ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:Bigbang Beari] I got Baby ช่วยด้วยผมอยากมีลูก

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 7 สองขีด

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 57


    Chapter: 7


    สองขีด


    “ พี่จีจ๋า วันนี้บอมมี่มีขนมของเซ่นมาฝากที่ด้วยนะ ”

     ผีสาวปาร์คบอม วิ่งเข้าเกาะแขนจียงทันที

    “ เอ่อ ขอบใจมากน้องบอม พี่ว่าก็น่าอร่อยดีนะ ”

     จียองว่าพลางสบตาหวาน จนทำให้ผีบอมเขินจนแดงถึงใบหู

    “ งั้นน้องป้อนนะ อ้า...อั้มม ”

     จียงอ้าปากพร้อมงับขนมจากมือสาว

    “  อืมๆอร่อยดีนะ ”

     “ เอาอีกมั้ยย ”

    “ คร้าปป ”

     จียงว่าพร้อมงับขนมอีกครั้ง พร้อมหลับตาลิ้มรสของหวานละมุนลิ้น

    “ เอ๋ น้องปาร์ค ไมรสมันแป่งๆง่ะ  เป็นเส้นด้วย ”

    อร่อยมั้ย! ”

     เสียงถามแสนคุ้นทำให้จียงลืมตาขึ้นมาดู

    “ ยัยปีศาสมะเขือ มาได้ไงเนี่ย และ แล้วเธอเอาอะไรให้ฉ้านกิน ”

    จียงดึงสิ่งที่อยู่ในปากออกมา

     

    “ แหวะ!! อวกก! ” จียงถึงกับอวกออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อสิ่งที่ดิ้นแด่วๆในมือมันคือ ไส้เดือน!!!
    555++
    ผีสาวหัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจ

    CL แกเล่นอะไรเนี่ย สกปรก ”

    เจ้าพ่อจอมเพี้ยวด่าทอเจ้าแม่มะเขือ

    “ แล้วไงล่ะอร่อยออก ”

    “ ยัยปีศาส ”

    จียงหันหน้ามาทางผีสาวอย่างเอาเรื่อง

    “ กรี๊ดด!!! ”

    ทำอะไรของเธอห่ะเล่นไม่รู้เรื่องถ้าฉันอ้วกแตกตายขึ้นมาทำไง ”

    จียงโวยวายอย่างมีน้ำโหแต่ก็เหมือนเดิมผีสาวกลับลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ

    “ น้องปาร์คกลับไปก่อนนะพี่เคลียร์ยัยเด็กดื้อคนนี้เอง ”

     “ แต่พี่จีค่ะ ปาร์...”

    ไปเถอะ ”

     ค่ะ แล้วอย่า ลืมลิสเตอรีนนะพี่ ”

     ผีสาวโบกมือและหายแว๊บไป

    “ ส่วนเธอมีเรื่องต้องเคลียร์ ”

     จียงคว้าหมับที่ข้อมือผีตัวแสบ

    “ แกจะทำรัยหา! ”

    เธอต้องมาล้างปากฉั้นให้สะอาด ”

    เดี่ยวไปเอาลิสเตอรีนมาให้นะ ”

    ไม่ต้อง ”

    แร้วทำไงอ่ะ ”

    “ ทำอย่างนี้ไง ”

     จียงประกบจูบนางสใบเขียวทันทีทำให้ผีสาวตกใจตาใหญ่อย่างกับไข่นกกระจอกเทศ เมื่อดึงสติกลับมา
    ก็ผละออกจากพันธนาการทันที

     ไอ้บ้า!!ทำรัยของแก ”

     CLกุมใบหน้าที่ร้อนระดับปรอทแตกของตน

    “ ก้อล้างปากไง ”

    บ้านแม่มึงล้างกันอย่างนี้หรอ ”

    พีสาวตะโกนเสียงสั่นด้วยความเขินอาย

    เธอแกล้งฉั้นเองนะ ”

    ไอ้โรคจิต ”

    “ ที่แกล้งฉันเพราะเธอหึงใช่มั้ย ”

    (จึ้ก!แทงใจดำเจ้าแม่มะเขืออย่างจัง)

     หลงตัวเอง ชิ! ”

    แร้วหึงมั้ยล่ะ ”

     “ ใครหึงแกกันมิทราบ แกจะจีบใครทำไรกะใครฉันก็ไม่สน ”

    เด็กน้อย.. ”

     จียงขยี้หัวร่างเล็กที่ก้มหน้าอยู่

    “ นี่ๆ อย่าทำตัวน่ารักได้มั้ย เธอใจร้ายกับหัวใจฉั้นมากไปแล้วนะ ”

     ไอ้ห่านี่อย่ามาสตอ ”

     CLผลักหัวร่างสูงจนเซ

    ..................ตกเย็น........................

