ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SNSD] LOVE FIGHT ศึกรัก(ฉบับ)คู่หมั้นกำละมอ [YURI]

    ลำดับตอนที่ #3 : ยกที่สอง... ศึกเอาคืนหรือศึก(ศัตรู)ช่วยเหลือ? [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 58





    ยกที่สอง... ศึกเอาคืนหรือศึก(ศัตรู)ช่วยเหลือ?

     

     


     

    เพล้ง! ตุบ! ตับ! โครม! ปัง! ตึง! แอ้ก!

     

    เสียงโครมครามตึงตังดังขึ้นไม่ขาดสายตลอดวันภายในบ้านเดี่ยวสุดหรูหลังนี้ ทั้งเสียงแตกของสิ่งของจำพวกแก้วหรือกระเบื้อง เสียงหล่นกระทบพื้นหรือกระแทกกับกำแพง เก้าอี้ที่หมุนคว้างก่อนโครมลงกับพื้นและอาวุธจำเป็นอีกหลากชนิดที่พุ่งหลาวอย่างเร็วแรงออกจากอุ้งฝ่ามือหมีชมพูไฮโซผู้สุดแสนเอาแต่ใจ

     

    เป้าหมายคือลูกชาย(สาว)มาเฟียคู่หมั้นทางการของเจ้าหล่อนและที่มาของเสียง แอ้ก! นั่นไง

     

    คิม แทงกูนอนแหมะกองกับพื้นอย่างหมดมาดของคำว่าผู้นำมาเฟียด้วยขันใบเดียวที่ลอยเคว้งบรรจบกับศรีษะของเขาชนิดที่แม่นเป็นจับวาง โดยมีหมีสาวที่เพิ่งทำการฆาตกรรมไปเมื่อกี้ยืนกอดอกมองอย่างหงุดหงิดในสภาพ... พันผ้าขนหนูผืนเดียว!?

     

    “คุณนี่มันลามกจริงๆเลยนะ ไอมาเฟีย... หรือว่าโรคจิตด้วยถึงได้หาเรื่องเจ็บตัวทุกวัน” ทิฟฟานี่กล่าวด้วยความเคือง จะไม่ให้เธอหงุดหงิดได้อย่างไรก็ไอหมาขาวนี่เปิดประตูเข้าห้องเธอตอนที่กำลังจะแต่งตัวทุกที นี่มันสามครั้งในสามวันที่พวกเธอมาอาศัยอยู่ด้วยกันแล้วนะ ลามกจริง!

     

    “ฉันบอกแล้วไงคุณทิฟฟานี่ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูคุณ แล้วทำไมคุณไม่ล็อคประตูเล่า” แทงกูยันตัวขึ้นนั่งพลางลูบคลำหลังหัวที่น่าจะโนแล้วเบาๆ นึกในใจว่าทำไมตัวเองนั้นได้แจ็คพ็อตมาสามวันติดแล้วที่เปิดประตูเพื่อไปตามคู่หมั้นตอนที่เธอกำลังแต่งตัวอยู่ เปิดมาสามวันก็เจ็บตัวทุกครั้ง เวลาอยู่บ้านตระกูลคิมเขาก็ไม่ค่อยเคาะประตูมันเลยชินติดนิสัยมาที่นี่ด้วยน่ะสิ

     

    “ทำไมฉันต้องล็อคด้วยล่ะ นี่มันบ้านฉันนะ” เธอท้วงกลับ “คุณนั่นแหละทำไมไม่เคาะประตู ไม่มีมารยาท ฮึ!”

     

    “ก็มันชินนี่คุณ อีกอย่างบ้านนี่ก็ของฉันด้วยเหมือนกันนะ” ลูกสาวมาเฟียลุกขึ้นยืนเต็มตัวแต่ยังไม่ผละมือออกจากหลังหัว

     

    “ชิ ฉันไม่สนหรอกไอผู้ชายลามก ฉันสนแค่ที่คุณเปิดมาแอบดูหญิงสาวตอนเปลือยเท่านั้นล่ะไอหมาขาวหน้าตายแถมหื่นด้วย!” ฉายาที่ถูกอัพเกรดพุ่งฉึกเข้ากลางใจอีกคนแบบเจ็บจี๊ด มาอยู่แค่สามวันฉายาก็เพิ่มขึ้นทุกที เจ็บตัวก็แทบทุกวัน สภาพมาเฟียแทบไม่มีเหลือ เขาชักจะกลายเป็นสามีที่ถูกภรรยาข่มเข้าทุกวัน

     

    แต่เขาจะไม่ยอมโดนฝ่ายเดียวหรอก หึ เดี๋ยวรู้กันคุณคู่หมั้นแสนสวย...

     

    “ครับๆ ฉันขอโทษแล้วกันคุณคู่หมั้นคนสวย” แทงกูสาวเท้าเข้าใกล้อีกคนทีละนิดตามจังหวะการพูด ส่วนหญิงสาวก็ก้าวถอยห่างไอผู้ชายมาเฟียที่เดินมาทางเธออย่างไม่น่าไว้ใจ ยังไงตอนนี้เธอก็โป๊อยู่นะ “จะทำอะไร เข้ามาทำไม ไอหมาขาวลามก!”

     

    ฟึบ!

