คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ กลียุค
บทนำ กลียุค
ก่อนปีเวนาเลียส 100 ปี (2500 ปี จากปัจจุบัน)
"ให้กษัตริย์แห่ง อาณาจักรวอลเลซ เข้ามา"
แอ๊ด.... เสียงประตูแห่งท้องพระโรง ของพระราชวังอิคนิส อาณาจักรไฟร์เออร์ดังขึ้น เพื่อต้อนรับการเดินทางอันยาวไกลซึ่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากวอลเลซ
แสงสว่างจาก กษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ ผู้เปี่ยมด้วย ความสว่างพร่างพราย และเมตตา ทำให้ ท้องพระโรง ณ ที่นั้น ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ ก็ทำให้แสงสว่างมากพอที่จะทำให้มองเห็นใบหน้าของกษัตริย์องค์นั้นใบหน้าที่งดงาม ผมยาวจนถึงแผ่นหลัง
"มาหาข้าถึงที่นี่ มีธุระอันใดหรือ" กษัตริย์ผู้มีใบหน้าคมเข้ม ผิวสีแทน ทักทายด้วยคำพูดที่ไม่เหมือนการทักทาย แต่นิสัยห้วนๆแบบนี้ ก็เป็นนิสัยปกติของเขา
"ข้าต้องการขอความร่วมมือจากอาณาจักรไฟร์เออร์ของท่าน" เสียงพูดที่เบาเหมือนขนนก นุ่มนวลเหมือนปุยฝ้ายเอ่ยขึ้น ทว่าก็ไม่ได้เบามากขนาดไม่ได้ยิน
"หึ..." กษัตริย์แห่งไฟร์เออร์กระตุกมุมปากเล็กน้อย "ถ้าข้าพอทำได้ ข้าก็จะให้ความร่วมมือ"
"สำหรับกษัตริย์ผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาด้านการรบคงไม่เป็นปัญหามากนัก......... ข้าต้องการกำจัดอาณาจักรดาร์ครีฟ"
กษัตริย์แห่งวอลเลซทำหน้าเศร้าลง และเริ่มเอ่ยขึ้น "ข้ารู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพึงกระทำ แต่ในเมื่ออาณาจักรนั่นเริ่มแผ่อำนาจขึ้นเรื่อยๆ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นอันตรายต่ออาณาจักรของพวกเรา"
"ไม่ใช่เรื่องยาก...... ข้าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ"
"ขอบใจ..." กษัตริย์วอลเลซหันหลังออกจากพระราชวังและยิ้มเจ้าเล่ห์โดยไม่ให้กษัตริย์แห่งไฟร์เออร์และ พลสนิทของพระองค์ ได้เห็น และเดินตรงไปยัง เรือพระที่นั่ง เพื่อเดินทางกลับสู่ พระราชวังของพระองค์เอง
อาณาจักรดาร์ครีฟ..... ข้าไม่ต้องการให้มันอยู่เหนือข้า...