     “ กลับมาแล้วครับ ”

    ยองเบเดินเข้าบ้านมาอย่างสบายอารมพร้อมตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น วันนี้ที่รักทำอารายให้กินน้า แต่พอเข้าไปในบ้านเท่านั้นแหละความสุขที่มีหายไปหมดเลย จะอะไรอีกล่ะ ซึงรีกำลังกินข้าวกับ
    ไอ้เด็กลูกลิงนั้นโดยไม่รอเขากลับมาเลย แถมไอ้เด็กนี้มานั้งที่ประจำเขาอีกชิอย่าทำให้โกรธได้ไหม
    ปรกติยองเบรักเด็กนะแต่สำหรับเด็กคนนี้กรณียกเว้น

    “ อ้าวกลับมาแล้วหลอยองเบขอโทษนะที่ไม่ได้ไปเปิดประตูให้พอดีฉันต้องป้อนข้าวอึนซ็อกอยู่นะ ”

    “ อะไรนะป้อนข้าวหรอโตจะเป็นควายแล้วกินเองไม่ได้หรือไงไอ้เด็กนี้แขนขาดมือด้วนหรือไง ”
    ยองเบตะคอกใส่อึนซ็อกด้วยเสียงดังและดูหน้ากลัวสายตาข่มขู่ถูกส่งไปให้อึนซ็อกทันที

    “ แม่ครับน้าหัวโล้นคนนี้หน้ากลัวอะ ”

    “ ไอ้เด็กนี้อย่ามาพูดอะไรบ้าๆนะเขาเรียกทรงผมเว้ยดูดีๆผมฉันก็ยังมีอยู่ เห็นมะ ”

    ยองเบพูดพร้องใช้มือสางผมให้อึนซอกดู

    “ แต่มันมีนิดเดียวนะอึนซอกพูดแทรกมาด้วยเสียงท้าทายเชิงประชด ”

    “ ก็ถึงบอกว่ามันเป็นทรงผมไง ”

    “ พอเลยนะยองเบนายโตแล้วนะแยกแยะซิเถียงเด็กชนะแล้วได้อะไรหา ”

     ซึงรีเอ็ดยองเบเสียงดัง

    “ ขอโทษอึนซอกซะ ”

    “ หาาาให้พี่ขอโทษเด็กนี้หรอเสียศักดิ์ศรีหมดเลยนะ ”

    “ จะทำไม่ทำ ”

    ซึงรีเปล่งวาจาเด็ดขาด

    “ เออขอโทษ ”

    “ แฮ่ๆไม่เป็นไรครับน้าหัวล้าน ”

    อึนซ็อกยังล้อเลียนไม่หยุด

    “ งั้นมากินข้าวได้ ”

     ซึงรีเรียกสามีให้นั่งกับโต๊ะ

    “ ไม่อะพี่ไม่หิวพี่ขอนั้งดูTVตรงนี้ดีกว่า ”

    ยองเบพูดแล้วก็นั้งลงกับโซฟาสีครีมตรงอีกฝั่งของห้อง

    “ แม่ครับผมอิ่มแล้วครับ ”

    “ งั้นหรออึนซอกงั้นเราไปอาบน้ำกันน่ะ ”

     ซึงรีรีก็พาอึนซอกไปอาบน้ำโดยมีสายตายองเบที่เบ้ปากอย่างมั่นใส้หันหน้าตาม.........................................ว้าารายการสัตว์โลกหน้ารู้จบซะแล้วอาบน้ำนอนดีกว่าจะได้ไปนอนกอด
    ซึงรีให้แบนติดเตียงไปเลย หลังจากอาบน้ำเสร็จยองเบก็เตรียมตัวเข้าห้องนอนแต่งตัวเสร็จก็รีบเดิน
    เข้าห้องนอน

    “ ที่รักจ๋าผมมาแล้วยองเบเรียกซึงรีเหมือนเด็กๆ ”

    “ เงียบหน่อยทงยองเบ อึนซอกหลับอยู่นะ ”

    “  อะอะไรกันนี้ตัวเองให้เด็กนี้นอนตรงกลางแล้วพี่จะนอนกอดนายยังไงอะนายก็รู้ว่าถ้าพี่ไม่ได้กอดนายพี่นอนไม่หลับ ”

    “ เรื่องของนายซิถ้าฉันให้อึนซอนนอนตรงขอบเตียงเดี๋ยวตกเตียงขึ้นมาแย่เลยถ้าอึนซอกเป็นอะไรมาหละทำลูกคืนพี่TOPหรอ ”

    “ เออก็ได้พี่นอนตรงนี้ก็ได้ ”

    “ อืมฉันนอนล่ะนะ ”

    “ นอนไปเลยคนใจร้าย ”

     ยองเบนอนตะแคงหันหลังให้ซึงรีด้วยอารมน้อยใจ

    (((ไอ้เด็กนี้น่าอิฉฉาฉะมัดรู้ไหมฉันใช้เวลากี่ปีจะได้นอนกอดซึงรีแต่แกมานอนวันเดียวก็
    ได้นอนกอดแล้วร้ายทั้งพ่อทั้งลูกเลย)))

    ………..แล้วคืนนั้นยองเบก็หลับไปพร้อมๆกับความน้อยใจ………..

     

    .

    .

    .

    .

