ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic: BigBamg BeaRi ] MY GIFT ของขวัญจากใจให้นายคนเดียว

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : First Gift

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 57


    First Gift

    กลางเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยหิมะในฤดูหนาวและแสงไฟในยามราตรี หลายชีวิตกำลังมีความสุข กับการสังสรรค์ในวันคริสต์มาส ด้วย อาหาร เครื่องดื่ม และขนมนานาชนิด เสียงหัวเราะที่เปี่ยมด้วยความสุข ความรักของคนในครอบครัวสมกับเป็นวันที่ทุกๆคนตั้งตารอให้มาถึงแต่สำหรับ อีซึงฮยอน แล้ววันแบบนี้เป็นอะไรที่เขาไม่ชอบเลยครอบครัวของเขาไม่มีเงินมากพอที่จะเอามาจัดต้นคริสต์มาสสวยๆ หรือซื้ออาหารอร่อยๆ ในวันคริสต์มาส ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกันอยู่นั้นเขาต้องมานั่งล้างจานกลางอากาศหนาวเย็นจนมือของเขาชาและตอนนี้มันก็เริ่มจะแตกแล้ว ที่เขาต้องมานั่งทำงานเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ก็เพื่อหาเงินค่าใช้จ่ายและให้พ่อที่ติดการพนันเอาไปผลานเล่นในบ่อน เขาเคยคิดว่าถ้าหากพ่อของเขาไม่ติดการพนันจนงัวหัวไม่ขึ้น ฐานะทางบ้านของเขาคงจะดีกว่านี้ เขาคงมีเสื้อใหม่ๆใส่ ได้กินอาหารแพงๆ แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น

    “เฮ่ซึงรีเป็นไงบ้างจ๊ะ ลำบากหน่อยนะวันนี้ร้านเราคนเยอะเป็นพิเศษเลยล่ะจ๊ะ”

    รินแซริน สาวสุดเปรี้ยวเจ้าของร้านกล่าวทักทายพนักงานในร้านอาหารของเธอด้วยความสนิทสนม เธอจ้างซึงรีมาเป็นเด็กล้างจานที่ร้านอาหารของเธอ และด้วยความขยันและนิสัยที่แสนหน้ารักของซึงรีทำไห้เธอเอ็นดูเขาเหมือนน้องชาย

    “ ทำไงได้ล่ะครับวันนี้วันคริสต์มาสนิคนก็เยอะเป็นธรรมดา ดีซะอีกร้านพี่จะได้กำไรเยอะๆไง”

    “ นั้นซินะฉันก็คิดแบบนั้นแหละ นี้ซึงรีเดี๋ยวล้างจานชุดนี้เสร็จก็กลับได้เลยนะไม่ต้องรอเก็บร้านนะจ๊ะ วันนี้พี่ให้กลับไวได้”

    “ อ่าวแล้วพี่จะทำคนเดียวไหวหลอครับ”

    “ นี้ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงแต่ฉันฉันก็แข็งแรงนะย่ะอีกอย่างฉันมีมินจีอยู่ช่วยอยู่แล้วเธอรีบกลับบ้านเถอะอากาศมันเย็นอีกอย่างบ้านเธออยู่ไกล พวกฉันเป็นห่วง ”

    “ เออ..จะดีหลอครับผมเกรงใจจัง ”

    “ เถอะน่าพี่แซรินเขาอุส่าใจดีนายรีบกลับบ้านดีกว่านะ ”

    สาวน้อยหน้ารัก มินจีที่มาทำหน้าที่เด็กเสริฟในร้านพูดขึ้นก่อนจะเดินไปเสริฟอาหารต่อ

    “ เอ่อถ้าอย่างนั้นผมกลับแล้วนะครับ ”

    “ จ๊ะๆ กลับดีๆนะ ”

