ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SNSD] LOVE FIGHT ศึกรัก(ฉบับ)คู่หมั้นกำละมอ [YURI]

    ลำดับตอนที่ #8 : ยกที่เจ็ด... ศึก(เผย)ความจริง

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 58


     

     

     

    ยกที่เจ็ด... ศึก(เผย)ความจริง

     

     

     

     

    "หึ! รักกันมากก็ลองตายด้วยกันเลยไหม"

     

    "ฟานี่! ระวัง..." เสียงตะโกนร้องเตือนผู้เป็นดวงใจดังกึกก้องสะท้อนทั่วโกดัง พร้อมกับเรียวแขนทั้งสองที่โอบกอดเธอไว้ดั่งโล่กันภัย พอดีกับที่เพชฌฆาตจากปืนกระบอกดำเมี่ยมดังติดกันสองครั้ง

     

    ปัง! ปัง

     

    "แทงกู!!! / นายน้อย!" หญิงสาวในอ้อมกอดเรียกชื่อคนที่กำลังปกป้องเธอไว้ด้วยความตกใจและต้องใจหายวูบราวกับมันดิ่งหายไปดื่อๆ เมื่อสองตาสังเกตุเห็นน้ำสีแดงข้นที่ซึมผ่านเนื้อผ้าของเสื้อเชิ๊ตขาวบางสองที่และเริ่มหยดลงสู่พื้นปูนเป็นจุดดวงๆหลายจุด

     

    "..แทงกู! เลือด.. คุณถูกยิง!"

     

    ด้านหญิงสาวที่กำลังอยู่ในภาวะช็อคเริ่มทำตัวไม่ถูก อีกฝั่งของหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นกำลังหัวเราะเยาะเย้ยแม้จะจัดการได้แค่คนเดียวแต่มันก็สะใจไม่เบา

     

    "ฮ่าๆๆๆๆ! เป็นไงล่ะ รสชาติลูกปืนก็ไม่เลวใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ.... / ปึก!" เสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจมีอันต้องเงียบลงเมื่อหนึ่งในลูกน้องมือดีซูยองจัดการฟาดศรีษะด้วยด้ามปืนจนสลบไป "แกมันขี้ขลาดและไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี ไอโจ๊ก!"

     

    "เฮ้! พี่ยูล พี่ซู" น้องเล็กในกลุ่มลากชายสวมโม่งออกมาจากมุมมืดด้วยใบหน้าถมึงทึง ในมือมันยังคงกำอาวุธระยะไกลสไนเปอร์ไม่ปล่อย นั่นจึงทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าชายคนนี้คือมือสังหารที่ลอบยิงว่าที่หัวหน้าตระกูลคิม "ไอเวรนี่แหละที่ทำตัวทุเรศมาลอบกัดผู้นำของเรา!"

     

    "ดีมากยุน! ฉันจะเป็นคนสั่งสอนมันกับหัวหน้ามันเองว่าสิ่งที่ทำลงไปจะกลายเป็นตั๋วทัวร์นรกของพวกมัน!" ยูริคำรามลั่นทำเอามือปืนสะท้านเฮือก ร่างสูงอีกคนเดินเข้ามาสมทบ "ฉันขอเล่นด้วยไอยูล"

     

    "ไม่มีปัญหาซู... แกรีบพานายน้อยกับคุณหนูไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยยุน!" ยูริหันไปสั่งผู้เปรียบเสมือนน้องก่อนจะเหยียบแผ่นอกของไอโม่งเพื่อกดให้ติดพื้นหลังจากที่มันพยายามลุกหนี

     

    "แต่ยุนอยากสั่งสอนมันเหมือนกันนะพี่!" ยุนอาเอ่ยแย้งเพราะอารมณ์ที่คุกกรุ่น

     

    "พี่รู้ยุน แต่ตอนนี้นายน้อยสำคัญที่สุด แกต้องพาท่านไปก่อนที่จะสายเกินแก้ เข้าใจไหม?"

