คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : งิ้วศิลปะการเเสดงของจีน ตอนที่2
"ฉั่งเง็กชวง" บุตรชายนายอำเภอกังแห่ ขณะเดินทางจะไปฝึกปรือวิทยายุทธกับศิษย์น้อง"หลุ่ยปั้วจิว" ระหว่างทางได้พบเห็นเหตุการณ์สาวชาวประมง "โอ่วห่งโน้ย" ถูกอันธพาลบุตรชายนายทหารใหญ่ "โหล่วลิ้ม" ฉุดคร่าหมายลวนลามและทำร้ายบิดาจนถึงแก่ความตาย จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือโอ่วห่งโน้ย จากเงื้อมมือกงจื้ออันธพาล
ในการต่อสู้กงจื้ออันธพาลพลาดท่าถึงแก่ความตาย ห่งโน้ยซาบซี้งในบุญคุณของชายหนุ่มที่ช่วยเหลือตนจนต้องพลอยประสบเคราะห์กรรมไปด้วยจึงพาเง็กชวงหนีลงเรือประมงของนาง แล่นออกไปหาที่หลบซ่อนในลำน้ำ หนุ่มสาวทั้งสองเกิดความรู้สึกผูกพันเห็นใจในเคราะห์กรรมร่วมกัน เง็กชวงได้มอบ "จอกผีเสื้อ" สมบัติประจำตระกูลให้แก่ห่งโน้ยเพื่อเป็นการหมั้นหมาย และเพื่อให้นางใช้เป็นหลักฐานแสดงตนต่อบิดามารดาของเขาเพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จอกเหล้าดังกล่าวมิใช่จอกเหล้าธรรมดา เมื่อรินเหล้าใส่ รูปผีเสื้อคู่ที่จอกจะมีชีวิตโบยบินได้
”จอกผีเสื้อเรืองเรื่อหลากสีสรร ให้อัศจรรย์เมื่อสุรารินลงใส่
ผีเสื้อคู่บินร่อนปรากฏกาย ดุจอิงไถซานปอคลอเคียงกัน
จอกนี้มอบสืบทอดรุ่นสู่รุ่น มอบเนื้ออุ่นแทนใจขอหมั้นหมาย
หากน้องนางมิรังงอนอย่าดูดาย รับจอกไว้รับรักจากพี่เทอญ”
"โหล่วลิ้ม" ผู้สูญเสียบุตรชายเกเร บุกถึงจวนนายอำเภอกังแห่ "ฉั่งหุ่งซัว" ใช้อำนาจบาตรใหญ่หมายเข้าตรวจค้นและจับกุมตัวฉั่งเง็กชวง ฉั่งหุ่งซัวผู้ยังไม่ทราบเรื่องราวไม่ยอมให้ใช้กำลังบุกค้นจวนโดยมิชอบ รับปากว่าหากพบตัวบุตรชายและปรากฏว่าทำความผิดจริง ตนจะเป็นผู้นำตัวเข้ามอบตัวด้วยตัวเอง โหล่วลิ้มกำหนดเส้นตาย 3 วันให้มอบตัวเง็กชวงให้จงได้ก่อนจากไปด้วยโทสะ
ห่งโน้ยเมื่อส่งเง็กชวงขึ้นฝั่งหนีไปอย่างปลอดภัยแล้ว จึงเดินทางไปที่จวนนายอำเภอ บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น มารดาเง็กชวงโล่งใจที่บุตรชายหนีพ้นเงื้อมมือเหล่าผู้ตามล่าได้ ทว่าบิดานั้นกลับกังวลใจ เพราะทราบดีว่าโหล่วลิ้มจะมิยอมลดราวาศอกเป็นอันขาด ห่งโน้ยจึงยืนกรานหากคดีนี้ถูกนำขึ้นฟ้องร้อง นางจะฟ้องร้องกลับบุตรชายโหล่วลิ้ม ที่ฉุดคร่านางและทำร้ายบิดานางถึงแก่ความตาย
