คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : Second Gift
Second Gift
“ นายนอนกินที่ไปแล้วนะ ”
“ อะไรกันผมนอนแค่นี้เองนะคุณนั้นแหละกินที่ ”
“ นี้มันเตียงนอนฉันนะ อีกอย่างที่นี่ก็บ้านฉันด้วย ”
“ เหอะๆเตียงหรอผมว่าไอ้ฟูกเก่าๆเนี้ยมันเยินจนเรียกเตียงไม่ได้แล้วมั้ง ”
“ ก็บ้านฉันมีแค่นี้อะ นายจะเอาอะไรนักหนาล่ะ ฉันไม่ได้ขอให้นายมาอยู่ด้วยเลยนะ ”
“ ก็ผมบอกคุณแล้วไงว่าให้ไปอยู่กับผมที่คอนโดผมมันดีกว่าที่นี้เป็นร้อยเป็นพันเท่าเลย ”
“ งั้นนายก็กลับไปนอนที่ห้องนายซิไปตอนนี้เลยไป ”
“ ไม่ ”
บทสนทนาที่เต็มไปด้วยการใส่อารมณ์ของซึงรีและยองเบเกิดขึ้นบ่อยครั้งตั่งแต่ยองเบย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของซึงรีซึ่งดูเหมือนร่างหนาจะไม่ชอบสถานที่แบบนี้เอาซะเลย ทั้งบ้านที่เล็กจนไมรู้จะเรียกบ้านได้หรือเปล่า ห้องน้ำเก่าๆที่อยู่ด้านนอกบ้าน ตกท้ายด้วยห้องนอนที่ขนาดคนเดียวนอนยังรู้สึกว่าอึดอัด จะไม่ให้เขาบ่นได้ยังไง
“ ถ้านายอึดอัดนายก็ไปนอนห้องพ่อฉันซิจะมาเรื่องมากทำไม ”
ซึงรีเสนอความคิดกับยองเบที่นอนคุดคู้อยู่ข้างๆเขา เขาก็พึ่งนึกขึ้นได้เหมือนกันว่าช่วงนี้ห้องพ่อเขาว่าง
“ ไม่เอาผมไม่ไป ”
ยองเบตอบทั้งๆที่ยังพยายามข่มตาให้หลับ
“ เรื่องมาก! ขอเหตุผล ”
“ เอ่อ......เหตุผล.....เอ่อ.........เหตุผลก็คือ ช่วย! ใช่ ผมจะได้ช่วยคุณได้เวลาคุณจะเข้าห้องน้ำหรือจะออกไปไหนไง ”
ยองเบอธิบายเหตุผลที่เขาคิดว่าน่าเชื่อถือที่สุดที่เขาคิดได้ แต่เสียดายที่ภูมิเดิมของเขาเป็นคนโกหกไม่เก่งทำให้อีกคนที่นอนอยู่ด้านข้างๆจับได้ทันทีซึงรีกลอกตา 360องศาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
“ ตอแหล!!! ...... เอาความจริง ”
ซึงรีตะคอกเสียงดังจนอีกคนต้องลุกขึ้นนั่งตามอย่างรวดเร็ว
“ อะไรเล่า ก็ผมบอกแล้วไง จะตะคอกทำไมเดี๋ยวชาวบ้านก็เขวี่ยงหินมาหรอก ”
ยองเบบ่นอย่างหัวเสียเอาจริงๆตอนนี้เขาเริ่มง่วงนอนมากแล้ว มือหนาขยี้ผมที่มีอยู่น้อยนิดจนไม่เป็นทรงอย่างหงุดหงิด
“ ก็อย่ามาหัดโกหกกับฉันซิ ”
“ เอาจริงๆนะ ผม...........เอ่อ.........ผม............ กลัวผี”
ยองเบตอบอย่างเขินอายเพราะส่วนมากถ้าเขาบอกเรื่องนี้กับใครก็มักจะโดนกระหน่ำหัวเราะแล้วก็โดนล้อทั้งชาติแต่ผิดคาดกับซึงรีเขาไม่ได้หัวเราะเยอะยองเบแต่อย่างใด
“ อืม ก็แค่เนี้ยนอนเถอะฉันไม่กวนนายแล้ว ”
ซึงรีล้มตัวลงนอนกับฟูกเก่าๆนั้นอีกครั้งท่ามกลางความงงงวยของยองเบที่จู่ๆซึงรีก็เลิกเถียงไปเสียดื้อๆก่อนหน้านี้ทั้งวันยังระเบิดศึกกับเขาอยู่เลย แต่ก็ช่างเถอะอย่างน้อยการได้เห็นซึงรีในโหมดนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆก่อนวันแรกของการมาอยู่ในบ้านเก่าๆหลังนี้ ยองเบก้มตัวลงนอนอีกครั้งแล้วพยายามข่มสองตาให้หลับใหลตามอีกคนไป
................
.............
.........
.......
.....
...
..
.
