมื่อมือที่เคยกอบกระชับเลื่อนขยับมาเป็นโอบไหล่บอบบาง  เครื่องหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มละมุนให้คนข้างกายราวกับกำลังถ่ายแบบปกนิตยสารก็ไม่ปาน  นึกใส่เอฟเฟกต์แสงวิ้งๆไว้ให้คิดว่าเข้ากับบรรยากาศเวลานี้มากที่สุด

    เป็นใครกันนะที่ทำให้คนหัวดื้อเอาตัวเองเป็นใหญ่อีโก้สูงกว่าใครในโลก...มาพูดตรงหน้าเขาว่าจะยอมให้คนนี้ทุกอย่าง

    ถึงจะเป็นสคริปต์ที่ถูกเขียนขึ้นมา  แต่ก็นะ...ใช่ว่าจะหาฟังกันได้ง่ายๆ

    “อืม...อย่าว่าผมอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะ  ผมก็ทำงานตรงนี้มานานการมีศิลปินในสังกัดจะให้ใครมาดูแลก็ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่  ยิ่งเป็นพี่ชายสุดที่รักด้วยแล้วผมก็ต้องมั่นใจว่าผมหาคนที่ดีที่สุดมาควบคุมดูแล”

    “คือ...”

    “ให้โอกาสกันหน่อยสิวะไอ้ชาน”

    “ผม...ผมจะทำอย่างดีอย่างเต็มที่เลยครับ  จะดูแลไม่...ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง”

    “...”

    “จะ...จะทำหน้าที่ผู้จัดการอย่างดีที่สุดเลย...คะ...ครับ”

    ไปโดนไอ้คุณพี่เขาใช้ไม้ไหนถึงได้ทำใจกล้าขนาดนี้  มองๆไปก็ดูน่ารักดีตัวนี้ขาวผ่องเป็นยองใยสเป็กคุณชายใหญ่อย่างพี่คริสจริงๆ  ลองถ้ามีหน่มน้มเขาว่าคงไม่รอดเงื้อมมือมารแหงๆ

    “เป็นไง  โอเคมั้ยไอ้ชาน  คนนี้นี่ไม่พอใจยินดีคืนเงินเลยนะเว้ย”

    “...”

    “ไอ้ชาน...”

    “...”

    “ไอ้ชานโอเคใช่ป่ะ  พูดอะไรหน่อยดิวะ”

    “อืม งั้นผมขอเข้าเรื่องทางการแบบไม่โยกโย้เลยแล้วกันนะ ที่นี่มีศิลปินในสังกัดอยู่มาก  สำหรับการที่ศิลปินจะสามารถเลือกโยกย้ายไปอยู่ในความดูแลของผู้จัดการคนใดก็ได้เมื่อหมดสัญญากับผู้จัดการคนเก่านั้นจะเป็นสิทธิ์ของศิลปินโดยตรงก็ต่อเมื่อทางบริษัทเห็นชอบและมอบอำนาจ  เนื่องจากเชื่อในความประพฤติและสิทธิ์ของศิลปินที่จะมีดุลยพินิจพิจารณาโดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อสัญญากับบริษัทและสัญญาต่องานต่างๆ  แต่สำหรับอู๋อี้ฟานนั้น...”

    “...”

    “ผมต้องขอแสดงความเสียใจที่เขาไม่ผ่านในการประเมินความประพฤติพอจะได้รับสิทธิ์นั้นในทุกๆกรณี  การดำเนินการจัดหาผู้จัดการมาดูแลจึงยังเป็นสิทธิ์ของบริษัทจนกว่าจะผ่านการเห็นชอบของผมซึ่งเป็นผู้บริหารเท่านั้น”

    “...”

    “และผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมาสามารถเห็นชอบได้ในเวลานี้”

    ว่าจบก็ส่งยิ้มนิ่งๆให้หนึ่งทีก่อนที่จะเข้าสู่โหมดคุณผู้บริหารสุดเข้มอีกครั้ง  คนคิดตื้นก็ได้แต่กินจุดๆส่วนคนที่จู่ๆถูกลากมาก็ได้แต่มองที่ใบหน้าคมด้วยสื่อความนัยว่าจะให้ทำอะไรยังไงต่อช่วยตอบทีพลีสสส 

    แผนหนึ่งไม่ไหว...ฉันจำใจขอใช้แผนสอง! 

