คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คุ ณ ผู้ จั ด ก า ร ll CHAPTER 1 [100%]
lCHAPTER 1l
“WAKE UP!!!!!!!!!! Good Morning”
ห้องนอนแขกที่เป็นสถานที่สำหรับกิจกรรมอย่างว่าถูกเปิดผ่างโดยฝีมือปาร์คยูรา ร่างเพรียวในชุดเดรสรัดรูปสวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำดูเป็นทางการไม่ต่างจากคนเป็นน้องชายขยับไปทั่วห้องเพื่อจัดการเปิดผ้าม่านผืนใหญ่ให้สาดส่องเข้ามาในห้องนี้ให้มากที่สุด มือเรียวปรบสองสามครั้งข้างหูคนที่ยังคงพยายามจะนอนหลับสนิททั้งๆที่ความจริงแล้วกลัวจนไม่กล้าลืมตาต่างหาก
“อ้อ! ขอบใจนะคะช่าง เดี๋ยวจะจัดการเรื่องเงินให้ทีหลังนะคะ!”
แล้วฤทธิ์ของนางมารร้ายบทแรกก็เริ่มขึ้น เดาได้ไม่ยากเลยว่าเธอคงโทรเรียกช่างทำกุญแจมาพังประตูห้องเขาแน่ เป็นไงล่ะถ้าเป็นคยองซูก็คงจัดการห้องอยู่ข้างนอก รอจนเขาออกมาอาละวาดแต่ปาร์คยูราน่ะ พังประตูเข้ามาเพื่ออาละวาดเขาเสียแทน
“นี่!! ฉันรู้นะว่าเธอตื่นแล้ว! ฉันให้เวลาเธอสองวินาทีเพื่อลืมตา แล้วก็จัดการซากของแม่คุณที่นอนอยู่ข้างนายด้วย!!”
ริมฝีปากได้รูปเบะออกน้อยๆและพยายามจะเอาหน้าซุกหมอนให้นิ่งที่สุดแม้จะรู้ว่าตอนนี้กำลังสั่นกับน้ำเสียงของหญิงสาวที่กำลังยืนตะโกนปาวๆเขาอยู่บนหัวนี่ก็เถอะ อยากนึกเอาขาเขี่ยยัยนางแบบหน้าโง่ที่นอนน้ำลายย้อยอยู่ข้างๆจริงๆเลย ถ้ารู้ว่ายูราจะออกจากฝันร้ายมาฉีกเนื้อเขาเป็นชิ้นจริงๆแบบนี้ล่ะก็ สาบานต่อหน้าพระเจ้าว่าเขาไม่มีทางลากคอหล่อนกลับมาบ้านให้เป็นหัวข้อถูกด่าจากยัยแม่มดนี้แน่!
“จะมีเรื่องกับฉันใช่มั้ยห๊ะ!! อย่าให้ฉันจัดการเองนะอู๋อี้ฟาน! ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!!”
“...”
“1!!!”
“...”
“...2!”
“โอ้ยยย!!! ยัยบ้า!! ออกไปจากห้องฉันนะเว้ย!! ออกไป!! อ้ากกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆ!!!”
......
...
.
เป็นอีกวันในสภาพผมที่ยุ่งเหยิง ใบหน้าไม่สบอารมณ์กับร่างกึ่งเปลือยใต้ผ้าขนหนูผืนเดียว และการนั่งรอให้ผู้จัดการส่วนตัวพาสาวในสต๊อกลงไปส่งข้างล่าง ที่แตกต่างก็เห็นจะเป็นวันนี้ผู้จัดการของเขาคือแม่มดยูรา และวันนี้เขาก็โดนกรงเล็บพิฆาตที่ทั้งจิกทั้งข่วนจนเป็นรอยแดงๆไปทั้งตัว
นี่ถ้าคิดว่าเขาโหดล่ะก็ อย่านึกถึงภาพยูราในส้นสูงเจ็ดนิ้วเดินกระแทกเท้าลากผู้หญิงคนนั้นกับซากเสื้อผ้าของหล่อนมาโยนไปนอกห้องและก็ชี้หน้าสาดเสียเทเสียซะจนคนที่ยังสะลึมสะลือได้ตื่นเต็มตา ก่อนจะลากลงไปส่งขึ้นรถแท็กซี่แบบหน้าตาเฉย
ปัง!!
“เฮ้อออ!! ทำฉันเหนื่อยแต่เช้าเลยนะ”
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอย่างแรงพร้อมกับร่างเพรียว ใบหน้าสวยปานนางฟ้าที่ดูเหมือนนางมารเสียมากกว่าสำหรับคริสดูไม่สบอารมณ์สุดๆ นิ้วเรียวที่มีน้ำยาทาเล็บสีแดงสดเป็นองค์ประกอบแต่งแต้มชี้มาบนใบหน้าที่บวมบูดเพราะพึ่งตื่นนอนจนดูไม่ได้
“อะไรของเธอยัยแม่มด!”
“ยังจะกล้าปากดีกับฉันอีกเหรอห๊ะ!” แล้วข้างแก้มสากก็ถูกประทับด้วยรอยแดงจากฝ่ามือเพิ่มเข้าไป
“โอ๊ยยย! เจ็บนะยัยบ้า!”
“ก็ตบให้มันเจ็บไง! เลิกทำตัวเอาแต่ใจเป็นเด็กไม่รู้จักโตซักที! นายเลือกทางนี้เองนายก็ต้องรับผิดชอบสิ!! นายคิดเหรอว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆชานยอลจะไม่โทรไปหาฉันน่ะ เด็กนั่นรักนายซะยิ่งกว่าอะไร!! จำไม่ได้หรือไงว่าเมื่อก่อนน่ะเขาแทบจะเป็นบ้าตอนเห็นรอยช้ำจากมือของฉันบนตัวนาย”
“...”
“อย่าสร้างปัญหานักเลยน่ะ!! ฉันก็เบื่อที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ฉันก็ปล่อยให้ตัวแสบอย่างนายก่อความวุ่นวายไปมากกว่านี้ไม่ได้หรอก”
“ยัยบ้าเอ้ย! โอ๊ยย! อะไรของเธอเนี่ยปาร์ค ยูรา!”
แม้จะเป็นการพึมพำเบาๆแต่ก็ทำให้ฝ่ามือบางประทับลงมาบนแก้มสากอีกข้างได้อย่างรวดเร็ว
“ปากดีนัก! ชิ!! ไปอาบน้ำซะไป! เหม็นเหล้าเหม็นบุหรี่ วันนี้มีถ่ายแบบมีสัมภาษณ์ ไม่ต้องเนี้ยบมากเดี๋ยวค่อยไปจัดการที่บริษัท ขอแบบเร็วๆง่ายๆ ให้เวลา 10 นาที ฉันจะนั่งจิบกาแฟรอนะจ๊ะ!”
