คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ฟิคจับฮฮ -06-
#ฟิคจับฮฮ -06-
วันนี้ก็มาถึงแล้ว วันนี้จงอินจะได้พบสิ่งที่เฝ้ารอ...
หลังจากจงอินแยกย้ายกับเซฮุนแล้วก็ชานยอล ตัวเขาก็มุ่งมาที่สนามบินอินชอนทันที หลังจากรู้มาว่าวันนี้ทายาททั้งสองของตระกูลโดจะกลับมาจากอิตาลีแล้ว หลังจากที่หายหน้าหายตาไปหลายปี...
เรื่องนี้พ่อแม่ของจงอินรู้อยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าเรื่องระหว่างตระกูลสองตระกูลจะไม่สวยงามเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ใช่เน่าแฟะ ทั้งสองยังคงติดต่อกันอยู่ในฐานะนักธุรกิจด้วยกัน และอาจด้วยความสัมพันธ์อันดีในอดีต จงอินไม่คิดโทษคุณโดและภรรยา เพราะทั้งสองไม่รู้อะไรกับเรื่องของเขา พวกท่านแก่มากแล้ว เรื่องปวดหัวอย่างนี่ จงอินไม่อยากให้เข้ามายุ่ง เพราะจงอินยังคงเคารพพวกท่านในฐานะผู้อาวุโสอยู่ดี
จงอินใช้เวลาไม่นานจากโซลมาที่สนามบิน เขาได้รับมอบหมายจากทั้งทางคุณโดและพ่อแม่ของเขาให้มารับทายาททั้งสองด้วยตนเอง และจงอินไม่ปฏิเสธ เขาแค่อยากสร้างความเซอร์ไพร์ให้กับผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
จงอินเมื่อเดินเข้ามาในสนามบิน เขาก็รีบเดินไปเกทออกของผู้โดยสารจากอิตาลีทันทีเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ร่างสูงเลือกยืนอยู่ในจุดที่ทั้งสองน่าจะมองเห็นได้ง่ายๆโดยที่เขาไม่ต้องตะโกนบอกหรือชูป้ายเหมือนญาติคนอื่นๆที่มารับ
ไม่นานทางสนามบินก็ประกาศว่าเครื่องเรนดิ้งลงแล้ว จงอินเมื่อได้ยิน ก็จัดแจงตัวเองให้ดูดีกว่าเมื่อกี้ เพื่อให้ดูเป็นทางการหน่อย เขาเตรียมคำพูดมามากมาย
ตอนนี้หัวใจของร่างสูงเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นที่ได้เจอใครบ้างคนอีกครั้ง จงอินไม่รู้ว่ามันจะเต้นไปเพื่ออะไร ในเมื่อหัวใจดวงนี้มันตายไปนานแล้ว แต่วันนี้อยู่ๆก็เต้นแรงอีกครั้ง ตัวของเขาสั่นไปทั้งตัว และรับรู้ได้ด้วยว่า ตัวเขาตอนนี้เย็นเพราะความตื่นเต้นที่มันกำลังรุมเร้าเขาอยู่
เพียงไม่นานหลังจากที่ทางสนามบินประกาศก็เริ่มมีผู้โดยสารทยอยออกมาจากเกทแล้ว จงอินใช้สายตากวาดมองไปทั่วเพื่อจะได้พบคนที่เขาต้องมารับในครั้งนี้ แต่ไม่รู้ว่าคนมันเยอะหรือเพราะอีกคนตัวเล็ก ร่างสูงจึงมองไม่เห็น เมื่อเวลาผ่านไปได้แป๊ปนึง คนที่ออกมาก็เริ่มบางตาและญาติๆที่มารอก็เริ่มออกไปเมื่อพบคนที่พวกเขารอ แต่ก็เห็นจะมีเพียงจงอินคนเดียวที่ยังไม่พบทายาทของตระกูลโดสักคน หรือทั้งสองจะเดินออกไปแล้ว จงอินได้แต่คิดในใจ
แต่ไม่นานเขาก็เห็น ผู้ชายสองคนเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโต คนหนึ่งตัวสูงสง่าดูรู้เลยว่าเป็นลูกผู้รากมากดี และคอยเข็นรถขนสัมภาระแทนคนตัวเล็กข้างๆที่หน้าขาว ตาโต ผิวขาวเหมือนผู้หญิง ไหล่เล็ก และรูปร่างเล็กกะทัดรัดน่าฟัดที่เดินตามออกมาด้วยกัน นั่นทำให้จงอินรีบเดินเข้าไปหาทั้งคู่ทันที และเอยทักตามประสาคนที่ไม่ได้พบกันนาน...