    หนุ่มน้อยกล่าวคำลากับเจ้าของร้านหยิบกระเป๋าเป้แล้วเดินออกจากร้านก้าวขาไปตามทางฟุตบาทข้างถนนใหญ่ไปมุ่งหน้าไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อกลับบ้าน วันนี้ไม่มีงานอื่นที่เขาจะไปทำต่ออีกแล้ว งานที่ร้านอาหารคืองานสุดท้ายของวัน ในหนึ่งวันเขาจะต้องทำงานหลายๆงานเพื่อที่จะให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในบ้าน ทำไงได้ล่ะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองนิสำหรับเขาคำว่า ขยัน เท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถอยู่รอดบนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้ได้

    …………………………………………………………………………

     

    “ ที่รัก   Merry Christmas นะจ๊ะนี้ของขวัญสำหรับเธอจ๊ะ ”

    “ ตัวเองอะหน้ารักที่สุดเลยมามะ จุ๊บบบ”

     

    ผมหยุดมองภาพคู่รัก แสนหวานคู่หนึ่งกำลังมอบของขวัญให้กันอย่างหน้ารัก สำหรับหลายคนที่มองเห็นอาจมองเห็นความหน้ารักของคู่รักคู่นี้แต่สำหรับ ผมแล้วไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นหรอกแต่สิ่งที่ผมสนใจคือไอ้กล่องสีแดงประดับริบบิ้นที่อยู่ในมือของคู่รักฝ่ายหญิงมากกว่า ใช่แล้ว ของขวัญไงล่ะ ตั้งแต่จำความได้ผมไม่เคยได้รับของขวัญจากใครเลย ไม่ว่าจะเป็นจากเพื่อน หรือครอบครัวทำให้ผมรู้สึก อิดฉาทุกครั้งที่เห็นใครๆได้ของขวัญ  ผมตัดสินใจล่ะสายตาจากพวกเขาแล้วก้าวเดินต่อไป ไม่อยากคิดถึงเรื่องความขมขื่นเกี่ยวกับเจ้ากล่องติดริบบิ้นนั้นอีกแล้วทำไมเราต้องไปอยากได้ได้มันนักหนานะไม่เข้าใจเลยฉับพลันตาเจ้าปัญหาของผมก็ไปสะดุดกับป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ ที่เขียนไว้ชัดเจนว่า

     

    “ ประสงค์ สิ่งใดจงอธิฐานกับผู้เป็นพระเจ้า ”

    อยากได้อะไรก็ขอจากพระเจ้างั้นหรอ ผมพูดกับตัวเองเบาๆเพื่อทบทวนสิ่งที่ได้เห็น เป็นอะไรที่ดูเด็กๆมากเลยนะว่าไหม แต่ถ้า....................ลองดูก็ไม่ได้เสียหายอะไรนิ

     

    “พระเจ้าครับตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยขออะไรท่านเลย แต่ครั้งนี้ผมทนไม่ไหวจริงๆอะ ขอร้องล่ะครับ ผมอยากได้ของขวัญซักชิ้นอะไรก็ได้ขอร้องล่ะครับ”

     

    หิมะสีขาวก็ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าทันทีที่ผมอธิฐานขอพรในใจเสร็จท่ามกลางอากาศหนาวเย็นจวนจะติดลบอยู่แล้วยังต้องเจอความหนาวยิ่งกว่าอีกอะไรจะซวยขนาดนี้เนี้ย  สงสัยผมคงจะเป็นมนุษย์ผู้เดียวที่พระเจ้าไม่รัก ท่านถึงไม่ให้ของขวัญสำหรับผม หรือ หิมะ นี่อาจจะเป็นของขวัญจากพระเจ้าก็ได้ใครจะรู้ล่ะโอ๊ยช่างมันเถอะ ผมสะบัดความคิดเด็กๆออกไปจากหัวทันที แล้วเดินไปที่ป้ายรถเมล์และความซวยชั้นที่สองก็เกิดขึ้น

    รอผมด้วยยยย ผมรีบสาวเท้าข้ามไปอีกฟากของทางถนนทันที เพราะรถเมล์เที่ยวสุดท้ายกำลังจะเคลื่อนตัวออกไปจากป้ายรถเมล์

     

    !!!....ปี๋มๆๆๆๆๆๆ…!!!เฮ้ยยยยยยยย............ โครม!!!!