“ ตื่นได้แล้วจะนอนกินหลังคาบ้านไปถึงไหน ”
มือเรียวของซึงรีระดมฟาดแผ่นหลังกว้างของคนขี้เซาอย่างเอาเป็นนอนตาย ตอนนี้เวลา 5 นาฬิกาถึงเวลาจะยังเช้าอยู่แต่สำหรับซึงรีนี่ถือว่าสายมากๆอีก 5 นาทีงานแรกของเขากำลังจะเริ่มและตอนนี้เขาก็ปวดฉี่สุดๆอีกด้วย
“ ที่รักกก ก็...ผมขออีก ห้านาทีนะ ”
คำพูดของคนกึ่งหลับกึ่งตื่นที่งัวเงียออกมาทำให้ซึงรีชะงักไปซักครู่ก่อนจะตั่งสติได้
“ ไม่! ฉันให้แค่ สองนาที ”
ซึงรีทำทีไม่ใส่ใจคำพูดของยองเบ ก่อนจะตั่งกาจเตรียมฟาดแผ่นหลังกว้างๆนั้นอีกครั้งแต่ก็ต้องชักมือกลับเมื่อเห็นท่าทีของยองเบที่ดูยังไงก็คือการละเมอ
“ ไม่ไม่......ไม่ อย่าทำแบบนี้ซิ....ผมไม่ได้ทำตัวแบบนั้นนะ.......ผมรักคุณนะอย่าๆทิ้งผมไปซิ ”
มือใหญ่เกาะเกี่ยวอากาศ ราวกับว่าของแสนรักแสนหวงกำลังวิ่งหนีตนไปไกลสุดลูกหูลูกตา พร้อมทั้งเหงื่อเม็ดใหญ่ๆที่เต็มใบหน้า ซึงรีทำตัวไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเขาจะตัดสินใจยื่นมือไปคว้ามือหนาที่กำลังจับอากาศอยู่ขัดหน้าไปก่อนเพียงมือเรียวแตะเข้ากับมือหนาเท่านั้นยองเบก็กระชากมือของซึงรีเข้าหาตัวเองแล้วจับมาแนบกับใบหน้าของตนอย่างหวงแหน และหลับไปอีกครั้ง ซึงรีที่เฝ้ามองอยู่ได้แต่เพียงสงสัยว่าคนที่ร่างหนากำลังเพ้อถึงนี้เป็นใครกัน และสิ่งที่ยองเบกำลังเก็บไว้ในใจมันคืออะไรกันนะ
.
.
.
.
.
.
“ ลื้อมาทำงานสายนะอาซึง ไอ้หย่า!!!! ทำไมลื้อนั่งรถเข็นแบบนั้นล่ะ ขาเป็นอาไล ”
เถ้าแก่ร้านกาแฟที่เดินออกมาหวังจะสวดให้กับลูกจ้างของเขาที่มาทำงานสายถึง15นาทีแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสภาพของลูกจ้าง
“ อุบัติเหตุนิดหน่อยครับเถ้าแก่ ”
“ ไอ้หย่า แล้วแบบนี้ใครจะทำงานแทนลื้อล่ะเนี้ยร้านก็จะเปิดแล้วด้วย ”
เถ้าแก่เกาหัวยิกๆอย่างเสียอารมณ์
“ เดี๋ยวผู้ชายคนนี้จะทำงานแทนผมนะครับ ”
ซึงรีชี้มือไปที่ยองเบที่ยืนเข็นรถให้กับเขาอยู่ด้านหลัง ยองเบรีบก้มหัวทำความเคารพผู้ใหญ่ด้านหน้าทันที
“ ผม ทงยองเบจะมาทำงานแทน ซึงรีวันนี้นะครับ ”
ยองเบเอ่ยแนะนำตัวอย่างฉะฉานกับชายวัยกลางคนเจ้าของร้านที่กำลังวิเคราะตัวเขาจากหัวจรดเท้าอย่างกับเครื่องสแกนหาสิ่งแปลกปลอมในสนามบิน
“ เตี้ยไปนิด.......แต่ช่างเถอะมาๆเข้าไปในร้าน ”
ความมั่นใจของยองเบลดฮวบกับคำพูดตรงๆจากเถ้าแก่ร้านร่างหนายกมือขึ้นเกาหัวแก้เขินก่อนจะเข็นซึงรีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้วิวแชร์เข้าไปในร้านกาแฟตามเจ้าของร้านไป
.........................................................................
...............................................................
