ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Arcadia Lucius Arayfran

    ลำดับตอนที่ #1 : ภารกิจ First Hunting Field

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 54


    ภารกิจ First Hunting Field

     

                    ฟรานส์จัดการเตรียมอาวุธของตัวเองให้อยู่ในสภาพพร้อมทุกเมื่อ ปืนหลากหลายชนิดถูกวางเรียงกันบนโต๊ะไม้อย่างเป็นระเบียบ

    แกร๊ก!!

    เสียงขึ้นลำปืนดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะจัดการเก็บปืนทั้งหมดเข้าไปในแขนเสื้อทั้งสองข้าง ฟรอเรียสที่มองอยู่ตลอดก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ปืนมากมายขนาดนั้นเข้าไปยัดอยู่ในแขนเสื้อได้อย่างไร

    ความจริงแล้ว คลังอาวุธต่างมิตินั้น เป็นเวทมนต์ชนิดเดียวที่ฟรานส์มี เป็นเวทประเภทอัญเชิญอาวุธออกมาจากคลังเก็บของต่างมิติ

    *คลังเก็บของต่างมิตินั้นสร้างขึ้นมาจากพลังเวทของคนๆนั้น พลังเวทยิ่งมากยิ่งเก็บของได้เยอะขึ้น ในกรณีของฟรานส์นั้น มีข้อจำกัดว่าใช้เก็บได้แค่อาวุธประเภทปืนเท่านั้น เป็นหารใช้ข้อจำกัดบางอย่างเพื่อเพิ่มพื้นที่ของคลังเก็บของเพื่อชดเชยปริมาณพลังเวทที่น้อย

    “งั้นก็ระวังตัวด้วยนะ” ฟรอเรียสเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน

    “ขอบคุณครับ คุณฟรอเรียส” ฟรานส์ยิ้มตอบกลับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในสายหมอก

     

    ฟรานส์เดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน ทางข้างหน้านั้นเต็มไปด้วยหมอกหนา ต่างจากหมอกที่ทางเข้าป่าโดยสิ้นเชิง แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับเอเรย์ฟรานส์

     

    ลมปราณศิลาอมตะ เทพวิชาตรวจจับขั้นนสูง วิหารเทพอัคนี

     

    ลมปราณราชันย์อมตะถูกใช้ออกโดยการหลอมรวมเข้ากับลมปราณธาตุดิน เชื่อมต่อตนเองเข้ากับผืนดินและทุกสิ่งที่สัมผัสกับพื้ดิน เป็นลมปราณสายตรวจจับ 1 ใน 8 ของฟรานส์ วิหารเทพอัคนีจะทำให้ผู้ใช้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆรอบๆตัวโดยที่ไม่จำเป็นต้องมองเห็น แค่ใช้ลมปราณสัมผัสเท่านั้น แต่มีข้อจำกัดคือ ต้องมีส่วนไดส่วนหนึ่งของร่างกายเชื่อมต่อกับพื้นอยู่ตลอดเวลา และ สิ่งที่รับรู้ได้ต้องเป็นสิ่งที่สัมผัสกับพื้นดินอยู่เท่านั้น

    ฟรานส์เร่งพลังลมปราณขยายขอบเขตรับรู้ให้กว้างขึ้น แต่ก็ไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตไดๆเลย

    “ป่านี้มันกว้างขนาดไหนกันเนี่ย ขนาดขยายขอบเขตการรับรู้ให้กว้างที่สุดแล้วยังสัมผัสอะไรไม่ได้เลย” นภาเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อจะเดินเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม

    “หรือว่ามันบินอยู่กันนะ...”