“นะ...นี่!! จะให้เดินผ่านน้ำเอาหรือไง!”
“ถ้ามันจำเป็นก็ต้องทำนะจ้ะ เพราะผู้หญิงของนายกับนายทำให้เสียเวลาเองนี่! อ้อ...อีกอย่างนึง กระเป๋าตังค์นี่ฉันขอแล้วกันนะ ฉันจะได้มั่นใจว่านายจะไม่มีปัญญาไปลากใครกลับห้องมา อยากจะใช้เท่าไหร่ก็เบิกนะ แต่...ให้หรือเปล่าก็อีกเรื่องนึง”
“ห๊ะ!!!”
“อืม...ขอกุญแจห้องใหญ่แล้วก็ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว ทุกห้องเลยดีกว่า ฉันจะได้ไม่ต้องเรียกช่างกุญแจหรือไม่ก็ช่างไม้มาถอดประตูห้องนายน่ะ โอเค!! เหลือ 8 นาทีแล้ว”
...ฝากไว้ก่อนเถอะยัยแม่มดยูรา!...
.........
.....
..
.
“โย่ว! ทำไมหน้าตาดูไม่ได้งั้นอ่ะ! โดนผู้หญิงเล่นของใส่มาเหรอ ฮ่าๆๆๆ”
เสียงทักทายอย่างร่าเริงดังขึ้นเหนือหัว พร้อมกับร่างเล็กเจ้าของตำแหน่งไอดอลชายหน้าสวยแห่งปีนาม ‘เสี่ยว ลู่ฮาน’ ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับร่างสูงโปร่งของไอดอลหน้าหยกระดับเอเชียที่เวลานี้มีท่าทางอิดโรยแบบหน้าสงสารทันที
“ป่าวเว้ย! เออ! ไอ้กวาง ขอยืมซักแสนสองแสนวอนได้มั้ย”
“ห๊ะ!! ไม่เจอแป๊บเดียวนี่ตกอับขนาดต้องแบกหน้าหล่อๆมาขอเงินเพื่อนเลยเหรอไอ้คริส”
ร่างสูงโปร่งที่ยังคงดูดีหัวจรดเท้าเหมือนเดิมทำหน้าปั้นยากก่อนจะเอื้อมมือไปโบกคนที่พูดเล่นไม่รู้เวลาเบาๆ ลู่ฮานหัวเราะร่วนเมื่อมองเพื่อนตัวดีที่ปกติก็คงต่อปากต่อคำ ไม่ปล่อยให้เขากัดได้ขนาดนี้ เพราะช่วงที่ผ่านมาต่างคนต่างก็มีงานเข้ามา การติดต่อที่มักมีอยู่เสมอก็เลยขาดไป
เว้นแต่เมื่อวันก่อนที่จู่ๆเพื่อนก็ใช้โทรศัพท์ของช่างแต่งหน้าโทรมา พูดเร็วๆประมาณว่าโดนยึดโทรศัพท์ไป ก่อนจะขอให้ออกมาเจอกันที่ร้านอาหารเจ้าที่อยู่แถวสวนสารธารณะที่พวกเขาชอบมาออกกำลังกายกันบ่อยๆ
“เฮ้อ~ โดนเปลี่ยนผู้จัดการไงเลยเป็นงี้”
“หืม?! น้องชายแก...อย่าบอกนะว่า...”
“เออ...”
“โธ่! ฉันเสียใจกับแกด้วยจริงๆว่ะคริส ฮ่าๆๆๆๆ”
ลองเพื่อนเขาโดนยึดทั้งกระเป๋าตังค์ทั้งโทรศัพท์อย่างนี้ล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้ผู้จัดการคนไหนมาดูแลอย่างดีขนาดนี้ เขาเคยเห็นอะไรที่หนักกว่านี้มาแล้ว
“เงียบไปเลยไอ้กวาง! ตกลงจะให้ยืมมั้ยเงินเนี่ย”
“แหม~ ก็ไปเบิกเอาสิวะ แค่นี้มันจะอยู่ไม่ได้เลยหรือไง”
“โธ่! ถ้าอยู่ได้คิดว่าฉันจะยอมอายยืมโทรศัพท์ช่างแต่งหน้าโทรไปหาแกหรือไงเล่า! เอาเถอะ! ตอนนี้ขอแค่มีโทรศัพท์ที่โทรเข้าโทรออกได้บ้างมาใช้ก่อนก็ยังดีวะ!”
“ไม่ไปบอกไอ้คุณน้องชายสุดที่รักวะครับ”
“เวลาจะคุยยังไม่มีเลย ยัยยูราจิกหัวฉันเช้าเย็นอย่างกับเป็นทาส! นี่ยอมปล่อยฉันออกมาก็ขอบคุณสวรรค์จะแย่แล้ว!!”
“เออๆๆ เดี๋ยวไปกดมาให้ แต่ขอสั่งอะไรกินหน่อยได้มั้ย นี่ก็พึ่งเลิกกองมาเนี่ย”
“ตามใจ เผื่อด้วยแล้วก็ถ้าจ่ายให้อีกอย่างนะก็จะดีมากเลย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ค่ารถเมล์กลับคอนโด”
มองเพื่อนตัวสูงที่ถอดแว่นกันแดดเผยรอยคล้ำใต้ตาจางๆแม้จะมีเครื่องสำอางปกปิด ก่อนเอนพิงหลังกับเก้าอี้นวมของร้านพร้อมกับถอนใจแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวก่อนจะยิ้มขำ
...ก็ทำตัวเองทั้งนั้น...
.
.
.
.