    ชีวิตชายชาตรียอมพลีให้สองอย่าง!

    1.แม่!

    2.เมีย!

    “อืมๆ  เฮ้อ~พี่ไม่น่าทำตัวแย่ๆเลย  พี่ขอโทษนะที่พาเรามาเสียเวลา  เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยงข้าวตอบแทนแล้วกันเนอะ  เซ็งเลยพี่นึกว่าน้องชายพี่จะเข้าใจ”

    “ห๊ะ...?”

    คิมจุนมยอนถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อจู่ๆมือหนาก็เลื่อนมาลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มไปมา  ไหนจะไอ้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเสียจนเหมือนเห็นสายรุ้งกับลิตเติ้ลโพนี่น้อยบินผ่าน  อยากจะอ้วกอ่ะ!  เล่นอะไรไม่เข้ากับหน้าตาเลยยย  เหมือนกำลังจะถูกตาแกโรคจิตหลอกลวงยังไงยังงั้น!

    “พี่อุตส่าห์อยากให้เรามาดูแล  ชีวิตนี้ทั้งชีวิตพี่จะยอมให้ใครถ้าไม่ใช่คนที่พี่รักหมดใจอย่างงี้”

    “...”

    “ไม่เป็นไรหรอก  คนอย่างพี่มันจะมีใครเข้าใจ  ขนาดน้องชายแท้ๆ...”

    “ขอโทษนะครับถ้าไม่มีธุระอะไรก็ขอเชิญ  ผมจะทำงาน”

    “ตกลงแกไม่อนุมัติเรื่องผู้จัดการใหม่เหรอไอ้ชาน”

    “พี่ลองถามพี่ยูราดูแล้วกัน พี่ยูราว่าไงผมก็ว่าตามนั้น”

    อืม...โว้ย! ทำไมมันยุ่งยากงี้วะ!!

    .

    .

    .

    .

    .

    ณ คอนโดหรูเลิศอลังการดาวล้านแปดดวง

    “ขอโทษๆ! ยัยบ้าเลิกบ่นซักทีเถอะน่า!! เฮ้ย! เดี๋ยวๆๆยัยยูรา! ยัยแม่มด!

    คิมจุนมยอนยืนนิ่งค้างอยู่นานจนรู้สึกว่าตัวเหน็บชาเริ่มจะมาเยือน  เขากุมมือประสานไว้ที่หน้าขาจ้องมองพื้นไม้ปาร์เก้ที่ดูหรูหราราคาแพงมีบ้างที่จะละสายตาเพื่อสำรวจไปรอบๆ  ห้องใหญ่ของคุณดาราสุดหล่อ  เทียบกับห้องตัวเองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักแล้วก็นึกเจ็บใจ  ห้องน้ำคุณคริสคงจะทั้งใหญ่ทั้งหรูกว่าห้องนอนเขาเป็นไหนๆ

    มันจะดีกว่านี้มากถ้าไม่ติดว่ามันดูจะรกรุงรังเกินการใช้ชีวิตอยู่ของคนเราไปซักหน่อย  ปากปิดสนิทเสียจนเริ่มรู้สึกน้ำลายเหนียวจนอยากจะอ้าปากถามว่าอยู่นี่เคยเก็บกวาดบ้างมั้ย!  ทำไมมันรกจนเกือบจะเข้าใกล้พระราชวังให้เหล่าหนูมดแมลงสาบมาอาศัยอยู่ได้แบบนี้

    แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่เงียบๆเหมือนไร้ตัวตน  เจ้าของบ้านไม่ได้เชิญให้นั่งซ้ำยังคุยโทรศัพท์ทำเสียงเกรี้ยวกราดเสียจนน่ากลัว 

    ปึก!