ภายในร้านที่ถูกปรับสภาพอากาศจนอบอุ่นกว่าอากาศด้านนอกร้านกาแฟเล็กๆที่ถูกประดับตกแต่งด้วยสิ่งของต่างๆนาดูหน้ารัก พร้อมผนังสีครีมอ่อนๆช่วยเพิ่มบรรยากาศได้ดีอย่างมากแต่ใครจะไปรู้ว่าภายหลังของตัวร้านนั้นกลับไม่ได้สวยหรูอย่างด้านหน้าร้านเลยแม้แต่นิดทันทีที่ยองเบพาซึงรีเข้ามาถึงโซนหลังร้านความหนาวบาดจิตก็ประทะเข้ามาอีกครั้งเพราะมันไม่ได้มีกำแพงกั้นแต่อย่างใดมันเป็นเหมือนกลับครัวโล่งๆที่ยื่นออกมาจากตัวร้านแถมรู้สึกว่ามันเป็นทางลมผ่านซะด้วยนี้ซิ
“ อาซึงรีวันนี้ลื้ออยู่หลังร้านนาส่วนไอ้หนุ่มตามอั๊วมาเดี๋ยวต้องไปยกกระสอบน้ำแข็งเข้าร้าน ”
“ ฮ่ะ!!! ยกกระสอบหรอเถ้าแก่ ”
ยองเบอุทานอย่างตกใจทั้งชีวิตเกิดมานี้คงเป็นงานหนักที่สุดที่เขาเคยโดนใช้เลยก็ว่าได้
“ เออซิ ไอ้หย่าตัวก็หนากล้ามก็ใหญ่จะกลัว อะไรวะ แบบนี้จะไหวหรอห่ะ ซึงรี ”
เถ้าแก่มองหน้ายองเบแปลกๆก่อนหันหน้าไปหาซึงรีที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“ ทำได้ซิครับเถ้าแก่ขับรถชนคนอื่นยังทำได้เลยนับประสาอะไรกับยกกระสอบน้ำแข็งแค่นี้เอง เถ้าแก่ออกไปสั่งน้ำแข็งได้เลยครับเดี๋ยวถ้าเขามาส่งยองเบจะออกไปขนหน้าร้านเอง ”
ซึงรีตอบอย่างมั่นใจพร้อมชายตามองคนที่สีหน้าไม่สู้ดีที่ยืนอยู่ไม่ไกลแล้วแสยะยิ้มอย่างเหนือกว่า
“ เออได้ได้ เดี๋ยวพวกลื้อก็เฝ้าร้านไปก่อนนะอั๊วไปแป๊บเดียว ”
ทันทีที่เถ้าแก่ร้านออกไปยองเบก็รีบพุ่งเข้าหาซึงรีทันที
“ แบกกระสอบหรอผมไม่ตลกนะ ”
“ ก็จะอะไรนักหนาเล่ากระสอบแค่ไม่กี่โลอย่ามาทำบ่นเลย กล้ามใหญ่ขนาดนี้ก็คงยกของบ่อยเหมือนกันแหละนายหนะ ”
“ นั้นมันผลจากฟิตเนตนะ ผมไม่เคยยกกระสอบ ”
“ ก็หัดไว้ซิ ”
“ มันหนาวนะซึงรีจะให้ผมไปแบกกระสอบน้ำแข็งอีก งานนี้มีแข็งตายกันไปข้างนะซิ ”
“ อย่ามาเวอร์ เมื่อก่อนฉันก็ยกแทบทุกวันฉันยังอยู่รอดมาเจอหน้านายวันนี้เลย ฉะนั้นถ้ามันยังไม่ถึงตายนายก็ไม่ควรบ่นนะ หรือถ้าไม่ไหวก็กลับได้นะฉันไม่ว่าอะไร ”
ซึงรีพูดเรียบๆแต่แอบแฝงคำดูหมิ่นเล็กน้อย
“ ก็ได้ ผมทำก็ได้ แต่ถ้าเกิดผิวผมช้ำแม้แต่น้อยคุณต้องรับผิดชอบนะ ”
ยองเบจำใจในที่สุดถึงเขาจะไม่อยากทำงานหนักแบบนี้ซักเท่าไหร่แต่ก็ช่วยไมได้เพราะเขาดันรับปากกับซึงรีไปแล้วว่าจะทำทุกอย่างตามที่เจ้าตัวสั่ง สิ่งที่เขาควรทำตอนนี้คือก้มหน้าเป็นทาสในเรือนเบี้ยดีที่สุด
..............................................................................
...................................
“ 1....2.....3......4...... OK ครบแล้ว4กระสอบ ”
เถ้าแก่นับกระสอบน้ำแข็งยักษ์ให้รู้ว่าครบท้วนดีหรือไม่ก่อนจะหันหน้าไปยิ้มกว้างให้ซึงรีที่ยังคงนั่งอยู่บนรถเข็นคนไข้
“ ขอบใจมากนะอาตี๋ที่มาทำงานแทนอาซึงรี ”
เถ้าแก่เดินไปตบไหล่ของยองเบที่ นั่งหอบอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องแล้วเดินออกไปหน้าร้านเพื่อรอรับลูกค้า
“ นั่งอยู่ได้ไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำซิ ”
ซึงรีพูดเสียงดังแล้วเขวี้ยงเป้สีเขียวใบใหญ่ใส่ยองเบ
“ โอ๊ย!เจ็บ ”
ยองเบร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อเป้ใบใหญ่ที่ซึงรีโยนมาโดนเข้ากับไหล่ที่เต็มไปด้วยรอยแดงจากการถูกน้ำแข็งกัด