“สวัสดีครับ พี่ดงกุกและ...คยองซู” เสียงในตอนท้ายของจงอินแผ่วลงไป เพราะร่างสูงหันหน้าไปสบเข้ากับตาโตของอีกคนพอดี ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วอยู่แล้ว ยิ่งเร็วเข้าไปอีก
“เอ้า! สวัสดีจงอิน เป็นไงมาไงมาที่สนามบินเนี้ย”
“มารับทั้งสองคนนั้นแหละครับพี่ พ่อแม่พี่ฝากให้ผมมารับ”
“เอ้า นี่พวกท่านไม่มารับผมเหรอฮะ โห้ อุตส่าห์กลับมาทั้งที”
“ไม่นี่คยองซู ผมเสนอมารับแทนต่างหากล่ะ” ร่างสูงตอบผู้ชายตาโตตรงหน้าเพราะไม่อยากให้คุณลุงคุณป้าท่านดูผิดไปในสายตาของคยองซู
“มานานล่ะยัง ไปทานอะไรที่บ้านฉันก่อนไหม” คยองซูเมื่อเห็นว่าจงอินดูเหนื่อยเลยอยากให้จงอินไปทานอาหารบ้านตนก่อน เพราะดูท่าร่างสูงคงมารอเขากับพี่นานแล้ว และคงหิว คยองซูจะได้โชว์ฝีมือการทำอาหารที่เพิ่งเรียบจบมาให้จงอินได้ชิมด้วย
“อืม...ก็ได้ครับ หวังว่าคยองซูจะเป็นคนทำเองนะ เพราะผมอยากให้คยองทำมากกว่า...”
ระหว่างพูดนั้นจงอินก็เอาแต่จ้องคยองซูไม่วางตาจนร่างตรงหน้าเขินตัวม้วน เพราะตั้งแต่ไปอิตาลีเขาก็ไม่เคยโดนใครจ้องด้วยสายตาอย่างนี้เลย แม้จะมีคนมาจีบ แต่คยองซูก็ไม่แม้แต่จะสนใจ เพราะเขามีคนที่เขารออยู่ที่เกาหลีแล้ว
“งั้นก็ดีเลย ไปทานด้วยกันเลยล่ะกัน เพราะวันนี้ฉันคิดว่าคยองซูคงลงมือทำอาหารเอง ต้อนรับการกลับมาเกาหลีในรอบหลายปีล่ะนะ” ดงกุกเมื่เห็นท่าไม่ดีจากสายตาที่จงอินใช่มองน้องชายของเขา ตัวเองเลยปิดโอกาสตัดหน้าโดนการรีบพูดตัดบท และลากคยองซูพร้อมสัมภาระออกจากตรงนั้นตรงไปที่รถซึ่งจอดรอพวกเขาอยู่แล้ว
จงอินเมื่อเห็นดงกุกรีบพาคยองซูออกไป ก็อดสมเพชไม่ได้ กะอีแค่น้องชายคนเดียวจะอะไรนักหนา เขาไม่คิดทำอะไรหรอน่า มันยังไม่ถึงเวลา แต่ก็ถือว่าวันนี้อะไรๆก็ดี เพราะดูจากปฏิกิริยาที่คยองซูส่งกลับมาให้เขาหลังจากที่ร่างสูงพยายามส่งสายตามีความนัยไปให้ คนตาโตก็มีอาการเขินออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แผนการของเขายังไม่ทันเริ่ม ดูจะมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว จากนี้อะไรๆก็คงง่ายขึ้น...