     

    "ก็ได้พี่ยูล... เสร็จแล้วพวกพี่ตามไปนะ" สุดท้ายน้องเล็กก็ยอมรับแต่โดยดีเพราะชีวิตหัวหน้าสำคัญกว่าสิ่งใด

     

    "แน่นอน... พวกพี่ฝากแกด้วยนะ ลมหายใจของนายน้อยขึ้นอยู่กับแกแล้ว" สองสาวร่างสูงส่งสายตาเชื่อมั่นแก่ความหวังของพวกเขา ซึ่บรับคำมั่นด้วยคำพูดสุดท้ายก่อนเข้าพยุงแทงกูออกจากที่เกิดเหตุไปพร้อมกับร่างบางที่สะอึกสะอื้นอย่างสุดกลั้น "เชื่อใจยุนได้ ยุนจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาพานายน้อยไปจากพวกเราถึงแม้ฝ่ายนั้นจะเป็นยมบาล!"

     

    "เอาล่ะ คราวนี้ก็ถึงทีของพวกเราบ้าง" ยูริกระชากปืนยาวออกจากมืออีกคนแล้วส่งให้เพื่อนที่น้ำเสียงเรียบเย็นไม่ต่างกัน "พวกฉันจะทำให้แกรู้ว่าอย่าคิดบังอาจมายุ่งกับคนสำคัญของพวกเราอีก!"

     

    ...ทัวร์นรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว...

     

     

     

     

     

     

     

    ป้ายไฟสีแดงกระพริบสว่างวาบบ่งบอกให้รู้ว่าห้องผ่าตัดนี้กำลังมีเคสอยู่ข้างใน หญิงสาวสองคนนั่งรอด้านนอกด้วยความหวังและคอยสวดภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเพื่อคนที่กำลังอยู่บนเส้นด้ายของความเป็นและตาย หนึ่งสาวที่มีสถานะเป็นคู่หมั้นนั่งโก้งโค้งยกมือปิดหน้าราวกับกำลังสะกดกลั้นอารมณ์ที่ผสมปนเปข้างในอก

     

    เธอห่วงเขามาก ข้อนี้เธอรู้ดีเพราะไอก้อนเนื้อที่คอยต่อชีวิตลอดมาเหมือนเต้นแผ่วเบาลงทุกขณะ เมื่อถึงคราวที่จะต้องพลัดพรากจากกันมันทำให้เธอเริ่มตระหนักถึงความรู้สึกของตนที่มีให้เขา เธอกำลังกลัว กลัวว่าเขาที่ขโมยความรักของเธอไปจะไม่กลับมา ในสมองก็คอยนึกแต่ภาพความรักและการเอาใจใส่ที่ใครอีกคนมีให้เสมอ คิดได้เท่านี้หยาดน้ำที่คิดว่าไม่เหลือแล้วกลับไหลรินไม่ยอมหยุด มันไหลลงมาปนกับเลือดสีแดงฉานของเขาที่เปรอะเปื้อนอยู่เต็มตัว

     

    "คุณหนูอย่าร้องไห้เลยค่ะ ท่านคงเสียใจที่ทำคุณเสียน้ำตา นายน้อยจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน... เชื่อมั่นในความรักที่ท่านมีให้มีคุณ ท่านจะไม่มีวันปล่อยมือจากคุณ... อีกครั้ง" ทิฟฟานี่เงยหน้าที่เปื้อนคราบแห่งความเสียใจมองเด็กสาวข้างกาย ประโยคสุดท้ายสร้างความสงสัยแก่เธอไม่น้อย

     

    ...อีกครั้งงั้นหรอ? หมายความว่ายังไงหรือเราเคยรู้จักกันมาก่อน แทงกู...

     

    ปากบางเอ่ยถามทันทีที่ข้องใจ "อีกครั้งนี่หมายถึงอะไรยุนอา?"

