คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 สองขีด
Chapter: 7
สองขีด
“ พี่จีจ๋า วันนี้บอมมี่มีขนมของเซ่นมาฝากที่ด้วยนะ ”
ผีสาวปาร์คบอม วิ่งเข้าเกาะแขนจียงทันที
“ เอ่อ ขอบใจมากน้องบอม พี่ว่าก็น่าอร่อยดีนะ ”
จียองว่าพลางสบตาหวาน จนทำให้ผีบอมเขินจนแดงถึงใบหู
“ งั้นน้องป้อนนะ อ้า...อั้มม ”
จียงอ้าปากพร้อมงับขนมจากมือสาว
“ อืมๆอร่อยดีนะ ”
“ เอาอีกมั้ยย ”
“ คร้าปป ”
จียงว่าพร้อมงับขนมอีกครั้ง พร้อมหลับตาลิ้มรสของหวานละมุนลิ้น
“ เอ๋ น้องปาร์ค ไมรสมันแป่งๆง่ะ เป็นเส้นด้วย ”
“ อร่อยมั้ย! ”
เสียงถามแสนคุ้นทำให้จียงลืมตาขึ้นมาดู
“ ยัยปีศาสมะเขือ มาได้ไงเนี่ย และ แล้วเธอเอาอะไรให้ฉ้านกิน ”
จียงดึงสิ่งที่อยู่ในปากออกมา
“ แหวะ!! อวกก! ” จียงถึงกับอวกออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อสิ่งที่ดิ้นแด่วๆในมือมันคือ ไส้เดือน!!!
555++ ผีสาวหัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจ
“ CL แกเล่นอะไรเนี่ย สกปรก ”
เจ้าพ่อจอมเพี้ยวด่าทอเจ้าแม่มะเขือ
“ แล้วไงล่ะอร่อยออก ”
“ ยัยปีศาส ”
จียงหันหน้ามาทางผีสาวอย่างเอาเรื่อง
“ กรี๊ดด!!! ”
“ ทำอะไรของเธอห่ะเล่นไม่รู้เรื่องถ้าฉันอ้วกแตกตายขึ้นมาทำไง ”
จียงโวยวายอย่างมีน้ำโหแต่ก็เหมือนเดิมผีสาวกลับลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ
“ น้องปาร์คกลับไปก่อนนะพี่เคลียร์ยัยเด็กดื้อคนนี้เอง ”
“ แต่พี่จีค่ะ ปาร์...”
“ ไปเถอะ ”
“ ค่ะ แล้วอย่า ลืมลิสเตอรีนนะพี่ ”
ผีสาวโบกมือและหายแว๊บไป
“ ส่วนเธอมีเรื่องต้องเคลียร์ ”
จียงคว้าหมับที่ข้อมือผีตัวแสบ
“ แกจะทำรัยหา! ”
“ เธอต้องมาล้างปากฉั้นให้สะอาด ”
“ เดี่ยวไปเอาลิสเตอรีนมาให้นะ ”
“ ไม่ต้อง ”
“ แร้วทำไงอ่ะ ”
“ ทำอย่างนี้ไง ”
จียงประกบจูบนางสใบเขียวทันทีทำให้ผีสาวตกใจตาใหญ่อย่างกับไข่นกกระจอกเทศ เมื่อดึงสติกลับมา
ก็ผละออกจากพันธนาการทันที
“ ไอ้บ้า!!ทำรัยของแก ”
CLกุมใบหน้าที่ร้อนระดับปรอทแตกของตน
“ ก้อล้างปากไง ”
“ บ้านแม่มึงล้างกันอย่างนี้หรอ ”
พีสาวตะโกนเสียงสั่นด้วยความเขินอาย
“ เธอแกล้งฉั้นเองนะ ”
“ ไอ้โรคจิต ”
“ ที่แกล้งฉันเพราะเธอหึงใช่มั้ย ”
(จึ้ก!แทงใจดำเจ้าแม่มะเขืออย่างจัง)
“ หลงตัวเอง ชิ! ”
“ แร้วหึงมั้ยล่ะ ”
“ ใครหึงแกกันมิทราบ แกจะจีบใครทำไรกะใครฉันก็ไม่สน ”
“ เด็กน้อย.. ”
จียงขยี้หัวร่างเล็กที่ก้มหน้าอยู่
“ นี่ๆ อย่าทำตัวน่ารักได้มั้ย เธอใจร้ายกับหัวใจฉั้นมากไปแล้วนะ ”
“ ไอ้ห่านี่อย่ามาสตอ ”
CLผลักหัวร่างสูงจนเซ
..................ตกเย็น........................
