ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : คำสอนของคุณตากับไม้เท้า ตอนที่1 อ้ายคำหมาน เด็กขี้ขโมย
นิยายนี้มาจากจิตนาการผสมความรู้ผู้เขียน คำสอนจริงเเต่เหตุการณ์เเละบุคคลได้สมมุติขึ้น
ผมเป็นคนเเพร่ครับ ชื่อ คำเมี่ยง ครับ ผมมีน้องชายชื่อคำหมาน ผมกับน้องชายเเละคุณตาอยู่ด้วยกันครับ น้องชายผมมีนิสัยชอบขโมยของคนอื่นครับ คุณตาเเละคุณครูดุไปหลายครั้งเเล้วไม่เคยจำเลยครับ เเต่คุณตาก็ได้นำหลักธรรมมาสอนน้องชายผมครับว่ามาจากกฏเเห่งกรรมด้วยครับ กฎแห่งกรรมเป็นกฎที่ตรงไปตรงมา ใครทำอย่างไรไว้ก็ย่อมได้รับผลอย่างนั้น ไม่ว่าจะทำในที่ลับหรือที่แจ้งก็ตาม การไม่เข้าใจกฎแห่งกรรมทำให้หลายคนหลง ผิดและคิดทำความชั่วอยู่ร่ำไป เพราะไม่คิดว่ากฎแห่งกรรมเหล่านั้นมันจะย้อนกลับมาหาตนเอง จนกระทั่ง ตนได้รับผลจากกรรมชั่ว จึงค่อยเกิดสำนึกขึ้นมาได้ว่า กฎแห่งกรรมนั้นมีอยู่จริง
ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ นายสรนันท์ ซึ่งกำลังเป็นวัยรุ่น ชีวิตจึงเต็มไปด้วยความคึกคะนอง เขามีนิสัยอย่างหนึ่งที่เป็นข้อเสีย คือชอบลักเล็กขโมยน้อย
สิ่งที่สรนันท์และเพื่อนๆ กระทำจนแทบจะกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ก็คือการไปขโมยไก่ชาวบ้านมากินแกล้มเหล้า ซึ่งชาวบ้านก็จับไม่ได้สักทีว่าใครขโมย
หลังกลับจากโรงเรียน สรนันท์และเพื่อนๆก็มักจะซิ่งมอเตอร์ไซด์ไปมั่วสุมกันเป็นกลุ่ม การรวมกลุ่มกันมากๆ ของวัยรุ่นนี่เองที่ทำให้แต่ละคนต้องแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างบ้าคลั่ง ใครถูกเพื่อนยุให้ทำอะไร ก็มักจะชอบโชว์ว่าตนเองเก่ง ตนเองเท่ห์ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยนึกถึงเลยก็คือมันจะผิดหรือถูกศีลธรรมอย่างไร อยากจะทำอะไรก็ทำไปตามสามัญสำนึก
เมื่อไหร่ที่พวกเขาตั้งวงกินเหล้า เพื่อนๆก็จะยุให้สรนันท์ไปขโมยไก่หรือเป็ดของชาวบ้านมาทำกับแกล้ม เขาได้ทำหน้าที่นี้บ่อยครั้ง และก็ประสบความสำเร็จด้วยดี ได้รับคำชมจากเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำว่าเจ๋งมาก
เวลาที่สรนันท์ไปขโมยไก่ เขาต้องทำแบบเงียบที่สุด และต้องทำไม่ให้ไก่ส่งเสียงร้องเลย นั่นก็คือต้องจับที่คอไก่และบีบให้แน่นจนกระทั่งไก่ขาดใจตาย หรือบีบไว้ไม่ให้มันส่งเสียงร้องออกมาได้ เพื่อป้องกันเจ้าของได้ยินการขโมยของสรนันท์นั้น ไม่ใช่จะขโมยเพียงหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง แต่เขาตระเวนไปทุกที่ เพื่อไม่ให้ใครสงสัย
ชาวบ้านทุกคนที่ถูกขโมยไก่ ได้แต่สาบแช่งคนที่มาขโมย และพยายามหาทางป้องกัน แต่ก็ไม่เคยจับได้สักทีว่าใครเป็นคนขโมย ความเก่งกาจของสรนันท์ในการขโมยของ ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ จึงทำให้เขายิ่งฮึกเฮิมขึ้นทุกๆวัน และเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง ที่ใครทำความชั่วอย่างไรไว้บ่อยๆ ก็จะเกิดความคุ้นเคยกับ การทำความชั่ว จนแทบจะไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังทำชั่ว เพราะจิตใจจะหยาบกระด้างลงไปเรื่อยๆ