     

    ด้วยความตกใจและเร่งรีบของผมทำให้ผมไม่ทันสังเกตเลยว่ามีรถสปอตสุดหรูคันหนึ่งวิ่งผ่านถนนมาพอดี แสงไฟสีแสดจ้าจากรถหรูคันนั่นสาดเข้าตาผมอย่างจังทุกอย่างในหัวผมทำพร่ามัวไปหมดแต่ผมยังรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกมหาศาลที่รถสปอตคันนั้นมอบให้กับผมด้วยแรงกระแทกที่มหาสารทำให้ผมล้มลงไปนอนกับพื้นถนนอย่างง่ายดาย ผมทั้งสับสน มึนงง และเจ็บปวด จนทำอะไรไม่ถูกร่างกายเหมือนถูกสะกดไม่ให้ขยับตัว โอ๊ยเจ็บ...นี้เราจะตายไหมเนี้ย....แต่ตายๆไปก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทนลำบากเหมือนทุกวันนี้จะได้ไปอยู่กับพระเจ้าในสวนอีเดนนี้คงเป็นของขวัญจากพระเจ้าแล้วแหละ เอ๋........นั้นใครนะ........ อ๋อสงสัยคงเป็นเทวดา เทวดาแน่ๆเลยเขาคงมารับตัวผมแล้ว ความคิดของผมหยุดลงแค่นั้น

     

     

    “และทุกอย่างก็ถูกปกคลุมด้วยความมืดโดยปริยาย

    ..........................................................................................................................................................

    +++ ณ โรงพยาบาล +++

    ร่างหนากำลังเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เขาเดินไปเดินมาด้วยความกังวลใจอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน “เมื่อกี้เราขับรถชนเด็กคนนั้น เขาจะเป็นอะไรมากไหมนะ ถ้าเกิดตายขึ้นมาล่ะไม่นะไม่ไม่ไม่ไม่”

    แล้วความมคิดของชายหนุ่มก็หยุดลงเมื่อมองเห็นชายวัยกลางคนในชุดกลาวสีขาวสะอาดออกมาจากห้อง เขาไม่รีรอรีบวิ่งไปหาชายคนนั้นทันที

     “ หมอครับเขาเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ ”

     

    “ เออไม่เป็นไรมากหรอกครับแค่ตกใจจนหมดสติไปแล้วก็กระดูกขาหักอันนี้รุนแรงอยู่นะครับแต่นะครับทางเราใส่เฝือกให้แล้วยังไงพยามอย่าให้คนไข้เดินไปเดินมาซัก สามเดือนเพื่อให้กระดูกเข้าที่ดีก่อนนะครับ ”

     

    “ ครับขอบคุณมากครับ ”

    “เอ่อแล้วจะให้เขาพักห้องไหนหรอครับห้องรวมหรือห้องพิเศษ”

    “ห้องพิเศษซิครับ”

    “งั้นผมจะให้พยาบาลย้ายเขาไปพักเดี๋ยวนี้แหละครับ”

    “ขอบคุณครับ”

    “ ยินดีครับถ้าหากมีอะไรก็เรียกหมอได้เลยนะ ”

    “ ครับงั้นผมเข้าไปดูเขาซักหน่อยดีกว่าขอตัวนะครับ”

    หลังจากจบการสนทนาร่างหนาก็เดินตามพยาบาลเข้ามาในห้องพักฟื้นพิเศษที่ด้านในมีคู่กรณีของเขานอนหลับไม่ได้สติอยู่