    “โอ๊ย! ชีวิตทำไมมัน อ๊ากก!! อยากจะหนีไปให้พ้นๆจริงๆเลย”

    ตากลมมองตามโทรศัพท์เครื่องสวยที่ตกลงไปในกองเสื้อผ้าหน้าโซฟาด้วยความเสียดาย  แต่ดูเหมือนจะยังไม่สาแก่ใจ  ขายาวๆจึงเตะป่ายไปทั่วเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด  สุดท้ายคุณโทรศัพท์ที่หน้าสงสารก็ลอยละลิ่วตกปลิวมานอนแอ้งแม้งอยู่แทบเท้า

    นึกอยากจะก้มลงไปเก็บมาปัดๆลูบๆแล้วบอกว่าโอ๋ๆถ้าเจ้าของเก่าเค้าไม่เห็นค่าเดี๋ยวพี่จะพาไปดูแลเอง  แต่ความจริงมักจะขัดกับความคิดของเราเสมอ  เมื่อขายาวกำลังสาวเข้ามาใกล้จนดูเหมือนว่าคิมจุนมยอนอาจจะเป็นเป้าหมายถัดไป  ที่ต้องลอยละลิ่วไปตกตรงไหนไม่ต่างจากคุณโทรศัพท์เครื่องสวย

    “นายมายืนหน้าเอ๋ออะไรอยู่ตรงนี้เนี่ย!  น่าหงุดหงิดชะมัดเลย”

    สิ้นคำคนเจ้าอารมณ์ก็กระแทกตัวนั่งบนโซฟา  คิ้วเรียวขมวดมุ่นจนเกือบจะรวมกันเป็นปมใหญ่  ใบหน้าขาวมองตามใบหน้าหล่อๆนั้นแล้วก็นึกบ่นอยู่ในใจ

    ...ก็ตัวเองลากเค้ามา! ไอ้ดาราขี้เก๊กเอ้ย!!...

    “อย่ามาด่าฉันทางสายตานะคิมจุนมยอน”

    “หืม??”

    สะดุ้งโหยงเมื่อสายตาคมเลื่อนมาจับจ้องกรอบหน้าใส  ขายาวๆก้าวผ่านกองข้าวของที่ระเกะระกะสองสามครั้งก็ประชิดตัวคนที่ได้แต่ยืนตาโตด้วยความรวดเร็ว  กระแสไฟแล่นเปรี๊ยะๆประกอบอยู่ฉากหลังกับควันลอยกรุ่นและไฟสีแดงที่เริ่มสาดส่อง

    ..

    .

    “นายมันไม่ได้เรื่องจริงๆเลย!!!

    คนโดนตวาดหลับตาปี๋ทันที  ยิ่งส่วนสูงที่ต่างกันจนน่าเศร้าใจแล้วยิ่งทำให้จุนมยอนเหลือกลายเป็นแค่คนตัวเล็กๆที่แทบจะปลิวหายไปกับคำพูดที่สาดซัดของคนตัวโดตกว่าในทันที

    “บอกให้แถไปไง! บอกเองว่าฉลาดหนักหนาเห็นได้แต่ตะกุกตะกักไม่ก็เงียบเป็นเป่าสาก!!  แล้วใครเขาจะมาเชื่อเล่า!

    “ก็...ก็อยู่ดีๆคุณก็มาลากผมไปนี่!  ผมจะไปรู้ได้ไงว่าต้องทำยังไง  แล้วไอ้เป็นผู้จัดกงจัดการอะไรผมทำเป็นที่ไหนล่ะ!!

    “ยอกย้อนนะ! บอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะน่า! เป็นคนไม่มีไหวพริบแบบนี้ไงถึงได้โดนหลอกเอาง่ายๆ!!