     

    ทิฟฟานี่มองชายหนุ่มมาเฟียด้วยไม่คาดคิดว่าเขาจะทำสิ่งนี้ก็เพราะที่เขาเดินมายืนชิดเธอเพื่อ... นำเสื้อสูทสีดำของตัวเองมาคลุมให้เธอ “อะไร...ของคุณน่ะ”

     

    แทงกูอมยิ้มมุมปากขำอาการของคู่หมั้นสาวที่มองหน้าเขาอย่างตะลึงเล็กน้อย เขาที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าอายแค่ไหนและเขาก็ไม่ใช่พวกลามกอย่างที่เธอกล่าวหาด้วยนี่นะ อีกอย่างเขาเป็นคนให้เกียรติกับคนอื่นเสมอ โดยเฉพาะกับเธอ...

     

    “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นพวกลามก... คุณรีบเข้าไปแต่งตัวเถอะ จะถึงเวลางานแล้วไม่ใช่หรอครับ?” เขาเอ่ยเตือนเวลากับเธอ ทำเอาหญิงสาวนึกได้และกำลังหมุนตัวกลับเข้าห้อง

     

    “เดี๋ยวคุณ...” แทงกูยื่นมือฉุดหญิงสาวให้หันมาทางเดิม

     

    “อะไรอีกคุณมาเฟีย”

     

    “ฉันยังไม่ได้บอกคุณสินะว่าคุณสวยมากและทุกส่วนของร่างกายคุณช่างมีเสน่ห์ รู้มั้ยว่ามันทำให้ฉันใจเต้นไม่หยุดเลยล่ะ...” เขาโน้มใบหน้ากระซิบพร่าข้างใบหูหญิงสาวที่ดึงเสื้อสูทแน่นขึ้นบังสายตาเขากับเนินอกขาวผ่อง แต่สัมผัสเบาหวาบหวามบริเวณต้นคอและคำพูดชวนคิดกำลังทำให้ใบหน้าทิฟฟานี่เห่อร้อนอย่างห้ามไม่อยู่พร้อมกับก้อนเนื้อในอกซ้ายที่เต้นระรัวราวกลองชุด

     

    “อ่ะ อะไร... ของคุณ... ม..มาพูดอย่างนี้ทำไม... -///-” เมื่อเจอศึกด้านนี้มุมแดงฝั่งไฮโซกลับเริ่มไปไม่เป็น เจอจุดอ่อนของมุมแดงแล้วล่ะสิ

     

    “ฉันแค่พูดไปตามที่รู้สึกเท่านั้นเองคนสวย” ดีกรีองศาร้อนบนหน้าหญิงสาวพุ่งสูงเข้าไปอีก ไม่นะ เธอกำลังจะเสียเปรียบเขา แต่ต่อมาเธอก็ได้ตั้งฉายาอีกชื่อให้กับคนที่ชอบหักมุมเมื่อประโยคนี้หลุดมา “แต่ฉันขอถอนคำพูดในจดหมายที่ว่าคุณไม่เติบโต คุณซ่อนรูปกว่าที่ฉันคิดอีกนะคุณคู่หมั้น”

     

    “อ้ายย!~ ไอมาเฟียจอมกะล่อน! ไอหมาหักมุม! ตาบ้า!” จากนั้นเธอก็ถลาลอยลมปิดประตูแรงสะเทือนเลือนลั่นยันรากต้นไม้ใต้ดิน ทิ้งคำด่า(ฉายา)ใหม่ไว้กับเขาที่กำลังยิ้มขำเพียงลำพัง

     

     

    บอกแล้วว่าเดี๋ยวรู้กัน ลูกหมีน้อย ฮ่ะๆ...

     

     

     

     

     

     

     

    รถสปอร์ตคันหรูสองที่นั่งสีแดงวาววับของคุณชาย(?)จากตระกูลคิมเคลื่อนที่ล่อเป้าสายตาของบรรดาคนธรรมดาทั่วไปให้เหลียวมองกันพรึบ ส่วนบนรถก็กำลังล่อเป้ากันเองอยู่ภายในพื้นที่สี่เหลี่ยมที่กำลังวิ่ง

     

    ทิฟฟานี่หันมองค้อนคนขับตั้งแต่ออกจากบ้านมาสักยี่สิบนาทีได้แล้ว เคืองและหงุดหงิดยิ่งกว่าตอนโดนเห็นในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวซะอีก ฝ่ายคนถูกจ้องยังนิ่งเฉยแม้ในใจจะงุนงงยิ่งนักที่คู่หมั้นคนสวยในชุดกระโปรงสำหรับทำงานจ้องเขาเขม็งยิ่งกว่าป้อมปืนหรือว่าเธอจะยังโกรธเขาอยู่ที่ไปล้อเธอแบบนั้น แต่ทุกทีก็เห็นด่ากลับเป็นปกติดีนี่น่า

     

    “คุณทิฟฟานี่ครับ เป็นอะไรหรือเปล่า? คุณโกรธที่ฉันล้อคุณเรื่องนั้นหรอ?” ในที่สุดเขาก็จำยอมถามอาการหญิงสาวที่พ่นลมหายใจพรืดหลังเขาถาม “เปล่า ไอเรื่องที่คุณล้อฉันน่ะฉันเข้าใจว่าเป็นสันดาน เอ้ย จิตสำนึกคุณ”

     

    อุ๊ก! เป็นคำด่าที่แรงที่สุดที่เคยโดนเลยครับ...