    เพียงแว๊ปแรกที่เขามองเห็นดวงหน้าของซึงรีก็อ้าปากค้าง  “หน้ารัก” คำๆเดียวที่ออกมาจากปากของร่างหนาก่อนที่ดวงตาของเขาจะจดจ้องแต่คนหน้ารักที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกจนได้ยินเสียงยุงบินผ่านหูจึงเรียกสติเขาคืนมาได้

    “ มือถือก็ไม่มี บัตร์อะไรก็ไม่มีแล้วจะติดต่อญาติยังไงล่ะเนี้ย สงสัยคืนนี้คงต้องนอนเฝ้าจริงๆซิ ”

    ร่างหนาเดินไปนั่งบนโซฟาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ซวยจริงๆวันนี้เขาอุส่าตั่งใจว่าจะไปหาที่ดื่มย้อมใจหลังถูกแฟนสาวที่คบกันมานานบอกเลิกซะหน่อยแต่กลับต้องมานั่งเฝ้าคนไข้แทนซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ

    .......................................................................................................................................................

    ยามเช้าอันสดใสแสงแดดยามเช้าปลุกให้คนตาคร้ำที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ตื่นจากนิททรา

    “ โอ๊ยปวดหัวชิป.......

    สงสัยนอนนานเกินไปหน่อย ...........

    จริงซิเราตายแล้วนินี้คงเป็น......

    สวรรค์ซินะ........

     เอ๋แต่ทำไมสวรรค์มีสายน้ำเกลือด้วยว่ะ....

    เฮ้ย!!!นี้มันโรงพยาบาลนิ ”

    ซึงรีคิดได้แบบนั้นก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงคนไข้ก่อนจะสังเกตรอบๆ

    “ โอ้โห หรูนะเนี้ยแต่จะเอาตังค์ไหนจ่ายว่ะ TOT คนที่มาส่งแม่งไม่น่าบอกหมอให้มาอยู่ในห้องพิเศษเลยงั้นถ้าหมอมาก็ขอย้ายห้องละกัน ” 

    ซึงรีพูดกับตัวเองเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนกับมีใครอีกซักคนมานั่งเป็นเพื่อนคุยกับเขาและด้วยเสียงของซึงรีที่ติดจะดังไปซักหน่อยทำให้คนที่นอนเฝ้าบนเตียงถูกปลุกขึ้นมาจากการนอนหลับ ซึงรีก็พึ่งสังเกตเห็นเหมือนกันว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องนี้กับเขาด้วย

    “ นะ.....นายเป็นใคร ”

    ซึงรีเอ่ยอย่างเก้ๆกังๆ ตาเรียวรีบสำรวจรูปร่างหน้าตาของคนแปลกหน้าอย่างไม่ไว้ใจ

     “ อ๋อ ผมชื่อ ทง ยองเบนะ”

    ยองเบรีบแนะนำตัวกับอีกคนที่นั่งมองหน้าเขาอยู่บนเตียงก่อนจะมีการเข้าใจผิดไปกันใหญ่เกิดขึ้น

    “ เอ่อแล้วนาย เอ่ย! คุณยองเบนอนเฝ้าผมทั้งคืนเลยหรอครับหรอ ”

    ไม่มีเสียงตอบจากอีกคนมีเพียงการพยักหน้าส่งให้แทนพอให้เข้าใจว่าใช่

    “ อ่อ ขอบคุณมากนะครับ ”

    ซึงรียิ้มพร้อมก้มหัวขอบคุณอีกฝ่ายแต่ไม่ทันที่เจ้าตัวจะพูดอะไรต่อตาเจ้ากรรมก็ดันไปสบกับนาฬิกาที่บอกว่าตอนนี้ 10 โมงแล้ว

    “ เฮ้ย 10โมงแล้วหรอเนี้ย แย่แล้ว แย่แล้วไม่ทันแน่เลย โอ๊ย!