“ ก็ไปเปลี่ยนชุดซิ ”
“ เปลี่ยนชุด? เปลี่ยนชุดอะไร ”
“ ก็นี่10โมงแล้วไปทำงานที่ร้านหนังสือต่อ ”
ซึงรีชี้นิ้วเรียวๆไปที่นาฬิกาแขวนหลังร้าน
“ แต่ผมเหนื่อยนะ เจ็บด้วย ”
ยองเบลุกขึ้นยืนให้ตัวเองอยู่สูงกว่าซึงรีแล้วบ่นอย่างหัวเสียเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเอง เขาไม่เคยต้องทำงานอะไรหนักขนาดนี้มาก่อนทั้งหนักทั้งเจ็บ แล้วนี้อะไรมีงานต่ออีกหรอเนี้ย
“ เหอะๆเหนื่อยแล้วหรอ ถ้าเหนื่อยแล้วก็กลับไปที่ของนายซะซิ ”
ซึงรียิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เขากำลังจะสลัดนายคนนี้ออกจากชีวิตได้แล้ว
“ ไม่มีทาง บอกผมมาซิชุดไหน ”
ซึงรีหุบยิ้มแทบไม่ทันอะไรกันยังจะอยู่อีกหรอ นี้เขาอุส่าคิดว่ายองเบจะถอดใจแล้วแท้ๆนะแต่ก็ช่างเถอะเจออีกงานสองงานคงถอดใจแน่นอน
“ ชุดสีดำที่หน้าอกมีโล้โก้รูปเป็ดน้อยสีเหลืองๆติดอะ ”
ซึงรีพูดเสียงเหวี่ยงๆแล้วหันหน้าออกไปทางอื่น
“ ชุดนี้ใช่มั้ย ”
ยองเบชูชุดที่เข้าค่ายว่าจะเป็นชุดที่ซึงรีบอกใบ้ขึ้นในอากาศอยากถามให้แน่ใจก่อนเปลี่ยน
“ มันมีชุดสีดำชุดเดียวเท่านั้นแหละ ปัญญาอ่อนหรือไง ”
“ นี่พูดดีดีก็ได้จะตะคอกกันทำไมผมไม่ได้ไปฆ่าพ่อคุณมานะ ”
ยองเบบ่นออกมาอย่างเหลืออดในที่สุดก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูเสียงดังจนซึงรีที่นั่งเงียบสะดุ้งเฮือก โกรธ...นายนั่นโกรธเขาอย่างนั้นหรอ....เขาพูดเกินไปหรอ เหอะไม่ให้โกรธก็บ้าแล้วมั้ง คนอุส่าช่วยยังจะไปหักหารน้ำใจเขาอีก นายโดนเกลียดอีกแล้วล่ะซีรี...........
....................................................................................................................
...................................................................................................................
“ นี้หิวยัง นายจะไปกินข้าวก่อนก็ได้นะ ”
ซึงรีเอ่ยเสียงอ่อยๆให้กับคนที่ยืนขรึมๆหน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงินในร้านหนังสือโดยที่เขานั่งอยู่ตรงมุมห่อหนังสือไม่ไกลกันนัก ตอนนี้เวลา12.56 แล้วเป็นเวลา2ชั่วโมงกว่าๆที่เขาแทบไม่ได้คุยกับยองเบเลย คนบ้าอะไรใจน้อยชะมัดนี้อุส่าง้อแล้วยังจะเก็กหยิ่งอีกดีจะปล่อยให้หิวตายไปเลย พูดแล้วก็คิดได้ว่าหมอนี้ยัดกล่องข้าวใส่เป้มาให้เขาเมื่อตอนเช้าก่อนมาทำงานนี่นาหยิบข้าวออกมาวางแล้วเกะกินมันตรงนี้เลยดีกว่า
“ โห!!! น่ากินจัง นายทำเองหรือเปล่า ”
................(เงียบ)
“ มากินด้วยกันเถอะนะ ”
...............(เงียบ)
“ ขอโทษ!! ”
ยองเบพ้นคำออกมาในที่สุดเขาเขาทนอึดอัดต่อไปไม่ไหวอีกแล้วถ้าให้เป็นแบบนี้ไปอีกเข้าต้องเป็นบ้าตายแน่นอน
“ พูดดีๆ..... ”
ในที่สุดร่างหนาที่เงียบมานานก็ยอมพูดออกมาซะที ซึงรีอมยิ้มบางๆแต่ก็ยังฟังไม่ถนัดว่าเจ้าตัวพูดอะไร
“ อะไรนะ ”
ซึงรีตัดสินใจถามไปอีกรอบ
“ พูดเพราะๆ ”
ยองเบเน้นเสียงของเขาให้ดังขึ้นเพื่อให้อีกคนฟังได้ชัดกว่าเดิม ใช่ว่าเขาจะไม่แอบดีใจที่ซึงรียอมรับผิดแล้วขอโทษเขาแต่อย่างน้อยคำขอโทษมันก็น่าจะมาจากใจและนุ่มนวนกว่านี้หน่อย
“ ขอโทษ ”
ซึงรีรวบรวมความกล้าซักพักก่อนจะเอ่ยคำขอโทษที่แสนยากลำบากออกมานอกจากจะพูดยากแล้วยังต้องกดเสียงให้ดูน่ารักอ่อนโยนอีก ไม่ใช่แนวเลย แต่ก็ทำไปแล้วพูดไปแล้ว