“ กลับมาแล้วครับ ”
ยองเบเดินเข้าบ้านมาอย่างสบายอารมพร้อมตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น วันนี้ที่รักทำอารายให้กินน้า แต่พอเข้าไปในบ้านเท่านั้นแหละความสุขที่มีหายไปหมดเลย จะอะไรอีกล่ะ ซึงรีกำลังกินข้าวกับ
ไอ้เด็กลูกลิงนั้นโดยไม่รอเขากลับมาเลย แถมไอ้เด็กนี้มานั้งที่ประจำเขาอีกชิอย่าทำให้โกรธได้ไหม
ปรกติยองเบรักเด็กนะแต่สำหรับเด็กคนนี้กรณียกเว้น
“ อ้าวกลับมาแล้วหลอยองเบขอโทษนะที่ไม่ได้ไปเปิดประตูให้พอดีฉันต้องป้อนข้าวอึนซ็อกอยู่นะ ”
“ อะไรนะป้อนข้าวหรอโตจะเป็นควายแล้วกินเองไม่ได้หรือไงไอ้เด็กนี้แขนขาดมือด้วนหรือไง ”
ยองเบตะคอกใส่อึนซ็อกด้วยเสียงดังและดูหน้ากลัวสายตาข่มขู่ถูกส่งไปให้อึนซ็อกทันที
“ แม่ครับน้าหัวโล้นคนนี้หน้ากลัวอะ ”
“ ไอ้เด็กนี้อย่ามาพูดอะไรบ้าๆนะเขาเรียกทรงผมเว้ยดูดีๆผมฉันก็ยังมีอยู่ เห็นมะ ”
ยองเบพูดพร้องใช้มือสางผมให้อึนซอกดู
“ แต่มันมีนิดเดียวนะอึนซอกพูดแทรกมาด้วยเสียงท้าทายเชิงประชด ”
“ ก็ถึงบอกว่ามันเป็นทรงผมไง ”
“ พอเลยนะยองเบนายโตแล้วนะแยกแยะซิเถียงเด็กชนะแล้วได้อะไรหา ”
ซึงรีเอ็ดยองเบเสียงดัง
“ ขอโทษอึนซอกซะ ”
“ หาาาให้พี่ขอโทษเด็กนี้หรอเสียศักดิ์ศรีหมดเลยนะ ”
“ จะทำไม่ทำ ”
ซึงรีเปล่งวาจาเด็ดขาด
“ เออขอโทษ ”
“ แฮ่ๆไม่เป็นไรครับน้าหัวล้าน ”
อึนซ็อกยังล้อเลียนไม่หยุด
“ งั้นมากินข้าวได้ ”
ซึงรีเรียกสามีให้นั่งกับโต๊ะ
“ ไม่อะพี่ไม่หิวพี่ขอนั้งดูTVตรงนี้ดีกว่า ”
ยองเบพูดแล้วก็นั้งลงกับโซฟาสีครีมตรงอีกฝั่งของห้อง
“ แม่ครับผมอิ่มแล้วครับ ”
“ งั้นหรออึนซอกงั้นเราไปอาบน้ำกันน่ะ ”
ซึงรีรีก็พาอึนซอกไปอาบน้ำโดยมีสายตายองเบที่เบ้ปากอย่างมั่นใส้หันหน้าตาม.........................................ว้าารายการสัตว์โลกหน้ารู้จบซะแล้วอาบน้ำนอนดีกว่าจะได้ไปนอนกอด
ซึงรีให้แบนติดเตียงไปเลย หลังจากอาบน้ำเสร็จยองเบก็เตรียมตัวเข้าห้องนอนแต่งตัวเสร็จก็รีบเดิน
เข้าห้องนอน
“ ที่รักจ๋าผมมาแล้วยองเบเรียกซึงรีเหมือนเด็กๆ ”
“ เงียบหน่อยทงยองเบ อึนซอกหลับอยู่นะ ”
“ อะอะไรกันนี้ตัวเองให้เด็กนี้นอนตรงกลางแล้วพี่จะนอนกอดนายยังไงอะนายก็รู้ว่าถ้าพี่ไม่ได้กอดนายพี่นอนไม่หลับ ”
“ เรื่องของนายซิถ้าฉันให้อึนซอนนอนตรงขอบเตียงเดี๋ยวตกเตียงขึ้นมาแย่เลยถ้าอึนซอกเป็นอะไรมาหละทำลูกคืนพี่TOPหรอ ”
“ เออก็ได้พี่นอนตรงนี้ก็ได้ ”
“ อืมฉันนอนล่ะนะ ”
“ นอนไปเลยคนใจร้าย ”
ยองเบนอนตะแคงหันหลังให้ซึงรีด้วยอารมน้อยใจ
(((ไอ้เด็กนี้น่าอิฉฉาฉะมัดรู้ไหมฉันใช้เวลากี่ปีจะได้นอนกอดซึงรีแต่แกมานอนวันเดียวก็
ได้นอนกอดแล้วร้ายทั้งพ่อทั้งลูกเลย)))
………..แล้วคืนนั้นยองเบก็หลับไปพร้อมๆกับความน้อยใจ………..
.
.
.
.