    ซึงรีตกใจมากเพราะตอนนี้เลยเวลาทำงานที่ร้านหนังสือของเขาแล้วและถ้าขืนเขาเหลดอีก10นาทีเขาคงต้องโดนเด้งออกจากงานแน่แถมงานในร้านหนังสือก็เงินดีคงเป็นเรื่องแย่มากแน่ถ้าเขาเสียงานนี้ไปแต่เพียงแค่สองขาพยายามจะลุกออกจากเตียงเท่านั้นแหละความรู้สึกเจ็บที่ขาก็พุ่งแปรบมาทักทายเขาทันทีซึงรีขยับขาไม่ได้เลยนี้มันเกิดอะไรกับเขาเนี้ย

    “ ขา...ขา...ผม ”

    ซึงรี อุทานด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามมาให้กับคนพึ่งรู้จักที่ยืนอยู่ข้างๆ ยองเบที่เจอสายตาอันหน้าสงสารแบบนี้เข้าไปถึงกับ รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม ร่างหนาได้แต่อ้าปากค้างจะพูดก็พูดไม่ออกจะบอกยังไงดีว่าเขานี้แหละที่ทำให้ซึงรีเป็นแบบนี้

    “ ขอโทษ นะครับคือผมไม่ได้ตั่งใจ ”

    ยองเบก้มหัวขอโทษรัวๆโดยที่ซึงรีได้แต่ งงงวยว่าผู้ชายคนนี้กำลังทำบ้าอะไร จนเขาฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

    “ อย่าบอกนะว่าคุณ.......เป็นคนขับรถคันนั้น ”

    ซึงรีถามเสียงเข้าคาดคั้นความจริงยองเบที่ไม่รู้จะโกหกไปทำไมได้แต่พยักหน้าหงึกๆเช่นเคย

    “ แล้วขาผมมันจะหายเมื่อไหร่ ”

    ซึงรีถามอย่างตื่นเต้นภาวนาขอให้เป็นแค่ 2-3 อาทิตย์ก็หายทีเถอะ

    “ สามเดือน ”

    คำเรียบๆที่ออกมาจากปากร่างหนาแต่มันกับทำให้โลกทั้งใบของซึงรีแตกสลาย ชายหนุ่มหน้าซีดเผือกช๊อกกับคำพูดของยองเบในหัวคิดถึงว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรถ้าเขาต้องกลายเป็นง่อยไปหนึ่งเดือน

    (( ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าข้าว ค่าเข้าบ่อนพ่อ ค่านั้นโน่นนี่ ตรูจะเอาไหนจ่าย ))

    “ เฮ่.....เอ่อ..คุณ OK ใช่มั้ย เฮ่ ”

    หลังจากที่เห็นว่าซึงรีจะเหม่อลอยนานเกินไปแล้วยองเบตัดสินใจใช้มือหนาเขย่าไหล่ของซึงรีเรียกสติที่หลุดไปไหนถึงไหนให้กลับมาเข้าร่างแต่เมื่อซึงรีรู้สึกตัวเท่านั้นแหละ คิ้วหนาเริ่มขยับเข้ามหากันจนจวนจะชิดกัน

    ปากบางสวยเริ่มยู่ยี้ พร้อมเสียงสะอึกที่ดันมาจากลำคอประสารกับมวลน้ำขนาดมหึมากำลังจะโถมเข้ามาอยู่รอมร่อ อย่านะ.........อย่านะ...........อย่า..................

    “ ฮืออออออออ...OK ห่าอะไรล่ะ.....นายรู้อะไรมั้ย....ฮึก.....นายกำลังทำชีวิตฉันให้ลำบากกว่าเดิมนะ ฮืออออออออ.........ลำพังก็แย่อยู่แล้วยิ่งมาขาเดี้ยงแบบนี้อีก ฉันจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าโน่นนี่ล่ะ งานที่ฉันทำอยู่เนี้ยถ้าไม่ไปทำงานเขาก็จะตัดออกเลยนะ ฮือออออออ........ ”

    “ ผมขอโทษ ”

    “ ขอโทษแล้ว ขาฉันมันจะกลับมาดีมั้ยห่ะ ฮืออออออออออ  ”

