คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : First Gift
First Gift
กลางเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยหิมะในฤดูหนาวและแสงไฟในยามราตรี หลายชีวิตกำลังมีความสุข กับการสังสรรค์ในวันคริสต์มาส ด้วย อาหาร เครื่องดื่ม และขนมนานาชนิด เสียงหัวเราะที่เปี่ยมด้วยความสุข ความรักของคนในครอบครัวสมกับเป็นวันที่ทุกๆคนตั้งตารอให้มาถึงแต่สำหรับ อีซึงฮยอน แล้ววันแบบนี้เป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเลยครอบครัวของเขาไม่มีเงินมากพอที่จะเอามาจัดต้นคริสต์มาสสวยๆ หรือซื้ออาหารอร่อยๆ ในวันคริสต์มาส ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกันอยู่นั้นเขาต้องมานั่งล้างจานกลางอากาศหนาวเย็นจนมือของเขาชาและตอนนี้มันก็เริ่มจะแตกแล้ว ที่เขาต้องมานั่งทำงานเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ก็เพื่อหาเงินค่าใช้จ่ายและให้พ่อที่ติดการพนันเอาไปผลานเล่นในบ่อน เขาเคยคิดว่าถ้าหากพ่อของเขาไม่ติดการพนันจนงัวหัวไม่ขึ้น ฐานะทางบ้านของเขาคงจะดีกว่านี้ เขาคงมีเสื้อใหม่ๆใส่ ได้กินอาหารแพงๆ แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น
“เฮ่ซึงรีเป็นไงบ้างจ๊ะ ลำบากหน่อยนะวันนี้ร้านเราคนเยอะเป็นพิเศษเลยล่ะจ๊ะ”
รินแซริน สาวสุดเปรี้ยวเจ้าของร้านกล่าวทักทายพนักงานในร้านอาหารของเธอด้วยความสนิทสนม เธอจ้างซึงรีมาเป็นเด็กล้างจานที่ร้านอาหารของเธอ และด้วยความขยันและนิสัยที่แสนหน้ารักของซึงรีทำไห้เธอเอ็นดูเขาเหมือนน้องชาย
“ ทำไงได้ล่ะครับวันนี้วันคริสต์มาสนิคนก็เยอะเป็นธรรมดา ดีซะอีกร้านพี่จะได้กำไรเยอะๆไง”
“ นั้นซินะฉันก็คิดแบบนั้นแหละ นี้ซึงรีเดี๋ยวล้างจานชุดนี้เสร็จก็กลับได้เลยนะไม่ต้องรอเก็บร้านนะจ๊ะ วันนี้พี่ให้กลับไวได้”
“ อ่าวแล้วพี่จะทำคนเดียวไหวหลอครับ”
“ นี้ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงแต่ฉันฉันก็แข็งแรงนะย่ะอีกอย่างฉันมีมินจีอยู่ช่วยอยู่แล้วเธอรีบกลับบ้านเถอะอากาศมันเย็นอีกอย่างบ้านเธออยู่ไกล พวกฉันเป็นห่วง ”
“ เออ..จะดีหลอครับผมเกรงใจจัง ”
“ เถอะน่าพี่แซรินเขาอุส่าใจดีนายรีบกลับบ้านดีกว่านะ ”
สาวน้อยหน้ารัก มินจีที่มาทำหน้าที่เด็กเสริฟในร้านพูดขึ้นก่อนจะเดินไปเสริฟอาหารต่อ
“ เอ่อถ้าอย่างนั้นผมกลับแล้วนะครับ ”
“ จ๊ะๆ กลับดีๆนะ ”
หนุ่มน้อยกล่าวคำลากับเจ้าของร้านหยิบกระเป๋าเป้แล้วเดินออกจากร้านก้าวขาไปตามทางฟุตบาทข้างถนนใหญ่ไปมุ่งหน้าไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อกลับบ้าน วันนี้ไม่มีงานอื่นที่เขาจะไปทำต่ออีกแล้ว งานที่ร้านอาหารคืองานสุดท้ายของวัน ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำงานหลายๆงานเพื่อที่จะให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในบ้าน ทำไงได้ล่ะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองนิสำหรับเขาคำว่า ขยัน เท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถอยู่รอดบนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้ได้
…………………………………………………………………………
“ ที่รัก Merry Christmas นะจ๊ะนี้ของขวัญสำหรับเธอจ๊ะ ”
“ ตัวเองอะหน้ารักที่สุดเลยมามะ จุ๊บบบ”