เข้าวันใหม่ที่แสนสดใสร่างหนาของยองเบยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างขี้เกียจ ปรกติซึงรีจะปลุกเขาทุกเช้า แต่วันนี้กลับไม่มีเสียงปลุกจากร่างบางคนเดิมกลับเป็นมือเล็กๆของเด็กคนหนึ่งแทนที่มาเขย่าแขนเขา
“ น้าหัวล้านครับ...น้า.... ”
เด็กน้อยอึนซอกเขย่าแขนปลุกยองเบอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ อารายเล่า ซึงรีพี่ขออีก5นาทีนะ ”
ร่างหนาตอบโดยไม่ลืมตามาดูเลยว่าคนที่พยายามปลุกเขาอยู่นั้นไม่ใช่คนรักแต่เป็นเด็กน้อยแสนหน้ารัก
แทน
“ น้าครับตื่นได้แล้วครับผมหิวข้าว ”
เด็กน้อยเขย่าแขนของยองเบแรงขึ้นจนยองเบต้องยอมลืมตาขึ้นมาด้วยอารมหงุดหงิดที่โดนขัดขวางเวลา
พักผ่อน แต่ก็ยังคิดว่าคนที่มาปลุกคือซึงรีอยู่ดี
“ พี่บอกแล้วไงซึง...อ่าวนี้แกมาปลุกฉันหรอไอ้ลูกลิงและ...แล้วซึงรีล่ะ ”
ยองเบถามโน่นถามนี่อย่างแปลกใจทันทีที่เห็นเด็กน้อยนั่งอยู่ข้างๆเตียง เด็กน้อยไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ยื่นกะดาษโน้ตสีเหลืองอ๋อย ใบหนึ่งให้เขาแทน
((( “ ยองเบ ฉันมีงานด่วนที่บริษัทยังไง
ช่วยทำข้าวเช้าให้อึนซ็อกด้วยนะ
ตอนเย็นฉันกลับมาไม่ทันก็ไป
หาข้าวเย็นกินกันเองเลย ” )))
พอร่างหนาอ่านจบก็หันมาทางเด็กน้อยด้วยสายตาที่ดูไม่ออกว่าสงสาร หรือสมน้ำหน้ากันแน่
“ หิวหรอ ”
ยองเบเอ่ยปากถามเด็กน้อย
“ ครับอึนซ็อกหิวมากเลย ”
ยองเบไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ลุกออกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องครัวไปทันทีฝ่ายเด็กน้อยผู้แสนฉลาดก็รีบวิ่งไปรออาหารเช้าที่โต๊ะทานเข้าทันที
.........................................................................................................................................
หลังจากอึนซ็อกนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารเป็นเวลา 20 กว่าๆนาทีในที่สุดยองเบก็ออกมาจากในครัวพร้อมโจ๊กร้อนๆแลดูน่าอร่อย ยองเบวางถ้วยโจ๊กลงตรงหน้าเด็กน้อย
“ กินซิ ”
ยองเบพูดหลังจากนั่งประจำที่ของตน
“ มียาพิษหรือเปล่าเนี้ย ”
“ อะไรกันฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ รีบๆกินซะจะได้ไปโรงเรียนไอ้ลูกลิง ”
ยองเบโวยวายออกาในที่สุดอุส่าแอ็ปพ่อพระซะนาน ฝ่ายเด็กน้อยถึงกับสะดุ้งตกใจกับอาการของร่างหนา
“ อึนซ๊อก มะไม่ไปโรงเรียนนะ ”
เสียงเล็กพูดออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ ทำไม ทำไมไม่ไปอยากเป็นเด็กโง่หรือไง ”
ยองเบยังแดกดันไม่หยุด
“ ป่าวซะหน่อยอึนซ็อกไม่อยากเป็นเด็กโง่หรอก แต่ ”
“ แต่อะไร ”
“ โรงเรียนของอึนซ็อกปิดเทอมแล้ว ”
ร่างหนาถึงกับหน้าเอ๋อเลยทีเดียวไปด่าเด็กมันซะเยอะ