    ซึงรีร้องไห้อย่างหนักถึงเขาไม่รู้จริงๆว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรแต่เขามั่นใจว่ามันจะต้องมืดมนกว่าเดิมแน่นอน ร่างบางร้องไห้อยู่บนเตียงจนเหนื่อยและหลับไปทิ้งให้ยองเบนั่งเฝ้าอีกครั้งภายในใจของร่างหนารู้สึกแย่มากแย่ แย่จริงๆ ฉับพลันตาเจ้ากรรมของยองเบก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเป้สีเขียวเข้มๆเก่าๆที่น่าจะเป็นของซึงรีความจริงมันอยู่ในนี้มาตั่งแต่เมื่อคืนแล้วหละแต่เขาไม่ได้สังเกตและสนใจมันจึงไม่คิดจะแอบเปิดแต่ตอนนี้........

    “ อะไรเนี้ยร้านอาหาร CL kitchen

    ยองเบค้นภายในกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยใบปลิวรับสมัคงานและชุดพนักงานร้านนั้นโน่นนี่เต็มไปหมดแต่เขากลับมาสนใจเสื้อกันเปื้อนร้านอาหารของแซริน เพราะมันมีเบอร์โทรติดต่ออยู่ตรงปกเสื้อ ร่างหนาตัดสินใจกดเบอร์ ของร้านอาหารเผื่อเขาจะมีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวของนายซึงรีคนนี้บ้าง

    “ ฮัลโหล ใช่ร้าน อาหาร CL kitchenหรือเปล่าครับ..............อ่าดีจังเลยคือแบบนี้นะครับคุณรู้จักคนที่ชื่ออีซึงฮยอนมั้ยครับ..........อ่อเป็นพนักงานที่ร้าน ดีเลยครับ คือตอนนี้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลหนะครับ ผมไม่รู้ว่าจะพาติดต่อญาติเขาได้ยังไงเอ่อ........คุณพอมีเวลามาที่นี่ซักหน่อยมั้ยครับ...........ครับๆขอบคุณมากนะครับถ้าหากมาถึงโรงพยาบาลแล้วกรุณาโทรกลับเบอร์นี้นะครับ ครับๆๆขอบคุณครับ  

    หลังจากที่โทรหาทางร้านซึ่งก็ได้รับคำตอบที่ดีสมกับที่ยองเบต้องแอ๊ปผู้ดีพูดสุภาพซะนานสองนานชายร่างหนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ อีกแป๊ปเดียวก็จะมีคนมารับคนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วและเขาก็จะเป็นอิสระแค่จ่ายค่าเสียหายทุกอย่างก็จะจบ

    ................................................................................................................................................................

    “ ซึงรี โถ่เจ็บตรงไหนมั้ย ”

    แซรินและมินจีเดินมาถึงแทบจะทันทีหลังจากว่างสายจากยองเบแต่ด้วยสภาพการจราจรที่รถติดขัดอย่างมากทำให้ใช้เวลาไปเกือบ 3ชั่วโมงจึงจะมาถึง ตอนนี้ซึงรีตื่นแล้วเขาดีใจจนแทบจะร้องให้อีกรอบเมื่อเห็นหน้าของแซรินและมินจี

    “ เจ็บซิครับหมอบอกว่า กระดูกขาร้าวเดินไม่ได้ไปอีกนานเลย ”

    ซึงรีสีหน้าหมองเศร้าลงอีกครั้งเมื่อนึกถึงขาของตน

    “ ตายจริงแย่เลยซิ แล้วนี้จะไปพักที่ไหนล่ะ ถ้าที่บ้านไม่มีคนดูแลแน่เลย ”

    แซรินเอ่ยอย่างเป็นห่วงสำหรับพนักงานทุกคนในร้านของเธอก็เหมือนพี่น้องทำไมเธอจะไม่รู้ถึงสภาพทางบ้านของซึงรี

     “ ก็อยู่กับพ่อไงครับ ”