“ ก็แค่นี้แหละ ”
ยองเบยิ้มกว้างจนตาเป็นสระอิ แล้วเดินมานั้งข้างๆซึงรีอย่างรวดเร็ว
“ แบบนี้ซิค่อยน่ารักหน่อย ทำแบบนี้บ่อยๆระวังจะไม่มีคนรักนะ ”
ยองเบพูดอย่างร่าเริงผิดกับก่อนหน้านี้ลิบลับแต่ดูเหมือนคำพูดของยองเบจะไปสะกิดจุดอะไรซักอย่างของอีกคนเข้าอย่างจังซึงรีสีหน้าหมองลงอย่างรวดเร็วจนยองเบสังเกตได้มือเรียววางช้อนลงแล้วลบสายตาไปทางอื่นทันที
“ ช่างมันซิ ปรกติก็ไม่มีใครรักฉันนิ ”
ยองเบทำตัวไม่ถูกจริงๆ เขาสาบานได้ว่าไม่ได้ตั่งใจพูดอะไรแทงใจดำซึงรี
“ เอออ.....คุณOKใช่มั้ย ”
ยองเบถามอย่างเป็นห่วง พยายามเรียกร้องความสนใจให้เจ้าตัวหันหน้ามามองเขาอีกครั้ง
“ ถ้าไม่ติดว่าเดินไม่ได้จะตอบว่า OK ”
ซึงรีละสายตาจากผู้คนมากมายภายนอกร้านหนังสือที่เดินขวักไขว่กันไปมากลับมาหาร่างหนาตรงหน้า
“ งั้นก็อะกินก่อน... ”
ซึงรีตกใจนิดๆที่จู่ๆยองเบก็หยิบช้อนแล้วตักข้าวขึ้นมาจ่อตรงหน้าเขา อย่าบอกนะว่า.....นายจะป้อนข้าวฉัน
“ เฮ้ย! กินเองได้ ”
ซึงรีรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“ เจ็บอยู่ ”
ยองเบพูดสั้นๆแล้วยื่นช้อนเข้าไปใกล้ซึงรีอีกเพื่อเป็นการบอกให้อีกคนอ้าปาก
“ เจ็บขา ไม่ได้เจ็บมือป่ะ ”
“ อ้าปาก ”
ยองเบพูดเสียงเด็ดขาดเสียงที่ดูเผด็จการจนซึงรีเองต้องอ้าปากอย่างโดยดี ยองเบยิ้มพอใจก่อนจะบรรจงป้อนข้าวผัดกิมจิที่เขาแสนตั่งใจทำให้คนตรงหน้าเมื่อตอนเช้าจนทำให้มาทำงานสาย
“ไม่น่าเชื่อ ”
ซึงรีอุทานอย่างตื่นเต้นเขาเพิ่งรู้ว่าของที่เหลืออยู่ในตู้เย็นไม่กี่อย่างที่บ้านจะสามารถเอามาผสมกันเป็นกับข้าวแสนอร่อยอย่างนี้ได้
“ ทำไมคิดว่าผมทำกับข้าวไม่เป็นหรอ ”
“ อืม ”
คำตอบสั้นของซึงรีทำยองเบรู้สึกน้อยใจนิดๆเขาอุส่าทำอย่างสุดฝีมือเลยนะจะไม่ชมมากกว่านี้หน่อยหรอ บอกว่าอร่อยมาก ชอบมากซักนิดก็ยังดี เฮ่!นี่เขาน้อยใจทำไมเนี้ยนายไม่ได้ชอบผู้ชายนะยองเบ
“ อร่อยมากขอบใจนะ ยังไม่เคยมีใครทำกับข้าวอร่อยอร่อยแบบนี้ให้ฉันกินเลย.......ขอบคุณนะ ”
ซึงรีพูดเสียงเบาๆอย่างจริงใจและแอบเขินนิดๆที่ต้องเอ่ยชมผู้ชายด้วยกันยองเบคงเป็นผู้ชายคนแรกที่เขาไม่อยากเอาเรื่องปรกติถ้าเป็นคนอื่นมาขับรถชนเขาแล้วยังมีหน้ามาหาอีกเนี้ยโดนหมัดเพียวๆซัดไปแล้วแต่กับยองเบไม่รู้ทำไม.........ทำไมน้าาาาาาาาา....................
“ อะนี้นายกินบ้าง ”
ซึงรีแย่งช้อนจากมือยองเบแล้วตักข้าวขึ้นมาจ่อตรงหน้าของยองเบบ้างพร้อมยิ้มกว้าง
“ ผะ....ผม...ไม่หิว ”
ยองเบหน้าแดงทำอะไรไม่ถูกไม่ใช่ที่มีคนมาป้อนข้าวหรอกแต่ใบหน้าของซึงรีตอนนี้นะซิน่ารักเป็นบ้าเลย นี้เขาเบี่ยงเบนจริงๆใช่มั้ยเนี้ย
“ เอาน่ากินหน่อย ”
ซึงรียังคงคะยั้นคะยอ
“ แต่ผม อุ๊บ! ”
ทันทีที่ยองเบอ้าปากช้อนโต๊ะที่เต็มไปด้วยเม็ดข้าวก็ถูกซุกเข้าไปในปากของเขาทันที
“ หิวก็กินซิโกหกบ่อยๆไม่น่ารักนะ ”
ซึงรีพูดกวนและยิ้มเจ้าเล่ห์ล้อเลียนประโยคที่ยองเบต่อว่าเขาก่อนหน้า
“ 555+ ล้อเลียนผู้ใหญ่หรอ รู้ได้ไงว่าผมหิว ”
“ ท้องร้องเสียงดังขนาดนั้นไม่ได้ยินก็บ้าแล้ว ”
“ จริงหรอ!”
ยองเบอายจนทำตัวไม่ถูกยิ่งกว่าเก่าเขาเป็นพวกเก็บอะไรไม่ค่อยอยู่จริงๆโกหกก็ไม่เก่งควบคุมร่างกายก็ไม่ค่อยได้เกลียดตัวเองตรงนี้จริงๆ
แช๊ะ!!!