เมื่อวันแห่งกลียุคมาถึง ณ อาณาจักรดาร์ครีฟ
"ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าเลย ถ้าเจ้าไม่แส่หาเรื่องก่อน......" ผู้ถูกหาเรื่อง เอ่ยขึ้น ด้วยท่าทางเกรงขาม ช่างเหมาะกับผ้าคลุมสีดำที่ยาวจรดเท้า สลักรูปวิญญาณดวงใหญ่กลางผ้าคลุมด้านหลัง
"อาณาจักรของเจ้ามันมืดมนสมชื่อจริงๆ ข้าไม่อาจทนดูความเลวทรามต่ำช้าของพวกเจ้าได้อีกต่อไป จัดการมันซะ หน่วยรบแห่งวอลเลซ !!" ชายผู้มีใบหน้าคล้ายหญิงงาม ตวาดลั่นด้วยสีหน้าโกรธแค้น ทว่านัยน์ตาคู่งามนั้น กลับแฝงด้วยประกายแห่งความเจ้าเล่ห์เพทุบาย เหมือนไม่ใช่ผู้ที่มีจิตใจอันสูงส่ง
"เจ้าหาเรื่องเองนะ..... " ใช่ ! กษัตริย์แห่งเมืองดาร์ครีฟ กำลังถูกหาเรื่อง อาณาจักรของเขา อยู่อย่างเงียบสงบมานานแสนนาน พสกนิกรก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หาได้ไปรุกรานอาณาจักรอื่นใด แต่ทว่าวันนี้ กลับถูกอาณาจักรทั้งสองอาณาจักรรุมทำร้าย
"เฮ เฮ เฮ......." เสียงเคลื่อนพลของกองทัพแห่งอาณาจักรวอลเลซและไฟร์เออร์ ดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องของกองทัพอาณาจักรดาร์ครีฟและ เสียงล้มของกำแพงเมือง คล้ายกับเป็นวันสิ้นอาณาจักรดาร์ครีฟ.........อาณาจักรแห่งความมืดมน
"เหอะ !" กษัตริย์แห่งดาร์ครีฟ ในชุดคลุมสีดำสบถ อย่างอดไม่ได้ ใบหน้าเริ่มเคร่งเครียด แฝงด้วยความโกรธเคือง "ตามหลักแล้ว เจ้าเป็นถึงผู้นำแห่งแสงสว่าง เจ้าฆ่าข้าได้..... แต่อย่าลืม ข้าก็เป็นผู้นำแห่งความมืดมน โลกหลังความตาย ข้าถนัดนักแล...." พูดจบก็หัวเราะขึ้น ทั้ง 2 ฝ่าย ก็เริ่มร่ายเวทย์ถาโถมใส่กัน เวทย์ที่ใช้เพื่อคุ้มครอง กลับใช้เพื่อระบายความคุ้มคลั่ง.... เวทย์ที่ใช้เพื่อปกปักรักษาอันยิ่งใหญ่ กลับใช้เพียงเพื่อคำว่า..... ชัยชนะ
"ด้วยอำนาจแห่งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ ที่เบิกผืนฟ้าให้มีแต่แสงสว่างขับไล่ความมืดมิด ข้าขอใช้อำนาจเหล่านั้นขจัดความมืดมิดที่ย่างกรายเข้ามาสู่เบื้องหน้าของข้า..... ศรแสงมนตรา !"
"ความมืดมิดจงปกปิดท้องฟ้า ความโกรธาจงบังเกิดขึ้น ณ ที่นี้ อำนาจแห่งความตายที่ผู้อื่นมิอาจย่างกรายถึงจงสำแดงฤทธิ์......." กลิ่นอายของความมืดเริ่มปกปิดท้องฟ้าแทนความสว่างของ ศรแสงมนตราห่าใหญ่ที่ปล่อยมาจากหน่วยรบแห่งแคว้นวอลเลซ
"......ไฟนรก !!!!" ยังไม่ทันที่กษัตริย์แห่งความมืดมนจะร่ายมนตร์จบ ไฟนรกก็ล้อมตัวพระองค์ไว้ เหมือนกรงขังสีแดงเพลิง เหมือนนรกอเวจี ความร้อนระอุของเปลวเพลิง และความแค้น แผ่กระจายทั่วสมรภูมิ ไฟนรกที่มีต้นตอมาจากกษัตริย์แห่งแคว้นวอลเลซ .....เวทย์มนตร์ขั้นกลาง แต่ก็ทรงอานุภาพ เพราะความแข็งแกร่ง