    เข้าวันใหม่ที่แสนสดใสร่างหนาของยองเบยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างขี้เกียจ ปรกติซึงรีจะปลุกเขาทุกเช้า แต่วันนี้กลับไม่มีเสียงปลุกจากร่างบางคนเดิมกลับเป็นมือเล็กๆของเด็กคนหนึ่งแทนที่มาเขย่าแขนเขา

    “ น้าหัวล้านครับ...น้า.... ”

    เด็กน้อยอึนซอกเขย่าแขนปลุกยองเบอย่างกล้าๆกลัวๆ

    “ อารายเล่า ซึงรีพี่ขออีก5นาทีนะ ”

    ร่างหนาตอบโดยไม่ลืมตามาดูเลยว่าคนที่พยายามปลุกเขาอยู่นั้นไม่ใช่คนรักแต่เป็นเด็กน้อยแสนหน้ารัก
    แทน

    “ น้าครับตื่นได้แล้วครับผมหิวข้าว ”

    เด็กน้อยเขย่าแขนของยองเบแรงขึ้นจนยองเบต้องยอมลืมตาขึ้นมาด้วยอารมหงุดหงิดที่โดนขัดขวางเวลา
    พักผ่อน แต่ก็ยังคิดว่าคนที่มาปลุกคือซึงรีอยู่ดี

    “ พี่บอกแล้วไงซึง...อ่าวนี้แกมาปลุกฉันหรอไอ้ลูกลิงและ...แล้วซึงรีล่ะ ”

    ยองเบถามโน่นถามนี่อย่างแปลกใจทันทีที่เห็นเด็กน้อยนั่งอยู่ข้างๆเตียง เด็กน้อยไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ยื่นกะดาษโน้ตสีเหลืองอ๋อย ใบหนึ่งให้เขาแทน

     

    ((( “ ยองเบ ฉันมีงานด่วนที่บริษัทยังไง

    ช่วยทำข้าวเช้าให้อึนซ็อกด้วยนะ

    ตอนเย็นฉันกลับมาไม่ทันก็ไป

    หาข้าวเย็นกินกันเองเลย ” )))

    พอร่างหนาอ่านจบก็หันมาทางเด็กน้อยด้วยสายตาที่ดูไม่ออกว่าสงสาร หรือสมน้ำหน้ากันแน่

    “ หิวหรอ ”

    ยองเบเอ่ยปากถามเด็กน้อย

    “ ครับอึนซ็อกหิวมากเลย ”

    ยองเบไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ลุกออกจากเตียงแล้วเดินเข้าห้องครัวไปทันทีฝ่ายเด็กน้อยผู้แสนฉลาดก็รีบวิ่งไปรออาหารเช้าที่โต๊ะทานเข้าทันที

    .........................................................................................................................................

    หลังจากอึนซ็อกนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารเป็นเวลา 20 กว่าๆนาทีในที่สุดยองเบก็ออกมาจากในครัวพร้อมโจ๊กร้อนๆแลดูน่าอร่อย ยองเบวางถ้วยโจ๊กลงตรงหน้าเด็กน้อย

    “ กินซิ ”

    ยองเบพูดหลังจากนั่งประจำที่ของตน

    “ มียาพิษหรือเปล่าเนี้ย ”

    “ อะไรกันฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ รีบๆกินซะจะได้ไปโรงเรียนไอ้ลูกลิง ”

    ยองเบโวยวายออกาในที่สุดอุส่าแอ็ปพ่อพระซะนาน ฝ่ายเด็กน้อยถึงกับสะดุ้งตกใจกับอาการของร่างหนา

    “ อึนซ๊อก มะไม่ไปโรงเรียนนะ ”

    เสียงเล็กพูดออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ

    “ ทำไม ทำไมไม่ไปอยากเป็นเด็กโง่หรือไง ”

    ยองเบยังแดกดันไม่หยุด

    “ ป่าวซะหน่อยอึนซ็อกไม่อยากเป็นเด็กโง่หรอก แต่ ”

    “ แต่อะไร ”

    “ โรงเรียนของอึนซ็อกปิดเทอมแล้ว ”

    ร่างหนาถึงกับหน้าเอ๋อเลยทีเดียวไปด่าเด็กมันซะเยอะ

    “ แล้วจะเอายังไงล่ะฉันต้องไปทำงานนะ ”

    ยองเบเริ่มหนักใจเขาต้องทำงานไม่มีเวลามาดูแลลูกของไอ้ลิงนี้หรอกนะ

    “ แสดงว่าน้าหัวล้านจะทิ้งอึนซ็อกให้อยู่คนเดียวหรอ ไม่เอานะ ”

    เด็กน้อยหงอยลงทันทีที่จนคนที่ดูอยู่อดสงสารไม่ได้ ช่วยไม่ได้โทรไปลางานแล้วกันพอคิดได้แบบนั้นร่างหนาก็ลุกไปหยิบโทรศัพ ขึ้ยมาจิ้มหาเบอร์โทรของเพื่อนร่วมงานให้ช่วยลางานให้

    “ น้าหัวโล้นน้าจะทำอะไรน่ะ ”

    อึนซ็อกสงสัยทันทีที่ร่างหนายกโทรศัพขึ้นมาแนบหู

    “ ฉันก็จะโทรบอกตำรวจมาจับนายไง ”

    “ ไม่เอานะอึนซ็อกไม่ได้ขโมยของคนอื่นซักหน่อย ทำไมต้องจับอึนซ็อกด้วยล่ะ ”