ระหว่างทางไปบ้านตระกูลโด คยองซูเอาแต่คุยเจือยแจ้ว หันมองนู้นนี้นั้นตลอดทาง เพราะเขาไม่ได้กลับมาเกาหลีนาน ที่นี่เปลี่ยนไปเยอะมาก แต่คยองซูก็ยังพอจำทางไปบ้านของเขาได้
แม้ว่าทั้งรถตอนนี้จะมีเสียงของคยองซูคอยกลบความเงียบแต่ ทั้งจงอินและดงกุกไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทั้งคู่ต่างเอาแต่นั่งเงียบ จนคยองซูที่พูดคนเดียวมานานอดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งคู่จะเงียบกันทำไม จงอินน่ะไม่แปลก เพราะร่างสูงเป็นพวกเงียบๆอยู่แล้ว แต่พี่ดงกุกนี่สิ ทำไมถึงเงียบได้ ทุกทีจะชวนเขาคุยเรื่อยเลย
“พี่ดงกุก เป็นอะไรฮะ ทำไมเงียบจัง” คยองซูทำตาออดอ้อนพี่ชายตรงหน้า หลังจากที่เขาเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ จนไม่ได้สนใจน้องชายตัวเล็กที่นั่งข้างๆ
“ป่าวครับ พี่แค่คิดถึงพ่อแม่ เลยคิดอะไรไปเรื่อยเปลือยเท่านั้นเอง คยองซูมีอะไรหรือป่าวครับ”
“ไม่ฮะ คยองซูแค่รู้สึกเหมือนตัวเองพูดคนเดียว เพราะทั้งรถเงียบจัง นายก็เหมือนกันจงอิน เงียบทำไมเนี้ย” ในช่วงหลังคยองซูหันมาเอ็ดจงอินที่เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทางเช่นกัน
“ผมแค่กำลังคิดถึงอาหารที่คยองซูจะทำให้ทานไงครับ ว่าคยองจะทำอะไรให้ผมทานน้า”
“ก็คงเป็นอาหารอิตาลีง่ายๆแหละ เพราะฉันก็ลืมอาหารเกาหลีไปแล้วด้วย สงสัยต้องให้แม่ช่วยซะแล้วสิ”
“งั้นเดี๊ยวพี่เป็นลูกมือให้ตอนคยองซูทำอาหารมื้อนี้เอาไหมครับ”
“ไม่ต้องหรอกฮะ เดี๊ยวผมเข้าไปทำกับแม่บ้านก็ได้...”
“ถึงแล้วครับ” ก่อนที่คยองซูจะทันพูดจบ จงอินก็ดันชิงพูดขึ้นซะก่อน เพราะตอนนี้รถกำลังแล่นเข้าเขตบ้านตระกูลโดแล้ว
“ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยแหะ” คยองซูพูดกับตัวเองเบาๆหลังจากที่เขาสังเกตรอบบ้านของตัวเอง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เปลี่ยนก็แค่ต้นไม้บางต้นที่ดูเหมือนตำแหน่งมันจะเปลี่ยนไปบ้าง
เมื่อทั้งสามย่างเข้าบ้านก็มีเสียงของบุคคลทั้งสองที่นั่งรอลูกชายอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นดังมาแต่ไกล
“มาแล้วเหรอดงกุก คยองซู”
“มาแล้วคร้าบบบบบบบ” คยองซูวิ่งดุ๊กๆเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งรออยู่ พร้อมกับดงกุกที่เดินตามไปทีหลัง เหลือแต่จงอินที่มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม เขาไม่อยากทำแบบนี้ ไม่อยากทำให้รอยยิ้มของคยองซูต้องหายไป แต่มันไม่มีทางเลือก ถ้าดงกุกไม่ทำกับครอบครัวเขาแบบนี้ คยองซูก็ยังคงเป็นนางฟ้าอยู่
ตอนนี้ทั้ง5คนก็มาพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะอาหารในบ้านของตระกูลโด เพื่อชิมฝีมืออาหารของลูกชายคนเล็กของบ้าน หลังจากไปร่ำเรียนมาจากอิตาลี แม้แต่จงอินยังอดตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มลองฝีมือของคยองซู
จงอินเคยกินอาหารฝีมือคยองซูหลายครั้งเมื่อครั้งที่คนตัวเล็กยังไม่ไปเรียนต่อ แม้แต่อาหารง่ายๆ คยองซูยังทำอร่อยจนจงอินชอบมันนักหนา ร่างสูงจะคอยมาบ้านนี้เพื่อชิมฝีมือคยองซูตลอด และจงอินไม่ปฏิเสธว่าเขาชอบอาหารที่คยองซูทำทุกอย่าง เพราะมันเป็นรสชาติที่เขาชอบมาตั้งนานแล้ว...