"ชั้นต่ำสิ้นดี.... เวทย์มนตร์ชั้นต่ำแค่นี้ คิดหรือจะทำอะไรข้าได้ จงกำจัดอริแห่งข้า....มังกรแห่งรัตติกาล !!" เสียงตวาดลั่น ก้องกังวาล แม้อยู่ไกลแค่ไหน ก็ได้ยินชัด ท้องฟ้าเริ่มบิดเบี้ยวคล้ายกับกำลังปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ มังกรเริ่มออกมาจากห้วงมิติที่อยู่บนฟากฟ้า ปีกของมันดูคล้ายปีกค้างคาวขนาดใหญ่มหึมา มังกรสีนิลดำสนิท เริ่มเดินเข้าหากองไฟ อ้าปาก และพ่นของเหลวสีดำออกมา เพียงแค่นั้น ไฟก็ดับลง ของเหลวสีดำเริ่มไหลไปตามพื้น เมื่อของเหลวนั้นโดนผู้ใด ผู้นั้นจะกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา เหมือนโดนไฟแผดเผา ยิ่งของเหลวสีดำ ทำลายคนมากขึ้นเท่าไหร่ ปริมาณของมันก็มากขึ้น มากขึ้น จนท่วมสมรภูมิ...... เพียงแต่
"......พายุน้ำแข็ง" เสียงพูดเบาๆ ออกมาจากปากของใครบางคน เหมือนไม่อยากให้ใครได้ยิน ไม่อยากให้ใครรับรู้ถึงความสามารถที่ปกปิดมานาน พายุน้ำแข็งก่อตัวขึ้น แช่แข็งของเหลวสีดำ ที่พยายามจะเคลื่อนไหว โดยไม่สนใจต่อพายุน้ำแข็ง แต่สุดท้าย ก็กลับกลายเป็นว่า ของเหลวสีดำนั้น กลายเป็น เกล็ดน้ำแข็ง และละลายในที่สุด....
"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ท่านมิควรที่จะใช้เวทย์มนตร์นั้นพระเจ้าข้า... ข้าคิ..."
"เงียบ ! ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น ข้าคิดดีแล้ว เวทย์แสงของเราไม่สามารถเอาชนะของเหลวนั้นได้อย่างแน่นอน"
"แต่หากท่านมัน พลังแห่งแสงในตัวท่านก็จะลดน้อยลง" องครักษ์คนสนิทพูดแล้วทำหน้าหมองลงไปอีก
"เจ้าอยากให้ผู้คนสังเวยชีวิตเพราะเวทย์ศาสตร์มืดกันหรือย่างไร ข้ามั่นใจว่าเจ้าไม่ต้องการเช่นนั้น" คิริกกษัตริย์แห่งวอลเลซเอ่ยขึ้น และยิ้มออกมา แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การแสดง ไม่ใช่จิตสำนึกที่แท้จริง
"ทราบแล้วพระเจ้าข้า.." แค่ยิ้มของพระองค์ก็สร้างความสุขให้แก่ผู้คนได้ สมกับเป็นผู้นำแห่งแสงสว่างที่ประทานความสุขสมแด่พสกนิกรของท่าน แม้ว่าจะต้องสละบางสิ่งแต่ท่านก็ยอม
ข้าเพียงแต่ต้องการชัยชนะ...... เพียงเท่านั้น
เวลาล่วงเลยไปนานกว่าศึกจะจบ ผลึกแห่งเวทย์ ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงสว่าง และความมืด ที่คุ้มครองบ้านเมือง...อาณาจักร และผู้คน แตกสลายลงเหมือนเป็นนัยน์ว่า โลกใบนี้ จะไม่สามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง เสียงผู้คนโอดครวญเจ็บปวด ล้มตายกันระเนระนาด เสียงแห่งความโศกเศร้าอาลัยในการสูญสลายของอาณาจักรที่เงียบสงบ อาณาจักรที่แม้จะขึ้นชื่อว่ามืดมิด เลวร้าย ต่ำทราม แต่ก็ไม่เคยเบียดเบียนใคร ไม่เคยคิดปองร้ายอาณาจักรใด ซากปรักหักพังของอาณาจักรที่สูญสลายเริ่มจมลงสู่ใต้ทะเลลึก ทิ้งไว้เพียงแต่ความแค้นของศึกสงครามและความเงียบสงัดอยู่เหนือแผ่นน้ำผืนมหาสมุทร....
ความคิดเห็น