     

    "ยุนว่าคุณควรถามกับนายน้อยเองดีกว่านะคะ มันเป็นเรื่องสำคัญส่วนตัวของนายน้อย ยุนเป็นเพียงลูกน้องจึงไม่คิดบอกกับใคร ถึงแม้จะเป็นว่าที่นายหญิงอย่างคุณ ทิฟฟานี่ ฮวัง" ร่างสูงค้อมศรีษะขออภัยแก่เธอและยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้แย้ง ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกพร้อมกับนายแพทย์ที่กุมชะตาคนสำคัญของพวกเธอไว้

     

    "นายน้อย/คู่หมั้น ของฉันเป็นยังไงบ้างคะหมอ!" ทั้งสองพุ่งเข้าหาชายวัยกลางคนที่กำลังถอดผ้าปิดปากออกข้างนึงแล้วเริ่มอธิบายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก "อาการของผู้ป่วยไม่ดีเลยครับ หมออยากให้พวกคุณเผื่อใจเอาไว้"

     

    "...!!!" คล้ายทุกอย่างรอบกายหยุดนิ่ง หลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจที่แสดงว่าพวกเธอยังมีชีวิตอยู่ ร่างบางทรุดวูบอย่างไร้เรี่ยวแรงจนยุนอาต้องประคองอีกคนให้ทรงตัวยืนรับกับความจริงต่อไป

     

    "หมายความว่ายังไงคะหมอ!? นายน้อยเป็นอะไร?"

     

    "ผู้ป่วยถูกยิงจุดนึงที่ปอดจนทะลุแต่หมอผ่าเอาออกมาแล้ว แต่ที่น่าห่วงคือกระสุนอีกนัดฝังอยู่ใกล้กับหัวใจมาก ทางเรากำลังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยผู้ป่วยให้ได้..." นายแพทย์อธิบายอย่างใจเย็นซึ่งต่างกับอีกสองสาวที่ใจหล่นวูบ "คืนนี้ผู้ป่วยคงต้องอยู่ในห้องไอซียู(ICU) เพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด... โอกาสรอดจะมีมากขึ้นเธอพ้นคืนนี้ไปได้"

     

    " 'เธอ' หรอคะ!?" ทิฟฟานี่ทวนคำอย่างสงสัย ทำไมชายคนนี้ถึงแทนคู่หมั้นของเธอด้วยคำนั้น ยุนอาสีหน้าเคร่งขึ้นทันควัน ความลับของนายน้อยกำลังถูกเผยและมันเกิดขึ้นสมคิดเมื่อคุณหมอไขกระจ่างให้

     

    "ครับ ก็ผู้ป่วยเป็นผู้หญิงนี่ครับ"

     

    "!!?" ผู้หญิงงั้นหรอ... ไม่ใช่สิ ก็คู่หมั้นที่ชอบขัดใจเธอเป็นผู้ชายไม่ใช่หรอ...

     

    "นี่มันเรื่องอะไรกัน... แทงกู... คุณเป็นผู้หญิงงั้นหรือ" ความจริงที่ได้รู้ยิ่งทำให้เธอสับสนจนเผลอลืมเรื่องที่เขายังคงอยู่ระหว่างความเป็นและตาย ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงเรียกนายแพทย์ของนางพยาบาลที่วิ่งมาตาม

     

    "คุณหมอคะ! แย่แล้วค่ะ"

     

    "อะไรครับ?"

     

    "ผู้ป่วยฉุกเฉินที่เพิ่งย้ายเข้าห้องไอซียูเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันค่ะ! หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว...!" เวลานั้นคงมีคนที่หัวใจล้มเหลวเพิ่มอีกสองคน ทิฟฟานี่และยุนอาต่างอยู่ในอาการช็อค

     

    "อะไรนะ!" ชายวัยกลางคนไม่คิดพูดอะไรนอกจากหันหลังแล้วสับขาไปห้องปลอดเชื้ออย่างเร็วไว โดยมีสองสาวตามติดไม่ห่าง

     

     

     

     

     

     

     

    ผลั๊วะ!!

     

    หมัดหนักเต็มกำปั้นพุ่งกระแทกโหนกแก้มหนาของชายหนุ่มหัวหน้ากลุ่มมาเฟียด้บเบิ้ลเออย่างแรงแบบไม่ผ่อนแรงเนื่องด้วยอารมณ์โกรธที่อบอวลอยู่เต็มอก

     

    "โอ๊ย! หนอยแก!" โจ๊กเกอร์ล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นจิกตามองสองร่างสูงที่ยืนล้อมกรอบปิดทางหนี "ขี้ขลาดนี่หว่าเล่นลุมกันแบบนี้!"