    “ห๊ะ!! หลอกอะไรใครนะ”

    “ห๊า! เออๆ...ป่าวๆ”

    ในทางจิตวิทยาว่ากันว่าเมื่อคนเราโกหกมือจะพัวพันวนเวียนอยู่ที่บนใบหน้าโดยอัตโนมัติ  โชคดีที่คิมจุนมยอนซื่อพอที่จะไม่รู้ว่าไอ้การที่เขาเกาจมูกจนแทบจะแดงไปหมดนี่คือการเฉไฉหลังหลุดพูดความจริงลึกๆในใจออกไป  ทิ้งตัวนั่งบนโซฟายีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิง

    ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก  ความวัวคือการพยายามยัดเยียดความเป็นผู้จัดการใหม่แต่ไม่สำเร็จผล  ความควายคือแผนป่วนกองถ่ายโฆษณาที่เขาจัดเละไว้ให้ปาร์คยูราจัดการนั้นได้ผลดีเกินคาด  เพราะเสียงแว้ดๆที่ส่งทะลุสายโทรศัพท์มา จบลงสั้นๆว่า ฉันเอาแกตายแน่!’

    ...นี่ชีวิตมันจะไม่มีอะไรดีเลยใช่ม้ายยยย~...

     

    พออีกคนเงียบไปจุนมยอนก็ยิ่งไม่รู้จะทำยังไง  มองผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่ออกไป  ความมืดมิดก็โรยตัวปกคลุมท้องฟ้าของกรุงโซลจนหมดแล้ว  จะสองทุ่มแล้วในตอนนี้โชคดีที่โทรไปบอกลางานว่าเกิดเหตุฉุกเฉินกับพี่คีย์ไว้แล้ว  พอตกอยู่ในความเงียบที่บีบให้รู้สึกอึดอัดและทุกตารางพื้นที่ที่สายตาลากผ่านก็ไม่มีอะไรน่าสนใจพอให้หยุดมองอีกแล้ว

    แล้วแววหวานก็เลือกจะพักสายตาที่ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์แบบของคนที่จับจ้องที่นั่งหลับพักสายตาบนโซฟาหนังตัวหรู  คิ้วเข้มดูดุที่ชอบขมวดหากันนึกๆไปก็อิจฉาเป็นดาราคงต้องใช้เครื่องสำอางมาก  แต่คนคนนี้ก็ยังมีผิวที่เรียบเนียนสะอาดสะอ้าน  จมูกโด่งเป็นสันที่นึกอยากเอื้อมมือไปลูบดูว่าเป็นของจริงหรือเปล่า  ริมฝีปากที่ชอบเอื้อนเอ่ยแต่คำร้ายๆ  ถ้าเขาเปลี่ยนมาพูดดีๆเพราะๆบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลย

    อู๋อี้ฟานเป็นจุดพักสายตาที่ไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่น่าสนใจพอให้หยุดมอง  เขาเป็นเหมือนตัวการ์ตูนที่หลุดออกมาจากหนังสือ  เป็นตัวละครสมบูรณ์แบบที่มีชีวิตอยู่ในโลกจริงๆของเรา 

    “นั่นไง นายน่ะโรคจิต...มองอย่างกับจะกินฉันเข้าไปอย่างนั้นแหล่ะ”

    “อ่ะ...ผม...ปะ...เปล่า...เปล่านะ”

    น้ำเสียงเนือยๆกับดวงตาปิดสนิทที่กลับลืมขึ้นทำให้จุนมยอนที่กำลังใช้ช่วงที่พายุร้ายสงบลอบสังเกตเทพผู้สร้างพายุนั้นถึงกับสะดุ้งโหยง  ละล่ำละลักปฏิเสธพัลวันทั้งที่หลักฐานนั้นมันดิ้นไม่มีหลุด

    “หึ  มีใครบอกหรือเปล่าว่านายมันโกหกไม่เนียนเลยซักนิด”

    “...??”

    “ฉันรู้ว่าฉันน่ะมันโคตรหล่อ  แต่ไม่ต้องจ้องขนาดนั้นก็ได้”

    “ห๊ะ!