“ แล้วจะเอายังไงล่ะฉันต้องไปทำงานนะ ”
ยองเบเริ่มหนักใจเขาต้องทำงานไม่มีเวลามาดูแลลูกของไอ้ลิงนี้หรอกนะ
“ แสดงว่าน้าหัวล้านจะทิ้งอึนซ็อกให้อยู่คนเดียวหรอ ไม่เอานะ ”
เด็กน้อยหงอยลงทันทีที่จนคนที่ดูอยู่อดสงสารไม่ได้ ช่วยไม่ได้โทรไปลางานแล้วกันพอคิดได้แบบนั้นร่างหนาก็ลุกไปหยิบโทรศัพ ขึ้ยมาจิ้มหาเบอร์โทรของเพื่อนร่วมงานให้ช่วยลางานให้
“ น้าหัวโล้นน้าจะทำอะไรน่ะ ”
อึนซ็อกสงสัยทันทีที่ร่างหนายกโทรศัพขึ้นมาแนบหู
“ ฉันก็จะโทรบอกตำรวจมาจับนายไง ”
“ ไม่เอานะอึนซ็อกไม่ได้ขโมยของคนอื่นซักหน่อย ทำไมต้องจับอึนซ็อกด้วยล่ะ ”
เด็กน้อยตื่นตกใจจนทิ้งช้อนในมือลงอย่างลืมตัว
“ นายไม่ได้ไปขโมยของใครมาหรอกแต่ถ้านายไม่ยอมกินข้าวภายใน5นาทีนี้ตำรวจมาจับแน่ ”
ยองเบแกล้งโกหกเด็กน้อยอย่างมั่นใส้และดูเหมือนว่าจะได้ผลด้วยเจ้าเด็กดื้อรีบตักข้าวเข้าปากทันทีอย่างรวดเร็ว (สะใจ ทง ยองเบจริงๆเลย)
ยองเบมองเด็กโดนหลอกอยู่ได้ซักพักทางปลายสายที่เขาต้องการโทรหาก็รับสาย
“ ฮัลโหล ครับพี่ PSY คือวันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะครับ เอ่อผมมีธุระนิดหน่อยน่ะครับยังไงลางานให้ด้วยนะครับ ครับ ขอบคุณครับ ”
“ เย่ๆๆมีเพื่อนเล่นด้วยแล้ววันนี้ ”
อึนซ็อกพูดเสียงดังด้วยความดีใจทันทีหลังจากร่างหนากดตัดสาย
“ ให้มันน้อยๆหน่อยนะไอ้ลูกลิง รีบกินข้าวให้หมดเลยนะ ”
“ หมดตั้งนานแล้วนะ ”
เด็กน้อยยกชามข้าวที่ไม่มีเศษข้าวเหลือเลยแม้แต่เม็ดเดียว (สงสัยกับข้าวฝีมือเฮียทงจะอร่อย)
“ อร่อยล่ะซิ ”
“ อร่อยซิ อึนซ็อกชอบมากเลยนะ อยู่กับพ่อท็อปไม่มีวันได้กินของแบบนี้หรอกนะจะบอกให้ ”
“ ทำไมล่ะ ”
ยองเบถามอย่างสงสัยก็โจ๊กนะมันเป็นอาหารเช้าสุดเบสิกเลยนะ
“ ก็ทุกเช้าพ่อท็อปจะยุ่งมากเลยอึนซ็อกก็เลยต้องกินแต่ขนมปังเป็นอาหารเช้า ”
เด็กน้อยพูดจบก็ส่งยิ้มมาให้ยองเบ ส่วนร่างหนาก็ได้แต่หดหู่อยู่ในใจ สงสารไอ้เด็กนี้จริงๆเลยสงสัยคงไม่ค่อยมีเพื่อน
“ มาเล่นกันเถอะ ”
เสียงเล็กดังขึ้นมาทำให้ยองเบที่กำลังเหม่ออยู่นั้นดึงสติกลับมาได้
“ หะ...หาว่าอะไรนะ ”
“ อึนซ็อกบอกว่ามาเล่นกันเถอะ ”
“ จะเล่นอะไรล่ะห่ะ ”
เด็กน้อยไม่ตอบแต่ชี้ไปทางโทรทัศน์ที่กำลังฉายการ์ตูนแอ็คชั่นเรื่องไอ้มดแดงอยู่
“อะไร...ไอ้มดXหรอ ”
“ ใช่ๆๆเรามาเล่นมดXกันอึนซ็อกเป็นมดXส่วนน้าเป็นสัตว์ประหลาดหัวล้านนะ ”
“ ทำไมฉันต้องเป็นตัวร้ายไม่เอาอะฉันจะเป็นมดX ”
ยองเบโวยวายเหมือนเด็กๆตามนิสัยของตน
“ งั้นเป่ายิ้งชุบกันเอามะ ”
เด็กน้อยยื้นข้อเสนอ
“ ก็ได้ ใครแพ้เป็นสัตว์ประหลาดนะ ”
+++เปายิงเยาปักกะเป๋ายิ่งชุป+++
ยองเบ = กระดาษ
อึนซ็อก = กรรไกร
......................................