เมื่อครบกำหนด 3 วัน โหล่วลิ้มจับกุมนายอำเภอหุ่งซัวไปขึ้นศาล โทษฐานที่มิได้นำบุตรชายเข้ามอบตัวภายในกำหนด วางอำนาจสั่งการให้ศาลดำเนินคดีต่อนายอำเภอ ทว่าขุนนางต่งผู้รอบคอบมิยอมพิจารณาความโดยที่ยังมิได้ไต่สวนเรื่องราวและปราศจากหลักฐาน
ขณะนั้น ห่งโน้ยได้เข้าตีกลองร้องทุกข์ ฟ้องร้องนายอำเภอหุ่งซัวเช่นกัน โหล่วลิ้มดีใจที่ได้โจทก์ร่วม นางร้องเรียนกล่าวโทษนายอำเภอที่ไม่จับตัวคนร้ายที่ฆ่าบิดานางมารับโทษ เมื่อไต่สวนได้ความว่าผู้ต้องหาก็คือบุตรชายโหล่วลิ้มนั่นเอง เหตุการณ์กลับตาลปัตร ยังความเดือดดาลแก่โหล่วลิ้มเป็นอย่างมาก ขุนนางต่งซึ่งยึดมั่นในหน้าที่และความถูกต้องพอจะคาดการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ทว่าคดีซับซ้อนและเกี่ยวพันกับผู้มีตำแหน่งสูง จึงได้เลื่อนการพิจารณาตัดสินความออกไป และรั้งตัวห่งโน้ยให้อยู่ในจวนเพื่อสอบถามความให้กระจ่าง เมื่อทราบความจริงทั้งหมดก็เกิดความสงสาร และได้รับนางไว้เป็นบุตรบุญธรรมตระกูล "ต่ง"
ด้านชายแดน ข้าศึกประชิดเข้ารุกราน จึงได้มีราชโองการแต่งตั้งโหล่วลิ้มเป็นแม่ทัพนำทัพไปต่อสู้กับข้าศึก บุตรสาว "โหล่วจี้เอ็ง" จะขอติดตามบิดาไปด้วย ทว่าติดขัดจำเป็นต้องอยู่ดูแลมารดาผู้ยังทุกข์โศกจากการตายของพี่ชายนาง โหล่วลิ้มจำต้องพักเรื่องคดีบุตรชายไว้ เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ
ในสมรภูมิ ทัพของโหล่วลิ้มตกเป็นรองมิอาจสู้ฝ่ายศัตรูได้ ฉั่งเง็กชวงและ “หลุ่ยปั้วจิว” ศิษย์น้องซึ่งตั้งใจจะไปสมัครเข้าร่วมกองทัพเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่
เง็กชวงเมื่อเห็นแม่ทัพฝ่ายตนก็จำได้ว่า คือโหล่วลิ้มศัตรูตัวฉกาจที่ตามล่าเขาอยู่อย่างไม่ลดละนั่นเอง จึงเกิดความลังเลที่จะเข้าช่วยเหลือ เพราะหากโหล่วลิ้มได้ชัยในครานี้ ต่อไปภายหน้าตนย่อมต้องถูกตามทวงเอาชีวิต และนั่นจะทำให้ตระกูลฉั่งสูญสิ้นทายาทสืบสกุล ห่งโน้ยอีกเล่า นางย่อมต้องทุกข์ระทมไปชั่วชีวิต ทว่าภาพแห่งการสู้รบเบื้องหน้า โหล่วลิ้มแม้ตกเป็นรอง แต่ก็สู้อย่างองอาจห้าวหาญไม่ห่วงชีวิต สิ่งสำคัญหากเขาเกิดพลาดพลั้งไป กองทัพที่ไร้แม่ทัพย่อมระส่ำระสาย ประชาราษฏร์จะถูกย่ำยี เขานั้นหรือยังจะสามารถแบกหน้าอยู่สู้หน้าเพื่อนร่วมชาติได้ ยามนี้เรื่องของชาติบ้านเมืองสำคัญกว่าเรื่องส่วนตัวนัก เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงตัดสินใจเข้าโรมรัน แก้ไขสถานการณ์ เข้าสู้รบจนฝ่ายตนพลิกกลับเป็นผู้ชนะ