แสงสีขาวสว่างจ้าสาดใส่ตาของซึงรีและยองเบตามด้วยเสียงชัตเตอร์กล้องถ่ายรูป สร้างความตกใจให้ทั้งซึงรีและยองเบอย่างมากซึงรียกมือขึ้น ขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัสให้ตาที่พร่ามัวจากแสงแฟรตก่อนจะกลับไปจ้องมองต้นตอของกล้องถ่ายภาพอีกครั้ง ผู้หญิงนิ? ซึงรีคิดในใจเมื่อภาพตรงหน้าเขาเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักในชุดเดรสสั้นสีชมพูคนหนึ่งในมือถือกล้องโปรสีดำ ไม่ผิดแน่เธอคงเป็นคนถ่ายภาพ
“ ขอโทษนะค่ะ พอดีพวกพี่น่ารักกันมากหนูเลยยยย...... ”
เสียงหวานเล็กๆเอ่ยขอโทษจริงใจพร้อมก้มหัวขออภัยแล้วเตรียมเดินหนีแต่ยองเบกลับเรียกเธอไว้ซะก่อน
“ เดี๋ยวก่อนครับน้อง ”
“ ค่ะ? ”
“ ขอดูรูปเมื่อกี้หน่อยได้มั้ย? ”
ยองเบพูดจบก็ลุกจากที่นั่งไปหาเด็กวัยรุ่นคนนั้นโดยทิ้งซึงรีให้นั่งงงอยู่คนเดียว
“ ขอพี่ดูรูปเมื่อกี้หน่อยนะ ”
ยองเบพูดย้ำอีกครั้งพร้อมแบมือขอยืมกล้องจากสาวน้อยคนนั้น
“ ค่ะ.....นี้ค่ะ ”
เธอรีบยื่นกล้องให้ยองเบทันทีในใจคงคิดว่ายองเบคงจะกดลบรูปแน่นอนเลยเพราะสีหน้าเธอดูตื่นกลัวนิดๆ
“ องประกอบสวยอยู่แต่พี่ว่าน้องโฟกัสภาพไม่ค่อยชัดนะดูซิหน้าพี่ยังเบลอๆอยู่เลย แล้วแสงตรงนี้มันก็มีมากพอแล้วน้องให้แฟรตอีกมันจะทำให้ภาพขาวเกินไปนะครับ ”
แต่แทนที่ยองเบจะลบรูปกลับให้คำแนะนำเด็กหญิงแทนแล้วหันกล้องมาทางซึงรีที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่ไม่ไกล
“ ยิ้มหน่อยซิ ”
ยองเบตะโกนบอกให้ซึงรียิ้ม ซึ่งซึงรีก็ได้เพียงส่งยิ้มแหยะๆให้ ยองเบกดถ่ายรูปสองสามแช๊ะแล้วกลับไปคุยกับผู้หญิงต่อ
“ เห็นมั้ยแบบนี้ดูสวยกว่ามากเลยเดี๋ยวลองถ่ายอีกรอบนะ ”
ยองเบบอกเด็กหญิงพร้อมส่งกล้องถ่ายรูปคืนเจ้าตัวก่อนจะแล้วรีบวิ่งตรงมาหาซึงรีอย่างรวดเร็ว
“ คุณมองกล้องนะยิ้มด้วย ”
ยองเบออกคำสั่งก่อนจะเอามือมากอดคอซึงรีจากด้านหลังแล้วหันหน้าไปยิ้มให้กล้อง
แช๊ะ .....แช๊ะ.....แช๊ะ
เด็กหญิงกดนิ้วรัวๆสามครั้ง ก่อนจะตรวจดูรูปแล้วยิ้มกว้างอย่างพอใจกับผลงาน
“ ขอบคุณมากๆนะค่ะขอบคุณค่ะ ”
เธอก้มหัวขอบคุณอย่างดีใจแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
“ นายทำบ้าอะไรเดี๋ยวเด็กคนนั้นก็คิดว่าเราเป็นอะไรกันหรอก ”
ซึงรีหันหน้ามาวีนใส่ยองเบแทบจะทันทีที่ผู้หญิงเดินไปลับตาพวกเขา
“ ก็น้องเขาคิดไปแล้วนิ ”
“ อะไรนะ! ”
“ ก็ไม่ได้ยินหรือไงเขาบอกว่าชอบพวกพี่มากเลยน่ารักดี ”
ยองเบพูดพร้อมกลับเดินไปนั่งในที่เดิมของตน
“ เออชั่งเถอะ ว่าแต่นายไปรู้เรื่องไอ้กล้องนั่นได้ไงอะอธิบายซะยาวเลยใช้เป็นหรอ ”
“ ก็นะกล้องแค่นี้เองปรับนิดหน่อยก็ถ่ายออกมาสวยแล้ว ”
ยองเบพูดเสียงเรียบก่อนจะตักข้าวผัดใส่ปากอีกคำ
“ นายทำงานอะไรกันแน่เนี้ย ”
ซึงรีถามอย่างสงสัย ยองเบเคยพูดว่างานของเขาไม่ต้องทำทุกวัน งานของเขาทำไม่เป็นเวลา แถมยองเบยังใช้กล้องได้อย่างกับมือโปรอีก...
“ ไม่บอก ”
ยองเบพูดกวนๆ
“ ไม่บอกก็ไม่อยากรู้หรอกเฟ้ย ”
ซึงรีชักสีหน้าใส่ยองเบก่อนจะแย่งช้อนจากมือยองเบไปตักข้าวคำใหญ่ข้าวปากตุ้ยๆอย่างเสียอารมณ์
...........................