     

    "ขี้ขลาด? เมื่อกี้แกด่าพวกเราด้วยคำนี้งั้นหรอ เหอะ ให้ฉันจับแกชะโงกดูเงาหัวตัวเองหน่อยมั้ยหา!" ยูริไม่สนสายตาเชือดเฉือนที่มันส่งมาแต่เข้าไปกระชากคือเสื้อหิ้วปีกขึ้นมาแล้วตะคอกใส่ด้วยความเหลืออด

     

    คำว่าขี้ขลาดที่ส่งมามันทำให้ฟิวส์ของพวกเขาขาดผึ่ง ต่อไปนี้จะไม่มีการออมแรงและเห็นแก่ผู้นำรุ่นก่อนที่ทำสัญญาพันธมิตรกันอีกต่อไป น่าเห็นใจที่แก๊งค์ที่ดำรงมาหลายรุ่นคงต้องจบในรุ่นนี้ รุ่นที่สายเลือดของพวกเขามัน... เฮงซวย!

     

    "ฉันจะส่งแกไปทัวร์นรกตามไอมือปืนลอบกัดนั่น เตรียมใจไว้ได้เลยไอคัพโจ๊ก!"

     

    "โจ๊กเกอร์เว้ย!"

     

    "ฉันไม่สน! แกจะชื่อห่าเหวอะไรก็ช่างหัวแก! ตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกฉันสนใจคือการถีบแกเข้าสู่ประตูแห่งความตาย!" ซูยองตะโกนสวน ดวงตาของเหล่ามาเฟียตระกูลคิมพลุ่งพล่านไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความแค้น มือบางหยิบกระบอกปืนขึ้นเล็ง เวลานี้เรื่องมันต้องจบ จบลงตรงนี้!

     

    "เฮ้ย! พวกแกจะฆ่าข้าหรอวะ!? ไม่มีทาง พวกแกไม่กล้าทำหรอก! พวกตำรวจต้องสาวถึงตัวพวกแกแล้วจับโยนเข้ากรงแน่" ชายหนุ่มโวยวายลั่นอย่างไม่ยอม ในใจเริ่มหวาดกลัวกับความตายที่กำลังมาเยือน แต่พวกเขาไม่คิดฟังและสนใจ นิ้วชี้เรียวยาวค่อยๆงอเข้าเพื่อลั่นไก ถ้าไม่ใช่เพราะ...

     

    ตี้ด~

     

    ยูริกดรับสายเรียกเข้าที่บลูทูธข้างหูขวาพร้อมกันกับซูยอง คนเกือบตายจึงสบโอกาสชะงักของสองสาวหมุนตัววิ่งไปทางออกโกดังเพื่อหลบหนี

     

    "มีอะไรยุน?" ยูริตอบรับพลางส่งสายตาให้คู่หู

     

    ปัง! อ้ากกกก!

     

    เสียงที่เกิดขึ้นคือช่วงที่กระสุนพุ่งจากกระบอกปืนเจาะทะลุเข้าที่ขาของผู้ที่กำลังหลบหนีอย่างแม่นยำ ตามด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็ยปวดของชายหนุ่มที่ล้มลงกับพื้น

     

    "อ้าก! เจ็บเว้ย พวกแกกล้าทำกับข้าได้ยังไง! ข้าไม่ปล่อยพวกแกแน่! พ่อข้าไม่มีทางยอม!" ควอน ยูริสบถอย่างรำคาญเต็มทนเพราะเสียงเห่าหอนของมันทำให้เขาฟังคำพูดปลายสายไม่รู้เรื่อง "ไอซู! ทำให้มันเงียบหน่อยสิ ฉันฟังยุนอาไม่ได้ยิน"

     

    "ด้วยความเต็มใจเพื่อน" ร่างสูงเพรียวก้าวยาวๆประชิดตัวก่อนจะจัดการกดปลายกระบอกปืนลงกับหัวทุยๆของตัวน่ารำคาญ ส่งผลให้มันหุบปากเงียบกริบและหน้าซีดตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่

     