ทัพโหล่วลิ้มมีชัยด้วยฟ้าประทานสองพยัคฆ์หนุ่มเข้าช่วยเหลือ โหล่วลิ้มชื่นชอบและชื่นชมผู้กล้า ทอดถอนใจที่ตนมิได้มีบุตรชายประเสริฐเยี่ยงนี้ ใจคิดอยากรั้งตัวสองพยัคฆ์หนุ่มไว้เคียงข้างตนตลอดไป นายทหารคนสนิทจึงอาสาเป็นพ่อสื่อ หมายดึงตัวชายหนุ่มคนใดคนหนึ่งไว้ให้เป็นบุตรเขยแม่ทัพ โหล่วลิ้มเลือกเอาคนพี่ฉั่งเง็กชวง ซึ่งขณะนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น "หลุ่ยฉ่วงจิว" รับสมอ้างเป็นพี่ชายหลุ่ยปั้วจิวไปแล้ว
ณ จวนแม่ทัพ โหล่วจี้เอ็งบุตรสาวกะเกณฑ์คนงานประดับประดาจวน ส่วนตนเองเตรียมดอกไม้ช่องามไว้รอต้อนรับบิดากลับมา เมื่อครอบครัวพร้อมหน้า โหล่วลิ้มแจ้งแก่ภรรยาว่าได้เลือกบุตรเขยไว้ให้แก่บุตรสาวเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังได้เชิญชายหนุ่มมาที่จวนเพื่อจะเลี้ยงขอบคุณ เมื่อสองหนุ่มมาถึง เขาได้ขอให้ทั้งสองแสดงฝีมือเพลงกระบี่ จึ้เอ็งเมื่อได้ชมฝีมือกระบี่ของสองพี่น้องก็พึงพอใจ ด้วยนางเองชื่นชอบด้านวิทยายุทธอยู่แล้ว โหล่วลิ้มเมื่อเห็นบุตรีพึงพอใจ จึงสั่งการจัดให้มีพิธีวิวาห์ในอีก 3 วันข้างหน้า ยังความตระหนกแก่นายทหารผู้ขันอาสาเป็นพ่อสื่อด้วยว่ายังไม่ได้ทำหน้าที่พูดกับฝ่ายชาย ในที่สุดได้มัดมือชกเง็กชวงให้ต้องเข้าพิธีวิวาห์ เง็กชวงตกอยู่ในสถานการณ์คับขันถึงกับคั่งแค้นจนหมดสติไป
จี้เอ็งดอดเยี่ยมว่าที่สามีที่ห้องสมุด เง็กชวงสารภาพต่อนางว่าตนมีคู่รักอยู่ก่อนแล้ว และต้องการปฏิเสธงานวิวาห์ครั้งนี้ ยังปรากฎความจริงอีกว่าเขาก็คือฉั่งเง็กชวงที่บิดานางตามล่าตัวอยู่ จึงคิดจะสังหารศัตรูของครอบครัว แต่เมื่อทราบเรื่องราวความจริงและรู้จักนิสัยพี่ชายตนเองเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าพี่ชายเป็นตัวการของเรื่องที่เกิดขึ้น นางเห็นใจในความรักมั่นคงของเง็กชวงกับสาวชาวประมงและสำนึกบุญคุณที่เขาเคยช่วยชีวิตบิดาไว้ จึงตัดใจตัดรักและปล่อยเง็กชวงไป ความอัดอั้นตันใจระคนผิดหวัง พรั่งพรูออกสู่ท่วงท่าเพลงกระบี่อย่างดุดัน