    เด็กน้อยตื่นตกใจจนทิ้งช้อนในมือลงอย่างลืมตัว

    “ นายไม่ได้ไปขโมยของใครมาหรอกแต่ถ้านายไม่ยอมกินข้าวภายใน5นาทีนี้ตำรวจมาจับแน่ ”

    ยองเบแกล้งโกหกเด็กน้อยอย่างมั่นใส้และดูเหมือนว่าจะได้ผลด้วยเจ้าเด็กดื้อรีบตักข้าวเข้าปากทันทีอย่างรวดเร็ว (สะใจ ทง ยองเบจริงๆเลย)

    ยองเบมองเด็กโดนหลอกอยู่ได้ซักพักทางปลายสายที่เขาต้องการโทรหาก็รับสาย

    “ ฮัลโหล ครับพี่ PSY คือวันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะครับ เอ่อผมมีธุระนิดหน่อยน่ะครับยังไงลางานให้ด้วยนะครับ ครับ ขอบคุณครับ ”

    “ เย่ๆๆมีเพื่อนเล่นด้วยแล้ววันนี้ ”

    อึนซ็อกพูดเสียงดังด้วยความดีใจทันทีหลังจากร่างหนากดตัดสาย

    “ ให้มันน้อยๆหน่อยนะไอ้ลูกลิง รีบกินข้าวให้หมดเลยนะ ”

    “ หมดตั้งนานแล้วนะ ”

    เด็กน้อยยกชามข้าวที่ไม่มีเศษข้าวเหลือเลยแม้แต่เม็ดเดียว (สงสัยกับข้าวฝีมือเฮียทงจะอร่อย)

    “ อร่อยล่ะซิ ”

    “ อร่อยซิ อึนซ็อกชอบมากเลยนะ อยู่กับพ่อท็อปไม่มีวันได้กินของแบบนี้หรอกนะจะบอกให้ ”

    “ ทำไมล่ะ ”

    ยองเบถามอย่างสงสัยก็โจ๊กนะมันเป็นอาหารเช้าสุดเบสิกเลยนะ

    “ ก็ทุกเช้าพ่อท็อปจะยุ่งมากเลยอึนซ็อกก็เลยต้องกินแต่ขนมปังเป็นอาหารเช้า ”

    เด็กน้อยพูดจบก็ส่งยิ้มมาให้ยองเบ ส่วนร่างหนาก็ได้แต่หดหู่อยู่ในใจ สงสารไอ้เด็กนี้จริงๆเลยสงสัยคงไม่ค่อยมีเพื่อน

    “ มาเล่นกันเถอะ ”

    เสียงเล็กดังขึ้นมาทำให้ยองเบที่กำลังเหม่ออยู่นั้นดึงสติกลับมาได้

    “ หะ...หาว่าอะไรนะ ”

    “ อึนซ็อกบอกว่ามาเล่นกันเถอะ ”

    “ จะเล่นอะไรล่ะห่ะ ”

    เด็กน้อยไม่ตอบแต่ชี้ไปทางโทรทัศน์ที่กำลังฉายการ์ตูนแอ็คชั่นเรื่องไอ้มดแดงอยู่

    “อะไร...ไอ้มดXหรอ ”

    “ ใช่ๆๆเรามาเล่นมดXกันอึนซ็อกเป็นมดXส่วนน้าเป็นสัตว์ประหลาดหัวล้านนะ ”

    “ ทำไมฉันต้องเป็นตัวร้ายไม่เอาอะฉันจะเป็นมดX

    ยองเบโวยวายเหมือนเด็กๆตามนิสัยของตน

    “ งั้นเป่ายิ้งชุบกันเอามะ ”

    เด็กน้อยยื้นข้อเสนอ

    “ ก็ได้ ใครแพ้เป็นสัตว์ประหลาดนะ ”

    +++เปายิงเยาปักกะเป๋ายิ่งชุป+++

    ยองเบ  = กระดาษ

    อึนซ็อก = กรรไกร

    ......................................

    เด็กน้อยอึนซอก โดดเด้งบนโซฟา โดยมีร่างสูงของยองเบยืนเท้าสะเอวมองอยู่

    “ หยุดนะเจ้าปีศาจร้าย ข้าจะจัดการเจ้าเอง ”

    เด็กน้อยพูดเสียงดังอย่างกล้าหาร

     ฮึ...ไอ้เด็กบ้านี่ ”

     ยองเบบ่นพึมพำกับตัวเอง

    “ แปลงร่าง!!!! ย้า ”

     เด็กน้อย ตั้งท่าเป็นฮีโร่เต็มที่ก่อนกระโดดมาเกาะคอ ร่างสูง

     ออกไป!!!หายใจไม่ออกเฟ้ย.. ”

    ยองเบพยายามแกะมือปลาหมึกออกและเหวี่ยงเบาๆลงบนโซฟานุ่ม

    555 เป็นไงนายสู้ฉันไม่ได้หรอก ”

     ยองเบเยาะเย้ยเด็กน้อยที่นอนหน้าซุกหมอนอยู่

    “ เฮ้..อึนซอกเป็นอะไรไปอีกล่ะ ”

     ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ๆเมื่อสังเกตว่าร่างของเด็กน้อยนั้นนิ้งไป แล้วอึนซอกก็คว้าหมอนมาฟาดเขาอย่างแรง

    “ เจ้าปีศาจตายซะเถอะ.... ”

    โอ๊ยนี่แกล้งหรอเนี่ย ”

     ยองเบสบถเบาๆ แล้วจึงจี้เอวเด็กน้อย

    “ ฮ่าๆๆ....เจ้าปีศาจหยุดนะ ฮ่าๆ ”

     เด็กน้อยหัวเราะจนน้ำตาไหล จนทั้งคู่เหนื่อยก็หยุดแกล้งแต่อึนซ็อกฟาดหมอนรัวใส่
    ยองเบ ที่นั่งนิ่ง แล้ววิ่งไปรอบบ้าน ร่างสูงวิ่งตาม

    “ หยุดนะ!!ไอ้เด็กบร๊า ”

    ส่า......

    ของเหลวใสๆสาดมาเต็มหน้าของร่างหนา ยองเบกัดฟันกรอดอย่างโมโห

    555เป็นไงโดนน้ำแห่งผู้พิทักษ์สาด ”

     ไอ้ลูกลิง!!! ”

    ยองเบเดินเร็วเข้าไปกระชากแขนเด็กน้อย จนเด็กน้อยมองหน้าเขาด้วยความงง

    “ เล่นแบบนี้ได้ยังไงมันไม่มากไปหน่อยหรอหาาา ฉันเปียกหมดแล้วเห็นไม๊ พ่อแม่ไม่เคย
    สอนเลยหรือไงว่าการสาดน้ำใส่คนอื่นแบบนี้มันไม่ดี ถึงว่าล่ะไม่มีใครรัก ฮือ..”

    ยองเบจับแขนเด็กน้อยอย่างแรงพร้อมระเบิดอารมณ์ของตนออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาลืมไปเลยว่าอึนซ็อก
    ก็เป็นแค่เด็กน้อยๆคนหนึ่งเท่านั้น ด้วยสีหน้าที่ดูดุดันและเสียงโวยวายดังๆการกระทำเหล่านี้สำหรับเด็กๆ
    ที่ไม่รู้ประสาอะไรแล้วมันก็ดูหน้ากลัวไม่แพ้เห็นผีเลยทีเดียว

    “ ฮือ...ฮือออ.... ”

    “ อย่ามาทำเป็นร้องไห้บีบน้ำตานะฉันไม่ชอบ ”

    ยองเบตะคอกอย่างหัวเสีย

    “ เกลียดอึนซ็อกแล้วใช่มั้ย ”

    จู่ๆเด็กน้อยก็พูดเสียงแผ่วเบาทั้งน้ำตาจนสามารถเรียกสติของร่างหนากลับมาได้ว่าเขาได้ทำร้ายจิตใจของเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งด้วยคำพูดพวกนั้นไปแล้ว ร่างหนาก้มลงนั้งคุกเข่าให้นะดับตัวเท่ากับเด็กน้อย

    “ เอ่อ...ฉันขอโทษนะ ”

    ยองเบเอ่ยคำขอโทษจากใจจริงแต่ดูเหมือนอาการของเจ้าเปี๊ยกยังไม่สู้ดีซักเท่าไหร่นัก

    “ ไม่เป็นไรหรอกครับ อึนซ็อกชินแล้วล่ะกับการที่ไม่มีใครรักเนี้ย ฮือๆๆ..... อันที่จริงอึนซ็อกก็ไม่ได้อยากมารบกวน น้ายองเบหรอกนะ....ฮือๆๆ...แต่ปะป๊าท็อปไม่ค่อยว่างเล่นกับอึนซ็อกเลยนิ...ฮือๆๆ... อึนซ็อก
    เคยบอกปะป๋าให้พาไปหามาม้าแล้วแต่ป๊าก็ไม่ยอมพาไปซักทีอึนซ็อกก็เลยต้องอยู่กับใครก็ไม่รู้จักบ่อยๆ
    มันไม่สนุกเลยนะน้ายองเบ ฮือๆๆ...  ”

    ยองเบอ้าปากค้างกับประโยคแสนยืดยาวที่เด็กน้อยพูดออกมาถึงมันจะฟังไม่ค่อยถนัดเพราะมีเสียงสะอึกและเสียงร้องไห้หลุดมาเป็นระยะก็ตามแต่เขาก็พอจับใจความได้ว่าเด็กน้อยกำลังพูดถึงอะไร เขาไม่คิดว่าเด็กตัวแค่นี้จะคิดได้ถึงขนาดนี้ เขาทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเด็กน้อยที่แสนหน้าสงสารร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงหน้า

    “ ไปกินไอติมกันมะ ”

    ในที่สุดยองเบก็งัดไม้ตายของเขาออกมา เขามักใช้มุขนี้กับซึงรีเสมอถ้าเขาต้องการง้อสุดที่รักซึ่งมันมัก
    จะได้ผลทุกครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วย เด็กน้อยที่ก้มหน้าก้มตาหยุดร้องให้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองร่างหนา
    อย่างง งง