     

    “งั้น เอ่อ แล้วคุณเป็นอะไรอ่ะ” ทางที่ดีไม่ควรต่อล้อต่อเถียงหญิงสาวตอนนี้ เดี๋ยวเขาจะโดนเสียบด้วยคำพูดจนพรุนซะก่อน

     

    “ฮึ! ฉันแค่หงุดหงิดเฉยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณหรอก” ทิฟฟานี่สะบัดหน้าหนีไปมองข้างนอก อาการของร่างบางที่แสดงออกทำให้เขาเหวอ แล้วอะไรคือการที่เธอจ้องมองค้อนราวกับเขาล่วงเกินเธอมาตลอดทางเมื่อกี้ล่ะ

     

    “แล้วที่คุณจ้องฉันมาตลอดทางนั่นล่ะคืออะไร?”

     

    “ฉันหงุดหงิดแล้วจ้องหน้าคุณไม่ได้หรือไง!?” นี่ล่ะนะนิสัยของอาร์ตตัวแม่ เขาเพียงถอนหายใจยอมรับกับคำตอบของเธอ “ครับๆ”

     

    “ทำไมฉันต้องมาอยู่บ้านเดียวกับคุณตามลำพังด้วยเนี่ย” คุณหนูไฮโซพึมพำ แต่ใครอีกคนได้ยินด้วยเพราะในรถนั้นเงียบเชียบมาก

     

    “ช่วยไม่ได้นี่น่าคุณ คำสั่งผู้ใหญ่เลยนะ” ใช่ การที่คู่หมั้นเพิ่งทางการต้องมาอยู่บ้านหลังเดียวเพราะคำสั่งของผู้ใหญ่(ฝั่งฮวัง)เพื่อทำความรู้จักกัน(ตามคติที่อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง) เขาน่ะเต็มใจมาโดยไม่ต้องสั่งอยู่แล้วซึ่งต่างจากสาวตายิ้ม

     

    นี่ก็ผ่านมาสามวันแล้วสำหรับการอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน สามวันที่เขาต้องไปรับส่งคู่หมั้นทำงานที่บริษัทเครือฮวังที่เธอเป็นประธานบริษัท(เห็นเธอเอาแต่ใจอย่างนี้แต่ทำงานเคร่งนะเออ)ตามคำสั่งคุณหนูคนนี้เองด้วยเหตุผลคือผู้ชายต้องดูแลผู้หญิง ซึ่งเขาก็เต็มใจทำอีกนั่นแหละ

     

    สามวันที่เกิดสงครามกลางบ้านแทบทุกครั้งที่ว่าง สามวันที่เขามีความสุขมากกว่าเวลาหลายปีที่ใช้ชีวิตมาได้คอยเถียงกับหญิงสาว เห็นเธอหงุดหงิดใส่เขา(อาจจะซาดิสต์ล่ะ) เห็นเธอเขินโหดทุกครั้งที่เขาพูดชมเธอหรือถ้อยคำหวานใส่แต่ก็ได้รับของสัมนาคุณเป็นฝ่ามือแม่นางกลับมาทุกที บางทีเขาอาจจะมีหวังล่ะมั้งเนี่ย

     

    “ฉันบ่นอย่างนี้ทีไร คุณก็สวนประโยคนั้นกลับมาทุกทีเลยนะ” อะไรๆก็คำสั่งผู้ใหญ่ ใช่สิ เธอขัดพระบัญชาของหญิงแม่ได้ที่ไหนล่ะ

     

    ทิฟฟานี่ค้อนให้คนที่หัวเราะในลำคออีกรอบ เห็นเขาแล้วหงุดหงิดใจตัวเองตลอด ไอที่เธอบอกว่าไม่ได้เกี่ยวกับเขาน่ะโกหกแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เธอเคืองตัวเองที่ชอบเผลอใจเต้นรับกับคำพูดและการกระทำบางเวลาของไอมาเฟียหน้าตายนั่น ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

     

    เธอไม่เชื่อและไม่คิดหรอกว่าเธอจะมีอาการใจเต้นหรือเขินกับคนที่เธอนับเป็นคู่อริเพียงเพราะได้อยู่อาศัยใกล้ชิดกับเขาสามวัน... ไม่มีทาง! (จริงหรอ~)

     

    ขณะที่หญิงสาวกำลังนึกตำหนิตัวเองอยู่นั้น ฝ่ายมาเฟียก็กำลังคิดถึงวีรกรรมของคุณหนูฮวังในสามวันหลังจากที่ได้ประกาศกร้าวกับเขาในวันแรกที่ได้เหยียบบ้านหลังนี้

     



     

    “หึหึ ฉันจะเล่นคุณคืนเป็นสิบ ไม่สิ ร้อยเท่าเลย ไอหมาขาวหน้าตาย!” นี่คือสารท้ารบฉบับแรกของเจ้าหล่อนและมันก็สัมฤทธิ์ผลทันทีในวันนั้นเลย

     

    วีรกรรมแรกก็คือ...