    ฟรานส์หยุดใช้วิหารเทพอัคนีทันที ก่อนจะรวบรวมลมปราณไปที่เท้าก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนฟ้าทันที

     

    ลมปราณสายลมอมตะ เทพวิชาตรวจจับขั้นสูง วิหารเทพวายุ

     

    ฟรานส์สร้างพื้นที่ยืนออกมากลางอากาศด้วยลมปราณทำให้ยืนอยู่กลางอากาศได้ และใช้ลมปราณตรวจจับทันที ขอบเขตรับรู้แผ่ขยายออกไปรอบๆตัวเป็นทรงกลมทันที

    ทุกสิ่งที่อยู่ในอาณาเขตนี้ จะไม่รอดพ้นไปจากการรับรู้ของฟรานส์ได้

    “เจอแล้ว!!” นภาหันไปทางทางสัมผัสถึงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้ทันที จากรูปร่างและพลังความร้อนที่สัมผัสได้นี้เป็นกราด้อนไม่ผิดแน่นอน

    ชั่วพริบตานั้นฟรานส์สลายพลังทั้งหมดทันทีแล้วถ่วงตัวเองลงกับพื้น ก่อนจะผนึกพลังปราณสายฟ้าไปทั่วร่างทันที

     

    ลมปราณสายฟ้าอมตะ เวทวิชาท่าเท้าขั้นสูง ย่างก้าวเงาอัสนี

     

    ความเร็วของฟรานส์ตอนนี้เร็วพอๆกับสายฟ้าที่ฟาดลงสู่พื้นดิน ทุกการเคลื่อนไหวประกายสายฟ้าจะหลั่งไหลออกมาตลอดเวลา เพียงไม่นานแค่ชั่วพริบตา ฟรานส์ก็พาร่างของตัวเองมาอยู่ใต้ร่างของมังกรขนาดยักษ์อย่างไม่ยากเย็น

    รีบตัดปีกของมันกลับไปดีกว่า ถึงเวลาใช้ลมปราณอมตะจะทำให้มีพลังชีวิตกับลมปราณไม่จำกัด แต่ผมกระทบเวลาใช้ลมปราณนั้นหนักเกินกว่าที่เราจะรับได้เป็นเวลานานๆ

    “เอาล่ะนะ”

    เพียงสะกิดเท้าครั้งเดียวร่างของฟรานส์ก็ลอยอยู่เหนือมังกรยักษ์ทันที

     

    ลมปราณเพลิงอมตะ เทพวิชาสำนึกหมัด หมัดจอมราชันย์สะท้านภพ!! (เวอร์ชั้นอัคคี)

     

    ตูม!!

    ท่าไม้ตายของฟรานส์ถูกใช้ออกมาทันที ลมปราณมหาศาลถูกใช้ออกโดยไม่สำรองไว้ หวังเพียงแค่จะจบการต่อสู้ให้ได้ในหมัดนี้

    โฮก!!

    เสียงคำรามดังลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนที่ร่างติดไฟของมังกรตรงหน้าจะสิ้นใจไป

    “แฮ่ก...ๆ...” ฟรานส์สลายลมปราณของตัวเองทันทีก่อนที่ร่างเล็กจะตกลงสู่พื้นอย่างแรง ร่างกายเหมือนถูกเผาผลาญด้วยไฟนรกที่เผาผลาญไปถึงวิญญาณ

    “แค่ก ๆ ลมปราณธาตุนี้มันมีผลร้ายมากกว่าผมดีจริงๆแหะ ถ้าใช้ไม่ระวังล่ะก็มีสิทธิ์ตายได้เลยนะเนี่ย...” ฟรานส์นอนแผ่ลงกับพื้น พลางเอ่ยออกมาอย่างเหนื่อนอ่อน

    แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลาให้ฟรานส์ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ลูกไฟหลายสิบลูกพุ่งเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว

    ตูม!! ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

    เสียงระเบิดดันขึ้นต่อเนื่องต้นไม้รอบๆถูกทำลายหายไปเป็นวงกว้าง

    “กรร...” ร่างใหญ่ยักษ์ของมังกรกลาด้อนหลายสิบตัวบินล้อมจุดที่ฟรานส์เคยนอนอยู่ด้วยแววตาเคียดแค้น ตัวที่น่าจะเป็นจ่าฝูงบินลงมามองร่างไหม้ไฟของมังกรเผ่าพันธุ์เดียวกัน มันมองร่างนั้นอยู่ซักพักก่อนจะคำรามออกมาเสียงดันสนั่น เรียกให้ลูกฝูงตัวอื่นคำรามสมทบ

    ตูม!!