    ซึงรีพูดเบาๆถึงพ่อเขาจะติดการพนันแต่ก็คงไม่ทอดทิ้งให้ลูกในใส้หรอก

    “ เอ่อ....ซึงรี....จะว่ายังไงดีล่ะ....คือพ่อนายน่ะเพิ่งโดนตำรวจจับเมื่อคืนนะ ”

    มินจีตัดสินใจบอกความจริงกับซึงรีตรงๆทำเอาซึงรีทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียวนี้หรอคือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับเขาถ้าของขวัญมันจะเจ็บปวดแบบนี้ซึงรีก็ไม่อยากได้หรอกนะ

    “ แล้วพ่อต้องติดคุกนานมั้ยครับ ”

    “ ก็ประมาณ ปีนึงอะนะเมื่อคืนตำรวจไปบุกบ่อนที่พ่อนายเล่นได้ยินว่าเจอทั้งการพนัน ค้าประเวณี ยาเสพติด พ่อนายเลยโดนหางว่าวไปด้วย ”

    ยองเบที่นิ่งฟังอยู่นานถึงกับหูผึ่งเลยทีเดียวกับบทสนทนของทั้งสามคน ความคิดที่จะสลัดปัญหาทิ้งด้วยเงินของเขาหายไปหมดสิ้นเพราะถ้าเป็นถึงขนาดนี้แค่เงินคงแก้ปัญหาอะไรไม่ได้

    “ เอ่อ........ถ้าซึงรีไม่รังเกียจ.........มาอยู่กับผมมั้ย ”

    ยองเบตัดสินใจยื่นขอเสนออีแค่ปีเดียวจะอะไรมากมายแถมจากที่ฟังมานายคนนี่น่าจะมีปัญหาแน่ถ้าหากอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล

    “ ว่าไงนะ ”

    ทั้ง ซึงรี แซริน และ มินจีเอ่ยพร้อมกันอย่างไม่อยากเชื่อ

    “ ผมพูดว่า มาอยู่กับผมมั้ยผมจะได้ช่วยดูแลคุณไง ”

    “ ไม่เอาอะ ”

    ซึงรีส่ายหัวรัวๆไม่ยอบรับข้อเสนอเรื่องอะไรจะให้เขาไปอยู่กับคู่กรณีกันล่ะ แซรินมองหน้าซึงรีแล้วพยักหน้าเหมือนกับเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มเธอพยักหน้าให้ซึงรีแล้วหันหน้าไปหายองเบที่ยืนรอคำตอบอยู่ไม่ห่าง

    “ ซึงรีเขาไม่ไปหรอก ”

    เพียงแซรินเอ่ยแบบนั้นออกไปซึงรีก็ยิ้มกว้างอย่างสบายใจ แซรีนเข้าใจความรู้สึกของเขาเสมอจริงๆ

    “ เอางี้ซินายก็ย้ายตัวเองมาดูแลซึงรีที่บ้านของซึงรีดีมั้ย ”

    แคว้ง!!!(เสียงหน้าแตก) รอยยิ้มของซึงรีหุบลงอย่างรวดเร็วปานดอกเห็ดโดนฝน

    “ อะไรกันไหงพี่ทำงี้อะ มินจีพูดอะไรซักอย่างซิ ”  

    ซึงรีรีบหาแนวร่วมทันทีเขาไม่อยากไปที่ไหนทั้งนั้นและก็ไม่อยากให้ใครหน้าไหนที่ไม่เคยรู้จักมาอยู่ดูแลเขาด้วย

    “ ฉันว่าแบบนี้ก็ดีนะซึงรีนายนะต้องนั่งรถเข็นอีกตั้งหลายเดือนแถมพ่อนายก็ไม่อยู่อีกถ้านายไม่ยอมทิ้งบ้านนายก็ต้องให้เขารับผิดชอบมาดูแลแหละถูกแล้ว ”

    มินจีอธิบายอย่างมีเหตุผล

    “ ตะ...ตะ...แต่ พวกเธอก็ดูแลฉันได้นิ ”