     

    “นี่ค่ะ กาแฟสุดหว๊านหวานด้วยความรักจากฉัน คุณมาเฟีย~” มื้อค่ำหลังเลิกงานและเขาไปรับเธอกลับบ้านพร้อมกัน หญิงสาวก็ปรากฏพร้อมถ้วยกาแฟหอมกรุ่นกับเสียงเรียกอันหวานช่ำ(เครือบพิษ) ตอนนั้นเขาคิดว่าเธออาจจะเริ่มอยากญาติกันแล้วก็ได้ แต่เปล่าเลยเขาคิดผิดมหันต์เมื่อได้ลิ้มรสชาติกาแฟที่อัดแน่นด้วยความรักของเธอ

     

    พรวด!

     

    “แค่กๆ ทำไมกาแฟมันเค็มงี้ล่ะ ยัยหมีชมพู!!~” จำได้เลยว่าเขาร้องถามแบบโหยหวนเลยล่ะ นึกทีไรความเค็มตอนนั้นยังติดคออยู่เลย นี่ใส่เกลือไปกี่ปี๊บกันเนี่ย... และคืนแรกก็จบด้วยชัยชนะของหล่อนที่เดินสะบัดร่างหัวเราะอย่างสะใจเข้าห้องนอนไป

     

    ส่วนเขาหรอ เหอะ! คืนนั้นมัวแต่เอาซันไรท์ล้างปากอยู่ แหวะ! เค็ม

     

    วีรกรรมที่สองที่เพิ่งผ่านไปเมื่อวานเล่นเอาเขาแทบร้องไห้เป็นสายเลือด...

     

    ยามเช้าวันที่สองที่เขาต้องออกมาตรวจสภาพรถก่อนใช้ขับบนถนนเป็นประจำ แทงกูเดินถือถ้วยกาแฟ(ชงเองครับ)มาจิบไปพลางตรวจไปพลางอย่างสุขีท่ามกลางอากาศเย็นสบาย เมื่อตรวจตัวเครื่องเสร็จแล้ว น้ำมันพร้อม อุปกรณ์ภายในและภายนอกตัวรถก็โอเค จนมาถึงล้อรถเท่านั้นล่ะ...

     

    ช็อค! เขายืนแข็งราวกับอากาศมันติดลบหลายสิบองศา

     

    “ว้าก(กรี๊ด)! ลูกรักของฉัน TT ทำไมยางถึงแบนแต๊ดแต๋อย่างนี้ล่ะ” แทงกูต้องร้องตะโกนโหยหวนยิ่งกว่าเมื่อคืน เขาแอบกรี๊ดในใจด้วยเหมือนกัน(กรี๊ดออกเสียงไม่ได้ เดี๋ยวความแตก) กับสภาพยางล้อรถสปอร์ตคันดำสุดโปรดลูกรักที่แบนแต๋ราบแนบกับพื้นเลยทีเดียว

     

    ขณะที่เขากำลังคร่ำครวญกับสภาพรถตัวเอง ทิฟฟานี่ก็เดินออกมาในสภาพที่พร้อมทำงาน ก้าวเท้ามาพูดย้ำอย่างอารมณ์ดีในฐานะผู้ก่อเหตุ “โอ๊ะ ขอโทษนะคะคุณคู่หมั้น สงสัยเมื่อคืนฉันจะออกแรงเฉือนมากไปหน่อยเลยแรงขนาดนี้”

     

    ถึงจะเสียใจแต่เขาก็อภัยให้เธอ(รู้ๆกันอยู่ว่าทำไม) ก่อนจะโทรสั่งคนที่บ้านให้นำรถสปอร์ตคันแดงมาเปลี่ยนแล้วเอาลูกรักเขาเข้าอู้รีเมคยางแบบยกแผง

     

    เพราะฉะนั้นเมื่อวานและวันนี้เขาจึงใช้คันสีแดงเดินทางแทนโดยขอร้องเจ้าแม่ไว้ว่าอย่าเล่นกับคอลเลคชั่นรถของเขา ไม่งั้นถึงเปิดเต๊นท์รถก็ไม่น่าพอใช้สำหรับเขาและเธอเป็นแน่

     

     

    และวีรกรรมสุดท้ายคือการกระทำชำเราคิมแทงกูคนนี้ที่เป็นถึงลูกมาเฟียเชียวนะ นี่หัวยังไม่หายโนเลย แต่เขาไม่มีทางยอมเธอฝ่ายเดียวแน่ เมื่อเช้าเลยจัดให้ดอกแรกซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจ เวลาลูกหมีเขินแบบสงบเสงี่ยมเก็บมือนี่น่ารักมาก

     

     

    เฮ้อ แต่อย่าไปบอกใครนะว่าสองวันที่พ้นผ่านเขาโดนอะไรมั่ง ใครเขาจะเชื่อว่าที่ผู้นำมาเฟียเกือบหมดสภาพ...

     

     

    ต่อ



     

    “เลขหมายนี้ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาฝากข้อความหลังได้ยินเสียงสัญญาณ ติ๊ด!...”