บรรยากาศในครัวดูจะวุ่นวายไม่น้อยเมื่อเทียบกับบรรยากาศภายนอกร้านที่ไม่ได้มีลูกค้าเยอะจนแน่นร้าน แต่ก็ไม่น้อยนักเมื่อเทียบกับจำนวนพ่อครัวที่มีเพียงสองคนเช่นกัน ร้านเล็กๆไม่วุ่นวายที่ตั้งอยู่ริมถนนใกล้กับสวนสาธารณะที่อยู่ห่างออกไปสองช่วงถนน เป็นร้านที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศสบายๆแบบคันทรีของอเมริกาที่มีอาหารให้เลือกหลากหลาย
“อันนี้โต๊ะแปดนะ”
ถาดอาหารที่ดูจะหนักเกินไปสำหรับแขนบอบบางที่ต้องใช้ประคองเดินออกไปไกลถึงด้านในสุดของร้านฝั่งริมสวน ใบหน้าขาวใสส่งรอยยิ้มให้คุณพ่อครัวผ่านทางช่องเล็กๆที่ไว้ใช้สำหรับส่งอาหาร ก่อนมือใหญ่จะยื่นออกมาลูบกลุ่มผมสีดำอย่างนึกเอ็นดู
“ไปดีๆนะซูโฮ ไหวมั้ยเนี่ยอย่าทำซุ่มซ่ามอีกนะ”
“แค่นี้สบายมากครับพี่มินโฮ”
คนตัวขาวตอบรับแข็งขันก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปด้วยความทุลักทุเลไม่น้อยจนคนเป็นพี่นึกหวั่นใจ กลัวขาประจำของความซุ่มซ่ามจะก่อเรื่องเข้าอีก
คิม จุนมยอนทำงานที่ร้านมาตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมจนตอนนี้เรียนจบมาสองสามปีแล้ว เป็นเด็กผู้ชายตัวขาวๆที่ขยันขันแข็งเป็นที่หนึ่ง แม้จะไม่ได้เก่งมากมายออกจะซื่อไปหน่อยเสียด้วยซ้ำ แต่ก็เป็นเด็กที่เสียสละแล้วก็พยายามอย่างเต็มที่สำหรับทุกหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจนน่าชื่นชมไม่น้อย
“นี่ๆๆ! ทำงานเลยนะมองน้องอยู่ได้ เดี๋ยวก็เอาตะหลิวฟาดซะหรอก”
พ่อครัวใหญ่ผู้เปลี่ยนห้องครัวเป็นแคทวอกล์เปลี่ยนเตาร้อนๆเป็นแสงไฟและเปลี่ยนผ้ากันเปื้อนเป็นแฟชั่นอย่างคิม คีบอมเดินมาตบไหล่คนรักด้วยแรงไม่เบานัก ก่อนจะสะบัดตัวเดินหนีไปร้อนให้อีกคนต้องรีบตามไปง้อก่อนคืนนี้ต้องย้ายจากนอนเตียงนุ่มๆมาเป็นพื้นแข็งๆหน้าห้องแทน
....
อาหารถูกยกเสิร์ฟพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนหวานและการบริการเติมน้ำท่าอย่างเป็นมิตรทำให้จุนมยอนเป็นที่รักของเหล่าลูกค้าแม้ว่าบางครั้งจะหยิบซอสมะเขือเทศเป็นซอสพริก ทำชามหล่นแตกก่อนถึงโต๊ะ หรือเทน้ำจนหกไปหมดก็ตามเพราะความซุ่มซ่ามของเจ้าตัวถึงความน่าเอ็นดูจะทำให้ได้เงินขวัญนิดหน่อยๆอยู่บ่อยๆ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่างานตอนนี้กับภาระการเงินที่กำลังเพิ่มขึ้นหลังจากความดีใจผ่านสายโทรศัพท์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่จากคนเป็นแม่เมื่อวันก่อน กำลังทำให้เขาต้องเริ่มมองหาหนทางหาเงินเพิ่มขึ้นไปอีก
“ทานให้อร่อยนะคร้าบบ”
“วันนี้ไม่มีระเบิดซุปหรือจานบินก๋วยเตี๋ยวเหรอจุน”
คำแซวจากคุณลุงเล่นเอาคนตัวขาวเขินจนต้องยกมือเกาหัวแก้เก้อ แต่ความซุ่มซ่ามก็ยังเป็นความซุ่มซ่ามวันยังค่ำเมื่อพอยกแขนปั๊บข้อศอกแหลมๆกระแทกเข้าที่คางคุณลุงเสียเต็มเปา
ปึก!
“อ๊า~ ผมขอโทษครับคุณลุง”
“เฮ้ยๆ ไม่ได้เรื่องเลยนะจุนจุน ทำลูกค้าเจ็บตัวได้ทุกวันเลย”
“ผมไม่ได้ตั้งใจซักหน่อย!”
เสียงหวานแหวกลับคิม จงฮยอนรุ่นพี่ตำแหน่งเด็กเสิร์ฟทันทีอย่างไม่ยอม ก่อนจะโค้งขอโทษคุณลุงต่ออีกเป็นสิบครั้งจนเรียกหัวเราะกับรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคนได้ไม่น้อย
“ลุงไม่เป็นไรๆๆ ไม่ทำงานต่อเถอะ อูยย~ ฮ่าๆๆๆ”
“ขอโทษครับคุณลุง ผมขอโทษจริงๆ”
“รีบไปรับออเดอร์เลย ก่อนจะเอาหัวไปกระแทกกับโต๊ะเข้าจนได้อ่ะ”
เดินคอตกไปด้านในสุดของร้านฝั่งกระจกร้านที่สามารถมองออกไปเห็นสวนเล็กๆฝีมือพี่ๆที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามด้านข้างร้าน นึกๆคิดๆว่าก็เป็นคนเรียนเก่งออก เขาก็จบด้วยคะแนนที่ดีแถมตอนเรียนก็ยังเป็นต้นฉบับอยู่บ่อยๆ ทำไมเวลาอื่นมันถึงได้ทั้งซุ่มซ่ามทั้งป้ำเป๋อนัก
ปึก!
เพราะมัวแต่เหม่อไม่ได้มองทาง หน้าผากเนียนถึงได้ชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของใครบางคนเข้าอย่างจังจนเซถอยหลังไปเกือบก้าว มือบางยกลูบหน้าผากที่ทิ้งความเจ็บไว้จางๆเบาๆ ค่อยๆลืมตาที่หลับไปเพราะความตกใจขึ้นช้าๆ น่าแปลกที่เขาเห็นเพียงคอเสื้อยืดสีขาวที่ถูกสวมทับด้วยเสื้อคลุมมีฮูดสีน้ำเงินเข้มเท่านั้นเอง นึกสงสัยจนต้องเงยหน้ามองขึ้นไป แล้วก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อสบเข้ากับใบหน้าแสนดูดีราวกับนายแบบบนปกนิตยสารแฟชั่นของพี่คีย์ที่เคยเห็นบ่อยๆ แม้จะดูอิดโรยและไม่สบอารมณ์แต่ก็ยังคงเค้าความหล่อไม่จาง บวกกับร่างกายสูงใหญ่แสนสง่าก็ยิ่งทำให้คนคนนี้ดูดีมากเหลือเกิน
“จ้องขนาดนี้จะกินหันฉันเข้าไปหรือไง!”
“พูดอะไรของคุณ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นซะหน่อย!”
“เหรอ แต่สายตานายนี่มันฟ้องชัดเชียวล่ะ”
จุนมยอนยู่ปาก คิ้วเรียวขมวดมุ่นมองคนที่บัญญัติหลงไปใหม่ในความคิดว่าเป็นคนหลงตัวเองอย่างร้ายกาจต่างหาก ถึงจะหล่อก็เถอะ แต่ปากร้ายแบบนี้ใครเขาอยากจะหลงไม่ทราบ!
“หลง..ตะ...”