เด็กน้อยอึนซอก โดดเด้งบนโซฟา โดยมีร่างสูงของยองเบยืนเท้าสะเอวมองอยู่
“ หยุดนะเจ้าปีศาจร้าย ข้าจะจัดการเจ้าเอง ”
เด็กน้อยพูดเสียงดังอย่างกล้าหาร
“ ฮึ...ไอ้เด็กบ้านี่ ”
ยองเบบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ แปลงร่าง!!!! ย้า ”
เด็กน้อย ตั้งท่าเป็นฮีโร่เต็มที่ก่อนกระโดดมาเกาะคอ ร่างสูง
“ ออกไป!!!หายใจไม่ออกเฟ้ย.. ”
ยองเบพยายามแกะมือปลาหมึกออกและเหวี่ยงเบาๆลงบนโซฟานุ่ม
“ 555 เป็นไงนายสู้ฉันไม่ได้หรอก ”
ยองเบเยาะเย้ยเด็กน้อยที่นอนหน้าซุกหมอนอยู่
“ เฮ้..อึนซอกเป็นอะไรไปอีกล่ะ ”
ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ๆเมื่อสังเกตว่าร่างของเด็กน้อยนั้นนิ้งไป แล้วอึนซอกก็คว้าหมอนมาฟาดเขาอย่างแรง
“ เจ้าปีศาจตายซะเถอะ.... ”
“ โอ๊ยนี่แกล้งหรอเนี่ย ”
ยองเบสบถเบาๆ แล้วจึงจี้เอวเด็กน้อย
“ ฮ่าๆๆ....เจ้าปีศาจหยุดนะ ฮ่าๆ ”
เด็กน้อยหัวเราะจนน้ำตาไหล จนทั้งคู่เหนื่อยก็หยุดแกล้งแต่อึนซ็อกฟาดหมอนรัวใส่
ยองเบ ที่นั่งนิ่ง แล้ววิ่งไปรอบบ้าน ร่างสูงวิ่งตาม
“ หยุดนะ!!ไอ้เด็กบร๊า ”
ส่า......
ของเหลวใสๆสาดมาเต็มหน้าของร่างหนา ยองเบกัดฟันกรอดอย่างโมโห
“ 555เป็นไงโดนน้ำแห่งผู้พิทักษ์สาด ”
“ ไอ้ลูกลิง!!! ”
ยองเบเดินเร็วเข้าไปกระชากแขนเด็กน้อย จนเด็กน้อยมองหน้าเขาด้วยความงง
“ เล่นแบบนี้ได้ยังไงมันไม่มากไปหน่อยหรอหาาา ฉันเปียกหมดแล้วเห็นไม๊ พ่อแม่ไม่เคย
สอนเลยหรือไงว่าการสาดน้ำใส่คนอื่นแบบนี้มันไม่ดี ถึงว่าล่ะไม่มีใครรัก ฮือ..”
ยองเบจับแขนเด็กน้อยอย่างแรงพร้อมระเบิดอารมณ์ของตนออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาลืมไปเลยว่าอึนซ็อก
ก็เป็นแค่เด็กน้อยๆคนหนึ่งเท่านั้น ด้วยสีหน้าที่ดูดุดันและเสียงโวยวายดังๆการกระทำเหล่านี้สำหรับเด็กๆ
ที่ไม่รู้ประสาอะไรแล้วมันก็ดูหน้ากลัวไม่แพ้เห็นผีเลยทีเดียว
“ ฮือ...ฮือออ.... ”
“ อย่ามาทำเป็นร้องไห้บีบน้ำตานะฉันไม่ชอบ ”
ยองเบตะคอกอย่างหัวเสีย
“ เกลียดอึนซ็อกแล้วใช่มั้ย ”
จู่ๆเด็กน้อยก็พูดเสียงแผ่วเบาทั้งน้ำตาจนสามารถเรียกสติของร่างหนากลับมาได้ว่าเขาได้ทำร้ายจิตใจของเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งด้วยคำพูดพวกนั้นไปแล้ว ร่างหนาก้มลงนั้งคุกเข่าให้นะดับตัวเท่ากับเด็กน้อย
“ เอ่อ...ฉันขอโทษนะ ”
ยองเบเอ่ยคำขอโทษจากใจจริงแต่ดูเหมือนอาการของเจ้าเปี๊ยกยังไม่สู้ดีซักเท่าไหร่นัก
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ อึนซ็อกชินแล้วล่ะกับการที่ไม่มีใครรักเนี้ย ฮือๆๆ..... อันที่จริงอึนซ็อกก็ไม่ได้อยากมารบกวน น้ายองเบหรอกนะ....ฮือๆๆ...แต่ปะป๊าท็อปไม่ค่อยว่างเล่นกับอึนซ็อกเลยนิ...ฮือๆๆ... อึนซ็อก
เคยบอกปะป๋าให้พาไปหามาม้าแล้วแต่ป๊าก็ไม่ยอมพาไปซักทีอึนซ็อกก็เลยต้องอยู่กับใครก็ไม่รู้จักบ่อยๆ
มันไม่สนุกเลยนะน้ายองเบ ฮือๆๆ... ”
ยองเบอ้าปากค้างกับประโยคแสนยืดยาวที่เด็กน้อยพูดออกมาถึงมันจะฟังไม่ค่อยถนัดเพราะมีเสียงสะอึกและเสียงร้องไห้หลุดมาเป็นระยะก็ตามแต่เขาก็พอจับใจความได้ว่าเด็กน้อยกำลังพูดถึงอะไร เขาไม่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะคิดได้ถึงขนาดนี้ เขาทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเด็กน้อยที่แสนหน้าสงสารร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงหน้า
“ ไปกินไอติมกันมะ ”
ในที่สุดยองเบก็งัดไม้ตายของเขาออกมา เขามักใช้มุขนี้กับซึงรีเสมอถ้าเขาต้องการง้อสุดที่รักซึ่งมันมัก
จะได้ผลทุกครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วย เด็กน้อยที่ก้มหน้าก้มตาหยุดร้องให้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองร่างหนา
อย่างง งง
“ ไปกินไอติมกันมั๊ย ”
ยองเบถามอีกรอบ พร้อมยิ้มอย่างจริงใจ เด็กน้อยก็พยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบ
“ งั้นหยุดร้องไห้แล้วรีบตามมานะ ”
ยองเบลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหันหลังเตรียมตัวเดินออกไปหยิบกระเป๋าตังแต่มือน้อยก็จับหมับเข้าที่
แขนของเขา จนร่างหนาหันกลับมาพร้อมเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“ อะไร ”
ยองเบถามออกมาด้วยความสงสัย
“ เอาหู มาดิอึนซ็อกมีไรจะบอก ”
เด็นน้อยไม่พูดเปล่าใช้มือกวักให้ร่างหนาเข้ามาหาตัวเองซึ่งยองเบก็ไม่ได้ขัดขืนเขานั่งลงแล้วยื้นหน้าเข้าไประดับเดียวกับเด็กน้อยทันที
“ สิ่งที่อืนซ็อกจะบอกก็คือ................งับ! ”
เคี้ยวคมๆของเด็กน้อยจมเข้าไปตรงใบหูของร่างหนาจนเขาต้องร้องตะโกนด้วยความเจ็บและตกใจ
(((โอ๊ย!!!)))