     

    “คุณทิฟฟานี่... ฉันแทงกูนะ คุณอยู่ที่ไหนน่ะ จะไปไหนทำไมไม่บอก แล้วจะให้ฉันไปรับคุณที่ไหน?” แทงกูเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเสื้อสูทเมื่อจัดการฝากข้อความเสียงแก่คู่หมั้นตัวเองที่ตอนนี้หายไปอยู่ที่ไหนไม่ทราบ แถมติดต่อไม่ได้ด้วย เธอจงใจปิดมือถือหรือเปล่าเนี่ย

     

    เขากำลังยืนหาทางติดต่อหญิงสาวอยู่หน้าบริษัทของหล่อน สิบนาทีที่แล้วเขาขึ้นไปหาเธอที่ห้องทำงานแต่เลขากลับบอกว่าเจ้านายเลิกงานไปธุระต่อกับกลุ่มเพื่อนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน ซึ่งตอนนี้เกือบจะหกโมงแล้ว เขากำลังหงุดหงิดมากๆที่ติดต่อเธอไม่ได้ ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน

     

    ครืน~

     

    “สวัสดีครับ แทงกูพูดครับ” เขากรอกเสียงลงเครื่องมือสื่อสารราคาแพง ที่พูดแนะนำตัวไปเพราะหน้าจอโชว์เบอร์ที่ไม่คุ้นเคย (แทยอนมีมือถือสองเครื่อง อันหนึ่งของแทยอนอีกอันของแทงกู เบอร์แทยอนมีรู้จักกันไม่ดี่คน)

     

    “รู้แล้วล่ะน่าไอมาเฟีย...” เสียงหวานสวนมาทำเอาเขาแปลกใจ ทำไมโทรมาเบอร์อื่นหรือแบตเครื่องเธอจะหมด

     

    “คุณทิฟฟานี่ คุณอยู่ที่ไหนน่ะ? ไปทำอะไร? เลิกกี่โมง? รายละเอียดงานด้วย... ฉันจะได้ไปรับคุณถูก” แทงกูรีบถามเป็นชุด

     

    “ถามเยอะขนาดนี้จะให้ฉันตอบอันไหนก่อนล่ะ ไอหมาขาว” คิ้วหมาขาวกระตุกกึก ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยทำไมแม่คุณไม่คิดเรียกชื่อของเขาล่ะเนี่ย ตั้งแต่หมั้นกันมาไม่เคยได้ยินเลยจริงๆ

     

    “ตอบมาให้หมดนั่นล่ะครับคุณคู่หมั้น”

     

    “ไม่ต้องรู้หรอก... วันนี้กลับไปเลยคุณมาเฟีย เดี๋ยวฉันให้เพื่อนไปส่งเอง”

     

    “ได้ไงล่ะครับ ฉันเป็นคู่หมั้นคุณนะ แล้วไหนคุณบอกให้ฉันรับส่งทุกวันไง” สารถีรีบแย้ง

     

    “แค่คู่หมั้นแต่ไม่ใช่สามีนี่และฉันเป็นคนพูดก็เป็นคนยกเว้นได้เหมือนกัน วันนี้ฉันจะไปเที่ยวลั้ลลากับเพื่อนโดยไม่ต้องมีคู่หมั้นติดตามทุกฝีก้าว เข้าใจมั้ยคะ?”

     

    “เฮ้อ เข้าใจแล้วครับ... แต่ฉันขอไปรับนะ คุณไปเที่ยวที่ไหนล่ะ” ไอเสียงดังอึกกะทึกและเสียงเพลงตื้ดที่ลอดผ่านมา เขาก็พอเดาได้ว่ามันเป็นผับเพียงแค่ไม่รู้ว่าที่ไหน เขาแอบเป็นห่วงเจ้าหล่อนอยู่ไม่น้อย ในที่แบบนั้นไอพวกชอบคิดอกุศลยิ่งเยอะ แล้วถ้าเพื่อนของเธอมีแต่ผู้หญิงก็น่าห่วง ถ้ามีผู้ชายมาด้วยก็โคตรห่วงอีก ทั้งห่วงทั้งหวงคุกกรุ่นเต็มไปหมด

     

    “ชิ! ฉันจะไปเที่ยวไหนก็เรื่องของฉันน่าไอมาเฟียเผด็จการ เข้าใจนะ ไม่ต้องมารับฉัน” ฝ่ายหญิงยังคงยืนยันความต้องการของตัวเอง “แล้วก็ไม่ต้องกลัวขัดคำสั่งผู้ใหญ่ขนาดนั้นก็ได้ ไม่สมกับเป็นมาเฟียเล้ย”

     

    “ฉันไม่ได้ไม่กล้าขัดคำสั่งผู้ใหญ่นะ” ก็ไม่มีเคยมีใครมาสั่งเขาเลยนี่น่าตอนอยู่บ้านน่ะ “คุณจะเที่ยวที่ไหนฉันไม่ห้ามหรอก แต่ว่าจะไปไหนก็บอกกันก่อนสิคุณทิฟฟานี่”

     

    “ไหนบอกกล้าขัด แล้วฉันต้องบอกเพื่ออะไรล่ะยะ”

     

    “เพราะฉันเป็นห่วงคุณไง”

     

    “...” ปลายสายเงียบลง แทงกูคงไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อกี้แอบทำให้เธอหวั่นไหวไม่น้อย

     

    “เป็นอะไรหรือเปล่า? คุณทิฟฟานี่”

     

    “ป...เปล่า แล้วฉันจะคิดดูแล้วกัน แค่นี้นะ คุณมาเฟีย...”

