ในยุคโลกาภิวัฒน์แห่งสังคมก้มหน้าก้มตา การพูดคุยพบปะสังสรรค์ผ่านตัวอักษรดิจิตอลและแอปพลิเคชั่นต่างๆนานา ยิ่งแล้วในยุคสถานะการณ์โรคระบาดทั่วโลก หลากหลายสายพันธุ์ ฆ่าชีวิตประชากรบนโลกไปนับหลายล้านคนทำให้การใช้ชีวิตของเราอยู่ด้วยความหวาดระเเวง วิตกกังวล อันเป็นสาเหตุทำเกิดสภาวะเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว นอกจากเครียดเรื่องการป้องกันตนเอง ครอบครัว และ จากคนอื่นๆเรายังต้องเจอสภาวะเครียดซ้ำซ้อนเรื่องเศรษฐกิจ ความไม่มั้นคงของตัวเราเอง ในที่นี้คือ การงาน และ การเงิน การเลิกงานกลับบ้านถามตัวเองในทุกๆวันถ้าเราไม่ทำในฐานะที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ยังไม่มีอะไรมาคำ้ประกันการดำเนินชีวิตว่าจะมั่นคง เรียนก็เพิ่งจบได้ไม่นาน งานเพิ่งทำได้ไม่นาน ครอบครัวก็ยังต้องดูแล ถ้าไม่เครียดก็แปลกแล้ว แต่ก็มักมีคำถาม คำถามหนึ่งหรืออีกหลายๆคำถามที่จำไม่ค่อยจะได้ คือ เรายิ้มครั้งสุดท้าย หัวเราะครั้งสุดท้ายแบบสุดๆเมื่อวันไหน เดือนไหน ปีไหน แล้วนะ ถึงแม้ครอบครัวจะอบอุ่นรักใคร่แต่ในฐานะคนเป็นลูกใครๆก็ต้องอยากให้คนในครอบครัวสุขสบายแบบไม่ต้องทำงานยกเว้นเราคนเดียว ใครเคยคิดแบบนี้กันมั้ง แต่ทุกอย่างมักมีคำว่าแต่ คำว่าถ้า เฮ้อ! บางครั้งคำพวกนี้มันก็คือข้ออ้าง คำแก้ตัว แต่บางทีมันก็คือเหตุผลในบางที อาทิ ถ้าเรารวย ถ้าเราไม่ต้องทำงาน ถ้าไม่โรคระบาด ถ้าเศรษฐกิจไม่เป็นแบบนี้เราอาจจะดีกว่านี้ไหม?
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น