ความหยาบกระด้างในจิตใจของสรนันท์นั้นก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน เขาไม่เพียงขโมยไก่เท่านั้น แต่ทรัพย์สินเงินทองสิ่งของที่เขาพอจะขโมยได้ เขาก็ทำ เพราะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันช่างหามาด้วยวิธีง่ายๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถทำให้เขามีเงินมากินเหล้าได้อย่างสบาย
มีหลายครั้งที่เขาได้ขโมยสิ่งของใหญ่ เช่น รถมอเตอร์ไซด์ เมื่อได้เงินก็มาซื้อเหล้ากินกับเพื่อน ยิ่งสรนันท์หาเงินได้ง่ายเท่าไหร่ ก็ยิ่งลืมนึกถึงความถูกผิดมากขึ้นเท่านั้น ตลอดระยะเวลาที่เขาจมอยู่กับความชั่วที่ปิดบังดวงตาเขาอยู่นั้น เขาไม่เคยนึกเลยว่ากรรมชั่วจะย้อนกลับมาหาเขา สิ่งที่เขานึกได้อย่างเดียวก็คือ อย่างมากก็โดนตำรวจจับ ส่วนเรื่องกฎแห่งกรรมอะไรนั้น ไม่เคยอยู่ในสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม กฎแห่งกรรมเป็นกฎธรรมชาติ ย่อมให้ผลตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ คนจะนึกถึงหรือไม่นึกถึงก็ตาม มันก็ย่อมให้ผลของมันอยู่นั่นเอง ในกรณีของสรนันท์ก็เช่นเดียวกัน ขณะนี้ผลกรรมชั่วกำลังไล่ตาม เขามาอย่างกระชั้นชิด แต่เขาไม่เคยรู้สึกตัวเลย ได้แต่เพลิดเพลินไปวันๆ หาเงินได้มาก็นำมาใช้จ่ายในเรื่องอบายมุข ส่งเสริมความชั่วของตนให้มากยิ่งขึ้น นี่คือวังวนของคนชั่ว
ไม่นานนัก ผลแห่งกรรมก็เริ่มตามสนองสรนันท์ วันหนึ่งเขาได้ไปขโมยไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในที่นา ห่างจากหมู่บ้านประมาณหนึ่งกิโลเมตร สรนันท์เห็นว่าเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลหมู่บ้าน น่าจะเป็นการง่ายที่จะขโมย
ส่วนชาวบ้านที่เอาไก่ไปเลี้ยงไว้ในที่นานั้น ก็ย่อมรู้ดีว่าเสี่ยงต่อการขโมย เขาจึงสร้างกระท่อมไว้ใกล้ๆ เพื่อมานอนเฝ้าไก่ในเวลากลางคืน และหาทางป้องกัน โดยเอาลวดหนามมาล้อมที่นาของตน
สรนันท์เคยผ่านไปมาแถวนี้เป็นประจำ จึงรู้ดีว่า แถวนี้มีลวดหนามอยู่มาก และไม่ใช่เรื่องยากที่จะลอดไป แต่คงเป็นเพราะเวรกรรมที่ทำไว้ ลวดหนามที่เคยมองเห็นนั้น วันหนึ่งเขากลับลืมสนิทว่ามีลวดหนามอยู่
ในขณะที่เขาได้ย่องเข้าไปขโมยไก่นั้น เขาคว้าคอไก่ได้เรียบร้อยแล้ว แต่บังเอิญไก่ตัวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ร้องขึ้นมา จนทำให้ไก่ตัวอื่นๆในเล้าต่างกระพือปีก ส่งเสียงร้องพร้อมกัน เจ้าของที่มานอนเฝ้าไก่อยู่ที่กระท่อม ได้ยินเสียงไก่ร้อง จึงรีบคว้าปืนและวิ่งออกมาดู คิดว่าคงจะมีคนมาขโมยไก่อย่างแน่นอน
พอมาถึงก็ตะโกนร้องให้ขโมยหยุด และยกปืนขึ้นขู่ สรนันท์หัวขโมยเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัวสุดขีด จึงรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ขณะที่ในมือก็ยังกำคอไก่อยู่นั่นเอง
เขาวิ่งไปด้วยความเร็ว โดยลืมคิดไปว่ารอบๆ ที่นามีลวดหนามกั้นอยู่ เขาได้วิ่งไปชนลวดหนามที่ขึงไว้อย่างจัง ลวดหนามจึงทิ่มแทงเข้าที่ท้องของเขาเป็นแนวยาว จนเลือดไหลทะลักออกมา ทำให้เขาทรุดตัวลงทันทีด้วยความเจ็บปวด และขณะที่ทรุดลงนั้น ลวดหนามได้เกี่ยวเข้าที่คอและตามลำตัวของเขาอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะที่คอ ซึ่งลวดหนามปักเข้าไปจนลึก ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส!!