    "จัดการตัวน่ารำคาญเสด็จล่ะ... นายน้อยเป็นยังไงบ้างยุนอา" ยูริถามด้วยความกังวล ในใจคาดเดาถึงข่าวที่น้องกำลังบอก มันคงไม่ดีอย่างที่หวังและจริงดังคิดเมื่ออีกคนรายงานกลับมา

     

    "ไม่ดีเลยพี่ยูล ตอนนี้นายน้อยอยู่ในอาการโคม่า หมอกำลังปั๊มหัวใจอยู่ พี่ยูล.. พี่รีบมาหาท่านเถอะ"

     

    "นายน้อย... " มือเรียวกำไว้แน่นจนเห็นเส้นเลือดอย่างชัดเจน บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของที่อดกลั้นไว้มากมาย "เข้าใจแล้วยุน พี่จะรีบไป"

     

    "ว่าไงไอยูล?" ซูยองที่ยังคงจ่อปืนค้างไว้หันมอง ดูจากใบหน้าที่เคร่งเครียดของคู่หู สิ่งที่ได้รู้คงไม่ใช่เรื่องดีและมันคงเป็นเรื่องเดียวที่ก็รู้ได้ไม่ยาก

     

    "อาการของนายน้อยไม่ดีเลย เราต้องรีบไป"

     

    "แล้วไอหมอนี่จะเอาไง?" ร่างสูงมองด้วยหางตา

     

    "ปล่อยมันไว้อย่างนี้ล่ะ อีกไม่นานเวรกรรมจะติดจรวดหามัน" พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป ตามด้วยคู่หูร่างสูงเพรียว ทิ้งให้คู่กรณีมองตามตาปริบอย่างไม่เข้าใจก่อนจะยิ้มเยาะเย้ยพร้อมถากถางอย่างไม่กลัวเพราะคิดว่าพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเขาอย่างที่พูด "เหอะ! สุดท้ายก็ไม่กล้าทำอะไร เก่งแต่ปากนี่หว่าอย่างนี้ เออ รีบๆกลับไปหาหัวหน้าขี้แพ้ของพวกแกเลยไป ฮ่าๆ "

     

    ปึก! ชายหนุ่มที่ตะโกนด่าอย่างปากกล้ามีอันต้องหงายหลังลงไปกองแผ่หลาอีกครั้งด้วยอุปกรณ์ติดดินของมนุษย์

     

    ...รองเท้าหนังอย่างดีสีดำเงาแว้บ...

     

    สักพักเจ้าของรองเท้าก็เดินกลับมา ก้มโค้งลงหยิบอาวุธจำเป็นเมื่อสักครู่ก่อนจะเยาะเย้ยคืนพร้อมจิกตามองด้วยความโกรธ "ขอโทษทีนะพอดีรองเท้ามันหลวม รู้สึกมันจะรำคาญเสียงหมาเห่าเลยบินมาปิดปาก หึ!"

     

    "เฮ้! ยูล ไปกันเถอะ... ฉันจะรีบไปรักษาลูกตาที่มันระคายเคืองเพราะไอบ้าแถวนี้"

     

    "เออ ฉันไปด้วย รู้สึกพะอืดพะอมยังไงไม่รู้ว่ะ" จากนั้นก็เคลื่อนตัวห่างไป เหลือเพียงคู่แค้นที่ได้แต่กัดฟันกรอด รู้สึกหน้าชาและไฟแค้นลุกโชนเพราะเขาเพิ่งถูกเหยียดหยามและกลายเป็นคนขี้แพ้เพียงผู้หญิงสองคนที่เป็นลูกน้องของศัตรูคู่อาฆาตตลอดมา

     

    "ฉันจะเอาคืนแกแน่ไอแทงกู! ทั้งแกทั้งลูกน้องแก รวมถึงเมียแกด้วย จำไว้เลย!!" ได้แต่คำรามลั่นอย่างเคียดแค้น

     

    "อยากจะเอาคืนหรอโจ๊กกี้..." น้ำเสียงหนาเอ่ยถามอย่างไร้ที่มา แต่คนที่กำลังมีไฟสุมอกไม่ได้เอะใจกับชื่อเล่นแสนมุ้งมิ้งที่มีคนเดียวที่เรียก กลับกระชากเสียงตอบอย่างเผลอตัว "ก็เออน่ะสิ! มึงคิดว่ากูเป็นลูกใครวะ!"