     

    “เดี๋ยวสิคุณ... ติ๊ด!   ตู๊ดดด~”  เสียงสัญญาณเข้าแทนที่ก่อนที่เขาจะทันได้แย้งอะไรอีก แล้วก็ยังไม่รู้ว่าหญิงสาวอยู่ไหน ลูกมาเฟียยืนไว้อาลัยให้กับตัวเองที่พ่ายให้ความเอาแต่ใจของอีกคนสามวิ

     

    แทงกูตัดสินใจยกมือถือแนบหูต่อสายอีกครั้งแต่ไม่ใช่ทิฟฟานี่(คิดว่าโทรไปแม่นางก็คงไม่รับ) เขาก็ไม่อยากใช้วิธีทางมาเฟียแบบนี้หรอก มันช่วยไม่ได้ล่ะนะก็เธอทำให้เขาเป็นห่วงจนต้องใช้วิธีนี้

     

    “สวัสดีค่ะ นายน้อย” ปลายสายทักทาย

     

    “บอกให้เรียกแทยอน ไม่ใช่สิ ตอนนี้ต้องเรียกแทงกูสิ ยูล” แทงกูบอกกับคนที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องในกลุ่มของมาเฟีย

     

    “ฮ่าๆ... โอเคแท เอ้ย แทง” ควอน ยูริ พูดอย่างอารมณ์ดี ก็แฮปปี้ตลอดล่ะแก๊งค์เนี่ย “แล้วมีอะไรหรือเปล่า?”

     

    “วันนี้เวรใครตามดูแลคุณหนูฮวัง”

     

    “วันนี้หรอ? อืม ไอยุนน่ะ” เนี่ยแหละวิธีการอย่างหนึ่งของลูกสาวคนโตตระกูลคิม สั่งลูกน้องซึ่งคือแก๊งค์เกรียนสุดเฮฮาเหล่าเพื่อนสนิทของเขาให้ตามดูแลคู่หมั้น แล้วแต่ว่าพวกนั้นจะแบ่งกันตามดูยังไง ใครว่างก็ตามดูแลห่างๆไป เขาคิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าแม่คุณต้องเอาแต่ใจหลบหนีจากเขาไปเที่ยว

     

    แต่ถ้าทิฟฟานี่บอกดีๆว่าอยู่ไหนเขาคงไม่สั่งให้ตามดูทุกฝีก้าวแน่เพราะตอนแรกสั่งแค่ให้ตามดูแลห่างๆ ไม่มีเรื่องอะไรก็ถอยออกให้ความส่วนตัวกับเธอ

     

    แต่นี่อยู่ในผับนั่น ตัวเองก็สวยแถมเป็นคนดัง น่าเป็นห่วงสุดๆ

     

    “แล้วพวกแกว่างหรือเปล่า? ตามไปช่วยยุนดูแลเธอก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป”

     

    “ก็ว่างอยู่หรอก ฉันกำลังเล่นโยคะกับสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักส่วนไอหยองเขมือบอาหารอยู่” แล้วก็มีเสียงทะเลาะกันทะลุข้ามฝากมา คงเป็นซูยองที่ได้ยินยูริกล่าวว่าร้ายตัวเองอยู่มั้งเลยด่ากลับ ก่อนจะเข้าธุระกับนายน้อย “ทำไมต้องเพิ่มคนดูแลด้วยล่ะ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนหรอ?”

     

    “ผับ AAA (ทริปเปิ้ลเอ)” ไม่ต้องสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง ก็เพราะ GPS ที่ติดอยู่บนแหวนหมั้นแสดงบอกที่ตั้งของเธอส่งมาให้เขาน่ะสิและที่แหวนหมั้นเขาก็มี เหตุผลเพียงข้อเดียวเผื่อกรณีฉุกเฉินไง

     

    “เฮ้ย! นั่นมันผับคู่อริของกลุ่มเราไม่ใช่หรอ!?”

     

    “ใช่น่ะสิ ไอพวกมาเฟียดับเบิลเอไง(ชื่อมุ้งมิ้งเนอะ) แกคงเข้าใจสินะ”

     

    “แจ่มแจ้งเลยล่ะ พวกมันต้องรู้จักคุณหนูฮวังแน่เพราะเพิ่งออกข่าวว่าหมั้นกับตระกูลคิมซะใหญ่โต แถมนายมันก็ชอบคุณหนูอยู่ซะด้วย เวรแล้วไง!” ยูริพูดอย่างหนักใจ ฝ่ายนั้นมันเป็นพวกเล่นไม่สนวิธีการอยู่แล้ว มันคงสะใจน่าดูที่สามารถเล่นผู้หญิงของศัตรูได้แถมเป็นคนที่แอบชอบอีก

     

    “เออ แกกับซูยองรีบไปสมทบกับยุนอาก่อน ทางฉันกว่าจะไปถึงคงเกือบชั่วโมงครึ่งเพราะตอนนี้รถติดมาก”

     

    “รับทราบ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผับหรูสไตล์โมเดิร์นพร้อมแสงสีเสียงสุดอลังการในชื่อทริปเปิลเอเป็นสถานเริงรมณ์ที่เป็นที่นิยมยอดฮิตแทบย่านนี้

     

    ที่โต๊ะวีไอพีของบรรดาเหล่าไฮโซทั้งหลายตัวหนึ่งซึ่งประกอบด้วยคุณหนูคนเล็กฮวัง เซเลปเจ้าของแบรนด์ดังเจสสิก้า เจ้าของบริษัทเครื่องประดับราคาแพงซันนี่ สาวน้อยน้องเล็กของกลุ่มผู้ยึดมั่นในศีลธรรมแต่ตบะแตกด้วยฝีมือของพี่สาวสุดเปรี้ยวซอฮยอนและชาย(ไม่แท้)หนึ่งเดียวประจำกลุ่มผู้จัดละครชื่อดังโจควอน