เมื่อเจ้าของไก่ตามมาทัน ก็เห็นสรนันท์นอนร้องครวญครางอยู่กับพื้น มีเลือดไหลอาบเต็มตัว ตอนแรกเขาก็รู้สึกสะใจที่เจ้าหัวขโมยโดนเช่นนี้ แต่แล้วก็เกิดความรู้สึกสงสาร จึงพาสรนันท์ไปส่งโรงพยาบาล
ตามเนื้อตัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผล และเมื่อเขาได้อยู่กับร่างกายที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาจึงได้คิดพิจารณาถึงการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง และยอมรับแล้วว่า นี่เป็นผลกรรมที่เขาได้กระทำไว้นั่นเอง จากวันที่กรรมส่งผลกับชีวิตของสรนันท์ ทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
คนทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่วอย่างแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง กรรมชั่วไม่เคยทำให้ใครมีความสุข มีแต่จะสร้างความทุกข์ให้อย่างไม่มีวันจบสิ้น ผู้มีปัญญาจึงควรละเว้นจากกรรมชั่วทั้งหลาย ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ อันจะทำให้ได้พบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป
คุณตาได้ยกเรื่องของสรนันท์มาสอนไอ้คำหมานเเต่คำหมานยังไม่จำก็ได้ทำพฤติกรรมเรื่อยมา จนในวันหนึ่งคุณตาสั่งสอนน้องชายตัวดีของผมเลย การขโมยเป็นบาป เพราะไม่มีการขโมยครั้งใดที่ทำให้จิตของเราสว่างขึ้น มีแต่จะหม่นหมองลง กับทั้งไม่มีแก่ใจคิดอะไรในทางดี ในทางที่เจริญเอาเลย
แรงผลักดันให้ ปล้นทรัพย์ของผู้อื่นได้คือโลภะ โลภะต้องชนะศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่มีสองขาไว้ยืนด้วยตนเอง จึงขับให้เราก่อบาปด้วยการขโมยได้ และโดยเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่เราขโมยได้แบบไม่ต้องคิดมาก จิตของเราจึงอ่อนแอลง คิดพึ่งพาตนเองน้อยลงกับทั้งรู้สึกว่าเกียรติภูมิของความเป็นคนน้อยลงทุกที
ที่ น่ากลัวก็คือบาปสามารถสั่งสมตัวได้ นั่นหมายความว่ายิ่งขโมยสำเร็จมากขึ้นเท่าไร ใจก็ยิ่งปวกเปียกมากขึ้นเท่านั้น มองไปทางไหนอะไรต่ออะไรน่าคว้ามาครองเกินห้ามใจแทบทั้งสิ้น ขอให้ต้องตานิดเดียว ใจเราจะนึกวางแผนหาทางลักมาครองโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของใครทั้งสิ้น
แม้ ขโมยเงินสักบาท มือของเราก็ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องชิงทรัพย์แล้ว และใจของเราก็นับว่าเปื้อนบาปแห่งการขโมยแล้ว ฉะนั้นยิ่งขโมยเศษสตางค์บ่อย เราก็ยิ่งโลภมาก อยากได้นั่นอยากได้นี่ จนกระทั่งทรัพย์ของผู้อื่นกลายเป็นเครื่องหมายเตือนให้นึกถึงการแย่งชิงมา ท่าเดียว
เพราะบาปข้ออื่นยังพอรักษาศักดิ์ศรีกันได้ เช่น เราอาจฆ่าศัตรูด้วยศักดิ์ศรีของนักรบในสมรภูมิ เราอาจได้เสียกับลูกสาวใจแตกของใครด้วยความรักจริงหวังรับผิดชอบ เราอาจโกหกเพื่อผลประโยชน์ของมหาชน เราอาจกินเหล้าเพื่อให้เกียรติเจ้าภาพที่ต้อนรับขับสู้ แต่ถ้าใจกล้าหน้าด้านไปปล้นใครเขามา จะอ้างอย่างไรนอกจากต้องยอมรับว่าไม่มีปัญญาหาเอง จึงต้องหันไปลักเอาจากคนอื่น
ถ้าเสียศักดิ์ศรีแล้วนึกเสียดาย ความรู้สึกเสียดายนั้นมักรบกวนจิตใจให้นึกสังเวชตนเอง คอยแต่จะรู้สึกว่าตนเป็นคนโกง เป็นโจร เป็นพวกไม่ซื่อ เหมือนกับว่าแค่จะดีให้ได้เท่ามาตรฐานมนุษย์ใจสะอาดสักคนก็ทำไม่ได้