     

    "ลูกของ 'คิง' " น้ำเสียงอีกฝ่ายยังราบเรียบแต่ฟังดีๆจะรู้สึกถึงอารมณ์ที่เริ่มคุกกรุ่น

     

    "ก็รู้นี่! ข้าคือลูกของคิง พ่อข้าเอาพวกมันตายแน่ เหอะ!..." โจ๊กเกอร์สะบัดหน้ามองเจ้าของเสียงก่อนจะเบิกตากว้างราวไข่ห่าน เพราะชายวัยกลางคนที่ดูยังหนุ่มยังแน่นคนนี้คือ...

     

    "พ่อ!!"

     

    ใช่แล้ว เขาคนนี้คือ คิง พ่อของโจ๊กเกอร์และอดีตผู้นำกลุ่มมาเฟียดับเบิลเอรุ่นที่แล้ว

     

    ใบหน้ามีเคราถมึงทึงมองผู้เป็นลูกชายคนเดียว อย่างผิดหวัง ด้วยไม่คิดเลยจริงๆว่าเลือดเนื้อเชื้อไขจะกลายเป็นคนที่เลวได้อย่างนี้ มันคงเป็นความผิดของพ่ออย่างเขาที่เลี้ยงอย่างตามใจเกินไปจนเหตุการณ์มันเลยเถิดแบบนี้

     

    "แก... ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเลวได้ขนาดนี้"

     

    "ผมไม่ได้ทำอะไรนะพ่อ พวกนั้นต่างหากที่เล่นไม่ซื่อ เอาสองคนมารุมทำร้ายลูกกับพรรคพวก..." โจ๊กเกอร์ละล่ำละลักอธิบาย แต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงตวาดทุ้มอันดังลั่น "แกคิดว่าฉันโง่หรือไงห๊ะ! ฉันรู้ทุกเรื่องที่แกทำ ฉันรู้มาตลอดตั้งแต่แกขึ้นเป็นผู้นำ อุตส่าห์ให้โอกาสแกไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง แต่ก็ไม่เคยคิดปรับปรุงตัว แล้วตอนนี้แกคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!"

     

    "พ่อ! ทำไมพ่อต้องมาจับตาดูผมด้วยล่ะ! ไม่ไว้ใจกันรึไง!"

     

    ผลั๊ว! คิงออกหมัดกระทบใบหน้าลูกอย่างรุนแรงจนลงไปกองอีกครั้ง "ถ้าฉันไม่ไว้ใจแกคงเข้าแทรกแซงตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ฉันคิดผิดจริงๆที่ไว้ใจแก ปล่อยให้แกทำกลุ่มที่บรรพุรุษดูแลรักษามาอย่างดีแปดเปื้อนไร้ศักดิ์ศรีขนาดนี้!!"

     

    "พ่อ..." โจ๊กเกอร์กุมแก้มที่ถูกชนเงยหน้ามอง

     

    "ฉันจะให้แกรับกรรมที่ก่อไว้ ไปใคร่ครวญคิดดูซะว่าแกทำชั่วอะไรไว้บ้าง"

     

    "พ่อ! พ่อพูดงี้หมายความว่าไง!?"

     

    "ฉันจะส่งแกให้ตำรวจ!"

     

     

     

     

     

    สองสาวร่างสูงในชุดสูทรีบกระโจนเข้าหายุนอาทันทีที่มาถึงห้อง ICU

     

    "นายน้อยเป็นยังไงบ้างยุน!" ซูยองถามทันควัน ทั้งสองมีอาการหอบเล็กน้อย ยุนอาหันตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยอ่อน "ตอนนี้อาการคงที่แล้วพี่ แต่ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้อาการจะดีขึ้น"

     

    "แสดงว่า.."

     

    "ตอนนี้เปอร์เซ็นรอดยังเป็น 50/50..."

     

    "!!!"

     

    "งั้นหรอ..." ยูริตอบรับแผ่วเบา ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างบางที่นั่งนิ่งปิดหน้าตลอดตั้งแต่พวกเขามาถึง "แล้วคุณหนูเป็นยังไงบ้าง?"