ผมหยุดมองภาพคู่รัก แสนหวานคู่หนึ่งกำลังมอบของขวัญให้กันอย่างหน้ารัก สำหรับหลายคนที่มองเห็นอาจมองเห็นความหน้ารักของคู่รักคู่นี้แต่สำหรับ ผมแล้วไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นหรอกแต่สิ่งที่ผมสนใจคือไอ้กล่องสีแดงประดับริบบิ้นที่อยู่ในมือของคู่รักฝ่ายหญิงมากกว่า ใช่แล้ว ของขวัญไงล่ะ ตั้งแต่จำความได้ผมไม่เคยได้รับของขวัญจากใครเลย ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อน หรือครอบครัวทำให้ผมรู้สึก อิดฉาทุกครั้งที่เห็นใครๆได้ของขวัญ ผมตัดสินใจล่ะสายตาจากพวกเขาแล้วก้าวเดินต่อไป ไม่อยากคิดถึงเรื่องความขมขื่นเกี่ยวกับเจ้ากล่องติดริบบิ้นนั้นอีกแล้วทำไมเราต้องไปอยากได้ได้มันนักหนานะไม่เข้าใจเลยฉับพลันตาเจ้าปัญหาของผมก็ไปสะดุดกับป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ ที่เขียนไว้ชัดเจนว่า
“ ประสงค์ สิ่งใดจงอธิฐานกับผู้เป็นพระเจ้า ”
อยากได้อะไรก็ขอจากพระเจ้างั้นหรอ ผมพูดกับตัวเองเบาๆเพื่อทบทวนสิ่งที่ได้เห็น เป็นอะไรที่ดูเด็กๆมากเลยนะว่าไหม แต่ถ้า....................ลองดูก็ไม่ได้เสียหายอะไรนิ
“พระเจ้าครับตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยขออะไรท่านเลย แต่ครั้งนี้ผมทนไม่ไหวจริงๆอะ ขอร้องล่ะครับ ผมอยากได้ของขวัญซักชิ้นอะไรก็ได้ขอร้องล่ะครับ”
หิมะสีขาวก็ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าทันทีที่ผมอธิฐานขอพรในใจเสร็จท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจวนจะติดลบอยู่แล้วยังต้องเจอความหนาวยิ่งกว่าอีกอะไรจะซวยขนาดนี้เนี้ย สงสัยผมคงจะเป็นมนุษย์ผู้เดียวที่พระเจ้าไม่รัก ท่านถึงไม่ให้ของขวัญสำหรับผม หรือ หิมะ นี่อาจจะเป็นของขวัญจากพระเจ้าก็ได้ใครจะรู้ล่ะโอ๊ยช่างมันเถอะ ผมสะบัดความคิดเด็กๆออกไปจากหัวทันที แล้วเดินไปที่ป้ายรถเมล์และความซวยชั้นที่สองก็เกิดขึ้น
รอผมด้วยยยย ผมรีบสาวเท้าข้ามไปอีกฟากของทางถนนทันที เพราะรถเมล์เที่ยวสุดท้ายกำลังจะเคลื่อนตัวออกไปจากป้ายรถเมล์
!!!....ปี๋มๆๆๆๆๆๆ…!!!เฮ้ยยยยยยยย............ โครม!!!!
ด้วยความตกใจและเร่งรีบของผมทำให้ผมไม่ทันสังเกตเลยว่ามีรถสปอตสุดหรูคันหนึ่งวิ่งผ่านถนนมาพอดี แสงไฟสีแสดจ้าจากรถหรูคันนั่นสาดเข้าตาผมอย่างจังทุกอย่างในหัวผมทำพร่ามัวไปหมดแต่ผมยังรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกมหาศาลที่รถสปอตคันนั้นมอบให้กับผมด้วยแรงกระแทกที่มหาสารทำให้ผมล้มลงไปนอนกับพื้นถนนอย่างง่ายดาย ผมทั้งสับสน มึนงง และเจ็บปวด จนทำอะไรไม่ถูกร่างกายเหมือนถูกสะกดไม่ให้ขยับตัว โอ๊ยเจ็บ...นี้เราจะตายไหมเนี้ย....แต่ตายๆไปก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทนลำบากเหมือนทุกวันนี้จะได้ไปอยู่กับพระเจ้าในสวนอีเดนนี้คงเป็นของขวัญจากพระเจ้าแล้วแหละ เอ๋........นั้นใครนะ........ อ๋อสงสัยคงเป็นเทวดา เทวดาแน่ๆเลยเขาคงมารับตัวผมแล้ว ความคิดของผมหยุดลงแค่นั้น
“และทุกอย่างก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดโดยปริยาย”
..........................................................................................................................................................