    ระเบิดขนาดย่อมหักเขาของเจ้าตัวจ่าฝูงข้างหนึ่งอย่างรุณแรง ทำให้มันหันไปมองยังกองไฟกองใหญ่ที่เมื่อครู่มันพึ่งระดมยิงไฟใส่เข้าไปทันที

    “ฟู่...เกือบไปแล้ว ถ้าไม่ผนึกเพลิงอมตะทั่วร่างป่านนี้ร่างคงแหลกไปแล้ว”

    ไฟค่อยๆมอดลงอย่างช้าๆจนดับไปในที่สุด ตรงกลางหลุมที่เกิดจากการระเบิดมีร่างเล็กร่างหนึ่งที่มือขวาถือปืนระเบิดกระบอกใหญ่เอาไว้ แสดงให้รู้ว่า เจ้าของระเบิดลูกเมื่อกี้เป็นฝีมือของเขาแน่ๆ

    “แล้วพวกพี่จะยกอะไรกันมาเยอะแยะครับเนี่ย ถึงผมจะใช้พลังได้ไม่จำกัด แต่ถ้าต้องใช้บ่อยๆก็รับภาระไม่ไหวเหมือนกันนะ”

    ฟรานส์พูดออกมาติดตลก ที่มือซ้ายก็เพิ่มปืนกลหนักที่ใหญ่เกินกว่าที่เด็กจะถือได้ขึ้นมากระบอกหนึ่ง

    เยอะเกินไปหน่อยรึเปล่าเนี่ย...ถ้าแค่จำนวนเท่านี้ปืนที่มีก็น่าจะกวาดหมด แต่ถ้ามากกว่านี้ล่ะก็ไม่ไหวแน่ๆ

    “โฮก!!” เสียงของจ่าฝูงกลาด้อนคำรามลั่นอีกครั้ง ก่อนที่ลูกไฟขนาดใหญ่จะถูกปล่อยออกมาอีกระรอก

    ตูม!!

    เสียงระเบิดของลูกไฟเหมือนเป็นสัญญาณเริ่มการต่อสู้ ลูกฝูงที่เหลือก็กระน่ำยิงลูกไฟใส่เขาทันที

    ปัง!! ๆ ๆ ๆ ๆ

    ฟรานส์หลบลูกไฟด้วยความเร็วสูงปืนกลในมือก็สาดกระสุนออกมาอย่างบ้าคลั่ง และทุกนัดก็ไม่มีพลาดเป้า ด้วยขนาดตัวของเป้าหมายที่ใหญ่และความชำนาญการยิงปืน ทุกนัดที่เข้าเป้าล้วนเป็ฯจุดสำคัญทั้งนั้น

    ปืนหลายสิบกระบอกถูกเรียกออกมาใช้สังหารมังกรเพลิงทีละตัว ๆ จนตอนนี้เหลือแค่ ไม่กี่ตัวเท่านั้น

    “ลงมาซะดีๆ”

    ปืนไรเฟิลต่อต้านรถฟังส่งกระสุนระเบิดปีกข้างหนึ่งของมังกรผู้โชคร้ายให้ร่วงลงมาสู่พื้นทันที มือข้างที่เหลือล้วงไปที่คอเสื้อก่อนจะล้วงเอาปืนลูกซองออกมายิงซ้ำ ส่งให้ตายไปอีกหนึ่งตัว

    “โฮก!!

    “เฮ้ย!!