“ทานเลยครับ วันนี้ผมทำสุดฝีมือเลยนะ”
“งั้น...ทานล่ะนะครับ” เมื่อคยองซูพูดจบทั้งจงอินและดงกุกก็ต่างพูดพร้อมกันและไม่รอช้า ต่างคนต่างตักกินทันที ทั้งหมดอยู่ในสายตาของคยองซู เขาดีใจที่จงอินยังชอบอาหารฝีมือของเขาอยู่ไม่เปลี่ยน
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ดงกุกอาสาเป็นคนเอาจานไปล้าง และคุณลุงคุณป้าก็เดินขึ้นไปผักผ่อนบนห้อง ทำให้ทั้งห้องทานข้าวตอนนี้เหลือแค่จงอินกับคยองซูแค่สองคน ด้วยความที่คยองซูชอบที่จะอยู่กับจงอิน คยองซูเลยถือโอกาสนี่ชวนจงอินไปเดินเล่นที่สวนของบ้านเขา เพราะที่นั้นในเวลากลางคืนแบบนี้ มันจะเย็น สวย และดูโรแมนติกมาก
“จงอิน ไปเดินดูสวนกันไหม”
“อือ เอาสิ ผมอยากไปอยู่พอดี”
“นิ! หยุดแทนตัวเองว่าผมได้แล้วนะ เรียกเหมือนเดิมเถอะ ฉันไม่ชิน”
“ก็ได้ ฉันก็ไม่ชินเหมือนกัน งั้นฉันขอกลับไปเรียก คยองจ๋าเหมือนเดิมนะ”
“แล้วแต่นาย >////<….” จงอินสังเกตเห็นหน้าของคยองซูหลังพูดเสร็จว่าหน้านั้นแดงมาก จนเขากังวลว่าคยองซูจะเป็นไข้ เพราะอากาศที่นี้หนาว คยองซูอาจปรับอุณภูมิไม่ทัน แต่จงอินคิดว่าคงไม่ใช่แล้วแหละ เพราะเมื่อคนตาโตพูดจบก็รีบเดินหนีเขาไปทันที เดาได้ไม่ยากว่าอาการอย่างนี้ อาการของคนที่เขินชัดๆ
“รอด้วยดิคยองจ๋า จงอินตามไม่ทันนะ” ได้ทีจงอินขอแกล้งคยองซูหน่อยล่ะกัน
“ตามมาเร็วๆสิ ขานายก็ออกจะยาว จะเดินช้าอีกนะ”
“บ่นอีกแล้ว คยองจ๋า รู้ไหม ว่าบ่นเยอะๆ มันจะเหมือนคนแก่”
“ไม่รู้ แต่จะบ่น จงอินจะทำไม” คยองซูเผลอทำหน้าเหวี่ยงใส่จงอินเพราะเขาโมโหจงอินที่แอบว่าว่าเขาเหมือนคนแก่
“โอ๋ๆๆ จงอินไม่แกล้งแล้ว ไปๆ ไปที่สวนของคยองจ๋ากันเถอะ”
“อืม...”
“ว้าวววว ยังเหมือนเดิมเลยนะ คยองจ๋าสั่งให้คุณป้าดูแลป่ะเนี้ย”
“ไม่นะ แม่คงดูแลของท่านเองมั้ง สวยเหมือนเมื่อก่อนเลยว่าไหมจงอิน”
“ใช่ๆ เหมือนเมื่อก่อนทุกอย่าง...”