.......................
..........
“ ขอบคุณนะครับพี่แซริน ”
ซึงรีก้มหัวขอบคุณแซรินที่ทำอาหารเย็น(ที่กินตอนดึก)ใส่กล่องให้เขากับยองเบหลังจากที่พวกเขาทำงานที่ร้านของเธอเสร็จ ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากงานที่ร้านอาหารของแซรินแล้ววันนี้ก็ไม่มีงานอะไรเหลืออีกแล้ว แต่แปลกที่วันนี้ซึงรีไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้าอะไรเลยแม้แต่นิดทั้งๆที่ต้องไปทั้ง ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ถูพื้นในห้างสรรพสินค้า อาบน้ำน้องหมา แล้วมาตบท้ายด้วยการล้างจานที่ร้านแซริน ก็งานทั้งหมดเขาไม่ได้ทำนี้นามีคนทำแทนเขาหมดเลยแล้วตอนนี้คนที่ทำงานแทนเขาก็พึ่งออกจากห้องน้ำหลังจากเปลี่ยนชุดจากชุดพนักงานร้านมาเป็นชุดปรกติ
“ ขอบคุณนะค่ะคุณยองเบ ที่มาช่วยที่ร้าน ฉันทำกับข้าวไว้ในกล่องที่ซึงรีนะค่ะทำเผื่อคุณด้วยยังไงอย่าลืมกินนะค่ะ ”
แซรินเอ่ยขอบคุณยองเบ
“ ขอบคุณนะครับผมกำลังคิดอยู่เลยว่าดึกขนาดนี้จะหาข้าวที่ไหนกินดี ”
“ ใครจะให้นายกิน! ”
ซึงรีที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์พูดอย่างเอาแต่ใจ
“ อะไรกันของกินตั่งเยอะกินคนเดียวไม่หมดหรอก ”
“ ก็บอกว่าไม่ได้ไง นายไม่มีสิทธิกิน ”
“ แต่ผมหิวแล้ว ”
“ ก็บอกว่ากินไม่ได้ไง ”
“ เหตุผล? ”
“ อันนี้ฉันจะเอาไปให้พ่อ...นายกับฉันเดี๋ยวไปกินบะหมี่ถ้วยในร้านมินิมาร์ทตรงหน้าทางเข้าบ้านก็ได้ ”
ซึงรีอธิบายเหตุผลให้ยองเบโดยที่ยองเบก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ พ่อนายฉันให้มินจีเอาไปให้แล้วแหละข้าวกล่องนี้นายกับคุณยองเบเอาไปกินเถอะไม่ต้องห่วงหรอก ”
แซรินพูดขึ้นหลังจากยื่นเงียบมองคนทั้งสองเถียงกันอย่างออกรสชาติอยู่นาน
“ จริงหรอครับพี่ขอบคุณมากนะครับ ”
ซึงรีรีบก้มหัวขอบคุณแซรินยกใหญ่ จนยองเบอดขำไม่ได้
“ ดึกแล้วกลับบ้านกันเถอะ ”
ยองเบลากรถเข็นมาใกล้ตัวซึงรีก่อนแขนแกร่งจะช้อนตัวคนที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ลงมานั่งบนเก้าอี้วิวแชร์ถ้าสังเกตดีดีจะเห็นว่าซึงรีแอบเขินแค่ไหนกับสิ่งที่ยองเบทำให้เขา วันนี้ทั้งวันยองเบอุ้มเขาหลายรอบแต่ซึงรีก็ทำใจให้ชินกับการโดนแขนใหญ่ๆกอดรัดไม่ได้ซักทีทุกทีที่โดนยองเบอุ้มขึ้นซึงรีรู้สึกแปลกเหมือนหัวใจจะเต้นเร็วกว่าปรกติแล้วยังรู้สึกว่าจังหวะการหายใจจะติดๆขัดๆยังไงก็ไม่รู้
“ ดึกแล้วผมขอตัวพาซึงรีกลับบ้านก่อนนะครับ ”
“ อ๊อ ค่ะกลับกันดีๆนะ ซึงรีหายไวไวนะ ”
ยองเบพาซึงรีเดินออกมาจากร้านทันทีหลังโบกมือลา
“ บ้านอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ใช่มั้ย? ”
จู่ๆยองเบก็เอ่ยถามซึงรีระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปตามท้องถนน
“ อืมไม่ค่อยไกลหรอก ”
“ งั้นเราเดินไปนะผมว่าแถวนี้แสงไฟเยอะสวยดี ”
“ นายไม่เหนื่อยหรอเดินไปเดินมาทั้งวันแล้วนิขึ้นรถเมย์ดีกว่ามั้ย ”
ซึงรีที่นั่งรถวิวแชร์ให้ยองเบเข็นอยู่หันหน้าไปถามอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยนัก
“ เหนื่อยแต่ถ้ามันคุ้มก็น่าทำนะ ”
“ อะไรนะ? ”
“ เปล่าๆๆ....เอาเป็นว่าผมอยากเดินแล้วกันนะ ”
“ อืม งั้นก็ตามใจนายเถอะฉันยังไงก็ได้ ”