ปั้วจิวมาหาพี่ชายและได้พบนางเข้า ทราบว่านางรู้ความจริงแล้วแต่ยังปล่อยพี่ชายให้หนีไป เกิดความซาบซึ้งในความดีของนางและเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวในยามนี้ ฝ่ายหญิงสาวก็เห็นความจริงใจและน้ำใจที่ชายหนุ่มมีให้กับศิษย์พี่ ความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกันจึงเกิดขึ้น จี้เอ็งวางแผนให้เขาเป็นตัวแทนเง็กชวงเข้าพิธีวิวาห์กับตนโดยตนจะไปแจ้งต่อบิดาว่าชายที่นางรักนั้นคือปั้วจิว คาดว่าบิดาซึ่งรักนางดั่งแก้วตาดวงใจจะไม่ปฏิเสธ ไหนเลยบัตรเชิญก็ได้แจกจ่ายออกไปแล้วมิอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลง ส่วนฉ่วงจิวที่บิดารู้จัก ก็จะขอให้รับไว้เป็นบุตรบุญธรรมแทนพี่ชายที่ตายไป ปั้วจิวจึงได้นำความนี้ไปแจ้งต่อเง็กชวงซึ่งมิอาจผ่านทหารยามเฝ้าจวนหนีออกไปได้ก่อนหน้านี้ได้ทราบ
ขุนนางต่งทราบความจริงจากสาวใช้ของจี้เอ็งซึ่งเคยเป็นคนรับใช้เก่าของตนว่า หลุ่ยฉ่วงจิวแท้จริงแล้วคือฉั่งเง็กชวง จึงได้เล่าสู่ให้โอ่วห่งโน้ยทราบ นางจึงได้เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเง็กชวงต่อบิดาบุญธรรม เพื่อให้เง็กชวงหลุดพ้นจากเงื้อมมือโหล่วลิ้ม ขุนนางต่งจึงได้ไปทาบทามต่อโหล่วลิ้ม ขอบุตรบุญธรรมหลุ่ยฉ่วงจิวให้วิวาห์กับบุตรสาวตน
ในคืนส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ เง็กชวนกลัดกลุ้มใจหาทางหลบเลี่ยงด้วยไม่ทราบว่าบุตรบุญธรรมของขุนนางต่งแท้ที่จริงแล้วคือห่งโน้ยสาวชาวประมงคนรักของตน เขาบอกความจริงเรื่องที่ตนมีคู่รักอยู่ก่อนแล้วและขอให้นางปล่อยเขาไป ห่งโน้ยแม้จะดีใจที่ได้ทราบความจริงใจแต่ก็ยังอยากลองใจคู่รักต่อไปอีก จึงแสร้งว่าบุตรสาวขุนนางใยมิอาจเทียบสาวชาวประมงได้
เง็กชวงกล่าวโดยมิลังเลว่า
"อันรักแท้ประจักษ์แน่อยู่แก่จิต มิได้ติดที่มั่งมีฤาขัดสน
สาวประมงคู่ทุกข์ยากรู้ใจตน เกี่ยวกมลพันผูกทุกคืนวัน"
ห่งโน้ย..
"อันรักแท้แน่วแน่ใครฤาทราบ เดือนมืดดับยามใดจักสว่างไสว
ปะลมฝนกระหน่ำลงเมื่อไร แม้นสายใยรักพันผูกก็ขาดลง"
เง็กชวง ..
"จันทร์มืดแล้วมิแคล้วมีวันสว่าง บัวสะบั้นรากหักคงใยสาย
ผีเสื้อคู่บินคลอรักมิคลาย ดั่งดอกไม้ผลิบานคู่เคียงกัน”
ความมั่นคงในรักแท้ได้ถูกพิสูจน์ ห่งโน้ยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง คู่รักได้เคียงคู่กันอีกครั้งดุจดั่งคู่ผีเสื้อในจอก
ความคิดเห็น