+++ ณ โรงพยาบาล +++
ร่างหนากำลังเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เขาเดินไปเดินมาด้วยความกังวลใจอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน “เมื่อกี้เราขับรถชนเด็กคนนั้น เขาจะเป็นอะไรมากไหมนะ ถ้าเกิดตายขึ้นมาล่ะไม่นะไม่ไม่ไม่ไม่”
แล้วความมคิดของชายหนุ่มก็หยุดลงเมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนในชุดกลาวสีขาวสะอาดออกมาจากห้อง เขาไม่รีรอรีบวิ่งไปหาชายคนนั้นทันที
“ หมอครับเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ”
“ เออไม่เป็นไรมากหรอกครับแค่ตกใจจนหมดสติไปแล้วก็กระดูกขาหักอันนี้รุนแรงอยู่นะครับแต่นะครับทางเราใส่เฝือกให้แล้วยังไงพยามอย่าให้คนไข้เดินไปเดินมาซัก สามเดือนเพื่อให้กระดูกเข้าที่ดีก่อนนะครับ ”
“ ครับขอบคุณมากครับ ”
“เอ่อแล้วจะให้เขาพักห้องไหนหรอครับห้องรวมหรือห้องพิเศษ”
“ห้องพิเศษซิครับ”
“งั้นผมจะให้พยาบาลย้ายเขาไปพักเดี๋ยวนี้แหละครับ”
“ขอบคุณครับ”
“ ยินดีครับถ้าหากมีอะไรก็เรียกหมอได้เลยนะ ”
“ ครับงั้นผมเข้าไปดูเขาซักหน่อยดีกว่าขอตัวนะครับ”
หลังจากจบการสนทนาร่างหนาก็เดินตามพยาบาลเข้ามาในห้องพักฟื้นพิเศษที่ด้านในมีคู่กรณีของเขานอนหลับไม่ได้สติอยู่
เพียงแว๊ปแรกที่เขามองเห็นดวงหน้าของซึงรีก็อ้าปากค้าง “หน้ารัก” คำๆเดียวที่ออกมาจากปากของร่างหนาก่อนที่ดวงตาของเขาจะจดจ้องแต่คนหน้ารักที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกจนได้ยินเสียงยุงบินผ่านหูจึงเรียกสติเขาคืนมาได้
“ มือถือก็ไม่มี บัตร์อะไรก็ไม่มีแล้วจะติดต่อญาติยังไงล่ะเนี้ย สงสัยคืนนี้คงต้องนอนเฝ้าจริงๆซิ ”
ร่างหนาเดินไปนั่งบนโซฟาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ซวยจริงๆวันนี้เขาอุส่าตั่งใจว่าจะไปหาที่ดื่มย้อมใจหลังถูกแฟนสาวที่คบกันมานานบอกเลิกซะหน่อยแต่กลับต้องมานั่งเฝ้าคนไข้แทนซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
.......................................................................................................................................................
ยามเช้าอันสดใสแสงแดดยามเช้าปลุกให้คนตาคร้ำที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ตื่นจากนิททรา
“ โอ๊ยปวดหัวชิป.......
สงสัยนอนนานเกินไปหน่อย ...........
จริงซิเราตายแล้วนินี้คงเป็น......
สวรรค์ซินะ........
เอ๋แต่ทำไมสวรรค์มีสายน้ำเกลือด้วยว่ะ....