    “นายนี่ท่าจะหูไม่ค่อยดีนะ  โอยย~ เมื่อยชะมัดเลย”

    ว่าแล้วก็ขยับตัวยุกยิกถอดเสื้อนอกที่เดาได้ไม่ยากว่าราคาคงแพงขนาดที่ว่าคิมจุนมยอนทำงานทั้งชาติก็ไม่มีทางไปซื้อมาใส่ได้  แต่ดูเหมือนราคาจะไม่มีผลกับคุณดาราขาวีนเมื่อคุณเสื้อผู้น่าสงสารก็ถูกเหวี่ยงดวงวงสวิงอันสวยงามมาตกอยู่แทบเท้าจุนมยอนอย่างสวยงาม

    แล้วจู่ๆก็เกิดจะกล้าท้วงถามตามความสงสัยในใจ  ลืมที่จะเกรงกับสายตาดุนั้นไปเสียสนิท

    “ทำไมไม่เอาไปแขวนล่ะครับ  แพงไม่ใช่เหรอ”

    “ขี้เกียจ” ตอบสั้นๆแต่ความหมายมันยาวเหลือเกินครับพี่น้อง

    “รกจัง  คุณมีแม่บ้านส่วนตัวมั้ยครับ” 

    “ไม่มี  ไม่ชอบให้ใครเข้ามาจุ้นจ้านในห้อง”

    “อ้าว!  งั้นคุณก็ต้องทำความสะอาดเองเหรอครับ”

    “จะสัมภาษณ์ไปลงหนังสือหรือไง!

    “ก็...ผมแค่อยากรู้”

    อยากรู้ว่าใช้ชีวิตอยู่ยังไงในรังที่รกได้ขนาดนี้  ช้อนสายตามองก็เห็นแต่คางแหลมๆที่ชี้มา  เมื่อคุณดาราพิงหัวกับพนักโซฟาแบบหงายหน้าขึ้นฟ้า  เงียบไปนานจนเขาเกือบลืมว่าตัวเองยังมีขาอยู่ตั้งสองข้าง  และนานจนลืมไปแล้วว่าคำถามยังไม่ได้คำตอบ

    “ไม่จ้างแม่บ้าน  ไม่ชอบ  ปกติก็มีผู้จัดการทำให้แต่ยัยแม่มดยูรานั้นเหรอ! หึ! ไม่ทำเองเพราะทำไม่เป็นแล้วก็ขี้เกียจ”

    “...”

    “ไว้มันรกจนงูมาอยู่เมื่อไหร่  ค่อยเผาทิ้งทีเดียวแล้วกัน”

    “...”

    “อืม...วันนี้ฉันโคตรเหนื่อยแล้ว  นายกลับเองได้ใช่มั้ย  ล็อคห้องให้ฉันด้วยนะ”

    “อ่ะ...คะ...ครับๆ”

    “อืมๆ  อย่าขโมยของล่ะ  หนี้เก่ายังไม่หายอย่าสร้างหนี้ใหม่ขึ้นมาอีก”

    ลอบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่หลังกว้างๆของคนที่เดินลากสลิปเปอร์น้องหมีขึ้นไปชั้นบน  พอได้ยินเสียงประตูปิดก็ราวกับมีใครกดนาฬิกาของคิมจุนมยอนให้เดินต่อ  ปล่อยก้อนลมหายใจที่เผลอเก็บไว้ไม่รู้ตัว  ถือวิสาสะเดินโงนเงนไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟาที่ยังคงมีร่องรอยกับสัมผัสอุ่นๆจากคนที่พึ่งลุกออกไป

    น่าอิจฉาจริงๆนะ  คนที่มีชีวิตอยู่อย่างหรูหราทำงานหรือก็สบายแค่แต่งตัวสวยหล่อโชว์หน้าตาที่มีดีมาแต่เกิดหรือเจิดเพราะมีดหมอไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เงินก้อนใหญ่มาอย่างสบายๆ  เทียบไม่ได้เลยกับเงินเล็กน้อยกับหยาดเหงื่อแรงงานที่เขาต้องเอาไปแลกมาหลายชั่วโมง  คิดๆว่าถ้าได้อยู่ห้องใหญ่ๆวิวสวยๆแบบนี้บ้างก็ดี