เมื่อ บาปจากการขโมยถูกสั่งสมมากแล้ว ผู้ขโมยย่อมเลื่อนฐานะเป็นหัวขโมย ดูเผิน ๆ เหมือนมือนิ่งไม่สั่นไหว แต่ที่แท้บาปหนาจนใจแข็งกว่าใคร ๆ ต่างหาก ความมือไวใจเร็วของหัวขโมยย่อมก่อให้เกิดกระแสในตัวที่น่าระแวง ชวนให้รู้สึกถึงความไม่น่าไว้ใจ ไม่ต่างจากสุนัขลอบกัด แค่เห็นก็นึกอยากระวังตัวขึ้นมาทันที ทั้งที่ยังไม่ทันอวดเขี้ยวเล็บให้เห็นเลยด้วยซ้ำ
การขโมยแต่ละครั้ง คือการลดความสามารถในการครอบครองสมบัติอย่างถูกต้อง จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าเหตุใดหัวขโมยทั้งหลายจึงไม่อาจรักษาสมบัติอันเป็นที่ รักไว้ได้นาน มีอันต้องเสียไปให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางทีอยู่ดีไม่ว่าดีก็สร้างเหตุให้ทรัพย์วิบัติเสียเอง
จิตของหัว ขโมยมักเล็งโลภเอาแต่ได้ จึงตระหนี่ถี่เหนียวและมีจิตใจคับแคบ แม้อาบน้ำเนื้อตัวสะอาดแล้ว ก็รู้สึกราวกับเปื้อนเปรอะยางเหนียวเหนอะหนะ แบบเดียวกับคนที่ไม่อาบน้ำทีละสามวันเจ็ดวันได้
จิตที่คับแคบย่อม เหมาะกับภพใหม่ที่แคบจำกัด อัตคัดขัดสน แม้มีวาสนาพอจะเกิดใหม่ในโลกมนุษย์อีก กรรมที่เคยทำให้คนอื่นเดือดร้อนเรื่องของหาย ก็อาจส่งไปเกิดในที่ที่แทบไม่มีของให้หาย หรือถึงมีก็ติดมือไม่นาน ต้องประสบเหตุให้หายไปจากมือ อาจเพราะถูกลักขโมย หรืออาจวิบัติด้วยภัยทางธรรมชาติตั้งแต่ยังไม่ทันใช้ให้คุ้ม
หากตาย เยี่ยงหัวขโมยผู้ยังไม่อิ่มไม่พอกับการลักทรัพย์ แต่ยังพอมีบุญพยุงไม่ให้ร่วงหล่นถึงนรก ก็อาจไปเสวยภพของหัวขโมยระดับเดรัจฉานภูมิ เช่น แมวขโมย สุนัขจิ้งจอก ที่ล้วนมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงติดมาในกมลสันดาน
แต่หากตายเยี่ยงโจรโฉด ปล้นไม่เว้นแม้พระสงฆ์องคเจ้า ไม่มีความเมตตาเป็นบุญเก่าพอช่วยพยุงเลย ก็จัดว่ามีความเหมาะกับสภาพความเป็นอยู่อันลำบากลำบน ไร้สมบัติติดตัว ดังเช่นนรกภูมิสถานเดียว!
ความคิดในทางขโมยจะลดความฉลาดในการหากินเยี่ยงสุจริตชนลง เราจะไม่รู้สึกผิด และย้ำบอกตัวเองว่าก็โลกอยุติธรรมเองไม่ให้โอกาสเราเท่าคนอื่นเอง หรือต่อให้มีโอกาสมากกว่าคนอื่น บาปก็ทำให้เราไพล่เห็นไปว่างานสุจริตดูไม่ค่อยท้าทาย ต้องเป็นงานทุจริตที่ใช้เล่ห์กลถึงค่อยน่าสนุก กระทั่งบาปพอกพูนขึ้นจนหนา รู้สึกด้านชากับการขโมยทรัพย์ราคาต่ำ ถึงจุดนั้น เราจะพร้อมขโมยทรัพย์ราคาสูงขึ้น ด้วยความรู้สึกว่าเป็นการยุติธรรมกับตนแล้วในทางใดทางหนึ่งเข้าไปอีก
ฉะนั้น เพียงไม่ตั้งใจไว้ก่อนว่าจะเว้นขาดจากการขโมย ก็นับว่ามีโทษแล้ว เพราะเมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดโลภะอย่างแรงกล้าศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ย่อมลดระดับแทบไม่เหลือ ยังผลให้สติพร่าเลือนลง เปิดช่องให้โลภะเข้าครอบงำจนโง่เขลา หลงนึกว่าบาปแห่งการขโมยเป็นสิ่งสมควรทำยิ่งกว่าบุญแห่งการระงับความโลภผิด ๆ ไม่รู้สึกอยากอดใจรอ ไม่รู้สึกอยากทำงานหาเงินมาซื้อสิ่งที่ต้องการด้วยตนเอง เอ็งต้องการชีวิตอย่างนั้นหรือไร