“ ทำอะไรของแกไอ้ลูกลิง ”
ยองเบขึ้นเสียงอย่างเอาเรื่องแต่คราวนี้เด็กน้อยดูจะไม่กลัวเขาจนร้องไห้เหมือนเมื่อครู่แถมยังเดินยิ้มแป้นตรงมาใกล้เขามากขึ้นอีก
“ ก็ท่าไม้ตายตอนจบไงสัตว์ประหลาดหัวโล้นต้องโดนท่านี้ถึงจะตาย ”
เด็กน้อยพูดจบก็ทำหน้าทำตาล้อเลียนร่างหนาแล้วรีบวิ่งไปเปิดรั้วหน้าบ้านวิ่งนำไปร้านไอติมใกล้ๆบ้าน
ทันที ทิ้งให้ยองเบน้ำตาเล็ดกับความเจ็บที่โดนกัดหูเมื่อครู่อยู่ที่เก่า
(((ฮึไม่น่าไปทำดีด้วยเลยร้ายจริงๆไอ้ลูกลิง)))
.........................................................................................................................................
หลังจากที่ทั้งสองเพลิดเพลินกับการกินของหวานแสนอร่อยแล้วทั้งคู่ก็เดินกลับบ้าน ทันทีที่เข้ามาถึงใน
บ้านยองเบล้มตัวนั่งกับโซฟาซึ้งเป็นพื้นที่ประจำของเขาแต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือจู่ๆเด็กน้อยก็มานั่ง
ทับตรงตักเขาพร้อมกับหนังสือนิทานเล่มใหญ่ที่พกมาเองจากบ้าน
“ น้ายองเบอึนซ็อกง่วงแล้วอ่านนิทานให้ฟังหน่อยนะ ”
เด็กน้อยส่งสายตาออดอ้อนอย่างน่ารักจนคนที่ถูกขอร้องต้องจำยอมอย่างโดยดีด้วยความน่าเอ็นดูของเด็กน้อย
“ ไหนดูหน่อยซิว่าเรื่องอะไร ”
พูดจบร่างหนาก็หยิบหนังสือนิทานจากมือเด็กน้อยมาอ่านชื่อเรื่อง
ลูกแมวหน้ารัก กับเจ้าหมาขี้โมโห
ชื่อเรื่องแปลกดี นี้คือสิ่งที่เขาคิดเป็นอันดับแรกเมื่ออ่านชื่อเรื่อง
“ อะ อ่านก็อ่าน ”
“ เย่ๆๆน่ารักจังเลยน้าเนี้ยรู้และว่าทำไมคุณแม่ซึงรีถึงได้ชอบน้า ”
เด็กน้อยลุกจากตักยองเบแล้วเปลี่ยนมานอนหนุนตักเขาแทนซึงยองเบก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะตอนนี้
กำลังหน้าแดงจ๋ากับประโยคที่เด็กน้อยแซวเมื่อครู่พอเด็กน้อยจัดท่านอนที่คิดว่าสบายที่สุดได้แล้ว ก็ ส่งสัญญาณให้ยองเบเริ่มอ่านได้แล้วด้วยการตบต้นแขนของร่างหนา
“ อะฮึมๆ....กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแมวพ่อลูกอยู่คู่หนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาอย่างมีความสุข
แต่วันหนึ่งพ่อแมวก็ได้รับจดหมายสำคัญให้ต้องเดินทางไปแดนไกลเขาไม่อยากให้ลูกแมวหน้ารักตัวน้อยๆของเขาต้องลำบากกับเขาเลยพาลูกน้อยไปฝากกับแม่หมาที่เป็นเพื่อนสนิทของตนซึ้งแม่หมาก็ยินดีที่
จะรับดูแลลูกแมวตัวน้อยแต่ติดอยู่ที่พ่อหมาที่อาศัยอยู่ที่บ้านเดียวกันกับแม่หมาไม่ชอบลูกแมวเลยคิดหาทางแกล้งลูกแมวในเวลาที่ลูกแมวอยู่กับพวกเขา ”
อ่านถึงตรงนี้ยองเบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไอ้เด็กนี้เข้าใจเลือกนิทานนะ อ่านแล้วเหมือนโดนมีดทิ่มอกเลย พอหยุดคิดเสร็จร่างหนาก็อ่าปากเตรียมตัวจะเล่าต่อหากแต่หางตาเหลือบไปเห็นว่าเด็กน้อยนั้น
ได้นอนหลับไหลไปแล้ว เขาจ้องมองใบหหน้าที่แสนหน้ารักของเด็กน้อยอยู่นานสองนานโดยที่ในหัวก็คิดเอยเปื่อย
(((เพราะแบบนี้นี้เองซึงรีถึงรักไอ้เด็กนี้นักหนา ถ้าเรามีลูกบ้างลูกเราจะหน้ารักแบบนี้มั๊ยนะ)))
ยองเบคิดเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเผลอหลับไปกับเด็กน้อยไปตั่งแต่เมื่อไหร่ แถมยังนอนกอดเด็กน้อยอีกด้วย
........................................................................................................................................