    “ ไปกินไอติมกันมั๊ย ”

    ยองเบถามอีกรอบ พร้อมยิ้มอย่างจริงใจ เด็กน้อยก็พยักหน้าหงึกๆเป็นคำตอบ

    “ งั้นหยุดร้องไห้แล้วรีบตามมานะ ”

    ยองเบลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะหันหลังเตรียมตัวเดินออกไปหยิบกระเป๋าตังแต่มือน้อยก็จับหมับเข้าที่
    แขนของเขา จนร่างหนาหันกลับมาพร้อมเลิกคิ้วอย่างสงสัย

    “ อะไร ”

    ยองเบถามออกมาด้วยความสงสัย

    “ เอาหู มาดิอึนซ็อกมีไรจะบอก ”

    เด็นน้อยไม่พูดเปล่าใช้มือกวักให้ร่างหนาเข้ามาหาตัวเองซึ่งยองเบก็ไม่ได้ขัดขืนเขานั่งลงแล้วยื้นหน้าเข้าไประดับเดียวกับเด็กน้อยทันที

    “ สิ่งที่อืนซ็อกจะบอกก็คือ................งับ!

    เคี้ยวคมๆของเด็กน้อยจมเข้าไปตรงใบหูของร่างหนาจนเขาต้องร้องตะโกนด้วยความเจ็บและตกใจ

    (((โอ๊ย!!!)))

    “ ทำอะไรของแกไอ้ลูกลิง ”

    ยองเบขึ้นเสียงอย่างเอาเรื่องแต่คราวนี้เด็กน้อยดูจะไม่กลัวเขาจนร้องไห้เหมือนเมื่อครู่แถมยังเดินยิ้มแป้นตรงมาใกล้เขามากขึ้นอีก

    “ ก็ท่าไม้ตายตอนจบไงสัตว์ประหลาดหัวโล้นต้องโดนท่านี้ถึงจะตาย ”

    เด็กน้อยพูดจบก็ทำหน้าทำตาล้อเลียนร่างหนาแล้วรีบวิ่งไปเปิดรั้วหน้าบ้านวิ่งนำไปร้านไอติมใกล้ๆบ้าน
    ทันที ทิ้งให้ยองเบน้ำตาเล็ดกับความเจ็บที่โดนกัดหูเมื่อครู่อยู่ที่เก่า

    (((ฮึไม่น่าไปทำดีด้วยเลยร้ายจริงๆไอ้ลูกลิง)))

    .........................................................................................................................................

    หลังจากที่ทั้งสองเพลิดเพลินกับการกินของหวานแสนอร่อยแล้วทั้งคู่ก็เดินกลับบ้าน ทันทีที่เข้ามาถึงใน
    บ้านยองเบล้มตัวนั่งกับโซฟาซึ้งเป็นพื้นที่ประจำของเขาแต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือจู่ๆเด็กน้อยก็มานั่ง
    ทับตรงตักเขาพร้อมกับหนังสือนิทานเล่มใหญ่ที่พกมาเองจากบ้าน

    “ น้ายองเบอึนซ็อกง่วงแล้วอ่านนิทานให้ฟังหน่อยนะ ”

    เด็กน้อยส่งสายตาออดอ้อนอย่างน่ารักจนคนที่ถูกขอร้องต้องจำยอมอย่างโดยดีด้วยความน่าเอ็นดูของเด็กน้อย

    “ ไหนดูหน่อยซิว่าเรื่องอะไร ”

    พูดจบร่างหนาก็หยิบหนังสือนิทานจากมือเด็กน้อยมาอ่านชื่อเรื่อง

    ลูกแมวหน้ารัก กับเจ้าหมาขี้โมโห

    ชื่อเรื่องแปลกดี นี้คือสิ่งที่เขาคิดเป็นอันดับแรกเมื่ออ่านชื่อเรื่อง

    “ อะ อ่านก็อ่าน ”

    “ เย่ๆๆน่ารักจังเลยน้าเนี้ยรู้และว่าทำไมคุณแม่ซึงรีถึงได้ชอบน้า ”

    เด็กน้อยลุกจากตักยองเบแล้วเปลี่ยนมานอนหนุนตักเขาแทนซึงยองเบก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพราะตอนนี้
    กำลังหน้าแดงจ๋ากับประโยคที่เด็กน้อยแซวเมื่อครู่พอเด็กน้อยจัดท่านอนที่คิดว่าสบายที่สุดได้แล้ว ก็
    ส่งสัญญาณให้ยองเบเริ่มอ่านได้แล้วด้วยการตบต้นแขนของร่างหนา

    “ อะฮึมๆ....กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีแมวพ่อลูกอยู่คู่หนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขาอย่างมีความสุข
    แต่วันหนึ่งพ่อแมวก็ได้รับจดหมายสำคัญให้ต้องเดินทางไปแดนไกลเขาไม่อยากให้ลูกแมวหน้ารักตัวน้อยๆของเขาต้องลำบากกับเขาเลยพาลูกน้อยไปฝากกับแม่หมาที่เป็นเพื่อนสนิทของตนซึ้งแม่หมาก็ยินดีที่
    จะรับดูแลลูกแมวตัวน้อยแต่ติดอยู่ที่พ่อหมาที่อาศัยอยู่ที่บ้านเดียวกันกับแม่หมาไม่ชอบลูกแมวเลยคิดหาทางแกล้งลูกแมวในเวลาที่ลูกแมวอยู่กับพวกเขา ”