    แล้วร้านล่ะใครจะดูอย่าเรื่องมากน่า ตกลงตามนี้นะค่ะคุณยองเบ

    แซรินเอ่ยเสริมก่อนจะหันหน้ากลับไปหายองเบอีกครั้งเพื่อถามความแน่ใจ

    “ ครับ ถ้าปล่อยคุณไว้เฉยๆผมก็รู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเลยนะฉะนั้นให้ผมไถ่โทษนะ ”

    ยองเบเดินมาใกล้เตียงนอนคนไข้กว่าเดิมพร้อมจ้องมองใบหน้าของซึงรีอย่างจริงใจ

    “ งานการไม่มีทำหรือไงถึงได้จะมารับดูแลคนไข้แบบนี้ ”

    ซึงรีแว้ดใส่ร่างหนาโดยสายตาหันออกไปนอนหน้าต่างไม่แลมองสายตาแสนจริงใจเลยซักนิด

    “ ผมไม่ต้องทำงานเป็นเวลาผมทำงานตามออเด้อไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

    “ งั้นจ้างพยาบาลมาดูแลฉันดีกว่า ”

    “ พยาบาลเป็นผู้หญิงเขาดูแลคุณไม่ได้หรอก ”

    “ บุรุท พยาบาล ก็ได้ ”

    “ บุรุทพยาบาลได้ยังไง คุณไม่กลัวหรือไงออกข่าวฆ่าขโมยเงินเจ้าของบ้านหนะ ”

    “ บ้านฉันไม่มีเงินหรอกน่า ไม่ต้องกลัว ”

    “ แต่... ”

    “ โอ๊ยจะเถียงกันทำไมว่ะ!!! ซึงรีตกลงตามนี้แหละดีแล้วถ้าไม่อยากให้เขาไปอยู่บ้านนายนายก็ย้ายไปอยู่คอนโดเขาแล้วถ้านายไม่อยากอยู่คอนโดเขาก็ให้เขาย้ายมาอยู่เป็นเพื่อน เขาอุส่ามีน้ำใจขนาดนี้ก็ดีขนาดไหนแล้วดีกว่าชนแล้วหนีให้นายนอนอยู่ข้างถนนนะ นายควรขอบคุณเขาไม่ใช่มาโวยใส่เขาแบบนี้ ห้ามร้องไห้นะ  ”

    แซรินที่รำคาญ กับการโต้เถียงของคู่กรณีคู่นี้จนต่อมความอดทนของเธอหมดลงในที่สุดหญิงสาวระเบิดอารมณ์ใส่ซึงรีอย่างน่ากลัวถ้าไม่ติดโดนขู่ไม่ให้ร้องไห้ป่านนี้ซึงรีรองน้ำตาได้เป็นกาละมังแล้ว

    “ พี่ค่ะใจเย็นก่อนซิ ”

    มินจีรีบห้ามปรามแซรินไว้ก่อนที่จะมีการฆ่ากันตายเกิดขึ้นจริงๆ

    “ ก็ได้ครับ ให้นายคนนี้มาอยู่ด้วยก็ได้ ”

    ซึงรีบ่นอุบอิบก่อนจะหันหน้าไปทางหน้าต่างอย่างขัดใจ แซรินได้แต่ยิ้มเหนื่อยใจกับความรั้นของน้องชายไม่แท้ของเธอ

    …To be Continue…

    Hi Hi Hi สวัสดีจร๊คคิดถึงEasy Anotherกันหรือเปล่ากลับมาแล้วนะพร้อมแกลนโอเพนนิ่งฟิคใหม่ 5555 หวังว่าจะชอบกันนะที่รักไรต์กะเวลาลงให้เข้ากับชช่วงหน้าหนาวรีตจะได้คิดภาพออกยังไงก็ติดตามกันต่อไปนะชอบกด LIKE ถ้าใช่กดเม้นเลยนะ5555+

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×