“ ขอบคุณพี่ท็อปมากเลยนะครับ ที่มาส่งอึนซ็อกคงอยู่ข้างในแหละครับคงดีใจมากเลยที่คุณพ่อมารับเร็วกว่ากำหนด ”
ร่างโปรงของซึงรีที่ยืนอยู่กับร่างสูงของท็อปอยู่หน้าบ้านเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปในบ้าน
“ คงงั่นแหละพี่คิดถึงลูกแล้วรีบเข้าไปเถอะ ”
พอทั้งสองเดินเข้าบ้านก็ต้องตกใจ กับภาพที่เด็กน้อยนอนหนุนแขนของยองเบ แลดูเหมือนพ่อลูกกันเลยทีเดียว
“ โหนี้พีฝันหรือเปล่าเนี้ย ”
ท็อปตาข้างพรางเอ่ยถามซึงรีอย่างตกใจ
“ ไม่ครับพี่ ไม่ใช่ฝัน ”
ซึงรีย้ำให้ร่างสูงฟังอีกครั้งพรางอุ้มเด็กน้อยออกจากอ้อมกอดของยองเบโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกตัวเลยเพราะนิสัยที่นอนหลับลึกของยองเบ
ซึงรีเดินมาส่งท็อปที่หน้าบ้านพอเปิดประตูรั้วเสร็จเขาก็ส่งเด็กน้อยที่เขาอุ้มอยู่คืนให้ผู้เป็นพ่อที่แท้จริง
“ พี่คิดดีแล้วหรอครับ ”
จู่ๆซึงรีก็เอ่ยคำถามกับร่างสูง
“ เรื่องอะไรหรอ ”
ร่างสูงยังคงงกับคำถาม
“ ก็เรื่องที่พี่จะพาอึนซ็อกไปอยู่กับญาติที่ญี่ปุ่น ”
“ อ๋อถ้าเรื่องนั้นพี่ว่ามันดีกับอึนซ็อกที่สุดแล้วล่ะ พ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกอย่างพี่จะทำให้ลูกมีความสุข
ได้ยังไง สู้ให้เขาไปอยู่กับคนที่พร้อมดูแลเขาไม่ดีกว่าหรอ อีกอย่างอึนซ็อกก็แยกกับพี่แค่เดือนเดียวเดี๋ยวพี่ก็ตามไปทำงานที่นั้นเหมือนกัน ”
ท็อปอธิบายอย่างจริงจัง
“ แต่ ”
ซึงรีพยายามท้วงแต่ท็อปก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเขา
“ ขอบคุณนะที่เอ็นดูอึนซ็อกพี่ไม่อยากรบกวนนายบ่อยๆหรอกนะ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี
แต่พี่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ ”
ร่างสูงของผู้เป็นพี่ชายอธิบายเหมือนรู้ว่าซึงรีจะพูดอะไร ซึ้งซึงรีก็ได้แต่พยักหน้ายอย่างเข้าใจ
ร่างสูงเอ่ยคำลาก่อนจะอุ้มลูกน้อยขึ้นรถของตนแล้วขับออกจากบ้านของคู่รักไป ซึงรีเฝ้ามองพี่ชายขับรถ
จนหายจากสายตาไปก็เตรียมตัวจะเข้าบ้านแต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของ
ผู้เป็นสามียืนปาดน้ำตาอยู่ต่อหน้าเขา
“ เป็นอะไรยองเบร้องไห้เป็นเด็กๆเชียว ”
ซึงรีถามคนรักอย่างสงสัย
“ พี่ก็แค่...เอ่อ...เด็กนั้นจะไปญี่ปุ่นจริงๆหรา ”
“ อืม ”
คำตอบสั้นๆจากซึงรีทำเอายองเบถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ได้อีกครั้ง ไอ้เด็กนี้ใจร้ายจังทำให้ตกหลุมรักอยาก
เลี้ยงดูอยากเล่นด้วยแล้วแท้ๆกลับจะไปซะดื้อๆ ภาพเด็กน้อยซุกซน วิ่งรอบบ้านผุดขึ้นมาในหัวยองเบถึง
จะเคยไม่ชอบ แต่การที่ได้เล่นด้วยกัน หัวเราะด้วยกันคิดถึงภาพพวกนั้นน้ำตาก็ไหล
ซึงรีเดินไปโอบกอดร่างหนาด้วยความเข้าใจ