เสียงของจงอินเริ่มเบาลงเมื่อเขาพูดถึงคำว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนที่เขายังมีความสุข และไม่มีจุดสีดำในหัวใจอย่างตอนนี้ ตอนนั้นทุกอย่างเหมือนสวรรค์สันสร้างขึ้นมาเพื่อเขากับคยองซูโดยเฉพาะ แต่ตอนนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไปแล้ว
ทุกอย่างในอดีตของร่างสูงกับคนตาโตตรงหน้ามันชั่งหอมหวาน ทำให้จงอินใจอ่อนจนคิดจะล้มเลิกแผนการซะ แต่พอคิดถึงพี่ชายของร่างเล็กตรงหน้า เพลิงความแค้นในหัวใจของเขาก็กลับมาโหมกระหน่ำอีกครั้ง ตลกดีนะ คนๆนี้กับทำให้ผู้ชายอย่างคิมจงอินเผลอใจอ่อนและเผลอใจเต้นได้ง่ายๆ เขาเป็นคนอย่างนี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน…
“จงอินไปดูกัน ว่าดอกนั้นยังอยู่ที่เดิมไหม หรือว่าแม่ฉันเปลี่ยนที่มันไปแล้ว” คยองซูลากจงอินไปยังเรือนกระจกตรงกลางสวน เพื่อไปดูต้นไม่ต้นหนึ่งที่ร่างสูงกับเขาเคยปลูกมันไว้เมื่อนานมาแล้ว คยองซูไม่รู้ว่ามันจะตายไหม แต่ก่อนเขาไป เขากำชับคนสวนให้ดูแลมันอย่างดี
“อย่างรีบสิคยองจ๋า มันไม่หายไปไหนหรอก”
“นายมั่นใจได้ไงจงอิน มันอาจโดนย้ายหรืออาจตายแล้วก็ได้นะ นี่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว”
“เชื่อฉันสิ มันไม่หายไปไหนหรอก...” ที่จงอินกล้าบอกได้เต็มปากเต็มคำว่ามันไม่หายไปไหนเนี้ย ก็เพราะว่าเมื่อกี้ ตอนที่คยองซูเข้าไปทำอาหารอยู่ ร่างสูงขอตัวมานอกบ้านเพื่อมาที่นี้ เพื่อดูว่าต้นนั้นยังอยู่ไหม และมันก็ยังคงอยู่ที่เดิมจริง แถมยังสวยเหมือนเดิมทุกอย่างเลยด้วย จงอินแอบสังเกตเห็นแววตาของคยองซูว่า เจ้าตัวห่วงต้นนั้นขนาดไหน แค่เขารู้อย่างนี้ผ่านดวงตาโตนั่น เขาก็มีความสุขแล้ว
“......” คยองซูไม่พูดอะไร คนตัวเล็กเอาแต่เดินดุ๋มๆเข้าไปในเรือนกระจก ก่อนมองไปรอบและเดินไปยังตำแหน่งเดิมของต้นนั้น
“เป็นไง มันเหมือนเดิมไหม” เมื่อต้นไม้นั่นประจักษ์แก่สายตาของคยองซู ร่างสูงข้างกายก็เอยถาม คยองซูดูอึ้งเมื่อยังเห็นมันอยู่ที่เดิม เหมือนเดิม และหน้านี้ดันเป็นหน้าที่มันออกดอกสวยงาม ทำให้คยองตาวาวชื่นชมความสวยงามของมัน โดยลืมไปว่า มือของเขายังจับอยู่ที่มือของร่างสูงไม่ได้ปล่อยไปไหน
“เหมือนเดิม มันยังสวยเหมือนเดิมเลยจงอิน” คยองซูพูดวนซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง เหมือนตัวเล็กเข้าไปติดอยู่ในห้วงความสวยของมันเข้าแล้ว
“จงอินรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงมันขนาดไหน ฉันกลัวมันจะตายแล้วซะอีก” ด้วยความทีคยองซูเป็นคนอ่อนไหวง่าย แค่เรื่องของต้นไม้ที่ร่างเล็กกับจงอินช่วยกันปลูก มันก็ทำให้คยองซูร้องไห้ออกมาได้ง่ายๆ ร้องไห้เพราะความโล่งอกที่มันยังไม่ได้ตายจากเขาไปไหน