    อ่านถึงตรงนี้ยองเบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไอ้เด็กนี้เข้าใจเลือกนิทานนะ อ่านแล้วเหมือนโดนมีดทิ่มอกเลย พอหยุดคิดเสร็จร่างหนาก็อ่าปากเตรียมตัวจะเล่าต่อหากแต่หางตาเหลือบไปเห็นว่าเด็กน้อยนั้น
    ได้นอนหลับไหลไปแล้ว เขาจ้องมองใบหหน้าที่แสนหน้ารักของเด็กน้อยอยู่นานสองนานโดยที่ในหัวก็คิดเอยเปื่อย

    (((เพราะแบบนี้นี้เองซึงรีถึงรักไอ้เด็กนี้นักหนา ถ้าเรามีลูกบ้างลูกเราจะหน้ารักแบบนี้มั๊ยนะ)))

    ยองเบคิดเพลินจนไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเผลอหลับไปกับเด็กน้อยไปตั่งแต่เมื่อไหร่ แถมยังนอนกอดเด็กน้อยอีกด้วย

    ........................................................................................................................................

    “ ขอบคุณพี่ท็อปมากเลยนะครับ ที่มาส่งอึนซ็อกคงอยู่ข้างในแหละครับคงดีใจมากเลยที่คุณพ่อมารับเร็วกว่ากำหนด ”

    ร่างโปรงของซึงรีที่ยืนอยู่กับร่างสูงของท็อปอยู่หน้าบ้านเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปในบ้าน

    “ คงงั่นแหละพี่คิดถึงลูกแล้วรีบเข้าไปเถอะ ”

    พอทั้งสองเดินเข้าบ้านก็ต้องตกใจ กับภาพที่เด็กน้อยนอนหนุนแขนของยองเบ แลดูเหมือนพ่อลูกกันเลยทีเดียว

    “ โหนี้พีฝันหรือเปล่าเนี้ย ”

    ท็อปตาข้างพรางเอ่ยถามซึงรีอย่างตกใจ

    “ ไม่ครับพี่ ไม่ใช่ฝัน ”

    ซึงรีย้ำให้ร่างสูงฟังอีกครั้งพรางอุ้มเด็กน้อยออกจากอ้อมกอดของยองเบโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้สึกตัวเลยเพราะนิสัยที่นอนหลับลึกของยองเบ

    ซึงรีเดินมาส่งท็อปที่หน้าบ้านพอเปิดประตูรั้วเสร็จเขาก็ส่งเด็กน้อยที่เขาอุ้มอยู่คืนให้ผู้เป็นพ่อที่แท้จริง

    “ พี่คิดดีแล้วหรอครับ ”

    จู่ๆซึงรีก็เอ่ยคำถามกับร่างสูง

    “ เรื่องอะไรหรอ ”

    ร่างสูงยังคงงกับคำถาม

    “ ก็เรื่องที่พี่จะพาอึนซ็อกไปอยู่กับญาติที่ญี่ปุ่น ”

    “ อ๋อถ้าเรื่องนั้นพี่ว่ามันดีกับอึนซ็อกที่สุดแล้วล่ะ พ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกอย่างพี่จะทำให้ลูกมีความสุข
    ได้ยังไง สู้ให้เขาไปอยู่กับคนที่พร้อมดูแลเขาไม่ดีกว่าหรอ อีกอย่างอึนซ็อกก็แยกกับพี่แค่เดือนเดียวเดี๋ยวพี่ก็ตามไปทำงานที่นั้นเหมือนกัน ”

    ท็อปอธิบายอย่างจริงจัง

    “ แต่ ”

    ซึงรีพยายามท้วงแต่ท็อปก็ยกมือขึ้นมาปิดปากเขา

    “ ขอบคุณนะที่เอ็นดูอึนซ็อกพี่ไม่อยากรบกวนนายบ่อยๆหรอกนะ ยังไงก็ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี
    แต่พี่คิดว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ ”

    ร่างสูงของผู้เป็นพี่ชายอธิบายเหมือนรู้ว่าซึงรีจะพูดอะไร ซึ้งซึงรีก็ได้แต่พยักหน้ายอย่างเข้าใจ

    ร่างสูงเอ่ยคำลาก่อนจะอุ้มลูกน้อยขึ้นรถของตนแล้วขับออกจากบ้านของคู่รักไป ซึงรีเฝ้ามองพี่ชายขับรถ
    จนหายจากสายตาไปก็เตรียมตัวจะเข้าบ้านแต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปในตัวบ้านก็ต้องตกใจเมื่อเห็นร่างของ
    ผู้เป็นสามียืนปาดน้ำตาอยู่ต่อหน้าเขา

    “ เป็นอะไรยองเบร้องไห้เป็นเด็กๆเชียว ”