เฮ้ย!!!นี้มันโรงพยาบาลนิ ”
ซึงรีคิดได้แบบนั้นก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงคนไข้ก่อนจะสังเกตรอบๆ
“ โอ้โห หรูนะเนี้ยแต่จะเอาตังค์ไหนจ่ายว่ะ TOT คนที่มาส่งแม่งไม่น่าบอกหมอให้มาอยู่ในห้องพิเศษเลยงั้นถ้าหมอมาก็ขอย้ายห้องละกัน ”
ซึงรีพูดกับตัวเองเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกับมีใครอีกซักคนมานั่งเป็นเพื่อนคุยกับเขาและด้วยเสียงของซึงรีที่ติดจะดังไปซักหน่อยทำให้คนที่นอนเฝ้าบนเตียงถูกปลุกขึ้นมาจากการนอนหลับ ซึงรีก็พึ่งสังเกตเห็นเหมือนกันว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องนี้กับเขาด้วย
“ นะ.....นายเป็นใคร ”
ซึงรีเอ่ยอย่างเก้ๆกังๆ ตาเรียวรีบสำรวจรูปร่างหน้าตาของคนแปลกหน้าอย่างไม่ไว้ใจ
“ อ๋อ ผมชื่อ ทง ยองเบนะ”
ยองเบรีบแนะนำตัวกับอีกคนที่นั่งมองหน้าเขาอยู่บนเตียงก่อนจะมีการเข้าใจผิดไปกันใหญ่เกิดขึ้น
“ เอ่อแล้วนาย เอ่ย! คุณยองเบนอนเฝ้าผมทั้งคืนเลยหรอครับหรอ ”
ไม่มีเสียงตอบจากอีกคนมีเพียงการพยักหน้าส่งให้แทนพอให้เข้าใจว่าใช่
“ อ่อ ขอบคุณมากนะครับ ”
ซึงรียิ้มพร้อมก้มหัวขอบคุณอีกฝ่ายแต่ไม่ทันที่เจ้าตัวจะพูดอะไรต่อตาเจ้ากรรมก็ดันไปสบกับนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้ 10 โมงแล้ว
“ เฮ้ย 10โมงแล้วหรอเนี้ย แย่แล้ว แย่แล้วไม่ทันแน่เลย โอ๊ย! ”
ซึงรีตกใจมากเพราะตอนนี้เลยเวลาทำงานที่ร้านหนังสือของเขาแล้วและถ้าขืนเขาเหลดอีก10นาทีเขาคงต้องโดนเด้งออกจากงานแน่แถมงานในร้านหนังสือก็เงินดีคงเป็นเรื่องแย่มากแน่ถ้าเขาเสียงานนี้ไปแต่เพียงแค่สองขาพยายามจะลุกออกจากเตียงเท่านั้นแหละความรู้สึกเจ็บที่ขาก็พุ่งแปรบมาทักทายเขาทันทีซึงรีขยับขาไม่ได้เลยนี้มันเกิดอะไรกับเขาเนี้ย
“ ขา...ขา...ผม ”
ซึงรี อุทานด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมาให้กับคนพึ่งรู้จักที่ยืนอยู่ข้างๆ ยองเบที่เจอสายตาอันหน้าสงสารแบบนี้เข้าไปถึงกับ รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม ร่างหนาได้แต่อ้าปากค้างจะพูดก็พูดไม่ออกจะบอกยังไงดีว่าเขานี้แหละที่ทำให้ซึงรีเป็นแบบนี้
“ ขอโทษ นะครับคือผมไม่ได้ตั่งใจ ”
ยองเบก้มหัวขอโทษรัวๆโดยที่ซึงรีได้แต่ งงงวยว่าผู้ชายคนนี้กำลังทำบ้าอะไร จนเขาฉุกคิดอะไรบางอย่างได้
“ อย่าบอกนะว่าคุณ.......เป็นคนขับรถคันนั้น ”
ซึงรีถามเสียงเข้าคาดคั้นความจริงยองเบที่ไม่รู้จะโกหกไปทำไมได้แต่พยักหน้าหงึกๆเช่นเคย
“ แล้วขาผมมันจะหายเมื่อไหร่ ”
ซึงรีถามอย่างตื่นเต้นภาวนาขอให้เป็นแค่ 2-3 อาทิตย์ก็หายทีเถอะ
“ สามเดือน ”
คำเรียบๆที่ออกมาจากปากร่างหนาแต่มันกับทำให้โลกทั้งใบของซึงรีแตกสลาย ชายหนุ่มหน้าซีดเผือกช๊อกกับคำพูดของยองเบในหัวคิดถึงว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรถ้าเขาต้องกลายเป็นง่อยไปหนึ่งเดือน
(( ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าข้าว ค่าเข้าบ่อนพ่อ ค่านั้นโน่นนี่ ตรูจะเอาไหนจ่าย ))
“ เฮ่.....เอ่อ..คุณ OK ใช่มั้ย เฮ่ ”
หลังจากที่เห็นว่าซึงรีจะเหม่อลอยนานเกินไปแล้วยองเบตัดสินใจใช้มือหนาเขย่าไหล่ของซึงรีเรียกสติที่หลุดไปไหนถึงไหนให้กลับมาเข้าร่างแต่เมื่อซึงรีรู้สึกตัวเท่านั้นแหละ คิ้วหนาเริ่มขยับเข้ามหากันจนจวนจะชิดกัน
ปากบางสวยเริ่มยู่ยี้ พร้อมเสียงสะอึกที่ดันมาจากลำคอประสารกับมวลน้ำขนาดมหึมากำลังจะโถมเข้ามาอยู่รอมร่อ อย่านะ.........อย่านะ...........อย่า..................