     

    “นี่ยัยฟานี่! เธอจะชวนพวกฉันมาผับ ทำไมไม่พาคู่หมั้นเธอมาแนะนำตัวด้วยล่ะ ฉันอยากเจอนะ” เจสสิก้าสาวผมบลอนด์ถามเสียงดังกว่าปกติแข่งกับเสียงเพลงในผับ

     

    “จะอยากเจอไปทำไมยะยัยเจสซี่!” คนที่เพิ่งหมั้นถามกลับ

     

    “เอ้า ก็พวกฉันอยากเจออยากรู้จักตัวเป็นๆนี่ ใช่มั้ยทุกคน” เพื่อนสาวหาแนวร่วมที่พร้อมใจกันเห็นด้วยในครานี้

     

    “ใช่ๆ ฉันเห็นรูปในข่าวแล้วแบบ... หล่อน่ารักอ่า~” หญิงสาวตัวเล็กและหน้าอกหน้าใจไม่เล็กพูดพร้อมเอามือแนบหน้าบิดตัวไปบิดตัวมา

     

    “แล้วซอก็ได้ยินมาว่าเขาสุภาพนิสัยดี ที่สำคัญยึดมั่นในศีลธรรมตามวิถีมาเฟียอีกด้วยค่ะ” ใครที่มีศีลธรรมในตัวเองซอฮยอนก็ปลื้มหมดล่ะค่า เหตุผลน้องเล็กทำเอาพี่สาวที่มีสถานะคู่หมั้นส่ายหน้าระอา ได้ยินมาจากแหล่งข่าวไหนล่ะนั่น

     

    “ส่วนของฉันแม้จะไม่หล่อล่ำแบบสเปคฉัน แต่ก็หล่อคมน่าแซ่บมากค่า โดยเฉพาะสันกรามที่น่าลูบไล้ ว้าย~ เจ๊อยากโดน เอ้ย อยากเจอ” โจควอนปิดท้ายได้น่ากลัวที่สุดในสามคน ทิฟฟานี่จ้องมองเรียงตัว คนที่พวกแกเพ้ออยู่นี่คือคนที่มีพันธะแล้วนะเว้ยแถมนั่งหัวโด่เป็นอนุสรณ์อยู่นี่ด้วย(หวง?)

     

    “ไม่ต้องมาน่ะดีแล้ว”

     

    “ทำไมยะ หวงหรอ?” เจสสิก้าหรี่ตามองจับผิดโดยมีอีกสามสาว(?)หงึกหงักเห็นด้วย

     

    “เปล๊า! ฉันก็แค่รำคาญไอมาเฟียชอบเผด็จการ ถ้าตานั่นมานะหมดสนุกกันพอดี มีคนคอยคุมอยู่ตลอดเวลา” อะไรคือปฏิเสธซะคีย์สูงขนาดนั้น เพื่อนในกลุ่มยังไม่ปักใจเชื่อ

     

    “เขาคงเป็นห่วงเธอล่ะมั้งยัยฟานี่” ซันนี่ออกความเห็นให้เพื่อนฟัง ถ้าถึงขนาดทำแบบที่เพื่อนฮวังเล่าให้ฟังทุกอย่างนะคงต้องเป็นผู้ชายที่รักเพื่อนเธอมากพอดูเลยล่ะ ไม่ใช่ความหวงคู่หมั้นอย่างผู้ชายบางคนเพราะเขาก็ให้อิสระกับสาวตายิ้มเพียงแต่อยากมาดูแลเธอเท่านั้น

     

    "คงงั้นมั้ง" ทิฟฟานี่ตอบปัดเหมือนไม่สนใจ แต่ข้างในกลับนึกไปถึงคำพูดนี้ที่บอกกับเธอเมื่อชั่วโมงที่แล้ว แอบรู้สึกดีแหะที่มีใครมาห่วงใย เอ๊ะ แล้วทำไมต้องมารู้สึกดีกับตาบ้านี่ด้วย

     

    "นี่หล่อนไม่รู้สึกชอบหรือหวั่นไหวกับเขาบ้างหรอยะ? ยัยฟานี่" โจควอนจีบปากจีบคอถามอย่างตรงไม่มีอ้อม เพราะกลุ่มนี้สนิทกันมากแบบเปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่อง

     

    "ถ้าหวั่นไหวน่ะ... ก็มี แต่พวกเธอก็รู้ว่าฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว"

     

    "เออ จริงด้วยย่ะ แอบลืม... แต่จะว่าไปคุณแทงกูก็คล้ายเขาเลยนี่ ทั้งหน้าตาและนิสัย" เจสสิก้าเอ่ยและตามด้วยโจควอนที่จิกสายตามองอย่างระอา "เอ้า ยัยเจสศรี พวกเขาเป็นพี่น้องท้องแม่แบบกระชากตามกันมา จะไม่เหมือนได้ไง พูดแปลกๆนะหล่อน"

     