คำพูดเเละเรื่องที่ยกมาครั้งก่อนทำให้น้องชายผมนึกได้ น้องชายผมขอโทษคุณตาเเละทำตัวใหม่ เปลี่ยนน้องผมไปเลยน้องผมทำงานหาเงินขยันเรียนสอบได้อันดับหนึ่งมีเงินเก็บเยอะทำงานทุกวัน มีเเต่คนชื่นชมตั้งเเต่น้องชายผมเปลี่ยนไป ตอนนี้น้องผมกลายเป็นเศรษฐีพันล้านเเล้วพาผมกับตาเเละหลานคนอื่นไปอยู่บ้านเขาด้วย คุณตานั้นสอนคนได้หลายคนเเละหลายเรื่องครับ
ผมเป็นคนเเพร่ครับ ชื่อ คำเมี่ยง ครับ ผมมีน้องชายชื่อคำหมาน ผมกับน้องชายเเละคุณตาอยู่ด้วยกันครับ น้องชายผมมีนิสัยชอบขโมยของคนอื่นครับ คุณตาเเละคุณครูดุไปหลายครั้งเเล้วไม่เคยจำเลยครับ เเต่คุณตาก็ได้นำหลักธรรมมาสอนน้องชายผมครับว่ามาจากกฏเเห่งกรรมด้วยครับ กฎแห่งกรรมเป็นกฎที่ตรงไปตรงมา ใครทำอย่างไรไว้ก็ย่อมได้รับผลอย่างนั้น ไม่ว่าจะทำในที่ลับหรือที่แจ้งก็ตาม การไม่เข้าใจกฎแห่งกรรมทำให้หลายคนหลง ผิดและคิดทำความชั่วอยู่ร่ำไป เพราะไม่คิดว่ากฎแห่งกรรมเหล่านั้นมันจะย้อนกลับมาหาตนเอง จนกระทั่ง ตนได้รับผลจากกรรมชั่ว จึงค่อยเกิดสำนึกขึ้นมาได้ว่า กฎแห่งกรรมนั้นมีอยู่จริง
ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ที่อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ นายสรนันท์ ซึ่งกำลังเป็นวัยรุ่น ชีวิตจึงเต็มไปด้วยความคึกคะนอง เขามีนิสัยอย่างหนึ่งที่เป็นข้อเสีย คือชอบลักเล็กขโมยน้อย
สิ่งที่สรนันท์และเพื่อนๆ กระทำจนแทบจะกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ก็คือการไปขโมยไก่ชาวบ้านมากินแกล้มเหล้า ซึ่งชาวบ้านก็จับไม่ได้สักทีว่าใครขโมย
หลังกลับจากโรงเรียน สรนันท์และเพื่อนๆก็มักจะซิ่งมอเตอร์ไซด์ไปมั่วสุมกันเป็นกลุ่ม การรวมกลุ่มกันมากๆ ของวัยรุ่นนี่เองที่ทำให้แต่ละคนต้องแสดงศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างบ้าคลั่ง ใครถูกเพื่อนยุให้ทำอะไร ก็มักจะชอบโชว์ว่าตนเองเก่ง ตนเองเท่ห์ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยนึกถึงเลยก็คือมันจะผิดหรือถูกศีลธรรมอย่างไร อยากจะทำอะไรก็ทำไปตามสามัญสำนึก
เมื่อไหร่ที่พวกเขาตั้งวงกินเหล้า เพื่อนๆก็จะยุให้สรนันท์ไปขโมยไก่หรือเป็ดของชาวบ้านมาทำกับแกล้ม เขาได้ทำหน้าที่นี้บ่อยครั้ง และก็ประสบความสำเร็จด้วยดี ได้รับคำชมจากเพื่อนฝูงอยู่เป็นประจำว่าเจ๋งมาก
เวลาที่สรนันท์ไปขโมยไก่ เขาต้องทำแบบเงียบที่สุด และต้องทำไม่ให้ไก่ส่งเสียงร้องเลย นั่นก็คือต้องจับที่คอไก่และบีบให้แน่นจนกระทั่งไก่ขาดใจตาย หรือบีบไว้ไม่ให้มันส่งเสียงร้องออกมาได้ เพื่อป้องกันเจ้าของได้ยินการขโมยของสรนันท์นั้น ไม่ใช่จะขโมยเพียงหมู่บ้านใดหมู่บ้านหนึ่ง แต่เขาตระเวนไปทุกที่ เพื่อไม่ให้ใครสงสัย
ชาวบ้านทุกคนที่ถูกขโมยไก่ ได้แต่สาบแช่งคนที่มาขโมย และพยายามหาทางป้องกัน แต่ก็ไม่เคยจับได้สักทีว่าใครเป็นคนขโมย ความเก่งกาจของสรนันท์ในการขโมยของ ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ จึงทำให้เขายิ่งฮึกเฮิมขึ้นทุกๆวัน และเป็นธรรมดาอยู่นั่นเอง ที่ใครทำความชั่วอย่างไรไว้บ่อยๆ ก็จะเกิดความคุ้นเคยกับ การทำความชั่ว จนแทบจะไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังทำชั่ว เพราะจิตใจจะหยาบกระด้างลงไปเรื่อยๆ