“หลบไปได้แล้วเกะกะ!! ชนแล้วยังไม่รู้จักขอโทษ!! คนยิ่งปวดฉี่อยู่!!!”
“อ๊ะๆ!”
คนที่ตัวสูงเพียงช่วงอกแถมยังรูปร่างบอบบางถูกผลักด้วยแรงไม่น้อยเพื่อให้พ้นทาง จุนมยอนถลาไปนอนหงายอยู่บนเก้าอี้นวมของร้านทันที ส่วนคนทำก็แค่ส่งยิ้มเยาะที่มุมปากก่อนจะเดินจากไปเท่านั้น จุนมยอนร้องโอดโอยก่อนจะรีบร้อนพยายามลุกขึ้นเมื่อเห็นสายตาของลูกค้าในร้านที่มองมา สุดท้ายก็ถอยไปจนชนกระจกหน้าต่างร้านด้วยความซุ่มซ่ามที่มีอยู่เป็นทุนเดิมของตัวเองจนได้
งือออ...จำไว้เลยนะไอ้คนหล่อนิสัยเลว! จะถอนคำพูดที่เพ้อไปเมื่อกี้ให้หมดเลย!!
.
.
“เป็นอะไรมากมั้ย! เพื่อนฉันนี่แย่จริงๆ ขอโทษแทนด้วยนะ”
คนที่เหมือนเต่าหงายหลังลุกขึ้นมาได้เมื่อได้คนใจดีมาออกแรงดึงมือบางที่ไขว่คว้าหาอยู่กลางอากาศได้จับเป็นหลักยึด ริมฝีปากบางยู่เข้าหากันแบบเวลาที่รู้สึกขัดใจ ปัดเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่นิดหน่อยเพราะอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ขอบคุณคนที่มาช่วยเลย
“ผมขอบคะ...ลู่...ลู่...ลู่...ลู่ฮาน!! ลู่ฮานนนนน!!!”
เจ้าของชื่อแทบกระโดดตะครุบปากแดงๆไว้ไม่ทัน จุนมยอนที่ตาเหลือกตัวสั่นเพราะได้เจอไอดอลขวัญใจแล้วก็หัวใจแทบวายเสียยิ่งกว่าตอนเมื่อกี้ แล้วพอโดนลากไปที่โต๊ะด้านในสุดของร้านก็ยิ่งแล้วใหญ่ ได้ใกล้ชิดกับคุณไอดอลขนาดนี้ก็แทบจะสติแตกกันเลยทีเดียว
“นี่ๆๆๆ ชู่ววว~ อย่าเรียกชื่อผมอย่างงั้นนะ ผมไม่อยากถูกรุมด้วยแฟนคลับ”
คนตากวางกระซิบเบาๆ เมื่อเห็นคนในอ้อมแขนหยักหน้าหงึกหงักก็ยอมปล่อยออก จุนมยอนยังคงตื่นเต้นแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าร้องกรี๊ดออกมาเบาๆเท่านั้น ก่อนจะยกยิ้มกว้างจนตาหยี
“ขะ...ขอโทษทีครับ ผม...ผมชอบคุณมากเลย ><~ ผม..ผม...ผมเป็นแฟนคลับคุณนะ ชอบมากๆๆ ดีใจจังที่ได้เจอ ผม...ขอ...ขอลายเซ็นได้มั้ยครับ”
ลู่ฮานเบิกตากว้างมองคนที่เขาปล่อยให้ยืนเป็นอิสระได้อย่างได้เชื่อสายตา คนตัวขาวๆหลับตาปี๋บิดซ้ายขวาราวกับแฟนคลับสาวๆของเขาก็ไม่ปาน สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ จนคนที่รู้สึกตัวว่าหลุดทำตัวน่าอายออกไปต้องรีบก้มหน้างุดซ่อนความอับอายระดับ 10 ของตัวเอง
“ได้สิ แต่รับออเดอร์ผมก่อนนะ วันนี้ผมมาเป็นลูกค้าแล้วเดี๋ยวกินเสร็จแล้วจะกลับมาเป็นดาราให้นะครับ”
“อ่า...คะ...ครับ”
ปากกาขยับขีดเขียนตามเมนูที่คุณดาราคนโปรดบอกอย่างตั้งอกตั้งใจพร้อมกับสมองที่สามารถจดจำทุกเมนูได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว จุนมยอนไม่ค่อยได้ดูทีวีบ่อยนักเพราะชีวิตเขามักจะไม่ได้มีเวลาว่างเหลือเฟือ แต่เพราะทีวีที่ร้านที่ได้ยินได้เห็นทั้งละครทั้งข่าวทั้งงานเพลงอยู่พอสมควร เขาชอบคุณลู่ฮานมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ตอนที่ยังแค่ร้องเพลงเพราะๆ จนตอนนี้ได้เป็นทั้งนายแบบทั้งนักแสดง ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอตัวเป็นๆใกล้ๆแบบนี้ คืนนี้ไม่อาบน้ำดีมั้ยนะ ><!
“เอาสปาเก็ตตี้ครีมซอสอีก 2 แล้วก็น้ำเปล่าดีกว่า ต้องรักษาเสียงน่ะช่วงนี้”
“ครับผม คุณจะคัมแบ๊คงานเพลงเหรอครับ”
จุนมยอนถามด้วยเสียงตื่นเต้น เขาจ้องลู่ฮานด้วยดวงตาเป็นประกายจนลู่ฮานนึกขำ จุนมยอนเหมือนรูปปั้นที่ถูกทำให้มีรอยยิ้มกว้างประดับไว้ตลอดเวลาเลยหรือไงนะ
“ก็น่าจะเป็นอย่างงั้นครับ ผมยังไม่คอนเฟิร์มนะ แต่นี่ผมบอกคุณคนแรกเลย”
“ดีใจจังครับ เป็นเกียรติมากเลย ครับสำหรับอาหารจะรีบมาเสิร์ฟให้เร็วที่สุดเลยครับ”
“คุณมาเสิร์ฟนะ ผมจะได้เซ็นต์ลายเซ็นให้”
“คะ...คะ...ครับ >////<”
....