“ ไม่เป็นไรหรอกนะยองเบมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พี่ท็อปเขาเลือกให้อึนซ็อกแล้วล่ะเราต้องดีใจกับอึนซ็อกซิถึง
จะถูก ”
“ แต่พี่...ฮือ...พี่ อยากเล่นเป็นสัตว์ประหลาดกับเด็กซักคน ปลอบโยนเด็กซักคนเด้วยขนมหวาน พี่อยาก
อ่านนิทานให้เด็กซักคนฟังก่อนนอน ”
ยองเบพูดปนร้องให้อย่างน่าสงสาร
“ ฟังดูเหมือนนายอยากมีลูกเลยนะยองเบ ”
ซึงรีเอ่ยเสียงเรียบ
“ ใช่ซึงรีพี่อยากมีลูก นายก็อยากไม่ใช่หรอ ”
ซึงรีผละออกจากคนรักแล้วรีบแกะกระเป๋าเป้ออกมาจากไหล่ลงมากองกับพื้นแล้วค้นหาของบางสิ่ง
พอเจอก็รีบยกขึ้นมาอวดยองเบ
“ อะไรน่ะ ”
ยองเบถามด้วยความสงสัย ซึงรีไม่ตอบแต่ยัดเจ้าสิ่งนั้นใส่มือยองเบพร้อมชี้ให้เขายกขึ้นมาดู
ซึ่งยองเบก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขายกเจ้าสิ่งนั้นมาที่ระดับสายตา ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นที่ตรวจครรภ์
เขาไม่ได้ตื่นเต้นกับมันแม้แต่น้อยเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่คนรักกำลังจะสื่อให้เขารู้
(ตามประสาคนเข้าใจอะไรยากๆอะนะ)
ยองเบหันมาสบตาแบบงงๆกับคนรัก ซึงรีส่ายหัวให้กับความโง่ของสามี เข้ารีบดึงตรวจครรภ์จากมือยองเบแล้วชี้ให้ดูที่ช่องขีดว่าผลตรวจมันออกมายังไง ทันที่ที่ร่างหนาเห็นว่าผลตรวจเป็นเช่นไรก็อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“ สะ...สองขีด..นะ..นะ...นี้ซึงรีนายก็หกพี่ใช่มัย ”
ยองเบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น
“ จริงๆฉันไม่ได้โกหกนายฉันตรวจตอนอยู่ที่ทำงาน ฉันเคยโกหกนายหรือไง ยองเบ”
ซึงรีตอบตามจริง
“ อะเมซิ่งโคเรีย ”
ยองเบตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจพร้อมใช้แขนแกล่งอุ้มคนรักที่ตอนนี้กำลังมีเด็กตัวเล็กๆในท้องอยู่
หมุนไปมา เขาไม่อยากเชื่อเลยจริงๆกับสิ่งที่เห็น
๐๐๐ผมจะมีลูกแล้วววววววววว...๐๐๐
ยังไม่จบนะ
เห็นไหมล่ะไอ้เจ้าพ่อมะขามป้อมฉันเก่งกว่าที่แกคิด
วิญญาณของหญิงสาวสะใบเขียวที่แอบซุ่มดูจากนอกหน้าต่างยิ้มเยอะอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นผลงานของตน
“ ”
.........................................................................................................................................
…To be Continue…
ช่วงเนี้ยยยยคือช่วง...คุยกันหลังอ่าน...
กราบ1000000ที ขอโทษจริงๆที่หายไปนานมากคราวก่อนไรต์เตอร์
โกหกว่าคอมเสียพอหลังจากนั้น3วันสมพรปากเลยจร้า
คอมเสียจริงๆส่งซ้อมก็นานแสนนานพอเสร็จจะไปรับก็ติดสงกรานต์อีกเข้าใจไรต์นะ
ตอนนี้เลยเขียนยาวเป็นพิเศษแทนคำขอโทษเลย เป็นไงล่ะ ซึงรีมีเบบี๋แล้วนา
เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไปติดตามด้วยนา
((+ ปล. คอมเม้นคือกำลังใจของไรต์เตอร์นะจ๊ะ คนดี +))
ความคิดเห็น