“ ฮืออออออออ...OK ห่าอะไรล่ะ.....นายรู้อะไรมั้ย....ฮึก.....นายกำลังทำชีวิตฉันให้ลำบากกว่าเดิมนะ ฮืออออออออ.........ลำพังก็แย่อยู่แล้วยิ่งมาขาเดี้ยงแบบนี้อีก ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าโน่นนี่ล่ะ งานที่ฉันทำอยู่เนี้ยถ้าไม่ไปทำงานเขาก็จะตัดออกเลยนะ ฮือออออออ........ ”
“ ผมขอโทษ ”
“ ขอโทษแล้ว ขาฉันมันจะกลับมาดีมั้ยห่ะ ฮืออออออออออ ”
ซึงรีร้องไห้อย่างหนักถึงเขาไม่รู้จริงๆว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่เขามั่นใจว่ามันจะต้องมืดมนกว่าเดิมแน่นอน ร่างบางร้องไห้อยู่บนเตียงจนเหนื่อยและหลับไปทิ้งให้ยองเบนั่งเฝ้าอีกครั้งภายในใจของร่างหนารู้สึกแย่มากแย่ แย่จริงๆ ฉับพลันตาเจ้ากรรมของยองเบก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเป้สีเขียวเข้มๆเก่าๆที่น่าจะเป็นของซึงรีความจริงมันอยู่ในนี้มาตั่งแต่เมื่อคืนแล้วหละแต่เขาไม่ได้สังเกตและสนใจมันจึงไม่คิดจะแอบเปิดแต่ตอนนี้........
“ อะไรเนี้ยร้านอาหาร CL kitchen”
ยองเบค้นภายในกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยใบปลิวรับสมัคงานและชุดพนักงานร้านนั้นโน่นนี่เต็มไปหมดแต่เขากลับมาสนใจเสื้อกันเปื้อนร้านอาหารของแซริน เพราะมันมีเบอร์โทรติดต่ออยู่ตรงปกเสื้อ ร่างหนาตัดสินใจกดเบอร์ ของร้านอาหารเผื่อเขาจะมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวของนายซึงรีคนนี้บ้าง
“ ฮัลโหล ใช่ร้าน อาหาร CL kitchenหรือเปล่าครับ..............อ่าดีจังเลยคือแบบนี้นะครับคุณรู้จักคนที่ชื่ออีซึงฮยอนมั้ยครับ..........อ่อเป็นพนักงานที่ร้าน ดีเลยครับ คือตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลหนะครับ ผมไม่รู้ว่าจะพาติดต่อญาติเขาได้ยังไงเอ่อ........คุณพอมีเวลามาที่นี่ซักหน่อยมั้ยครับ...........ครับๆขอบคุณมากนะครับถ้าหากมาถึงโรงพยาบาลแล้วกรุณาโทรกลับเบอร์นี้นะครับ ครับๆๆขอบคุณครับ ”
หลังจากที่โทรหาทางร้านซึ่งก็ได้รับคำตอบที่ดีสมกับที่ยองเบต้องแอ๊ปผู้ดีพูดสุภาพซะนานสองนานชายร่างหนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ อีกแป๊ปเดียวก็จะมีคนมารับคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วและเขาก็จะเป็นอิสระแค่จ่ายค่าเสียหายทุกอย่างก็จะจบ
................................................................................................................................................................