ลู่ฮานนั่งอมยิ้มกับคนตัวขาวที่เดินห่างออกไปโดยทิ้งท้ายไว้ด้วยแก้มแดงสุกปลั่งอย่างน่ารัก เขาเจอแฟนคลับมาเป็นร้อยเป็นพัน แต่ไม่เคยเห็นใครจะมีท่าทางที่เป็นธรรมชาติและใสซื่อขนาดนี้เลย นึกขำว่าคนแบบนี้คงโดนคนอื่นเอาเปรียบได้ง่ายแน่ๆ แต่ท่าทางขยันขันแข็งไม่เบาจนนึกชื่นชมในใจ
“เป็นอะไรวะไอ้กวาง! ยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่! อยากได้เด็กเสิร์ฟกลับบ้านหรือไง”
“พูดมากวะไอ้คริส นั่งๆเหอะ! ตัวยังกับเปรตบังที่บังทางคนอื่นเขา”
“โธ่! เจอถูกใจแล้วไล่เลยนะ เออๆๆ!อย่าให้ถึงที่ฉันบ้างแล้วกันไอ้กวาง”
คริสเอี้ยวตัวกลับไปมองจุดเดียวกับที่ลู่ฮานทอดสายตามองอยู่ก่อนหน้านี้ เห็นเพียงแผ่นหลังเล็กไวๆหายลับเข้าไปด้านหลังร้าน เบะปากออกหน้าตาบอกบุญไม่รับก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวม ขอบคุณยูราอยู่ในใจที่ยึดเขาไป ยัยนั่นคงไม่มีปัญญามาโทรตามเขาหรอกในตอนนี้ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวดึกๆค่อยกลับไปให้เจ๊แกปรี๊ดใส่ซักที
“ไอ้กวาง! ไปเที่ยวผับกันเถอะ อยากเที่ยว นี่ยูราไม่โทรตามด้วย จะได้ไปปลดปล่อยบ้าง อึดอัดจะแย่”
มองคนที่กอดอกทำเหมือนตัวเองเป็นเด็กเล็กๆก่อนจะหัวเราะขำ คนที่เอาแต่ใจเจอกับคนขัดใจก็เลยพาลจะอกแตกตายสินะ
“คิดเหรอว่ายูราจะตามแกไม่ได้น่ะ! เขาแอบฝังไมโครชิปไว้ในหูแกแล้วมั้งคริส เอาเถอะ! ฉันสั่งอาหารไปแล้ว อีกอย่างช่วงนี้งดแอลกฮอลล์เตรียมทำเพลงอยู่ เข้าจั๊ย??”
“เฮ้ย! จริงเหรอวะไอ้กวาง! ทำได้เหรอวะ ฝังชิบในหูได้เหรอวะ เป็นไงวะ! แล้วจะตายมั้ยอ่ะ ไอ้กวาง! ฉันจะตายมั้ยอ่ะๆๆๆ!!”
ลู่ฮานหัวเราะลั่นเมื่อคนตัวสูงหลุดเก๊กเอามือลูบหัวลูบหูตัวเองไปมาเพราะความหวาดกลัว จับๆลูบๆไปมา ไม่รู้เลยสินะว่าไอ้ไมโครชิปที่เขาว่ามันหมายถึงอะไร คุณรู้ใช่มั้ยล่ะ ไม่ต้องไปบอกมันหรอก ปล่อยให้มันบ้าไปเถอะ!
“เออๆๆ! ไม่ตายหรอก ทำดีๆ ฮ่าๆๆๆ อายคนอื่นเขา เอาเป็นว่าแกหนีแม่มดปาร์ค ยูราไม่ได้หรอก อย่าพยายามเลย ฮ่าๆๆๆๆ”
“ฮึ่ย! ฉันจะไปให้หมอผ่าออกให้หมดเลย ให้หมอตรวจด้วยว่ายัยนั่นแอบเสกมนต์ดำอะไรใส่ฉันหรือเปล่า ร้ายกาจจริงๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“อาหารมาเสิร์ฟแล้วครับ”
เสียงหัวเราะของลู่ฮานหลุดลงเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นตัวบางถือถาดอาหารมาเต็มสองแขน ดูเหมือนแขนบางๆขาวๆอย่างนั้นไม่น่าจะรับน้ำหนักอะไรพวกนี้ได้เลย จุนมยอนยิ้มกว้างให้คุณดาราคนโปรด แต่จู่ๆก็รู้สึกตาขวากระตุกแล้วมือมันก็สั่นๆยังไงก็ไม่รู้ ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างจากไอมืดที่แผ่ซ่านโอบล้อมกาย
ค่อยๆเบนโฟกัสสายตาจากใบหน้าหน้าขาวใสแสนใจดีของลู่ฮาน ไปยังผู้ร่วมโต๊ะอีกชีวิตที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จานชามกระเบื้องบนถาดพลาสติกบนอ้อมแขนจะสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัว เมื่อมือหนาจับหมับที่ต้นแขนขาวทันที
คริสมองจ้องใบหน้าขาวของคนที่มีความสูงพอดีเป๊ะกับระดับหัวไหล่เขาเท่านั้น ก่อนมุมปากจะยกรอยยิ้มร้ายขึ้นทันที คนที่ชนตอนเขารีบไปห้องน้ำ แถมยังจ้องอย่างกับจะกินเขาเข้าไปซึ่งนับเป็นการลวนลามทางสายตาซึ่งๆหน้า แถมยังติดคำขอโทษเขาไว้อีกต่างหาก
“นี่! นายติดค้างคำขอโทษฉันอยู่นะ! นายเตี้ยโรคจิต!!”
คนทั้งร้านจ้องมองมายังโต๊ะด้านในสุดอย่างสนใจ ก็พ่อคุณเล่นตะโกนดังขนาดนั้น ลำพังแค่ยืนอวดหุ่นนายแบบที่ชาวบ้านชาวช่องเขาไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักเขาก็สนใจจะแย่ นี่ยังจะมาทำเสียงดังเรียกความเด่นเข้าไปอีก
“ห๊ะ...ห๊า! คุณ...คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”
“นายเตี้ยโรคจิตไง! หึ! จ้องฉันซะขนาดนั้นไม่เรียกว่าโรคจิตแล้วจะเรียกว่าอะไร !”
“เฮ้ยๆๆ! ไอ้คริส เบาๆใจเย็นๆเว้ย”
ลู่ฮานเห็นท่าไม่ดี ทั้งสองแขนที่สั่นจนเกือบไม่เหลือแรงที่จะประคองอะไรไว้ไม่ไหว กับท่าทางเกรี้ยวกราดเอาแต่ใจของเพื่อนตัวเอง ถ้าคริสยังตวาดปาวๆจนคนตัวขาวนี่ประมวลไม่ทันอย่างนี้มีหวังคนที่จะเจ็บตัวคงจะเป็นเพื่อนเขานี่ล่ะ
“อ๋อ! นายเป็นแฟนคลับฉันสินะ ทำเป็นมาแอ๊บเดินชนเหมือนในละครหรือไง หน้าตาก็ไปวัดไปวาได้หรอกนะ! แต่ส่วนสูงนี่ไม่ผ่านมาตรฐานอย่างแรงเลย!!”
“คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย! ผมไม่ได้เป็นแฟนคลับคุณนะ! อีกอย่างถึงผมจะเตี้ยผมก็ไม่ได้ไปขโมยขาคุณมาซะหน่อย!”
จุนมยอนตัวขาวตะโกนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ตากลมหลับปี๋เถียงจนหน้าดำหน้าแดง คราวนี้เรียกสายตารวมทั้งพี่ๆที่ทำงานอยู่หลังร้านมาดูสถานการณ์กันจนหมด ลู่ฮานยังพยายามจะดึงแขนคริสออกและขอให้จุนมยอนได้วางอาหารที่ถือมาลงเสียก่อน แต่ไม่เป็นผลเลยเมื่อคำเถียงยิ่งเหมือนน้ำมันราดบนไฟ ไอ้คนไม่ยอมบทมันจะดื้อไม่ยอมนี่ก็นะ!
“ร้ายกาจนักนะ! กล้าดียังไงมาพูดกับฉันอย่างงี้ฮะ!! ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร!!”
“คุณยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้วผมจะรู้ได้ไงเล่า!!”
“เฮ้ย! ไอ้คริสใจเย็นๆๆ”
“คุณครับใจเย็นๆครับ ใจเย็นๆๆ”
คิมจงฮยอนกับชเวมินโฮปรี่เข้ามาทันทีเมื่อคนตัวสูงกว่าเริ่มออกแรงเขย่า แต่มีหรือจะช่วยอะไรได้ในเมื่อลู่ฮานที่อยู่ใกล้ที่สุดยังไม่สามารถบังคับหรือจัดการอะไรกับสถานการณ์ตอนนี้ได้เลย
“ฮึ่ยย! คุณทำอะไรของคุณเนี่ยยย!! ผมเจ็บนะ! โอ้ยยย!!”
โครมมมม!!~ เพล้งงง!! แผละ~!
“กรี๊ดดดดด!! ต๊ายยยย~ตายๆๆๆๆ ร้านฉัน โอ๊ยๆๆๆๆ!!”
พ่อครัวใหญ่ที่ปรี่ตามหลังคนรักกับลูกน้องมาติดได้แต่ยกมือกุมขมับ เมื่อคนเอาแต่ใจเอาแต่ใจจนได้เรื่อง เมื่อจุนมยอนพยายามจะผลักคริสให้ห่างออกไปจากตัวทั้งที่ในมือยังเต็มไปด้วยถาดอาหาร สดท้ายก็เทกระจาดทุกอย่างลงไปบนเสื้อสีขาวแบรนด์ดังนำเข้าของคุณดาราใหญ่เข้าจนได้ ซอสครีมเอ่ย ซุปมะเขือเทศเอย ขนมปังกระเทียมเอย ทุกอย่างรวมกันสวยงามอยู่ตั้งแต่หน้าอกจรดปลายเท้าของอู่อี้ฟานอย่างสวยงาม
“โว้ยยยยย!!! นายมัน~!! อ๊ากกกกกกก!!!”
......
อู๋อี้ฟานกลายร่างเป็นซาตานได้สมบูรณ์แบบจริงๆ ข้าวของในร้านแทบจะพังไม่เหลือ ส่วนคิมจุนมยอนก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป สุดท้ายพอเห็นคุณลูกค้าที่แม้จะพูดจาแต่อะไรที่เขาไม่เข้าใจก็ได้แต่ก้มหัวขอโทษขอโพย เพราะต้องการแสดงความรับผิดชอบแม้อีกคนจะไม่ต้องการ คิมคีบอมก็เอ่ยปากให้คนที่เปื้อนไปทั้งตัวได้ใช้ห้องน้ำที่ห้องพักด้านหลังร้านกับเสื้อผ้าราคาไม่กี่บาทของคุณสามีอย่างชเว มินโฮ ก่อนจะแสดงความรับผิดชอบ (?) โดยการบังคับให้คริสนั่งรอจนกว่าเวลาร้านปิดเพื่อจะได้จัดการชดใช้ค่าเสียหายอะไรกันให้เรียบร้อย
จุนมยอนโดนเทศนาเสียยืดยาวถ้าไม่ได้พวกพี่อนยูพี่จงฮยอนรวมทั้งแทมินกับพี่มินโฮช่วยพูดเขาคงโดนพี่คีย์จัดยับมากกว่านี้ อยากจะเถียงใจจะขาดว่าเขาไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ก็เห็นอยู่ว่าผู้ชายคนนั้นต่างหากที่หาเรื่อง ตั้งแต่เดินชนแล้วนี่ก็เขาไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างก็พูดจาไม่ดีใส่เขาด้วย จะให้เขาขอโทษตอนไหนล่ะก็รีบร้อนขนาดนั้น พอนี่ก็มาหาว่าเขาเป็นโรคจิตพูดนู่นนี่อย่างกับเขาทำผิดหนักหนา
นี่ความจริงคิมจุนมยอนคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ!!!
“ทางเราต้องขอโทษกับความซุ่มซ่ามของพนักงานเราด้วย จะให้รับผิดชอบยังไงก็ว่ามา”
จุนมยอนยืนคอตกสำนึกผิดอยู่หัวโต๊ะหลังจากที่เก็บร้านเสร็จแล้วทุกคนก็มารวมตัวกัน พี่คีย์ถึงจะพูดจาดูเหมือนแสดงความรับผิดชอบแต่ท่าทางทั้งการนั่งหรือวิธีการพูดจาเขารู้สึกคับคล้ายคับคลาไม่ต่างกับคนตัวสูงที่อยู่ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นของพี่มินโฮที่ขนาดตัวไม่ต่างกันนักทำให้ใส่ได้พอดีที่นั่งกอดอกทำหน้าคว่ำอยู่ข้างคุณลู่ฮานของเขาเลยซักนิด
“โอเค! รับผิดชอบสินะ!! เสื้อยืดของผมทำมาจากคอทตอนท์ที่ปลูกอยู่ในทุ่งคอทตอนท์ที่ดีที่สุดของสวิส 100% ราคานำเข้าบวกภาษีก็ราวๆ 400,000 วอน ส่วนเสื้อฮูดก็ทำมาจากผ้าเนื้อดีที่ระบายอากาศได้ดีเยี่ยมแถมยังเป็นงานตัดเย็บของดีไซน์เนอร์คนดังจากอิตาลี่ราคา 1,200,000 วอน รองเท้าของผมนี่ไม่ได้อะไรมากมาย 5,000,000 วอนเท่านั้นเอง ยังไงคุณช่วยกดเครื่องคิดเลขให้หน่อยแล้วกันนะ!”
จุนมยอนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนเลือดกำลังจะหมวดตัวในไม่ช้านี้ เขาไม่น่าไปยุ่งกับคนแบบนี้เลย คนบ้าอะไรใส่เสื้อยืดตั้งตัวละ 400,000 วอน เขาน่ะเสื้อกับกางเกงรวมกันยังไม่ถึง 10,000 วอนเลย TT สมองระดับคะแนนอันดับหนึ่งของโรงเรียนที่ถนัดเรื่องคำนวณค่าเงินเป็นพิเศษประมวลผลราคาค่าเสียหายด้วยความรวดเร็ว 6,600,000 วอน!!!! โฮกกกกก~เรื่องเงินเรื่องทองอย่ามาเรียกคิมจุนมยอนได้ม้ายยยยย!!!
“ว่าไง! จะจ่ายค่าเสียหายให้ฉันใช่มั้ย! เร็วๆฉันจะได้กลับไปพักผ่อนซักที”
ทุกคนมองไปยังคนตัวขาวที่ตอนนี้แทบไร้สีเลือดบนใบหน้าเนียน อย่าว่าแต่จุนมยอนจะไม่มีเงินมาจ่ายค่าเสียหายให้กับเสื้อผ้าที่แทบจะซื้อบ้านได้เป็นหลังเลยเถอะ ใครหน้าไหนในนี้ก็ไม่มีปัญญามาจ่ายให้หรอก
“ผม....ผม”
“เออๆๆ น่าๆไอ้คริส! เดี๋ยวฉันจ่ายให้ก่อน แกอย่าไปเอาเรื่องอะไรเขานักเลย เสื้อผ้าแกมันแพงมโหฬารขนาดนั้นยังไงมันก็ซักได้น่า!”
ช้อนตามองคนหน้าหวานที่ตบบ่าเจ้าทุกข์ที่ราวกับกลายเป็นคู่กรณีของเขาอย่างนึกขอบคุณ แต่ก็เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางแสกหน้า เมื่อสายตาคมเลื่อนมาสบดวงหน้าขาวใสส่งรอยยิ้มร้ายราวกับซาตานก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้จุนมยอนแทบทรุดไปกองกับพื้น
“ไม่ต้องหรอกไอ้กวาง! ใครทำคนนั้นเขาก็ต้องรับผิดชอบ!”
“น้องผมเขาไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกครับคุณ แต่ถ้าคุณจะให้เวลา...”
“ไม่! ถ้าจะชดใช้ค่าเสียหายก็ต้องวันนี้! ตอนนี้! เดี๋ยวนี้!”
...คนมันร้อนเงินเพราะโดนยึดทั้งบัตรทั้งกระเป๋าตังค์ไม่รู้หรือไง...
“ไอ้คริส!” เพื่อนสนิทส่งสายตาอาฆาตอย่างรู้ทัน เห็นพนักงานทุกคนพากันคิดไม่ตกแล้วก็เห็นใจ จะยกเว้นเจ้าของผมสีบลอนด์ที่นั่งกดโทรศัพท์นั่นไว้คนนึงก็ได้ แล้วดูจุนมยอนสิน่าสงสารกว่าใครๆเลย คนไม่ได้ตั้งใจ ความจริงเพราะไอ้เพื่อนเขาเสียด้วยซ้ำที่ทำให้มันวุ่นวาย! ดันมาซวยเพราะไอ้คนพาลนี่กันถ้วนหน้าเลย
“นี่! จะเอายังไงก็ว่ามาเถอะ! ฉันจะรีบกลับไปพักผ่อน!! พรุ่งนี้มีถ่ายงานแต่เช้า!!!”
“ผะ...ผม...ผมไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกครับ” ทำงานทุกวันแบบนี้ยังมีเงินเก็บไม่เท่าไหร่เอง จะมีปัญญาที่ไหนไปเอามาจ่ายให้ล่ะ
“แล้วจะชดใช้ยังไง! ฉันไม่ยอมหรอกนะ!!”
“อ่า...ผม...ผม...”
“เอ้างี้ไอ้คริส! นี่มันก็ดึกแล้ว และแกก็ควรจะกลับเพราะฉันรู้ว่าตอนนี้ปาร์คยูรากำลังโทรหาฉัน ให้เขาทิ้งเบอร์โทรศัพท์กับที่อยู่ไว้ แล้วจะเอายังไงค่อยว่ากันอีกที!”
“ยะ...ยู...ยูรา!!”
ท่าทางเหมือนคนประสาทแตกที่เอาแต่เรียกชื่อเดิมๆซ้ำไปมาทำให้จุนมยอนนึกสงสัย - - เป็นอะไรนะผู้ชายคนนี้ หรือว่ายูราอาจจะเป็นแฟนของเขาก็ได้เนอะ ว่าแต่คุณลู่ฮานนี่ดีสมกกับเป็นดาราในดวงใจของเขาจริงๆเลย หน้าตาดีแล้วก็จิตใจดี ต่างกันราวฟ้ากับเหวเชียว
ฮือ...แต่ว่าจะไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายให้ได้ล่ะ จะให้ชดใช้อะไรแทน สมบัติเหรอก็ไม่ได้มีที่ทำได้อยู่ทุกวันนี้ก็งานกับงานเท่านั้นแหล่ะ หรือต้องยอมขายตัวเองไปเป็นทาสน้อ TT
“เออๆๆ! ก็ได้! จะยอมให้ เอาเบอร์โทรศัพท์กับที่อยู่มา แล้วก็เงยหน้าดีๆฉันจะถ่ายรูปนายไว้ ถ้าเกิดเล่นตุกติกล่ะก็ฉันจะแจ้งความแน่!! ไอ้กวางเอาโทรศัพท์มายืมหน่อย!!”
“งึ้ยยยยยย!! อะไรของคุณเนี่ยยยย!! ปล่อยนะปล่อยๆๆๆๆ”
เป็นอันได้ต้องแกะแยกกันอีกรอบเมื่อคนเอาแต่ใจจู่ๆก็พุ่งไปบังคับจับคางมนเพื่อให้ใบหน้าขาวใสเลิกก้มมองมือที่จับกันแน่นอยู่ของตัวเองก่อนแบบมือขอโทรศัพท์เพื่อนยิกๆ แต่อีกคนก็รีบขัดขืนเพราะกลัวว่าเขาจะแกล้งทำอะไรไม่ดีอีก ใช้มือทั้งปัดทั้งดันจนกลัวจะลุกลามเป็นการลงไม้ลงมือกันได้จริงๆในที่สุด
....