ความหยาบกระด้างในจิตใจของสรนันท์นั้นก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน เขาไม่เพียงขโมยไก่เท่านั้น แต่ทรัพย์สินเงินทองสิ่งของที่เขาพอจะขโมยได้ เขาก็ทำ เพราะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มันช่างหามาด้วยวิธีง่ายๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถทำให้เขามีเงินมากินเหล้าได้อย่างสบาย
มีหลายครั้งที่เขาได้ขโมยสิ่งของใหญ่ เช่น รถมอเตอร์ไซด์ เมื่อได้เงินก็มาซื้อเหล้ากินกับเพื่อน ยิ่งสรนันท์หาเงินได้ง่ายเท่าไหร่ ก็ยิ่งลืมนึกถึงความถูกผิดมากขึ้นเท่านั้น ตลอดระยะเวลาที่เขาจมอยู่กับความชั่วที่ปิดบังดวงตาเขาอยู่นั้น เขาไม่เคยนึกเลยว่ากรรมชั่วจะย้อนกลับมาหาเขา สิ่งที่เขานึกได้อย่างเดียวก็คือ อย่างมากก็โดนตำรวจจับ ส่วนเรื่องกฎแห่งกรรมอะไรนั้น ไม่เคยอยู่ในสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม กฎแห่งกรรมเป็นกฎธรรมชาติ ย่อมให้ผลตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ คนจะนึกถึงหรือไม่นึกถึงก็ตาม มันก็ย่อมให้ผลของมันอยู่นั่นเอง ในกรณีของสรนันท์ก็เช่นเดียวกัน ขณะนี้ผลกรรมชั่วกำลังไล่ตาม เขามาอย่างกระชั้นชิด แต่เขาไม่เคยรู้สึกตัวเลย ได้แต่เพลิดเพลินไปวันๆ หาเงินได้มาก็นำมาใช้จ่ายในเรื่องอบายมุข ส่งเสริมความชั่วของตนให้มากยิ่งขึ้น นี่คือวังวนของคนชั่ว
ไม่นานนัก ผลแห่งกรรมก็เริ่มตามสนองสรนันท์ วันหนึ่งเขาได้ไปขโมยไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในที่นา ห่างจากหมู่บ้านประมาณหนึ่งกิโลเมตร สรนันท์เห็นว่าเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลหมู่บ้าน น่าจะเป็นการง่ายที่จะขโมย
ส่วนชาวบ้านที่เอาไก่ไปเลี้ยงไว้ในที่นานั้น ก็ย่อมรู้ดีว่าเสี่ยงต่อการขโมย เขาจึงสร้างกระท่อมไว้ใกล้ๆ เพื่อมานอนเฝ้าไก่ในเวลากลางคืน และหาทางป้องกัน โดยเอาลวดหนามมาล้อมที่นาของตน
สรนันท์เคยผ่านไปมาแถวนี้เป็นประจำ จึงรู้ดีว่า แถวนี้มีลวดหนามอยู่มาก และไม่ใช่เรื่องยากที่จะลอดไป แต่คงเป็นเพราะเวรกรรมที่ทำไว้ ลวดหนามที่เคยมองเห็นนั้น วันหนึ่งเขากลับลืมสนิทว่ามีลวดหนามอยู่
ในขณะที่เขาได้ย่องเข้าไปขโมยไก่นั้น เขาคว้าคอไก่ได้เรียบร้อยแล้ว แต่บังเอิญไก่ตัวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ร้องขึ้นมา จนทำให้ไก่ตัวอื่นๆในเล้าต่างกระพือปีก ส่งเสียงร้องพร้อมกัน เจ้าของที่มานอนเฝ้าไก่อยู่ที่กระท่อม ได้ยินเสียงไก่ร้อง จึงรีบคว้าปืนและวิ่งออกมาดู คิดว่าคงจะมีคนมาขโมยไก่อย่างแน่นอน
พอมาถึงก็ตะโกนร้องให้ขโมยหยุด และยกปืนขึ้นขู่ สรนันท์หัวขโมยเห็นดังนั้นก็ตกใจกลัวสุดขีด จึงรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ขณะที่ในมือก็ยังกำคอไก่อยู่นั่นเอง
เขาวิ่งไปด้วยความเร็ว โดยลืมคิดไปว่ารอบๆ ที่นามีลวดหนามกั้นอยู่ เขาได้วิ่งไปชนลวดหนามที่ขึงไว้อย่างจัง ลวดหนามจึงทิ่มแทงเข้าที่ท้องของเขาเป็นแนวยาว จนเลือดไหลทะลักออกมา ทำให้เขาทรุดตัวลงทันทีด้วยความเจ็บปวด และขณะที่ทรุดลงนั้น ลวดหนามได้เกี่ยวเข้าที่คอและตามลำตัวของเขาอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะที่คอ ซึ่งลวดหนามปักเข้าไปจนลึก ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส!!