“ ซึงรี โถ่เจ็บตรงไหนมั้ย ”
แซรินและมินจีเดินมาถึงแทบจะทันทีหลังจากว่างสายจากยองเบแต่ด้วยสภาพการจราจรที่รถติดขัดอย่างมากทำให้ใช้เวลาไปเกือบ 3ชั่วโมงจึงจะมาถึง ตอนนี้ซึงรีตื่นแล้วเขาดีใจจนแทบจะร้องให้อีกรอบเมื่อเห็นหน้าของแซรินและมินจี
“ เจ็บซิครับหมอบอกว่า กระดูกขาร้าวเดินไม่ได้ไปอีกนานเลย ”
ซึงรีสีหน้าหมองเศร้าลงอีกครั้งเมื่อนึกถึงขาของตน
“ ตายจริงแย่เลยซิ แล้วนี้จะไปพักที่ไหนล่ะ ถ้าที่บ้านไม่มีคนดูแลแน่เลย ”
แซรินเอ่ยอย่างเป็นห่วงสำหรับพนักงานทุกคนในร้านของเธอก็เหมือนพี่น้องทำไมเธอจะไม่รู้ถึงสภาพทางบ้านของซึงรี
“ ก็อยู่กับพ่อไงครับ ”
ซึงรีพูดเบาๆถึงพ่อเขาจะติดการพนันแต่ก็คงไม่ทอดทิ้งให้ลูกในใส้หรอก
“ เอ่อ....ซึงรี....จะว่ายังไงดีล่ะ....คือพ่อนายน่ะเพิ่งโดนตำรวจจับเมื่อคืนนะ ”
มินจีตัดสินใจบอกความจริงกับซึงรีตรงๆทำเอาซึงรีทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวนี้หรอคือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับเขาถ้าของขวัญมันจะเจ็บปวดแบบนี้ซึงรีก็ไม่อยากได้หรอกนะ
“ แล้วพ่อต้องติดคุกนานมั้ยครับ ”
“ ก็ประมาณ ปีนึงอะนะเมื่อคืนตำรวจไปบุกบ่อนที่พ่อนายเล่นได้ยินว่าเจอทั้งการพนัน ค้าประเวณี ยาเสพติด พ่อนายเลยโดนหางว่าวไปด้วย ”
ยองเบที่นิ่งฟังอยู่นานถึงกับหูผึ่งเลยทีเดียวกับบทสนทนของทั้งสามคน ความคิดที่จะสลัดปัญหาทิ้งด้วยเงินของเขาหายไปหมดสิ้นเพราะถ้าเป็นถึงขนาดนี้แค่เงินคงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้
“ เอ่อ........ถ้าซึงรีไม่รังเกียจ.........มาอยู่กับผมมั้ย ”
ยองเบตัดสินใจยื่นขอเสนออีแค่ปีเดียวจะอะไรมากมายแถมจากที่ฟังมานายคนนี่น่าจะมีปัญหาแน่ถ้าหากอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล
“ ว่าไงนะ ”
ทั้ง ซึงรี แซริน และ มินจีเอ่ยพร้อมกันอย่างไม่อยากเชื่อ
“ ผมพูดว่า มาอยู่กับผมมั้ยผมจะได้ช่วยดูแลคุณไง ”
“ ไม่เอาอะ ”
ซึงรีส่ายหัวรัวๆไม่ยอบรับข้อเสนอเรื่องอะไรจะให้เขาไปอยู่กับคู่กรณีกันล่ะ แซรินมองหน้าซึงรีแล้วพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มเธอพยักหน้าให้ซึงรีแล้วหันหน้าไปหายองเบที่ยืนรอคำตอบอยู่ไม่ห่าง
“ ซึงรีเขาไม่ไปหรอก ”
เพียงแซรินเอ่ยแบบนั้นออกไปซึงรีก็ยิ้มกว้างอย่างสบายใจ แซรีนเข้าใจความรู้สึกของเขาเสมอจริงๆ
“ เอางี้ซินายก็ย้ายตัวเองมาดูแลซึงรีที่บ้านของซึงรีดีมั้ย ”
แคว้ง!!!(เสียงหน้าแตก) รอยยิ้มของซึงรีหุบลงอย่างรวดเร็วปานดอกเห็ดโดนฝน
“ อะไรกันไหงพี่ทำงี้อะ มินจีพูดอะไรซักอย่างซิ ”