ล่วงเลยมาเกือบถึงสี่ทุ่มแล้วกว่าที่ทุกอย่างจะลงตัว คุณเจ้าของร้านและพี่ๆคนอื่นของตัวกลับกันไปก่อนหลังจากที่ปิดร้านและจัดการเคลียร์ปัญหาที่ดูจะมีกับจุนมยอนแค่คนเดียวเท่านั้น แม้แต่คุณลู่ฮานก็ยังต้องขอตัวกลับก่อนเพราะพรุ่งนี้มีถ่ายงานแต่เช้า ‘ต้องพักผ่อนรักษาสุขภาพให้ดีน่ะช่วงนี้’ จากนั้นรถเก๋งคันหรูก็เคลื่อนขับออกไป แม้จะไม่อยากทิ้งไว้ลำพังนักแต่ก็ต้องจำใจ
เวลานี้เลยมีเพียงเจ้าทุกข์กับคู่กรณีที่ยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายถัดจากร้านอาหารมาไม่ไกล คุณดารารู้สึกเสียฟอร์มเหลือเกิน ไอ้คุณเพื่อนบอกให้ไปส่งที่คอนโดหน่อยมันก็รีบบอกปัด บอกคนละทางด้วยความรวดเร็ว แล้วดูสายตาที่คนตัวขาวนี้มองตามเพื่อนเขาไปสิ โธ่! ถ้าเขาไม่เจอฤทธิ์ปาร์คยูราก็คงขับเบนซ์เปิดประทุนให้ได้อ้าปากค้างกันบ้างและน่า แต่เป็นถึงซุปเปอร์สตาร์ระดับเอเชีย ทำไมต้องมายืนรอรถเมล์อยู่กับพนักงานร้านอาหารที่สร้างความเดือดร้อนให้เขาด้วย แล้วดูเสื้อผ้าที่ใส่ตอนนี้ ธรรมดาแบบโลว์คลาสสิ้นดี สู้ให้แก้ผ้าเดินยังรู้สึกว่ามีสไตล์กว่าเยอะ -3-
ระหว่างความเงียบกับแสงสว่างจากเสาไฟที่อยู่สูงขึ้นไปจากสองข้างทาง และความรอคอยกับคนสองคนกำลังทำให้พวกเขาทั้งคู่รู้สึกอึดอัด จุนมยอนได้แต่ยืนก้มหน้าเพราะไม่กล้าสู้สายตาของคนตัวสูงกว่าที่เดาได้ไม่ยากว่าคงกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่แน่ๆ แต่จู่ๆเสียงทุ้มก็พึมพำบางอย่างออกมา และโฟกัสสายตาก็เปลี่ยนมาเบนสบกันอย่างไม่ตั้งใจ
“คิม จุนมยอน อายุ 23 ที่อยู่ XXX เบอร์โทรศัพท์ XXX”
“ฮะ...”
ข้อมูลที่ถูกบังคับให้เขียนใส่เศษกระดาษใบเล็กที่คงนอนนิ่งในกระเป๋ากางเกงของคนตัวสูงถูกบันทึกจดจำได้อย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ จุนมยอนเบิกตาน้อยๆเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะสามารถจำได้ แถมยังสามารถท่องออกมาแบบไม่ดูได้อย่างถูกต้องอีกด้วย ใบหน้าใสที่ดูตื่นๆทำให้คนที่มองดูนึกอยากจะแกล้ง โดยการเลื่อนใบหน้าคมเข้าใกล้ทั้งที่ยังทิ้งรอยยิ้มราวกับนายแบบนิตยสารไว้เต็มหน้า
แค่ชั่วแวบเดียวที่นายแบบสุดหล่อคืนร่างเป็นซาตานร้ายเช่นดังเดิม...
“หึ! ถ้านายไม่รีบหาเงินก่อนที่ฉันจะโทรมาหานายล่ะก็นะ!! ฉันบุกถึงบ้านแน่!! เข้าใจมั้ย!!!”
“คะ...ครับๆๆ”
หลับตาปี๋ยามเมื่อใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ เพราะเวลานี้ที่ไม่มีใครเสียงต่ำๆแบบผู้ชายที่ดูจะเป็นเอกลักษณ์จึงดังสะท้อนไปทั่วโสตประสาทการรับรู้ของจุนมยอน ทั้งความร้อนน้อยๆที่แผ่ออกมาจากร่างกายสูงใหญ่กว่าเขาเกือบเท่า กลิ่นหอมแบบผู้ชายที่ปะปนอยู่กับกลิ่นสปาเกตตี้และน้ำยาปรับผ้านุ่มของพี่มินโฮจุนมยอนก็สามารถรับรู้ได้ทั้งหมด
ไม่ต่างจากอีกคนที่สามารถจ้องมองใบหน้านวลเนียนขาวใส แพขนตาสีดำขลับเปลือกตาสีมุก จมูกเชิดรั้นน้อยๆเหมือนคนเอาแต่ใจ ริมฝีปากรูปกระจับสีเชอร์รี่
...น่ารักขนาดนี้เชียว...
บรืนนน~นนน
ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อรถประจำทางสายที่รอคอยมาจอดเทียบ ทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว คนตัวเล็กกว่าหน้าขึ้นสีอย่างไม่อาจห้าม ก่อนสองเท้าจะก้าวขึ้นรถประจำทางคันเดียวกัน เวลาที่ดึกมากกับที่นั่งที่มีเหลือเฟือ ทำให้ต่างคนต่างเลือกที่จะนั่งให้ห่างกันมากที่สุด จุนมยอนเลือกที่จะนั่งข้างหลัง ทอดมองผมสีทองสว่างที่ตัดสั้นเผยให้เห็นต้นคอขาว หูสองข้างที่ถูกประดับด้วยจิวตุ้มหูแวววาว ไหล่แกร่งที่แสนกว้าง
...ความคิดหมุนวนตามระยะเวลาที่พ้นผ่าน เรื่องราวน่าตลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแทบตั้งตัวไม่ทัน วันพรุ่งนี้ยังต้องก้าวเดินต่อและอีกมากมายที่ต้องเผชิญ...
...แต่จู่ๆทุกอย่างก็ต้องหยุดลง พร้อมกับรถที่จอดเทียบป้าย และเสียงทุ้มที่จุนมยอนจับคู่คลื่นเสียงกับเจ้าของได้ราวกับบันทึกไว้ในใจ..
“ฉันอู๋อี้ฟาน! ฉันไม่ยอมใครง่ายๆ! แต่วันนี้ฉันยอมให้นายไปแล้วเพราะฉะนั้น...วันหน้าอย่าหวัง!!
-----100%-----
เดี๋ยวมาทอลค์ทอลค์ทอลค์
บ่นบ่นบ่น ตอนครบ 100% เนอะ ^^
14-03-21
23:31
เฮ้~ ครบร้อยแล้วจย้าาา มีในสต็อกอยู่โน๊ะ
จะลงได้บ่อยๆหน่อย 5555
แล้วก็แก้ไขแล้วเนอะ บางทีก็รีบไปป่ะ 555 เขินเบย >///<
ค่า~ แนะนำติชมได้ตามสะดวกค่า
Please let's comment down below
*ช่วยเค้าเล็งคำผิดด้วยนะ แฮ่ ><*
อย่าลืมมม!!!
#ฟิคเมเนเจอร์
ความคิดเห็น