เมื่อเจ้าของไก่ตามมาทัน ก็เห็นสรนันท์นอนร้องครวญครางอยู่กับพื้น มีเลือดไหลอาบเต็มตัว ตอนแรกเขาก็รู้สึกสะใจที่เจ้าหัวขโมยโดนเช่นนี้ แต่แล้วก็เกิดความรู้สึกสงสาร จึงพาสรนันท์ไปส่งโรงพยาบาล
ตามเนื้อตัวของชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผล และเมื่อเขาได้อยู่กับร่างกายที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาจึงได้คิดพิจารณาถึงการกระทำที่ผ่านมาของตัวเอง และยอมรับแล้วว่า นี่เป็นผลกรรมที่เขาได้กระทำไว้นั่นเอง จากวันที่กรรมส่งผลกับชีวิตของสรนันท์ ทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนเดิมได้อีกต่อไป
คนทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่วอย่างแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง กรรมชั่วไม่เคยทำให้ใครมีความสุข มีแต่จะสร้างความทุกข์ให้อย่างไม่มีวันจบสิ้น ผู้มีปัญญาจึงควรละเว้นจากกรรมชั่วทั้งหลาย ทั้งทางกาย วาจา และทางใจ อันจะทำให้ได้พบแต่ความสุขความเจริญตลอดไป
คุณตาได้ยกเรื่องของสรนันท์มาสอนไอ้คำหมานเเต่คำหมานยังไม่จำก็ได้ทำพฤติกรรมเรื่อยมา จนในวันหนึ่งคุณตาสั่งสอนน้องชายตัวดีของผมเลย การขโมยเป็นบาป เพราะไม่มีการขโมยครั้งใดที่ทำให้จิตของเราสว่างขึ้น มีแต่จะหม่นหมองลง กับทั้งไม่มีแก่ใจคิดอะไรในทางดี ในทางที่เจริญเอาเลย
แรงผลักดันให้ ปล้นทรัพย์ของผู้อื่นได้คือโลภะ โลภะต้องชนะศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่มีสองขาไว้ยืนด้วยตนเอง จึงขับให้เราก่อบาปด้วยการขโมยได้ และโดยเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่เราขโมยได้แบบไม่ต้องคิดมาก จิตของเราจึงอ่อนแอลง คิดพึ่งพาตนเองน้อยลงกับทั้งรู้สึกว่าเกียรติภูมิของความเป็นคนน้อยลงทุกที
ที่ น่ากลัวก็คือบาปสามารถสั่งสมตัวได้ นั่นหมายความว่ายิ่งขโมยสำเร็จมากขึ้นเท่าไร ใจก็ยิ่งปวกเปียกมากขึ้นเท่านั้น มองไปทางไหนอะไรต่ออะไรน่าคว้ามาครองเกินห้ามใจแทบทั้งสิ้น ขอให้ต้องตานิดเดียว ใจเราจะนึกวางแผนหาทางลักมาครองโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของใครทั้งสิ้น
แม้ ขโมยเงินสักบาท มือของเราก็ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องชิงทรัพย์แล้ว และใจของเราก็นับว่าเปื้อนบาปแห่งการขโมยแล้ว ฉะนั้นยิ่งขโมยเศษสตางค์บ่อย เราก็ยิ่งโลภมาก อยากได้นั่นอยากได้นี่ จนกระทั่งทรัพย์ของผู้อื่นกลายเป็นเครื่องหมายเตือนให้นึกถึงการแย่งชิงมา ท่าเดียว
เพราะบาปข้ออื่นยังพอรักษาศักดิ์ศรีกันได้ เช่น เราอาจฆ่าศัตรูด้วยศักดิ์ศรีของนักรบในสมรภูมิ เราอาจได้เสียกับลูกสาวใจแตกของใครด้วยความรักจริงหวังรับผิดชอบ เราอาจโกหกเพื่อผลประโยชน์ของมหาชน เราอาจกินเหล้าเพื่อให้เกียรติเจ้าภาพที่ต้อนรับขับสู้ แต่ถ้าใจกล้าหน้าด้านไปปล้นใครเขามา จะอ้างอย่างไรนอกจากต้องยอมรับว่าไม่มีปัญญาหาเอง จึงต้องหันไปลักเอาจากคนอื่น
ถ้าเสียศักดิ์ศรีแล้วนึกเสียดาย ความรู้สึกเสียดายนั้นมักรบกวนจิตใจให้นึกสังเวชตนเอง คอยแต่จะรู้สึกว่าตนเป็นคนโกง เป็นโจร เป็นพวกไม่ซื่อ เหมือนกับว่าแค่จะดีให้ได้เท่ามาตรฐานมนุษย์ใจสะอาดสักคนก็ทำไม่ได้