ซึงรีรีบหาแนวร่วมทันทีเขาไม่อยากไปที่ไหนทั้งนั้นและก็ไม่อยากให้ใครหน้าไหนที่ไม่เคยรู้จักมาอยู่ดูแลเขาด้วย
“ ฉันว่าแบบนี้ก็ดีนะซึงรีนายนะต้องนั่งรถเข็นอีกตั้งหลายเดือนแถมพ่อนายก็ไม่อยู่อีกถ้านายไม่ยอมทิ้งบ้านนายก็ต้องให้เขารับผิดชอบมาดูแลแหละถูกแล้ว ”
มินจีอธิบายอย่างมีเหตุผล
“ ตะ...ตะ...แต่ พวกเธอก็ดูแลฉันได้นิ ”
“ แล้วร้านล่ะใครจะดูอย่าเรื่องมากน่า ตกลงตามนี้นะค่ะคุณยองเบ ”
แซรินเอ่ยเสริมก่อนจะหันหน้ากลับไปหายองเบอีกครั้งเพื่อถามความแน่ใจ
“ ครับ ถ้าปล่อยคุณไว้เฉยๆผมก็รู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเลยนะฉะนั้นให้ผมไถ่โทษนะ ”
ยองเบเดินมาใกล้เตียงนอนคนไข้กว่าเดิมพร้อมจ้องมองใบหน้าของซึงรีอย่างจริงใจ
“ งานการไม่มีทำหรือไงถึงได้จะมารับดูแลคนไข้แบบนี้ ”
ซึงรีแว้ดใส่ร่างหนาโดยสายตาหันออกไปนอนหน้าต่างไม่แลมองสายตาแสนจริงใจเลยซักนิด
“ ผมไม่ต้องทำงานเป็นเวลาผมทำงานตามออเด้อไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ งั้นจ้างพยาบาลมาดูแลฉันดีกว่า ”
“ พยาบาลเป็นผู้หญิงเขาดูแลคุณไม่ได้หรอก ”
“ บุรุท พยาบาล ก็ได้ ”
“ บุรุทพยาบาลได้ยังไง คุณไม่กลัวหรือไงออกข่าวฆ่าขโมยเงินเจ้าของบ้านหนะ ”
“ บ้านฉันไม่มีเงินหรอกน่า ไม่ต้องกลัว ”
“ แต่... ”
“ โอ๊ยจะเถียงกันทำไมว่ะ!!! ซึงรีตกลงตามนี้แหละดีแล้วถ้าไม่อยากให้เขาไปอยู่บ้านนายนายก็ย้ายไปอยู่คอนโดเขาแล้วถ้านายไม่อยากอยู่คอนโดเขาก็ให้เขาย้ายมาอยู่เป็นเพื่อน เขาอุส่ามีน้ำใจขนาดนี้ก็ดีขนาดไหนแล้วดีกว่าชนแล้วหนีให้นายนอนอยู่ข้างถนนนะ นายควรขอบคุณเขาไม่ใช่มาโวยใส่เขาแบบนี้ ห้ามร้องไห้นะ ”
แซรินที่รำคาญ กับการโต้เถียงของคู่กรณีคู่นี้จนต่อมความอดทนของเธอหมดลงในที่สุดหญิงสาวระเบิดอารมณ์ใส่ซึงรีอย่างน่ากลัวถ้าไม่ติดโดนขู่ไม่ให้ร้องไห้ป่านนี้ซึงรีรองน้ำตาได้เป็นกาละมังแล้ว
“ พี่ค่ะใจเย็นก่อนซิ ”
มินจีรีบห้ามปรามแซรินไว้ก่อนที่จะมีการฆ่ากันตายเกิดขึ้นจริงๆ
“ ก็ได้ครับ ให้นายคนนี้มาอยู่ด้วยก็ได้ ”
ซึงรีบ่นอุบอิบก่อนจะหันหน้าไปทางหน้าต่างอย่างขัดใจ แซรินได้แต่ยิ้มเหนื่อยใจกับความรั้นของน้องชายไม่แท้ของเธอ
…To be Continue…
Hi Hi Hi สวัสดีจร๊คคิดถึงEasy Anotherกันหรือเปล่ากลับมาแล้วนะพร้อมแกลนโอเพนนิ่งฟิคใหม่ 5555 หวังว่าจะชอบกันนะที่รักไรต์กะเวลาลงให้เข้ากับชช่วงหน้าหนาวรีตจะได้คิดภาพออกยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะชอบกด LIKE ถ้าใช่กดเม้นเลยนะ5555+
ความคิดเห็น