    มองนาฬิกาข้อมือแล้วก็คิดว่ามีเวลานั่งพักหายใจหายคอเสียก่อนถึงค่อยโบกรถเมล์กลับบ้าน  แต่พอมองไปที่สภาพห้องรอบๆแล้วก็ได้แต่ถอนใจ  ไม่จ้างแม่บ้านให้ผู้จัดการทำให้  พอผู้จัดการไม่ทำให้ค่อยรอเผาทิ้ง  คนเราหนอคนเรา  นี่ถ้าเกิดสมมติว่าเขาได้หลวมตัวมาเป็นผู้จัดการอะไรนี่จริงๆ 

    ไม่อยากจะคิดเลย...

    “เฮ้อเดี๋ยวก็ได้มีงูจริงๆแน่เลย”

    ใช้กำปั้นน้อยทุบสองขาขับไล่ความปวดชาก่อนจะลุกขึ้นยืน  มองไปรอบๆแล้วก็แทบกุมขมับไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนอะไรยังไงก่อนดี  ไม่ได้อะไรนะ!  ก็แค่สงสารงูหรอกต้องมาอยู่ห้องคนใจร้ายแบบนี้

    ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะทำให้...อยากดูแลอยากอะไรไม่มีเลยนะ!



     

    80.01%

     

    .

    .

    .

    .

    .

    RrrrrRrrrrrRrrrrr

    “อืมมมมมมมมมม อะไรคนจะนอนนนนนน”

    นึกรำคาญแรงสั่นจากโทรศัพท์บนหัวเตียงที่ดังต่อเนื่องกันมานานเหลือเกิน  ขยับมือไปคว้าได้แล้วก็เหวี่ยงทิ้งออกไปตกปุบนพื้นพรม  พอไร้สิ่งกวนใจก็ขยับตัวซุกเข้าในกองทัพเหล่าตุ๊กตาน้อยใหญ่  ยกยิ้มหลับพริ้มเหมือนคุณหนูผู้โมเอ้สุดใจไม่มีผิด

    แต่อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบินก็ต้องมาเยือนถึงเตียงอู๋อี้ฟานในที่สุด

    “ชิบหายละ!!

    กระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะแทบถลาบินลงไปยังจุดที่โทรศัพท์ตกลงไปเมื่อครู่  แรงสั่นนั้นไม่ได้ทำให้มือเขาสั่นเท่ากับชื่อและใบหน้างดงามที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ

    INCOMING CALL

    -แม่มดยูรา-

    เลื่อนนิ้วขยับไปกดเลื่อนที่ปุ่มรับอย่างสั่นๆ  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอครองแชมป์มิสคอลไปกี่สาย

    “ฮัล...ฮัลโหล”

    [ ... ]

    “ฮัลโหล...โย่วๆ”

    [ อู๋อี้ฟาน!!!!!!!! แกโดนตุ๊กตาทับตายไปแล้วหรือไงยะ!!!  ฉันกดโทรหาแกจนนิ้วจะพังอยู่แล้ว!!!!  แล้วอะไรคือเปลี่ยนรหัสประตูห้องห๊ะ!  อยากลองดีใช่มั้ย!  เรื่องเมื่อวานยังไม่ได้จัดการนะ!!!!  ฉันให้เวลาแกสิบนาที  งานหน้างานผมไม่ต้องมา  แค่โผล่หัวมาให้ฉันเห็นก่อนสิบโมงที่กองถ่ายโฆษณาพอ!!  ถ้าฉันไม่เห็นภายในสิบนาที  ฉันสาบานด้วยเกียรติของเนตรนารีว่าฉันจะจัดการแกแน่ๆ!...]