ทั้งคู่เดินตามทางเท้าที่มีผู้คนควักไขว่ไปเรื่อยๆ ถึงจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยแต่ผู้คนที่เดินกันจอแจก แสงสียามราตรีบวกกับบรรยากาศหิมะสวยๆช่วยให้ซึงรีไม่รู้สึกอึดอัดเลยพูดตามจริงเขารู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีคนมาดูแลแบบนี้ ไม่นานทั้งคู่ก็เดินมาถึงโซนที่เป็นร้านขายของตามข้างทางซึ่งมีมากมายไปตามทางยาวของถนนสายนี้
“ ผมว่าไอ้นั้นเหมะกับคุณมากเลยนะ ”
ยองเบชี้นิ้วไปที่ผ้าผันคอสีแดงสดที่ถูกแขวนโชว์ในร้านขายผ้าพันคอตรงหน้าพวกเขา
“ ฉันไม่มีเงินซื้ออะไรแบบนั้นหรอก รีบกลับบ้านเถอะ ”
ใช่ว่าซึงไม่ชอบสิ่งที่ยองเบเสนอเขาชอบมันซะด้วยซ้ำแต่ดูเขาซิเขาไม่มีเงินมากพอซื้อของจุกจิกแบบนี้หรอกอยากได้แค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจ
“ งั้นรอผมตรงนี้แป๊บนึงนะเดี๋ยวมา ”
พูดจบยองเบก็เดินทิ้งซึงรีมุ่งหน้าไปที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านนั้นทันที
“ เฮ้ยไม่เอาอย่านะฉันไม่อยากได้ของแบบนั้นหรอก ”
ซึงรีตะโกนตามหลังอย่างรู้ทันว่ายองเบจะทำอะไร แต่คงจะสายไปแล้วล่ะเมื่อยองเบเดินกลับมาพร้อมผ้าพันคอสีแดงสวยในมือ
“ ถอดอันที่ใสออกก่อน ”
ยองเบออกคำสั่งให้ซึงรีถอดผ้าพันคอสีหม่นอันเก่าของตัวเองออก
“ ไม่เอานายเก็บไว้ใช้เองเถอะ ”
ซึงรีเมินหน้าหนีอย่างเกรงใจยองเบมองอาการของคนตรงหน้าซักพักก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข้าให้ระดับตัวเสมอซึงรีก่อนจะค่อยๆยกมือขึ้นมาแกะผ้าผันคออันเก่าของซึงรีออกถึงจะโดนขัดขืนในตอนแรกแต่สุดท้ายซึงรีก็ยอมให้เขาถอดมันออก ยองเบเก็บผ้าพันคออันเก่าใส่ในเป้ก่อนจะหันมาคลี่ผ้าผันคอสีสวยออกมาเต็มความยาวก่อนจะบรรจงใช้มันคล้องคอคนที่นั่งทำตัวไม่ถูกอยู่บนเก้าอี้วิวแชร์
” ทำไม? ”
ซึงรีถามเบาๆอย่างสงสัยไม่กล้าแม้แต่จะมองตายองเบ
“ ถือว่าเป็นของขวัญครบรอบสองวันที่เรารู้จักกันแล้วกันนะ ”
ยองเบพูดเสียงแน่วแน่แต่กลับอบอุ่นไปด้วยความจริงใจ ถ้าฟังไม่ผิดซึงรีได้ยินว่ายองเบให้ของขวัญเขา ในที่สุด ในที่สุดเขาก็มีของขวัญเหมือนคนอื่นเขาซักที่ถ้ายองเบอ่านใจคนได้ตอนนี้คงรู้ไปแล้วว่าซึงรีดีใจขนาดไหน ตื่นตันจน...จนห้ามน้ำตาไม่ได้
“ ฮือ..ขอ..บ...คุณนะ..ฮือ............ขอบคุณมาก ”
“ เฮ้ยร้องให้ทำไม เดี๋ยวคนอื่นก็หาว่าผมรังแกคุณหรอก ”
“ ฮือออ.........ฉันห้ามตัวเองไม่ได้นี้นา......ฮือออออออ ”
…To be Continue…
อันยอง อันยอง อันยอง หายไปนานมากกกกกกกกกกกกกกก กับการแต่งฟิคไม่รู้รออ่านกันอยู่เปล่า เหตุผลที่ไรต์หายไปหรอก็..........เอ่อ...........ก็............ช่างมันเถอะเอาเป็นว่าไรต์ขอโทษแล้วกันนะตอนนี้กลับมาแล้วไง ตอนนี้ก็เขียนให้ยาวเป็นพิเศษเลยนะเพื่อเป็นการขอโทษรีดเดอร์ ดีกันนะตะเอง ((คือที่หายไปคือหายไปตั่งใจเรียนหนังสือนะเพราะไรต์เรียนหนักมากช่วงที่หายไปแถมงานโรงเรียนอีกไรต์เหนื่อยมากกกกกกกเจียดเวลามาแต่งฟีคแทบไม่มีเลย)) มาเมาส์เรื่องBEARI กันตอนนี้น่่ารักนาขอบอก5555555+จะเห็นได้ว่าทั้งหมีล่ำและหมีแพนด้าเริ่มหวันไหวกันแล้วอิอิ
ภาพจำลองเหตุกาณ์ในห้องนอนของซึงรีอิอิ มันแคบขนาดนี้เลยหรือ
ความคิดเห็น