    "อือหือ ฉันพูดผิดนิดเดียวมาเป็นขีปนาวุธเลยนะยะเจ๊... แล้วก็เจสซี่ค่ะไม่ใช่เจสศรี เรียกซะอยู่กลางทุ่งนาเลย"

     

    "ได้ข่าวว่าเขาหายไปอยู่ต่างประเทศนี่ใช่มั้ยคะ?" น้องเล็กถาม

     

    "ใช่แล้วจ้ะน้องซอ เหมือนเขาจะไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เปลี่ยนคู่หมั้นของสองฝั่งนั่นแหละ" พี่สาวตัวเล็กตอบ โดยเสริมความเห็นจากยัยเจ๊คนเดิม "ที่จริงเจ๊คิดว่าเขาจะมาหมั้นนะแต่ดันมีเซอไพรส์เอาลูกชายคนเล็กที่แอบซุ่มไว้มาแสดงตัวพร้อมหมั้นแทนซะงั้น"

     

    "เป็นไรยะ? ฟานี่" เจสสิก้าหันมาถามทิฟฟานี่ที่เงียบไปตั้งแต่เข้าประเด็นของคนที่ตัวเองแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก

     

    "เปล่า ฉันแค่คิดว่าพวกเขาสมเป็นพี่น้องกันดี ฮึ แต่เขานิสัยดีกว่านายมาเฟียนั่นเยอะ เขาออกจะอบอุ่นไม่ได้กวนประสาทเหมือนน้องชายเลยสักนิด" หญิงสาวตายิ้มพูด เพื่อนในกลุ่มเสหน้ามองกันก่อนที่เจสสิก้าจะเปิดสรุป

     

    "นี่มันจะกลายเป็นรักสามเส้าระหว่างสองตระกูลหรือเปล่าเนี่ย?"

     

     

     

     

     

     

     

    บรรยากาศในผับอีกด้านบนชั้นลอยติดกระจกทึบที่สามารถมองเห็นอีกฝั่งของกระจกได้เฉพาะข้างใน ถ้ามองจากข้างนอกจะเห็นเพียงสีทึบทะมึน

     

    ชั้นลอยนี้เป็นห้องสำหรับเจ้าของผับเท่านั้นซึ่งก็คือชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียดับเบิลเอนามโจ๊กเกอร์

     

    ในห้องขณะนี้กำลังปาร์ตี้สังสรรค์กันในหมู่เพื่อน ถ้ารวมโจ๊กเกอร์เข้าไปจะมีผู้ชายในกลุ่มทั้งหมด 4 คน คอยคุมดูแลโดยสมาชิกแก๊งค์ร่างยักษ์ 2 คนและลูกสมุนอีก 4 คนรอบบริเวณ ยังไม่รวมตามพื้นที่รอบผับอีก เสมือนที่แห่งนี้คือถิ่นมาเฟียกลุ่มนี้

     

    “เฮ้! พวกแกสนใจเล่นคุณหนูไฮโซกับข้าป่ะว่ะ ไอคู่หมั้นหน้าละอ่อนมันไม่มาด้วยว่ะ ฮ่าๆ” โจ๊กเกอร์เปิดประเด็นแทรกกลางวง ดึงความสนใจจากเพื่อนชายอีกสามคนให้มามุงดูหน้าจอแท็บเล็ตที่เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดภายในร้านเพื่อดูแลความปลอดภัยและส่องสาว(?)

     

    “น่าสนใจดีนี่เอ็ง หาอะไรสนุกให้พวกข้าตลอดเลยนะเว้ย” หนึ่งในสามพูด

     

    “แน่นอน ข้าเป็นใครกันล่ะ ฮ่าๆๆ” โจ๊กเกอร์หัวเราะอย่างโรคจิตพร้อมจ้องมองหญิงสาวตายิ้มที่กำลังนั่งคุยกับเพื่อนไฮโซในกลุ่มอย่างออกรส รับรองว่าเขาจะทำให้เธอสนุกถึงใจแล้วก็เหยียบหน้าไอพวกตระกูลคิมด้วย ไอคู่หมั้นหน้าละอ่อนนั่นคงใจสลายเลยล่ะ

     

    ช่างโชคดีที่มีเหยื่อเดินเข้าถ้ำมาเองแบบนี้ แถมยังล่อเสือตัวพ่อมาด้วยอีกต่างหาก...

     

    “หึ เสร็จข้าแน่ ยัยคุณหนู!”

     

     

     

     

     

     

    2 BE CON.

     

     

     

     

     

    Preview the next CHAPTER

     

    “ย๊า!! นี่แน่ะ! พวกแกเป็นใครเนี่ย!? อย่ามาดูถูกคุณหนูอย่างฉันที่เคยเรียนคาราเต้มาก่อนนะยะ! ไฮย๊า”

    “แทงกู! ช่วยฉันด้วย!”

    “คุณทิฟฟานี่!”

    “...อย่ามาคิดแตะต้องผู้หญิงของฉัน!”

    “แทงกู... เรียกฉันว่าฟานี่ก็ได้...”



    ________________________________________________________________________

    มาลงครบแล้วจ้าาาาา อ่านให้สนุกน้า 
    เอาล่ะ ตอนหน้าฟานี่จะกระทืบพวกนั้นได้มั้ยน้า 
    แล้วมาเฟียของเราจะแว๊นไปช่วยทันหรือป่าว?
    ก็รู้กันอยู่เนอะ 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×