“ไม่เป็นไรน้าคยองจ๋า ไม่ร้องสิ เรื่องแค่นีเองนะครับ” จงอินเมื่อเห็นคยองซูร้องไห้ ร่างสูงก็ต้องทำหน้าที่เป็นผู้ปลอบที่ดี ช่วยให้คยองซูหยุดร้อง
“ฮึกๆ อืม ฉันจะหยุดร้อง”
“ดีแล้วครับคนเก่งของจงอิน” จงอินลูบหัวคยองซูเบาๆเพื่อปลอยประโลมร่างเล็กในอ้อมกอดให้หายสะอื้น
เมื่อคยองซูหยุดร้องไห้ คนตัวเล็กก็ออกแรงผลักออกจากอกของจงอินเบาๆ เพราะเขาจะพูดสิ่งที่เขาคิดไว้ให้ร่างสูงได้ฟัง
“จงอินรู้ไหม ว่าต้นนี้มันเด่นแค่ไหนเมื่อมันออกดอกในเรือนกระจกแห่งนี่น่ะ”
“ไม่รู้ครับ”
“งั้นรู้ไว้ซะนะว่า ต้นกุหลาบแดงต้นนี้ มันเด่นมาก เมื่อมันเจริญอยู่ในเรือนกระจกเล็กๆของคุณแม่ที่มีแต่สีขียวของต้นที่ไม่มีดอกทั้งหลาย มันเป็นต้นเดียวในนี้ที่มีดอก และสีของดอกมันยังเป็นสีแดง สีที่เด่นจนแค่ฉันเดินเข้ามา ฉันยังเจอมันโดยไม่ต้องเสียเวลาหาเลย แล้วนายรู้อะไรอีกอย่างไหมจงอิน...”
“...............”
“ว่าเรือนกระจกแห่งนี้เปรียบเหมือนหัวใจของฉันที่มีแต่สิ่งที่เหมือนๆกันบรรจุไว้อยู่ มีความรักของพ่อแม่ พี่ชาย และเพื่อน ที่มันไม่ได้เด่นอะไร แต่มันก็ทำให้เรือนกระจกแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยความสุข แต่นาย จงอิน นายเหมือนต้นกุหลายแดงต้นนี้ ที่มันเด่น จนฉันไม่ต้องทำอะไรกับมันมาก นายก็เด่นขึ้นมาจนไม่ว่าฉันจะไปไหน ไกลแค่ไหน ฉันก็มีนายวนเวียนอยู่ในความคิดเสมอ และสิ่งที่นายเหมือนมันมากเลยคือ ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี ต้นกุหลาบต้นนี้ก็ไม่ตาย เหมือนใจของฉันที่นายไม่เคยตายไปจากใจของฉันเลย ไม่ว่ามันจะผ่านมานานเท่าไรแล้วก็ตาม...”
หลังพูดจบน้ำตาหยดใสที่เคยหยุดไปก่อนหน้าก็ไหลดันออกมาจากดวงตาคู่สวยของคนตัวเล็กตรงหน้าจงอิน มันแสดงให้เห็นถึงความรักที่คยองซูไม่เคยลืม และมันทำให้หัวใจของจงอินมีความสุข จนจงอินไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดใดได้ๆ เขาดึงคนตัวเล็กมากอดไว้แน่น เพื่อส่งมอบความรู้สึกของเขาให้ตัวเล็กเช่นกัน แต่จงอินก็อยากจะบอกสิ่งหนึ่งกับคยองซู ร่างสูงจึงก้มไปชิดใบหูเล็กของคนตรงหน้าก่อนพูดสิ่งหนึ่งที่แม้เป็นคำพูดธรรมดา ไม่สวยหรู แต่มันกลับทำให้คยองซูร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ผมก็คิดเหมือนคยองซูนะครับ ผมยังคง ‘รัก’ คยองซูเสมอมาและจะรักเสมอไป ผมขอบอกว่า ผู้ชายที่ชื่อ คิมจงอินรักโดคยองซู รักมากนะครับตัวเล็กของผม ...”
-มาคุยกัน-
ตอนนี้ไรท์เน้นความโรแมนติกกิบกิ้ว รู้แล้วนิสะว่าให้คือคนของตระกูลโดที่ไรท์เคยเกริ่นนำไปแล้ว รีดเดอร์ชอบกันไหม แต่งมาจากความอินส่วนตัวล้วนๆเลย ไม่ค่อยเกี่ยวกับแฮคเกอร์เท่าไรเลยเนอะ 55555 ไปละ แล้วเจอกันไหม.ฟิ้ว~
ความคิดเห็น