    ซึงรีถามคนรักอย่างสงสัย

    “ พี่ก็แค่...เอ่อ...เด็กนั้นจะไปญี่ปุ่นจริงๆหรา  ”

    “ อืม ”

    คำตอบสั้นๆจากซึงรีทำเอายองเบถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ได้อีกครั้ง ไอ้เด็กนี้ใจร้ายจังทำให้ตกหลุมรักอยาก
    เลี้ยงดูอยากเล่นด้วยแล้วแท้ๆกลับจะไปซะดื้อๆ ภาพเด็กน้อยซุกซน วิ่งรอบบ้านผุดขึ้นมาในหัวยองเบถึง
    จะเคยไม่ชอบ แต่การที่ได้เล่นด้วยกัน หัวเราะด้วยกันคิดถึงภาพพวกนั้นน้ำตาก็ไหล

     

    ซึงรีเดินไปโอบกอดร่างหนาด้วยความเข้าใจ

    “ ไม่เป็นไรหรอกนะยองเบมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พี่ท็อปเขาเลือกให้อึนซ็อกแล้วล่ะเราต้องดีใจกับอึนซ็อกซิถึง
    จะถูก ”

    “ แต่พี่...ฮือ...พี่ อยากเล่นเป็นสัตว์ประหลาดกับเด็กซักคน ปลอบโยนเด็กซักคนเด้วยขนมหวาน พี่อยาก
    อ่านนิทานให้เด็กซักคนฟังก่อนนอน ”

    ยองเบพูดปนร้องให้อย่างน่าสงสาร

    “ ฟังดูเหมือนนายอยากมีลูกเลยนะยองเบ ”

    ซึงรีเอ่ยเสียงเรียบ

    “ ใช่ซึงรีพี่อยากมีลูก นายก็อยากไม่ใช่หรอ ”

    ซึงรีผละออกจากคนรักแล้วรีบแกะกระเป๋าเป้ออกมาจากไหล่ลงมากองกับพื้นแล้วค้นหาของบางสิ่ง
    พอเจอก็รีบยกขึ้นมาอวดยองเบ

    “ อะไรน่ะ ”

    ยองเบถามด้วยความสงสัย ซึงรีไม่ตอบแต่ยัดเจ้าสิ่งนั้นใส่มือยองเบพร้อมชี้ให้เขายกขึ้นมาดู

    ซึ่งยองเบก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขายกเจ้าสิ่งนั้นมาที่ระดับสายตา ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันเป็นที่ตรวจครรภ์
    เขาไม่ได้ตื่นเต้นกับมันแม้แต่น้อยเพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่คนรักกำลังจะสื่อให้เขารู้

    (ตามประสาคนเข้าใจอะไรยากๆอะนะ)

    ยองเบหันมาสบตาแบบงงๆกับคนรัก ซึงรีส่ายหัวให้กับความโง่ของสามี เข้ารีบดึงตรวจครรภ์จากมือยองเบแล้วชี้ให้ดูที่ช่องขีดว่าผลตรวจมันออกมายังไง ทันที่ที่ร่างหนาเห็นว่าผลตรวจเป็นเช่นไรก็อ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

    “ สะ...สองขีด..นะ..นะ...นี้ซึงรีนายก็หกพี่ใช่มัย ”

    ยองเบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็น

    “ จริงๆฉันไม่ได้โกหกนายฉันตรวจตอนอยู่ที่ทำงาน ฉันเคยโกหกนายหรือไง ยองเบ”

    ซึงรีตอบตามจริง

    อะเมซิ่งโคเรีย ”

    ยองเบตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจพร้อมใช้แขนแกล่งอุ้มคนรักที่ตอนนี้กำลังมีเด็กตัวเล็กๆในท้องอยู่
    หมุนไปมา เขาไม่อยากเชื่อเลยจริงๆกับสิ่งที่เห็น

    ๐๐๐ผมจะมีลูกแล้วววววววววว...๐๐๐

    ยังไม่จบนะ

    เห็นไหมล่ะไอ้เจ้าพ่อมะขามป้อมฉันเก่งกว่าที่แกคิด

    วิญญาณของหญิงสาวสะใบเขียวที่แอบซุ่มดูจากนอกหน้าต่างยิ้มเยอะอย่างมีความสุข

    เมื่อเห็นผลงานของตน

    “ ”

    .........................................................................................................................................

    …To be Continue

    ช่วงเนี้ยยยยคือช่วง...คุยกันหลังอ่าน...

    กราบ1000000ที ขอโทษจริงๆที่หายไปนานมากคราวก่อนไรต์เตอร์

    โกหกว่าคอมเสียพอหลังจากนั้น3วันสมพรปากเลยจร้า

    คอมเสียจริงๆส่งซ้อมก็นานแสนนานพอเสร็จจะไปรับก็ติดสงกรานต์อีกเข้าใจไรต์นะ

    ตอนนี้เลยเขียนยาวเป็นพิเศษแทนคำขอโทษเลย เป็นไงล่ะ ซึงรีมีเบบี๋แล้วนา

    เรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไปติดตามด้วยนา

    ((+  ปล. คอมเม้นคือกำลังใจของไรต์เตอร์นะจ๊ะ คนดี +))

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×