เมื่อ บาปจากการขโมยถูกสั่งสมมากแล้ว ผู้ขโมยย่อมเลื่อนฐานะเป็นหัวขโมย ดูเผิน ๆ เหมือนมือนิ่งไม่สั่นไหว แต่ที่แท้บาปหนาจนใจแข็งกว่าใคร ๆ ต่างหาก ความมือไวใจเร็วของหัวขโมยย่อมก่อให้เกิดกระแสในตัวที่น่าระแวง ชวนให้รู้สึกถึงความไม่น่าไว้ใจ ไม่ต่างจากสุนัขลอบกัด แค่เห็นก็นึกอยากระวังตัวขึ้นมาทันที ทั้งที่ยังไม่ทันอวดเขี้ยวเล็บให้เห็นเลยด้วยซ้ำ
การขโมยแต่ละครั้ง คือการลดความสามารถในการครอบครองสมบัติอย่างถูกต้อง จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าเหตุใดหัวขโมยทั้งหลายจึงไม่อาจรักษาสมบัติอันเป็นที่ รักไว้ได้นาน มีอันต้องเสียไปให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางทีอยู่ดีไม่ว่าดีก็สร้างเหตุให้ทรัพย์วิบัติเสียเอง
จิตของหัว ขโมยมักเล็งโลภเอาแต่ได้ จึงตระหนี่ถี่เหนียวและมีจิตใจคับแคบ แม้อาบน้ำเนื้อตัวสะอาดแล้ว ก็รู้สึกราวกับเปื้อนเปรอะยางเหนียวเหนอะหนะ แบบเดียวกับคนที่ไม่อาบน้ำทีละสามวันเจ็ดวันได้
จิตที่คับแคบย่อม เหมาะกับภพใหม่ที่แคบจำกัด อัตคัดขัดสน แม้มีวาสนาพอจะเกิดใหม่ในโลกมนุษย์อีก กรรมที่เคยทำให้คนอื่นเดือดร้อนเรื่องของหาย ก็อาจส่งไปเกิดในที่ที่แทบไม่มีของให้หาย หรือถึงมีก็ติดมือไม่นาน ต้องประสบเหตุให้หายไปจากมือ อาจเพราะถูกลักขโมย หรืออาจวิบัติด้วยภัยทางธรรมชาติตั้งแต่ยังไม่ทันใช้ให้คุ้ม
หากตาย เยี่ยงหัวขโมยผู้ยังไม่อิ่มไม่พอกับการลักทรัพย์ แต่ยังพอมีบุญพยุงไม่ให้ร่วงหล่นถึงนรก ก็อาจไปเสวยภพของหัวขโมยระดับเดรัจฉานภูมิ เช่น แมวขโมย สุนัขจิ้งจอก ที่ล้วนมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกงติดมาในกมลสันดาน
แต่หากตายเยี่ยงโจรโฉด ปล้นไม่เว้นแม้พระสงฆ์องคเจ้า ไม่มีความเมตตาเป็นบุญเก่าพอช่วยพยุงเลย ก็จัดว่ามีความเหมาะกับสภาพความเป็นอยู่อันลำบากลำบน ไร้สมบัติติดตัว ดังเช่นนรกภูมิสถานเดียว!
ความคิดในทางขโมยจะลดความฉลาดในการหากินเยี่ยงสุจริตชนลง เราจะไม่รู้สึกผิด และย้ำบอกตัวเองว่าก็โลกอยุติธรรมเองไม่ให้โอกาสเราเท่าคนอื่นเอง หรือต่อให้มีโอกาสมากกว่าคนอื่น บาปก็ทำให้เราไพล่เห็นไปว่างานสุจริตดูไม่ค่อยท้าทาย ต้องเป็นงานทุจริตที่ใช้เล่ห์กลถึงค่อยน่าสนุก กระทั่งบาปพอกพูนขึ้นจนหนา รู้สึกด้านชากับการขโมยทรัพย์ราคาต่ำ ถึงจุดนั้น เราจะพร้อมขโมยทรัพย์ราคาสูงขึ้น ด้วยความรู้สึกว่าเป็นการยุติธรรมกับตนแล้วในทางใดทางหนึ่งเข้าไปอีก
ฉะนั้น เพียงไม่ตั้งใจไว้ก่อนว่าจะเว้นขาดจากการขโมย ก็นับว่ามีโทษแล้ว เพราะเมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดโลภะอย่างแรงกล้าศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ย่อมลดระดับแทบไม่เหลือ ยังผลให้สติพร่าเลือนลง เปิดช่องให้โลภะเข้าครอบงำจนโง่เขลา หลงนึกว่าบาปแห่งการขโมยเป็นสิ่งสมควรทำยิ่งกว่าบุญแห่งการระงับความโลภผิด ๆ ไม่รู้สึกอยากอดใจรอ ไม่รู้สึกอยากทำงานหาเงินมาซื้อสิ่งที่ต้องการด้วยตนเอง เอ็งต้องการชีวิตอย่างนั้นหรือไร
คำพูดเเละเรื่องที่ยกมาครั้งก่อนทำให้น้องชายผมนึกได้ น้องชายผมขอโทษคุณตาเเละทำตัวใหม่ เปลี่ยนน้องผมไปเลยน้องผมทำงานหาเงินขยันเรียนสอบได้อันดับหนึ่งมีเงินเก็บเยอะทำงานทุกวัน มีเเต่คนชื่นชมตั้งเเต่น้องชายผมเปลี่ยนไป ตอนนี้น้องผมกลายเป็นเศรษฐีพันล้านเเล้วพาผมกับตาเเละหลานคนอื่นไปอยู่บ้านเขาด้วย คุณตานั้นสอนคนได้หลายคนเเละหลายเรื่องครับ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น