     

    ยุนอาที่อยู่เคียงข้างเธอตั้งแต่มาโรงพยาบาลทำหน้าเคร่งกว่าเดิม กังวลเรื่องอาการของนายน้อยยังไม่พอ ตอนนี้กลับเพิ่มเรื่องที่น่าเครียดเข้ามาอีกอย่าง "เธอรู้เรื่องที่นายน้อยเป็นผู้หญิงแล้ว... รวมถึงที่ท่านคือ คิม แทยอน ไม่ใช่ลูกชายคนเล็กคิม แทงกูด้วย"

     

    "อะไรนะ แล้วรู้ได้ยังไง" ซูยองลดเสียงให้เหลือเพียงกระซิบ จากนั้นยุนอาก็เล่าเหตุการณ์ตั้งแต่มาจนถึงตอนที่ความลับทีเก็บมาอย่างดีกลับแตกได้ง่ายดายเพียงเพราะคุณหมอคนหนึ่ง รู้ทั้งเพศรู้ทั้งชื่อจริงเลยทีเดียว แต่มีเพียงข้อเดียงที่พวกเขาสงสัยคือทิฟฟานี่จำคนที่ชื่อแทยอนในวัยเด็กได้หรือเปล่า

     

    "ซวยแท้ ความแตกเพราะหมอเนี่ยนะ" ซูยองถอนหายใจอย่างปลงตก ต่างจากอีกคนที่สารภาพผิดพลางคิดโทษตนเป็นการใหญ่ "เป็นความผิดของยุนเองที่มัวแต่ห่วงอาการของนายน้อยกับคุณหนูเลยไม่ได้บอกกับคุณหมอให้ช่วยแก้ไขข้อมูล ยุนผิดเอง ยุนขอโทษ.."

     

    ยูริเดินเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจ "ไม่ใช่ความผิดแกหรอก อย่าโทษตัวเองเลย... ความลับมันไม่มีในโลก ถ้าคุณหนูไม่ได้รู้วันนี้ วันหน้าก็ต้องรู้"

     

     

     

     

     

    ในที่สุดค่ำคืนแห่งความอึดอัดได้ผ่านพ้นไป อาการของแทยอนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วงกลับเป็นหญิงสาวคู่หมั้นที่นั่งนิ่งอยู่หน้าห้องมาตลอดไม่ขยับไปไหน แม้แก๊งเพื่อนซี้จะมาถึงแล้วช่วยกันปลอบให้กำลังใจก็ไม่สามารถดึงเจ้าหล่อนให้กลับมาราวกับเธอหลงวนเวียนอยู่ในเขาวงกตแห่งความสับสนทั้งจากความจริงที่เพิ่งรับรู้เมื่อคืนและภาพคืนวันอันแสนสุขของเธอกับเขา รวมถึงช่วงเวลาทุกข์ใจที่สุดในชีวิตของเธอ วันที่เขานั้น หายไป... จากชีวิตหญิงสาวนามฮวัง มิยอง

     

    ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทำให้เจสสิก้าต้องขอตัวมาคุยกับหญิงสาวร่างสูงที่ตนหมายปอง(?)ตามลำพังอย่างจริงจัง  ด้วยความเคืองที่มีคนทำให้เพื่อนซี้ต้องน้ำตาตกและเจ็บปวดจากการถูกคนที่รักหลอกลวง “ทำไมคุณแทงกู ไม่สิ... คุณแทยอนต้องปิดบังตัวจริงกับฟานี่ด้วยล่ะคะ ฟานี่น่ะเสียใจมาตลอดเลยนะคะที่แทยอนหายไปเมื่อสิบปีก่อน แล้วทำไมตอนนี้ยังมาหลอกเธอให้เจ็บช้ำอีกล่ะ”

     

    “พวกเรามีความจำเป็นที่จะต้องทำทั้งเมื่อสิบปีก่อนและตอนนี้...” ยูริยังคงนิ่งสงบแม้จะรู้ว่าหล่อนกำลังโกรธพวกเขา แต่มันเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยง สิ่งที่ทำมาก็เพื่อพวกเธอเอง “ความจำเป็น? จำเป็นขนาดไหนคะที่ถึงขนาดต้องมาล้อเล่นกับความรู้สึกของพวกเราอย่างนี้”