    ราวกับเป็นสายของปีศาจมรณะที่โทรเข้ามาเพื่อบอกว่าจะมารับวิญญาณเขาไป  แค่ได้ยินชื่อตัวเองที่ถูกส่งมาอย่างทรงพลังโทรศัพท์ก็ร่วงหล่นตกลงไปที่พื้นพรมอีกครั้ง  แต่ปาร์คยูราก็น่ากลัวมากพอที่จะส่งเสียงออกมาได้อย่างชัดเจนอย่างไม่มีตกหล่นแม้แต่คำเดียว

    หลอกตัวเองว่าเดี๋ยวคงมีสายเรียกจากนรกเข้ามาอีกครั้ง  ก็ถลันตัววิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความไวแสงแบบไม่คิดชีวิต  บางทีอาจต้องนั่งเครื่องบินไปถ้าจำเป็น  ไม่งั้นมีหวังได้ตายหยังเขียดจริงๆแน่

    .

    .

    .

    .

    ซอยเท้าลงจากบันไดด้วยความเร็วพลางใส่นาฬิกาข้อมือและต่อสู้กับความง่วงงุนที่ยังตกค้าง  เมื่อเท้าแตะบันไดขั้นที่หกก็เบี่ยงขวาสุดกำลัง  วันก่อนเขาพึ่งลื่นเกือบตกบันไดเพราะมีเสื้อยืดตัวหนึ่งนอนตายขวางทางอยู่  แต่วันนี้ดูเหมือนว่าต่อให้เบี่ยงขวาหรือซ้ายก็ไม่ได้เป็นผลอย่างใดเลย

    เมื่อทุกพื้นที่สะอาดเอี่ยมอย่างที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานาน  นึกฉงนจนเปลี่ยนจังหวะเป็นก้าวเดินช้าๆแทน  หยุดตรงขั้นสุดท้ายของบันไดและมองผ่านประตูกระจกใสก็เห็นเสื้อผ้าราคาแพงระยับถูกตากอยู่บนราว  พื้นไม้ปาร์เก้ที่มันวับราวกับถูกขัดถูอย่างดี  ข้าวของจากแฟนคลับถูกจัดวางเรียงไว้บนโต๊ะ  ไม่ถูกที่นักแต่ก็ไม่ได้ระเกะระกะจนน่ารำคาญเหมือนก่อนหน้า

    ยัยยูรามาทำให้เหรอ? หรือหล่อนจ้างแม่บ้านมา? แต่ว่า...เธอเข้ามาไม่ได้หรอกเพราะเขาลองเปลี่ยนรหัสประตูห้องเมื่อวานก่อนออกไปทำงาน 

    “อ่ะ...เฮ้ย!”  

    ขายาวเตะสะดุดเอาร่างบอบบางนุ่มนิ่มบนพื้นพรมเข้า  คนโง่ที่เขาบอกให้กลับบ้านแล้วอย่าลืมล็อคประตูให้  ไหนจะกำชับอีกว่าอย่าขโมยของ  ตอนนี้นั่งบนพื้นซ้ำยังหลับโดยการเอาหน้าซบกับท่อนแขนที่วางพาดบนโซฟา  แก้มขาวยุ้ยๆกับริมฝีปากแดงที่ห่อยู่น้อยๆเมื่อต้องอยู่ระหว่างแก้มกลมสองข้างที่อยากจะไหลไปรวมกันใช้กอบโกยอากาศจนหน้าอกบางสะท้อนขึ้นลง  คนอะไรจะขาวจนแทบจะมองทะลุเห็นเส้นเลือด  บางทีผิวคิมจุนมยอนอาจจะสังเคราะห์สารเรืองแสงเองก็เป็นได้

    มือใหญ่ขยับเลื่อนไปสัมผัสแก้มนุ่มนิ่มเบาๆอย่างชั่งใจ  ผิวเรียบเนียนละเอียดเหมือนผิวเด็กเลยนะ  คงเหนื่อยเพราะจัดการทำความสะอาดให้เขาสินะ  เป็นคนดีอย่างงี้ต้องให้รางวัลหรือเปล่า...??

    “อื้อออ~

    เสียงใสร้องครางเบาๆเมื่อถูกรบกวน  คริสชักมือกลับทันทีกลับมายืนตัวตรงและกระแอมไอ  เมื่อกี้ก็แค่หลงผิวขาวๆหน้าใสๆหรอก  ไม่ได้คิดว่าน่ารักน่าอะไร (?) ไม่มีเลยนะ 

    .