    เจ้าจ่าฝูงสะบัดปีกอย่างรุณแรงสร้างพายุเพลิงขนาดใหญ่ออกมาหลายสิบลูก ลมปราณอมตะถูกเรียกใช้อีกครั้ง

     

    ลมปราณสายน้ำอมตะ เทพวิชาจำแรงร่าง ร่างเทพวารี

     

    พายุเพลิงพัดไปทั่วบริเวณอย่างบ้าคลั่ง ฟรานส์ที่เปลี่ยนร่างตัวเองให้เป็นธาตุน้ำได้รับผลจากพายุเพลิงแค่ครึ่งเดียว แต่ครึ่งเดียวนั้นแหละที่ทำให้ฟรานส์บาดเจ็บหนักไม่น้อย

    “โอ๊ย ร้อน ๆ ๆ ๆ”

    นภาวิ่งเหลบพายุเพลิงต้นแล้วต้นเล่าเพื่อที่จะเข้าไกล้ร่างของจ่าฝูงกลาด้อนให้ได้แต่ดูเหมือนจะไม่เป้นผลเพราะมันสร้างพายุเพลิงออกมาเพิ่มอีกไม่หยุด

    “บ้าจริง เข้าไกล้ไม่ได้เลย” ในตอนนี้ปืนของฟรานส์ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ เขาจึงเก็บเข้าคลังไปแล้ว สิ่งที่เขาจะพึ่งได้ตอนนี้เหลือแค่ลมปราณเท่านั้น

    “ทำยังไงถึงจะเข้าไปไกล้มันได้เนี่ย...” เขากัดฟันกรอดพลางหลบพายุเพลิงไปด้วย ในหัวก็คิดวิธีการต่างๆนาๆเพื่อที่จะเข้าไปไกล้ให้ได้ เขาเหลือลมปราณอะไรอีกมั่งที่พอจะใช้ได้ในสถานการณ์นี้ได้

    “จริงสิ!!” ฟรานส์ถอยออกห่างจากระยะของพายุเพลิงก่อนจะรวบรวมลมปราณที่ไม่ค่อยได้ใช้ไปทั่วร่างทันที

     

    ลมปราณวิญญาณไร้เงา

     

    ร่างของฟรานส์โปร่งใสจนมองทะลุได้ ลมปราณลี้ลับแผ่ออกมารอบๆตัว ฟรานส์สะกิดเท้าเพียงเล็กน้อย ร่างของเขาก็เหมือนแยกเป็ยภาพติดตาเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าๆ แต่ในความเป้ฯจริงกลับรวดเร็วจนมองตามไม่ทัน

     

    เพียงชั่วพริบตาร่างเล็กก็มายืนอยู่ตรงหน้าของจ่าฝูงมังกรแล้ว

    “เป็นผู้หญิงก็ทำตัวให้มันเรียบร้อยหน่อยสิครับพี่สาว”

    ฟรานส์ฉีกยิ้มออกมาจนเห้นฟันขาวๆของเขา มังกรจ่าฝูงผงะไปเล็กน้อย

    “จบซักที”

     

    ลมปราณวิญญาณอมตะ คืนวันฝันสลาย

     

    ลมปราณลี้ลับแผ่ออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างให้เป็นวิญญาณนับร้อยนับพันพุ่งเข้าใส่มังกรจ่าฝูงทันที

    “โฮก!!” มันคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณ วิญญาณนับพันวนเวียนอยู่ในร่าง แม้ร่างกายจะไม่มรีบาดแผล แต่ความเจ็บปวดที่มันได้รับก็คือความจริง...เวลาผ่านไปไม่นานมันก็สิ้นใจในที่สุด

     

    “ที่กราด้อนเพิ่มจำนวนออกมามากขนากนั้นก็เพราะมีจ่าฝูงเป็นตัวเมียรึเปล่านะ...” ที่ฟรานส์รู้ว่าจ่าฝูงตัวนั้นเป็นเพศเมียก็เพราะตอนใช้ลมปราณวิญญาณไร้เงานั้น เขาสามารถมองเห็นร่างวิญญาณของสิ่งมีชีวิตได้ ทำให้เขารู้ว่าวิญญาณของกราด้อนนั้น เป็นวิญญาณของมังกรเพศเมีย

    ฟรานส์หันไปมองด้านหลังของตัวเอง ปีกมังกรหลายสิบอันถูกผูกติดกันไว้ด้วยเชือก ทำให้เขาแบกปีกทั้งหมดกลับไปได้

    นภาเดินไปตามทางที่เขาเดินเข้ามาเพื่อจะออกจากป่าสายหมอก เพื่อไปส่งภารกิจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×