     

    “คุณกำลังพาลไปใหญ่แล้วนะ คุณสิก้า”  คนที่ถูกกล่าวว่าพาลกระตุกคิ้วถี่ จากความเคืองเริ่มกลายเป็นความโกรธและโมโห เขาพูดเหมือนเธอเป็นฝ่ายผิดทั้งที่เขาคือฝ่ายที่หลอกลวงพวกเธอก่อน “นี่คุณ! คนที่กำลังพาลน่ะมันพวกคุณต่างหาก!”

     

    “เราอย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลยดีกว่าคุณสิก้า คุยไปก็ทะเลาะกันเสียเปล่าๆ...” ยูริชะงักร่างที่กำลังหมุนตัวให้กลับมาเพื่อบอกกล่าวประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินเข้าไปหานายน้อยที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้แล้ว “ฉันยอมรับว่าพวกเราทำผิดต่อพวกคุณ... แต่ขอให้รู้ว่าพวกคุณก็ล้อเล่นกับความรู้สึกของนายน้อยเช่นกันและอย่าลืมว่าเพื่อนคุณเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายน้อยต้องเข้าห้องไอซียูนะคะ คุณสิก้า”

     

    “...” เจสสิก้าได้แต่เบือนหน้ามองร่างสูงหายลับเข้าห้องไอซียูไปโดยไม่คิดเอ่ยแย้งเพราะสิ่งที่เขาพูดมันก็เป็นความจริงที่เธอปฏิเสธไม่ได้ ห่างไม่ไกลที่หัวมุมเบื้องหลังสาวผมบลอนด์ ใครบางคนกำลังยืนพิงกำแพงราวกับใช้มันเป็นที่ยึดมั่น

     

    “ใครกันแน่ที่ล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น พี่แทยอน...” เสียงความคิดที่ถูกรำพึงผ่านปาก แต่ถึงอย่างนั้นอีกส่วนของจิตใจกลับคิดขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง เธอไม่คิดจะฟังเหตุผลของเขาเลยรึไง ฮวัง ทิฟฟานี่!

     

    ...ใช่ เธอควรฟังคำอธิบายจากปากของเขา เธอควรเชื่อมั่นในความรักที่มีเขาให้เธอและคำมั่นสัญญาเมื่อสิบปีก่อน...

     

    “เพราะฉะนั้นพี่ต้องตื่นมาอธิบายให้ฟานี่ฟังนะคะ พี่แท...”

     

     

     

     

    ในห้องสี่เหลี่ยมขาวสะอาดที่ใช้เฝ้าระวังอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เตียงขาวนุ่มรองรับร่างบอบบางของว่าที่ผู้นำตระกูลคิมที่หลับสนิทราวกับกำลังอยู่ในความฝัน ใบหน้าที่ไร้ซึ่งความเครียดและดูไร้เดียงสากลับต้องมีเครื่องช่วยหายใจครอบปากไว้ สายช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มห้อง เสียงปิ๊บดังเป็นจังหวะต่อเนื่องบ่งบอกถึงอัตราการเต้นของหัวใจคงที่

     

    ในเวลาที่ต้องนอนเพียงลำพังภายในห้องขาวสะอาด หยาดน้ำแห่งความเสียใจค่อยๆไหลหยดลงผ่านแก้มเนียนที่ดูซีดเซียว หยดแล้ว หยดเล่า...

     

    ความคิดคำนึงที่อยากส่งให้ถึงหญิงสาวผู้เป็นที่รักเพื่อปลอบประโลมและอยากจะไถ่โทษผ่านจิตวิญญาดวงนี้พร้อมกับสัญญาณเสียงแหลมปี๊ดที่ดังถี่ เส้นกราฟในหน้าจอกลายเป็นเส้นตรง

     

     

    พี่ขอโทษ มิยอง



    ________________________________________________
    มาแล้น มาลงให้เนื่องในโอกาสที่ติดมหาลัยแล้ว5555
    เลยรีบปั่นมา


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×