    .

    แค่เผลอไปหน่อยเดียว...

    “งือออ...อ่า...คุณคริสอรุณสวัสดิ์ครับ”

    หัวทุยผงกขึ้นจากโซฟาตาปรือๆเพราะยังสะลึมสะลือจ้องมองร่างสูงโปร่งเจ้าของที่อาศัยนอน  นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้กลับห้องแต่วุ่นเก็บกวาดตั้งใจจะแค่พักนิดเดียวแต่ก็เผลอหลับไป  พอคิดว่าเดี๋ยวไม่แคล้วจะโดนเหวี่ยงออกไปนอกโลกก็รีบพยายามบังคับตัวเองให้ตื่นเต็มตาขึ้นไวๆ

    มือเรียวยกขึ้นขยี้ดวงตาหวังจะไล่ความขุ่นมัวจากฝันดียามค่ำคืนให้หายไป  แต่ดูเหมือนท่าทางนั้นจะขัดใจคุณซุปตาร์ที่ทำท่าฮึดฮัดก่อนจะย่อตัวลงไปยื้อมือน้อยให้เลิกทำร้ายดวงตาเช่นนั้น

    “โง่หรือไง!  ขยี้อย่างนั้นตามันก็ช้ำพอดี”

    สัมผัสอุ่นจากปลายนิ้วที่เลื่อนมาลูบไล้เปลือกตาสีมุกราวกับจะรักษาแทนสัมผัสรุนแรงจากความไม่รู้ 

    ชั่ววูบหนึ่งที่จุนมยอนรู้สึกว่าอู๋อี้ฟานกลายเป็นสายลมอุ่นและแสงแดดในตอนเช้าแรกของวัน

    “อือ...คุณไม่ไปทำงานเหรอครับ”

    คริสนึกอยากจะจับคนตัวบางนี้มาเหวี่ยงโยนไปไกลๆเสียจริง...ทั้งข้อหาใสซื่อเกินเหตุแล้วก็ข้อหาทำให้เขาเผลอไผลไปหลายครั้ง  ชักมือกลับมาแนบข้างลำตัวก่อนจะยืนลุกขึ้นเต็มความสูง  พอเห็นว่าคนตัวขาวยังหลับตาพริ้ม  ก็แสร้งเอื้อมมือไปผลักหัวทุยนั้นอย่างไม่จริงจังนัก

    “มีสิ  นายรีบตื่นรีบลุกรีบกลับไปซักทีสิ  ฉันจะได้ออกไปทำงาน”

    “คร้าบๆๆ”

    .

    .

    .

    “คิม จุนมยอน”

    “ครับ...คุณคริส”

    “ฉันจะเอานายมาเป็นผู้จัดการแทนยัยแม่มดให้ได้  หมายถึงว่าตามสัญญาชดใช้หนี้น่ะ  แล้วก็...”

    “...”

    “...”

    “...”

    “ขอบคุณ...”


     








     

     













    มาแล้วค่า ช้าเบย ><

    ขอโทษค่ะ  ไม่มีอะไรจะแก้ตัว 555

    คือคิดๆอยู่ว่าจะลงยังไง จะลงไปแล้วจะกี่เปอร์

    เดี๋ยวจะนึกว่าอืมลงทีนิดๆหน่อยๆอะไรแบบนี้

    ก็เลยรอนานนิดนึงนะคะ แล้วก็ไม่อยากรีบแต่งรีบลง อยากทวนอยากตรวจอยากคิดตามด้วย

    ไม่ว่ากันเนาะ ขอบคุณที่ตอนนี้วิว 400 แล้วเย้ๆ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านถึงตรงนี้นะคะ

    อยากให้รู้ว่ารักค่ะ อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆน้า










    อย่าลืมมม!!!

              

















    #ฟิคเมเนเจอร์





















    ขอ

     
    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×